ความคิดเห็นที่ 1 ไม่มีใครอ้างอิงประวัติศาสตร์จากภาพยนตร์อยู่แล้ว ภาพยนตร์มีไว้เพื่อความบันเทิง จากคุณ : มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:08:29

ความคิดเห็นที่ 2 เสื้อเกาะเป็นแค่จินตนาการของท่านมุ้ย จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:13:02

ความคิดเห็นที่ 3 ท่านมุ้ยอีกแล้ว ชื่อนี้ทำหน้งประวัติศาสตร์ ผมไม่ให้ลูกหลานไปดู จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:17:06

ความคิดเห็นที่ 4 ***     ท่านมุ้ยได้เคยมาตอบไว้ที่ห้อง "เฉลิมไทย" ตอนหนังภาคแรกฉายใหม่ๆแล้วครับว่า  เรื่องเสื้อเกราะแบบ "Full Plate Armor" ในหนังนั้นเป็นจินตนาการของท่านเพื่อต้องการสร้างสีสันให้กับตัวหนังครับ  โดยเรื่องที่น่าสนใจคือทางท่านมุ้ยได้ทรงเรียกใช้ทีมงานต่างประเทศ (ถ้าจำไม่ผิดจะเป็นคู่สามีภรรยากัน) ที่เคยออกแบบและดูแลเรื่องคอสตูมจำพวกชุดเกราะต่างๆในภาพยนตร์ไตรภาค "The Lord of the Ring"  เพื่อมาออกแบบบรรดาเสื้อเกราะชนิดต่างๆที่ใช้ในหนัง "ตำนานสมเด็จพระนเรศวร" ด้วยครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตยือยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:20:59

ความคิดเห็นที่ 5 ถ้าเข้าใจว่าเป็นหนัง ไม่ใช่ของจริงก็จะเข้าใจเองครับ ดังนั้นเรื่องความเข้าใจผิดทางประวัติศาสตร์ก็ตัดไปเลย  แต่ทั้งนี้เกราะนั้นก็อยู่บนพื้นฐานของความเป็นไปได้ นะครับ แบบสมัยนั้นท่านมุ้ยคิดว่า มีการติดต่อค้าขายกับโปรตุเกส ถ้าจะมีการสั่งซื้อเสื้อเกราะโปรตุเกสเข้ามาใช้ก็มีความเป็นไปได้  แต่ไม่ได้หมายความว่าตามประวัติศาสตร์ของจริงๆต้องเป็นแบบนั้น แต่ถ้าทหารสมัยนั้นถือปืนไรเฟิลยิงกัน แบบนั้นถึงเรียกว่า ไม่สมจริงและเป็นไปไม่ได้ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 13:22:21 จากคุณ : seven-elephant เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:21:37

ความคิดเห็นที่ 6 มันก็ตามจินตนาการแหละครับ ดู300ซิ ที่จริงเกราะเต็มยศเลยนะ พอเป็นหนังใส่กางเกงในไปรบซะงั้น จากคุณ : waphoo เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:23:10

ความคิดเห็นที่ 7 ...พลทหาร สมัยนั้นก็คงประมาณ ไม่ใส่เสื้อ นุ่งซิ่น ผูกเตี่ยว หรือ ผ้าขาวม้าผืนเดียว แต่พับเก็บชายให้เรียบร้อย ...อาจมีผูกเศษผ้า ที่ต้นแขน หรือพันคอ ไว้เป็นสัญลักษณ์หน่วย ...ยกเว้น พวกขุนนาง หรือ นายทหาร อาจจะแต่งตัวดีหน่อย ...เพราะยุคนั้น ระบบการทอผ้า หรือเย็บเสื้อ ไม่ได้ทำกันง่ายๆแบบสมัยนี้ ...แต่ image มันออกมา คงไม่ค่อย น่าดู และ เกรียงไกร เท่าไหร่ มั้งครับ ...ดูเหมือน เผ่าผีตองเหลือง มากกว่า จากคุณ : sungod เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:23:52

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่ใช่มีแค่กระทู้เดียว ผมชักเป็นห่วงแล้วว่าระบบการศึกษาไทยมีปัญหาหรือวิจารณญาณส่วนบุคคลมีปัญหากันแน่ จากคุณ : มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:26:32

ความคิดเห็นที่ 9 ผมว่า ทีมงานของท่านมุ้ยออกแบบสวยดีนะ    ชอบลายไทยที่ติดที่เกราะ ของเกาหลี หนังประวัติศาสตร์ของเขา เรื่อง จูมง   ชุดเกราะเขายิ่งกว่าเราอีก จากคุณ : น้อง18506 เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:27:34

ความคิดเห็นที่ 10 ชุด Spatan ตามประวัติศาสตร์ เทียบกับในหนัง300ซิครับ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 13:28:50 จากคุณ : waphoo เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:27:37

ความคิดเห็นที่ 11 ถ้าเอาชุดไปแลกกับกับหนัง๓๐๐ น่าจะใกล้เคียงกว่า อย่าคิดว่าคนจะไม่เชื่อหนัง ทุกวันนี้คนจำนวนมากยังเข้าใจว่าพม่า ใส่โสร่งรบจริงๆ จากคุณ : คนรักดาบไทย เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:29:16

ความคิดเห็นที่ 12 300 ใส่เกราะเต็มยศ ก็ขายไม่ออกสิครับ... ไปนั่งดู 6-pack เป็นหลัก จากคุณ : SRJ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:36:58

ความคิดเห็นที่ 13 หนังนะคือหนัง ไม่ใช่หนังสือประวัติศาสตร์ แค่เราต้องยอมรับความจริง พอหนังออกฉาย ทำให้เด็กนักเรียนไปดูเข้าใจผิด สร้างจินตนาการผิดๆ เพี้ยนๆให้เด็ก เรื่องนี้เราจะมาแก้ตัว่ว่าหนังนะเพื่อการบันเทิง คงไม่ได้ อยากสร้างหนังเพื่อความบันเทิงก็ต้องสร้าง แบบลิเกซิ ตั้งชื่อพระนเรศวรให้เหมือนประวัติศาสตร์ทำไมเล่า จะบอกว่าจ้างฝรั่งมาอกแบบเสื้อเกราะ คงฟังไม่ขึ้น ท่านมุ้ยเป็นคนไทยนี่ครับ ท่านไม่รู้จักตรวจสอบ กลั่นกรองให้เหมาะสมหรือ ? จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:37:46

ความคิดเห็นที่ 14 น่าสงสัยเหมือนกันว่าถ้าทำออกมาแบบสมจริงมันจะเป็นยังไงนะ ผมว่าไม่ว่ายุคไหนๆหนังประวัติศาสตร์สงครามของไทยก็เป็นจินตนาการทั้งนั้น เพียงแต่ตอนนี้จินตนาการผู้กำกับโดน Lord of the ring ครอบงำอยู่ จากคุณ : เจกัน เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:46:05 A:171.96.20.137 X: TicketID:204597

ความคิดเห็นที่ 15 13# ตรรคกะ บ้าบอคอแตก มาก แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 13:54:53 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 13:47:57 จากคุณ : นอกวงการ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:47:35

ความคิดเห็นที่ 16 ***     ส่วนเรื่องชุดเกราะหนักแบบ "Full Plate Armor" ซึ่งปรากฏในภาพยนตร์นั้นต้องขอบอกเลยครับว่าไม่มีการใช้ในกองทัพของอยุธยาแน่นอน  เพราะในยุค "สมเด็จพระนเรศวรมหาราช" นั้นประเทศทางฝั่งยุโรปได้ก้าวเข้าสู่ช่วง "ฟื้นฟูศิลปวิทยาการ" หรือยุค "เรเนเซองค์" แล้ว       โดยในยุคนี้ "อาวุธดินปืน" ได้ถูกนำมาใช้ในกองทัพของยุโรปอย่างแพร่หลาย  จึงทำให้ความนิยมในการสวมเกราะหนักแบบเต็มยศหรือ "Full Plate Armor" นั้นเสื่อมความนิยมลงไป  เพราะเกราะชนิดนี้ไม่สามารถป้องกันการโจมตีจากบรรดา "ปืนคาบศิลา" ซึ่งเป็นอาวุธสังหารชนิดใหม่ที่กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทแทนอาวุธเจาะเกราะยอดนิยมในยุคกลางอย่าง "ธนูยาว"(Longbow) ได้       ดังนั้นทหารยุโรปส่วนมากในยุคนี้จึงนิยมสวมเกราะหนังหรือเกราะน้ำหนักเบาแบบ "Cuirass" ที่เกิดจากการผสมเนื้อบรอนซ์เข้ากับเนื้อเหล็กแทน  เพราะเกราะพวกนี้มีน้ำหนักที่เบาและคล่องตัวกว่าอีกทั้งยังให้ผลไม่ต่างกันเวลาโดนลูกปืนยิงเข้าใส่  ส่วนการสวมเกราะโซ่ถัก "Chainmail" และสวมทับด้วยเกราะหนักแบบที่พวกอัศวินนิยมกันในยุคกลางก็เริ่มเสื่อมความนิยมจนค่อยๆหมดลงไปในที่สุดครับ   ป.ล. ด้านล่างคือรูปภาพเครื่องแต่งกายของทหารชาวยุโรปในช่วงคริสตศตวรรษที่16  ซึ่งชาวสเปนกำลังครองความเป็นมหาอำนาจทางทะเลอยู่ก่อนจะมาเสียท่าให้ิัอังกฤษภายหลัง  โดย "กองเรืออาร์มาด้า" (กองเรือไร้พ่าย) อันยิ่งใหญ่ของสเปนต้องมาพ่ายแพ้ให้กับกองเรือจำนวนน้อยกว่าของชาวอังกฤษ  ประจวบกับปัญหาทางการเมืองในประเทศและผลกระทบจาก "สงครามสามสิบปี" (สงครามอังกฤษ-สเปนที่ไม่มีฝ่ายไหนชนะเด็ดขาดแต่ทำให้สเปนอ่อนแอลงมาก) จึงทำให้พวกสเปนเริ่มอ่อนแอลงจนอังกฤษสามารถก้าวขึ้นมาเป็นมหาิอำนาจทางทะเลแทนในช่วงปลายคริสตศตวรรษที่17ครับ       (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:48:32

ความคิดเห็นที่ 17 ***     ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ในอยุธยานั้นการที่ทหารระดับแม่ทัพนายกองจะมาสวมเกราะเช่นนี้จึงเป็นไปไม่ได้เลย  เพราะด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวแบบบ้านเราการมาสวมเกราะหนักออกรบก็เหมือนการฆ่าตัวตายดีๆนั่นเอง  และแม้แต่ประเทศทางยุโรปซึ่งเป็นผู้คิดค้นเกราะแบบนี้ก็ยังไม่ค่อยจะนิยมใช้กันเท่าไหร่แล้ว       แม้กระทั่งชาว "โปรตุเกส" หรือ "ฮอลันดา" ที่มาเป็นทหารรับจ้างให้กับบรรดาประเทศแถบบ้านเราก็ยังไม่มีการสวมเกราะแบบ "Full Plate Armor" เลยครับ  โดยเกราะที่ทหารอยุธยานิยมใส่กันนั้นมักจะทำจาก "หวาย" หรืิอ "หนังสัตว์" เสียมากกว่าเพราะนอกจากจะมีน้ำหนักเบาแล้วยังมีราคาถูกและจัดหาได้ง่ายอีกด้วย ป.ล. ในช่วงที่มาล่าอาณานิคมใหม่ๆนั้นแม่ทัพและทหารม้าโปรตุเกสยังมีการสวมใส่เกราะหนักแบบเต็มยศอยู่บ้าง  แต่ในเวลาต่อมาจึงเริ่มเสื่อมความนิมลงตามลำดับครับ **รูปวาดของทหารโปรตุเกสที่มารบในเอเซียครับ**   (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:56:09

ความคิดเห็นที่ 18 ***     ส่วนตัวนี้เป็นเกราะแบบ "Full Plate Armor" ซึ่งทหารม้าและแม่ทัพโปรตุเกสยังใส่กันอยู่สมัยมาล่าอาณานิคมในเอเซียใหม่ๆครับ (ในรูปเป็นตัวที่หลงเหลือมาจนถึงปัจจุบัน)  แต่เมื่อเวลาผ่านไปชาวยุโรปจึงได้รู้ว่าเกราะหนักเต็มยศแบบนี้ไม่เหมาะกับการสวมใส่ในพื้นที่เขตร้อนชื้น  จึงค่อยๆเลิกใช้และหันมาสวมเกราะที่มีน้ำหนักเบาและคล่องตัวกว่าอย่าง "Cuirass" แทน (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 13:57:29

ความคิดเห็นที่ 19 ประเด็นที่ว่าหนังสามารถใส่จินตนาการได้ก็ใช่แหละ แต่ perception ของคนไทยจำนวนไม่น้อย (เดาเอาน่ะ  จริงๆไม่รู้หรอกว่าจำนวนเท่าไหร่) คิดว่าหนังเรื่องนี้มันเป็นหนังประวัติศาสตร์ และคิดว่ามันอ้างอิงได้  นี่อ่ะสิ คือด้วยความที่เป็นหนัง "ท่านมุ้ย" - คนเดียวกับที่สร้างสุริโยไท ที่โรงเรียนแห่พาเด็กนักเรียนเข้าไปดูไง  มันดูมีเครดิตมาก เอาจริงๆนะ จะว่าโง่ก็ตามใจ  ถ้าไม่มีกระทู้นี้ ดิฉันก็ึนึกว่าเครื่องแต่งกายต่างๆนั่น ท่านมุ้ยศึกษามาแล้ว และทำตามประวัติศาสตร์จริงๆ  -_-'  เห็นหนังแต่ละเรื่องอย่างกะดูสารคดีอ่ะ  มันดูจริงจัง ซีเรียส  ดูศึกษาค้นคว้า แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 14:10:10 แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 14:03:39 จากคุณ : สวย ส่ายสุดๆ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:01:58

ความคิดเห็นที่ 20 รูปของเสื้อเกราะเบาแบบ "Cuirass" ซึ่งถูกใช้มาอย่างต่อเนื่องจนถึงยุคสงครามโลกครั้งที่1โดยเหล่าทหารม้าครับ ป.ล. รูปล่างสุดคือชุดเกราะกันกระสุนที่ใช้กันในสมัยสงครามโลกครั้งที่1  แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมเนื่องด้วยตัวชุดมีน้ำหนักที่มากเกินไปครับ (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:11:50

ความคิดเห็นที่ 21 อยากให้สตีเว่น  แกมาซื้อเพชรพระอุมาทำหนังจริงๆ จากคุณ : ReHeat เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:12:03

ความคิดเห็นที่ 22 แทนที่จะไปใส่ใจเรื่องของเนื้อหาเเละจุดมุ่งหมาย เเละความตั้งใจของหนังเรื่องนี้ ไปจับผิดเรื่องชุดเกราะ จะเป็นจะตายมาก กลัวลูกหลาน เยาวชนของชาติจะได้ข้อมูลผิด ผมคิดว่าสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือ เยาวชนไม่มีสามัญสำนึกถึงความเสียสละของบรรพบุรุษมากกว่านะ กลัวข้อมูลผิดเรื่องชุดเกราะ มันออกสอบรึไงล่ะ? จากคุณ : เหาะเหิรเดินอากาศ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:14:07 A:182.53.237.94 X: TicketID:313693

ความคิดเห็นที่ 24 อ้าว ได้อ่านไหมเนี่ย ก็ท่านบอกเเล้วนี่ ว่าชุดเกราะเป็นการจินตนาการ งั้นโลกคงไม่มีการสร้างหนังประวัติสาสตรออกมาได้ เพราะไม่มีใครอยู่รอดมาให้ข้อมูลที่เป๊ะที่สุดได้ ไม่ชอบก็ไม่ต้องดูสิ เเต่ผมจะเเนะนำให้คนรู้จักไปดูเพราะมีประโยชน์ จากคุณ : เหาะเหิรเดินอากาศ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:48:50 A:182.53.237.94 X: TicketID:313693

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าดูจากตัวหนังน่าจะทำอวดฝรั่งมากกว่านะว่าประเทศไทยเป็นอารยะเจริญนานแล้ว ประมาณนี้ และใช้หนังเพื่อให้คนไทยฮึดและสามัครคีกันลืมเรื่อง เลวร้ายต่างๆที่เคยเจอมา เคยไปดูที่พิพิธภัณฑ์ที่อยุทธยาโรงเรียนที่เก็บของสมัยอยุธยาไว้เช่นพวกลูกปืนเกราะหนัง ดาบอาวุธโบราณจนถึงอุปกรณ์จับปลาต่างๆ พอจำได้ก็ชั้นเจ้าพระยาเองยังติดโลหะสีทองบนเกราะหรือส่วนต่างๆของร่างกายไม่ได้เลย ถ้าจะประดับหมวกต้องใช้กระดาษสีติดแทนเพราะสีทองเป็นของพระมหากษัตรเท่านั้น ดาบเจ้านายสมัยก่อนเป็นดาบญี่ปุ่น ชุดทหารจากที่ฟังมัคคุเทศบรรยายก็ใช้เสื้อยันต์ มีตังหน่ิอยก็เกราะหนังถ้าไม่มีเลยก็ตัวดำเมี่ยมนี่แหละ หมวกมีไว้ประดับยศไม่มีก็ไปยังงั้นแหละถ้าทหารองค์รักษณ์ถึงจะมีหมวกไม่มีปีก ถ้าฝรั่งเห็นสุดยอดนักรบไทยใส่เสื้อยันต์ลุยกับข้าศึกใส่โสร่งคงฮาได้ใจเลยละครับ ป.ล.ผมคิดว่าพม่าใส่โสร่งไปรบจริงนะเพราะจากกลอนที่เรียนมาผ้าปะเจียดโสร่งสี เวลาไปรบเขาบรรยายแบบนั้นจริงๆ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:51:22

ความคิดเห็นที่ 26 ความคิดเห็นที่ 22 ชุดเครื่องแต่งกายนักรบนี่แหล่ะ บ่งบอกถึงเนื้อในของหนัง บอกถึงอารยธรรม  ..เทคโนโลยีการรบสมัยนั้น ถ้าเอาเครื่องแต่งกายจากนักรบ The lord  ...มันก็ไม่ต่างไปกับ นิยายเรื่องหนึ่ง ทำเพื่อความบันเทิง จากคุณ : Zaytsev เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 14:54:29

ความคิดเห็นที่ 27 คนไทยชอบดูหนังแต่ไม่ชอบดูพิพิธภัณฑ์ของจริงในประวัติศาสตร์ ดูหนังมันตื่นตาตื่นใจ เร้าอารมณ์คนดู ดูพิพิธภัณ์มีแต่ของเก่าๆแตกหัก ครำ่ครึ มองเห็นแค่ถ้วยไหแตก ทำให้ไม่น่าสนใจเท่าจินตนาการในหนัง จากคุณ : มายาศาสตร์ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 15:00:26 A:58.9.35.175 X: TicketID:332671

ความคิดเห็นที่ 28 คิดมากไปมั๊ยครับ......... เราเรียนรู้ ประวัติศาสตร์ เพื่อให้รู้กำพืด ของตัวเอง หรือ สังคมใดสังคมหนึ่ง ส่วนเรื่อง เครื่องแต่กาย มันไม่ใช่แก่น ของประวัติศาสตร์ การเข้าใจผิดเรื่อง ปลีกย่อย ก็ไม่ได้ทำให้ประวัติศาสตร์เข้าใจผิด อะไร นี่ครับ จากคุณ : น้าลีโอ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 15:06:29

ความคิดเห็นที่ 29 ตอบ 28 ผมว่าเข้าใจผิดเพียนไปไกลเลยนะ การแต่งกายบ่งบอกถึงฐานะทางเศรษกิจของคนในยุคนั้นเลย แต่ก็ละถึงรู้ความท็จไปก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตรประจำวันเปลี่ยนไปซักหน่อย เหมือนไครซักคนเคยพูดไว้ ยกเว้นนักประวัติศสตร์หรือครูสายสังคมละมั้ง ที่ต้องบอกประวัติศาสตร์แท้จริงควบคู่ไปด้วยแต่มันมันสนุกเหมือนหนังนี่สิ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 15:25:07

ความคิดเห็นที่ 30 ประวัติ ศาสตร์ไทย.... บันทึก  อะไรไว้  เราศึกษษไม่หมดหรอกครับ.. ...หาหลักฐาน จริงๆ ก็ยาก...  เพราะ เอกสารถูก เผาทำลาย ไปตอนเสียกรุง... ... อย่าง ชื่อ เมือง ชากังราว   กับ เมือง กำแพงเพรช,,   สมัยกรุงศรี  เนี่ย นักวิชาการ   วิชาเกิน  ยังทะเลาะกันเลย ว่า เมืองเดียวกัน หรือ คน ละเมือง ......  แต่ ของจีน ตั้งแต่ สมัย จิ๋นซี  ดัน เอามาเขียน มา สร้างได้ ไม่รุ้ กี่ เรื่อง ต่อ กี่เรื่อง.. ... ........ ถ้า เกิด กรุงศรี .. ไม่ได้ถูกพม่า เผา..   แต่ เกิด จาก เตาปฎิกร ปรมาณู  ใต้ วัดพระ ศรีสรรเพรช  ระเบิด ละ..    บันทึกแบบ นี้ .  คนจะเชื่อ  มั้ยย จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 15:46:23

ความคิดเห็นที่ 31 ในหนัง 300 แต่ละคนคงไม่ต้องใส่เกราะหรอกครับ กล้ามหนาแบบนั้นก็ฟันไม่เข้าละ lol จากคุณ : KeyboardWarrior เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 15:59:29

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณความรู้จากคุณ  เจไดหนุ่ม  ครับ จากคุณ : botia เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 16:29:30

ความคิดเห็นที่ 33 เพราะ ภาพยนตร์ เป็นเครื่องมือในการล้างสมองอย่างหนึ่ง ฝ่ายธรรมะดูดี ทำให้คนดูคลั่งไคล้ อยากเป็นอย่างพระเอก อเมริกันรู้เรื่องนี้มากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว อเมริกันจึงเป็นพระเอกในหัวใจคนเสียค่อนโลก จากคุณ : โต๊ะกะดุง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 16:36:43

ความคิดเห็นที่ 34 น่าเบื่อ ... จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 16:46:43

ความคิดเห็นที่ 35 เรื่องนี้ผมว่าตัดใจเหอะ เรื่องเกราะเถียงกันมาหลายรอบแล้ว สุดท้ายก็จบลงที่บทสรุปเดิมๆ หนังปวศ.บ้านเราเค้าสร้างเพื่อให้สำนึกบุญคุณบรรพบุรุษ ไม่ได้สร้างมาเพื่อหาข้อเท็จจริง เคยเห็นคนดูหนังจบแล้วยกมือไหว้ปะหลกๆไหมนั้นแหละคือคำตอบ จากคุณ : tabuya เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 17:43:58

ความคิดเห็นที่ 36 ดูเพื่อความบันเทิงก็พอครับ ถ้าดูเพื่อจับผิดก็เพียบเลย เอาเรื่องยิงปืนใหญ่แล้วระเบิดไฟลุกด้วยเลยดีไหม จากคุณ : silverspider เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 17:52:07

ความคิดเห็นที่ 37 อ่านมาทั้งหมด สรุปจะให้ด่าท่านมุ้ยที่บอกว่าสร้างจากจินตนาการส่วนหนึ่ง หรือด่าการศึกษาไทยที่ทำให้เด็กไม่รู้อะไรคือเรื่องจริงอะไรคือจินตนาการและวิจารณญาณในการรับชม ดีคะ? จากคุณ : Pimmony เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 17:52:08

ความคิดเห็นที่ 38 ท่านบอก ท่านสร้างหนังประวัติศาสตร์แห่งสยามประเทศ แต่ท่านกลับใส่"จิตนาการส่วนตัว"ที่ท่านก็รู้ว่ามันไม่จริงลงไปเพียงเพื่อความบันเทิง แล้วเรียกร้องให้ ลูกเด็กเล็กแดง แห่ไปดูเพื่อการศึกษาเนี่ยนะ จากคุณ : ต้นเอง เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 18:39:17

ความคิดเห็นที่ 39 ทหารเลวก็ไม่ได้ใส่เกราะอะไรมากมายหนิครับ ส่วนชั้นกษัตริย์หรือขุนนางทำเกราะแบบนั้นคงไม่ยากเท่าไหร่มั้ง จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 19:14:33

ความคิดเห็นที่ 40 อีกหน่อยคงมีหนังว่าพระนเรศวรตีแผ่นดินไปถึงยุโรป เป็นต้นกำเนิดอารยธรรมเมโสโปเตเมียด้วยล่ะมั้ง.... จากคุณ : SRJ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 19:20:57

ความคิดเห็นที่ 41 จัดไป จากคุณ : ย่างกล้วย เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 19:44:07

ความคิดเห็นที่ 42 หนังประวัติศาสตร์ที่ต่างชาติสร้างก็ล้วนแล้วแต่ใส่จินตนาการทั่้งนั้นแต่ก็ไม่เห็นประเทศเค้าล่มจมเลยครับ ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นเองก็ถูกนำเสนอออกมาในหลายรูปแบบ แถมเว่อร์สะบัด ประเทศเค้าก็เจริญดี เรื่องบางเรื่อง ถ้าทำให้ถูกต้องไปซะหมด อาจจะทำให้น่าเบื่อจนทำให้ไม่ใครสนใจก็ได้ หลายๆความเห็นออกจะเป็นการออกความเห็นแบบตั้งธงเกินกว่าจะเรียกว่าการถกเถียงอย่างมีเหตุผล ผมว่าตรงนี้แหละ ที่เป็นปัญหาที่แท้จริงที่ว่า ไม่สามารถแยกแยะออกว่าเรื่องไหนคือเรื่องจริงหรือไม่จริงแล้วถ้าคิดว่าไม่จริง ต้องทำอย่างไรถึงจะพิสูจน์ได้ ไม่ใช่เอาแต่หาแพะแล้วด่าว่าเพื่อตอบสนองอารมณ์ของตัวเองเพียงอย่างเดียว จากคุณ : วิทยาศาสตร์คือการพิสูจน์ (เพลีย'D') เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 19:57:53

ความคิดเห็นที่ 43 เห็นด้วยกับ จขกท ทำหนังประวัติศาสตร์ ก็น่าจะอิงความจริง ทั้งเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายให้ใกล้เคียงยุกต์สมัยที่สุดเท่าที่จะทำได้ จากคุณ : ป้าวัน เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 20:38:55

ความคิดเห็นที่ 44 มันไม่จริงตั้งเเต่เอาพี่ โจอี้ ( ตลกชาว กานาคู่หูพี่หงอก )   มาเล่นเป็น ขุนนางเเล้ว ปล.ดูเอามันครับ จากคุณ : werty_max เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 21:02:14

ความคิดเห็นที่ 45 ปัญหามันอยู่ที่ว่า ๑. ผกก สร้างหนังจากจินตนาการ โดยลืมไปว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบศึกษาค้นคว้า เรามักจะเป็นบริโภคนิยม รู้อะไรมา ถ้าผู้ส่งสารมีเครดิตก็เชื่อไว้ก่อน ๒. บางท่านบอกว่า หนังยุโรปมั่วหลายเรื่อง ไม่เห็นคนยุโรปหรืออเมริกาจะโดนหลอกเลย จริงครับ ........แต่............ เด็กยุโรปและอเมริกา หรือญี่ปุ่นก็ตาม เข้าพิพิธภัณฑ์มากกว่าเด็กไทยหลายเท่า ได้เรียนรู้และเห็นของสะสมในพิพิธภัณฑ์มากกว่าเด็กไทยหลายเท่า ตรงนี้ต่างหากที่เราไม่เคยพูดกันให้จบ เรามักจะกั๊กเอาไว้ เพราะอะไรก็ตามที ๓. ผมเคยได้ยินประโยคที่ว่่า "สร้าง(ปัญหา)ไว้ เพื่อให้คนถกกัน แล้วตามไปหาข้อมูล" แต่จะมีสักกี่คนที่กล้าคัดค้าน ?  พอค้านแล้วได้อะไร ? - เบาหน่อย อย่าคิดมากมันคือหนัง - หนักมาอีกนิด ไปเป็นผกกเลยสิ - หนักขึ้นมาอีกหน่อย เขามีทีมงานมาดี คนมาบ่นเป็นใครก็ไม่รู้ อยากดังล่ะสิ - หนักมาก ๆ หน่อย รู้ไหมคนสร้างเป็นใคร ? คนที่อยากจะค้าน เห็นแล้วก็รู้สึกว่า  "......จะทำไปทำไม เปลืองตัวเปล่า ๆ ........." ๔. จะมีผลมากน้อยแค่ไหนผมไม่รู้  รู้แต่ว่า สมัยก่อนไปงานฉลองยุทธหัตถี เคยเห็นแต่คนแสดงไม่มีเกราะใส่ อย่างหรูก็เอาหนังมาทำกรองคอแค่นั้น แต่เดี๋ยวนี้ จัดเต็ม FULL PLATE ARMOUR จะมากน้อยแค่ไหนไม่รู้  รู้แต่ว่าหลังจากนั้น การ์ตูนเล่าเรื่องประวัติศาสตร์ไทยโบราณ นักรบใส่เกราะเหล็กกันใหญ่ สมัยผมซื้อการ์ตูนของศึกษาภัณฑ์มาอ่าน ไม่เห็นมันจะมีเลยเกราะเหล็ก อ.สมควร สกุลทอง ก็ไม่วาดเกราะเหล็ก , อ.เหม เวชกร ก็ไม่เคยวาดนักรบไทยใส่เกราะเหล็ก (แต่ท่านเอาไปใส่ให้กับภาพ จะเด็ดในผู้ชนะสิบทิศ น่าแปลกใจ ทำไมท่านจึงเลือกวาด ?? ) ที่เก็บข้อมูลมาก็มีเท่านี้ล่ะครับ เบื่อ ๆ ที่จะเขียนแล้วเหมือนกัน จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 23:28:01

ความคิดเห็นที่ 46 # werty_max  หมายถึงบทออกญาราชวังสัน แม่ทัพเรือหรือเปล่าครับ ? ถ้าใช่ ผมจะบอกว่า คนแสดงไม่ใช่ โจอี้ เชิญยิ้มครับ แต่เป็น น้าจอนนี่  นาวาอากาศตรี กัมปนาท อั้งสูงเนิน อดีตนายแบบโดม่อน , อดีตผู้รักษาประตูฟุตบอลทีมชาติไทย, อดีตนักฟุตบอลสโมสรกองทัพอากาศรุ่นไล่ ๆ กับเดอะตุ๊ก ปิยพงศ์ ผิวอ่อน, อดีตโค้ชสโมสฟุตบอลกองทัพอากาศ + Air Force United  และ ล่าสุด โค้ชผู้รักษาประตูทีมเยาวชนชาติไทย อายุไม่เกิน ๑๖ ปีครับ ลองดูรูปประกอบ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 23:35:15

ความคิดเห็นที่ 47 เทียบกับในหนัง http://topicstock.pantip.com/chalermthai/topicstock/2011/03/A10391969/A10391969.html แกรู้เข้า คงเสียใจ เด็กไปว่าแกเป็นโจอี้ เชิญยิ้ม แก้ไขเมื่อ 19 พ.ย. 54 23:39:47 จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 19 พ.ย. 54 23:38:54

ความคิดเห็นที่ 48 จะเอาอะไรกับหนังครับ  ฮอลลีวูดทุกเรื่องที่ว่า เบสออนทรูสตอรี่ก็แต่งเติมเสริมแต่งทุกเรื่อง ทั้งบททั้งรายละเอียดเล็กๆน้อย อย่างที่ท่านจขกท.มานั่งจับผิดเนี่ย จากคุณ : OSK29560 เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 00:03:45

ความคิดเห็นที่ 49 บางคนคงแยกระหว่างหนังกับสารคดีไม่ออก  แล้วเหมารวมเอาว่าคนไทยคงโงว์มากที่แยกระหว่างหนังกับสารคดีไม่ออกเหมือนตัวเอง ปล่อยวางซะบ้างนะครับ เวลาพาแฟนไปดูหนังจะได้สนุก จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 02:11:33

ความคิดเห็นที่ 50 เห็นด้วยกับข้างบน หนังกับสารคดีไม่ออก  แล้วเหมารวมเอาว่าคนไทยคงโงว์มากที่แยกระหว่างหนังกับสารคดีไม่ออกเหมือนตัวเอง ถึงแม้ หลายคนกับคนไทยจะเชือว่าหนังคือความจริงทั้งหมด มันก็คงไม่เป็นสาเหตุให้ชาติไทยล่มหรือประวัติศาสตร์ชาติไทยเสียหายหรอก  ส่วนที่บอกว่าเสื้อผ้าบอกถึงเศรฐกิจสมัยนั้นได้ ผมเชื่อว่าถ้าสนใจถึงขนาดนั้นคงไม่ใช่ใช้หนังเป็นตัวอ้างอิงแน่ๆ จากคุณ : Nitty.M เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 06:36:03

ความคิดเห็นที่ 51 ลืมบอกข้อมูลไปอีกอย่าง ขนาดคนวาดภาพประกอบ ในหนังสือของ สนพ.ใหญ่ ๆ อย่าง OSPREY PUBLISHING ที่เป็นเจ้าพ่อด้านหนังสือสงครามทั้งหลาย ยังเอาข้อมูลของฉากสงครามในหนังบ้านเรามาเขียนเลยครับ ดูรูปประกอบด้านล่าง จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 07:25:15

ความคิดเห็นที่ 52 ส่วนรูปนี้ มีพื้นฐานมาจากหนังสือฝรั่ง ที่เขียนในสมัยราชวงศ์คองบอง แต่จินตนาการของคนเขียน ขาดไปนิหน่อยตรงที่ว่าจตุลังคบาทดันใช้หอกนี่ล่ะ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 07:28:43

ความคิดเห็นที่ 53 ต้นฉบับหนังสือคือเล่มนี้ http://www.ospreypublishing.com/store/War-Elephants_9781846032684/ http://www.ospreypublishing.com/blog/new_vanguard/seeing_the_elephant_peter_dennis_illustrates_war_e/ ก็คงไม่ต่างจาก การ์ตูนประวัติศาสตร์ในบ้านเราที่ผมได้ยกตัวอย่างมาประกอบ อาจจะเป็นความบังเอิญ หรือจงใจก็ไม่ทราบได้ด้วยเหมือนกัน จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 07:34:18

ความคิดเห็นที่ 54 ลองยก ตย หนัง ที่ทำได้ตาม ความเป็นจริงทุกกระเบียดนี้ว มาให้ดูซักเรื่องหน่อยได้ไหมครับ ... เฮ่อ จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 12:04:02

ความคิดเห็นที่ 55 หนังก็คือหนังครับ แยกกันให้ออก ไม่ชอบก็อย่าไปดูครับ จบ อ้อ...อย่าดูถูกคนทำหนังกับคนที่เลือกดูด้วยนะครับมันเป็นสิทธิของเค้านะครับ จากคุณ : anthonoy เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 12:10:36

ความคิดเห็นที่ 56 เท่าที่เก็บข้อมูลมา ส่วนใหญ่ที่ออกมาแย้งท่าน ผกก. ไม่ได้ต่อว่าคนที่เลือกจะไปดูหนังเรื่องนี้นะครับ แต่ออกมาวิจารณ์การทำงานของ ผกก. มากกว่า ซึ่งเมื่อมีการวิพากวิจารณ์กันในประเด็นนี้ ก็ต้องว่ากันด้วย "หลักฐาน" ว่ามันเป็นอย่างไร ถ้าใครหลักฐานดีกว่า ก็จะมีเหตุให้ควรเชื่อถือได้มากกว่าก็แค่นั้นครับ  สำหรับตัวผมเอง ไม่เคยไปว่าคนที่เลือกดูแต่อย่างใด ผมพุ่งเป้าไปที่การทำงานของทีมงานอย่างเดียวครับ แต่ถ้าท่านใดจะคุยกัน ก็ถือว่าเป็นการคุยกันแล้ว เมื่อคุยกันก็ต้องมีหลักฐานมาประกอบกัน เรื่องก็แค่นี้ครับ แต่ท่านอื่นจะคุยแบบไหน ตรงนี้ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน สำหรับบางท่านที่บอกว่า มีหนังเรื่องไหนทำได้ทุกกระเบียดนิ้ว คำตอบก็คือ ไม่มีหรอกครับ เพราะไม่มีทางทำได้เหมือน อย่างน้อย ๆ ตัวคนแสดง ก็ไม่ใช่บุคคลในประวัติศาสตร์ตัวจริงครับ แต่มันก็มีกรอบของมันอยู่ เพราะโดยส่วนมากละครหรือหนังที่อิงประวัติศาสตร์ส่วนใหญ่ ก็จะต้องเน้นรายละเอียดของละครหรือตัวหนังนั้น ๆ ให้เหมือน หรือใกล้เคียงประวัติศาสตร์ในยุคนั้น ๆ มากที่สุด ยกเว้นว่า จะทำออกแนวศิลปะร่วมสมัย ฉีกแนวไปเลย นั่นก็ว่ากันอีกเรื่องหนึ่งครับ จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 22:51:41

ความคิดเห็นที่ 57 ยกตัวอย่าง การหยิบยกประวัติศาสตร์ยุคเดียวกันมาทำหนัง แต่แนวคิดของ ผกก. ต่างกันชนิดหน้ามือกับหลังมือ ตัวอย่างแรก หนังประวัติศาสตร์ของ มินาโมะโตะ โยชิตซึเนะ ถ้าไม่นับเรื่อง บทละคร หรือ บทพูด หรือจำนวนผู้เข้าแสดง ทุกอย่างก็ตามยุคสมัยนั้น จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 23:03:50

ความคิดเห็นที่ 58 อีกหนึ่ง สร้างจากเหตุการณ์เดียวกัน แต่ ผกก. เลือกที่จะเล่าเรื่องในแนวร่วมสมัย  จริง ๆ น่าจะต้องบอกว่าเป็นแฟนตาซีมากกว่า เพราะถ้าไม่นับโครงเรื่องในสงครามเก็นเป ระหว่างตระกูลไทระ กับ มินาโมะโตะ กับ ดาบซามูไร แล้ว ที่เหลือ ไม่ได้อยู่ในยุคสมัยนั้นเลยสักนิด ทั้งปืนแกตลิ่ง หรือแม้แต่ การแต่งตัวแบบคาวบอยตะวันตก จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 20 พ.ย. 54 23:09:24

ความคิดเห็นที่ 59 #56 จะเลือกคุยแบบไหนมันก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณจะคุยกันในฐานะของภาพยนตร์ หรือสารคดี การเอา "ผู้กำกับหนัง" กับ "อาจารย์สอนประวัติศาตร์"  มารวมกัน หรือการเอา "ภาพยนตร์" กับ "สารคดี" มารวมกันครับ มันคนละเรื่องครับ ถ้าคุนเลือกจะดูหนังก็ต้องคิดว่ามันเป็นหนัง ถ้าคุณจะศึกษาประวัติศาสตร์ก็ต้องเลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ขนาดเด็กปี 1 ยังรู้ว่า wikipedia เอามาใช้อ้างอิงทางวิชาการไม่ได้ นับประสาอะไรกับหนังล่ะครับ แต่ถ้าเราจะคุยกันในแง่ที่ว่าว่าภาพยนตร์เรื่องนี้มันเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการโฆษณาชวนเชื่อ (propaganda) ค่อยว่ากัน ไม่ใช่ตั้งใจจะเอาเป็นเอาตายกับความถูกต้องของเนื้อหา แบบนี้คุยกันยังไงก็คนละเรื่อง จากคุณ : nisas เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 00:35:08

ความคิดเห็นที่ 60 # nisas ผมเชื่อว่า ประเด็นที่ตั้งคุยไว้ น่าจะชัดเจนพอสมควรว่าไม่ได้คุยกันในเรื่องของภาพยนตร์สักเท่าไร เพราะไม่ได้มีการวิจารณ์เรื่อง บทละคร, คุณภาพของนักแสดง ฯลฯ ที่เกี่ยวข้องกับตัวหนังนะครับ แต่ก็คงปฏิเสธยากว่า จะไม่ยุ่งเกี่ยวเลย เพราะในตัวหนังมันก็ต้องมีส่วนของ เสื้อผ้าและสิ่งประกอบฉากเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งโดยปกติแล้ว หนังหรือละครย้อนยุคส่วนใหญ่ก็มักจะให้ความสำคัญกับองค์ประกอบของหนังในประเด็นนี้พอสมควร ดังจะเห็นได้จากมีการตั้งทีมงานค้นคว้าเพื่อหาข้อมูลที่ถูกต้องตามยุคสมัย หรือใกล้เคียงยุคสมัยนั้นให้มากที่สุด ถ้าดูการมอบรางวัลของภาพยนตร์ในเกือบทุก ๆ ที่ ก็จะมีรางวัลเกี่ยวกับด้านนี้เข้ามาประกอบด้วยเหมือนกัน ก็แสดงให้เห็นว่า เสื้อผ้าและสิ่งแวดล้อมก็เป็นส่วนหนึ่งของตัวหนังครับ ถ้าดูจากเจตนาของทีมงานผู้สร้าง จะเห็นอะไรได้ชัด ๆ หลายเรื่อง ทำไมทีมงาน ต้องสร้างพระแสงปืนขึ้นมาใหม่ เพื่อทดสอบดูว่า ยิงได้จริง ๆ หรือเปล่า (แต่ความถูกต้องของประเภทปืนว่ากันอีกเรื่อง) ทำไมทีมงาน ต้องลงทุนไปสำรวจพื้นที่จริงในพม่าว่าเป็นอย่างไร ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้ถ่ายในสถานที่นั้นจริง ๆ สักหน่อย ยิ่งถ้าดูเบื้องหลังการถ่ายทำ ก็จะเห็นว่า มีการนำประเด็นต่าง ๆ ที่เห็นต่างกัน มาแสดงให้เห็นว่า ทีมงานได้ค้นคว้าวิจัยมาเป็นอย่างดี   ถ้าเป็นแบบนี้ ส่วนตัวของผมเอง มองว่า ทีมงานก็ต้องการสร้างให้สมจริงมากที่สุด(ท่านอื่นไม่จำเป็นต้องเห็นเหมือนผมนะครับ) เพราะฉะนั้น มันก็เลยมีเสียงบ่นดัง ๆ ว่า ถ้าจะสร้างให้สมจริงแบบนี้ ทำไมเรื่องเสื้อเกราะมันถึงไม่ถูกต้องล่ะ , ประเภทปืนด้วยเหมือนกัน ? เรื่องมันก็มีแค่นี้ล่ะครับ นี้มองในมุมของผมนะ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 08:09:23 จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 08:03:53

ความคิดเห็นที่ 61 ตัวอย่างคลิป การทำวิจัยของทีมงานผู้สร้าง ตรงนี้ล่ะครับ ที่ทำให้เกิดข้อสงสัย ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า จะเป็นประเด็นโฆษณาชวนเชื่อ(Propaganda)หรือไม่นะครับ แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 08:12:29 จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 08:07:24

ความคิดเห็นที่ 62 ผมดูเพราะผมอยากดู จะใส่เสื้อหรือถอดเสื้อก็ดูได้ ส่วนพิพิธภัณฑ์นี่ชอบดูมาก ในหนังประวัติศาสตร์อื่นๆ เช่นเมลกิ๊บสันและพรรคพวกถกกระโปรงโชว์ก้นนั้น ก็เป็นธรรมเนียมของทหารสก๊อตแลนด์ก่อนออกรบด้วยหรือเปล่า     แปลกใจคนไทยไปอยุธยาเพื่อไปดูแต่อิฐเก่าๆ ไปถ่ายรูป ไปกินโรตี แต่ที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา กลับไม่ค่อยมีคน ทั้งที่ของดีทั้งหลายอยู่ในนั้นเพียบเลย แก้ไขเมื่อ 21 พ.ย. 54 11:50:13 จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 10:22:34

ความคิดเห็นที่ 63 ตอบคำถามคุณจขกท.นะครับ - คุณเห็นด้วยมั๊ยเรื่องเสื้อเกราะทหารในหนัง สมเด็จพระนเรศวร - ตอบ -- ผมไม่สนว่าทุกอย่างในหนังต้องถูกต้องตามประวัติศาสตร์ (ซึ่งจริงๆแล้วหลายอย่างที่ถูกบันทึกไว้ อาจไม่ถูกต้องด้วยซ้ำ) ผมดูหนังเพื่อความบันเทิงและพยายามเข้าถึงสิ่งที่หนังพยายามจะสื่อ ถ้ามันไม่ผิดพลาดร้ายแรง - ผมจะมองข้ามมันไป ไม่งั้นคงเหมือนเราขับรถไปทำงานทุกเช้า แล้วพยายามมองหาว่า รถคันไหนเปิดไฟเลี้ยวช้าไปสองวินาที, รถคันไหนเปลี่ยนเลนโดยไม่เปิดไฟ, รถคันไหนจอดแล้วกันชนยื่นเข้ามาโซนห้ามจอด แทนที่จะมองหาความรื่นรมย์ของชีวิต นอกจากนี้ ท่านมุ้ยยังให้ข้อมูลแล้วว่า หลายๆอย่าง (ซึ่งไม่มีใครรู้ว่าจริงๆแล้วเป็นอย่างไร) เป็นจินตนาการของท่านเอง ไม่งั้น บทหนังคงต้องเขียนตามที่ใครซักคนบันทึกไว้ทั้งหมดกระมัง ว่าใครพูดอะไรบ้าง และห้ามสร้างตัวละครเพิ่มเองนะ ไม่งั้นผิดกฏที่คุณต้นเองตั้งไว้ หรือคุณว่าไง จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 15:12:54

ความคิดเห็นที่ 64 อย่างน้อยพวกคุณก็สนใจประวัติศาสตร์กันมาขึ้น นั่นคือสิ่งที่ท่านมุ๊ยต้องการ จะเสพอะไรก็พิจารณาสิ่งที่เสพด้วย ไม่ใช่เสพเพราะมีความสุข พระพุทธองค์สอนไว้ว่า จะทำการสิ่งใดควรพิจารณาสิ่งนั้นด้วย แม้ก่อนทำ หรือหลังทำก็ตาม จากคุณ : Riinola_LOVE_BK เขียนเมื่อ : 21 พ.ย. 54 21:27:05

ความคิดเห็นที่ 65 ท่านมุ้ยก็บอกแล้วว่า อะไร มาจากไหน ...เขาก็ไม่ได้โกหกตะแบงอะไรนี่ครับ มานั่งด่ากันเรื่องอะไรนี่ ถ้าคนสร้าง ไม่ใช่ท่านมุ้ย  กระแสตำหนิติเตียนคงไม่หนักเท่านี้ จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 08:05:31

ความคิดเห็นที่ 66 ผมดูทุกภาค ซื้อแผ่นแท้ด้วยนะครับ ชอบเรื่องนี้มากด้วย แต่ไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่ท่านมุ้ยจงใจสร้างภาพการสงครามและเทคโนโลยีในสมัยนั้นให้เพี้ยนไปนะครับ ผมยอมรับครับว่าดูตั้งแต่สุริโยทัยก็ทราบดีแล้วครับว่ามันคือหนังและเชื่อว่าหลายๆท่านก็คงทราบดีเนื่องจากเราเคยได้รับภาพที่ถูกต้องเข้าไปแล้ว(จากหนังสมัยก่อน และจากที่ดูมากจากรูปภาพสมัยก่อน) แต่เมื่อนึกถึงเยาวชนหลายๆท่านที่เข้าไปดูโดยไม่ได้รับข้อมูลในหัวที่ถูกเข้าไปหล่ะ??? เด็กจะรับรู้ภาพแบบนั้นเข้าไปทันที อีกหน่อยหนังสือประวัติศาสตร์ ที่มีเด็กรุ่นนี้เป็นคนวาดภาพประกอบก็จะวาดนักรบไทยใส่เกราะเต็มตัวเข้าไป ??? อาจมีคนมาแย้งบ้าง(คนที่ศึกษาจริงๆ และจะน้อยลงเรื่อยๆ) ตอนนี้ก็เริ่มปรากฏแล้วจากรูปในการ์ตูน และหนังสือสงครามสมัยใหม่(ตามคห.บนๆ) แนะนำให้ท่านมุ้ยใส่คำแนะนำไว้ท้ายหนังจบหรืออย่างไรก็ได้ครับ !!! จะบอกว่าเป็นหนังมันก็ใช่ แต่ท่านออกตัวว่าเป็นหนังประวัติศาสตร์ ของสยามประเทศ ที่นำเอาเรื่องราวของกษัตริย์ไทยตัวจริงมาเล่า มันก็ไม่แปลกที่จะมีคนเข้าใจผิดเพราะหนังท่านหรอกครับ จากคุณ : bbee_blue เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 10:27:25

ความคิดเห็นที่ 67 คหที่ 63 ท่านมุ้ยก็ทราบนี่ครับ  ว่าข้อมูลจริง ๆ เป็นอย่างไร ถ้าจะทำตามที่ประวัติศาสตร์จริง ๆ ก็คงไม่มีใครมานั่งติ จริงมั๊ยครับ แล้วถ้าท่านทำหนังออกมาดีจริง ๆ ยังไงกับแค่ชุดเกราะไม่มี ก็คงไม่ทำให้หนังมันหน้าดูน้อยลงหรอก แถมเด็ก ที่ไม่รู้จะได้ทราบข้อมูลที่ถูกด้วยจริงมั๊ยครับ แต่ถ้าท่านไม่ทราบ หรือลังเล เรื่องเสื้อเกราะ ก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าทราบดีแล้ว แต่ยังทำต่อ  ก็น่าตำหนิมั๊ย จากคุณ : ต้นเอง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 10:37:14

ความคิดเห็นที่ 68 ไร้สาระเถียงกันไม่รู้กี่ปี  แค่ชุดเกราะไม่มี กับ มี จากคุณ : เเมนเอล เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 13:47:53

ความคิดเห็นที่ 69 เครื่องแต่งกายนี่แหละ ที่บอกวัฒนธรรมกับระบบเศรษฐกิจของยุคสมัยเลยล่ะ ดังนั้น้าจะบอกว่า "มันเป็นแค่หนัง ที่ต้องขายความงดงาม ด้วยชุดเท่ๆ" แบบนี้มันก็ใช่ แต่ควรสื่อสารทั้งหมดให้ชัดเจนว่า เสื้อผ้า ตัวละคร อาวุธ บางอย่าง คือบทที่เขียนขึ้น มันควรมีการบอกเสวนา ให้ชัดเจน อยากให้ท่านมุ้ยออกเป็นหนังสือแจกแจงรายละเอียด เหมือนแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่มีเล่มเสริมทั้งจากคนแต่ง และผู้รู้มาอธิบายว่า ชื่อตัวละคร บทนี้ อาหาร เวทย์มนต์ พฤติกรรม ของตัวละครผู้แต่งอ้างอิงจากส่วนไหนของประวัติศาสตร์ อะไรจริง อะไรเสริมขึ้นมา จากคุณ : สุริยาแก้มป่อง เขียนเมื่อ : 22 พ.ย. 54 14:21:17