ความคิดเห็นที่ 1 ให้กิ๊ฟต์เพราะอยากรู้เหมือนกัน จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 09:11:09

ความคิดเห็นที่ 2 การทำ shelf life study ง่ายๆ เลยก็คือทดลองเก็บอาหารตามระยะนั่นแหละ แต่หากหากต้องการก็อาจติดต่อกับ lab บางที่ที่เขาสามารถทดลองเก็บในสภาวะเร่งได้ แต่อย่าง case ของคุณ จขกท. เป็นอาหารกระป๋องส่วนมากก็ตีวันหมดอายุโดยอาศัย regulation ของสถาบันที่เกี่ยวข้องด้านอาหารนั่นแหละ โดยดูที่ปริมาณ Tin content ในอาหารกระป๋องเป็นตัวชี้วัด โดย EU กำหนดไม่เกิน 200 ppm ส่วน Codex กำหนดไม่เกิน 250 ppm จากปลากระป๋องคุณเก็บได้ 2 ปี อาจจะส่งไป EU นะ เพราะตามหลัก ถ้าดูจากปริมาณ tin content 200 ppm จะเก็บได้ 2 ปี ส่วนถ้า 250 ppm จะเก็บได้ 3 ปี จากคุณ : jiggawatt เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 09:15:16

ความคิดเห็นที่ 3 อันนี้เป็นการเก็บเพื่อหา shelf life ในสภาวะเร่ง ลองอ่านดูครับ ถ้าสนใจ http://en.wikipedia.org/wiki/Accelerated_aging จากคุณ : jiggawatt เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 09:22:56

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่ทราบว่ามีแลปที่ไหนที่สามารถทดสอบ shelf life  แบบเร่งได้มั่งคะ ? อีกอย่าง.. ถ้าเกิดว่าเราใช้พวก food preservative ในอาหารตามปริมาณที่กฎหมายกำหนด แบบนี้เราจะหา shelf life ได้ยังไงคะ ? จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 09:53:48

ความคิดเห็นที่ 5 ที่ รง. ใช้วิธี เก็บผลิภัณฑ์จริง ระยะเวลาจริง   เอาตัวอย่างแต่ละระยะไปตรวจหาสารที่สื่อให้เห็นว่า ผลิตภัณฑ์เสื่อมคุณภาพครับ (รสชาด หน้าตา) ตัวอย่างที่เก็บ จะเก็บระยะที่ 18 เดือน มีผู้ส่งมอบรายใหญ่ที่ส่งวัตถุดิบให้ รง. เขาจะระบุระยะเวลาสั้นๆก่อนครับ เช่น 60 วัน 90 วัน และเมื่อต่อมามีปัญหาเกิดขึ้นเกี่ยวกับวัตถุดิบ เช่น หมดอายุก่อนใช้(ตามอายุวัตถุดิบของผู้ส่งมอบกำหนด) มากๆเข้า ถึงแม้จะไม่ได้นำไปวิเคราะห์ก่อน ...ผู้ส่งมอบก็จะทำการวิเคราะห์ (โดยใครก็แล้วแต่) และมีการแก้ไข shelf life ซึ่งต้องมี COA ที่ออกโดยสถาบันใดๆครับ จากคุณ : Sudjarid_sai เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 12:55:55

ความคิดเห็นที่ 6 ทั่วไปก็ทำกันทั้งสองแบบ ก็คือการเก็บในสภาวะเร่ง อาหารกระป๋องก็อาจจะเก็บใน Chamber ที่มีอุณหภูมิสูงกว่าอุณหภูมิห้อง (เช่น 50 องศาเซลเซียส) แล้วมันจะมีวิธีการคำนวณ (พอดีหนังสือไม่ได้อยู่ใกล้มือ จำรายละเอียดไม่ได้) ส่วนการออกผลิตภัณฑ์ชนิดใหม่ ๆ เทคนิคที่ใช้กันก็คือการเทียบเคียงกับผลิตภัณฑ์ลักษณะเดียวกันที่เคยศึกษาอายุการเก็บจริงมาแล้ว   #4 preservative มันจะช่วยกันการเน่าเสีย แต่ Criteria ที่บอกว่าหาอาหารหมดอายุ มันไม่ได้อยู่ที่การบูดเน่าอย่างเดียว อาจจะเป็น สี กลิ่น รส ที่เพี้ยนไปจาก spec เช่น เนื้อกระป๋องสีซีด เนื้อยุ่ย จากคุณ : สันป่าตอง เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 13:32:21

ความคิดเห็นที่ 7 ผมก็เ้ข้าใจเหมือน คห.6 นะ เรื่อง shelf life มันมีเรื่องคุณภาพของผลิตภัณฑ์ด้วยครับ สีเพี้ยน รสเพี้ยน (อาจจะไม่ได้บูด หรือว่าเน่าเ้สีย) ก็ถือว่าหมด shelf life แล้ว เพราะผลิตภัณฑ์ไม่ได้ตาม spec จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 20:28:28

ความคิดเห็นที่ 8 ตามหลักแล้ว การหาอายุการเก็บรักษา แบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ 1. การหาอายุการเก็บโดยการคำนวณจากสภาวะเร่ง (ใช้ในการทำนายอายุการเก็บก่อนการนำสินค้าไปจำหน่าย) ต้องหาก่อนครับว่า อาหารของคุณเสื่อมเสียด้วยปัจจัยใด เช่น คุณภาพทางประสาทสัมผัส (สี, กลิ่น, กลิ่นรส, รสชาติ หรือเนื้อสัมผัส), เคมี (pH, aw) กายภาพ (สี) หรือทางด้านจุลินทรีย์ จากนั้นจะนำปัจจัยหลักของการเสื่อมเสียมาพิจารณาเพื่อหาอายุการเก็บในสภาวะเร่ง (อุณหภูมิที่เร่งขึ้นจากการเก็บปกติ) แล้วนำค่าที่ได้มาเข้าสมการคณิตศาสตร์ พิจารณาจากกราฟของการเสื่อมเสีย จะสามารถคำนวณอายุการเก็บได้คร่าว ๆ ครับ 2. การหาอายุการเก็บตามระยะเวลาจริง (สวนมากใช้ในการทวนสอบหลังผลิตภัณฑ์ออกจำหน่ายแล้ว เพื่อเปรียบเทียบกับค่าที่คำนวณได้) ถ้าอยากทราบรายละเอียดเพิ่มเติม ลองหาหนังสือเล่มนี้อ่านดูนะครับ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ในอุตสาหกรรมเกษตร (ในเล่มนี้จะมีเนื้อหาบางส่วนเกี่ยวกับการประเมินอายุการเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ ของ รศ.ดร.รุ่งนภา พงศ์สวัสดิ์มานิต นะครับ) จากคุณ : kanthakorn เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 22:49:43