ความคิดเห็นที่ 1 มันก็เลือดของคุณจากการบ้วนครั้งแรกนั่นแหละครับ ที่ลงไปนอนอยู่ก้นแก้ว ไม่มีร้านทันตแพทย์ร้านไหนเอาแก้วเก่ามาให้คุณใช้หรอก.. เขาเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งนั่นแหละ... จากคุณ : หมู4X เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 19:59:34

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ากลัวมากไปพบแพทย์ให้ยาต้านไวรัสก่อนได้ครับ แต่จากการที่สังเกตเพื่อนที่ถูกของมีคมใน รพ. แทง (เข็มตำนิ้ว) นี้กินแล้วค่อนข้างนรกพอควรครับ ทั้งอ้วก ทั้งปวดท้อง ไป รพ. ดังๆ แถวซอยศูนย์วิจัยก็ได้ครับ เขาใช้วิธีการตรวจหาไวรัสด้วยการหาสารพันธุกรรมของไวรัส มันจะไวกว่าการตรวจแบบปกติครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 20:00:37

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่ใช่เลือดผมจริงๆครับ เพราะว่าการไปจัดฟันนี่ จะไม่ทำให้เลือดออกนะครับ แล้วเวลาบ้วนใครจะพ่นน้ำกลับไปใส่แก้วล่ะครับ เพราะฉะนั้นไม่ใช่เลือดผมแน่นอน จากเจ้าของกระทู้ จากคุณ : น้องโย เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 20:01:25 A:124.120.84.91 X: TicketID:340238

ความคิดเห็นที่ 4 เสียใจด้วยครับ จขกท จากคุณ : FFK-KZ@Fiesta เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 20:11:31

ความคิดเห็นที่ 5 ผมเข้าใจและเห็นใจ จขกท ขออย่าติดเชื้อเลยครับ   ทุกครั้งที่ผมไปทำฟัน ผมจะนัดเป็นคนแรก ถ้าคิวไม่ได้ผมจะไม่ทำ เคยคุยกับหมอฟันที่สนิทกัน เขาเล่าว่า เรื่องความสะอาดเครื่องไม้เครื่องมือ แก้วน้ำนี้เขาระวังมาก อาจารย์สอนเน้นมาก ฟังหมอพูด ผมรู้สึกสบายใจ แต่ผมเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อใครง่ายๆ หลังจากผมทำฟันเสร็จ ผมพยายามจับผิด แอบกลับเข้าไปดูน้องผู้ช่วยหมอฟัน ดูว่าจะรีบเก็บแก้วน้ำของผม ทำความสะอาดทันทีไหม ผมก็ผิดหวังที่เจอ เขาไม่ได้เอาแก้วน้ำทำความสะอาดทันที บางทีมัวคุยกัน ...ซึ่งเรื่องนี้เราจะแก้ไขอย่างไรดี  อยากฝากให้อาจารย์หมอรับฟังด้วย จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 20:11:55

ความคิดเห็นที่ 6 ^_^ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 54 20:21:12 จากคุณ : AbsolutelyTop เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 20:20:26

ความคิดเห็นที่ 7 โอ้วแม่เจ้า จากคุณ : มะเดี่ยวสีเขียวอ่อน เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 20:21:44

ความคิดเห็นที่ 8 หลอนชัดๆๆๆๆๆๆ จากคุณ : akkadech เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 20:46:19

ความคิดเห็นที่ 9 อันที่จริงถ้าสงสัยว่าติดเชื้อ ให้รีบไปขอยาต้าน hiv มาโดยด่วน จากศูนย์วิจัยโรคเอดส์ (ไม่มีใจว่าโรงพยาบาลื่นมีหรือเปล่า) เขาจะมียาต้านเอดส์ชนิดฉับพลัน กินภายใน 24 หรือ 48 ชม. ประมาณนี้แหละครับ มีโอกาสต้านให้หายขาดได้ค่อนข้างสูง (ถ้า จขกท เสี่ยงติดจริงๆ) แต่ถ้าเกินกว่านั้น ทำใจเลย ปล. ขอให้ จขกท คิดไปเองด้วยเถิด อย่าให้เป็นเรื่องจริงเลย จากคุณ : hijack02 เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 21:01:59

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณหลายๆความเห็นนะครับ คือตอนนี้ผมจะคิดซะว่าเลือดนั้นมันเป็นเลือดที่ไม่มีเชื้อใดๆ(หลังจากที่วิตกไปวันกว่าๆ) แต่ถ้ามันเกิดมีเชื้อล่ะ.. ผมลองหาข้อมูลดูพบว่า เชื้อ HIV สามารถเจือจางได้(เหมือนที่เราว่ายน้ำกับคนติดเอดส์แต่เราไม่ติดเชื้อ)และน้ำลายก็สามารถฆ่าเชื้อไปได้ส่วนหนึ่งด้วยครับ(แต่ไม่หมด) ผมลองค้นหาข้อมูลในวิกิดูพบว่า การให้เลือดมีโอกาสติดเชื้อ 9000/10000 ในขณะที่ การใช้เข็มร่วมกัน มีโอกาสติดเชื้อแค่ 67/10000 จากวิกิ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AA%E0%B9%8C ก็เบาใจลงเยอะเลยครับ(ไม่รู้ว่าข้างบนวิเคราะห์ถูกรึเปล่านะครับ) แต่ก็มีโอกาสติดเชื้ออื่นๆมากอยู่ดี เพราะคนจัดฟันมักจะมีแผลในปากครับผมด้วย(ใครจัดฟันจะเข้าใจ) นี่คือข้อความจากวิกิที่น่าสนใจครับ "การจูบ หรือ การทำ Oral sex ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามารถทำให้ติดเชื้อ HIV ได้ เพราะในน้ำลายเองก็อาจมีเชื้อไวรัสปนเปิ้อนอยู่ได้ แต่เมื่อเทียบกับโอกาสติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์แล้ว การจูบ หรือ การทำ Oral sex ก็นับว่ามีความเสี่ยงต่ำกว่า เพราะ >>>ในน้ำลายเองนั้นมีสารฆ่าเชื้อ<<< และหากไม่มีแผลในปาก เชื้อไวรัสก็ไม่สามารถที่จะผ่านผิวหนังเข้าไปสูร่างกายได้" ก็ได้แต่หวังว่าน้ำลายผมจะทำงาน ไม่อู้งานนะครับในตอนนั้น จะได้ไม่ติดเชื้อไวรัสอื่นๆๆโดยเฉพาะไวรัสตับบี จากคุณ : น้องโย เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 21:09:35 A:124.120.84.91 X: TicketID:340238

ความคิดเห็นที่ 11 ไปรับยาต้านก่อนเชื้อฟักตัวครับ ไม่เกิน24ชม.ยังทัน หลังจากนั้นตัวใครตัวมัน จากคุณ : Kuroro Lucifer เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 21:11:49

ความคิดเห็นที่ 12 มันอยู่นอกร่างกาย มันก้อตายแล้วไม่ใช่เหรอครับ จากคุณ : เทพบุตรกีต้าร์ลีด เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 21:12:23

ความคิดเห็นที่ 13 ระบบน่ะเค้าวางไว้ดี แต่ระดับผู้ปฎิบัติน่ะจะทำได้เคร่งครัดขนาดไหน.   ของผมถ้าทำฟันจะไปทำที่่โรงพยาบาลและจองล่วงหน้าเป็นคิวแรก.   ไม่ทำตามคลีนิคเพราะรู้สึกว่าคลีนิคทำไม่ค่อยเป็นระบบ. บุคคลากรก็ไม่เน้นคนมีวุฒิ. จ้างคนแถวๆนั้นแหละมาสอนเอา.   แต่ถ้าเป็นโรงพยาบาล(แพงๆ).  มาตรฐานน่าจะสูงกว่า   ปล.  บุคคลากรหมายถึงผู้ช่วยทันตแพทย์.  คนหยิบส่งเครื่องมือ. คนทำความสะอาดอุปกรณ์ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 54 21:14:43 จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 21:12:36

ความคิดเห็นที่ 14 ตัวหมอแต่ละคน คงมีนโยบายเรื่องการใช้เครื่องมืิใหม่ทุกครั้งล่ะครับ  แต่ผู้ช่วยหมอจะตั้งใจหรือเปล่า คงเป็นอีกเรื่องนึงครับ  ถ้าไม่สบายใจ ก็ไปโรงพยาบาล ขอกินยาต้านก่อนก็ได้  ถ้าพูดถึงคลินิคทำฟัน ปกติพวกเครื่องมือในถาด เหล็กตะขอ เขาจะทำความสะอาด อบฆ่าเชื้ออย่างดี  แต่มีอุปกรณ์อยู่จำพวกนึงที่พวกหมอพลาดไปก็คือ ที่กรอฟัน ผมเคยถามหลายคลินิค เขาบอก ที่กรอฟัน ไม่จำเป็นต้องทำความสะอาด   ลองนึกดูดีๆครับ ที่กรอฟันต้องไปกรอในปากคนอื่นที่มีเลือด ทั้งด้ามจับเอง ก็คงมีเลือดกระเด็นไปโดน  ถ้าใช้แล้วไม่ทำความสะอาด ก็ถือว่ายังมีความเสี่ยง  อาจจะโชคดีหน่อยนึงที่ว่า มันอาจจะมีความร้อนจากการกรอฟันอยู่นิดหน่อย เลยอาจจะฆ่าเชื้อออกไปได้บ้างในบางส่วน แต่ส่วนด้ามจับ คิดว่าความร้อนไม่น่าจะไปถึง ดังนั้นถ้าไม่ใช้แอลกอฮอล์เช็ดที่ด้ามจับ ก็ถือว่าอันตราย   ส่วนหลอดดูดน้ำลาย ถ้าผู้ช่วยหมอ ไม่ใช้แอลกออล์เช็ด ก็อาจจะมีคราบเลือดติดอยู่ได้เหมือนกัน  แต่ก็มีบางคลินิคที่เขาจะเปลี่นหลอดดูดไปเลยทุกครั้ง แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 54 21:28:47 จากคุณ : The Peak เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 21:26:50

ความคิดเห็นที่ 15 1 อาจเป็นเลือดของคุณเองเพราะเห็นหลังจากบ้วนแล้ว การเปลี่ยนลวดหรือยางจัดฟันก็อาจทำให้เลือดออกได้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด(เหงือกที่อักเสบอยู่ โดยเฉพาะกรณีจัดฟัน การแปรงฟันจะแปรงสะอาดได้ยาก มักจะเลือดออกง่าย บางที่แค่ใช้ลมเป่าก็จะมีเลือดซึมออกมาตามขอบเหงือก ไม่ต้องไปแตะมันเลย ) 2 อาจเป็นความหลงลืมไม่ได้เปลี่ยนแก้วน้ำจริงๆก็ได้ ถ้าวันนั้นผู้ช่วยเบลอมากจริงๆ  คงไม่มีที่ใหนเอาแก้วน้ำและชุดตรวจใส่ลงถุงเดียวกันแล้วฆ่าเชื้อเพราะจัดระเบียบยาก ส่วนมากจะหยิบมาจากคนละถุง จึงอาจเบลอ ปล  การรับยาต้านเชื้อจะมีขั้นตอนการพิจารณาที่ยุ่งยากที่เดียว ไม่ใช่ขอแล้วได้เลย สุดท้ายจะไปตกอยู่ที่การพิจารณาของหมอที่มีหน้าที่ทางนี้ จากคุณ : precham เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 21:36:54

ความคิดเห็นที่ 16 ลองนึกดูอีกที น่าจะเป็นเลือดที่แห้งแล้วนะครับ ไม่น่ากลัว ถ้าเลือดแห้ง พวกเชื้ออย่าง HIV คงจะตายไปหมดแล้ว ในแก้วอาจจะมีคราบเลือดติดอยู่แล้วเอาไปเข้าตู้อบ ก็เลยกลายเป็นคราบเลือดแห้งแข็งๆ ทีนี้จะล้างออกก็ยากแล้ว  ถ้าเป็นน้ำเลือดสดๆ อยู่ในน้ำ คุณจะมองไม่เห็นเลือดหรอกครับ เพราะมันจะเจือจางไปกับน้ำหมด จากคุณ : The Peak เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 21:37:33

ความคิดเห็นที่ 17 การทำความสะอาดระบบกรอฟัน โดยทั่วไป ขอแยกเป็นสอง ชิ้นส่วนนะครับ   คือ       1  ด้ามกรอ คือส่วนที่หมอใช้มือจับ เป็นด้ามทรงกระบอกขนาดหัวแม่มือ ยาวประมาณ 10 ซม ส่วนนี้มาตฐานสูงสุดคือ 1 อันต่อคนใข้ 1 คนใช้เสร็จก็เอาไปอบฆ่าเชื้อแบบความร้อนชื้นเลย ทำให้ใช้ได้วันละครั้งเพราะการอบใช้เวลานานมาก มีคนใข้กรอฟันกี่คนก็ต้องมีมันจำนวนเท่ากัน เรื่องปลอดเชื้อหายห่าง แต่ราคามันอันละ 3-4 หมื่นบาท ยากที่ รพ หรือ คลีนิคจะทำได้ แต่ผมพบว่ามี รพ รัฐแห่งหนึ่งทำได้ ผอก ท่านสั่งให้ห้องฟันที่เดียว 50 อันเลยโคตรใจป้ำ แต่โดยมาตรฐานทั่วไป คลินิกจะมีด้ามกรอไม่กี่อันแต่ก็มีทางแก้ไข โดยการทำปลอดเชื้อฆ่าเชิ้อโรคโดยการใช้สารเคมี คือเขาจะเอาผ้าชุบน้ำยาฆ่าเชื้ออย่างแรงแล้วมาห่อหรือพันด้ามกรอหลังจากการใฃ้งาน วิธีนี้ใช้เวลาน้อย ประมาณ 7-10นาที ประสิทธิภาพก็ขึ้นอยู่กัยความสามารในการสัมผัสน้ำยา เวลา และชนิดของน้ำยา       2  หัวกรอเป็นส่วนที่ต่อกับด้ามกรอมีหน้าที่เป็นหัวตัดเนื้อฟัน เป็นก้านโลหะเล็กๆที่ปลายมีกากเพชร ขนาดทั้งอันยาวประมาณเซนต์ครี่ง  ส่วนนี้ราคาถูกตัวละไม่ถึงพันแต่ละที่มีเยอะฉะนั้นจึงใช้มาตรฐานสูงสุดใช้แล้วอบฆ่าเชื้อเลย    ปล   แต่เมื่อมีมาตรฐานก็มีการหย่อนมาตฐานนะครับ คนระดับใหนก็ทำได้ถ้าเข้าตาจน จากคุณ : precham เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 22:05:28

ความคิดเห็นที่ 18 ปัจจุบันคลีนิกนิรนามเมืองไทย ถือว่าล้ำหน้าสุดๆ คุณไม่ต้องรอ หกเดือน สามเดือนเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว มีวิธีการตรวจแต่มันยังไม่เป็นมาตรฐานอย่างเป็นทางการ เช่น PCR ,NAT หรือแม้แต่น้ำยาในปัจจุบันก็มีความเร็วในการตรวจมากขึ้นเยอะ หากไม่สบายใจลองโทรไปคุยกับเจ้าหน้าที่ และรับการตรวจดูครับ คลีนิกนิรนามไม่เก็บข้อมูล ไม่ถามชื่อ คงสะดวกใจกว่า การไปหาหมอตามโรงพยาบาลทั่วไป ในความเข้าใจของผม เลือดที่ออกมานอกร่างกาย มันก็ตายหมดแล้ว ถึงตายไม่หมด มันก็อยู่ในสภาวะที่ติดต่อไม่ได้ + โดนน้ำเจือจาง (ถ้ามีคลอรีนก็โดนคลอรีนฆ่าอีก) + โดนน้ำลายซึ่งเป็นกรด + ช่องปากไม่ใช่ช่องทางติดเชื้อ แม้แต่แผลร้อนในก็ไม่ใช่ช่องทางการติดเชื้อ ซึ่งมันไม่เหมือนกับกรณี เลือดที่อยู่ในเข็มฉีดยาซึ่งไม่สัมผัสอากาศ และแทงเข้าสู่ผิวหนัง ของบุคลากรทางการแพทย์ตรงๆครับ จากคุณ : FlowerSong เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 22:38:19

ความคิดเห็นที่ 19 ขอบคุณทุกความเห็นมากเลยครับ แล้วก็ฝากกรณีของผมไว้เตือนใจนะครับ บางทีเราไม่ประมาทแต่คนอื่นประมาท ซึ่งมันเกิดขึ้นได้ อย่างกรณีผม จากคุณ : น้องโย เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 22:43:16 A:124.120.84.91 X: TicketID:340238

ความคิดเห็นที่ 20 มีโอกาสพอๆกับการถูกหวยล็อตเตอรี่ครับ ที่แน่ๆคือคุณไปรักษาอาการวิตกจริตให้หายก่อนเถอะ แก้ไขเมื่อ 26 พ.ย. 54 22:51:54 จากคุณ : MR. (Furo) เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 22:50:36

ความคิดเห็นที่ 21 ทำไมไม่ถามหมอตอนนั้นล่ะ แนะนำอีกสามเดือนไปตรวจเลือดนะ ตอนนี้อย่าวิตก คิดฟุ้งซ่านไปก่อน จากคุณ : ไม่ขอให้เป็นเหมือนใคร เขียนเมื่อ : 26 พ.ย. 54 23:20:22

ความคิดเห็นที่ 22 เราเป็นคนนึงที่เจอเรื่องนี้กับเพื่อน เค้าได้รู้หลังจากการบริจาคเลือด รพ. ส่ง จม. มาที่บ้าน ห้ามบริจาคเลือดตลอดชีวิต ตกใจมากเพราะก่อนหน้าที่รู้เราสนิทกันมาก เรารีบไป รพ. เพื่อตรวจเลือดบ้างเพราะกลัวติด หมอเล่าว่ามีเด็กอายุ 14 ติดเชื้อ hiv จากที่ทำฟัน *ที่บอกกันเรื่องยาต้านถ้าเรายังมีภูมิคุ้มกันพอหมอจะยังไม่ให้ ... ขอให้ จขกท ไม่เจอแล้วกัน จากคุณ : เขียนบน iPhone (nonsuusaa) เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 01:12:01

ความคิดเห็นที่ 23 เท่าที่รู้มา อุญหภูมิที่ไม่ร้อน เชื้อก็ตายแล้วไม่ใช่เหรอครับ และน้ำลายของคนก็มีตัวฆ่าเชื้ออีกทีนึง ถ้าหากจะเป็นเพราะที่กล่าวมา ผมว่าโอกาสแทบเป็น 0 หรืออาจจะ 0 เลย จะให้ดีก็ทำตามที่ข้างบนกล่าวไว้ก็ดีนะครับ เซฟตี้เฟิส จากคุณ : hahesfha เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 02:46:05

ความคิดเห็นที่ 24 เล่นเอาผมไม่บ้วนปากดีกว่าจัดฟันเสดอะ จากคุณ : เชื่อเสียงหัวใจ เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 03:11:15

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าเลือดเจือจางด้วยน้ำ เชื้อก็จะเสื่อมสภาพไปได้ครับ เพราะน้ำเป็น hypotonic solution คิดว่า ตามคลินิกจัดฟัน ผู้ป่วยไม่น่าจะเยอะมาก ระยะเวลาระหว่างผู้ป่วยแต่ละคน ก็นานพอสมควร เชื้อก็เสื่อมสภาพไปเยอะแล้ว จากคุณ : no login เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 03:53:53 A:80.118.75.106 X: TicketID:221104

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าเป็นร้านทำฟันข้างทางก็อาจมีสิทธิ์ แต่ถ้าเป็นคลีนิคมาตรฐานไม่ต้องกลัวครับ จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 05:34:23

ความคิดเห็นที่ 27 รู้สึกเห็นใจ จขกท เมื่อคืนลองคิดดูเคยผ่านหูผ่านตามาว่า เชื้อเอดส์ที่ออกนอกร่างกาย มันจะอยู่ไม่ได้นาน ไม่ติดง่ายๆหรอกครับ ผมก็หวังจะให้เป็นอย่างนั้น ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 07:11:07

ความคิดเห็นที่ 28 อย่าคิดมากก่อนนะ ถ้าไม้ใช้เลือก จขกท จริงเจอให้ทางคลินิกทราบก็ดีนะ ดูแลตัวเองด้วยนะ จากคุณ : stlive เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 10:35:25

ความคิดเห็นที่ 29 ผมก้เคยไปถอนฟันอยู่ครั้งนึงที่ศูนย์บริการสาธารณสุขประจำเขต ใน กทม (ถ้าเป็นต่างจังหวัดคงเรียกสถานีอนามันนั่นแหละ) แล้วกังวลเหมือนกัน กลัวว่าคนถอน จะเอาคีมเก่ามาใช้ ผมกลัวมาก เหมือนกัน คือรู้ว่าเขาต้องทำความสะอาดอยู่แล้ว แต่มันก็อาจมีพลาดได้ เหมือนเด็ก ปัตตานี ที่รับบริจาคเลือดแล้ว ปรากฏว่าเลือดนั้นมีเชื้อ เอชไอวีด้วย ทำให้เธอผู้น่าสงสาร ติดเชื้อไปด้วย มีอาการแทรกซ้อน ที่ออกข่าวนานมาแล้ว ผมเลยกลัวมาก บางทีถ้าจะฉีดยา หรือถอนฟัน หรืออะไรก็ตามที่สามารถทำให้เรามีแผลเลือดออกได้นั้น ต้องระวังให้มากๆ หมอที่ชำนาญก็สามารถพลาดได้เหมือนกัน จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 13:22:53 A:119.46.176.222 X: TicketID:335252

ความคิดเห็นที่ 30 บางคลินิกที่ผมเคยเห็นจะใช้แก้วแบบใช้แล้วทิ้ง พอคนไข้ทำฟันเสร็จ ก็จะเก็บของแล้วเอาแก้วไปทิ้งเลย ผมก็กลัวการใช้แก้วซ้ำกับคนอื่นเหมือนกัน เข้าไปคลินิกจะแอบดูแก้วน้ำก่อนเลย เพราะมีโอกาส พลาดได้มากที่สุด ขอให้โชคดีนะครับ จากคุณ : Michka เขียนเมื่อ : 27 พ.ย. 54 13:54:38