ความคิดเห็นที่ 1 ไม่เหลือ ...เรามีค่าเป็นแค่ลูกจ้างชนชั้นแรงงาน เขาไม่ให้คุณค่าเรามากขนาดที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีให้หรอก บริษัทผลิต รถยนต์เรามีหน่วยวิจัยและพัฒนาเหมือนกันนะครับ (RD) แต่ไม่ได้มีหน้าที่คิดค้นประดิษฐ์เครื่องยนต์รุ่นใหม่ เพียงแต่ทำ- หน้าที่ผลิตตามแบบที่มาจากญี่ปุ่นเท่านั้น สุดท้ายแล้วก็เป็นวิศวกรญี่ปุ่นที่ออกแบบเครื่องยนต์กลไกที่รถใช้อยู่หาใช่คนไทย ไม่ จากคุณ : มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 13:16:52

ความคิดเห็นที่ 2 มี R&D สำหรับนักศึกษาวิศวกรรมศาสตร์ในบางมหาวิทยาลัย จากคุณ : Phantom thief เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 13:18:58

ความคิดเห็นที่ 3 ที่ ม หัวตะเข้ มี ปริญญาเอกวิศวกรรม ด้านเทคโนโลยีการเก็บข้อมูล ซึ่งผมไม่รู้รายละเอียดหรอก ว่าเค้าวิจัยร่วมกับบริษัทให้หรือเปล่า เคยอ่านเจอ เพราะนึกว่าเป็นเทคโนโลยี เกี่ยวกับระบบฐานข้อมูล ที่ไหนได้ เทคโนโลยีฮาร์ดไดรว์ จากคุณ : master foo bar เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 13:38:33

ความคิดเห็นที่ 4 ได้ค่ายาม กับค่าแม่บ้านทำความสะอาด ค่ะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 14:11:15

ความคิดเห็นที่ 5 -*- ..... ได้มาบางเรื่องครับ แต่ที่ได้มาก็ยังไม่สามารถผลิตได้เอง.... เหมือนอุตสาหกรรมอื่นๆ นั่นแหละครับ ...... จากคุณ : ginosty เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 15:23:24

ความคิดเห็นที่ 6 ถึงรู้ก็ไม่มีปัญญาไปทำ R&D ได้หรอกครับ ของอย่างนี้ต้องเป็นของที่ทำร่วมกันหลายชาติทุนต้องหนาจริงๆ จากคุณ : คันดิกซ์กัดน้ำ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 15:25:58 A:115.87.216.112 X: TicketID:325429

ความคิดเห็นที่ 7 เข้าใจว่ามีถ่ายทอด แต่ว่า เทคโนโลยีไปเร็ว และต้องใช้เงินทุนมาก เทคโนโลยีใหม่ๆ มีอยู่ใน lab กว่าจะสร้างเป็นโรงงานและได้ผลรับที่น่าพอใจก็คงใช้เวลาหลายปีอยู่ ทำให้ที่ได้รับถ่ายทอดมากลายเป็นเทคโนโลยีเก่า จากคุณ : Mea เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 16:06:47

ความคิดเห็นที่ 8 ผมคิดเหมือน คห. 1   ผมถึงบอกเสมอว่า เราไม่ต้องให้ความสำคัญกับนักลงทุนต่างด้าวให้มากนัก เพราะตอนน้ำท่วม เห็นนักลงทุนออกมาโวยรัฐบาลไทย อย่างโน้น อย่างนี้ เราไปเต้นตามมันทำไม ? พวกต่างด้าว เขาไม่ใช่นักบุญ เอาเงินมาแจกเราเฉยๆ เขามาลงทุน เพื่อกอบโกยกำไร ส่งออกไปเมืองเขา เศษเงินกำไร ก็เจียดมาจ้าง แรงงาน คนไทย เข้าไปให้เขาโขกสับ ใครที่บอกว่า เราเตือนเขาช้า หรือ ไม่มีมาตรการณ์ป้องกันน้ำท่วม เราควรจะตอกกลับไป เพราะนักลงทุน ย่อมรู้ดีอยู่แล้วว่า สภาพภูมิศาสตร์ของนิคมอยุธยา มันเป็นที่ลุ่ม มีน้ำท่วมนาทุกปี นักลงทุน ย่อมต้องคิดถึงความคุ้ม+ ความเสี่ยง ดีแล้ว จึงมาลงทุน ครับ พอเกิดความเสียหาย จะมาโวยรัฐบาลไม่ได้ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 16:08:18

ความคิดเห็นที่ 9 บอกด้วยภาพแล้วกัน ที่ไม่เคยเจอ.....  อย่านึกว่าไม่มีในเมืองไทย.... จากคุณ : pandat เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 16:09:22

ความคิดเห็นที่ 10 ถ้าเราไม่ง้อนักลงทุนต่างชาติ เราก็เขมรดี ๆ นี่เอง ศักยภาพบริษัทในบ้านเรามีซักกี่บริษัที่เข้าขั้น SCG PTT ฯลฯ พวกต่างด้าวไม่ใช่นักบุญเอาเงินมาแจกเฉย ๆ แต่พวกในประเทศ ก็ไม่ใช่นักบุญดูแลพนักงานได้เหมือนบริษัทต่างชาติ ถ้าไม่บริษัทแบบกงสี กดแรงพนักงานยิ่งกว่าบริษัทต่างชาติ ก็จ้างแรงงานต่างชาติ(เขมร พม่า) มาโขกสับแทนเลย เรื่องนักลงทุน ย่อมต้องคิดถึงความคุ้ม+ ความเสี่ยง ดีแล้ว จึงมาลงทุน ครับ พอเกิดความเสียหาย จะมาโวยรัฐบาลไม่ได้ ดังนั้นเลยมีนักลงทุนที่คิดถึงความคุ้มจำนวนหนึง ขนเครื่องจักรกลับไปแล้วครับ ไม่แปลกอะไร จากคุณ : j เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 16:31:29 A:183.89.236.192 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 11 TinyNu สวดยวดไปเลยลวกเพี่ยยยย !!!! .....แหม่ ... เก่งหวะ จากคุณ : Mdiic~* เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 16:54:51

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ คห8 ที่คุณพูดเป็นความจริงเพียงส่วนเดียว มีอีกมากที่คุณนึกไม่ถึง สิ่งที่เราจะได้จากนักลงทุนต่างชาติ ไม่ใช่แต่ค่าแรงถูกๆ เศษกำไรเล็กๆน้อยๆ ที่คุณพูดถึง หัดคิดให้มากๆ หน่อย แน่นอน เราคงไม่ได้เทคโนโลยีหลักในการผลิต ถึงได้มาเราก็ไม่มียี่ห้อที่มีชื่อเสียงพอจะไปขายแข่งกะเขาได้ สิ่งที่เราจะได้ ที่คุณนึกไม่ถึงคือ เทคโนโลยีส่วนประกอบครับ มูลค่าเกินกว่าครึ่งของเทคโนโลยีรวม เข้าใจป่าว ผมจะยกตัวอย่างเทคโนโลยีส่วนประกอบให้คุณฟังเอาใว้ประดับสติปัญญา เช่น สายพานการผลิต เครื่องจักรกลหนัก ระบบควบคุมต่างๆ เหล่านี้นักลงทุนต่างชาติไม่นำเข้ามาจากต่างประเทศครับ เพราะว่าค่าใช้จ่ายแพง ค่าบำรุงรักษาแพง เค้าหาในประเทศครับ บางอย่างเราไม่มีโนฮาว์ เขาให้เราก๊อปเลยครับ มีบริษัทคนไทยแท้ๆ รับทำ รับดูแลรักษา มูลค่าเป้นแสนล้านบาทต่อปีครับ หึๆๆ เราได้เทคโนโลยีนี้เต็มๆ สามารถหาทางปรับปรุงนำไปขายส่งออกให้ประเทศอื่นๆ ได้อีกเยอะแยะ มีมูลค่าเพิ่มมหาศาล คุณ TinyNu คุณสบประมาทคนไทยมากเกินไปแล้วครับ จากคุณ : โอ้โห เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 17:20:40 A:124.120.41.191 X: TicketID:339039

ความคิดเห็นที่ 13 ประเทศไทยคือเมืองเกิดของเรานะครับ อย่าย่ำยีให้มากนักเลยครับ คนไทยก็มีความสามารถเหมือนกันนะครับ เพียงแต่อาจจะขาดโอกาสและทุนในการลงทุน ใครจะกล่าวร้ายให้ประเทศไทยยังไง แต่ผมก็ยังจะอยู่เคียงข้างเสมอครับ จากคุณ : NothingToGive เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 17:27:34

ความคิดเห็นที่ 14 ถึงได้know how แล้วจะมีกลุ่มทุนไทยไหนมาลงทุนทำครับ เหมือนอย่างเรื่องยาง มีวัตถุดิบเยอะมากและรู้ว่าแปรรูปเป็นสินค้าสำเร็จได้ราคาดีแต่จะมีซักกี่นายทุนมาลงทุนเปิดโรงงานแปรรูปครับ จากคุณ : รักหวานในวันวาน เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 17:43:01

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าคนที่ไหนก็เก่งทั้งนั้นน่ะครับ เพราะเป็นมนุษย์มีสมองเช่นกัน ความต่างคือระดับการถ่ายทอดความรู้ ประสปการณ์ และเงินทุน คนเก่งแต่ไม่มีเงินก็เท่านั้นน่ะครับ ทำอะไรไม่ได้ในโลกทุนนิยมเช่นนี้ จากคุณ : gcc เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 18:13:27

ความคิดเห็นที่ 16 ผมคิดว่า วิธีที่จะทำให้เราสามารถเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทเหล่านี้อย่างแท้จริง นอกเหนือจากการเป็นแรงงานประกอบคือ น่าจะสนับสนุนให้บริษัทเหล่านี้ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยบ้าง อย่างน้อย ๆ ก็ให้คนไทยได้ถือหุ้นให้ชื่นใจว่า มีส่วนได้เป็นเจ้าของแม้ว่า บริษัทจะเป็นของต่างชาติอยู่ดี ผมเข้าใจว่า ปัจจุบัน มีบริษัทที่ทำมาหากินเกี่ยวกับอุปกรณ์ไฟฟ้า อย่าง เดลต้า ฯ ฯลฯ แต่ไม่รู้ว่า ทำอะไร เทคโนโลยีก้าวหน้าขนาดไหน จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 18:44:41

ความคิดเห็นที่ 17 การลงทุนมีความเสี่ยงเสมอ เขาย่อมต้องแบกรับภาระนี้ไว้ด้วย มันหมดยุคสมัยลูกจ้างไทยต้องคอยพะเน้าพะนอนายฝรั่งให้เขามาสูบเลือดสูบเนื้อแล้ว แต่ยุคปัจจุบัน เราต้องก้าวเดินไปด้วยกัน win-win ทั้งสองฝ่าย  เอ็งก็ได้ กรูก็ได้ ไม่จำเป็นต้องไปงอนง้อหรือ ประเคนให้ทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้เขาอยู่ ถ้าเขาอยากจะไป ก็เชิญไป ถ้าคิดว่ามีที่อื่นที่ดีกว่าไทย ก็เชิญไปที่ชอบๆ แต่มองดูรอบๆแล้ว ไทยเราก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่หรอกนะเจ้าคะ เขาซะอีกที่อาจจะต้องมางอนง้อไทยด้วยซ้ำ และที่สำคัญ ถึงไทยเราจะประเคนให้เขาเต็มที่ทุกอย่าง แต่ถ้าวันหนึ่ง เขาหาที่ดีๆได้ เขาก็ไปอยู่ดี เขาไม่ได้มาดูดำดูดีประเทศไทยอะไรหรอก ต่อให้เป็นกู๊ดบอยขนาดไหนก็เหอะ นี่มันโลกแห่งธุรกิจ ที่ไหนให้มากก็ที่นั่นแหละเจ้าค่ะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 19:06:01

ความคิดเห็นที่ 18 นึกถึงรถคันนึงครับ อะไหล่กี่ชิ้น จากคุณ : Bongza เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 19:08:43

ความคิดเห็นที่ 19 ตรรกหลายคนในที่นี้แปลก การพูดความจริง คือ การย่ำยีชาติ แล้วให้เราเชิดชูกับคำหลอกลวงโป้ปดตนเองเพียงเพื่อยอมรับ ความจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้ เพียงเพราะหลอกตัวเองและประณามคนพูดความจริงอาจจะทำให้สังคมโดยรวมดูดีขึ้นมาบ้างก็จะทำ จากคุณ : มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 19:16:26

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าอยากรู้จริงๆ รู้แทบหมดครับ แต่ที่ไม่ทำขายเพราะอาจจะติดลิขสิทธิ์ หรือตลาดมันแน่น ลงทุนไปก็แข่งกับเขายากมาก และมันเป็นเรื่องธุระกิจ ถ้าคิดเองและทำเองได้และเป็นสิ่งที่ตลาดโลกยังไม่แน่นมาก อาจจะทำระดับโลกได้ แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 54 19:40:10 แก้ไขเมื่อ 05 ธ.ค. 54 19:38:20 จากคุณ : แน่ข้างเดียว เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 19:38:06

ความคิดเห็นที่ 21 มันพูดยากกกส์ ไม่เอาใจนักลงทุนฝรั่ง ญี่ปุ่น แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาประกันราคาข้าว เพราะข้าวคือผลผลิตแท้ๆของบ้านเรา แต่มีราคาแพงกว่าความเป็นจริง จนขายต่างชาติไม่ได้ ต้องเอาเงินภาษีจากอุตสาหกรรมเหล่านี้ล่ะครับ มาอุ้มเอาไว้ จากคุณ : ความจริงมันยังงั้น เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 19:52:20 A:58.9.69.217 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 22 อะไรที่ถูกกว่าเค๊าขนมาเอง  เราก็ได้เทคโนโลยี่เค๊ามาก๊อป ส่วนก๊อปแล้วจะได้นำไปพัฒนาต่อยอดรึปล่าวก็อีกเรื่องนึง ตรงนี้ปัจจัยมันเยอะมากจริงๆ ปัจจุบันอลั่ย ชิ้นส่วนเครื่องจักรอุตสาหกรรมต่างๆ รวมทั้ง end product เครื่องไช้ไฟฟ้า ยานยนต์ทั้งหล่าย  มากมายล้วนผลิตโดยคนไทย-ก๊อปเทคโนต่างชาติเค๊ามา เหมือนๆพึ่งๆกันทั้งสองฝ่าย  อย่าลืมว่าเราไม่ไช่จ้าวเทคโนโลยี่อย่างญี่ปุ่น หรือ พวกตะวันตกอื่น ภาพรวมมันก็ต้องออกมาแบบนี้อยู่แล้ว จากคุณ : nokun เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 20:15:00

ความคิดเห็นที่ 23 คนไทยเก่งเยอะ อยู่เบื้องหลังหลายๆ แบนด์ดังๆ ไม่ว่าจะใหญ่ กลาง หรือ เล็ก แต่สิ่งหนึ่งก็คือ มันยังเยอะ หลากหลาย หรือเก่งไม่พอที่แข่งกับคนอื่นเขาได้ เดี๋ยวนี้มัน Global ทรัพยากรมันถูกดึงไปอยู่ในมือของทุนที่หนากว่า จะไปทำแข่งกับเขาได้ มันมีหลายปัจจัย บริษัทไหนพร้อมเขาก็สู้ได้ อย่างกระทิงแดงก็ไม่ได้มีแค่คนไทย หรืออย่าง LG Sony ก็ไม่ได้มีแค่คนญี่ปุ่น หรือเกาหลี ถ้าจะแข่งกับระดับโลก คุณต้องมีคนที่เก่งระดับโลก ไม่ได้เก่งแบบพื้นๆ ปล. มันอยู่ที่คุณเข้าถึงความเก่งในแต่ละด้านจริงๆ หรือเปล่า และบางคนเขาก็มีโอกาสเข้าถึงมันได้จริงๆ จากคุณ : รักคือ...ดอกไม้ เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 21:37:44 A:124.120.240.86 X: TicketID:333154

ความคิดเห็นที่ 24 ต่อให้มีKnow howตอนนี้ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ เพราะต้นทุนที่จะผลิตเอง ยังไงก็สูงกว่าเขาแน่ๆ เพราะบริษัทพวกนี้ขนาดใหญ่มาก มีAdvantageทั้งEconomic of scale และ curve of experience หากจะทำC&Dแบบจีน ประเทศเราก็เล็กเกินไป(ประชากรน้อย)ที่จะทำขายในประเทศ หากจะทำแบบSamsungเกาหลี หรือsonyของญี่ปุ่นก็ต้องบอกว่าช้าเกินไปแล้ว บริษัทพวกนี้โตมาพร้อมกับประเทศตั้งแต่ประเทศเริ่มตั้งไข่ แถมเราเป็นประเทศที่น่าเสียดายเพราะจะเข้าสังคมผู้สูงอายุแล้ว แต่ยังไม่สามารถทำอะไรให้ลือลั่นโลกได้เลย อีกหน่อยแรงงานก็คงเป็นต่างด้าวเกือบหมด จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 21:41:39

ความคิดเห็นที่ 25 ตอนนี้ถ้ารวมๆคนไทยมาทำ HDD ขาย  ก็คงทำได้ แต่ต้นทุนคงจะแพงกว่า WD และ SG มาก เพราะความสามารถในการกดต้นทุนคงไม่สามารถทำได้เหมือนขาใหญ่ พวกชิ้นส่วน HDD ตอนนี้  วัตถุดิบก็เอาเข้ามาจากจีนซะเยอะ พวกโรงงานซับพลายเออร์ก็แค่เอามาประกอบส่งขาใหญ่สองเจ้า จากคุณ : ton99 เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 22:53:05

ความคิดเห็นที่ 26 หลายคนคงลืมว่า GDP 45% ของไทยมาจากอุตสาหกรรมการส่งออก โดยส่วนใหญ่ก็เจ้าของชาวต่างชาติทั้งนั้นแหละ โรงงาน HDD เจ้านึงที่เจอน้ำท่วมไป จ้างแรงงาน 3.4หมื่ืนคน มีพนักงานระดับวิศวกรเกือบพันคน มี officer สองพันกว่าคน คุณคิดว่าบ.ไทยแท้ๆเจ้าไหนที่จ้างแรงงานมากขนาดนี้สักกี่เจ้ากัน? และบ.เดียวกันนี้ก็ให้ทุนป.โทและเอกกับพนักงานภายใน ไปเรียนต่อทางวิศวกรรมขั้นสูงกันด้วยซ้ำ จริงอยู่ถ้าเราทำขายเอง มีองค์ความรู้เอง ยังไงก็ดีกว่าเป็นลูกจ้างเขา แต่หันมามองกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ลำดับต้นๆที่เจ้าของเป็นคนไทย ได้ลงทุนในส่วนR&D น้อยสุดๆ ชนิดว่าไม่ถึงครึ่งของบ.ลูกของบ.ข้ามชาติที่มาวางฐานการผลิตในไทยด้วยซ้ำ สุดท้ายแรงงานมีความรู้ส่วนใหญ่ก็ต้องไปทำงานกับบ.นอก เพราะบ.ไทยไม่มีตำแหน่งจ้างนั่นเอง ถ้าบ.ไทยยังไม่เริ่มสร้างองค์ความรู้เสียเอง แล้วเราจะไล่นักลงทุนต่างชาติออกไปดื้อๆ ก็คงไม่ต่างจากทุบหม้อข้าวตัวเองโดยที่ยังนั่งงอมือรอเท้าอยู่ที่เดิมนั่นแหละครับ ส่วนประเด็นการถ่ายทอด knowhow ต้องบอกว่าเรามีคนไทย ที่ทำงานในด้าน R&Dโดยตรงในแต่ละส่วนที่บ.แม่ก็ไม่น้อย แต่องค์ความรู้ยังกระจัดกระจายครับ คือรู้เชิงลึกในด้านหนึ่งๆ แต่ยังไม่มีคนที่รู้"ทั้งหมด" จนสามารถมาสร้่างเองทั้งระบบได้ แบบเจ้าขององค์ความรู้เขาจริงๆ และถึงรู้ืั้ทั้งหมดจริง เราจะทำขายแข่งกับเขาได้หรือ? ถ้าจะทำแข่งกับเขาก็ต้องทำทั้งระบบครับ ต้องมีต้นน้ำของตัวเองเลย ทำแบบเกาหลีใต้ ซึ่งดูแ้ล้วเราไม่เคยมีความคิดแบบนี้ในช่วง 20ปีนี้เลยน่ะซี ได้แต่หวังลมๆแล้งๆกันต่อไป ป.ล. เกษตรกรรมบ้านเราทำรายได้แค่ 11% ของ GDP ในขณะที่ใช้แรงงานกว่า 40ล้านคน แต่ฝั่งอุตสาหกรรมใช้แรงงานราวๆ 20ล้าน แต่ทำ GDP ได้ 45% มันก็เห็นๆอยู่แล้วว่า เราควรจะไปในทางไหนมากกว่ากัน อยากก้าวเดินไปข้างหน้า หรือจะถอยหลังกันดี? จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 22:53:43

ความคิดเห็นที่ 27 ขอนอกเรื่องหน่อย เกาหลี ญี่ปุ่น เป็นเทพเจ้าในวงการอตุสาหกรรม เมืองไทยก็ควรเป็นเทพเจ้าในวงการเกษตรกรรมบ้าง ทั้งข้าว ผลไม้ ผลผลิตในด้านเกษตรกรรม หลายชนิดเราก็นำเป็นอันดับหนึ่งของโลกได้ เราต้องสร้างชื่อว่าของไทยยอดเยี่ยมที่สุด และเป็นผู้นำในการ Make Price ให้ได้ เทคโนโลยีไม่เสพก็มีชีวิตอยู่ได้ แต่ไม่มีของกินก็อยู่ไม่ได้แน่ เรากำลังหันหลังให้สิ่งที่คนไทยถนัดที่สุดมีความรู้ความเชี่ยวชาญสุดๆ บนแผ่นดินทองอันกว้างใหญ่ของเรา เพียงแต่ขาดการสนับสนุนอย่างจริงจังในทุกส่วน อนิจจา ไม่มีผู้นำประเทศคนใดเห็นคุณค่าตรงนี้เลย ยกเว้นพ่อหลวงของเราเท่านั้น จากคุณ : gcc เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 23:10:04

ความคิดเห็นที่ 28 คิดเหมือน 27 อ่ะ จากคุณ : ยืมเพื่อน (SHeDAMe) เขียนเมื่อ : วันพ่อแห่งชาติ 54 23:24:12

ความคิดเห็นที่ 29 คห 27 คิดอีกมุม ผมว่าต่างชาติเค้าไม่ต้องกินผลผลิตทางการเกษตรของเรา เค้าก็ไม่ตายนะครับ เพราะเค้าก็มีอย่างอื่นกินเยอะแยะ แต่ลองไม่ให้เค้าขับรถ ใช้ notebook และ มือถือ ผมว่าเค้าใกล้ความตายมากกว่าไม่ได้กินข้าวจากเราอีกครับ จากคุณ : OscaMee เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 00:07:06

ความคิดเห็นที่ 30 (ต่อ) มองแต่วิทยาศาสตร์ ไม่รู้จักเศรษฐศาสตร์ เราเปิดโรงงาน HDD เอง น่ากลัวจะเจ๊ง ผลิตส่งขายเมืองนอก วางขายคู่กับแบรนด์ใหญ่ ใครจะซื้อของเรา ผลิตขายในประเทศปีนึงได้ซักกี่ลูกกัน แล้วขายได้น้อย ตั้งราคาถูก ก็ยากที่จะไม่เจ๊ง เอากำลังการผลิต ประสิทธิภาพการผลิต เท่ากับบริษัทยักษ์ใหญ่ แต่ยอดขายได้ไม่ถึง 10 % ของยักษ์ใหญ่ ก็เจ๊งแล้วครับ ลงทุนไป แต่ขายได้น้อย ต้นทุนต่อชิ้นกลายเป็นสูงกว่า เราไม่ใช่จีน ที่ผลิตมา แล้วขายแค่ในประเทศ ขี้หมูขี้มาก็ซื้อกันเป็นล้านชิ้น ประชากรเราไม่ได้ใหญ่มาก เทียบกับอินโด ยังสู้ไม่ได้เลย ปริมาณการบริโภค อินโดนีเซียเยอะกว่าเรามาก มือถือ house brane ที่ไปจ้างจีนผลิต คนไทยยังต่อรองราคากับผู้ผลิตไม่ได้มาก เพราะเราสั่ง volume น้อย บางทีต้องพ่วงอินโด สั่งไปด้วยเพื่อให้ได้ราคาที่ถูกลงมาอีก เพราะเค้าสั่งปริมาณเยอะกว่าเรา คาร์ฟูร์บริษัทข้ามชาติจากฝรั่งเศส มาเปิิดขายสุดท้าย ก็ต้องขายกิจการทิ้ง เอาเงินไปลงทุนในอินโดนีเซียคุ้มกว่า จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 00:09:22 A:27.130.116.238 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 31 มันก็ใช้ว่าพัฒนาอุตสาหกรรมแล้วต้องทิ้งเกษตรกรรมนี่ครับ? ส่วนเรื่องจะมีแบรนด์ตัวเอง ก็ไม่ได้เกินความสามารถ เราไม่ต้องถึงขั้นผลิตเองคิดเองทำเองไปหมดทุกอย่าง อยากได้สเป็คแบบไหนสั่งพี่จีนเอาเลย ขอแบบคุณภาพดีๆ เอามาประกอบในไทย แล้วติดแบรนด์ไทย แค่นี้ก็จะได้คำว่า "made in thailand" แบบหลอกๆมา ขายต่ำกว่าแบรนด์ดังๆสักหน่อย สำคัญว่าต้องประกันยาวๆ เสียเปลี่ยนใหม่ ให้ความมั่นใจลูกค้าว่าจะไม่ปิดบริษัทหนี ทำการตลาดดีๆ แจกฟรีให้สำนักดังๆต่างๆเอาไปทดลองใช้ ของแบบนี้ ถ้าใช้แล้วดี เดี๋ยวก็มีคนบอกต่อกันเอง ถูกกว่า ใช้ได้พอๆกัน ใครจะไม่อยากซื้อ จำได้ช่วง Samsung มาทำ HDD ใหม่ๆก็เป็นข้อถกเถียงกันยกใหญ่ สุดท้ายก็ไปได้ดี ขายจนหมดเกลี้ยง รอกันเป็นเดือน จนตอนนี้ติดตลาดไปแล้ว จากคุณ : beam408.th เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 00:59:34

ความคิดเห็นที่ 32 วิถีชีวิตคนไทยเปลี่ยนมานานแล้วครับ  แล้วคุณเคยใช้ขีวิตที่ไม่ต้องพึ่งอุตสาหกรรมบ้างหรือปล่าวสำหรับคนที่อยากทำไร่ทำนาทำสวน  แค่น้ำท่วมของไม่มีจะขายนี่ก็แทบแย่กันแล้ว  เอาอย่างนี้ดีกว่าสำหรับคนกรุงเทพก็ลองเดินจากในหมู่บ้านออกมาหน้าปากซอยก็ได้วันล่ะครั้งทุกวัน  แล้วความคิดที่จะไปทำไร่ทำนาทำสวน  จะหมดไปจากความคิดเพราะว่ามันเหนื่อยจริง และถ้าเจ๊งก็เจ๊งจริง  มันไม่ใช่ในเกมส์playนะครับกดปุ่มไปมีเพลงฟังเพราะๆฟังรื่นหู  แล้วได้ผลผลิตในสมมติที่สร้างขึ้น เรื่องนี้ทำให้ผมคิดถึงคุณ คืนพรุ่งนี้ ซึ่งปัจจุบันได้หายไปไหนไม่รู้ไม่อย่างนั้นท่านจะเข้ามาจัดการ แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 54 01:27:40 จากคุณ : Dinsosamsi เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 01:20:04

ความคิดเห็นที่ 33 ไม่เห็นด้วยที่จะให้ประเทศไทยเป็นเจ้าแห่งเกษตรกรรมครับ ประเทศไทยปัจจุบันผลผลิตการเกษตรต่อไร่ยังถือว่าต่ำมากเลยครับ เทคโนโลยีในการเพาะปลูกก็ยังสู้ประเทศที่พัฒนาแล้วไม่ได้อยู่ดีครับ อยากตั้งข้อสังเกตนิดนึงนะครับ ว่าประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน ที่ปัจจุบันเป็นเจ้าแห่งอุตสาหกรรมในภูมิภาคเอเชีย ก่อนที่เค้าจะกลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม เค้าก็เป็นประเทศเกษตรกรรมเหมือนกันนี่แหละครับ คิดดูสิครับหากประเทศเหล่านี้ตัดสินใจที่จะมุ่งพัฒนาแต่เกษตรกรรม เค้าจะร่ำรวยอย่างที่เห็นอยู่ทุกวันนี้หรือไม่ ทุกอย่างสามารถเริ่มใหม่กันได้หมดแหละครับ อยู่ที่ความทุ่มเทและการวางแผน ปัจจุบันนี้ประเทศไทยก็กลายเป็น NICS หรือ Newly industrialized country แล้วนะครับ ขั้นต่อไปอยู่ที่ว่าจะก้าวต่อไปจนเป็นเจ้าของเทคโนโลยีได้หรือไม่ http://en.wikipedia.org/wiki/Newly_industrialized_country จากคุณ : Severus Snape เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 02:46:13

ความคิดเห็นที่ 34 ผมไม่เห็นด้วยที่ไทยจะเป็นจ้าวเกษตร เพราะสินค้าเกษตรมันต้องพึ่งดินฟ้าอากาศและปัจจัยเสี่ยงอื่นๆมากมาย ที่สำคัญมันทำกำไรได้น้อย แต่ในขณะเดียว ผมก็ไม่เห็นด้วยที่ไทยจะเปลี่ยนเป็นประเทศอุตสาหกรรมเต็มตัว ที่จริงเราทำได้ เพียงแต่เราต้องเพิ่มตลาดภายในประเทศเสียก่อน ส่งเสริมกระตุ้นให้คนไทยเลิกเห่อของนอก เลิกซะทีที่คนขายจะอวดว่า "นำเข้าจากต่างประเทศ" ผมดูทีวีทีไร เจอเครื่องสำอางค์เกาหลีโม้อย่างนี้แล้ว เจ็บใจจริงๆ ประเทศเรามีสังคมเมือง และ สังคมชนบท สองอย่างอยู่ด้วยกัน ยามที่เราเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ จะเห็นคนงานกลับต่างจังหวัด กลับไปใช้ชีวิตพอเพียง หาปลา หาผักจิ้มน้ำพริกพออยู่รอดได้ รอวันฉันรักเธอ เศรษฐกิจดีก็กลับมาทำให้กรุงเทพเหมือนทุกวันนี้   ต่างกับประเทศเล็กๆ ที่เศรษฐกิจดีกว่าไทย เช่น สิงค์โปร์ เขามีแต่สังคมเมือง ถ้าเศรษฐกิจล่ม คนทั้งประเทศจะยุ่ง ทุกวันนี้เราไม่ได้ส่งเสริม NIC อย่างจริงจัง พูดมากี่สิบปีก็อยู่อย่างนั้น คือ New เหมือนเดิม เพราะเราหลงชื่นชมนักลงทุนต่างด้าว ให้งานเราเป็น subcontractor ผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์บ้าง ชิ้นส่วนเล็กๆน้อยๆ ที่ต่างด้าวไม่อยากทำ เช่น พวก IC หรือ ผลิตวิกผม ที่คนงานต้องใช้สายตาอย่างหนัก ทำลายดวงตา ในเมืองเขาจะจำกัดเวลาทำงานคนงานพวกนี้ แต่คนของเราตาบอดไปกี่คนแล้ว ไม่มีใครพูดถึง งาน outsource พวกนี้ จริงอยู่ ถ้าเรามองเผินๆ เขาสร้างงานให้คนไทย แต่พวกเราไม่รู้ว่า เขา Sub แล้วสับอีก ราวกะหมูบ่ะช่อ เพราะแข่งกันกดราคา เราได้งาน แต่เงินกำไรน้อย คห. 13 ผมเคยอยู่ในวงอุตสาหกรรม ผมเคยทำงานเป็น Tool maker   สิ่งที่คุณหลงดีใจที่เขาให้ก๊อปนั่น ไม่ใช่ของพิศดาร ไม่ใช่เทคโนโลยี่ที่เราได้รับหรอกครับ   สิ่งที่ผมพยายามบอก เพื่อไม่ให้เราเต้นกับนักลงทุนต่างด้าวให้มากนัก คุณคงไม่รู้ว่า เขาแย่งกันมาลงทุนในบ้านเรา แย่งกันซื้อที่ ปั่นราคาที่ดินแถวนิคมฯ ขึ้นสูง แย่งที่ทำนาของเรา  ....ไม่ต้องกลัวพวกต่างด้าวจะย้ายฐานไปที่อื่นหรอก ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 05:58:58

ความคิดเห็นที่ 35 อยากให้มี HDD ยี่ห้อ Thailand จากคุณ : เต่าน้อย/taonoi_@hotmail.com (เต่าน้อย) เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 07:50:42

ความคิดเห็นที่ 36 PC/NB housebrand มีตั้งแต่ยุึค 286 แล้วล่ะครับ คุณซื้อเองบ้างไหม ไม่ว่าจะ SVOA,Powell,Belta ฯลฯ บางเจ้าก็หายสาปสูญไปตามกาลเวลา บางเจ้าที่เหลือก็เน้นเล่นทำราคาถูกขายองค์กร ส่วนชาวบ้านแท้ๆก็เล่นแต่ยี่ห้อไต้หวันกัน ถ้าตัวคุณเองยังไม่ซื้อ ก็อย่าไปบอกให้คนอื่นซื้อเลยครับ ส่วนภาคเกษตรกรรม ถ้าคุณอยากสนับสนุน ก็ลาออกจากงานประจำไปทำสิครับ ถ้าคุณมีเงินลงทุนสักสิบล้าน ที่ดินสักร้อยไร่ ลงทุนระบบเต็มรูปแบบอันนี้รวยต่อแน่ๆ(แบบชาวนาที่ออกทีวีกัน เจ้าของที่ดินร้อยไร่ขึ้นไปทั้งนั้น) แต่ถ้าไม่มีอะไรเลย ก็อย่าฝันลมๆแล้งๆแ้ล้วไล่คนอื่นไปทำครับ อ้อ ประเทศไทยมีประสิทธิภาพการผลิตต่อไร่ต่ำมากๆนะครับ(เฉลี่ยทั้งประเทศ) แม้จะส่งออกข้าวเป็นอันดับต้นๆของโลก แต่ประสิทธิภาพการผลิตกลับแค่อันดับกลางๆเท่านั้นเอง แพ้เวียดนาม แพ้ลาวด้วยซ้ำ ไม่ต้องพูดถึงจีน ญี่ปุ่น อเมริกา ที่เขาผลิตได้สูงและชาวนาเขามีรายได้มากพอไม่แพ้คนในเมือง เพราะเขาลงทุนกับเกษตรกรรม-อุตสาหกรรมเต็มรูปแบบ ไม่หลอกตัวเองใช้เกษตรแบบธรรมชาติหวังฝนหวังฟ้ากันแบบบ้านเรา อยากให้ประเทศหันเหไปทางไหน นอกจากจะหวังภาครัฐแล้ว ตัวเราเองก็ต้องมีส่วนผลักดันด้วย อยากให้พัฒนาการเกษตร ก็ต้องลงทุนไปทำด้วยตัวเองบ้่าง ไม่ใช่ทำงานสบายๆอยู่กลางเมืองหลวง แล้วไล่ให้คนอื่นไปทนลำบากรายได้น้อย เพื่อสร้างภาพสวยงาม #31 SAMSUNG ขายกิจการส่วน HDD ให้ Seagate ไปแล้วครับ ตอนนี้ตลาด HDD เหลือแต่เจ้าใหญ่สองเจ้าเท่านั้นแหละ เจ้ารองๆไปโดน take over ไปเกือบหมดแล้ว ทั้ง hitachi,IBM,maxtor ใครคิดจะไปเปิดแข่งก็คิดดูดีๆ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 11:01:11

ความคิดเห็นที่ 37 แหม คุณ TinyNu ก๊อปเค้าก็ไม่ใช่ง่ายๆ นะครับ เหอๆๆ machine tools ที่ว่าเนี่ย ไม่ใช่ค้อน ไขควงนะครับ มันเป็น machine นะครับ ต้องออกแบบ เขียนแบบ จะมีซักกี่คนในประเทศไทยที่ทำได้ หืออ ผมว่านับคนได้ครับ ไม่มาก ไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด แล้วที่คุณบอกว่ากำไรน้อยนะ แสดงว่าคุณโม้ว่าอยู่ในวงการนี้ รึไม่คุณก็เป็นแค่พนักงานในไลน์การประกอบ ไม่มีความรู้ใดๆ เหอๆๆ ลองเทียบกันดูมะ ถ้านำเข้าจากต่างประเทศ ไม่คิดภาษีนะครับ สมมุติว่าได้ราคา 10 ล้าน แต่ถ้าทำในไทยโดยคนไทย ราคา 5 ล้าน ใครๆ ก็เอาในไทยอ่ะ แล้วคุณรู้ป่าวต้นทุนเท่าไหร่ ไม่ถึง 1 ล้านครับ ที่เหลือกำไรล้วนๆ แต่ทีนี้ใครจะได้กำไรมากกว่ากัน คงไม่ต้องบอก ใครใช้สมองก็ได้มากกว่าคนที่ใช้แรงงานอยู่แล้ว เค้าตั้งราคาตามราคาตลาดครับ ไม่ได้ตั้งตามต้นทุน เมื่อนักลงทุนต่างชาติมาลงทุนในไทย สิ่งที่ไทยต้องทำคือ provide basic utilities and securities ครับ เท่านั้นเอง ไม่ยาก ไม่มีอะไรมาก ไม่ต้องยกข้าวยกน้ำไปประเคนเค้า ไม่ต้องพะเน้าพะนอเอาใจทุกเรื่อง ไม่ต้องพาไป ออน ถ้าแค่นี้ไทยทำไม่ได้ คนไทยก็อยู่ไม่ได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นที่ต่างชาติโวยวายนั้นก็ถูกต้องแล้ว มันเป็นความรับผิดชอบของประเทศไทยครับ ตั้งแต่เราอนุญาตให้ตั้งนิคมฯ ในพื้นที่น้ำหลากแล้ว ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใด มันเป็นความผิดของเจ้าหน้าที่เราครับ เรื่องเทคโนโลยีนี่ก็อีกเรื่องที่หลายคนแสดงความเห็น ผมเห็นว่าไม่ค่อยมีคนที่คิดลึกๆ เหมือนคุณทักษิณเลย คุณทักษิณคิดตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ คือตั้งแต่ความคิดออกแบบ บนกระดาษ จนถึงสินค้าส่งมอบให้ลูกค้า ประเทศไทยจะไปแข่งการออกแบบ และสินค้าสำเร็จรูป กับประเทศอื่นๆ คงลำบาก เราจึงเน้น สินค้ากลางน้ำครับ นั่นก็คือ machine tools ที่ว่านี่เอง เคยได้ยินประโยคนี้ไม๊ครับ we will fight the fight that we can win. น่าเสียดายคุณทักษิณ ไม่น่า... จากคุณ : โอ้โห เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 12:00:42 A:124.122.102.201 X: TicketID:339039

ความคิดเห็นที่ 38 //37 อย่าเอ่ยถึงชื่อทักกี้เลยครับ  เดี๋ยวจะมีบางคนอดรนทนไม่ได้   จะชมเชยอะไรก็เก็บไว้ในใจแทนดีกว่า จากคุณ : Kross_ISC เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 13:00:16

ความคิดเห็นที่ 39 ก็เราคนไปอ้อนเขามาลงทุนเอง ไม่ใช่เหรอครับ ? คนไทยจะได้มีงานทำ ที่รู้ๆ กันก็คือ แม่เหล็กฮาร์ดดิสก์มันแรงดีมาก (อนาถใจ รู้ได้แค่นี้) จากคุณ : อั๋น ทรงวุฒิ เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 13:21:49

ความคิดเห็นที่ 40 ความเห็นข้างบนน่ะครับ  ที่พูดถึงGDP น่ะ  อยากให้ลองทำความเข้าใจใหม่นะครับ      GDP น่ะเค้ามีแนวคิดการวัดอย่างไร       ตัวอย่างแบบเข้าใจง่ายๆนะ  หาก บ.ต่างชาติผลิตอะไรก็ได้ในไทย เค้านับ    เป็นGDPหมด แต่ ถามหน่อยครับ ว่าปริมาณเงินน่ะมันอยู่ที่ไหนในไทยหรือต่างชาติ  สำหรับกรณีบอกว่ามีGDP สัดส่วนมากกว่าการเกษตรน่ะผมไม่เถียงครับ    แต่ อยากบอกว่า แล้วเรานำเข้าสินค้าพวกนี้มามูลค่าเท่าไร  ลองหามูลค่าเพิ่มดูซิครับ  ผลต่างคือค่าแรงเท่านั้นแหละครับ    ความเห็นที่กล่าวว่าดูถูกคนไทยนั้น ไม่จริงนะครับ เพียงแต่เราไม่ควรคิดว่าเราเก่งต่างหาก ทั้่งที่ความจริงแล้วเราไม่มีอะไรเลย    เช่น  รถยนต์หนึ่งคันที่เราผลิต มีชิ้นส่วนในประเทศ มีมูลค่าเป็นกี่% ของรถหนึ่งคัน แต่เราก็มักบอกว่าเราผลิตรถยนต์ได้    ตัวอย่างสุดขั้ว  ก็คำพูดที่ว่า   ทีมฟอร์มูล่าวัน ทีมหนึ่ง เป็นความภูมิใจของคนไทยนั่นแหละ  เราไม่มีเทคโนโลยีเองเลย แม้กระทั่งทักษะ ความรู้ต่างๆ เลย น่าภูมิใจกันไหมล่ะครับ จากคุณ : dogmatist เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 13:23:27

ความคิดเห็นที่ 41 เรื่อง เกษตรกรรม ผมสนับสนุนนะ ที่ผลผลิตต่อไร่ได้น้อยเพราะเราไม่ได้ทำการวิจัยมันจริงๆจังๆหรือเปล่า หรือมันอาจจะเป็นข้อจำกัดทางธรรมชาติ ที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ ฮาดดิสเอง ออกมาใหม่ๆ ลูกนึงจุได้ 16M ทุกวันนี้ Tera กันเช้าไปแล้ว ถ้าเราวิจัยเกษตรหนักๆ เหมือนเค้าวิจัยฮาดดิส จะเพิ่มผลผลิตให้หนาแน่นกว่าเดิมไม่ได้เลยหรือ มันอาจจะไม่ได้เยอะมหาศาลเหมือนเทคโนโลยี แต่ผมว่ามันเป็นไปได้นะครับ แต่ก็อย่างว่า เราต้องอนุรักษ์พื้นที่ทางการเกษตรเราไว้ด้วย ไม่ใช้ถมสร้างโรงงานหมด จากคุณ : แข้งบวม เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 13:41:20

ความคิดเห็นที่ 42 #40 ถึงจะนับแค่รายได้ของแรงงานการผลิตอย่างเดียว ก็ยังเยอะกว่าภาคการเกษตรอยู่ดีล่ะครับ ไม่ว่าจะคุณภาพชีวิตเฉลี่ย หรือรายได้เฉลี่ย ของแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ก็มากกว่าแรงงานในภาคเกษตรกรรมนับเท่าตัวเลยทีเดียว ยังไม่ต้องค่าแรงสามร้อย แต่รายได้ของสาวแรงงานในอุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ก็เฉียดหมื่นบาทต่อเดือนอยู่แล้วนะครับ(ค่าแรง+โอที)เดือนไหนโอทีเยอะๆว่ากันแถวหมื่นกว่าๆ สวัสดิการก็ดีกว่า ทั้งประกันสังคม การรักษาพยาบาล ข้าวสามมื้อในโรงงาน(ส่วนใหญ่ให้ข้าวฟรี บางที่ให้กับข้าวด้วย) เดินทางก็สะดวกรถรับส่ง ปลายปีมีโบนัสอีกตะหาก การผลักดันไปสู่ภาคอุตสาหกรรมยังไงก็ทำให้คุณภาพชีวิตเฉลี่ย ของคนไทยดีขึ้นแน่ๆครับ GDP เป็นภาพใหญ่ที่เปรียบเทียบให้ชัด แต่ส่วนปลีกย่อยมันก็มีแนวโน้มไปทางเดียวกันอยู่ดี คำถามที่อยากถามคือ คนที่อยากให้เปลี่ยนกลับไปเน้นภาคการเกษตรเนี่ย คุณได้ทำภาคการเกษตรด้วยตัวเองจริงๆหรือเปล่า? คือถ้าทำอยู่ ก็ไม่แปลกที่จะเรียกร้องให้สนับสนุน แต่ถ้าไม่ได้ทำเลย คุณพร้อมจะไปทำด้วยตัวเองจริงๆไหม? ส่วน knowhow ก็อย่างที่บอกไปแล้ว เราไม่ได้เป็นเจ้าขององค์ความรู้โดยรวม แต่ถ้ามองแค่เป็นส่วนๆเนี่ย เราก็มีเอกอุในแต่ละด้านด้วยเหมือนกัน หรือแม้แต่แรงงานภาคการผลิตระดับล่างสุดนี่แหละ เคยเห็นเป็นตัวแทนไปฝึกสอนการทำงานเพื่อพัฒนาคุณภาพ ให้โรงงานตปท.อื่นๆ แม้แต่ที่โรงงานแม่ที่อเมริกาก็มีมาแล้ว เพราะ discipline และความเอาใจใส่ของแรงงานมีทักษะบ้านเรา ก็สู้เขาได้จริงๆครับ แต่สุดท้ายก็สนับสนุนให้บ้านเรามีองค์ความรู้เป็นของตัวเอง มีบ.ไทยๆแท้ลงทุนทางด้านเทคโนโลยีขั้นสูงบ้าง ไม่ใช่ซื้อเขาเอาอย่างเดียว แม้ไม่ต้องถึงขนาดทำ brand แข่งกับของนอก(เพราะคงเป็นไปได้ยากในตลาดที่เป็นทะเลสีแดง) แต่ถ้าทำเป็น outsource หรือ OEM เก่งๆ ก็ทำรายได้ให้กับคนไทยได้มากเช่นกันครับ ลองดูอย่างโรงงาน TSMC ไต้หวันปะไร เขาก็ไม่ได้ทำ chip ขายในยี่ห้อตัวเอง แต่บ.เมกันดังๆก็มาจ้างโรงงานนี้ให้ทำ chip เฉพาะยี่ห้อนั้นๆให้กันทั้งนั้น ไม่ต้องเป็นเจ้าของ brand ก็รวยได้เช่นกันครับ จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 13:42:58

ความคิดเห็นที่ 43 โรงงาน HDD รายใหญ่ อยู่ในประเทศไทย , supplier ของอุตสาหกรรม HDD รวมทั้งหมดแล้ว น่าจะเกือบ 1,000 บริษัท  แต่รู้ไหมว่า 1,000 บริษัทนี้ มีคนไทยเป็นเจ้าของผมกะเอาแบบหยาบๆ ก็ได้น้อยกว่า 5 %  ซึ่ง 5 % นี้ ก็เป็นชิ้นส่วนง่ายๆ ธรรมดา เช่น ถุงมือ ที่ใช้ใน clean room เท่านั้น ส่วน supplier ที่เหลือ 95% เป็นพวก ฝรั่ง ญี่ปุ่น สิงค์โปร จีน มาเลย์  ซึ่งเขาเหล่านี้ จะจ้างลูกจ้างคนไทยมาทำงานอีกที   น่าแปลกไหมล่ะ ในดินแดนประเทศไทยแท้ๆ ส่งออก HDD รายใหญ่ของโลก แต่แทบไม่มีบริษัทที่เป็นของคนไทยเลย     ที่กล่าวมาเป็น fact ที่เกิดขึ้นจริง , ถ้าอยากจะเป็นประเทศที่พัฒนาแล้วจริงๆ จงอย่าพอใจแค่คำว่า " ลูกจ้าง " จากคุณ : The Peak เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 14:17:30

ความคิดเห็นที่ 44 งานวิจัย HDD เขาไม่ได้มีอะไรปิดเป็นความลับมากมาย ถ้าใครสามารถทำได้ ฝรั่งเขา open mind อยู่แล้ว เปิดโอกาสให้พวกลูกจ้างเหมือนกันหมด คนยิ่งเก่ง ฝรั่งเขายิ่งชอบ  แต่ปัญหาของพวกลูกจ้างชาวไทยคือ ไม่กล้าแสดงออก ไม่กล้าคุยกับต่างชาติ ฝรั่งพูดอะไรก็เงียบ ตอบเป็นอย่างเดียว Ok thank you , แต่ถ้ามาเป็นคนไทยด้วยกันเอง เถียงกันแบบไม่คิดชีวิต จะเอาชนะกันให้ได้ ศักดิ์ศรีมันค้ำคอ  แล้วอย่างนี้ จะมาโทษว่าเขาหวงเทคโนโลยีได้อย่างไร เราทำไม่ได้ในมาตรฐานของเขาเอง เราทำได้แต่ว่าเขาสั่งอะไรมา เราทำได้ตามนั้นได้หมด ไม่มีขี้เกียจ ยึกยัก เหมือนแรงงานชาติอื่น จากคุณ : The Peak เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 14:28:24

ความคิดเห็นที่ 45 ไปทำิสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัด แถมเริ่มหลังเขาตั้งนาน เมื่อไหร่จะสู้เขาได้ ภาพที่เห็นมันก็แค่ภาพลวงตาเท่านั้นแหล่ะ เงินมันไปกองอยู่แค่กับคนไม่กี่กลุ่ม แก้ไขเมื่อ 06 ธ.ค. 54 14:44:02 จากคุณ : RadiS เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 14:43:38

ความคิดเห็นที่ 46 มีการส่งพนักงานในบริษัทศึกษาต่อในชั้นปริญญาโท ที่ลาดกระบัง โดยเน้นทำ thesis ที่เกี่ยวข้องกับ HDD ถ้าใครจะเอาความรู้มาต่อยอด ก็คงทำได้ไม่ยาก แต่ต้นสังกัดคงไม่ปล่อย know how เฉพาะออกมาให้รู้กันง่ายๆ แน่นอน จากคุณ : ไม่อยากจะเถียง เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 15:18:06

ความคิดเห็นที่ 47 คห. 37 machine tools ที่ว่าเนี่ย ไม่ใช่ค้อน ไขควงนะครับ >>>>>>>>> ผมถึงบอกว่า ผมเป็น Tool Maker ไงครับ งานทำ Tool เป็นงานละเอียดทำยากต้องใช้ฝีมือ ไม่ใช่แค่ทำค้อน ไขควงหรอกครับ ที่ผมว่ากำไรน้อยนั้น ผมหมายถึงเราในฐานะ outsource โดนโรงงานต่างด้าวกดราคา ยิ่งไทยด้วยกันแข่งกันเอง ผลก็คือกำไรน้อย ได้ไม่เท่าไร ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 15:34:46

ความคิดเห็นที่ 48 คุณทักษิณคิดตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ คือตั้งแต่ความคิดออกแบบ บนกระดาษ จนถึงสินค้าส่งมอบให้ลูกค้า ก็คิดแบบนั้นจึงโดนพ่อค้าคนกลางเล่นงานไงครับ ถ้าเกษครกรทำงานเองได้ โดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง แล้วไม่ต้องพึ่งพาพ่ค้าคนกลางราคาผลผลิตได้เต็มที จากคุณ : thanapatpp เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 15:51:30

ความคิดเห็นที่ 49 ฝีมือดี ค่าแรงถูก หัวอ่อน ควบคุมง่าย  เขาก็พอใจแล้ว จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 16:04:13

ความคิดเห็นที่ 50 อีกเรื่องคือกฎหมายสิ่งแวดล้อมอ่อนๆแบบไทยที่นักลงทุนต่างชาติเค้าชอบด้วยครับ จากคุณ : anonymous coward เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 17:15:21

ความคิดเห็นที่ 51 จากที่เคยเข้าไปทำงานหลายบริษัท ถ้าเข้าไปลึกๆ จริงๆ โนฮาวต่างๆ ระดับลูกจ้างก็รู้หมดครับ ถ้าเอากลุ่มวิศวะกรเฉพาะที่ลูกจ้างเป็นคนไทยมาทำงานให้สร้างสินค้าซักตัว ทำได้แน่ แต่ต้นทุนต้องคุมให้ได้ แล้วใครจะเป็นคนออกตังค์ให้ สร้างโรงงาน/บริษัทให้ คอนเน็คออกต่างประเทศยังไง แล้วทุนวิจัยพัฒนาต่อสิ่งใหม่ๆ จะมีได้ขนาดไหน ถ้าเริ่มจากกลุ่มเล็กๆ ก็คงยากที่จะแข่งกับกลุ่มทุนขนาดใหญ่ในปัจจุบันได้ จากคุณ : หนุ่มน้ำชี เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 17:29:59

ความคิดเห็นที่ 52 มีที่ nectec ที่เป็น cluster harddisk (วาระแห่งชาติ) มีหลังสือดีๆ ออกมาหลายเล่มแล้วเกี่ยวกับศาสตร์ขั้นสูงของหัวอ่าน แล้วก็ตามม.ต่างๆ เช่น บางมด จุฬา ลาดกระบัง เกษตร หรือแม้แต่สุรนารี ก็มีงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง งานส้รางเครื่อง ให้คำปรึกษา หรือผลิตบัญฑิตไปทำงานในส่วนต่างๆ ผมเข้าใจว่าเด้นวิศวะที่จบกันส่วนใหญ่พอดูเลยที่ไปทำโรงงาน ฮาร์ดดิสกับโรงงานรถยนต์ คาดว่าปีนึงทั้งประเทศมีอัตราหลายพันคนอยู่ จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 6 ธ.ค. 54 18:31:07 A:124.120.246.98 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 53 นักลงทุนต่างชาติเป็นสิ่งจำเป็น  และก็คุ้มค่าที่ต้องง้อเขา    รัฐบาพกลทุกรัฐบาลก็เห็นตรงกัน จากคุณ : puylogin เขียนเมื่อ : 7 ธ.ค. 54 17:06:05