Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
Shrink Shrank Shrunk โลกจิตของหมอโรคจิต ตอนที่ หนึ่ง ติดต่อทีมงาน

shrink shrank shrunk โลกจิตของหมอโรคจิต

คุณเคยสังเกตไหมว่าทำไมเวลาคุณดูภาพยนตร์ดีๆ สักเรื่อง คุณถึงรู้สึก “อิน” ไปกับเนื้อเรื่องของตัวละครเหล่านั้นเสียเหลือเกิน ทั้งความรัก ความหวัง และความโกรธ อารมณ์เหล่านี้ต่างพลุ่งพล่านเข้ามาในตัวคุณอย่างมิรู้จบ ถึงแม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนั้นจะจบไปแล้ว แต่ความรู้สึก “อิน” ของคุณยังไม่จบ คุณรู้ตัวหรือไม่ว่า ณ ขณะนั้นคุณได้ถูกสะกดจิตไปแล้วโดยไม่รู้ตัว!!!

หรือแม้แต่ขณะที่คุณกำลังนั่งอ่านนิยายแสนหวาน หรือคร่ำเคร่งอ่านตำราก็ตามที คุณกลับไม่ได้ยินเสียงที่คุณแม่ตะโกนเรียกคุณมากินข้าวเย็น คุณรู้หรือไม่ว่า ณ ขณะนั้นคุณก็ได้ถูกสะกดจิตไปอีกครั้งแล้วโดยไม่รู้ตัว!!!

“เฮ้ย! การสะกดจิตมันง่ายขนาดนั้นเลยเหรอ(วะ)!?!” คุณคงอาจจะจะคิดเช่นนี้ในใจ พร้อมกับอารมณ์หมั่นไส้ผู้เขียนเสียเต็มประดา

ครับ! คุณผู้อ่านที่รัก การสะกดจิตนั้นมันง่ายแสนง่าย และเป็นเรื่องแสนใกล้ตัวกว่าที่คุณคิด ขนาดที่คุณถูกสะกดจิตอยู่วันละเป็นร้อยๆ ครั้ง โดยที่คุณกลับไม่รู้ตัวเลย!?! ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดเลื่อนสายตาของท่านตามบทความของผมมาเลยครับ

คุณคงสงสัยแล้วว่า “แล้วไอ้สะกดจิตที่เอ็งว่าเนี่ย มันคืออะไร(วะ)?” ใจเย็นๆ ครับ ผมจะค่อยๆ สาธยายเอื้อนเอ่ยให้คุณผู้อ่านได้เข้าใจมากขึ้นครับ

หลายท่านบอกว่าการสะกดจิตต้องใช้อุปกรณ์เป็นตัวช่วย ไอ้ที่หน้าตาเหมือนตุ้มถ่วงแกว่งๆ ให้ผู้ถูกสะกดจิตมึนๆ แล้วก็ทำตามที่ผู้สะกดจิตสั่ง โอ้ยยยยยยยย! อันนั้นมันเอาไว้หลอกเด็กครับ การสะกดจิตจริงๆ เขาไม่ต้องมีเครื่องมือปาหี่แบบนี้ร้อกกกกกกกกกก!

“แล้วมันใช้อะไรล่ะ(วะ)หมอ ปั๊ดเดี๋ยวตบเกรียนแตก” คุณผู้อ่านคงเริ่มเกิดอารมณ์อยากเอาฝ่าเท้ามาบรรจงลงบนหน้าผู้เขียนเสียแล้ว

หากท่านผู้อ่านเริ่มเกิดอารมณ์ดังกล่าวข้างต้น หรือแม้แต่อยากจะอัดผู้เขียนให้มากว่านั้น คุณก็ถูกผมสะกดจิตเข้าให้เสียแล้วครับ เพราะผมกำลังใช้บทความนี้สะกดจิตท่านผู้อ่านที่รักให้เกิดความสนใจในการอ่านบทความนี้ต่อโดยใช้อารมณ์ทางลบเป็นตัวนำครับ

ดังนั้น กล่าวโดยสรุป อุปกรณ์ที่ใช้ในการสะกดจิตโดยทั่วไปนั้นคือ “อารมณ์” และ “ข้อความ” ครับ

ผมขอยกตัวอย่างการใช้อารมณ์ทางลบเป็นการสะกดจิตนะครับ เช่น มีคนแอบนินทาว่าร้ายคุณทาง Social network สักที่ เอาเป็น Facebook ก็แล้วกัน คู่กรณีของคุณโพสข้อความใส่ร้ายป้ายสีคุณต่างๆ นานา ข้อความนี้ก็พลันไปเตะตาของคุณโดยบังเอิญพอดิบพอดีดุจดังละครหลังข่าว สังเกตไหมครับ ว่าคุณจะกระสับกระส่าย อยากเข้าไปอ่านเพิ่มเติม ว่าเขาโพสอะไรเกี่ยวถึงคุณบ้าง แม้ว่าการเข้าไปอ่านแต่ละครั้งมันช่างเจ็บปวด กอปรกับโกรธแค้นคู่กรณีเสียเหลือเกิน และถ้าคุณเข้าไปโพสตอบโต้ คุณก็จะต้องกลับเข้าไปอ่านว่าอีกฝ่าย หรือคนอื่นเข้ามามีความเห็นว่าอย่างไร คู่กรณีของคุณเป็นเดือดเป็นร้อนกับข้อความของคุณหรือไม่ เผลอแผล็บเดียว คุณก็ใช้เวลามากกว่าครึ่งวันบน Facebook เสียแล้ว อย่างนี้คือคุณโดยสะกดจิตโดยอารมณ์ทางลบครับ

แต่การสะกดจิตที่ดีที่สุดต้องใช้อารมณ์ทางบวกเป็นตัวกระตุ้นครับ เพราะหากใช้ตัวกระตุ้นทางลบ อาจจะได้ผลตรงกันข้าม เช่น ผมบอกคุณว่า “ห้ามนึกถึงช้างสีชมพูนะ” สิ่งแรกที่คุณจะนึกถึงก็คือ “ช้างสีชมพู” ครับ จุดง่ายๆ เพียงประเด็นเดียวนี้ผู้กำกับ และนักเขียนชื่อดังนำมาปั้นเสริมเติมแต่งไปเป็นสุดยอดภาพยนตร์ตลอดกาลอีกหนึ่งเรื่อง นั่นก็คือ Inception ครับ

“ไอ้หมอโรคจิต เอ็งพล่ามมาตั้งนาน กรูยังไม่รู้เลยว่าการสะกดจิตนั้นทำยังไง(วะ)?”

ครับ การที่ผมยังไม่กล่าวเสียทีว่า การสะกดจิตนั้นคืออะไร และทำได้อย่างไร แต่มัวแต่ไปพูดถึงเรื่องแรงกระตุ้นทางบวก และทางลบ เพื่อให้คุณผู้อ่านเกิดความขัดแย้ง และความสงสัย เป็นแรงขับดันให้อ่านบทความของผมต่อไปครับ

นั่นไง...คุณถูกผมสะกดจิตอีกแล้ว!!!

พวกเราคงต้องมาทำความเข้าใจให้ตรงกันก่อนนะครับ ว่าการสะกดจิตนั้นไม่ได้เปลี่ยน “ระดับ” ของความรู้สึกตัว (State of consciousness) ของคุณนะครับ แต่การสะกดจิตนั้นจะไปเปลี่ยน “ประสบการณ์” การรู้สึกตัว (Experience of consciousness) ของคุณต่างหากครับ

โดยกระบวนการสะกดจิตนั้นมีหัวใจสำคัญสามประการคือ 1. จินตนาการ (Thoughts & Images) 2. แรงขับเคลื่อน (Motives) และ 3. ความคาดหวัง (Expectations) ซึ่งทั้งสามองค์ประกอบนั้นเปรียบเหมือนรากฐานของการสะกดจิตทั้งมวลบนโลกใบนี้เลยทีเดียว เพียงคุณผู้อ่านที่รักทุกท่านสละเวลาเรียนรู้ ทำความเข้าใจ และฝึกฝนการใช้ทักษะทั้งสามประการนี้ได้อย่างชำนาญ คุณก็จะเป็นหนึ่งในยอดมนุษย์ประดุจดั่งเอ๊กซ์เมน ฮ่า ฮ่า

“พล่ามมาตั้งนาน จะหมดพื้นที่บทความอยู่แล้ว แกยังไม่บอกเลยว่าการสะกดจิตนั้นทำอะไรได้บ้าง?”

คุณคงเริ่มสงสัยในศักยภาพของการสะกดจิตเสียแล้ว

ปัจจุบันนี้การสะกดจิตได้เข้ามาอยู่ในชีวิตประจำวันของเราเสียแล้ว เช่น ทักษะการโน้มน้าวขายผลิตภัณฑ์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ตามสื่อต่างๆ การเรียนรู้พัฒนาศักยภาพส่วนบุคคล การเตรียมใจเพื่อรับมือในการสอบ การฝึกจิตใจของนักกีฬาให้แข็งแกร่งเพื่อการแข่งขันชิงชัยครั้งใหญ่ การลด ละ เลิกบุหรี่ สุรา ยาเสพติด หรือแม้กระทั่งการลดน้ำหนัก!?!

และที่สำคัญการสะกดจิตทั้งหมดที่ได้กล่าวมา คุณผู้อ่านสามารถทำได้ด้วยตนเองที่บ้าน ที่ทำงาน หรือแม้แต่ในรถเวลาติดสี่แยกไฟแดง!?!

“แม่จ้าวโว้ย!!! อะไรมันจะน่าสนใจขนาดนี้เนี่ยยยยยยยยยยยยย”

หากแม้นคุณมีความคิดแบบนี้เข้ามาเพียงเศษเสี้ยวในสมอง...คุณก็ถูกผมสะกดจิตอีกครั้งแล้วครับ!!!

 
 

จากคุณ : nuchnin
เขียนเมื่อ : 8 ธ.ค. 54 22:29:25




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com