ความคิดเห็นที่ 1 แต่ผมกลับมองว่าค่าครองชีพของญี่ปุ่นนี่แพงมากๆนะครับ ราเมงธรรมดาๆหมู 1 ชิ้น นี่ก็เกือบ 2-300 บาท แล้ว จากคุณ : วัยละอ่อน เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 21:49:03

ความคิดเห็นที่ 2 น้ำท่วมใหญ่ประเทศไทยครั้งนี้ ทำให้ได้เห็นความจริง ว่าประเทศนี้ไม่ใช่ครัวของโลก ไม่มีเรา บ้านอื่นเมืองอื่นเขาก็มีข้าวกินอยู่กันได้ตลอดมา แต่วงการ ฮาร์ดดิสก์ กลับสะเทือนไปทั้งโลกเห็นๆ ดังนั้น ควรเข้าใจว่า ประเทศไทยเป็นโรงงานฮาร์ดดิสก์ของโลก ก็ดูเข้าทีนะครับ จากคุณ : Sial เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 21:52:23

ความคิดเห็นที่ 3 ทำไมไม่มีล่ะครับอาหารจานยักษ์เนี่ย ผัดไทยกระทะใหญ่ที่สุดในโลก ขนมเปี๊ยะใหญ่ที่สุดในโลก โรตีใหญ่ที่สุดในโลก กระยาสาร์ทกระบะใหญ่ที่สุดในโลก ส้มตำครกใหญ่ที่สุดในโลก ฯลฯ จากคุณ : @==ไข่ดำ==@ เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 21:53:47

ความคิดเห็นที่ 4 เอาเงิน 300 ที่ชื้อราเมนกินได้ชามเดียวของญี่ปุ่น ไปกินบุ๊ปเพ่ หมูทะละกัน หัวละ 99 กินได้ตั้ง 3 คน ตักจานใหญ่ขนาดไหนก็ได้ จากคุณ : june_ju เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 22:11:55

ความคิดเห็นที่ 5 เพราะค่าน้ำมัน ค่าแกส ค่าไฟ + กำไรค่าส่ง ค่าจ้างเด็กดริ๊ง ค่านู่นค่านี่ อยู่บ้านนอกทำนา ยังขอกันกินได้เหมือนเดิมอะ จากคุณ : nai_per เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 22:15:27

ความคิดเห็นที่ 6 300 บาท บ้านเขา ก็เหมือน 30 บาทบ้านเราครับ ค่าแรง ค่าครองชีพต่างกัน จากคุณ : bglite เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 22:17:58

ความคิดเห็นที่ 7 ด้วยศักยภาพ ผมว่าทำได้แต่ไม่ทำนะ **ถ้าพูดถึงอาหารจานใหญ่ๆ ไม่รู้ผมคิดง่ายๆ คุณลองสั่ง เส้นเล็กน้ำตกหมู ซัก 10 ถุง (ถุงละ 30) คุณกินคนเดียวหมดป่าว หรือ ให้แม่ค้าตั้งร้านก๊วยเตี๋ยวหรูๆ เลย ชามละ 300.- (ก็คือไอ 10 ถุงนั่นแหละ) ใครจะมากินฟร่ะ ต่อให้มากินมันก็คือมากัน 2-3-4-5 คนนั้นแหละถึงจะหมด อารมร์เหมือนก๊วยเตี๋ยวเรือป๋ายักษ์ อนุเสารีย์ชามละ 6 บาท (แต่ก่อน) ผมไปกินล่อไปเกือบ 10 ชาม แพงกว่าถุง 30 อีก + แค๊ปหมู บลาๆๆๆ ไปอีก สรุปแม่มแพงกว่าแด๊กเตี๋ยวชามละ 30 อีก กำเวน อีกอย่างวัฒนธรรมการกิน + ความอาร์ต ในการกินมันผิดกัน เอามาใช้ในไทยผมว่ารอดยาก หมูกระืทะ 119.- / หัว ถ้าไม่เจ๋งจิงยังอยู่ไม่ได้เลย จากคุณ : Mr.Kito เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 22:29:38

ความคิดเห็นที่ 8 บ้านเราเป็นครัวของโลกตรงไหน ผลผลิตต่อไรก็ต่ำกว่าใคร กสิกรรมก็ใช้วิธีโบราณเหมือนพันปีที่แล้ว การเกษตรอาศัย เทวดาฟ้าดินช่วยเหลือมากกว่าจะพึ่งพาเทคโนโลยี การชลประทานก็ล้มเหลว ล่าสุดรณรงค์ให้หันกลับไปใช้ควาย ที่เรา ส่งออกข้าวได้มาก เพราะเราผลิตได้เกินความต้องการ แค่นั้น การที่ผลิตได้มากเกินความต้องการ ไม่ได้หมายความ- ว่าเราผลิตมากมายจนกินกันไม่หมด แต่เพราะคนไทยเลือกกินอย่างอื่นนอกจากข้าวข้าวด้วย นี่ยังไม่นับเรื่องผลิตผล- ทางการเกษตรของเราที่โดนต่างประเทศกีดกันเพราะว่าใช้สารเคมี ยาฆ่าแมลงมาก ฯ จีนเองผลผลิตต่อไร่มากมายกว่าเราเยอะ แต่เพราะคนเขาแยะเลยผลิตไม่พอกิน ส่งออกได้น้อย คุณ จขกท บอกว่าเรา เป็นครัวของโลก ก็ไม่ต่างจากอีกหลายคนที่ถูกคำโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงเข้าให้แล้วที่บอกว่าบ้านเราอุดมสมบูรณ์ - ในน้ำมีปลา ในนามีข้าว แต่การกสิกรรมล้าหลัง โบราณ ไม่มีประสิทธิภาพ เอาแต่เชิดชูยกหางตัวเองไปวันๆให้ภาคภูมิ ใจกับภาพมายาคติ ผลผลิตทางการเกษตรสร้าง GDP ให้ประเทศน้อยกว่าภาคอุตสาหกรรมไม่รู้กี่เท่า ยังจะกล้าพูดกันอีกหรือว่าบ้านเราเป็น ประเทศกสิกรรม แล้วโจมตีภาคอุตสาหกรรมว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายต่ำทราม ให้คนหันกลับไปทำการเกษตรแบบโบราณโดน- กดขี่แบบเดินเถอะดีแล้ว ? บ้านเมืองเป็นสุขสงบร่มเย็น ภาคการเกษตรกินเงินไปตั้งเท่าไหร่ในแต่ละปี ทั้งชดเชยราคาพืชผลเอย ไหนจะน้ำท่วมเอย ไหนจะแล้งเอย ไหนจะ . . . เอาเงินที่จะถลุงไปกับสิ่งที่ได้รับผลตอบแทนน้อยและไม่มีประสิทธิผลเช่นนี้มาดึงดูดนักลงทุนให้มาตั้งโรงงานดีกว่าไหม เราเสียเงินไปมากกับภาคการเกษตรที่ได้ผลตอบแทนต่ำแถมสร้างแต่ปัญหา แต่เพราะต้องรักษาเอาไว้ ให้สมกับเป็น- ประเทศกิสกรรมเรามีเงินถุงเงินถังเอามาถลุงเล่นแบบนี้เหรอ แล้วก็กลับหันไปด่าภาคอุตสาหกรรมต่อว่าเป็นตัวแทนของ ทุนนิยมต่ำทรามชั่วช้า บ้ากันหรือเปล่า แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 54 22:41:29 จากคุณ : มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 22:38:07

ความคิดเห็นที่ 9 อาหารที่ประเทศญี่ปุ่นไม่แพงจริงหรา  จากคุณ : ถั่งโถมโหมแรงใจ เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 22:38:35

ความคิดเห็นที่ 10 คห.9ถ้าเทียบกับรายได้ค่าแรงในประเทศน่ะ จากคุณ : Kuroro Lucifer เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 22:40:57

ความคิดเห็นที่ 11 คนเกาหลี-ญี่ปุ่นกินจุมากค่ะ โดยเฉพาะเกาหลีใหญ่แต่ละมื้อมโหฬาร กินข้าวหมดเป็นหม้อๆ จากคุณ : Pride เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 22:49:43

ความคิดเห็นที่ 12 ทำไมตอนที่น้ำท่วม ข้าวไม่เห็นขาดแคลนเลย ?? ...แสดงว่าในโกดังบ้านเรามีอีกเพียบ หึหึ !!  (ขาดแต่น้ำ) แต่เราว่าคำว่าครัวของโลก มันน่าจะหมายถึง .... ในน้ำมีปลาในนามีข้าวอะแหละ < 55 เพราะบ้านเรามีทุกอย่าง ข้าว ปลา หมู ไก่ มะนาว เพราะบางประเทศอย่างญี่ปุ่นหรือเกาหลี หาสัตว์บกแทบจะพลิกแผ่นดินหา ... (ไม่เวอร์ขนาดนั้น แต่ราคาแพงนิดหน่อย) จากคุณ : Focus 4 ever เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 23:12:35

ความคิดเห็นที่ 13 ถูกใจคห.8 แต่คงไม่ถูกใจชนชั้นกลางวัฒนธรรมที่ชมชอบละครชีวิต อยากเป็นชาวนา สงสารชาวนา แต่อย่ามาเรียกร้องอะไรให้มันเกินตัว อย่าเข้ามาขวางการสัญจรในเมืองกรุง ให้รอความช่วยเหลืออยู่ในที่ที่ตรงนั้น ให้ดูน่าสงสารน่ะ พอแล้ว จากคุณ : kinkong เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 23:20:52

ความคิดเห็นที่ 14 ต้องดูด้วยครับ     ว่าชามยักษ์ที่เขาทำนั่น    คุณภาพของวัตถุดิบมันแค่ไหน     ถ้าเอาของดีแบบสำหรับนักชิมลิ้นเทพนี่     เส้นผลิตเองสดๆ   หมูดำที่ผ่านการเลี้ยงดูอย่างดี    น้ำซุปเทพเจ้าที่ผ่านการเคี่ยวมา3เดือน     ชามหนึ่งคงไม่ต่ำกว่า1ล้านเยน       แต่ระดับชามยักษ์พวกนี้ส่วนใหญ่คุณภาพวัตถุดิบก็ธรรมดานั่นแหละครับ    เส้นแบบโรงงานผลิต   หมูแบบเลี้ยงปกติ    น้ำซุปใส่ผงชูรสบ้าง ถ้าจะเอามาเทียบกับบ้านเราก็ต้องเทียบกับบะหมี่จับกังนู่นแหละ แก้ไขเมื่อ 19 ธ.ค. 54 23:32:04 จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 23:27:08

ความคิดเห็นที่ 15 คนไทยกินอาหารทีละน้อยแต่บ่อย...ฝรั่งยังบอกว่า ทำไมคนไทยกินตลอดเวลา จากคุณ : cantare เขียนเมื่อ : 19 ธ.ค. 54 23:40:53

ความคิดเห็นที่ 16 ร้านข้าวข้างบ้านแฟนผม 30 บาท แต่ขอโทษ อร่อย และให้เยอะจนผมกินอิ่มเลยในจานเดียว อย่าสั่งพิเศษนะครับ กินไม่หมดอ่ะ จานเปลเลย เหลือเกือบครึ่งแน่ะ เสียดายข้าวมาก จานใหญ่ๆไทยเราก็มีครับ แต่มันเหมือนเป็นสินค้าเรียกลูกค้าซะมากกว่า เช่นลูกชิ้นที่ใหญ่ที่สุด บะหมี่ชามใหญ่ที่สุด แต่ถ้าเอาของสามัญก็บะหมี่จับกังครับ อันนั้นของเขาดีจริง ตอนน้ำท่วมของมันก็ขาดในแถบที่มันท่วมนั่นแหละครับ ของมันขนส่งไม่ได้ก็ไม่มีขาย มันเลยขาดแคลน บางอย่างที่โรงงานผลิตไม่ได้มันก็ขาดเป็นปกติครับ ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง สินค้าบางประเภทบอกขาดแคลน ขาดตลาด ส่วนของที่ยังมีราคาก็พุ่งแล้วพุ่งอีก พอรัฐฯประกาศจะนำเข้าเท่านั้นแหละพ่อคุณ ออกสู่ตลาดกันให้ลึ่มเลย 555 จากคุณ : ปลาวัวตัวอวบอัด เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 00:02:22

ความคิดเห็นที่ 17 คือผมจะบอกอย่างนี้ครับ จริงๆแล้วประเทศที่เจริญแล้วหน่ะถ้าคุณเดินเข้าร้านอาหารเพื่อไปทานอาหารหน่ะ มันไม่ถูกนะครับ ต่อให้จะเทียบกับค่าครองชีพเค้าก็เหอะ เพราะวัฒนะธรรมการกินและโครงสร้างราคาสินค้าของประเทศพวกนี้กับเราต่างกันครับ ในต่างประเทศนั้นราคาสินค้าจะขึ้นอยู่กับค่าแรงเป็นหลักครับ อาหารทั่วๆไปวัถุดิบจะเป็นแค่ 9-10% ของราคาอาหาร เท่านั้นที่เหลือจะเป็นค่าทำค่าบริการ ดังนั้นถ้าจะเทียบราคาอาหารซื้อต่อค่าแรงที่นั่นมันไม่ถูกครับ แต่ที่ทำให้คุณภาพชีวิต เค้าดีคือวัตถุดิบเค้าราคาพอๆกับบ้านเรา ดังนั้นคนที่รายได้น้อยของที่นั่นสามารถเลือกที่จะทำเองได้ไม่อยากไม่มีอดตายครับ สาเหตุที่วัตถุดิบเค้าถูกเพราะเค้านำเข้าจากประเทศเราและประเทศอื่นๆที่ค่าครองชีพถูกนี่แหละ วัฒนะธรรมทางการกินของ ประเทศพวกนี้จึงไม่ใช่ไปกินข้าวนอกบ้านทุกวัน แต่ทำกินเอง(หรือกินพวกอาหารสำเร็จรูป)และไปกินนอกบ้านในแค่โอกาสพิเศษ (จริงๆไม่ใช่แค่เรื่องกินครับ ทุกเรื่องที่ใช้แรงคนเลย เช่น ตัดผม ซ่อมรถ ทำความสะอาด ล้างรถ แท็กซี่ จ้างช่างต่างๆ ทำสวน ประเทศเค้าจึงให้ความสำคัญกับพวกเรื่อง DIY เพราะมันลดค่าใช้จ่ายเยอะ) ข้อเสียระบบนี้คือคนระดับกลางๆต้องทำเองแทบทุกอย่างถึงอยู่ได้(เราเลยเห็นฝรั่งช่วยเหลือตัวเองเก่ง)แต่ข้อดีคือ ไม่มีคนอดตายเพราะสิ่งพื้นฐานจำเป็นไม่แพงเทียบกับรายได้ กลับกันบ้านเราค่าอาหารอยู่ที่วัตถุดิบเป็นหลัก ค่าแรงนิดเดียว ยิ่งแม่ค้าซื้อเยอะ ซื้อถูกแหล่งได้เปรียบต้นทุน ทำให้สามารถทำอาหารได้ถูกกว่าเราทำกินเองที่บ้านซะอีก ผลคือเรากินนอกบ้าน(หรือซื้อมากินในบ้าน)กัน และเราแทบจะไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองเพราะค่าแรงมันถูก ข้อดีคือ คนระดับกลางๆขึ้นไปไม่ต้องทำอะไรเองเลย (ตัดผม ทำอาหาร ซักผ้า แท็กซี่)แต่ข้อเสียคือคนระดับล่างอดตาย เพราะสินค้าพื้นฐานจำเป็นราคาแพงเกินรายได้ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 54 00:09:38 จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 00:07:33

ความคิดเห็นที่ 18 ชอบ คห. 8 นะ มองปัญหาตรงจุด แต่มองวิธีแก้ไม่ตรงกัน ผมมองว่ายังไงเสียเรามีวัตถุดิบที่ดีแล้ว ก็ควรแก้โดยการพัฒนาการเกษตรให้ทันสมัยไปเลย ไม่ใช่บอกว่าห่วยแล้วไปส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมแทน แต่ผมมองว่าสุดท้ายยังไงประชากรส่วนมากก็ต้องหันมาทำอุตสาหกรรมอยู่ดี เพราะเคยคิดเล่นๆ ว่าถ้าในเมืองไทย อัตราส่วนชาวนา/ไร่ สูงเท่าอเมริกา (ใช้เครื่องจักรช่วย เกษตรกรหนึ่งท่านจึงรับผิดชอบพื้นที่ได้เยอะมาก ไม่เหมือนเมืองไทยที่ไร่นึงอยู่กันทั้งครอบครัว) ด้วยแค่เพียงจำนวนเกษตรกรที่มีในขณะนี้ เนื้อที่เมืองไทยอาจไม่พอทำการเกษตรครับ มันผิดตรงที่เราไปส่งเสริมให้คนทำเกษตรเยอะๆ แทนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพนี่แหละ จากคุณ : Mariel เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 00:45:00

ความคิดเห็นที่ 19 ลืม "บะหมี่จับกัง" กันไปหรือเปล่า ทั้งเยอะและถูก จากคุณ : เรื่องของเอ็กซ์ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 01:35:06

ความคิดเห็นที่ 20 บอกตรง ๆ ไม่รู้ผมคอต่ำหรือเปล่านะครับ วันก่อนไปกินราเม็งชามละ 300 กว่าบาท รู้สึกสู้ชายสี่หมี่เกี๊ยวชามละ 30 กว่าบาทไม่ได้เลย ไม่แค่ราเม็ง อาหารญี่ปุ่นทุกอย่างเลยสู้อาหารไทยไม่ได้เลย  ถ้าตัดความเห่อออกไปนะ   สำหรับผมคนเดียวนะครับ  การไปกินกะเพื่อนเหมือนไปสังสรรค์มากกว่าแต่คิดไปคิดมาก็เสียดายตังเหมือนกัน ไม่ได้พิมพ์แบงค์เองได้   เมื่อก่อนไปกินพวกนี้ทุกวันหยุดเลย เดี๋ยวนี้หายบ้าไปเยอะ กินข้างทางดีกว่าไม่เปลืองตัง เอาเงินไปทำอะไรอย่างอื่นได้ตั้งเยอะ นาน ๆ กินทีคงไม่เป็นไรมั๊ง จากคุณ : hollowpig เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 08:05:22

ความคิดเห็นที่ 21 ผมว่า ไอ้เมนูจานยักษ์ คงเอาไว้เป็นจุดเด่นของร้านเท่านั้น  คนส่วนใหญ่คงสั่งจานปกตินั่นแหละ แต่สงสัยบ้านเรา ทำอาหารจานเดียว ให้มันอิ่มไปเลยไม่ได้หรือ  ข้าว ก๋วยเตี๋ยว มื้อกลางวัน ผมต้องกินสองทุกที  ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็ต้องสองอย่างน้อย ถึงจะอิ่ม   จานเล็ก 35 จานใหญ่ 40    ผมสั่งมากินแยกไม่ออกเลย จากคุณ : joeymydear เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 10:55:32

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าให้งบผม 100 นึงผมก็ทำได้ เมนูจานยักษ์ สบาย มันทำยากตรงไหน ถ้าลงทุนวัตถุดิบต่อจาน 100 บาท รวมต้นทุนอื่นๆด้วย แล้ว ขายได้ 200 มันก็น่าสนใจนะ เดี๋ยวก็มีคนทำมาขายเชื่อผมสิ เมืองไทยของกินมันล้นอยู่แล้ว ไม่งั้นจะเอามาทำร้านหมูกระทะกันเกร่อแบบนี้ได้ยังไง เรื่องอาหาร UN ประเมินแล้วว่า ปีหน้าวิกฤติอาหารโลกแน่ๆ เพราะไทยและประเทศรอบๆโดนน้ำท่วม รอดูกันไปเถอะครับว่าจริงไหม ถ้าเป็นประเทศอื่นที่ฐานะทางการเงินพอๆกับเรา ถ้าโดนขนาดนี้ ขอบริจาคอาหารจากต่างชาติกันไปแล้ว ของเรานี่ สบายเลย มีทำแจกทำส่งกันตลอด จากคุณ : NATSKI13 เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 11:31:45

ความคิดเห็นที่ 23 มันเป็นจุดขายและการตลาดของร้านเขานะครับ ไม่ใช่เขาจะกินชามยักษ์กันทุกคน หรือทุกวัน นี่น่า มันเป็นเหมือนโปรโมชั่น อะ นานๆคนจะสั่งมากิน จะเอามาเป็นมาตราฐานวัด กับเรื่อง ครัวโลก หรือ วิชาการได้ยังไง กันครับ.... จากคุณ : chan ty เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 13:12:26

ความคิดเห็นที่ 24 ที่ศรีราชา ชลบุรี มีร้านนึง สั่ง extra ได้เป็นกะละมัง จากคุณ : deepsnows เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 13:44:44

ความคิดเห็นที่ 25 #22 แถมยังกินทิ้งกินขว้างกันด้วยซ้ำ ไม่อร่อย ไม่ถูกปากก็ทิ้ง ไปหากล่องอื่นกินต่อ จากคุณ : kinkong เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 14:03:34

ความคิดเห็นที่ 26 ผมคิดเหมือนคุณ hollowpig เลย ผมเคยไปกิน Chabuton รางเมง ที่สยาม ที่ทีวีแชมเปี้ยนยกย่องว่าอร่อยที่สุด เลยลองไปกินดู โอย ไม่อร่อยเลย น้ำซุปรสชาติแปลกๆไม่ถูกปาก หมี่หมูก็งั้นๆ กินเกาเหลาเนื้อแถวบ้านอร่อยกว่าเยอะมาก แต่เต้าฮวยเย็นพอกินได้นะ จากคุณ : 400mhz เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 16:42:23 A:14.207.218.39 X: TicketID:335254

ความคิดเห็นที่ 27 ส่วนเมนูจานยักษ์นี่เค้าเอาไว้โปรโมทร้านไม่ใช่หรือครับ ถ้ากินหมดไม่คิดตังค์ ถ้ากินไม่หมดต้องจ่ายเงิน ไม่มีใครกินชามยักษ์ตลอดหรอก จากคุณ : 400mhz เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 16:44:20 A:14.207.218.39 X: TicketID:335254

ความคิดเห็นที่ 28 ประเทศที่มีพื้นที่การเกษตรน้อยอย่างญี่ปุ่น -ผิดอย่างแรง ประเทศครัวของโลกอย่างเรา -อันนี้ก็ยิ่งผิดไปใหญ่ "ในน้ำมีปลา  ในนามีข้าว" (หรือในพื้นดินมีอาหาร) มันมีัอยู่ทุกประเทศทั่วโลก  เราไม่ไช่มีเยอะที่สุด  ดีที่สุด  สบายที่สุุด ในน้ำมีปลา??  เรามีปลาดุก ปลานิล ปลาสร้อย..   บางประเทศเค๊ามีปลาซาลมอลฮะ  ตัวใหญ่เนื้อหวานด้วย ในนามีข้าว..   ทุกประเทศในเอเชียตะวันออกมีข้าวหมด แหละฮะ  ที่ไหนไม่มีบ้าง?  ถ้ามันมีที่ไห้ปลูกมันมีข้าวหมดแน่นอน   ถ้าข้ามโซนไปทางพวกตะวันออก ในดินก็จะมีอาหารจำพวกมันสัมปะหลังแทน  .. คนอื่นเค๊าก็มีเหมือนเราทั้งนั้น  บางที่ก็ดีกว่าด้วย..  หึหึ จากคุณ : nokun เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 21:22:48

ความคิดเห็นที่ 29 จากที่ได้สัมภาษณ์คนญี่ปุ่นมากับตัว อาหารส่วนใหญ่ของญี่ปุ่นมาจากการนำเข้าค่ะ และส่งออกผลผลิตทางอุตสาหกรรม เพราะประเทศเค้าคนเยอะ การนำเข้าอาหารจึงต้องเยอะมากๆ และเมื่อเทียบมูลค่ากับการส่งออกแล้ว การนำเข้าอาหารมีต้นทุนที่ค่อนข้างถูก เค้าก็เลยกินกันได้ไม่ยั้ง แต่ ถ้ากินอาหารที่เพาะเลี้ยงเองจากในประเทศ เช่นเนื้อวัวเมืองนั้นเมืองนี้ เนื้อหมูจากจังหวัดนั้นจังหวัดนี้ พวกนี้จะมีราคาแพงมาก เพราะต้นทุนในการทำการเกษตรของญี่ปุ่นเองเช่น น้ำ ไฟฟ้า และอื่นๆ ก้แพงมากเช่นกัน จากคุณ : Sith Lord Nindle เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 18:24:25