ความคิดเห็นที่ 1 เมื่อปีหรือสองปีก่อน ผมรู้สึกตัวว่าเหนื่อยง่าย มีคนทักมากๆเข้า ประกอบกับน้ำหนักตัวที่เพิ่มเกือบ 100 กก. ผมก็เริ่มคิดจะออกกำลังกายอีกครั้ง คราวนี้รู้จักเพื่อนที่เป็นนักจักรยาน ก็ชวนกันขี่จักรยาน ทีแรกผมใช้เกียร์หนัก เพราะคิดว่าจะได้ออกแรง **ซึ่งผมเข้าใจผิด ** เพราะรถเร็ว ไหลดี แต่เหงื่อผมไม่ไหลซิครับ จนวันหนึ่งได้คำแนะนำจากคุณ DoraeMew ให้ปั่นที่รอบ 80 rpm ขึ้นไป เกียร์หนักเบาไม่ต้องสนใจ เป็นคำแนะนำที่มีประโยชน์ ผมปั่นแบบนี้ จะได้เหงื่อเปียกเสื้อเหมือนตากฝน ได้การแล้ว ผมนึกในใจ และได้ผลดีจริงๆ เพียงเดือนเดียวผมเริ่มลดน้ำหนักลงได้ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 10:33:06

ความคิดเห็นที่ 2 กระทู้นี้จุดประกายเรื่อง FAT burn จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 10:45:25

ความคิดเห็นที่ 3 คราวนี้ผมสนใจเรื่อง FAT burn เริ่มค้นหาข้อมูล 1) ระดับ Heart Rate สำหรับ FAT burn 2) วิธีวัด max Heart Rate ... สังเกต tip ของคุณ DoraeMew ... จีพจรจะกำหนดเกียร์ให้เราเอง ... ผมก็ใช้วิธี conversational pace กำหนด Heart Rate ที่เป็น Aerobic Zone ซึ่งพอดีกับ max FAT Zone 3) หลังจากนั้น จึงหาคำตอบว่า ทำไมต้อง FAT Burn ก่อน เครดิต the Fatmax Zone is between 68% and 79% MHR http://www.brianmac.co.uk/fatburn.htm The Aerobic Zone - 70% to 80% http://www.brianmac.co.uk/hrm1.htm จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 10:54:24

ความคิดเห็นที่ 4 มีคนบอกว่า FAT burn ลดได้ช้า อาทิตย์ละ 0.5 กก หรือ เดือนละ 2 กก.  (เปรียบเทียบกับข้อมูล คุณ Getcha  กระทู้ข้างล่าง) ผมก็สงสัย ... ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ???   นึกอยู่นาน จึงร้อง ..อ๋อ ค่าพลังงาน FAT สูงถึง 9 Cals ต่อ 1กรัม แปลว่า เราออกกำลัง output Cals 900 จะใช้ FAT เพียง 100 กรัม เปรียบเทียบกับ CARB ค่าพลังงาน  4 Cals ต่อ 1 กรัม ในขณะเดียวกัน ถ้า burn CARB จะต้องใช้แป้งมากเป็น 200 กรัม+ เครดิต   การลดไขมันไม่เหมือนกับการลดน้ำหนัก ดังนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องชั่งน้ำหนักทุกๆวัน ·         การลดเฉพาะไขมันเฉลี่ยอยู่ที่  0.5 kg. / สัปดาห์ http://www.hibalanz.com/articleshow.php?id_art=4 หมายเหตุ ช่วยแก้ไขด้วย ถ้าผมเข้าใจผิด จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 11:07:21

ความคิดเห็นที่ 5 เพื่อให้เพื่อนๆ มองเห็นภาพการออกกำลังให้ได้ output 900 Cals ขออนุญาตพาดพิง Fitness First สักนิด เขามีโปรแกรมตัวหนึ่งชื่อ RPM   จำลองการขี่จักรยานที่สนุก ใช้เวลา 60 นาที จะทำได้ถึง 600 Cals (ผมคงจำไม่ผิดนะ) แปลว่า เราต้องออกกำลังถึง 1 ชั่วโมงครึ่ง จึงจะได้ 900 Cals เพื่อลด FAT 100 กรัม หรือ 1 ขีด ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 11:15:00

ความคิดเห็นที่ 6  เนื่องจากการลดไขมัน FAT burn  มันค่อยๆลดได้ทีละนิด ถ้าผมไม่รู้ว่า ลด FAT ลงก่อน มันดีอย่างไร ? ผมคงจะท้อ เลิกออกกำลังไปแล้ว พอดีค้นเรื่อง Adipose Tissue ซึ่งมันเป็นตัวเก็บสะสมไขมัน ได้ความดังนี้ 1) ผู้หญิง จะเริ่มสะสมที่ ต้นขา และ สโพกก่อน 2) ผู้ชาย จะเริ่มสะสมที่ พุง 3) emzyme ที่ผลต่อการสะสม และ นำไขมันมาใช้ ...(ขอยังไม่กล่าวถึง) จะเล่าถึง ไขมันสะสม ประกอบด้วย 2 ตัว -White Adipose Tissue = WAT   -Brown Adipose Tissue=BAT เจ้า WAT นี้มีบทบาทกับการผลิตโฮโมนสำคัญหลายตัว เช่น  **Resistin** and ** Adiponectin ** เครดิต   http://en.wikipedia.org/wiki/Adipocytes White fat cells secrete many proteins acting as adipokines such as resistin, adiponectin and leptin. จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 11:26:38

ความคิดเห็นที่ 7 จากข้อมูลนี้จะเห็นว่า White Adipose Tissue ที่เป็นไขมันสะสม มีบทบาทกับ โฮโมนที่เข้ามาเกี่ยวข้อง 3 ตัว 1) Resistin 2) Adiponectin 3) Leptin ข้อสังเกต .. บางคนได้ข้อมูลว่า หากดูดไขมันออกแล้ว เซลไขมันจะลดลง ..ซึ่งไม่จริง Cell turnoverAfter marked **weight loss** or **surgical treatment to removing fat**, the number of **fat cells does not decrease** (the cells contain less fat). Fat cells swell or shrink but remain constant in number. However, the number of fat cells may increase once existing fat cells are sufficiently full. **In summary, we do not know clearly that the number of fat cells can increase or not but, surely, the number will not decrease.** เครดิต  http://en.wikipedia.org/wiki/Adipocytes จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 11:34:11

ความคิดเห็นที่ 8  โฮโมน 3 ตัวนี้ทำหน้าที่อะไร 1) Resistin 2) Adiponectin 3) Leptin --------- 1) Resistin คณะวิจัยศูนย์การแพทย์ ?? โรงเรียนแพทย์ ม. ฮาวาร์ด ว่ามันทำให้เกิดการดื้อ Insulin ขึ้นก่อน แล้วทำให้ glucose ที่เหลือเปลี่ยนเป็นไขมัน กลายเป็นไขมันสะสม เมื่อเซลไขมันมีการสะสมก็จะผลิต resistin วนเวียนไปอย่างนี้ ที่สำคัญ resistin จะเข้าไปยึดครองสมองส่วนควบคุม Metabolism ให้เผาผลาญช้า แปลว่า "กินน้อย ก็อ้วนง่าย"   2) Adiponectin เมื่อลดไขมันลงได้ เซลไขมันจะหันมาผลิต Adiponectin ซึ่งมีบทบาทตรงกันข้ามกับ Resistin แปลว่า "กินมาก ก็ไม่ค่อยอ้วน"   3) Leptin  รายละเอียดจากกระทู้เก่า ตามภาพ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 11:56:31

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อผมได้ข้อมูลเกี่ยวกับ FAT อย่างนี้ ผมจึงตั้งหน้าออกกำลังกายในระดับ FAT burn อย่างจริงจัง คือ ออกกำลังให้ระดับ Heart Rate อยู่ในช่วง Aerobic Zone เพียงแค่นี้ อะไรๆก็ดีขึ้น ครับ ก่อนจบ ผมจะนำวิธีวัด Heart Rate ง่ายๆ มาเล่าให้ฟัง คห. ต่อไป จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 11:59:29

ความคิดเห็นที่ 10 ตอนนี้ผมวิ่งตอนเช้าเกือบทุกเช้า ตอนเย็นยกเวทที่ห้อง วัดง่ายๆของผมคือวิ่งแล้วฮัมเพลงไม่ได้ หายใจไม่ทัน ถือว่าเป็นใช้ได้ จากคุณ : siranuchit เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 12:10:02

ความคิดเห็นที่ 11 โหวตเป็นกำลังใจในการตั้งกระทู้ครับ ในฐานะที่อยู่วงการเดียวกัน (100 kg FanClub) ได้ความรู้ดีด้วย ทุกวันนี้พยายามลด คาร์บอไฮเดรต ตอนเย็นก็กินสลัดอย่างเดียวครับ ตามรูป ปล.การทานสลัดสามารถช่วยให้เรามีพฤติกรรมในการเข้านอนเร็วขึ้นด้วยครับ คือ "ไม่ไหวแล้ว หิวอิบหาย เข้านอนดีกว่า" จากคุณ : ถามมาเรารู้เราตอบครับ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 12:10:42

ความคิดเห็นที่ 12 ผมตระหนักเสมอว่า การออกกำลังกายให้ได้ผล ... ต้องทำได้ง่ายๆ ไม่เครียด ไม่ต้องซีเรียสกับตัวเลข HR ต้องอยู่ในช่วงนั้น เป๊ะๆ ใครทำอย่างนั้น ผมเห็นล้มเหลวหลายคนแล้ว วิธีวัดว่า HR อยู่ในช่วง Aerobic Zone หรือไม่   ให้ใช้วิธี conversation pace ดังนี้ Try using a "conversational pace" to monitor your efforts during moderate activities like walking. 1)-- If you can sing and maintain your level of effort, you're probably not working hard enough.        **The Energy Efficient or Recovery Zone - 60% to 70% of MHR** 2)-- If you can talk and walk at the same time, you aren't working too hard.        **The Aerobic Zone - 70% to 80% of MHR** 3)-- If you get out of breath quickly, you're probably working too hard        — especially if you have to stop and catch your breath.         **The Anaerobic Zone - 80% to 90% of MHR** รายละเอียด ดูที่นี่ http://www.americanheart.org/presenter.jhtml?identifier=4736 credit: คุณ news-headline .. จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 12:13:21

ความคิดเห็นที่ 13 คห. 10 วัดง่ายๆของผมคือวิ่งแล้วฮัมเพลงไม่ได้ >>>>>>>  คห. 10 เสือปืนไว ตัดหน้าไปแล้ว อิอิ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 12:14:47

ความคิดเห็นที่ 14 ผมปั่นมาเป็นปี ก็ยังไม่ลด เพราะหลังจากปั่นเหนื่อยๆ จัดเต็มทุกที แข็งแรงขึ้น ไม่เป็นไข้ เป็นหวัดปีละ2รอบเหมือนเมื่อก่อน ก็ดีมากๆแล้ว จากคุณ : Sympho เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 13:23:40

ความคิดเห็นที่ 15 ผมว่าคุณ Sympho จะใช้เกียร์หนักไป ของผมเดิมจานหน้า 3 หลัง 7 ผมลดเกียร์หลังเหลือ 5 ปั่นเบาขึ้น แต่ได้รอบเร็ว 80-90 รอบต่อนาที ปั่นพักเดียวเหงื่อโชก ความเร็ว 15 กม/ชม. เช้า/เย็น 2 ชม. จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 14:08:43

ความคิดเห็นที่ 16 เขาว่า High-intensity exercise is one way to effectively reduce total abdominal fat. One study suggests at **least 10 MET-hours per week** of aerobic exercise is required for visceral fat reduction. http://en.wikipedia.org/wiki/Adipose_tissue จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 14:28:35

ความคิดเห็นที่ 17 men carry more of their weight around their middle and that lower body fat may be actually somewhat protective.  We’re not suggesting gaining weight to protect you from heart disease, but when solely comparing the two types of fat, visceral fat is much more dangerous. http://www.mohrresults.com/mohr-results-weight-loss-2/belly-fat-can-kill-you/ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 14:32:12

ความคิดเห็นที่ 18 เกียร์ เบาสุดแล้วครับ แต่...ส่วนใหญ่ขึ้นดอยสุเทพ ควงขาไม่ไหว นานๆจะปั่นราบๆยาวๆซักที จากคุณ : Sympho เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 15:19:31

ความคิดเห็นที่ 19 ขำคุณ Sympho  ช่างมีอารมณ์ขันดีจัง อย่างนี้ต้องไปวิ่งขึ้นบรรได ดอยสุเทพ ดีกว่า อิอิ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 15:43:33

ความคิดเห็นที่ 20 ติดตาม กระทู้แนวนี้ของ จขกท.ตลอดครับ เริ่มอ้วน+โคลเสเตอรอลทะลุเพดานแล้ว ... จากคุณ : Dare More เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 19:04:33

ความคิดเห็นที่ 21 ตอนนี้เริ่มอวบระยะสุดท้ายแล้วเหมือนกัน เข้ามาเก็บข้อมูลไว้เป็นแนวทางครับ มาดักรอ เผื่อมีดราม่า ด้วย อิอิ ... ล้อเล่นนะครับ จากคุณ : ถุนคุง เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 19:07:14

ความคิดเห็นที่ 22 ผมถอยจักรยานมาล่ะครับ พรุ่งนี้กะจะเริ่มปั่น วิ่งไม่ไหวเมื่อยน่อง จากคุณ : ปลาๆงูๆ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 19:38:16

ความคิดเห็นที่ 23 ผมไม่มีจักรยาน เคยเล่นบาส ตอนนี้ไม่ไหว ปวดหัวเข่า เดินเรื่อย ๆ ตอนเย็น ๆ อาทิตย์ละครั้ง ก็ดีแว้วครับ จากคุณ : kloyman เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 19:48:49

ความคิดเห็นที่ 24 ข้อต่อขาผมไม่ปกติ วิ่งไม่ได้ ปั่นจักรยานก็ไม่ไหว ลงตัวที่ Elliptical ปั่น 58-65 รอบ/นาที เป็นเวลา 45 นาทีต่อวัน 3-4 วัน/สัปดาห์ (ความหนืดบอกไม่ได้แต่ละเครื่องหนืดไม่เท่ากัน วัดชีพจรเป็นหลัก) 3 สัปดาห์น้ำหนักลดไป 2 กิโลกรัม แล้วก็เลิกปั่นไป 3 สัปดาห์ ตอนนี้น้ำหนักก็คืนกลับมา 2 กิโลกรัมเหมือนเดิม T T วันนี้จะไปฟิตเนสก็ไม่ได้ไป พรุ่งนี้จะเริ่มใหม่อย่างจริงจังอีกครั้ง เพื่อ Six packs  ^ ^ ถ้าผมไม่เล่นเวท น้ำหนักคงน้อยกว่านี้ ตอนนี้เริ่มมีกล้ามเนื้อเลยดูเหมือนน้ำหนักไม่ค่อยลง สำหรับคนที่อยากลดน้ำหนักด้วยการวิ่งให้อ่านกระทู้คุณ Tinynu ดีๆ ครับ ยืนยันด้วยตัวผมเองว่าได้ผลมาก ๆ เพราะตอนต้นปีผมก็วิ่ง 2 เดือน น้ำหนักหายไป 5-6 กิโลกรัมเลย จากคุณ : อิฐมอญ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 20:05:52

ความคิดเห็นที่ 25 พี่ จขกท.ครับ เข้าทางเลยครับ เพราะกะลังลดนน.อยู่ อ่านแล้ว ผมเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง  ขอถามพี่ว่า 1. ผมต้องวิ่งแบ.บเหนื่อยแฮกๆ ร้องเพลงไม่ออก  เป็นเวลาชั่วโมงครึ่งอย่างน้อยใช่ไหมครับ จึงจะสามารถลดไขมันได้ 1 ขีด 2. แล้วถ้าปั่นจักรยานเหนื่อยแฮกๆ ชั่วโมงคึ่งก็จะมีผลเท่ากันใช่ไหมครับ 3. เมื่อไขมันลดลงไปมากเท่าไหร่ครับจึงจะมีการผลิต Adiponectin ขึ้นมา เพราะผมเคยลดนน.ได้ 20 กิโล ด้วยการลดแป้ง ออกกำลังกาย  แต่สุดท้ายแพ้ใจตัวเอง กินกลับคืนมาหมดเลย  แอบรู้สึกว่ากินไม่ได้มากเท่าไหร่แต่ใยอ้วนง่ายจัง   อย่างนี้แสดงว่า Adiponectin ไม่ได้ผลิตหรือเปล่าครับ ขอบพระคุณครับ จากคุณ : ฟ้าใสดีจังวันนี้ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 20:25:58

ความคิดเห็นที่ 26 อ่านแล้วอยากไปป่ันจักรยานตอนนี้เลย จากคุณ : ฟูฟ่องล่องลอย เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 20:29:47

ความคิดเห็นที่ 27 ก็ว่าอยู่ว่าทำไมปั่นตั้งไกลแต่เหงื่อไม่ค่อยออกเลย ได้แต่ปวดขาอย่างเดียว ขอบคุณ จขกท. มากครับ จากคุณ : -=นามไร้ชื่อ=- เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 20:35:00

ความคิดเห็นที่ 28 ออกกำลังแบบแอโรบิคนั้นดีมาก ระบบหลอดเลือดระบบหัวใจแข็งแรง ได้ลดไขมันลดนู่นนี่สารพัด ถ้าทำถูกวิธี แต่ถ้าเลิกออกกำลังมันก็ดีดกลับมาอีก ถ้ายังกินเหมือนเดิม ใช้ชีวิตเหมือนเดิม แต่ถ้าเล่นกล้ามหรือเพาะกล้าม ทำให้กล้ามเนื้อมีมากขึ้น อย่างนี้จะคุมน้ำหนักได้นานและยาวนานกว่า ตราบใดที่ยังมีกล้ามก็อ้วนได้ยากกกกก กินมากก็ไม่เป็นไร เพราะกล้ามเผาผลาญพลังงานมหาศาลแม้ยามหลับ ทั้งนี้ก็เลือกเอา เพราะแอโรบิคมันก็ทำได้ง่ายเห็นผลเร็วกว่าเพาะกล้าม แต่ผลก็ไม่ยั่งยืนเท่า ตามกฎได้มาง่ายก็ไปง่าย ได้มายากก็ไปยาก ส่วนหันไปกินผักผลไม้แทนในมื้อเย็น ก็เป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ยั่งยืนเช่นกัน ยกเว้นจะกินแบบนี้ไปได้ตลอด จากคุณ : Edna Mode เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 20:38:41

ความคิดเห็นที่ 29 ผมได้ความรู้การ Fat burn มาจากท่าน จขกท นี่แหละครับ เลยเข้ามาดูที่มาที่ไปของท่านบ้างสักหน่อย ไม่เบาเลย แต่ทำแล้วคุ้มมม ! ฮิฮิ จากคุณ : Jengz N' Rokz เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 20:40:19

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ เข้าฟิตเนสก็คงไม่ช่วยอะไรเรื่องน้ำหนัก เพราะไขมันหายไป แต่ได้กล้ามเนื้อมา น้ำหนักจริงๆที่หายไปจากการออกกำลังกายน่าจะเป็นอื่นๆด้วยนอกเหนือจาก FAT เช่น "น้ำ" เป็นต้น ที่สำคัญคือลักษณะมวลกายและลักษณะทางกายภาพ 900 Cals ที่ว่าคือ ค่ามาตรฐาน บางคนอาจจะเผาผลาญได้มากกว่า และอาจจะน้อยกว่าก็เป็นได้... แต่โดยนัยแล้ว ร่างกายไม่ได้ใช้พลังงานทั้งวันเพียง 900 Cals ตามที่เราออกกำลังกายไป นั่นก็ไม่้ได้แปลว่า 1 วัน ลดไป 1 ขีด... แต่น้ำหนักสามารถหายไปจากชีวิตประจำวันได้อีกจากการกินเข้าไปนั่นเอง... หลักการง่ายๆในออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักคือ "รับรู้ว่าตัวเอง รับพลังงานมาเท่าไหร่ และ ใช้ไปเท่าไหร่" เพียงจุดนี้จุดเดียว จะใช้ชีวิตยังไงก็ได้ อยากจะกินวันละ 4 มื้อก็ได้ หากคุณสามารถเผาผลาญมันให้หดหายไปได้ โดยคุณไม่อ้วน... จากคุณ : Cocopok เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 20:45:28

ความคิดเห็นที่ 31 ก่อนอื่นต้องขอโทษ คุณ ถามมาเรารู้เราตอบครับ   ผมลืมตอบคุณได้ไง ??  อยากบอกว่า เห็นเมนูอาหารของคุณน่ากิน กลางคืนถ้าหิว ผมกินฝรั่งช่วยได้มาก ลองดูซิครับ เผื่อคุณจะนอนดึกได้ อิอิ --------------------- อีกอย่างเรื่องหนึ่งที่ผมลืมพูดถึงค่า Glycemic Index ของอาหาร ซึ่งมีบทบาทต่อ....ความรู้สึกหิว ค่า GI เขาเทียบกับน้ำตาล glucose มี GI=100 อาหารอะไรที่มีค่า GI ต่ำๆ มันจะเข้าไปเติมระดับ glucose ในกระแสเลือดแบบ"ช้าๆ ค่อยๆเติม"   ...ไม่ทำให้ *ระดับน้ำตาลในเลือดวูบวาบ* อันนี้ส่งผลต่อ Insulin ที่จะหลั่งออกมามาก และ Insulin เป็นตัวส่งสัญญาน Adiposity signal กระตุ้นความอยากอาหาร ... ผมพบเรื่องนี้โดยบังเอิญ เมื่อลองทดลองสูตร *High Protein and No CARB* ของ Dr Atkins ..ใครจะทดลองก็ได้ มื้อกลางวันให้กิน "เกาเหลาเพียงชามเดียว" โดยไม่กินข้าวเลย ..เกาเหลาชามเดียว อาหารเพียงแต่นี้ ผมอยู่ได้ถึงเย็นโดยไม่รู้สึกหิว ..ไม่มีอาการโหยเลย **แต่ถ้าวันใด ..เผลอกินข้าวสักนิด แค่ช้อนเดียว   พอตกบ่ายแก่ๆ ผมจะรู้สึกโหย หิวรู้สึกจะเป็นลม ต้องรีบหาอะไรกินทันที เรื่องนี้ผมเข้าใจว่า เป็นผลการกระตุ้นจาก CARB คือ ข้าวขาวซึ่งมีค่า GI สูงถึง 72 เมื่อกินเข้าไปมันก็ไปกระตุ้น Insulin เมนู high Protein and NO CARB เพื่อนๆหลายคนทดลองแล้ว .. จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 21:14:25

ความคิดเห็นที่ 32 ...โปรตีนไดเอทสูตร Dr. Atkin โปรตีนไดเอทสูตร Dr. Atkins นั้น คือวิธีการไดเอท ที่งดการบริโภค คาร์โบไฮเดรท และ น้ำตาลในทุกรูปแบบ **เป็นเวลา 14 วันติดต่อกัน** โดยใช้หลักการของอาหาร เพื่อเป็นยา หรือการใช้อาหารเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดูดซึมของร่างกาย ( Increase Metabolism Rate ) โดยหลักการดังกล่าวเป็นการเปลี่ยนแปลงขบวนการทางเคมี ให้ เปลี่ยนจากการใช้น้ำตาลเป็นพลังงาน มาเป็นการใช้ไขมันเป็นพลังงานแทนเพื่อการเผา ผลาญที่ดีขึ้น พร้อมทำลายไขมันที่สะสามอยู่ในร่างกายให้หมดไป จึงเป็นการปรับสมดุล ในร่างกายใหม่ อินซูลิน คือ ฮอร์โมนที่ทำให้อ้วน ( Insulin Hormone that make you Fat !!! ) โดยปกติแล้วร่างกายคนเราจะหลั่งสาร Insulin ออกมาเพื่อทำการย่อยแป้ง หรือ คาร์โบ ไฮเดรต (เพื่อเปลี่ยนเป็นกลูโคส อันเป็นแหล่งที่มาของพลังงาน) และน้ำตาล ส่วนไขมัน นั้นร่างกายจะเปลี่ยนเป็น กลีเซอรัล (Glycerol) และเปลียนโปรตีน เป็นกรดอมิโน (Amino Acid) แล้วดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด ฮอร์โมนที่ชื่ออินซูลิน ก็ใช้น้ำตาลที่ได้เปลี่ยนเป็นกลูโคสแล้วนี้ไปใช้เป็นพลังงานส่วน หนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็จะเก็บไว้ใช้ในยามฉุกเฉิน โดยเปลี่ยนจากกลูโคสเป็นไกลโคเจน ( Glycogen) โดยไกลโคเจนนี้จะถูกเก็บไว้ในตับอ่อน และกล้ามเนื้อ เพื่อใช้เป็นแหล่งหลัง งานสำรองยามฉุกเฉิน แต่หากมีปริมาณมากเกินความต้องการ อินซุลินก็จะทำการเปลียน ไกลโคเจนเป็นเยื่อไขมันชื่อ ไตรกลีเซอร์ไลน์ (Triglyceride) และนี่คือเหตุผลที่ว่า ทำไมฮอร์โมนที่ชื่อว่าอินซูลิน จึงเป็นฮอร์โมนที่ผลิตไขมัน และทำไมเราต้องกำจัดและ ทำลายกระบวนการดังกล่าว ... ... ... เครดิต ขอบคุณ เจ้าของ Blog http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=yodaoi&month=07-05-2008&group=11&gblog=11 จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 21:17:53

ความคิดเห็นที่ 33 #31 เช้ากินข้าวเพียงอย่างเดียวแล้วอีกสองมื้อไปเน้นผักผลไม้ จะช่วยได้ไหมครับ จากคุณ : jubchay เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 21:34:54

ความคิดเห็นที่ 34 คห. 20 คุณ Dare More จำผมได้ไหม ?   ผมแอบเอา *คำอธิบายด้วยภาพของคุณ* เรื่อง  Emulsifier มาอธิบายประโยชน์ของ Lecithin ที่มีในไข่แดง ผมอ่านบทความของ นพ. สโรช รัตนากร ได้ความว่า Lecithin ในไข่แดงมีประโยชน์ มันมีบทบาทช่วย ล้างท่อ ล้างไขมันที่เกาะในผนังเส้นเลือดเล็กๆ เป็นผลจากมันเป็น emulsifier ถ้าไม่อยากกินไข่  อาจจะหา Soy Lecithin มากินก็ช่วยได้ นอกจากนี้ กระเทียมก็มีผลช่วยลดไขมันในเลือดได้ (ขออนุญาต นำบทความ นพ. สโรช รัตนากร มาเผยแพร่) แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 54 21:39:33 จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 21:38:56

ความคิดเห็นที่ 35 ขออนุญาต นำคำอธิบาย Emulsifier ด้วยภาพของคุณ Dare More แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 54 21:43:41 จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 21:42:33

ความคิดเห็นที่ 36 ปั่นจักรยาน แล้วมายกดัมเบล ช่วงบนแข็งแรงขึ้นมันจะปั่นได้ดีขึ้นโดยเฉพาะการปั่นขึ้นเขา แต่ข้อเสียหิวบ่อยมากเลยต้องกินมาก ปั่นจักรยานอย่างเดียวช่วงแรกๆ ยังไม่หิวขนาดนี้เลย จากคุณ : mynameism เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 21:45:50

ความคิดเห็นที่ 37  คุณ ถุนคุง  ถอยจักรยานมาปั่นกันดีกว่า คุณ ปลาๆงูๆ  ปั่นแถวไหนครับ เจอกันอย่าลืมทักด้วยนะ คุณ kloyman ผมชอบบรรยากาศสวนลุมฯ ลองเดินที่นี่บ้างซิครับ คุณ อิฐมอญ  ถ้าเบิร์นไขมันเหลือน้อย มันจะช่วยลด Yoyo ได้มาก ผมเคยหยุด 4 อาทิตย์ ปรากฏว่า นน. ไม่ขึ้นครับ Buddy ผมก็เหมือนกัน นน. ไม่ขึ้น จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 21:50:46

ความคิดเห็นที่ 38 คห. 25 1. ผมต้องวิ่งแบ.บเหนื่อยแฮกๆ ร้องเพลงไม่ออก  เป็นเวลาชั่วโมงครึ่งอย่างน้อยใช่ไหมครับ จึงจะสามารถลดไขมันได้ 1 ขีด >>>>>>>>>  ไม่ใช่ครับ  *ตัวเลขนี้* ผมเพียงคำนวณคร่าวๆ ให้ดูว่า output Cals 900 จะใช้ FAT 1 ขีด แต่ นน. ตัวที่ลดจริงๆ อาจมากกว่านี้ได้ขึ้นอยู่กับ Cals uptake ที่คุณกินเข้าไป ถ้าคุณคุมอาหารด้วย ก็ช่วยได้มาก -------- 2. แล้วถ้าปั่นจักรยานเหนื่อยแฮกๆ ชั่วโมงคึ่งก็จะมีผลเท่ากันใช่ไหมครับ >>>>>>>> ไม่เหมือนกันครับ คุณเล่นหนักระดับนี้ Heart Rate จะเกิน Aerobic Zone เข้าไปอยู่ในย่านของ Anaerobic Zone คำนี้แปลว่า without Air นั่นคือ พลังงานส่วนใหญ่ที่ใช้ไม่ใช่ FAT ครับ  (ดูลิ้งค์ที่ผมแนบข้างบนครับ) ----- 3. เมื่อไขมันลดลงไปมากเท่าไหร่ครับจึงจะมีการผลิต Adiponectin ขึ้นมา >>>>>>>> แหะ แหะ ผมตอบไม่ได้ ของผมสังเกตจากพุงที่ยุบลงอย่างเห็นได้ชัด จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 22:03:53

ความคิดเห็นที่ 39 ขอโทษ ผมต้องขอตัวมาคุยต่อพรุ่งนี้ นะครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 22:05:25

ความคิดเห็นที่ 40 ช่วงผมลดหนักๆก็วิ่งสวนลุม 2 รอบ แรกๆจะใช้เวลาประมาณรวม 44 นาที หลังๆจะทำได้ซัก 36-38 นาที วิ่งเสร็จกลับมาปั่นจักรยาน จาก 75 ลดไปเหลือ 65 ได้ แต่ตอนนี้กินเยอะและขี้เกียจมากหนักราวๆจะ 79 แล้ว สรุปว่าปั่นหนึ่งชั่วโมงครึ่ง จะลดได้ 0.1 กิโลเลยใช่มั้ยครับ แล้วถ้าทั้งลดอาหารและออกกำลังกายด้วยแบบสุดๆเลย กินมื้อเช้าควบกลางวันทีเดียวหนักๆ อิ่มให้ถึงเย็นๆค่ำๆเลย จะได้ซักกี่โลต่อสัปดาห์ ปล.ต้มซุปกินบ่อยเนี่ยแหละะ จากคุณ : โดราลิบ เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 22:07:21

ความคิดเห็นที่ 41 ผมเคยสนใจไปนั่งคุยในฟิตเนสแห่งหนึ่งมา แต่ก็ปฏิเสธไปเพราะกำลังทรัพย์ส่วนตัวไม่พอ เคยหนักสุดๆ 95 กิโลกรัม ไม่ได้คิดจะลดน้ำหนักเลย แต่มีเหตุปัจจัยคือ ต้องการเก็บเงินไปเที่ยว จึงงด ขนม ของหวาน น้ำตาล น้ำหวาน อะไรก็ตามที่เป็นของขบเคี้ยว ของหวาน ขนม น้ำหวาน ทุกชนิด เลิกกินจุบกินจิบ เก็บเงินอย่างเดียว และมีออกกำลังกายบ้างแต่ไม่หนักหน่วงครับ เช่น วิดพื้น 40 ครั้ง ลุก-นั่ง 50 ครั้ง ฯลฯ ผอมลงแบบไม่รู้ตัวเลยครับ รู้ตัวอีกทีคือไปซื้อชุดนักศึกษา กางเกงเหลือเบอร์ 32 เสื้อไซส์ S - -" แต่พอหยุดไปมันก็กลับมาเหมือนเดิมครับ ตอนนี้ก็กลับมาใกล้เดิมๆครับ ออกกำลังกายใหม่กำลังจะได้ดีก็มีเหตุให้เลิกไปซะทุกครั้ง กระดูกหัก พื้นที่ไม่มี พอพื้นที่กับเวลาแบ่งเรียบร้อยกลายเป็นน้ำท่วมซะนี่ บ้านยังล้างไม่เสร็จเลย 555 แต่ครั้งที่ลดล่าสุดนี่ใช้วิธีเดิมครับ งดของหวาน ของจุบจิบ แล้วหลังข้าวเย็นก็ออกกำลังกายหนักๆสัก 1-2 ชั่วโมงครับ กล้ามก็มีครับ แต่ไม่ออกล่ำ สวยเหมือนไปฟิตเนส แต่ไขมันลดลงอย่างเห็นได้ชัด 1 เดือน ลดไป 5-10 กิโลกรัมครับ แต่ใส่เสื้อผ้าได้เยอะขึ้น ใส่แล้วดูดี เคยอยู่ดีๆไปเล่นฟิตเนสที่มหาวิทยาลัยครับ ปวดกล้ามเนื้อทุกครั้งจนหายปวด กล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สวยงาม แต่ไขมันมันยังอยู่นี่แหละครับ กลายเป็นว่าล่ำกว่าเดิม เล่นอยู่หลายอาทิตย์ไขมันถึงค่อยๆลงไปบ้าง จากความเห็นของผม คือ ลด FAT ก่อนเลยถูกต้องแล้วครับ ส่วนต้องการแค่หุ่นดี หรือ มีกล้ามก็ว่ากันไป เดี๋ยวเก็บของ ล้างบ้าน เรียบร้อยค่อยเริ่มออกกำลังกายใหม่อีกครั้งครับ ครั้งนี้ต้องผอมให้ได้ มันน่าแค้นนักไขมันผมมันออกที่ตูด ต้นขา เอว มากกว่าเพื่อน พอนึกถึงสมัยผอมเพรียวแล้วรู้สึกเสียใจที่กลับมาอ้วนเหมือนเดิม ปล.ตอนผมออกกำลังกายนั้นผมไม่ได้วิ่ง กับ ดึงข้อ นะครับ ไม่มีที่ให้วิ่ง จะไปวิ่งสวนสาธารณะแถวบ้านก็ไกลเกินไป ดึงข้อก็ในบ้านไม่มีที่ให้ยึดครับ ถ้าไม่ขี้เกียจ ไม่มีอะไรมาขวาง ก็ผอมแน่นอนครับ แก้ไข ตอนที่หนักสุด 95 แต่ลดมาเหลือ 65 ครับ แก้ไขเมื่อ 20 ธ.ค. 54 22:08:54 จากคุณ : ปลาวัวตัวอวบอัด เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 22:07:22

ความคิดเห็นที่ 42 ลดไขมันอย่างเดียวมันทำได้ยาก เเล้วยังเหนื่อยมากด้วย เเล้วก็ใช้เวลามากจริงๆ เเล้ว YoYo  กลับมาง่ายด้วย ---- ควรลดไขมันไปด้วย เสริมสร้าง กล้ามเนื้อไปด้วย เพราะกล้ามเนื้อเเม้ขณะเราอยู่เฉยๆหรือหลับ มันก็ยังเผาผลาญพลังงานอยู่ เเละเเม้เราจะไม่ออกกำลังกายหรือผิดวินัยการกิน เเต่การกลับมาอ้วนจะยากกว่า ---- การสร้างกล้ามเนื้อในช่วงเเรกๆ  น้ำหนักอาจดูเหมือนไม่ลด หรือ เพิ่มด้วยซ้ำ เเต่ให้ดูขนาดของร่างกายเช่น เอว หรือพุงลดลง พอผ่านช่วงเเรกๆไปเเล้ว น้ำหนักจะลดลงไปเอง --- จริงๆ คนเราตั้งเป้าหมาย เเล้ววัดผลการออกกำลังกายผิดพลาด ไปเน้นที่น้ำหนัก  จริงๆเเล้วคนเราต้องการ ร่างกายที่ตัวเล็กลงไม่อ้วน เเละสมส่วน เเล้วก็ต้องการสุขภาพร่างกายที่เเข็งเเรงขึ้นต่างหาก จึงควรใช้ตัวชี้วัดอย่างอื่นมากกว่า เช่นวัดสัดส่วน  วัดความกระฉับกระเฉง วัดไซส์เสื้อผ้าที่เล็กลง  วัด  HR  หรืออะไรอื่นๆ จากคุณ : RoseTiara เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 23:11:20

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบคุณคุณ TinyNu ที่ตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาครับ แล้วขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ช่วยกันแชร์ข้อมูล ตอนนี้ผมเพิ่งเริ่มต้นที่จะลดน้ำหนักจริงจัง กระทู้นี้เป็นทั้งข้อมูลและกำลังใจอย่างดีเลยครับ ^^ จากคุณ : sleeper_j เขียนเมื่อ : 20 ธ.ค. 54 23:26:49

ความคิดเห็นที่ 44 ถ้าเน้นที่ น้ำหนักอย่างเดียวจะพลาดได้ง่ายครับ ควรดูที่รูปร่างและสุขภาพ อื่นๆประกอบกันไปครับ จากคุณ : xnone เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 00:01:07

ความคิดเห็นที่ 45 ช่วงเริ่มลด ผมมีแนวคิดคล้ายๆจขกท คือตะบี้ตะบันแช่ Fat Burning Zone ตลอด ผมออกกำลังกายด้วยการใส่HRMจับโซน 65%  ปั่นเสือภูเขา ตอนเช้า1ชั่วโมง ตอนเย็น1ชั่วโมง และกิน Atkins Diet แบบ zero carbs ผลคือผอมจริงครับ แต่สูญเสียกล้ามเนื้อไปเยอะมากเลยกลายเป็นผอมโทรมๆ แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 54 00:26:54 แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 54 00:25:49 จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 00:20:31

ความคิดเห็นที่ 46 เลยเปลี่ยนวิธีครับ เลิกวิธี atkins ลดคาดิโอลง เล่นเวทเพิ่มขึ้น และกินอาหารโปรตีนสูงไขมันต่ำ โดยแบ่งเป็นมื้อย่อย 6มื้อ หุ่นดูดีกว่าเดิมครับ แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 54 00:28:33 จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 00:23:47

ความคิดเห็นที่ 47 ตอนนี้ เป็นหิดปลาทู (hit a plateau) กำลังหาทางแก้อยู่คำขอคำแนะนำด้วย จากคุณ : bakasama เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 01:20:54

ความคิดเห็นที่ 48 อยากจะขอความช่วยเหลือในการวางแผนออกกำลังกายหน่อยครับ ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนผมเป็นพยาบาลทำงานERเป็นกะ เวลากิน เวลานอนไม่แน่นอน จึงเป็นปัญหาในการวางแผนออกกำลังกายมาก ปัจจุบัน อายุ27 ปีขนาดร่างกายสูงราว 180 ซม น้ำหนักต่ำสุดในความสูงนี้คือ 67 kgช่วงตอนเรียนปี 3 จากนั้นก็มีพัฒนาการเรื่อยๆจนตอนนี้ 88-90 kg รู้สึกว่าตัวเองเหนื่อยง่ายมาก เช่น เวลาCPR ทำChest compression สัก 1 รอบ 2 นาที อัตราเร็ว มากกว่า 100 ครั้ง/นาทีขึ้นไป จะรู้สึกว่าเหนื่อยมากแทบจะทำไม่ครบ 2 นาที พอครบนี่หน้ามืดเลย บางทีเหนื่อยจนคิดอะไรไม่ออกเลยทำให้เป็นอุปสรรคในการทำงาน เลยอยากขอช่วยวางแผนการออกกำลังกายและการกินหน่อย อุปสรรคของผมคือ 1.เวลา ทำงานเป็นกะ 8 ชมเต็มเลิกช้าเป็นประจำ และก็ต้องไปทำงานก่อนเวลา ช่วงต่อเวรหนักๆบางทีขึ้นเวร 8 ชม พัก 8 ชม เป็นระยะเวลามากกว่า 10 วันอันนี้จะโทรมมากเพราะมีเวลานอนประมาณ 6 ชมต่อครั้งไม่กำหนดว่ามืดหรือกลางวัน หรือบางครั้งทำงานติดต่อกัน 16 ชม พัก 8 ชม 2 วันต่อกัน(อันนี้พักหลังๆเริ่มไม่ไหว) เลยอยากให้ช่วยคิดว่าจะออกกำลังแบบไหนดีที่สามารถออกในห้องได้สัก1-2 ชม แล้วนอนพัก 4 ชม โดยไม่ล้า 2. อาหาร อย่าคิดว่าเป็นพยาบาลทำไม่ถึงไม่รู้เรื่องพวกนี้ จริงๆก็รู้แต่เวลากินผมไม่เหมือนชาวบ้าน เช่น เราควรกินอาหารเช้าเพราะจะช่วยให้มีพลังงานในการทำงาน และไม่หิวจนเกินไปในเวลาเที่ยง แต่อาหารเช้าของผมบางทีก็ 6 โมงเย็นบ้าง ตี 2 บ้าง เวลาอาหารเช้าของคุณอาจเป็นเวลาเข้านอนของผม ช่วงงานยุ่งๆไม่ได้กินข้าวเลยเป็นระยะเวลาติดต่อกันกว่า 10 ชม ต้องทำงานตลอด บางทีไม่มีเวลาเลยกินขนมเอา บางครั้งมีข้าวกินแต่ก็กินสัก 5-10 นาทีไปทำงานต่อแต่บางทีก็มีช่วงวันหยุดยาวๆสัก 2-3 วัน ก็อยากจะนอนๆๆๆ เลยอยากให้ช่วยว่าผมจะออกกำลังกายแบบไหนดีเพราะเคยออกกำลังกายแล้วช่วงแรกๆจะปวดตัวมาก ไปทำงานนี่ล้ามาก ส่วนเรื่องendophineนี่ไม่ช่วยอะไรเลยเพราะถ้าเราออกกำลังเป็นเวลามันจะหลังเป็นเวลา พอถึงเวลาถ้าไม่ได้ออกกำลังจะครั่นตัว แต่ผมมันไม่เป็นแบบนั้นนี่ซิ บางทีออกกำลังได้เข้าที่แล้วไปเจอเวรยาวๆนี่ลืมการออกกำลังกายไปเลย จากคุณ : .... เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 03:23:18 A:110.164.90.6 X: TicketID:270953

ความคิดเห็นที่ 49 สวัสดีครับ คุณ ฟูฟ่องล่องลอย  ปั่นกลางคืนระวังรถด้วยนะ คุณ นามไร้ชื่อ น้องผู้หญิงนักจักรยานก็บ่นว่า ปั่นตั้งนานไม่ค่อยได้เหงื่อเหมือนผม คุณ Edna Mode ใช่ครับ ควรจะคุมอาหารและเพิ่มกล้ามเนื้อด้วย คุณ Jengz N' Rokz พอออกกำลังแล้ว เหมือนยาเสพติด จะหยุดไม่ได้ ข้อดีที่ลดน้ำหนัก ลด FAT ได้ผลหลายอย่าง เช่น ผมลดยาเบาหวานลงได้มาก จากเดิมเคยฉีด 34 unit ตอนนี้ลดเหลือ 10 unit ยาลดไขมัน หยุดไปเลย   ออกกำลังแล้วได้ผลดี  ผมจึงอยากมาแชร์กับเพื่อนบ้าง คุณ Cocopok จริงครับ หลายคนเข้าฟิตเนสบ่นว่า น้ำหนักไม่ลด คงจะเป็นเพราะได้กล้ามเนื้อ เคยเห็นบางคนใส่เสื้อลดน้ำหนักของนักมวย อันนี้ผมเคยลอง เสียเหงื่อมาก เสียน้ำมาก รวมทั้งเกลือแร่ด้วย วันต่อมาผมเกือบเป็นลม เลยเลิกใช้ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 08:09:41

ความคิดเห็นที่ 50 คุณ mynameism ขอบคุณครับ ตอนนี้ผมเล่น bench press และ dumbbell สลับกัน ส่วนการปั่นขึ้นเขา ผมสู้ไม่ไหว อิอิ คุณ โดราลิบ วิ่งสวนลุม 2 รอบ 44 นาที รอบละ 22 นาที ความเร็ว 6 กม/ชม ตอนนี้ผมก็วิ่งความเร็วนี้  ผมชอบสวนลุม พื้นทางวิ่งเขาปรับปรุงใหม่ เรียบ เนี้ยบมาก สรุป ที่ผมบอกว่า หนึ่งชั่วโมงครึ่งจะลดได้ 1 ขีด นั่นผมเพียงคิดค่าพลังงานคร่าวๆ ประมาณว่า output 900 Cals ต้องใช้ Fat มาเผา 100 กรัม แต่ในความเป็นจริง คุณจะเสียน้ำ เสียเหงื่อมาก และ ขึ้นกับระดับความหนัก ถ้าออกแรงหนักๆ การเผาผลาญจะใช้ CARB มาเผามากกว่า FAT เราจะสูญเสียน้ำหนักมาก ก็จริง แต่ไม่ดี สู้ลด FAT ให้หมดก่อนจะดีกว่า ช้าๆแต่ดีกว่าครับ อาหาร ควรกินทีละน้อยๆ และ แบ่งเป็นหลายมื้อ นางแบบหลายคนกิน 5-6 มื้อ แต่ผม 4 มื้อ เน้นค่า GI Glycemic Index ต่ำๆ จะช่วยไม่ให้หิวง่าย   ..มื้อเช้าแบบนี้ ค่า GI เกือบ 0 อยู่ท้องได้ถึงบ่าย ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 08:34:55

ความคิดเห็นที่ 51 คุณ ปลาวัวตัวอวบอัด  ยินดีด้วยที่ลดน้ำหนักได้ คุณยังหนุ่ม เล่นให้กล้ามโตไม่ยาก หลักๆที่จะให้กล้ามโต ต้องเพิ่มเหล็กจนยกได้ไม่ถึง 10ครั้ง อย่ายกด้วยเครื่องเพียงอย่างเดียว ใช้เครื่องจะใช้กล้ามซ้ำที่เดิม กล้ามจะไม่โต ครับ คุณ RoseTiara เห็นด้วยครับ คนที่จะลดน้ำหนัก ตั้งเป้ามุ่งวัดผลที่ "น้ำหนัก" ซึ่งไม่ถูก ที่ถูกควรมุ่งลด FAT ก่อน (พร้อมเสริมกล้ามเนื้อ) การลด FAT จะลดได้ช้า ตัวนี้เองที่ทำให้ ท้อ ..แต่ถ้าเข้าใจแล้ว จะมีกำลังใจขึ้น เมื่อลด FAT ลงได้แล้ว จะไม่เกิด YoYo ง่าย ครับ คุณ sleeper_j ดีใจด้วยที่สนใจสุขภาพ ผมเน้นทำง่ายๆ อย่าตั้งใจมาก จะเครียด พาลท้อง่ายๆ คุณ xnone ถูกต้องครับ อย่าเน้นตั้งเป้าที่น้ำหนักเพียงอย่างเดียว จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 08:49:09

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณ คุณ ม้าไม้เมืองทรอย มาแชร์ประสบการณ์กัน สูตร Dr Atkins ให้ทำติดต่อกันไม่เกิน 14 วัน ต้องกิน CARB บ้าง เยอรมันก็มีสูตร Eier Kur (กินไข่งด CARB) เขาก็แนะนำไม่เกิน 2 อาทิตย์ มากสุด 3 อาทิตย์ ครับ ขอบคุณที่นำาภาพเปรียบเทียบมาแชร์กัน สังเกต ลดไขมันได้ทุกส่วน รูปร่างดีขึ้นอย่างชัดเจน หุ่นแบบนี้มีอนาคต ครับ แก้ไขเมื่อ 21 ธ.ค. 54 08:58:05 จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 08:57:00

ความคิดเห็นที่ 53 คุณ bakasama ตอบไม่ได้จริงๆ ขอโทษด้วย จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 09:00:59

ความคิดเห็นที่ 54 คห. 48 1) ทำChest compression สัก 1 รอบ 2 นาที อัตราเร็ว มากกว่า 100 ครั้ง/นาทีขึ้นไป จะรู้สึกว่าเหนื่อยมากแทบจะทำไม่ครบ 2 นาที พอครบนี่หน้ามืดเลย 2) ไปทำงานนี่ล้ามาก ส่วนเรื่องendophineนี่ไม่ช่วยอะไรเลยเพราะถ้าเราออกกำลังเป็นเวลามันจะหลังเป็นเวลา พอถึงเวลาถ้าไม่ได้ออกกำลังจะครั่นตัว แต่ ผมมันไม่เป็นแบบนั้นนี่ซิ บางทีออกกำลังได้เข้าที่แล้วไปเจอเวรยาวๆนี่ลืมการออกกำลังกายไปเลย >>>>>> เห็นตารางทำงานของคุณแล้ว รู้สึกเห็นใจมาก ผมเคยผ่าตัดหัวใจหยุดเต้น โดนทำปั้มหัวใจ ฟื้นขึ้นมารู้สึกเจ็บหน้าอก เหมือนโดนชกแรงๆ จึงเข้าใจว่า คุณต้องออกแรงหนักมาก ทำงานหนัก+ไม่เป็นเวลาขนาดนี้ คุณคงจะไม่มีแรงออกกำลังกายได้มากเป็นชั่วโมง ระยะนี้พยายามพักผ่อนให้มากๆ และออกกำลังแฝงโดยขึ้นลงบรรไดพลางๆ เท่ากับได้วอร์มสักนิดก็ยังดี ครับ ขอเป็นกำลังใจให้คุณทำงานครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 09:28:20

ความคิดเห็นที่ 55 คุณ jubchay ลดน้ำหนักแบบ คุมอาหาร ก็ทำได้เหมือนกัน ผมเคยคุยกันในโรงยิม มีคนหนึ่งใช้วิธี "กินข้าวต้มเพียงอย่างเดียว" เดือนเดียวลดได้สิบกิโล หมอบอกว่า ไม่ดี ผมเคยอ่านที่ลิ้งค์นี้ ก็บอกว่า ไม่ควรลดด้วยการคุมอาหาร ครับ URL http://odyb.net/fitness/fat-storage-in-men-and-women/ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 11:32:19

ความคิดเห็นที่ 56 ถามคห. 46 คุณม้าไม้เมืองทรอย ใช้เหล็กเท่าไร ท่า bench press ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 13:28:22

ความคิดเห็นที่ 57 รวมคานประมาณ 60-80kg ครับ ไม่ค่อยเล่นหนักครับ เน้นคอนโทรลให้โดนอกมากๆ จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย เขียนเมื่อ : 21 ธ.ค. 54 14:17:08

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณครับ ขนาดไม่หนักนี่นะ 80 kg ของผมเล่น 50 kg เกือบตาย อิอิ มีน้องคนหนึ่ง เล่นหนักถึง 65 กก. แต่กล้ามไม่ยอมโต เหมือนของคุณ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 13:26:16

ความคิดเห็นที่ 59 ผมโชคดีที่สามารถปรับการกิน 6มื้อเข้ากับชีวิตการทำงานได้ครับ เลยโตไวพอสมควร หลายๆคนเล่นหนักเล่นเยอะ แต่โภชนาการไม่ดีพอก็ไม่โตครับ จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย เขียนเมื่อ : 22 ธ.ค. 54 14:32:30

ความคิดเห็นที่ 60 ผมทาน 4 มื้อ อยากแบ่งเป็น 6 มื้อบ้าง ของน้องคนที่เล่า ผมเห็นเขาคุยกับ PT แนะนำ Whey Protein แต่ผมเฝ้าดู ผมคิดว่า เขาไม่ค่อยเพิ่มเหล็ก ยกอยู่น้ำหนักเดิมครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 23 ธ.ค. 54 04:39:56

ความคิดเห็นที่ 61 ป๊าดๆๆๆๆ เห็นเล่นกัน 50-70 โล ผมเล่นแค่ 30 กว่าโลก็จะแย่แล้ว 555 เป้าหมายหุ่นนายแบบคงไม่ไกล เพราะตอนนี้เริ่มมีหน้าอกกับเค้าบ้างให้ชื่นใจแล้ว 555 จากคุณ : siranuchit เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 21:29:43