ผมให้อากู๋ค้น wikipedia มีรายละเอียดการทดสอบ ดังนี้
ตู้เย็น
ฉลากเบอร์ 5 ของตู้เย็น มีการดำเนินการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2537 การคำนวณค่าประสิทธิภาพของตู้เย็นออกมาเปรียบเทียบเป็นตัวเลข จะต้องใช้ตัวเลข 2 ค่า คือ ปริมาตรปรับเทียบของตู้เย็น(AV) และปริมาณพลังงานที่ใช้ใน 1 ปี(EC) โดยใช้สูตรการคำนวณคือ
AV =[Vf X {(32-Tf)/(32-Tr)}]+Vr (ค่า AV จะไม่แสดงบนฉลากเบอร์ 5 จะต้องคำนวณเอง หรือสอบถามไปที่ฐานข้อมูลของแต่ละบริษัท) โดยที่
- Vf = ปริมาตรช่องแช่แข็ง (หรือที่มักเรียกกันว่า ช่องฟรีซ) มีหน่วยเป็นลิตร
- Vr = ปริมาตรช่องแช่เย็น มีหน่วยเป็นลิตร
- Tf = อุณหภูมิของช่องแช่แข็ง มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส (ตู้เย็นส่วนใหญ่มีค่านี้เป็น -18)
- Tr = อุณหภูมิของช่องแช่เย็น มีหน่วยเป็นองศาเซลเซียส (ตู้เย็นส่วนใหญ่มีค่านี้เป็น 3)
EC = ปริมาณพลังงานไฟฟ้าที่ใช้หากใช้งานต่อเนื่อง 1 ปี มีหน่วยเป็นกิโลวัตต์ชั่วโมง ({วัตต์ X ชั่วโมง}/1000 เป็นค่าที่ใช้ในการคิดค่าไฟฟ้า และแสดงอยู่ในบรรทัดขาวของฉลากเบอร์ 5)
ในช่วงแรกที่มีโครงการเบอร์ 5 ของตู้เย็น (พ.ศ. 2537) มีตู้เย็นไม่กี่รุ่นเท่านั้นที่ได้มาตรฐานเบอร์ 5 โดยที่ตู้เย็นที่ซื้อขายกันทั่วไปจะสิ้นเปลืองไฟฟ้าเป็น 2 เท่าของตู้เย็นที่ได้มาตรฐาน(หากมี AV เท่ากัน) แต่ด้วยการประชาสัมพันธ์ของกฟผ. ทำให้ประชาชนหันไปซื้อเฉพาะตู้เย็นที่ได้มาตรฐานเบอร์ 5 จึงเกิดการแข่งขันของแต่ละบริษัทเพื่อให้ตู้เย็นของตนประหยัดไฟฟ้าเข้าเกณฑ์เบอร์ 5 ให้มากที่สุด ภายใน 1 ปีหลังการออกเกณฑ์เบอร์ 5 (พ.ศ. 2538) ตู้เย็นที่ไม่ได้มาตรฐานเบอร์5 จากที่เคยครองพื้นที่ได้กว่า 90% ก็แทบจะไม่เหลือในท้องตลาดอีกต่อไป (ตู้เย็นที่ผลิตในปี พ.ศ. 2553 ประหยัดไฟฟ้ากว่าตู้เย็นใน พ.ศ. 2538 ประมาณ 30% แต่ตู้เย็นที่ผลิตในปี พ.ศ. 2538 ประหยัดไฟฟ้ากว่าตู้เย็นใน พ.ศ. 2537 ประมาณ 50%)
หลังจากการพัฒนาการแบบก้าวกระโดดของประสิทธิภาพตู้เย็นใน พ.ศ. 2537 กฟผ. ได้เคยมีการปรับเกณฑ์ประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อให้เกิดการพัฒนาคุณภาพของตู้เย็นอย่างไม่หยุดยั้ง โดยในอดีตเคยมีการปรับเกณฑ์ครั้งใหญ่มาแล้ว 2 ครั้ง คือในปี พ.ศ. 2544 และ พ.ศ. 2549 โดยเกณฑ์เบอร์ 5 ของตู้เย็นในปัจจุบันเป็นดังนี้ ...(อ่านต่อตามลิ้งค์)
เครดิต Wikipedia โครงการประชาร่วมใจ
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิ๊กที่นี่