ความคิดเห็นที่ 1 ถ้าผมต่อสาย G เข้ากับ N ผมมีข้อสงสัยถึงข้อเสียครับ ถ้าไฟรั่วในอุปกรณ์ ELCB จะไม่ตัดไฟทันทีเหมือนเอา G เข้า กราวรอต  ต้องรอให้คนโดนไฟดูดก่อนหรือไม่ครับ เพราะ ถึงแม้ไฟจะรั่วเข้าโครงเหล็กของอุปกรณ์ แต่ไฟก็ยังสมดุลอยู่คือย้อนไปเข้า N ตามเดิม จากคุณ : E29AJP (tery_haha) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 12:19:46

ความคิดเห็นที่ 2 วิธีที่กล่าวมานั้น ก็ยังไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด อันที่จริง มันมีจุดเสี่ยงสำคัญมากอยู่ดีเจ้าค่ะ หากสายไปหลักดิน(หลังจากที่จัมพ์ร่วมกันแล้ว)หลุด หรือตัวหลักดินมีความต้านทานสูง ดินไม่ชุ่มจริง (ซึ่งเป็นไปได้มากสำหรับดินฟ้าอากาศแบบบ้านเราในหน้าแล้ง) ไฟรั่วที่จุดหนึ่ง จะไปปรากฏที่โครงเหล็กกราวน์ทุกๆจุดในบ้าน ซึ่งอันตรายอย่างยิ่งเจ้าค่ะ ปล. เคยถกเถียงกันมาในห้องนี้หลายยกแล้ว สรุปได้ว่า ไม่มีวิธีไหนที่ดีที่สุด ที่สามารถปกป้องอันตรายได้ทุกกรณีเจ้าค่ะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 13:20:37

ความคิดเห็นที่ 3 วิธีนี้แพงหน่อย แต่ก็ป้องกันได้มากกว่า จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 13:35:49

ความคิดเห็นที่ 4 ตัวหลักดินมีความต้านทานสูง : อยู่ที่ตอกแท่งดินลึกและได้มาตรฐานหรือไม่ ==== ดินไม่ชุ่มจริง : บ้านผม อยู่ในพื้นที่ชื้นแฉะ ใกล้ท่อน้ำ ยิ่งหน้าฝน น้ำท่วมในซอย ถึงกำแพงหน้าบ้านคราวละหลายชั่วโมง ===== หากสายไปหลักดิน(หลังจากที่จัมพ์ร่วมกันแล้ว)หลุด : ในกรณีนี้ ต้องตรวจสอบอยู่เสมอๆ แต่ก็ยังดี ที่ มันไม่ได้ต่อกับ N ซึ่งมีโอกาสเสี่ยงสูงกว่า เช่น การเผลอสลับสาย L กับ N ===== ไฟรั่วที่จุดหนึ่ง จะไปปรากฏที่โครงเหล็กกราวน์ทุกๆจุดในบ้าน : ต้องใช้ร่วมกับตัวตัดไฟด้วย ไม่ใช่ต่อ G เพียวๆ +++++ โดยสรุป ท่านผู้รู้ท่านั้น บอกว่า แต่ละวิธี มีเหตุผลรองรับต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่า ผู้ใช้ต้องการจุดไหน แต่ที่ท่านเน้น คือ มาตรฐานระบบของบ้านเรา ที่การไฟฟ้าใช้ ค่อนข้างอันตรายจากความผิดพลาดมากกว่าวิธรอื่น จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 14:01:58

ความคิดเห็นที่ 5 หมาวิ่งกัดกันไปชนกระแทก->สายขาด หนูหิวจัดแทะสาย->สายขาด ลมฟ้าอากาศฝนตกทำให้ขั้วผุกร่อนสนิมกัด->สายขาด ช่างไขขั้วไม่แน่น/กาลเวลาผ่านไป สั่นสะเทือนมาก น็อตคลายขั้วหลวม->สายหลุด ^_____^ หนูคิดว่า ตอกหลักดินของใครของมัน น่าจะปลอดภัยสุด ไม่เป็นปัญหากับใคร ถึงต่อสลับสาย L-N ก็ไม่มีปัญหาม ต่อให้ N หลุด ก็ไม่มีปัญหา, สายกราวน์หลุด ก็เป็นปัญหาเฉพาะจุด ไม่ลามไปทั่วบ้าน ข้อเสีย แพง ติดตั้งยุ่งยาก ลำบากเดินสาย ^_____^ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 16:38:34

ความคิดเห็นที่ 6 เรามีวิธีการต่อสายดิน ที่การไฟฟ้าแนะนำอยู่แล้ว ถ้าจะอ้างว่า วิธีนี้ดีที่สุดสำหรับการไฟฟ้า และแนะนำไม่ให้ประชาชนปฏิบัติตาม อย่างน้อย จขกท ก็ควรจะซักถามต่อว่า ... ดีอย่างไร ? เพราะการทำความเข้าใจและเชื่ออะไรสักอย่าง เราควรเลือกที่จะเข้าใจด้วยเหตุผล ไม่ใช่ เชื่อตัวบุคคล ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 16:46:15

ความคิดเห็นที่ 7 ส่วนการต่อกราวน์ด G เฉพาะ เป็นตัวๆ ไปของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความเสี่ยง ที่มีบางคนทำอยู่นั้น ท่านผู้รู้ท่านี้ ตอบว่า ใช้ได้ แต่มีจุดอันตรายบ้าง บางประการ >>>>>>>>>  จุดอันตรายบ้าง บางประการ เช่น ???  ควรจะขอตัวอย่างสักประการ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 16:50:02

ความคิดเห็นที่ 8    เราจะต่อสายดินให้ลงดินได้อย่างไร การต่อสายดินที่ถูกต้อง   จะต้องเป็นไป**ตามมาตรฐาน**ที่การไฟฟ้านครหลวงกำหนด   โดยมีการต่อลงดินเพียงตำแหน่งเดียวที่ตู้เมนสวิตช์   เช่น  ใช้สายทองแดงขนาดไม่ต่ำ กว่า   10  ตารางมิลลิเมตร   ต่อจากขั้วสายดินที่ตู้เมนสวิตช์แล้วต่อเชื่อมด้วยวิธีหลอม ละลายกับแท่งทองแดงขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง   16 มม. ยาว 2.40 เมตร   ที่ฝังลึกจมลง ไปในดิน เป็นต้น จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 16:53:13

ความคิดเห็นที่ 9 นี้เอามาจาก http://www.mea.or.th/apd/prd/safety_efficiency.pdf ลองอ่านดู จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 16:56:32

ความคิดเห็นที่ 10 และ จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 16:56:59

ความคิดเห็นที่ 11 ส่วนตัวผม ก็จะใช้ สองแบบนี้ โดยเฉพาะ แบบหลัง ส่วนมาก กราวด์จะฝากไปกับพวก เหล็กโครงอาคาร หรือ พวกท่อน้ำโลหะ จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 17:04:18

ความคิดเห็นที่ 12 คุณ : TinyNu ตามที่ท่านผู้ใหญ่ ซึ่งเป็นผู้บริหารเก่าระดับสูง “ของการไฟฟ้า” ท่านนั้น อธิบาย ท่านไม่ได้บอกว่า ที่การไฟฟ้าให้ทำนั้น ไม่ใช่ไม่ได้มาตรฐาน ท่านย้ำว่า เป็นหนึ่งในมาตรฐานที่หลายประเทศใช้กัน เช่นในยุโรปบางประเทศ เนื่องจากมีปัจจัยที่ต้องให้ใช้ระบบที่เหมือนการไฟฟ้าของไทยให้ใช้ แต่ท่านก็บอกถึงจุดที่มันมีความเสี่ยงสูง ในบางเรื่อง ซึ่งอีกหลายประเทศใช้อีกระบบหนึ่ง ครับ ท่านอธิบายให้ผมฟังยาวมาก อย่างละเอียด ซึ่งท่านรับปากว่า ต้นปีที่จะถึงท่านว่าง จะเขียนและค้นต้นแบบข้อมูลเอามาเผยแพร่ให้อ่านกัน จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 17:06:44

ความคิดเห็นที่ 13 55555 หนูอ่านไม่เข้าใจอ่ะ ตกลงมันมีความเสี่ยงสูงตรงไหนล่ะ ขอเนื้อๆ น้ำไม่ต้อง ไม่ต้องอ้อมค้อม ไม่ต้องอ้างผู้หลักผู้ใหญ่ ไม่ต้องอ้างสถาบัน ขอเนื้อๆ เน้นๆ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 18:40:45

ความคิดเห็นที่ 14 ส่วนรูปตามที่การไฟฟ้าแนะนำ ตามคคห.ที่10 ตามที่ยกมานั้น มันไม่ถูกไม่ควรตรงไหน เพราะอะไร ขอทราบเหตุผลด้วยเจ้าค่ะ หนูเข้าใจว่า การต่อเชื่อม N ลงกรานด์ ณ ตู้ MDB นั้น เป็นประโยชน์ต่อการไฟฟ้าฯ แต่ผู้ใช้ไฟตามบ้านไม่ได้ประโยชน์อะไรเพิ่ม ประเด็นคือ ต่อก็ได้ ไม่ได้ว่าอะไร แต่ถ้าบอกว่าไม่ต่อแล้วผิดนั้น อยากทราบว่าผิดตรงไหน ไม่ดีตรงไหน เพราะอะไร? วานแถลง หนูเข้าใจ่า มีประโยชน์ตรงที่ หากช่างการไฟฟ้าจั๊มพ์หัวสายสลับ L-N   ก็จะมีผลให้ฟิวส์/เบรกเกอร์ในบ้านตกทันที ก็เท่านั้นเอง ซึ่งนั่นก็ต้องถือว่าเป็นความชุ่ยของช่างการไฟฟ้า จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 18:47:28

ความคิดเห็นที่ 15 ถ้าต่อแบบ รูปบน ถูก  งั้นผมก็ลดสายได้น่ะสิ เอา N ต่อ G  แล้วก็ไม่ต้องเดินสายG ที่เต้ารับเข้ามา เมนสิ เพราะ จากรูป ถ้าเอา G ต่อ N แล้ว มันก็เหมือนเส้นเดียวกัน จากคุณ : opby เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 20:56:46

ความคิดเห็นที่ 16 เอ้อ      มันเหมือนกับ ทันตแพทย์โฆษณาแนะนำแปรงสีฟัน เลยต้องปิดบังใบหน้า ไม่สามารถ แสดงหน้าได้ จากคุณ : การกินเป็นสิ่งจำเป็น เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 21:13:54

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ : แ ต ง ก ว า ผมไม่ใช่วิศวกรไฟฟ้า ดังนั้น การหาข้อมูล จึงต้องถามจากผู่ที่ความรู้โดยตรง ซึ่ง จะถูกหรือผิด ก็ต้องหาข้อมูลจากหลายๆ ด้าน แล้วเอามาเปรียบเทียบกัน ถ้าผมเอามาพูดลอยๆ โดยไม่อ้างที่มาที่ไป คงจะเข้าใจกันนว่าผมพูดเอาเองลอยๆ เหมือนกับที่ผมเอาข้อมูลแบบที่คุณแตงกวาเสนอมา เมื่อจะเอาไปถกกับใคร ผมก็ต้องบอกว่า นี่เป็นข้อมูลจากคุณแตงกวา ไม่ใช่การอ้างคนอ้างสถาบันอะไร เรื่องที่เรากำลังคุยกันนี้ เป็นเรื่องซีเรียสสำหรับส่วนรวม ซึ่งมีผลต่อความเป็นความตาย ที่จะเอามาทำอะไรลวกๆ ง่ายๆ ไม่ได้ จากการที่ผมฟังเหตผลของคุณแตงกวา ของคนอื่นๆ ทั้งในเว็บบอร์ดนี้ และจากเว็บไซต์อื่นๆ และจากท่านผู้รู้ต่างๆ แม้จากลูกน้องของผมเองที่พอเป็นเรื่องไฟฟ้า ในฐานะที่ผมไม่ใช่คนมีความรู้เรื่องไฟฟ้า เห็นว่า แต่ละวิธี มีจุดเสี่ยง ตุดดี จุดด้อย ด้วยกัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องช่วยกันพิจารณาว่า ในสภาพแวดล้อมของบ้านเมืองเรา ควรใช้หลักการใด จึงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น การยกตัวอย่าง เรื่องสายต่อจาก กราวน์ดร็อด อาจหลุดเนื่องจากกรณีต่างๆนั้น มันก็เกิดได้กับการต่อสาย G ปักแท่ง G ทุกรูปแบบ ดังนั้น ปัญหาเรื่องสายจะหลุด ขาดจากกราวน์ด น่าจะยกวางไว้ แล้วมาดูประเด็นอื่นๆ ที่ระบบใด มีจุดอ่อนมากกว่ากัน ดังนี้ เป็นต้น ท่านผู้รู้ท่านนั้น ให้เหตผลว่า ในยุโรปบางประเทศ มีลักษณะพื้นเป็นหิน เป็นภูเขา ซึ่งอาจยากต่อการฝังแท่ง G เขาจึงใช้มาตรฐานแบบ ฝาก G ไว้กับ N แต่ในบ้านเรา เพราะความพลั้งเผลอของคนงานไฟฟ้า ที่ยังต้องพัฒนาความรับผิดชอบให้สูงมาก อาจมีความผิดพลาด เช่นการต่อสาย L กับ N สลับขั้วกัน ดังที่เป็นข่าวใหญ่บ่อยๆ ตัวอย่างต่างๆ เหล่านี้ เราไม่ได้ เถียงกัน เพื่อเอาอีโก้ เอาชนะ เพื่อจะอวดว่าใครเก่งกว่าใคร ผมกลับคิดว่า เราควรถกกัน ฉันท์ไมตรี เพื่อประโยชน์ร่วมกันของส่วนรวม นะครับ.. แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 21:52:18 จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 21:50:19

ความคิดเห็นที่ 18 แล้วของเรานี่ ช่างเขาทำถูกไหมนี่ คือแบบก่อนตอกแท่งสายดินหน่ะ ช่างเขาจะขุดดินตรงที่จะตอกลึกประมาณ 30 เซ็นต์ และตอกลง จนมิดหัวในหลุม และเทปูนราดทับตรงหลุม ให้ต่ำกว่าระดับพื้นดินเล็กน้อย  รอแห้ง เอาดินที่เหลือจากการขุด ปิดทับปูนตรงนั้นเลย เราก็ไม่ใช่ผู้รู้เรื่องแบบนี้เช่นกัน แต่ก็กังวล ว่ามันจะเพียงพอไหม ถ้าความชื้นที่จะไม่พอนี่ ต้องราดน้ำที่จุดนั้นด้วยไหม แบบ มันอยู่นอกรั้วบ้านหน่ะ จุดนั้น ..... จากคุณ : Lunar_Eclipse (Moonlight-Eclipse) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 22:21:14

ความคิดเห็นที่ 19 คุณ : Lunar_Eclipse (Moonlight-Eclipse) ตรงนี่แหละครับ ที่อย่างเราๆ ซึ่งไม่ใช่ช่างไฟฟ้า หรือผู้เชี่ยวชาญ (แค่รู้งูๆ ปลาๆ) ต้องพึ่งคนรู้ เพราะเท่าที่ทราบ เขาจะต้องวัดค่ความต้านทาน ของ G กับ L  ซึ่งเราไม่มีมิเตอร์ไว้ใช้เอง ยังไงก็ต้องพึ่งช่าง ซึ่งเท่าที่หาความรู้มา เท่าที่ทราบอีกเช่นกันว่า ระดับความลึก มีผลต่อประสิทธิภาพของแท่งกราวน์ร็อด อาจจะต้องลึกมากๆ ในบางที และไม่ต้องลึกมากในบางที่ บางทีต้องลึกกว่า 2 เมตร ซึ่งผมมาคิดดูแล้ว อย่างเราๆ ชาวบ้าน จะตอกแท่งหรรษานี่เองได้ยังไง ? แก้ไขเมื่อ 26 ธ.ค. 54 22:43:55 จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 22:43:22

ความคิดเห็นที่ 20 ที่ผมเอาประเด้นนี้มาถามหลายกระทู้ เพราะที่บ้านโดนด้วยตัวเอง เมนบอร์ดหลัก ใครต่อใคร มาต่อกันมั่วไปหมด เพราะเมื่อก่อนไม่ใส่ใจเรื่องนี้ บ้านซื้อต่อกันมาจากคนอื่น ก็ไม่ได้ใส่ใจว่า เมนบอร์ดย่อยที่อยู่ในแผงใหญ่มันต่อกันโยงจากไหนไปไหน มาเมื่อน้ำท่วมจึงได้รู้ว่า สายมันต่อกันมั่วไปหมด ห้องครัว เป็นสายเส้นเดียวกับลานซักล้างที่ระเบียงบ้านชั้นบน ห้องทำงานข้างล่าง ต่อสายเดียวกับห้องนอนลุกชั้นบน เรียกว่าเปรอะไปหมด พอติดตั้งแอร์ตัวใหม่เพิ่มที่ห้องอีกห้อง ช่างแอรืก็ลากสายเลือกเอาตรงเบรกเกอร์ช่องที่ว่าง พอซ่อมปั๊มน้ำ เดินสายใหม่ ช่างก็เลือกเดินสายจั๊มป์เอาเยรคเกอร์ในเมนบอร์ดที่คิดว่าสะดวก จนป่านนี้ ผมยังไม่ได้เช็คเลยว่า ตกลง สายกราวน์ G เส้นสีดำๆ ใหญ่ๆ กลมๆ  ที่มีอยู่ในตู้เมนบอร์ดหลักนั้น มันยังใช้งานได้จริง หรือต่อไว้หลอกๆ แต่ก็เห็นมันมีการับคู่สายไว้กับ N แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 00:14:47 จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 22:49:31

ความคิดเห็นที่ 21 ขอบคุณ คุณ มังกรดำ มาก ตรงจุดนี้ เราก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่ก็เห็นเขาทดสอบ เปิดปิด และหลังจากนั้น ไม่รู้สิ ตรงจุดนี้ ก็ปล่อยให้ช่างเขาทำไป พอคิด ๆ ไป ก็กลัวเช่นกัน ..... จากคุณ : Lunar_Eclipse (Moonlight-Eclipse) เขียนเมื่อ : 26 ธ.ค. 54 23:58:31

ความคิดเห็นที่ 22 ที่ว่าไม่ถูกต้อง น่าจะแยกยกมาชัด ๆ แต่ล่ะวิธีเลยนะครับ ดี และไม่ดีอย่างไร มาจนถึงตรงนี้ยังไม่ทราบเลยครับ ว่า ไม่ถูก  ไม่ถูกอย่างไร เพราะอะไร ที่ว่าถูกนั้นมีข้อจำกัด ข้อเสียอย่างไรบ้างครับ จากคุณ : ReHeat เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 00:23:33

ความคิดเห็นที่ 23 ถ้าเป็นตึกแถว ทาวน์เฮาส์ก็ทำตามการไฟฟ้าไปนั่นแหละใช้ได้แล้ว ที่ใช้ไม่ได้ส่วนใหญ่เพราะพวกช่างเถอะ ต่อผิดๆถูกๆ สลับสายบ้าง สายGลืมต่อบ้าง ช่างหลายคนก็มีปัญหาอีกคนก็นึกว่าช่างอีกคนต่อแล้ว อะไรทำนองนี้แหละ แล้วของพวกนี้มันอยู่ในท่อในฝ้า ใครจะไปรู้ว่าช่างทำผิดไว้ เพราะฉนั้นเวลารับงานต้องตรวจสอบทุกจุด ว่าL N G ถูกต้อง ส่วนถ้าเป็นบ้านใหญ่พื้นที่มากอาจต้องให้วิศวกรช่วยออกแบบ grounding system ถ้าเป็นโรงงานที่มีมาตรฐาน ก็ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอกเพราะเขาจะมี วิศวกรออกแบบgrounding system ที่ต้องกำหนดรายละเอียดมากมาย มีการคำนวณสนับสนุน เช่นจะใช้ ground mesh ขนาดกี่เมตร ลวดทองแดงขนาดเท่าไร groung rod กี่แท่ง ออกแบบครอบคลุมพื้นที่ทั้งโรงงานรวมถึงรั้วเหล็กด้วย จากคุณ : pkmea เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 01:23:05

ความคิดเห็นที่ 24 คุณ : pkmea ก็นั่นน่ะสิครับ อย่างที่คุญพูด “ แล้วของพวกนี้มันอยู่ในท่อในฝ้า ใครจะไปรู้ว่าช่างทำผิดไว้ ” และ ก็ถูกอีกครับ ว่าพวกโรงงาน เราไม่ต้องไปห่วงเขา แต่ที่ห่วง ก็คือ ตัวเรา ครอบครัวเรา และชาวบ้านอย่างเราๆ นั่นแหละครับ กรณีบ้านใหม่ จะได้เป็นข้อพึงระวังในการตรวจรับงาน แต่อย่างว่า หากไม่ใส่ใจเรียนรู้ แบบที่เรากำลังทำกันอยู่นี้ แล้วจะไปตรวจรับงานได้อย่างไรว่า ผิดหรือถูก คือ ผมมีแนวความคิดในการทำงานทุกอย่างว่า เราไม่ต้องมีความชำนาญในการลงมือทำเองทุกเรื่อง แต่เราต้องรู้พอประมาณ เพื่อการตรวจสอบ เพื่อการทำงานในระบบงานที่เรารับผิดชอบ ขออนุญาตยกตัวอย่าง เมื่อผมเป็นผู้จัดการโรงพิมพ์ ผมพิมพ์งานไม่เป็นเลย สู้เด็กๆ มือสองช่วยแท่นพิมพ์ก็ยังไม่ได้ แต่ผมลงไปเรียนรู้ เพื่อจะคุมโรงพิมพ์ ว่า การใช้หมึก กระดาษ น้ำยาเคมีต่างๆ ระบบแท่นพิมพ์ ต้องเป็นอย่างไร หากต้องซ่อม ควรทำอย่างไร จึงจะคุ้ม ถึงเวลาควรซ่อมหรือยัง อะไรที่ต้องใช้ของที่ดีที่สุดแต่ราคาแพง อะไรที่ไม่จำเป็นต้องซื้อของแพง อย่างเช่น ช่างพิมพ์สมัยก่อนจะใช้น้ำมันเบนซินเช็ดหมึกจากลูกกลิ้งผ้ายาง เพราะเช็ดหมึกได้เร็วและง่าย แต่พอผมได้รับการเรียนรู้ว่า น้ำมันเบ็นซินจะทำให้ผ้ายางชุดละ สองสามหมื่นเจ๊งเร็ว ก็เปลี่ยนมาเป็นใช้น้ำมันก๊าดแทน ซึ่งทีแรกช่างไม่ยอม เพราะต้องเหนื่อยมากขึ้น แต่ผมไม่ยอมตามใจช่างพิมพ์ เพราะนั่นหมายถึงคุณภาพงานพิมพ์ และต้นทุนที่แพงขึ้น ต้องเปลี่ยนผ้ายางบ่อย และใช้น้ำยาอย่างแพงในขั้นตอนสุดท้าย เพื่อให้ผ้ายางสะอาดเต็มที่เพื่อรับหมึกดีขึ้น ก็เช่นเดียวกับเรื่องไฟฟ้าที่ผมกำลังพูดอยู่นี่แหละครับ เราต้องรู้ จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 02:45:46

ความคิดเห็นที่ 25 ขอบคุณ คุณมังกรดำ ครับ คือ ผมสังเกตว่า จขกท ตั้งใจจริงสนใจเรื่องสายดิน เมื่อมีโอกาสพูดคุยกับท่านผู้รู้ อยากให้เจาะลึกในรายละเอียดครับ ปัจจุบัน มีข้อกำหนดให้เดินสายดินทุกบ้าน แต่บ้านผมเป็นบ้านเก่า ก็ไม่ได้เดินสายดินไว้ ผมเลือกต่อเฉพาะจุดสำคัญ เช่น เครื่องทำน้ำอุ่น ตู้เย็น เครื่อง PC วิธีวัดสายดินง่ายๆ  ก็จับ L-G  vs  L-N  ค่า Volt ต่างกันไม่ถึง 1 Volt ทางด้านการไฟฟ้า เขาจะต่อ G ทุกๆ 4 เสาไฟฟ้า (ข้อมูลจากพี่ MEA) สาย G นี้ต่อ จากจุด MP คือ Star-point  ที่ใช้เป็น N ในบ้านครับ   ดังนั้น ภายในบ้านเราวัด L-N  vs L-G ควรจะเท่ากัน ในทางปฏิบัติจะต่างกันเล็กน้อย ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 06:59:15

ความคิดเห็นที่ 26 ด้วยเหตุผลดังว่า ยิ่งเป็นเหตุผลสนับสนุนว่า ควรที่จะต้องมีหลักดินของแต่ละอุปกรณ์ไปเลย จะไม่ได้ต้องไปพึ่งพาหลักดินเดิม สายไฟเส้นเดิม ซึ่งไม่รู้ว่าช่างคนเก่าเขาเดินสายไว้อย่างไร / หลักดินนั้นยังใช้การได้อยู่รึป่าว ฯลฯ ดังนั้น เวลาจะติดตั้งอุปกรณ์ใหม่ ก็เดินสายดินของตัวเองใหม่ไปเลย ง่าย และตรงไปตรงมา เห็นกันจะจะว่าเดินสายชนิดไหนอย่างไร แล้วก็น่าจะเพิ่มระดับความปลอดภัยได้สูงขึ้นด้วย เจ้าค่ะ แต่ถ้าไปเถียงกับการไฟฟ้าฯ เขาก็จะหลับหูหลับตาเปิดคำภีร์ของเขามาตอบท่าเดียว อ้อ.. เหตุผลที่ว่า ต่างประเทศพื้นเป็นหินแข็งตอกหลักดินลำบาก เลยฝาก G ไปกับ N นั้น เป็นเหตุผลที่ไม่เข้าท่ามากๆนะเจ้าคะ เพราะถ้าจะทำเช่นนั้น ก็ไม่ต้องมีสาย G ก็ได้ ก็ใช้สาย N นั่นเลย เพราะมันก็เส้นเดียวกัน  ซึ่งมันก็จะวนไปเจอกับปัญหาเดิมว่า หากจั๊มพ์หัวสาย สลับ L กับ N กัน ก็จะบรรลัยทั้งบ้าน ดังนั้น โดยส่วนตัวแล้วจึงคิดว่า ต่อหลักดินของใครของมัน จะป้องกันได้สูงสุด และสร้างปัญหาได้น้อยสุดแล้ว เพียงแต่มันแพง เสียเงินซ้ำซ้อนหลายทอดแค่นั้น ปล. หนูยังอยากฟังเหตุผลของ "ผู้รู้" ท่านนั้นอีกนะ จะได้รู้ๆกันไปว่า จับสลากได้มารึป่าว  ^______^ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 07:18:22

ความคิดเห็นที่ 27 บ้านผม ก็ต่อเป็นจุด คอม 1 จุด เครื่องทำน้ำอุ่น ทุกเครื่อง คนละจุด(เครื่องอยู่ห่างกัน) ตู้ไมโครเวป+เครื่องซักผ้า ตู้เย็น 1จุดรวมกัน จากคุณ : การกินเป็นสิ่งจำเป็น เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 07:50:33

ความคิดเห็นที่ 28 เรียน คุณแตงกวา เหตผล นั้น ไม่ใช่เพียงเหตผลเดียว ที่ทำไมบางพื้นที่ของบางประเทศ ต่อแบบนั้น แค่ยกตัวอย่างบ้างเท่านั้น ความมั่นใจ ยืนยันความคิดเห็น อาจเป็นสิ่งที่ดี เหมาะสม ในบางกรณี แต่การปักหมุดกับเรื่องบางเรื่อง สมควรหรือไม่ นั่นก็แล้วแต่ละความคิดเห็น อัตตาของแต่ละคน ในเรื่องวิชาการอย่างนี้ ไม่สมควรประชดประชัด หรือเสียดสีกัน เพราะนี่ไม่ใช่ประเด็นการเมือง หรือการวิพากษ์สังคม สำหรับท่านที่ผมไปขอคำแนะนำนั้น ผมก็ไม่ทราบว่าท่านจับฉลากมาหรือไม่ เพราะยังไม่เคยพบตัวจริง แต่ที่ทราบในขณะที่คุยโทรศัพท์ คือ ท่านกำลังสั่งงานลูกน้อง ซึ่งกำลังรื้อ ซ่อม ระบบไฟฟ้าโรงงานโรงงานขนาดยักษ์ ซึ่งขอไม่เอ่ยชื่อโรงงาน ซึ่งเป็นโรงงานข้ามชาติ มาจาก “ยุโรป” และโดนน้ำท่วมในเขตนิคมอุตสาหกรรมคราวนี้ พอเสร็จจากคุมงาน ท่านกรุณาโทรกลับมาคุยกับผม ในขณะที่ท่านขับรถกลับบ้าน อย่างที่บอก คือ ท่านบอกว่า หลังต้นเดือนมกราคมไปแล้ว จะเสร็จงานของโรงงานนั้น แล้วจะเขียนมาให้เป็นกึ่งบทความ ที่จริง ผมเอ่ยปากเติมไปด้วยว่า จะสัมภาษณ์เป็นคลิปวิดีโอ เพื่อเผยแพร่ ท่านรับปาก ด้วยความเต็มใจ จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 12:55:49

ความคิดเห็นที่ 29 #20 คืออย่างนี้ครับคุณแตงกวา ต่างประเทศนั้นนอกจากมันจะต่อลงกราว เมนCB แล้ว มันยังยังเดินแบบ สตาร์ด้วย สังเกตุจากที่มันมี 3 ขา มันเป็นการดับเบิ้ลเซฟครับ การลงกราด์ที่เมนอย่างเดียวแน่นอนว่าเสี่ยง เพราะถ้าขาดตรงใหนซักที่ก็จบแล้ว แต่การเดินแบบสตาร์ควบคู่ไปด้วยก็ช่วยเซฟเข้าไปอีก เพราะถ้าขาสตาร์ ขาใดหลุดมันก็ไปลงที่เมน แถมเนื่องจากบ้านเค้าใช้ปลั๊ก 3 หัว มันไม่มีทางเลยที่เค้าจะต่อ L N สลับกัน ที่ตัวเครื่องใช้ (ต่างจากเราที่เดินสายไปก็เท่านั้น เพราะประหยัดต้นทุนกัน ปลั๊กมี 2 หัวอยู่ดี) นี่คือประโยชน์ ที่คนในบ้านได้รับคือมันดับเบิ้ลเซฟ ผมเดาว่าที่อาจารย์บอกว่าบ้านเรามันไม่เหมาะมันมีข้อจำกัดคงหมายถึงตรงนี้ เพราะการลดต้นทุนที่เดินสาย ในบ้านกันแค่ 2 เส้น การใช้ปลั๊กที่พร้อมสลับ L-N เพียงพลิกมือหมุน การที่ช่างบ้าน ต่อสายโดยมักง่าย และไม่ได้ศึกษาการเดินสายของบ้านก่อน ตรงนี้เราต่างกับเค้า จากที่มันเป็น ดับเบิ้ลเซฟกลายเป้นฝากชีวิต ไว้กลับสายไฟเส้นเดียว ดังนั้นถ้าผมจะทำไฟบ้าน ผมจะต่อแบบ สตาร์ เดิน 3 สาย + เดินไฟลงกราวด์ที่ เมนแน่ๆ ถามว่ามันดีที่สุดหรือไม่ก็ไม่เพราะกราวด์มีจุดเดียว ถ้ามันไม่ได้มาตรฐานมาทุกอย่างพังแต่ กราวจุดเดียวพูดตรงๆ มันง่ายในการดูแลมากกว่ากราวทุกจุด โอเค กราวทุดจุดมันเซฟที่แก้เป็นตัวๆได้ รู้ปัญหา ไม่รั่วถึงกัน บลาๆ แต่ถ้ามันเสียซักจุด คนเอามือไปจับมันก็อันตรายอยู่ดี แถมที่แน่ๆแพงกว่าด้วย แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 15:29:39 จากคุณ : hil4552 เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 15:25:23

ความคิดเห็นที่ 30 ผมเห็นตามคุณแคงกวานะ ต่อแบบแยกของใครของมันไปเลยน่าจะปลอดภัยสุด บ้านผมเป็นบ้านเก่า ไม่มีสายกราวด์ ก็ทำแบบนั้น (ตอกเองกับมือ) แต่อุปกรณ์ที่ต่อกราวด์ไว้ มีแค่เครื่องซักผ้า กับ เครื่องทำน้ำร้อน จากคุณ : bodin เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 21:56:50

ความคิดเห็นที่ 31 มันจะดับเบิลเซฟยังไงกันล่ะเจ้าคะ เพราะทั้ง N และ G มันก็เส้นเดียวกัน จั๊มพ์มาจากตู้ MDB จุดเดียวกัน แล้วจะต้องเดินสาย N กับ G สองเส้นขนานกันมาที่ปลั๊กผนังไปทำไม นอกจากนี้ หากเกิดรถยนต์ชนเสาไฟฟ้า สาย N ขาดไปเส้นเดียว (หรือคนยิงนกบนสายไฟฟ้า โดนสาย N ขาดไปเส้นเดียว) แต่สาย L ยังอยู่ และหลักดิน G มีความต้านทานสูง (หรือสายหลุด) คราวนี้ก็บรรลัยเหมือนเดิม เพราะไฟรั่วที่ไหนแค่จุดเดียว จะไปปรากฏที่โครงตู้ทุกจุดทั่วบ้าน มันดับเบิลเซฟตรงไหนกันเจ้าคะ โดยส่วนตัวหนูก็ยังคิดว่า ต่อหลักดินให้ทุกอุปกรณ์แยกของใครของมัน นี่แหละ ป้องกันกรณีต่างๆได้ครอบคลุมมากที่สุดแล้ว นอกจากนี้ ถ้ามันจะถึงดวงซวย มันก็ซวยเฉพาะที่เป็นจุดๆไป ไม่บรรลัยทั้งบ้านเหมือนวิธีอื่นๆค่ะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 22:05:56

ความคิดเห็นที่ 32 คุณ : แ ต ง ก ว า ที่เขาว่ามานั้น ใช่ แยก G อิสระจาก N หรือเปล่า ? ตอกแท่งหรรษา G ไปฝากที่เมนบอร์ด โดยไม่พ่วง G กับ N แล้วก็ Star ไปตามอุปกรณ์ต่างๆ อย่างนี้ จะเกิดอะไรขึ้นบ้างครับ จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 22:30:05

ความคิดเห็นที่ 33 คุณ : bodin ตอกแท่ง G ที่คุณทำ มีการเช็คค่าแรงดันไฟฟ้าด้วยหรือเปล่า หรือว่า กะๆ เอา และตอกลึกขนาดเท่าไรครับ จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 22:31:30

ความคิดเห็นที่ 34 ที่ผมเรียก แท่งหรรษา เพราะถ้าได้ตอก และต่อสายแล้ว ความปลอดภัยจะมีมากขึ้น ทำให้มีความสุข  ไม่กังวล จึงเรียกว่า แท่งหรรษา แก้ไขเมื่อ 27 ธ.ค. 54 22:37:22 จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 27 ธ.ค. 54 22:37:04

ความคิดเห็นที่ 35 คห.32  คงหมายถึงแบบนี้.... มันก็คือการต่อเหมือนมาตรฐานทุกอย่างแค่เอาสายพ่วง N-G ออก เท่านั้น ปัญหาของแบบนี้คือหากหลักดินขาด(เช่นตรงที่ x สีแดง) แต่ขณะนั้นอุปกรณ์ทุกตัว ไม่มีตัวไหนที่ทำให้เกิดไฟรั่วเลย  ไฟมันก็ยังไม่ดูดแม้สายดินจะขาดไปจากระบบ   แต่ถ้าสมมุต เต้ารับชุดล่างดันมีอุปกรณ์ที่ไฟรั่วเสียบใช้อยู่ ไฟมันจะพยายามวิ่งไปลงหลักดิน   แต่มันขาดลงไม่ได้... มันก็จะทำให้เต้ารับตัวบนในภาพ  (ตัวอื่นๆทุกตัว) มีไฟย้อนกลับมารั่วได้ แต่ไฟที่ย้อนมานี้จะหนักหนาสาหัสแค่ไหนก็ขึ้นกับว่าไฟที่รั่วมันมีมากแค่ไหน ถ้าเป็นแค่ PC 1 เครื่องที่เป็นตัวทำให้ไฟรั่ว มันก็จะสะดุ้งๆไม่ถึงตาย หลายๆคนเคยสะดุ้งกับเคสโลหะของ PC กันแล้ว   มันจะทำให้เกิดอาการสะดุ้งแบบนี้ทุกจุดกับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่อาศัยต่อกราวด์กับระบบปลั๊กโดยเสียบ 3 ขา เพราะไฟจาก PC มันจะย้อนไปโผล่ทุกที่ในบ้าน  กรณีตัวอย่างนี้กระแสรั่วทั่วไปจาก PC มันไม่มากจึงยังไม่ถึงตาย จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 01:11:56

ความคิดเห็นที่ 36 ทีนี้ประเด็นต่อ N กับ G หรือไม่นั้น ขอสรุปไว้คร่าวๆก่อน จะไปนอนแล้ว ไว้เดี๋ยวว่างหรือมีประเด็นไหนจะมาเขียนต่อ ถ้าต่อ N-G รับประกันได้ว่ากระแสรั่วไม่ว่ามากแค่ไหน เอาอยู่แน่ๆ แต่ถ้า N ขาดภายนอก ซวยครับ กระแสทั้งหมดจากโหลดมาโผล่ในระบบกราวด์ ไม่ต่างอะไรกับไฟเข้าบ้านสลับ L N  ซึ่งเลวร้ายมากที่สุด ถึงตาย ถ้าไม่ต่อ N-G รับประกันได้ว่าแม้ไฟเข้าบ้านจะสลับ L N  หรือ N ขาด ยังไงระบบกราวด์ในบ้านก็ไม่มีอะไรย้อนเข้ามาได้ แต่ก็แลกกับกรณีถ้าหลักดินในบ้านขาด/แห้ง ก็ซวยครับ ไม่มีการป้องกันเหลือเลย  กรณีนี้จะเลวร้ายแค่ไหนก็ขึ้นกับว่า ณ. ขณะนั้นมีอะไรไฟรั่วอยู่ในระบบหรือไม่และรั่วแค่ไหน ถ้าไม่มีอะไรรั่วก็ยังไม่เกิดอันตราย ถ้ามีการรั่วมันจะแชร์ไปสู่ทุกสิ่งที่อาศัยระบบกราวด์ทันที จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 01:22:36

ความคิดเห็นที่ 37 ผมไม่เห็นด้วยเช่นกันกัน ในเเง่ของผู้ใช้ ว่าที่ต้องเอา G ต่อ กับ N เพราะต่อให้ ไฟรั่ว จริง เเล้ว G หลุด หรือ ความต้านทานสูง  ไฟฟ้าก็จะไหลผ่าน ตัวผู้ใช้ ลง ดิน ได้อยู่ดี โดย N ของการไฟฟ้า ไม่ได้ช่วยอะไรเลย สรุป ต่อ กรานด์เเเยก ปลอดภัย ทุกกรณี กว่าเหมือนต่อ G to N เเล้วยังป้องกันเคส สลับ ขั้ว ตรงมิเตอร์ได้ด้วย เพราะ นิวตรอน แยก ออกจาก กราวน์ อย่างอิสระฮาตะ จากคุณ : ตำรวจ ไฟฟ้า เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 01:29:47

ความคิดเห็นที่ 38 จากคุณ : Ph รวมทั้งท่านอื่นๆ ด้วย กรุณาเข้ามาเสริม ให้เต็มที่เลยครับ เพื่อเป็นวิทยาทาย ให้ประโยชน์ของส่วนรวม เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่บ้านเรา หละหลวมกันมานานเต็มที จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 03:13:38

ความคิดเห็นที่ 39 ที่เราไม่ได้พูดกันเลย ในสองสามกระทู้ที่ผมตั้งประเด็น ซึ่งเป็นจุดที่จะต้องนำมาใช้พิจารณา และเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเป็นต้นตอของปัญหาทั้งหมด คือ “เงื่อนไข ที่จะเกิดกระแสไฟรั่วจากอุปกรณ์ และจุดต่างๆ ของระบบ” ตามที่เราบอกกันว่า การไม่ต่อฝาก G กับ N เป็นการลดความเสี่ยงในบางเรื่อง เช่น การต่อสลับสาย L N จึงแยก G ออกมาต่างหาก ไม่เอาไปพัน กับ N ซึ่งจะมีกรณีที่ต้องให้ความสนใจ คือ “การที่อาจมีไฟรั่วในบางจุด” (ความคิดเห็นที่ 35) “เงื่อนไข ที่จะเกิดกระแสไฟรั่วจากอุปกรณ์ และจุดต่างๆ ของระบบ” นั้น ได้แก่อะไรบ้าง เช่น สาย L หลวมหลุดไปแตะตัวถังอุปกรณ์ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีอะไรอีกบ้างครับ ? แก้ไขเมื่อ 28 ธ.ค. 54 10:32:13 จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 03:19:02

ความคิดเห็นที่ 40 และ คห. 5-36 กรณีที่ไฟรั่ว กับการต่อแบบนี้ ตัวตัดไฟ ประเภท เซฟทีคัท จะช่วยได้อย่างไรบ้าง ? จากคุณ : มังกรดำ เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 03:20:24

ความคิดเห็นที่ 41 มีกรณีไหนปลอดภัยจาก เอามือข้างนึงจับ N อีกข้างนึงจับ L ได้บ้างครับ จากคุณ : Black Strawberry เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 07:47:33 A:124.120.85.208 X: TicketID:339468

ความคิดเห็นที่ 42 ถึง คห 41 safe-t-cut  ครับ จากคุณ : ตำรวจ ไฟฟ้า เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 09:35:00

ความคิดเห็นที่ 43 ลองอ่านเวปนี้ดูครับเผื่อได้ความรู้เพิ่มเติม http://www.audio-teams.com/webboard/?ca1=16&id=19374 http://www.audio-teams.com/webboard/?ca1=16&id=25776 จากคุณ : หนุ่มชุมชน เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 11:00:25

ความคิดเห็นที่ 44 การต่อกราวด์ทุกแบบ หรือแม้แต่ไม่ต่อเลย (ยกเว้นเอา Gไปต่อN ตรงทางออก safe t cut) เซฟทีคัททำงานได้หมดครับ แม้แต่แบบ คคห. 41 ถ้าความต้านทานของตัวคุณไม่ใช่ศูนย์ เซฟทีคัทก็ทำงาน จากคุณ : bodin เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 12:02:01

ความคิดเห็นที่ 45 เอามือข้างหนึ่งจับสาย L   อีกข้างจับสาย N แบบนี้ครบวงจรระหว่าง L-N ซึ่งถือว่าเป็นการครบวงจรแบบปกติ(เหมือนเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วไป)ทำให้เซพทีคัตไม่ตัดครับ !!! และไม่มีเครื่องตัดไฟตัวไหนในโลกตัดให้ได้ด้วย ยกเว้นว่ามีเส้นทางให้ไฟรั่วลงพื้นได้บ้างเช่นขณะจับแบบที่ถาม แล้วดันไม่ได้ใส่รองเท้า แบบนี้เครื่องตัดไฟจึงจะพบไฟรั่วมันจึงจะตัดได้  ถ้าใส่ร้องเท้าซะอย่างดีก็ตายครับ ส่วนการต่อ G เข้ากับ N หลังเซพทีคัตนั้น  มันแทบจะตัดทันทีด้วยซ้ำไปโดยไม่ต้องมีใครโดนไฟดูด    ส่วนการต่อกันก่อนเซพทีคัตนั้นไ่่ม่มีปัญหาไม่รบกวนการทำงานเครื่องใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างทำงานปกติ จากคุณ : Ph เขียนเมื่อ : 28 ธ.ค. 54 18:02:34