 |
เมื่อมีนายดีคอยหนุนหลัง หลู่ย์เหวินเต๋อก็เริ่มขยายเส้นสายทางอำนาจในมณฑลทหารทั้ง 3 อีกรอบครับ โดยหลู่ย์เหวินเต๋อแต่งตั้งญาติพี่น้อง รวมไปถึงลูกน้องคนสนิทไปดำรงตำแหน่งสำคัญๆในมณฑลทหารทั้ง 3 เขตอย่างต่อเนื่อง ส่วนหนึ่งก็เป็นการการันตีอำนาจของตน และอีกส่วนก็เพื่อจัดตั้งระบบการป้องกันและสายบังคับบัญชาที่มั่นคงและง่ายต่อการสั่งการ เพื่อใช้ในการศึก
พวกขุนศึกคนสนิทอย่าง หลู่ย์เหวินหวน (น้องชาย) ได้กลายเป็นแม่ทัพใหญ่ประจำเมืองเซียงหยาง, หลู่ย์เหวินซิน เป็นแม่ทัพใหญ่ในเสฉวน, หลู่ย์เหวินหู่เป็นแม่ทัพประจำเอ้อร์โจว, หลู่ย์เหวินฟุเป็นข้าหลางใหญ่ประจำไหวซี, ฟานซื่อชง และเกากุ้ย ก็กลายเป็นขุนพลใหญ่ประจำเมืองต่างๆที่มีอำนาจทหารในมือ
ลูกชายสองคนของหลู่ย์เหวินเต๋ออย่าง หลู่ย์ซื่อกุ้ย และ หลู่ย์ซื่อหวาง ย้ายไปดำรงตำแหน่งฝ่ายบริหาร เป็นถึงเสนาบดีกรมพิธีการและกรมโยธา, นอกจากนี้เขายังแนะนำคนเข้ารับตำแหน่งสำคัญในฝ่ายบริหารและฝ่ายปกครองอีกจำนวนมากครับ ระหว่างปี 1260-1267 นี่ มีราชบัณฑิตระดับจิ้นสือหลายสิบคนที่มาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของหลู่ย์เหวินเต๋อ
ทางด้านภาพลักษณ์นั้น หลู่ย์เหวินเต๋อกลายเป็นดั่งวีรบุรุษในสายตาชาวบ้านเสฉวนและจิงหูครับ เพราะผลงานด้านการรบของเขาที่ทำให้ต้าซ่งรอดพ้นจากพวกมองโกลได้ ชาวบ้านและบัณฑิตจำนวนมากให้ความเคารพและยกย่องหลู่ย์เหวินเต๋อมาก จนมีคำกล่าวว่า กองทัพสกุลหลู่ย์ยังอยู่ต้าซ่งก็ไม่มีวันพ่ายแพ้
พอถึงปี 1267 อำนาจของสกุลหลู่ย์ที่นำโดยหลู่ย์เหวินเต๋อก็มั่นคงมากใน 3 มณฑลทหารภาคเหนือครับ ชาวบ้านให้การเคารพเขา เหล่าทหารและนายทหารประจำตำแหน่งต่างๆก็เป็นคนของเขา กองทัพหนานซ่งใน 3 มณฑลภาคเหนือกว่า 2 แสนคน ล้วนเป็นกองทหารของสกุลหลู่ย์
จากคุณ |
:
อุ้ย (digimontamer)
|
เขียนเมื่อ |
:
27 ธ.ค. 54 19:00:03
|
|
|
|
 |