ความคิดเห็นที่ 1 ... เฉลยครับ ... จากงานวิจัยชิ้นล่าสุดของข้าพเจ้าฯ ที่เพิ่งทำเสร็จสดๆ ร้อนๆ ผลการวิจัยบ่งชี้ว่าสิ่งที่ผู้ชมมองเห็นจากงานศิลปะในช่วง เสี้ยววินาทีแรกที่เห็นมีสองส่วนสำคัญครับ อันดับแรก :: การจัดเรียงองค์ประกอบ (Order) Order นี้รวมถึงการจัดเรียงของ Layout ความสมดุล (Symmetry) และ Balance ของดีไซน์ อันดับสอง :: ความซับซ้อน (Complexity) Complexity นี้รวมถึงจำนวนองค์ประกอบของงานศิลปะและความหลากหลายของเนื้อหา ย้ำนะครับว่าภายในช่วงเสี้ยววินาที ผมใช้แค่ครึ่งวินาทีในการทดลอง!  . . ภาพประกอบจาก http://500px.livejournal.คอม/1344580.html จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 23:09:23

ความคิดเห็นที่ 2 องค์ประกอบอื่นๆ เช่น สี คอนทราส อารมณ์ หรือ มุมมอง ของงานศิลปะนี่ ผู้ชมจะรับ รู้ “หลังจาก” Order กับ Complexity ตามหลังการทำงานในระดับ Sensory ของคนเรา ยกตัวอย่างได้ว่าสมองจะรับรู้ เรื่องสี คอนทราส เนื้อหา และอารมณ์หลังจากที่เราเห็นว่ามี "อะไรสักอย่าง หรือ หลายอย่าง" อยู่ในรูปครับ ก็ประมาณว่าเห้นสาวเดินมาคนเดียว หรือหลายคน จากนั้นค่อยเห็นสี แล้วสมอง จึงสั่งให้สายตาหันไปหาคนหรือจุดที่เด่น (e.g., คอนทราส) สูงสุดครับ ที่น่าสนใจคือผลการทดลองแสดงอีกว่า ไอ้ระดับของ Order กับ Complexity ของงานศิลปะนั้นที่ผู้ชมตัดสินภายในครึ่งวินาทีนั้น ไม่แตกต่าง จากระดับ ของ Order กับ Complexity ที่ผู้ชมตัดสินหลังจากที่ดูงานศิลปะนั้นอยู่ นานอย่างไม่จำกัดเวลา สรุปได้ว่า คนเราสามารถรับรู้ถึงองค์ประกอบด้าน Order และComplexity ที่ “เชื่อถือได้” จากการมองเห็นงานศิลปะนั้นจาก เวลาเพียงแค่ครึ่งวินาที เพราะดูงาน ศิลปะแค่ครึ่งวินาที หรือ สองชั่วโมงก็ให้ผลเหมือนกัน (เน้นว่าเฉพาะเรื่องของ Order กับ  Complexity นะครับ) !!! นอกจากนี้ยังสรุปได้อีกว่า จากมุมมองของผู้ชมทั่วไป (ไม่ใช่ Subject Matter Experts เช่นช่างภาพ จิตรกร กราฟฟิกดีไซน์เนอร์ นักวิจารณ์) Order มีผลต่อความ สวยงาม (Visual Aesthetics) ของรูปภาพมากกว่า Complexity เกือบๆ สองเท่า!!! เอ้า.. เอาเป็นว่า ถ้าคุณทำงานด้านนี้แล้วกลุ่มเป้าหมายคือผู้บริโภคทั่วไป ก่อนจะ ติสท์ยังไงก็ขอให้มีความเป็นระเบียบ มีความสมดุลของงานที่ถ่ายทอดออกมาเป็น หลัก ไม่งั้นงานอาจออกมาเน่าได้ เรื่องนี้สำคัญมากๆ โดยเฉพาะกับสื่อ Interactive ที่มีเวลาให้ผู้ชมดูไม่นานโดยเฉพาะ เช่น โฆษณาทางทีวี หรือเวปไซต์ ^ ^ ข้อสรุปนี้อาจจะฟังดูเหมือนเป็นสิ่งที่ทุกๆ คนรู้อยู่แล้ว (Common Sense) แต่จริงๆ แล้วในโลกนี้มีคน (บ้า 555) อยู่เพียงกลุ่มเล็กๆ ที่ทำการทดลองอย่างจริงจังทาง ด้านนี้โดยอาศัยค่าทางสถิติพิสูจน์ออกมาว่าข้อสรุปนี้เชื่อถือได้ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าน้อย เป็นหนึ่งในไอ้บ้าพวกนั้นนี่เอง ฮ่า ฮ่า ฮ่า เอิ๊ก ตัวอย่างภาพที่มีระดับ Order หรือ Symmetry สูง ภาพประกอบจาก http://500px.คอม/photo/3507284?from=editors จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 23:11:58

ความคิดเห็นที่ 3 หลายๆ คนอาจจะแย้งว่า โธ่เอ๋ย... ก็นี่มันแค่ครึ่งวินาที รู้ได้ไงว่าถ้าเค้ามีเวลาดูรูป นานๆ องค์ประกอบอื่นๆ อาจจะมีความสำคัญกว่าไอ้สองอย่างนี้ก็ได้... ถูกต้องแบบแอ็บโซลูทลี่ครับ แต่ไอ้สองอย่างเนี่ย ทั้ง Order ทั้ง Complexity อิทธิพลมันแรงครับ :) มันส่งผลต่อไปยังการรับรู้ในเรื่องขององค์ประกอบอื่นๆ ด้วย ฝรั่งเค้าเรียกกันว่า Halo Effect และที่สำคัญ มันทำงานระดับ “จิตใต้สำนึก” อย่างเงียบๆ โดยที่เราไม่รู้ ตัวเลยว่าการวิเคราะห์รูปหรืองานศิลปะอื่นๆ เช่น สี การจัดวางองค์ประกอบของรูป หรือความหมายของรูปนี่ล้วนได้รับอิทธิพลมาจาก Order กับ Complexity อันนี้ สำคัญและน่าสนใจมาก แต่ขี้เกียจลงลึกในเรื่องของทฤษฏีเพราะต้องอ้างถึงระบบ การทำงานของสมองที่ผมยังต้องศึกษาอีกเยอะ ไว้รู้ดีแล้ววันหลังจะมาเล่าต่อละกัน ครับ หลักฐานชิ้นหนึ่งที่บอกว่าเราคิดแบบ Order เป็นอย่างแรกๆ ก่อนจะติสท์ก็คือรูปที่ เราวาดตอนเด็กๆ สมมุติว่าอาจารย์สั่งให้ใช้สีเทียนวาดรูปดอกไม้สักดอก คิดว่าเด็กปอสี่จะเริ่มจากตรง ไหน? ใช่ครับ... ตรงกลางกระดาษแน่นอน เหตุผลก็เพราะระบบของสมองของเรามัก จะ “เหมา” เอาว่าสิ่งสำคัญที่สุดหรือจุดโฟกัสควรอยู่ตรงกลางเสมอๆ นอกจากนี้จุด ตรงกลางภาพนี่แหละครับที่มีความสมดุลย์ (Symmetry) สูงที่สุด . . ภาพประกอบจาก http://500px.livejournal.คอม/1344580.html จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 23:13:25

ความคิดเห็นที่ 4 ขออภัย... ลึมรูป จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 23:14:20

ความคิดเห็นที่ 5 ส่วนเรื่องหลักอื่นๆ ที่ไม่แนะนำให้วางวัตถุอยู่ตรงกลางเป๊ะเช่น หลัก Golden Triangle  หรือ กฎสามส่วน นี่มาทีหลังครับ เหตุผลก็มีหลากหลายจากหลาย คน เช่น อยากให้รูปมีความเป็น dynamic บ้าง หรืออยากเปิด space ไว้สำหรับ background ให้เล่าเรื่องบ้าง นอกจากนี้แล้ว ผมเชื่อว่าอีกเหตุผลสำคัญอีกอย่างคือความเคยชินครับ หลังจาก อ่านข้อเขียนหลายๆ ชิ้นแล้ว เค้าสรุปว่าหลังจากที่เรา มองเห็น แล้ว สายตาคนเรา จะถูกดึงไปที่ขอบๆ ของสิ่งที่เรามองเห็น ผมเดาว่าคงเป็นความเคยชินของคนเราเพราะเราหัดอ่านหนังสือไม่ว่าจากซ้ายไป ขวา จากขวาไปซ้าย จากบนลงล่าง นี่เป็นความเคยชินที่มันเกิดขึ้นกับสายตาของ เรา อันนี้ไม่ต้องเชื่อมากเพราะผมก็เดาไปเรื่อย 555 แต่มีหลักฐานนะครับ เค้าเรียกกันว่า F-Shaped Pattern ที่มาจากการศึกษาเรื่อง ตำแหน่งที่คนมองรูปโดยใช้เทคโนโลยี Eye-tracking ดูว่าคนมองรูปที่ตำแหน่ง ไหนมากที่สุด สำหรับวงการการออกแบบ website นี่เป็นเหตุผลหนึ่งที่โลโก้ของ บริษัทถูกวางให้อยู่มุมซ้ายบน search box อยู่มุมขวาบน เมนูหลักมักอยู่ด้านซ้าย ฯลฯ รูป Heatmap จาก website ของ Jakob Nielsen ซึ่งเป็นเจ้าพ่อในวงการ User experience and Usability . . จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 23:15:16

ความคิดเห็นที่ 6 สรุปแล้ว... ไม่ว่าคุณจะทำงานศิลปะด้านไหน ก็ต้องคำนึงถึงระดับของ Order กับ Complexity ครับ แต่มันอาจจะขึ้นอยู่กับงานที่คุณทำ ... อย่างที่บอก ถ้าเป็นพวก Interactive มากหน่อย ก็อาจจะต้องเน้น Order มากนิดนึง ถ้าเป็นพวกงานศิลปะที่ให้เวลาผู้ชมในการเสพนานหน่อย ก็จะมีส่วนประกอบอื่นๆ เพิ่มเข้ามา เช่น หลัก Golden Triangle หรือ กฎสามส่วน สี Analogy ความหมาย ของภาพ อารมณ์ และอื่นๆ อีกมากมายล้านแปดพันเก้าตามความติสท์ของผู้สร้าง แต่สรุปแล้วก็คือ ไม่ว่าเราจะตัดสินว่างานศิลปะนั้นสวยหรือห่วย ดีหรือมั่ว การ ตัดสินใจของเราจะได้รับอิทธิพลในระดับ “จิตใต้สำนึก”มาจาก Order กับ Complexity ของงานศิลปะนั้นเป็นหลักครับ มืข้อคิดเห็นอย่างไร บอกกล่าวโต้แย้งได้เต็มที่ถือเป็นการแบ่งปันความรู้กันครับ ... จบแล้วเด้อ .... จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 2 ม.ค. 55 23:16:39

ความคิดเห็นที่ 7 ดีครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 00:24:11 A:125.24.27.78 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 8 แจ่มครับ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:04:33

ความคิดเห็นที่ 9 ว้าวมีประโยชน์มากเลยครับขอบคุณมาก :) จากคุณ : Pigusto เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:08:28

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณค่า จากคุณ : มะเดี่ยวสีเขียวอ่อน เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 01:24:44

ความคิดเห็นที่ 11 แล้วจะรู้ตัวได้อย่างไร ว่าเห็นอะไรอยู่? มีขั้วไฟฟ้าติดที่สมอง? จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 06:31:03

ความคิดเห็นที่ 12 #11 บางรูปจะไม่ต้องบอกว่าอะไรเป็นยังไง แต่พอมองแล้วระรู้สึกชอบขึ้นมาทันที สวยตั้งแต่แรกเห็น นั่นแหละครับ ผลของการจัดองค์ประกอบภาพที่ดี จากคุณ : Air_graphic เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 09:00:11

ความคิดเห็นที่ 13 มีประโยชน์มากครับ กับงานของผม ขอบคุณครับ ^^ จากคุณ : หอยทากตัวน้อย เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 09:06:29

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้ารูปนี้แวบแรกที่เห็นนึกถึงอะไรครับ ผมนึกถึงนมครับ  พูดจริงๆไม่หื่นนะ จากคุณ : Ploeauer เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 09:48:39

ความคิดเห็นที่ 15 ผมตอบ 6 ผิดแฮะ... จากคุณ : ปลาๆงูๆ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 09:53:30

ความคิดเห็นที่ 16 คุณเศียรนาคา :: ยินดีครับ คุณหมึกสด :: ขอบคุณครับ คุณPigusto :: ยินดีที่มีประโยชน์ครับ คุณมะเดี่ยวสีเขียวอ่อน :: มิเป็นไรครับ คุณSpirited Away :: ใช้การเก็บข้อมูลจากแบบสอบถามในการทดลองครับ ถ้าเป็นการวัดคลื่นไฟฟ้าจากสมอง จะเป็นการใช้เครื่อง fMRI ในการ observe ซึ่งยังทำยาก และระดับความเชื่อถึอยังไม่ดีพอสำหรับการทำวิจัยใน เรื่องเกี่ยวกับ social science ครับ คุณAir_graphic :: ใช่เลยครับ ความชอบก็อาจเป็นผลมาจาก halo effect ครับ คุณหอยทากตัวน้อย :: ยินดีที่มีประโยชน์ครับ จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 09:59:33

ความคิดเห็นที่ 17 ตอบข้อ 4 ค่ะ สรุปว่าถูกเหรอคะ ^^ เราดูรูปทีไร ต้องดู composition ก่อนทุกที ก็เลยตอบข้อ 4ไปค่ะ แหะๆ จากคุณ : อดีตเด็กศิลป์ที่ไม่ได้เรื่อง (Lily-ChouChou) เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 10:04:42

ความคิดเห็นที่ 18 นึกว่าเป็นเรื่องสีซะอีกนะคะเนี่ย ขอบคุณสำหรับข้อมูลค่ะ  ^_^ จากคุณ : fm@co เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 10:07:08

ความคิดเห็นที่ 19 ผมตอบ Emotion จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 10:36:13

ความคิดเห็นที่ 20 ผมนึกว่าสีซะอีก แบบว่าวรรณะร้อนวรรณะเย็นมันน่าจะรับรู้ได้ก่อน order คือในความคิดผมนะ ถ้าแขวนรูปแดงแจ๋บนผนังขาว ผมน่าจะเห็นสีแดงแจ๋ก่อนจะเห็นว่าในรูปจัดองค์ประกอบยังไง อะไรทำนองนี้ล่ะครับ จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 10:46:46

ความคิดเห็นที่ 21 ผมคิดว่ามันขึ้นอยู่ำักับว่าเป็นภาพประเภทไหนด้วยนะครับ จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 11:09:28

ความคิดเห็นที่ 22 องค์ประกอบของ คห.20 ก็คือกรอบสี่เหลี่ยมที่มีสีเดียวไงครับ จากคุณ : workbench เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 11:13:00

ความคิดเห็นที่ 23 What Is Art? / Leo Tolstoy จากคุณ : wrought เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 11:20:01

ความคิดเห็นที่ 24 แหะ ตอบถูกแฮะ เพราะเวลาดูงานศิลป์ผมจะดูผ่าน ๆ เดินไปเงียบ ๆ เรื่อย ๆ และจะหยุดกับอะไรที่มันสะดุดกับผม เพื่อนเคยถามว่า ผมเลือกดูภาพใดภาพหนึ่งนานเป็นพิเศษจากอะไร ผมตอบไปว่า "เผอิญมันร้องทักgu หน่ะสิ" ซึ่งโดยส่วนมากเวลาเดินผ่าน ๆ ก็มันจะหยุดกับภาพที่มีองค์ประกอบน่าสนใจก่อนเสมอ จากคุณ : UVPhenix เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 12:40:16

ความคิดเห็นที่ 25 ตอบ 4 ส่วนตัวเมื่อพิจารณางานศิลปสิ่งที่ผมสนใจมากสุดสุดก็คือการจัดองค์ประกอบของภาพนี่แหละ บทความมีประโยชน์มากครับ กำลังสนใจทฤษฎีทางศิลปที่เกี่ยวกับการทำงานของสมองอยู่พอดี จากคุณ : miryone เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 13:52:09

ความคิดเห็นที่ 26 ผมตอบ 4 จากคุณ : Mr.Kito เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 14:27:15

ความคิดเห็นที่ 27 หลายคนอย่าเพิ่งหลงประเด็น คำถามคือ "แว๊บแรกที่มองรูปภาพ คุณเห็นอะไร" ไม่ใช่ "คุณชอบภาพแบบไหน" คำถามนี้ หาคำตอบด้วยแบบสอบถามได้ด้วยเหรอ ผมเองยังไม่รู้เลยว่าผมเห็นอะไรก่อน แล้วคนที่ตอบแบบสอบถามรู้เหรอครับ สงสัยวิธีการวิจัยนิดหน่อยอะครับ น่าจะมีรายละเอียดมากกว่านี้ จากคุณ : parasite เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 14:48:35

ความคิดเห็นที่ 28 สรุปถ้าจะเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงจะมานั่งติสท์แตกอย่างเดียวไม่ได้ ต้องศึกษาจิตวิทยาและพฤติกรรมศาสตร์ด้วยใช่มั้ยครับ แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 55 15:14:41 จากคุณ : praphrut608 เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 15:14:25

ความคิดเห็นที่ 29 ผมเชื่อว่าคนที่ชอบถ่ายรูป ต้องมองหาคำตอบเรื่องการจัดองค์ประกอบโดยไม่สนใจ choice ข้ออื่นๆ และคำตอบมันก็ใช่ซะด้วย อิอิ จากคุณ : Leopaul เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 17:22:26

ความคิดเห็นที่ 30 น่าสนใจเรื่องวิธีการติดตามตำแหน่งจนได้ Heat Map คับ ผมสงสัยอยู่นิดนึงว่า คนเรามองหาความสมมาตรในระดับไหนก่อนด้วยรึเปล่า แบบ สมมาตรซ้ายขวา (Bilateral) > สมมาตรตามรัศมี (Radial) > กึ่งสมมาตร (อย่างใน Penrose tiling) จากคุณ : ชโรนนท์ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 17:30:14

ความคิดเห็นที่ 31 หากเป็นงานศิลปะ มักจะมีองค์ประกอบหลายอย่าง ที่ศิลปินวางต้องการสื่อสาร เช่น มีการวางองค์ประกอบหลัก เพื่อเน้นนำสายตา แล้วมาการส่งต่อความสำคัญของ เรื่องราวผ่านองค์ประกอบรองถัดไป ตัวอย่าง The last supper โดย: Leonardo da Vinci จะมองเห็น 3องค์ประกอบที่ขับดันเรื่องราวในภาพ องค์ประกอบหลักคือ พระเยซู ที่จัดวางให้อยู่กลางโต๊ะอาหารทรงยาว ถ้ามองดูจะเห็นว่า ตัวพระเยซู มีลักษณะเป็น3เหลี่ยมพีระมิด มั่นคง มีองค์ประกอบหน้าต่างช่องแสงด้านหลัง ผลักดันให้ พระเยซู ลอยเด่นเน้นให้อยู่ตรงกลางผลักดันความสำคัญขององค์ประกอบหลัก องค์ประกอบรองลงมาคือบรรดาสาวก ที่กำลังเกิดอาการกลลาหล ความเคลื่อนไหวเริ่ม เกิดจากกลางภาพและมีมากขึ้นเป็นความว้าวุ่นเมื่อกระจายตัวออกไปกว้างขึ้นด้านริมภาพ อันเกิดจากการที่ พระเยซู ได้กล่าวว่ามีบางคนในที่นี้จะทำการทรยศโดยการไปบอกทหาร ให้มาจับตัว พระเยซู ไปตรึงกางเข็น แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 55 19:03:33 แก้ไขเมื่อ 03 ม.ค. 55 19:02:43 จากคุณ : Air_graphic เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 19:00:36

ความคิดเห็นที่ 32 ผมว่าผมเห็นวัตถุหลักมากกว่า จากคุณ : นายฉิม (นายฉิม) เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 19:44:50

ความคิดเห็นที่ 33 เราใช้ทฤษฎีอธิบายภาพ หรือเราใช้ภาพอธิบายทฤษฎี? ในโลกศิลปะไร้กฎเกณฑ์ นักวิทยาศาสตร์ต่างมะงุมมะงาหราหาอะไรสักอย่างเพื่อตั้งทฤษฎี ภาพเดียวกัน ต่างคนมองเห็นไม่เหมือนกัน แม้คนเดียวกันก็เห็นแตกต่างไปในการมองแต่ละครั้ง ...เรื่องนี้จึงมีหลักเกณฑ์? ปล.ที่น่าขำกว่านั้นคือศิลปินทั้งหลายต่างยึดหลักเกณฑ์ที่ว่ากันอย่างเหนียวแน่น 55+ จากคุณ : 0vvaynar0 เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 20:19:26

ความคิดเห็นที่ 34 ตอบถูกต้วย !!! จากคุณ : Gunz_za เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 20:33:08

ความคิดเห็นที่ 35 คุณ Ploeauer... เอาจริงแล้วผมก็เห็นเหมือนกันครับ แหะ แหะ แหะ แต่ไม่ใช่แว๊บแรก ก่อนอื่นเราต้อง "รับรู้" ก่อนว่ามีผู้หญิงอยู่ในรูปซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ องค์ประกอบภาพครับ อย่างไรก็ดีหลังจากรับรู้แล้ว ผมมองที่ "ตา" ของนางแบบก่อนอ่ะครับ คุณ workbench... ใช่ครับ ขอบคุณครับ คุณ wrought... ไม่เคยเห็นหนังสือเล่มนี้เลยครับ เดี๋ยวจะไปหาอ่าน ขอบคุณที่แนะนำครับ คุณ miryone... ขอบคุณครับ ดีใจที่มีประโยชน์ครับ คุณ parasite... ใช่ครับและก็เก็บข้อมูลแบบนี้ได้ด้วยแบบสอบถามครับ ที่สำคัญคือเรา จะไม่ถาม subjects แบบชี้นำ ว่าเห็นนี้ไหม เห็นโน่นไหม แต่จะใช้วิธีถามแบบอ้อมๆ ที่ ไม่ให้เค้ารู้ตัว (หรือรู้น้อยที่สุด) ว่าเราถามอยู่ครับ คุณ praphrut608... จิตวิทยาและพฤติกรรมศาสตร์เป็นสิ่งที่ควรรู้ครับ ส่วนจะเป็น จิตรกร หรือ จิตกรที่มีชื่อเสียงนั่นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งครับ คุณ ชโรนนท์... น่าเป็นเป็นสมมาตรโดยรวมครับ แต่อันนี้น่าสนใจ เดี๋ยวจะไปศึกษาเพิ่ม ขอบคุณครับ ขอบคุณอีกครั้งครับคุณ Air_graphic คุณ 0vvaynar0 ทฤษฎีนี่จำเป็นมากสำหรับการ "อธิบาย" ปรากฏการณ์ ครับ ส่วนจะใช้ได้แค่ ไหนหรือเป็นจริงในสถานะการณ์ไหนนี่มันเป็นอีกเรื่องครับ คุณ ปลาๆงูๆ คุณ อดีตเด็กศิลป์ที่ไม่ได้เรื่อง (Lily-ChouChou) คุณ fm@co, คุณ ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก คุณ ชิวตัวเป็นขน คุณ T7Promoter คุณ UVPhenix คุณ Mr.Kito คุณ Leopaul คุณ นายฉิม (นายฉิม)... คุณ Gunz_za ... ไม่มีทฤษฏีด้าน social science behavior ไหนที่ถูกต้อง 100% และใช้ได้ทุกสถานะการณ์ครับ เพราะฉะนั้นไม่มีคำว่า "ผิด" หรือ "ถูก" ครับ มีแต่ "reject" หรือ "fail to reject" เท่านั้น ในการทดสอบสมมุติฐานครับ จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 20:41:50

ความคิดเห็นที่ 36 ถูกใจคำว่า "reject" หรือ "fail to reject" ครับ งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ก็ยังต้องอิงกับสิ่งๆ นี้ แต่เท่าที่อ่านในหว้ากอ หลายๆ ครั้งก็มีคนที่ออกตัวว่าคิดแบบวิทยาศาสตร์อย่างเหนียวแน่น แต่ไม่เข้าใจใน concept เกี่ยวกับสองคำนี้ จากคุณ : ชิวตัวเป็นขน เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 20:47:09

ความคิดเห็นที่ 37 อารมณ์ครับ จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 22:19:03

ความคิดเห็นที่ 38 องค์ประกอบค่ะ... จากคุณ : ลูกเป็ดขี้เกียจ เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 22:25:59

ความคิดเห็นที่ 39 เราไม่มีศิลปะในหัวเลยรึนี่ ไม่ว่ารูปอะไร อันดับแรกจะรู้แค่มันภาพโทนสีอะไร แล้วค่อยดูว่ารูปอะไร ^O^ จากคุณ : PlaPinky เขียนเมื่อ : 3 ม.ค. 55 23:40:15

ความคิดเห็นที่ 40 หัวข้อน่าสนใจมากครับ จากคุณ : bakasama เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 00:43:56

ความคิดเห็นที่ 41 เป็นหัวข้อที่น่าสนใจดีฮะ อยากรู้ว่าทดลองกันยังไง พอจะอธิบายให้ฟัง ได้มั้ยครับ จากคุณ : hellmoon เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 09:44:17

ความคิดเห็นที่ 42 ตอบถูกแฮะ หรือเพราะเราถ่ายรูป 555 จากคุณ : shakri เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 11:26:59

ความคิดเห็นที่ 43 ขออภัยที่มาตอบช้าครับ ปกติสิงอยู่ห้องกล้อง เพราะถ่ายรูปเป็นงานหลัก ทำวิจัยเป็นงานอดิเรก คุณ ชิวตัวเป็นขน... คนใกล้ๆ ตัวบางคนของผมนี่โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงเวลามีคนวิจารณ์ theory หรือผลการทดลองขัดกับที่เขาเสนอ เถียงแบบหน้าดำคร่้ำเครียดเอาเป็นเอาตาย เห็นแล้วขำดีว่าไม่ต่างอะไรกับคนบ้า อ้อ แย่กว่าคนบ้าหน่อยครับเพราะพวกนี้มักมีอีโก้สูง คุยด้วยแล้วเครียดกว่าคนบ้าทั่วๆ ไป 555 ขอบคุณครับคุณ... Santa_Baby ลูกเป็ดขี้เกียจ PlaPinky bakasama shakri สำหรับคุณ hellmoon... จริงๆ ที่ผมเอามาลงในกระทู้นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ซึ่งก็ไม่ใช่เป้าหมายหลักของงานวิจัย แต่เห็นว่าน่าสนใจดี สำหรับการทดลองก็ไม่มีอะไรเลยครับ 1. ดู stimuli 2. ตอบแบบสอบถาม แต่ว่า แต่ว่า แต่ว่า.... ทุกๆ ขั้นตอนได้ถูกออกแบบมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนตามหลักของ experimental design... ไม่ใช่เอาอะไรมาใช้เป็น stimuli ก็ได้... ต้องมีการทำ manipulation checks ของทุกๆ stilmuli ใน pilot study ไม่ใช่อยากถามอะไรในแบบสอบถามก็ถาม... ต้องเลือกคำถามที่ได้รับการ validated แล้ว และต้องมี reliability อยู่ในระดับที่ใช้ได้แล้ว ไม่ใช่อยากทดลองก็ทดลอง... ต้อง control การทดลองอย่างรอบคอบให้ปราศจาก bias เท่าที่สุดที่จะเป็นไปได้ (อันนี้ทำยากสุดๆ สำหรับ behavioral sciences) ซึ่งก็รวมถึงการกำจัด variables อื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวครับ จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 12:40:28

ความคิดเห็นที่ 44 ผมว่า ถ้าเป็นคนที่ชอบการถ่ายรูป น่าจะเห็นด้วยกับ จขกท เพราะการถ่ายรูปสักรูปหนึ่ง จะสวยไม่สวย ผมว่าการจัดองค์ประกอบเป็นเรื่องสำคัญ อันดับหนึ่งเลย จากคุณ : neobkk เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 14:30:37

ความคิดเห็นที่ 45 ในฐานะคนทำงานด้านศิลปะ นี่เป็นงานวิจัยที่มีประโยชน์มากครับ ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าจะปรับการทำงานของผมยังไง จากคุณ : คนรักมิวฟิล เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 16:12:55

ความคิดเห็นที่ 46 ชอบมากๆครับ ขอบคุณมากครับ :D จากคุณ : 76 (KuMp) เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 16:14:37

ความคิดเห็นที่ 47 จากการที่ปกติเป็นคนชอบถ่ายรูปอยู่แล้ว เวลาถ่ายก็ดูองค์ประกอบเป็นหลัก แต่ถ้าเป็นสาวๆที่ถ่ายให้ดูรูป ผมคิดว่าเค้าเห็นอยู่สองอย่างครับ 1. แขนใหญ่อะ!! 2. หน้าบานอะ !! จากคุณ : modman เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 17:11:38

ความคิดเห็นที่ 48 #14 ผม Order ครับ ห่อกลับบ้าน จากคุณ : Godgate เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 18:17:01

ความคิดเห็นที่ 49 ถ้าถามว่าแว๊ปแรกเห็นอะไร ผมจะตอบสี แต่ถ่าถามว่าถ้าเห็นแว๊ปเดียวและอะไรทำให้พินิจดูต่อ ก็คงเป็นองค์ประกอบอะครับ จากคุณ : ซึน จืน หมึน เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 18:24:22

ความคิดเห็นที่ 50 เรามองจุดโฟกัสก่อน... จากคุณ : จะงอนฯ เขียนเมื่อ : 4 ม.ค. 55 21:20:19

ความคิดเห็นที่ 51 เอ...ทำไมเรารู้สึกถึงอารมณ์ก่อนอ่ะ จริงๆ จะรู้สึกถึงอะไรก่อนก็ได้เหรอ จากคุณ : รู้รึเปล่าว่าเค้าคือแมว เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 17:14:05

ความคิดเห็นที่ 52 คุณ neobkk ครับ จริงแล้วผมทำงานทางด้าน user interface design ครับ เลยไม่ได้จำกัดเฉพาะงานศิลปะด้านการถ่ายภาพ ดีใจด้วยครับคุณ คนรักมิวฟิล มิเป็นไรครับคุณ 76 (KuMp) คุณ modman... จริงแท้ครับ แหะ แหะ คุณ Godgate... ขอสองครับเผื่อผมด้วย แต่ต้องส่งมาระวังๆ หน่อยเดี๋ยว ผบ แอบแกะแล้วจะซวย 555 คุณ ซึน จืน หมึน... จริงๆ แล้วอันนี้ซับซ้อนและคุณก็มาถูกทางแล้วครับ เพราะ แสง = สี ไม่มีแสง ก็ไม่มีสี และก็จะมองรูปไม่เห็น แต่การแยกแยะของสีได้เนี่ยเราต้องรู้ก่อนว่าวัตถุอะไร อยู่ตรงไหนใช่ไหมครับ เพราะงั้น order กับ  complexity จึงน่าจะมาก่อนครับ ปล. สีนี่ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญนึงที่ทำงานในระดับจิตใต้สำนึก แถมยังขึ้นอยู่กับแต่ละ culture ด้วย แต่ผมไม่ได้รวมไว้ในงานชิ้นนี้ เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ ไว้คราวหน้าจะมาพููดถึงต่อครับ คุณ รู้รึเปล่าว่าเค้าคือแมว... อันนี้อารมณ์มาเกือบหลังสุดครับ เพราะ เราต้องรับรู้เรื่องราวในรูปภาพก่อน สมองถึงจะประมาลผลออกมาได้ว่าศิลปินเค้าตั้งใจสื่อถึงอะไร คุณ จะงอนฯ... ถ้ารูปที่ถ่ายหลุดโฟกัสละครับ (เบลอทั้งภาพ)... ข้างล่างนี่ผมถ่ายเอง หลุดไปนิดหน่อยแต่อีกสิบกว่ารูปที่เหลือหลุดกระจาย ถ้าเป็นงั้นคุณจะมองตรงไหนครับ :) . . แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 18:41:17 จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 18:39:47

ความคิดเห็นที่ 53 มองรถแท็กซี่อ่ะค่ะ (คันตรงกลาง) ^^ เพิ่มนะคะ เวลามองภาพ เรามักจะมองจุดเด่นของรูปก่อนน่ะค่ะ ที่ว่าโฟกัสคงใช้คำกว้างไปหน่อย หรือตามหัวข้อกระทู้คงหมายถึง มององค์ประกอบและความสมดุลย์ มั๊งคะ แก้ไขเมื่อ 05 ม.ค. 55 20:34:26 จากคุณ : จะงอนฯ เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 20:28:14

ความคิดเห็นที่ 54 ^ ^ ขอโทษครับรูปข้างบนผมกะเอาขำๆ เลยหลุดประเด็นไปหน่อย จริงๆ แล้วสิ่งที่เรา "รับรู้" อาจจะไม่ใช่สิ่งที่เรา "มองเห็น" นะครับ จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 5 ม.ค. 55 20:33:44

ความคิดเห็นที่ 55 เข้ามาดูครับ จากคุณ : หน้าม้ารับจ้าง เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 00:51:02

ความคิดเห็นที่ 56 โอ้... เจอคุณหน้าม้ารับจ้างด้วย... ยินดี ครับ ยินดี อยู่นอนห้องกล้องต้องเรียก "คุณ" จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 03:59:15

ความคิดเห็นที่ 57 สงสัยเกี่ยวกับภาพ heatmap ครับ จากตัวอย่างนี่มันมาจากหน้าเว็บไซท์หรือเอกสารใช่ไม๊ครับ มันเป็นธรรมชาติที่คนจะอ่านตัวหนังสือจากซ้ายไปขวา และจากบนลงล่างอยู่แล้วหรือเปล่าครับ? ไม่ทราบว่ามี heatmap บนภาพถ่ายไม๊ครับ ขอบคุณครับ จากคุณ : ลูกชายป้าเห็ด (ลูกชายป้าเห็ด) เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 06:50:15

ความคิดเห็นที่ 58 ^ ^ อย่างที่บอกไว้ใน rep นั้นครับว่ามันเป็นข้อสันนิษฐานง่ายๆ ของผม... ว่าทำไม่ถึงต้องมี "กฎสามส่วน" หรือ "Golden Ratio" ในงาน design ทั้งๆ ที่ถ้าทำตามกฎพวกนี้แล้ว จะลดความ symmetry ลง ...เพราะเป็นความเคยชินจากการอ่านหนังสือนี่เอง จากคุณ : theorem เขียนเมื่อ : 6 ม.ค. 55 07:34:58

ความคิดเห็นที่ 59 ผมกลับเห็นต่างนะ สิ่งที่ผมคิดว่าคนเราจะเห็นในเสี้ยววินาทีแรกคือข้อ 1 Color & Contrast โดยเฉพาะ Contrast ซึ่งมันไม่ได้บอกว่ามันมีสีอะไร อ่อนหรือเข้ม ร้อนเย็น ยังไง แต่มันคือตัวสำคัญในการบ่งบอกว่า  "มีอะไรซักอย่างอยู่ตรงนี้ในนี้นะ" เช่น เหมือนคุณมองกระดาษA4 ซึ่งมันก็จะต้องมีลวดลายหรือเส้น ที่มัน Contrast กับพื้นหลัง หรือมีกรอบที่ระบุตำแหน่งขึ้นมาก่อน ไม่ใช่ขาวโพลนไปทั้งหน้า คุณถึงจะรับรู้แล้วว่ามัน"มีอะไร" คือ"มีภาพ" หรือจากตัวอย่างที่ จขกท ยกมา Contrast มันเกิดตั้งแต่คุนเห็นว่า"มี" กลุ่มผู้หญิง เดิมมาแล้วครับ ไม่ได้เกิดตอนมองคนสวยที่สุด จากนั้นเมื่อเรารับรู้ถึงการ"มีอยู่"ของภาพแล้ว สิ่งต่อไปที่จะเห็นก็คือ Dominant element ซึ่งอาจมีหลายจุด และอาจะไม่ใช่ main ของตัวภาพก็ได้ แล้วจากนั้นเราถึงจะค่อยมารู้สึกถึง Order & Symmetry ซึ่งมาพร้อมกับ Emotion และสุดท้ายเราจึงค้นหา Complexity เพื่อเข้าใจ Meaning ต่อไป จากคุณ : น้ำนอง เขียนเมื่อ : 7 ม.ค. 55 14:26:40

ความคิดเห็นที่ 60 มันก็ขึ้นอยู่กับว่าภาพนั้น  เป็นภาพอะไร จริง ๆ ตอนแรกจะตอบองค์ประกอบของภาพอยู่ แต่ว่า  มาคิดอีกที   ถ้าเป็นภาพที่มีจุดมุ่งหมาย  ไม่ใช่ภาพที่อะไรต่อมิอะไรสุมเต็มไปหมด มันก็ต้องเป็นวัตถุหลักที่ถูกถ่ายสิ สมมติ  อย่างภาพโมนาลิซ่า ตอนแรก  คนทั่ว ๆ ไปก็น่าจะมองไปที่ใบหน้าของนาง   ก่อนที่จะมองไปที่องค์ประกอบอื่น ๆ ดังนั้น  ถ้ายังไม่สามารถอธิบายให้เห็นภาพชัดเจนกว่านี้ได้ ผมก็คงต้องเชื่อความคิดเห็นของผมก่อน เพราะตัวผมเอง  เห็นแบบนี้ ไม่ใช่โดนคนอื่น  โน้มน้าวให้เห็นแบบที่เขาอยากให้เป็น แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 55 23:01:26 จากคุณ : ขุนไกรครับผม เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 23:00:26