ความคิดเห็นที่ 1 เดานะ ลองนึกถึงลูกเหล็กวางบนแผ่นยาง ถ้าเหล็กหนัก ยางก็บุ๋มลงไปเยอะ วัตถุอื่นที่อยู่ใกล้ๆก็จะไหลลงรอยบุ๋มนั้น ประมาณนี้ จากคุณ : annalog เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 00:20:36

ความคิดเห็นที่ 2 จัดยาว ก็เยอะ ความจริงมันไม่ได้บิดเบี้ยว แต่มันเป็นเกลียวครับ (เกลียวซ้อนเกลียว) เหมือนกับมิติที่กลืนกันไงครับ มีคนบอกว่า ทุกสิ่งประกอบกันขึ้นในลักษณะนั้นหมด จากคุณ : นักเรียนชายชั้น ม.5 เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 00:26:30 A:110.168.181.218 X: TicketID:343602

ความคิดเห็นที่ 3 ก้อคือ อวกาศที่อยู่รอบๆ ดวงดาวก็เหมือนกับว่ามันจะบิดเบี้ยวครับ อวกาศที่เห็นมืดๆ แท้จริงแล้วไม่ได้มืดแต่มีใยเสมือนยึดโยงอยู่ ทำให้โลกหมุน แล้วใยยึดโยงนี้ก็เบี้ยวตามการหมุนของดาวด้วย ยิ่งใกล้ดาวก็ยิ่งบิดเบี้ยวมาก เพราะมันบิดเบี้ยวเป็นร่องทางเดินแบบนี้ละครับ จึงทำให้เกิดการหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์และหมุนรอบดาวฤกษ์ จากคุณ : เชื่อเสียงหัวใจ เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 00:28:01

ความคิดเห็นที่ 4 . จากคุณ : bakasama เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 00:37:45

ความคิดเห็นที่ 5 คคห. 1 วัตถุอื่นหล่นตามลงไปเพราะโลกมีแรงดึงดูดครับ ขอโทษครับ ตัวอย่างนี้ไม่ทำให้ผมเข้าใจครับ รูปแบบคคห. 4 ผมเคยเห็น แต่รูปนี้แหละ ดูแล้วยิ่งทำให้งงไปกันใหญ่ แล้วทำไมมันต้องยุบด้านล่างของโลกด้วยหละ เส้นสีเหลืองคืออะไร ตารางคืออะไร มีโลกแล้วทำไมตารางนั้นต้องเบี้ยว จากคุณ : N52 เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 00:53:23

ความคิดเห็นที่ 6 ความเห็นผม แสดงผลออกมาตามรูปของความเห็น 4 ครับ ลูกเหล็กแทนดวงดาว แผ่นยางแทน space-time ทีนี้ space time มี4มิติ ให้จินตนาการเองครับว่ามันบุ๋มยังไงจากการที่มีดวงดาวอยู่ตรงนั้น ซึ่งการบิดเบี้ยวอันนี้ทำให้เกิดแรงดึงดูด (ยังเป็นแค่สมมุติฐานอยู่) จากคุณ : annalog เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 01:17:36

ความคิดเห็นที่ 7 เมาอยู่คับพิใพ์ผิดๆภๆถูกๆ เดี๋ยวค่อยมาตอบนะคับ จากคุณ : Pomzazed เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 01:43:15

ความคิดเห็นที่ 9 ลองเปรียบเทียบง่ายๆดูนะเจ้าคะ เรารู้ว่า โมเลกุลของน้ำ ประกอบด้วย สองอะตอมของไฮโดรเจน และ หนึ่งอะตอมของออกซิเจน เมื่อเราแยกน้ำด้วยกระแสไฟฟ้า เราก็จะได้ไฮโดรเจน และออกซิเจน ซึ่งมีสถานะเป็นก๊าซทั้งคู่ ทั้งๆที่น้ำเป็นของเหลว นั่นคือ เมื่อเรากระทำบางสิ่ง กับของบางอย่าง เราจะได้ของสองสิ่งแยกออกมา ที่มีหน้าตาคุณสมบัติต่างกับของสิ่งแรกนั้นโดยสิ้นเชิง น้ำ = ความว่างเปล่า การแยกน้ำด้วยกระแสไฟฟ้า = การบิดเบี้ยวของ space-time ไฮโดรเจน = สสาร ออกซิเจน = ปฏิสสาร ประมาณนี้เจ้าค่ะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 07:13:59

ความคิดเห็นที่ 10 มันจินตนาการยากเหมือนกัน ความจริงแรงพื้นฐานในจักรวาลยังไม่มีคนเข้าใจว่ามาได้ไงครับ แต่ก็มีทฤษฎีต่างๆมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือแรงดึงดูดมาจากสเปซไทม์ที่บิดเบี้ยว ซึ่งเป็นสิ่งที่สืบเนื่องมาจากทฤษฎีสัมพัทธภาพ แต่ว่าไอน์สไตน์ตายซะก่อนเลยไม่ได้คิดต่อครับ ก่อนตายไอน์สไตน์กำลังทำเรื่องทฤษฎีอธิบายแรงพื้นฐานทั้งสี่นี่ล่ะครับ จากคุณ : 2410 เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 08:11:56 A:124.120.57.203 X: TicketID:204597

ความคิดเห็นที่ 11 ดูตามนี้เลยครับ จากคุณ : Spirit of Darkness เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 08:28:00

ความคิดเห็นที่ 12 ตอบ คคห 4 ครับ ทฤษฎีสัมพันธภาพทั่วไปอธิบายว่าวัตถุจะเคลื่อนที่เป็นเส้นตรงเสมอ เส้นเหลืองคือเส้นตรงของ Space-time ที่เปลี่ยนรูปไปเนื่องจากผลของมวลของโลกครับ ใครเข้าใจมากกว่านี้ลองมาอธิบายต่อนะครับ แก้ไขเมื่อ 08 ม.ค. 55 16:48:26 จากคุณ : Oldman (mrkae04) เขียนเมื่อ : 8 ม.ค. 55 16:47:49

ความคิดเห็นที่ 13 ตาม#4 มองง่ายๆๆว่า แทนที่ปกติเส้นเหลืองจะต้องวิ่งตรง แต่พอมีมวล เส้นจะโค้งแทน เหมือนกับว่าอวกาศมันโค้ง ตารางแทนเส้นตรงในอวกาศ ซึ่งก็จะโค้งไปหมด ส่วนที่เห็นยุบลงล่าง มันโค้ง และคล้ายๆกับจะยุบลงไปในอีกมิตินึง ตามรูปตัวอย่าง จะมองวิ่งใน2มิติ แต่คล้ายมีมิติที่3 ที่มันโค้ง สรุป คือ รูปบอกว่าอวกาศ เหมือนผ้าใบ เอามวลมาวาง แล้วแนวเส้นจะโค้ง แทนที่จะตรง ปล. ถ้าจะตีความ ให้ลึกกว่านี้ ผมไม่แน่ใจนะครับ (มิติเกิน ที่ยุบลงคือะไร พวกนี้) อีกวิธี ไม่ต้องดูรูปหลอก มองว่า มวลมันดูดแสง แสงก็เลยโค้ง เท่านั้นแหละ แต่ว่า เค้าดันนิยาม อวกาศ เหมือนจะถักมาจากเส้นแสง ก็เลยบอกว่าอวกาศโค้งแทน คือ ถ้าจะถามว่าไอ้เส้นทางนั้น มันโค้งหรือตรง จะทำไง ลองยิงแสงไป เราจะคำนวณมาว่ามันโค้ง จริงๆเราไม่ได้เห็นหรอก อย่างตอนสุริยุปราคา ที่พิสูจน์ สัมพัทธภาพ ครั้งแรก เราก็คำนวณเอา คือ อ้างอิงตำแหน่งดวงอาทิตย์ เรียกนั่นว่าแนวตรง แต่ดันเห็นแสงได้ คือแสงมันโค้งมาจากแนวเดิม ทีนี้ จะใช้แนวเดิม หรือแนวแสง มาเรียกเป็นแนวของอวกาศดี ก็เค้าใช้แนวแสงอะนะ จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม นับแต่บัดนั้น อวกาศก็เลยต้องบิดงอตามแนวแสงไปซะ มันเบี้ยวแล้วทำให้เกิดแรงดึงดูดได้ยังไง ผมมองว่า คล้ายๆการเล่นคำ โค้ง ก็คือ ถูกดูด คือๆกัน เหมือนมีท่อตรงๆยาว แล้วคุณก็ไปโหนมัน นั่นแหละ การบิดเบี้ยวของอวกาศ จริงๆมองต่อไป มีอวกาศสมบูรณ์ อยู่ด้วยหรือ หรือยังไง.. จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 14:00:36

ความคิดเห็นที่ 14 เส้นที่ยึดโยงอยู่เป็นเส้นจำลองครับ เพราะตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าสสารมืดแท้จริงเป็นยังไงกันแน่ กรอบความคิดหลักคือ ทุกอย่างในจักรวาลล้วนสัมพันธ์กัน ไม่มีสิ่งไหนที่ไม่สัมพันธ์กันสิ่งอื่น คราวนี้เส้นใยที่ยึดโยงก็คือเส้นใยเสมือนที่บอกว่าแต่ละสิ่งสัมพันธ์กัน เส้นสีเหลืองคือเส้นสมมติที่แสดงให้เราเห็นว่า ถ้าแสงเดินทางมาเป็นเส้นตรงก็จริงแต่พอเข้าใกล้โลกก็อาจจะถูกแรงโน้มถ่วงดึงดูดจนทำให้แสงโค้งได้ ความจริงเส้นใยยึดโยงไม่มีอยู่จริง แต่เป็นเส้นสมมติที่ทำให้ทฤษฏีเป็นจริงและเข้าใจง่ายขึ้นไง จากคุณ : เชื่อเสียงหัวใจ เขียนเมื่อ : 9 ม.ค. 55 14:36:59