ความคิดเห็นที่ 1 เริ่มจากเก็บน้ำเสียจากบริเวณที่มีการท่วมขังในสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปัจจุบันมา 80 ลิตร (ถังทึบแสงขนาด 20 ลิตร 4 ใบ) ใส่น้ำเต็มถังและปิดฝาขณะขนย้ายเพื่อป้องกันการละลายของออกซิเจนในอากาศลงไป จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:26:31

ความคิดเห็นที่ 2 ผสมน้ำเสียเข้าด้วยกัน วงใส่โหลแก้วขนาด 2 ลิตร โหลละ 1 ลิตร จำนวน 45 ใบ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:27:08

ความคิดเห็นที่ 3 จัดแบ่งโหลน้ำเสียเป็น 3 ชุดการทดลอง คือ ชุดควบคุม (C ไม่ใส่อีเอ็ม) ชุดอีเอ็ม (E ใส่อีเอ็มที่เตรียมจากการนำหัวเชื้ออีเอ็มที่เป็นที่นิยมยี่ห้อหนึ่ง มาขยายเพิ่มด้วยกากน้ำตาลตามปริมาณที่กำหนด เป็นเวลา 2 วัน) และชุด filtrated EM (W ใช้อีเอ็มที่ขยายแล้ว มากรองเอาเชื้อออกด้วยกระดาษกรองเนื้อละเอียดสูง) ชุดการทดลองละ 3 ซ้ำ (note ปรึกษากันในกลุ่มที่เป็นนักจุลชีววิทยาแล้ว คิดว่าขยาย 2 วันก็น่าจะพอสำหรับการสร้างสารต่างๆของเชื้อ ตามหลักการเจริญเติบโตของเชื้อ แม้ว่าทางบริษัทจะอ้างว่าให้ทิ้งไว้ 5-7 วันก็ตาม) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:31:28

ความคิดเห็นที่ 4 เติมอีเอ็ม และ filtrated EM ลงไป ปริมาตร 1 มิลลิลิตรต่อชุด (เท่ากับ 1:1000 เท่า ซึ่งมากกว่าที่บริษัทเคลมว่าใช้เพียง 1:10,000 ) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:32:36

ความคิดเห็นที่ 5 จัดวางชุดการทดลองเรียงตามลำดับวันที่จะเก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจ คือ ชุดวันที่ 0 (วันแรก) 1 วัน 2 วัน 4 วัน และ 7 วัน โดยใช้วิธี Complete Randomized Design (CRD) ในการสุ่มวางตำแหน่งของโหลน้ำเสีย เพื่อให้แสงจากหลอดไฟขนาด 60 วัตต์ ที่ฉายให้วันละ 12 ชั่วโมงสามารถกระจายได้ทั่วถึงโดยสุ่ม เปิดฝาขวดทิ้งไว้เผื่อให้น้ำสัมผัสกับอากาศ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:33:06

ความคิดเห็นที่ 6 ในแต่ละครั้งที่เก็บตัวอย่างน้ำไปตรวจ จะนำมาถ่ายรูปกับฉากหลังฟิวเจอร์บอร์ดสีขาว จากนั้นแบ่งตัวอย่างน้ำไปตรวจค่า BOD ซึ่งจะต้องใส่สารเคมีเพื่อตรึงออกซิเจนในน้ำก่อน น้ำที่เหลือนำใส่กระบอกส่งไปหน่วยงานมาตรฐานที่รับตรวจคุณภาพน้ำ โดยขอตรวจค่า Biological Oxygen Demand (BOD), Chemical Oxygen Demand (COD), Dissolved Oxygen (DO) (ด้วยวิธีไตเตรต), ค่าไนโตรเจนอินทรีย์ในน้ำ (Organic Nitrogen) และค่า Total Suspended Solid (TSS; ของแข็งที่แขวนลอยอยู่ในน้ำ เพื่อดูความสามารถในการตกตะกอนของอีเอ็มให้น้ำใสขึ้น) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:34:17

ความคิดเห็นที่ 7 จากการทดลอง เมื่อตั้งโหลน้ำเสียไว้ที่อุณหภูมิห้อง และให้สัมผัสอากาศโดยตรง ลักษณะของน้ำเสียในแต่ละวันจากการสังเกตด้วยตาเปล่า พบว่าน้ำจะเริ่มใสขึ้นชัดเจนเมื่อผ่านไป 4 วัน โดยเห็นตะกอนตกลงไปกองที่พื้นขวดของทุกขวด เริ่มจากรูปของวันแรกเริ่มใส่น้ำลงขวด (นับเป็นวันที่ 0)พบว่าทั้ง 3 ชุด (c ควบคุม e ใส่อีเอ็ม w ใส่อีเอ็มกรองเชื้อออก) จะดูขุ่นเท่าๆ กัน จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:38:01

ความคิดเห็นที่ 8 เมื่อผ่านไป 1 วัน เริ่มเห็นการจับตัวของตะกอนที่แขวนลอยในน้ำ สังเกตว่าเกิดขึ้นทุกชุดการทดลองรวมถึงชุดควบคุมด้วย ไม่ใช่เฉพาะชุดอีเอ็ม จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:39:19

ความคิดเห็นที่ 9 เมื่อผ่านไป 4 วัน น้ำเริ่มใสอย่างเห็นได้ชัด จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:40:13

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อครบ 7 วัน น้ำใสหมดทุกขวด และใสพอๆ กันด้วย แสดงว่าไม่ต้องใช้อีเอ็มหรือน้ำกรองอีเอ็ม เชื้อที่มีอยู่ตามธรรมชาติก็สามารถทำให้น้ำใสได้ ถ้าให้สภาวะที่เหมาะสม คือ มีการถ่ายเทของอากาศที่เพียงพอ และไม่มีสารอินทรีย์เติมเข้าไปเพิ่มในระบบ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:42:07

ความคิดเห็นที่ 11 ต่อไป เป็นผลการวัดและวิเคราะห์ดัชนีคุณภาพน้ำทั้ง 5 ตัวแปร ได้แก่ ค่า BOD, COD, DO, Organic Nitrogen และ TSS ของแต่ละชุดการทดลอง ในแต่ละวัน โดยทำการหาค่าเฉลี่ยและค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานไว้ ก่อนนำไปหาความแตกต่างทางสถิติของค่าเฉลี่ยทั้ง 5 ตัวแปรในแต่ละวันระหว่างชุดการทดลองด้วยวิธี One way ANOVA ผลการทดลองแรกคือ ค่า BOD โดยเริ่มจากการเปรียบเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำ เมื่อพิจารณาความสกปรกของน้ำในรูป BOD ในวันที่ 0 พบว่า ชุดควบคุมมีค่า BOD เท่ากับ 13.33±0.58 mg/L ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพแหล่งน้ำผิวดินประเภทที่ 4 (มีค่าได้ไม่เกิน 4 mg/L) แต่ไม่เกินเกณฑ์มาตรฐานคุณภาพน้ำทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมและนิคมอุตสาหกรรม (มีค่าได้ไม่เกิน 20 mg/L) .... เป็นเครื่องยืนยันว่าน้ำที่นำมาใช้ทดลองถือว่าเป็นน้ำเสียจริง (แต่ไม่ได้สูงมากเท่าระดับน้ำเสียจากโรงงาน) และน่าจะเหมาะต่อการนำมาทดสอบ ตามที่บางหน่วยงานอ้างว่าอีเอ็มจะทำงานได้ดีถ้าน้ำเสียไม่มาก หลังจากเติมอีเอ็มเอบำบัดน้ำเสีย (ชุดอีเอ็ม) พบว่า BOD มีค่าเท่ากับ 21.33±1.53 mg/L สูงกว่าชุดควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) ขณะที่ชุดเติม filtrated EM มีค่า BOD เท่ากับ 19.67±1.53 mg/L ซึ่งสูงกว่าชุดควบคุมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p<0.05) แต่ไม่แตกต่างทางสถิติจากชุดเติมอีเอ็ม (p>0.05) .... จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าหลังจากเติมอีเอ็มเพื่อบำบัดน้ำเสีย กลับจะส่งผลให้น้ำเสียมีความสกปรกมากขึ้นทันที เนื่องจากเป็นการเพิ่มปริมาณสารอินทรีย์และจุลินทรีย์ลงไปในน้ำเสีย จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:49:05

ความคิดเห็นที่ 12 BOD มีความแตกต่างกันในวันที่ 0, 1 และ 2 ของการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ (p < 0.05) กล่าวคือ BOD ในชุดควบคุมมีค่าต่ำกว่า BOD ในชุดอีเอ็ม และชุด filtrated EM ..... การที่ค่า BOD ชุดควบคุมมีค่าต่ำกว่าชุดอีเอ็ม เนื่องมาจากเมื่อมีการใส่อีเอ็มลงในน้ำเสีย เชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในอีเอ็มจะต้องนำออกซิเจนที่อยู่ในน้ำไปใช้ในการเจริญเติบโต ทำให้ค่า BOD ที่ตรวจวัดได้มีค่าสูงในวันแรกๆ ของการทดลอง จนเมื่อผ่านไปถึงวันที่ 4 น้ำเสียไม่มีแหล่งอาหารเหลือพอที่จะทำให้เชื้ออีเอ็มสามารถที่จะเพิ่มจำนวนได้ ทำให้ค่า BOD  ของชุดอีเอ็มไม่มีความแตกต่างกันกับของชุดควบคุม .... ส่วนชุดการทดลองที่เป็น filtrated EM นั้น ถึงแม้ว่าจะไม่มีเชื้อจุลินทรีย์อยู่ แต่ภายในน้ำดังกล่าวมีสารอินทรีย์ต่างๆ เพิ่มขึ้นจากตัว filtrated EM เอง ทำให้เชื้อจุลินทรีย์ท้องถิ่นที่มีอยู่เดิมในน้ำเสีย สามารถที่จะนำสารอินทรีย์ดังกล่าวไปใช้ได้ ทำให้ค่า BOD ของชุดการทดลองนี้ค่าสูงกว่าชุดควบคุมเช่นกัน จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 11:56:35

ความคิดเห็นที่ 13 เพื่อความมั่นใจในการเปรียบเทียบค่า BOD ระหว่างแต่ละชุดการทดลองนี้่ จึงนำมาหาความแตกต่างทางสถิติของค่าอัตราการเปลี่ยนแปลงของค่า BOD ระหว่างวัน เพื่อหาประสิทธิภาพของการลดลงของค่า BOD ในแต่ละชุดของการทดลอง พบว่า ค่าอัตราการเปลี่ยนแปลงของ BOD ระหว่างวันที่ 0-1 และ วันที่ 1-2 ของการทดลอง ไม่มีความแตกต่างทางสถิติของอัตราการเปลี่ยนแปลงของค่า BOD ระหว่างชุดการทดลอง (p > 0.05) .... แสดงว่าอีเอ็มไม่ได้มีผลทำให้ค่า BOD ลดลงในอัตราที่เร็วกว่าชุดควบคุมแต่อย่างไร รวมทั้งไม่ได้เร็วกว่าชุดน้ำอีเอ็มที่กรองเอาเชื้อออกด้วย จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:00:29

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับค่า COD ในแต่ละชุดการทดลอง พบว่ามีค่าค่อนข้างคงที่ (ไม่ได้มีแนวโน้มลดลงอย่างค่า BOD ) และไม่มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญระหว่างแต่ละชุดการทดลองในวันที่ 0, 1, 2 และ 4  ยกเว้นจนกระทั่งถึงวันที่ 7 ของการทดลองที่พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ กล่าวคือ ค่าเฉลี่ยของ COD ในชุดควบคุมมีค่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ COD ในชุดอีเอ็ม และชุด filtrated EM ในวันที่ 7 ของการทดลอง (p<0.05) จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:03:25

ความคิดเห็นที่ 15 ต่อไปเป็น ค่า DO พบว่ามีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในวันที่ 0, 1, 2 และ 7 ของการทดลอง โดยที่ค่า DO ชุดควบคุมมีค่าสูงกว่าค่า DO ในชุดอีเอ็มและชุด filtrated EM .... การที่ค่าเฉลี่ย DO ระหว่างชุดควบคุมมีความแตกต่างจากชุดการทดลองอีก 2 ชุดนั้น เนื่องมาจากเชื้อที่อยู่ในอีเอ็มจะนำออกซิเจนที่อยู่ในน้ำไปใช้ในการเจริญเติบโต ทำให้ค่า DO ที่ตรวจวัดได้ในชุดการทดลองที่เป็นอีเอ็มมีค่าต่ำกว่าค่า DO ของชุดควบคุม .... ส่วนชุดการทดลองที่เป็น filtrated EM นั้น เชื้อจุลินทรีย์ท้องถิ่นที่มีอยู่เดิมในน้ำเสียสามารถที่จะนำสารอินทรีย์จาก filtrated EM ไปใช้ ทำให้จุลินทรีย์ท้องถิ่นต้องใช้ออกซิเจนในน้ำทำให้ค่า DO ของชุดนี้มีค่าต่ำกว่าชุดควบคุมเช่นกัน ... สังเกตได้ว่า ค่า BOD กับค่า DO ที่วัดได้มีความสัมพันธ์แบบผกผันกัน กล่าวคือ เมื่อค่า BOD สูง จะส่งผลกระทบให้ค่า DO ในน้ำมีค่าลดลง จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:11:46

ความคิดเห็นที่ 16 สำหรับอัตราการเปลี่ยนแปลงของค่า DO ระหว่างชุดการทดลองนั้น พบว่าระหว่างวันที่ 0 ถึงวันที่ 1 ของการทดลอง น้ำเสียที่มีการเติมอีเอ็มลงไป มีอัตราการเปลี่ยนแปลงของค่า DO แตกต่างทางสถิติจากน้ำเสียในชุดควบคุมและที่เติม filtrated EM อย่างมีนัยสำคัญ (p < 0.05) .... เห็นได้ชัดถึงการที่จุลินทรีย์อีเอ็มในชุดทดลอง มีการนำออกซิเจนในน้ำไปใช้อย่างมากในวันแรกของการทดลอง จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:14:06

ความคิดเห็นที่ 17 พอเข้าช่วงเวลาระหว่างวันที่ 1 ถึง วันที่ 2 ของการทดลอง พบว่าอัตราการเปลี่ยนแปลงของค่า DO ของน้ำเสียในชุดอีเอ็มเริ่มกลับมามีมากขึ้น โดยมีอัตราการเพิ่มของค่า DO มากที่สุดอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ชุดควบคุมและชุดเติม filtrated EM มีอัตราการเพิ่มของค่า DO ไม่แตกต่างกัน .... แสดงถึงการปรับตัวเข้าสู่สมดุลย์ของชุดอีเอ็มที่เชื้ออีเอ็มลดการใช้ออกซิเจนลง (อาจจะตายไปด้วย) แต่ไม่ใชว่าเชื้อจะสามารถสร้างออกซิเจนเองได้ เนื่องจากค่า DO ที่เพิ่มขึ้นเร็วนั้น ก็ยังไม่ได้สูงกว่าชุดควบคุมอยู่ดี จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:22:32

ความคิดเห็นที่ 18 นั้นคือ เมื่อพิจารณาถึงปริมาณค่า DO ที่เพิ่มขึ้นระหว่างวันที่ 1-2  จะพบว่า ปริมาณของค่า DO ที่เพิ่มขึ้นในชุดควบคุมมีค่าเฉลี่ยสูงที่สุดอยู่ดี และแตกต่างจากชุดอีเอ็มและชุด filtrated EM อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:24:40

ความคิดเห็นที่ 19 สำหรับค่าเฉลี่ยของไนโตรเจนอินทรีย์ในแต่ละชุดการทดลอง พบว่าไม่มีความแตกต่างกันในทุกชุดการทดลองของแต่ละวัน (p > 0.05) จึงแสดงให้เห็นว่า ทั้งอีเอ็ม และ filtrated EM ไม่ได้ส่งผลให้ไนโตรเจนอินทรีย์ในน้ำเสียมีค่าลดลงแต่อย่างใด จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:25:20

ความคิดเห็นที่ 20 สำหรับค่าเฉลี่ยของ TSS ในแต่ละชุดการทดลอง (ค่า TSS เป็นการวัดค่าตะกอนที่อยู่ในน้ำ โดยเป็นค่าที่แสดงถึงความขุ่นของน้ำ โดยที่ค่า TSS สูง แสดงให้เห็นว่าน้ำมีความขุ่น) พบว่าเฉพาะในวันแรกที่เพิ่งจะเริ่มต้นการทดลอง ที่ค่า TSS ในชุดควบคุมมีค่าต่ำกว่าในชุดอีเอ็มและชุด filtrated EM อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ... จากนั้นก็ไม่มีความแตกต่างกันอีกเลย ... ไม่ตรงกับที่คาดไว้ว่าอีเอ็มน่าจะช่วยให้ค่า TSS ลดลง จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:29:53

ความคิดเห็นที่ 21 ดังนั้นจากผลการทดลองเท่าที่ได้ทำไป เมื่อพิจารณาจากการวัดผลทั้ง 5 ตัวแปรที่บ่งชี้ถึงคุณภาพของน้ำ เราได้ข้อสรุปว่าการที่เติมอีเอ็ม หรือ filtrated EM ลงไปนั้น ไม่ได้ส่งผลให้ตัวแปรที่ทำการวัดผลมีค่าที่ดีกว่าชุดควบคุมที่ไม่ได้มีการสารอะไรลงไปเลย หรือพูดได้ว่า ภายใต้การทดลองนี้ อีเอ็มไม่สามารถทำให้น้ำเสีย (ตามนิยามว่า น้ำที่มีปริมาณออกซิเจนละลายในน้ำต่ำ) ให้มีค่าออกซิเจนและค่าปัจจัยอื่นๆ ที่ชี้บ่งคุณภาพของน้ำเพิ่มดีขึ้นได้ภายในหนึ่งสัปดาห์ และยิ่งกว่านั้น เมื่อพิจารณาระหว่างชุดที่เติมอีเอ็มกับชุดที่เติม filtrated EM พบว่า ค่าเฉลี่ยทั้ง 5 ตัวแปรไม่มีความแตกต่างกับทางสถิติเลย จึงสรุปได้ว่า ภายใต้การทดลองนี้ ตัวเชื้อจุลินทรีย์ที่อยู่ในน้ำอีเอ็มเอง ไม่ได้มีส่วนช่วยให้น้ำเสียมีคุณภาพที่ดีขึ้นได้อย่างไร จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:38:31

ความคิดเห็นที่ 22 ขอพูดส่งท้ายไว้อีกนิดว่า การทดลองนี้พยายามใช้หลักการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ควบคุมปัจจัยแวดล้อมให้มากที่สุด จึงไม่ใช้การเอาก้อนอีเอ็มบอลไปโยน หรือไปเทน้ำอีเอ็ม กันตามแหล่งน้ำจริง ซึ่งมักจะถูกหลอกตาได้ว่าทำให้น้ำดีขึ้น แต่การทำเช่นนั้นจริงๆ แล้วจะเปรียบเทียบอะไรไม่ได้เลยเพราะไม่มีชุดควบคุม ผลการวิจัยนี้ทางคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ จะจัดแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนต่อไป และจะเขียนเป็นบทความวิชาการลงในวารสารวิทยาศาสตร์ ของสมาคมวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ซึ่งเผยแพร่ให้ครู นักเรียน และสาธารณชนในวงกว้าง ผมเชือว่าคงมีคอมเม้นต์วิจารณ์ตามมาอีกเยอะ (คล้ายที่ความเห็นนี้แซวไว้ http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11427431/X11427431.html#16 ) ก็จะขอออกตัวว่า งานวิจัยเดียวคงไม่สามารถฟันธงว่าอีเอ็มมันแย่หรือมันดีได้ ขอให้ช่วยๆ กันทำวิจัยมาเปรียบเทียบ หรือแย้งกัน ดีกว่าจะวิจารณ์ไปเรื่อยๆ หลังคีย์บอร์ดเท่านั้นนะครับ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:45:59

ความคิดเห็นที่ 23 ขอบพระคุณอาจารย์ เจษฎา ครับ กระจ่างเลยครับมีผลการทดลองอ้างอิงครบ ขออภัยครับ กลายเป็นปาดไปซะงั้น T T แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 55 12:51:52 จากคุณ : airbsutu เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:47:52

ความคิดเห็นที่ 24 ลองนำผลการทดลองของสมาชิกที่เคยโพสต์ไว้ มาเปรียบเทียบให้ดูนะ ขอเลือกเอาเฉพาะอันที่มีการทำ control เทียบนะครับ จากของคุณ แมวสีเทา http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11460647/X11460647.html "จากการทดลองเอาน้ำคลองมาใส่ EM ชนิดน้ำและแห้ง เทียบกับคอนโทรล ไม่ใส่ EM ปรากฎว่าไม่ใส่ EM กับ ใส่แบบแห้งไม่มีกลิ่น แต่แบบน้ำ เหม็นกลิ่นเปรี้ยว ความใสแบบคอนโทรลใสที่สุด" จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:50:08

ความคิดเห็นที่ 25 จากคุณ sinilicious http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11333235/X11333235.html เปรียบเทียบ control กับ DASTA Ball กับ EM Ball และ กับ น้ำยา EM ได้ผลว่า "น้ำเน่า มันก็ฟื้นฟูตัวเองได้เหมือนกันนะ แค่ไม่เติมความสกปรกลงไปเพิ่ม " จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 12:57:07

ความคิดเห็นที่ 26 ขอบคุณอาจารย์เจษฎา และคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้นำความกระจ่างมาสู่สังคมค่ะ จากคุณ : หมูอ้วน เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 13:02:26 A:180.183.9.11 X: TicketID:330431

ความคิดเห็นที่ 27 คุ้นๆ ว่าคุณ สันปันน้ำ ก็เคยทำการทดลองคล้ายๆ กันนะ ไม่รู้ว่าได้ผลเป็นอย่างไรบ้าง แถมอีกนิดว่า ช่วงที่น้ำท่วมผมก็มีโอกาสตาม อ.วรวดี เชียงทอง จากภาควิชา photo ลงไปดูพื้นที่แถวดอนเมืองที่มีปัญหาว่าน้ำท่วมขัง คลองน้ำไม่ไหล ประตูระบายน้ำไม่เปิด เจ้าหน้าที่ไม่ดูแล ฯลฯ เลยมีโอกาสเอาปูนขาวไปทดลองโรยในรั้วบ้านหลังนึงแถวนั้นด้วย ก็พบว่าได้ผลดีนะ น้ำใสไร้กลิ่นไปหลายวัน ช่วยลดลูกน้ำยุงด้วย ได้ผลไปจนถึงช่วงน้ำลดเลย ... แต่ไม่มีใครโปรโมตปูนขาวเฮะ จากคุณ : JD300 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 13:05:20

ความคิดเห็นที่ 28 อาจารย์ครับ ถ้าเราทดลองเปรียบเทียบกับน้ำที่มีการเติม oxygen หรือเติมอากาศลงไปล่ะครับ จะมีผลดีกว่าการใช้ EM ball หรือไม่ครับ จากคุณ : airbsutu เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 13:06:18

ความคิดเห็นที่ 29 หงะ ที่เห็นทางส่วนราชการสนับสนุน ภาครัฐไปช่วยโยน em balls รวมถึงหลายๆ ......... ที่ไปโยน em balls ออกข่าวทุกวัน หลังข่าวภาคค่ำ มันก็ไม่ช่วยอะไรเลยหรือไงครับ -*- จากคุณ : LAPD21 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 13:48:17

ความคิดเห็นที่ 30 ผมอาจจะแถข้างๆ คูๆ นะครับ แต่การทดลอง CRD แบบเอาน้ำเสียมาใส่แก้วเปรียบเทียบ ผมคิดว่ามันเป็นการเปรียบเทียบที่ตัว EM กับ control แบบโดดๆ เกินไป ซึ่งจริงๆ ควรจะวางแผนการทดลองแบบ mixed model ในน้ำเสียที่ขังในพืิ้ืนที่จริง แล้วให้อิืทธิพลจาก EM เป็น fix effect แล้วอิทธิพลจากสิ่งอื่นๆ เป็น random effect น่าจะดีกว่า เพราะ EM จะมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างตัวจุลินทรีย์ในก้อน EM กับจุลินทรีย์ในธรรมชาติ น้ำ ของเสียและจากสิ่งแวดล้อม ผิดถูกประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 14:12:03

ความคิดเห็นที่ 31 จบเห่เลย EM XD จากคุณ : HotSmile เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 14:13:56

ความคิดเห็นที่ 32 ผมยังมองว่าแม้ที่สุดจะไม่ช่วยอะไร  ก็ยังปลุกจิตสำนึกที่จะร่วมกันช่วยบ้านเมืองได้  อีกทั้งไม่รั้งรออะไรทำเองได้ก็ทำไปก่อน จากคุณ : ย้ง (suanplu) เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 14:15:43

ความคิดเห็นที่ 33 อืม ... พับนกกระเรียนล้านตัว จากคุณ : 186388 เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 14:24:43 A:180.183.192.152 X: TicketID:186388

ความคิดเห็นที่ 34 ขอบคุณ ครับ อจ. เจษฐ์ และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬา ที่ช่วยเป็นตัวแทนคนไทย ทำการทดลองอย่างจริงจัง อยากให้มีการเผยแพร่ ออกไป เพื่อว่า จะได้ทราบข้อเท็จจริง กันทั่วๆ คราวหน้าน้ำท่วมจะได้เอาเวลาไปช่วยกันเก็บขยะแทนที่จะปั้น EM Ball ไปโยนกัน จากคุณ : -=Jfk=- เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 14:42:29

ความคิดเห็นที่ 35 อ.เจษ ช่วยลงใน วารสาร อพวช. ด้วยนะครับ เพราะที่บ้านเป็นสมาชิกอยู่ จากคุณ : แมวสีเทา เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 14:44:03

ความคิดเห็นที่ 36 รอชมอยู่ครับ อยากการเผยแพร่ทางสือสาธารณะเยอะๆครับ จะได้เห็นข้อมูลข้อเท็จจริงกันสักที ขอบคุณมากๆครับ ที่นำข้อมูลสาระดีๆมาแบ่งปันครับ ขอบคุณครับ ท่านอาจารย์ จากคุณ : ช้างป่าเข้ากรุง เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 15:11:21

ความคิดเห็นที่ 37 การทดลองนี้หมายความว่าอย่างไรครับ ปล่อยน้ำเน่าทิ้งไว้ 7 วัน ไม่ต้องเติม EM  ก็ทำให้น้ำใสได้เองหรือ?? ------------------------------------------------------------------------ น้ำเน่าในแหล่งที่ผู้ทดลองไปตักมา มีปริมาณขยะในน้ำ   ทั้งดิน ขยะ พืช สัตว์ อาหาร สิ่งปฎิกูล ที่อยู่ลอยในน้ำ ซึ่งไม่สามารถย่อยสลายได้ง่าย เมื่อย่อยไม่หมดมันก็เน่า สมมติว่า ในน้ำมีเนื้อขยะ 20%   แต่ผู้ทดลองตักมาเฉพาะน้ำ ไม่ได้เอาเนื้อขยะมาด้วย ซึ่งก็เหมือนกับการกรองแบบหยาบ เดิมในน้ำมีขยะ 20%  เลือกตักมาแต่น้ำ  ก็จะได้น้ำที่มีขยะที่ละลายในน้ำแค่ไม่ถึง 0.1% เพราะอันไหนมองเห็นเป็นชิ้น ผู้ทดลองก็คงเอาออก ซึ่งสิ่งที่ผู้ทดลองทำ เรียกว่า การกรองน้ำ  (แต่เป็นแบบหยาบ) ซึ่งการตักน้ำออกจากขยะ  ก็ได้ผลเหมือนกับ ตักขยะออกจากน้ำ เป็นขั้นตอนการบำบัดน้ำแบบหนึ่ง เมื่อผู้ทดลองตั้งใจตักเอามาเฉพาะน้ำเปล่าๆ  ไม่ได้เอาเนื้อขยะในน้ำมาด้วย แต่ผู้ทดลองยังเข้าใจว่าน้ำนั้นเป็นน้ำเน่า ทั้งๆที่ตนเองได้ตักขยะออกจากน้ำจนหมดแล้ว น้ำเน่า(ตามนิยามของผู้ทดลอง) ไม่มีขยะที่มองเห็นเป็นชิ้นได้ มีเพียงชิ้นเล็กๆ ที่แขวนลอยในน้ำ ซึ่งมีน้อยมากไม่นานจุรินทรีย์มันก็ย่อยสลายสารอินทรีย์ที่แขวนลอยอยู่ตกตะกอนไปเอง ปัญหาที่คนอยากรู้ก็คือว่า ถ้าในน้ำมีขยะเป็นน้ำเน่า ระหว่างใส่ กับ ไม่ใส่ em  อันไหนที่ ขยะมันย่อยสลายเร็วกว่า ทำให้น้ำใสเร็วกว่า น้ำที่คุณตักมาใส่ขวดทดลอง มีเนื้อตะกอนขยะเจือจาง คิดเป็น % คงมีแค่ไม่ถึง  0.1 % ดูจากตะกอนที่ตกลงไปที่ก้นขวดทดลองหลังจากทิ้งไว้ 7 วัน ด้วยปริมาณขยะแค่นั้น เทียบกับของจริงในธรรมชาติ มันต่างกันมหาศาล ------------------------------------------------------------------ ทดลองแล้วก็ให้คำตอบไม่ได้เหมือนเดิม เพราะ ผู้ทดลองทำการทดลองกับน้ำที่ถูกบำบัดเบื้องต้นแล้ว (เอาขยะออกแล้ว) ซึ่งถ้าเราสามารถเอาน้ำออกจากขยะ หรือ เอาขยะออกจากน้ำได้ แบบที่ผู้ทดลองตักน้ำใส่ขวดได้ง่ายๆ เราก็คงไม่ต้องการ EM หรือ คิดหาวิธีการหรือเครื่องมือใดๆ มาใช้บำบัดน้ำหรอกครับ ข้อเสนอแนะ เพื่อให้เป็นที่ยอมรับก็คือ ผู้ทดลองต้องทดลองกับน้ำที่ไม่ได้กรองหยาบ หมายถึงในน้ำนั้นต้องมีเนื้อขยะ(ที่จะทำให้น้ำเน่า) ที่มองเห็นเป็นชิ้น เป็นก้อน โดยทดลองในแต่ละปริมาณที่ต่างกัน เช่น  1%,5%,10%,15%,20%   แล้วก็ดูว่า มีปริมาณขยะมากสุดแค่ไหนที่ น้ำสามารถบำบัดตนเองได้ (ทิ้งไว้เฉยๆก็ใส) แล้วปริมาณขยะแค่ไหนที่ย่อยสลายเองไม่ได้ แล้วเทียบกับ EM ช่วยให้ลดเวลาในการย่อยสลายขยะเหล่านี้ได้จริงหรือไม่ จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 15:20:34

ความคิดเห็นที่ 38 น้ำไหลไม่เน่า จากคุณ : LongSivvi เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 15:42:46

ความคิดเห็นที่ 39 ขอบคุณครับอาจารย์ ที่ทำให้ตาสว่าง หลงโง่อยู่ตั้งนาน ตามนิยามของคำว่าน้ำเสียชัดเจนครับ ตามมาตรฐาน วัดพารามิเตอร์ก็ครบ ขอบคุณอีกครั้งครับ แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 55 15:56:18 แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 55 15:55:16 จากคุณ : TagMyZky เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 15:51:54

ความคิดเห็นที่ 40 เอ่อ คห.37 ครับ สารอินทรีย์ในน้ำนี่ มันมีอยู่ในรูปที่ละลายน้ำด้วยนะครับ ลองดู keyword " biodegradable soluble COD" จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 15:58:51

ความคิดเห็นที่ 41 เหตุผลแย้งที่อาจจะได้เห็นจากผู้ชื่นชอบ EM 1.  EM มีหลายสูตร ที่จุฬาเอาไปทดลองไม่รู้ว่าสูตรไหน อาจจะเป็นสูตรที่ใช้ไม่ได้ผล 2.  การทดลองเอาน้ำใส่ขวด ไม่เหมือนสถานการณ์จริง ควรใช้น้ำขังไว้ในพื้นที่จริง 3.  น้ำที่ทดลองถูกบำบัดมาแล้วระดับหนึ่ง เพราะตักเอาแต่น้ำ แน่จริงต้องมีเนื้อขยะติดมาด้วย 4. การทดลองมีการปรับแต่งค่าหรืออคติจากผู้ทดลอง 5. การทดลองได้ผลออกมาไม่ดียังไงผมไม่ทราบ แต่ผมลองที่บ้านมาแล้ว ยังไงๆ EM ก็ได้ผล  น้ำที่บ้านใสขึ้นจริง ดังนั้นจึงขอเชื่อมั่น EM ต่อไป รอดูเหตุผลใหม่ๆ จะมีอะไรนอกจากที่ผมคิดไว้อีกไหมเนี่ย จากคุณ : ประกอบ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 16:23:32

ความคิดเห็นที่ 42 ดังนั้น - การเก็บขยะออกจากน้ำเน่า - การเตรียมตัวรับมือกับน้ำท่วมอย่างมิสติโดยมิลืมที่จะย้ายสิ่งที่เน่าสลายได้ออกไปจากบริเวณที่น้ำท่วมถึง - การไม่เติมสิ่งสกปรกใดใดเพิ่มลงไปน้ำ คือการแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียจากน้ำท่วมขังที่ดีที่สุดหรือไม่คะ? แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 55 16:31:43 จากคุณ : sinilicious เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 16:24:19

ความคิดเห็นที่ 43 คห.37 บ้านผมน้ำเน่าดำๆเลย ท่วมบ้านสูงประมาณ 80 เซน แต่เนื่องจากบ้านมีธรณีประตู สูงประมาณ 7-8 เซน ทำให้เวลาน้ำลงมันขังอยู่ในระดับธรณี ก็จะเห็นตะกอนดำๆ เป็นเหมือนสาหร่ายอยู่กับพื้นเลยครับ ส่วนด้านบน น้ำใสกิ๊งเลย เพียงแต่ กลิ่นเหม็นแบบน้ำเน่าก็ยังมีอยู่ และระยะเวลาที่น้ำท่วม 2 อาทิตย์ และไม่มีการรบกวนระบบใดๆจากมนุษย์เลย ผมก็เชื่อว่า มันบำบัดตัวเองได้จริงๆนะ อย่างน้อยจากน้ำดำๆแบบแสงส่องผ่านลำบาก มันกลายมาเป็นใสกิ้งกว่า น้ำประปาตอนมันเหลืองๆ อย่างไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดมาตรวจวัด ขอแค่ตาไม่บอด ก็มองออกครับ จากคุณ : กุ้ยเหลียง เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 16:36:25

ความคิดเห็นที่ 44 ผลการทดลองข้ามปีเลยนิ จากคุณ : เวลาเป็นตัวแปร เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 16:41:31 A:110.168.153.63 X: TicketID:332671

ความคิดเห็นที่ 45 .. แก้ไขเมื่อ 10 ม.ค. 55 16:43:59 จากคุณ : กุ้ยเหลียง เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 16:43:12

ความคิดเห็นที่ 46 คุณ คห.ที่ 37 จะพยายามบอกว่า สาร EM นี้จะสามารถย่อยขยะเป็นชิ้นเป็นอันได้ หรือว่าจะพูดว่า พอใส่ EM ลงไป จะสร้างเกราะป้องกัน ไม่ให้น้ำที่ยังไม่เน่า กลายเป็นน้ำเน่าจากขยะที่อยู่ในนั้นเหรอครับ ฟังดูชักจะไปไกลเกินหรือป่าวครับ เพราะจากผลการทดลองที่ อ.เจษฎาทำ ผมว่าเป็นการทำวัดผลค่านึง คือดูผลเปรียบเทียบกับตัวควบคุม ว่าค่า BOD COD DO ฯลฯ มีอะไรเปลี่ยนแปลงแตกต่างกันบ้าง ซึ่งถ้าเอาที่มีขยะเป็นชิ้น ๆ มาด้วย พวกนี้ผมว่ามันก็ไม่แตกต่างอยู่ดีแหละครับ แล้วจะเอามาทำไม แต่ผมว่าคุณ คห.ที่ 37 ลองออกแบบการทดลอง แล้วทำการทดลองเพื่อเปรียบเทียบดู น่าจะดีกว่า มาพูดลอย ๆ เฉย ๆ เพราะผมคิดว่า ที่ อ.เจษฎา ทดลอง อาจจะมีอคติในบางขั้นตอนแฝงอยู่ เพราะดูจากการสรุปผลการทดลอง จะเนื้อหาที่อ่านจะเป็นไปในแนว ผลทดลองที่ได้ตรงตามสมมติฐานที่ตั้งเอาไว้ ดังนั้น ถ้ามีคนอีกฟากหนึ่ง ทำการทดลอง ด้วยสมมติฐานว่า EM มีประโยชน์ อาจจะได้อะไรที่แตกต่างออกมาก็ได้ครับ จากคุณ : Lpg_Horse เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 16:54:38

ความคิดเห็นที่ 47 ถ้าปีหน้าน้ำท่วมอีก หวังว่าคงจะไม่มีใครไปนั่งปั้นอีเอ็มบอล นะครับ จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 17:03:55

ความคิดเห็นที่ 48 ผมว่าจะให้กระจ่างสุด ต้องมีทำแผนแบบ ทำคดี คือจำลองเหตุ ให้ตรง ที่ผลออกมา เหมือนที่สุด ถ้าเข้าใจทุกปัจจัยได้กระจ่าง ก็จะ ปรับเปลี่ยนผลได้ดั่งใจ (เป็นแนวคิดความกระจ่างในอุดมคติเฉยๆอะนะครับ) บอกตรงๆนิดนึงนะครับ ผลสรุป ก็ยังไม่ได้ตรง ที่จะให้หายสงสัยได้หมด อยากได้ ผลแบบฟันธงว่า ปั้นอีเอ็มบอลนู้น นี้ นั้น โยนลงน้ำท่วม แบบตรงบางบัวทองตรงนั้น น้ำจะหายเหม็น ตลอดไปมั้ย หรือหายเหม็นระยะหนึ่ง หรือเหม็นเหมือนเดิม เหม็นกว่าเดิม ระยะยาว ดี เสีย อย่างไร เพื่อจะเอาไปใช้ประโยชน์จริงต่อไป กระทู้นี้อาจจะยังเป็นในเบื้องต้น แต่ผมว่า ต่อๆไป น่าจะตอบข้อสงสัยนี้ ที่หลายๆคนอยากรู้ได้ องค์กรณ์อาจจะวางตัวลำบาก แต่ถ้าโดยส่วนตัวผม อยากจะให้ ผลเป็นไง ก็ประกาศไปโจ้งๆเลย ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ที่จะประกาศความจริงจากวิทย์ โดยไม่ได้มีอคติ และไม่ได้มีอะไรแฝง ความลำบากใจ น่าจะเป็นเป็นความรับผิดชอบของ คนที่หลอกลวง หรือ ทำโดยใช้วิชาการ ซะมากกว่า จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 17:34:30

ความคิดเห็นที่ 49 แล้วกลิ่นหละครับ? จากคุณ : extremeflying เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 17:45:20

ความคิดเห็นที่ 50 ผมว่าเดียวก็แถกลับอีกว่าใช้ได้ -*- จากคุณ : NJ_kung เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 17:57:41

ความคิดเห็นที่ 51 นี่ขนาด "เก็บน้ำเสียจากบริเวณที่มีการท่วมขังในสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในปัจจุบันมา" ยังมีโวยว่าควรเอาโน่นเอานี่มา "ใส่เพิ่ม"ตามสัดส่วนที่ "กะเอาเอง"  เพื่อให้ "เหมือนน้ำจากน้ำท่วมจริง" (?) งงเลย... น้ำเขาไม่ได้กรองเสียหน่อย ก็เก็บตัวอย่างน้ำมาตรงๆ เดาว่าคงใช้วิธีกวนๆแล้วตักขึ้นมา ไอ้การให้ไปตักเอามาแต่ก้นๆ "เลือก" เอาตะกอนเยอะๆนั่นมันก็ไม่ถูกหลัก เพราะกลายเป็นการ "ทำข้นตะกอน" ไม่ตรงกับสภาพจริงๆอีก ไม่ใช่หรือ? น้ำมีลักษณะที่มีทั้งน้ำทั้งตะกอนขุ่นๆแบบนี้ ผมว่าไม่เห็นผิดปกติในฐานะลักษณะน้ำจากการท่วมขังนะ จากคุณ : oryze เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 18:13:18

ความคิดเห็นที่ 52 บ่อปลาคราฟผม ระหว่างเติมอีเอ็มกับไม่เติมอีเอ็ม ต่างกันเยอะครับ อีกอันก็ ถังบำบัด (ถังส้วมนั่นแหละครับ) เติมอีเอ็มน้ำ ทุกเดือน จากคุณ : นายสบายสบาย เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 18:15:48

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณ ครับ อจ. เจษฐ์ และ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬา ที่ทำให้ ผมมีข้อโต้แย้งกับผู้ที่เชื่อเรื่องการใช้ EM พร้อมหลักฐาน แม่เพื่อนผมยังใช้หมักอยู่เลย 555+ ยังไม่รวมหมักป้าเช็งอีกนะ ป.ล.ถ้ามันไม่ต่างกับปูนขาวก็ใช้ปูนขาวเหอะถูกกว่่่าเวลาน้ำลดบ้านสกปรกพอกัน จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 18:36:01

ความคิดเห็นที่ 54 ประเทศนี้จะโดนหลอกกันทั้งประเทศตั้งแต่ขอทานยันนายกฯไปอีกกี่ครั้ง ไปอีกกี่เรื่อง กันหนอ จากคุณ : Yoshitomi เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 20:11:06

ความคิดเห็นที่ 55 สงสารอาจารย์คณะวิศวะจุฬาฯที่ออกมาทวนกระแสEMคนแรกแล้วโด่นด่าเละ  จากคุณ : who's know (coke&snack) เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 20:39:55

ความคิดเห็นที่ 56 ผมเห็นด้วยกับ คห. 37 41 48....การทดลองควรทดลองสถานที่จริงเลยจะเห็นผลชัดเจนมากกว่า ด้วยสภาพแวดล้อม หลายอย่าง...มันต่างจากห้องทดลองมาก...อีกอย่างทาง อ. จุฬา เองตั้งธงมาตั้งแต่ต้นแล้ว ค้านแต่ต้นแล้ว...ผมว่า หลายๆอย่าง จาก ม. จุฬา มันมีผลแอบแฝงการเมือง...แต่ในกรีณีนี้ผมไม่ทราบชัดว่า การเมืองมีสว่นแค่ไหน....แต่เห็นเนืองๆ เสียงนักวิชาการจากจุฬา มักเลือกข้างชัดเจน ..ขออภัยนะครับ ไม้อยากอิงการเมืองแต่...มันเป็นแบบนั้นจริงๆ....ผมก็ไม่เชื่อถือกับการทดลองอันนี้ครับ. จากคุณ : ผ่านมา เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 20:50:22 A:14.207.152.44 X: TicketID:331294

ความคิดเห็นที่ 57 เครดิตคำพูดนักวิทย์ในประเทศเรา แพ้ หมอดู นักทำนาย หลายเท่าตัวเลยครับ ให้หมอดูนักทำนายชื่อดังๆหลายคนออกมาฟันธงมั่นใจบอกว่า EM ไม่มีผล เทวดาบอกมา เวลาฟังข่าวเค้ายังจะเชื่อมากกว่า ตัวเลขตาราง การทดลองอย่างมีวินัยแทบเป็นแทบตาย ทำไมเครดิตมันน้อยไม่รู้เพราะอะไร จากคุณ : @VVIEWW เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 20:53:06 A:58.64.64.29 X: TicketID:173601

ความคิดเห็นที่ 58 ขอบคุณคณะวิทยาศาสตร์จุฬามากครับที่ได้ทดลองและมีการสรุปผลการทดลอง มีหลักการทางสถิติชัดเจนครับ จากคุณ : nickyagape เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 20:55:46

ความคิดเห็นที่ 59 ก็บอกแต่แรกแล้ว มันไม่มีผลให้น้ำดีขึ้นหรือเลวลง นอนดูเขาทำที่คลองแสนแสบ มาจะ20ปีแล้ว เหมือนเดิม จากคุณ : บางกะปิ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 22:00:06 A:103.10.229.128 X: TicketID:293540

ความคิดเห็นที่ 60 ถ้าจะให้ดี ก็อย่าได้ต้องใช้มันอีกเลยทั้งแบบน้ำแบบก้อน ขออยู่แบบแห้งๆเถอะนะ จากคุณ : นางสาวมินิ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 22:14:27

ความคิดเห็นที่ 61 การทดลองก็ต้องทำแบบนี้อยู่แล้ว ทำในสภาพจำลองที่เล็กลงเพื่อให้ควบคุมปัจจัยได้ง่ายขึ้นเรียกว่า minimalisation ถ้าไม่ผ่านตั้งแต่สภาพจำลองเล็ก จะให้อัพไปยังสภาพที่ใหญ่กว่าแล้วควบคุมปัจจัยต่างๆ ให้ยากขึ้น ผลมันจะยิ่งแปรปรวนนะซิครับ จากคุณ : มอนตะทาโร่ เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 22:31:25

ความคิดเห็นที่ 62 ตลกดี คุณ aLITTLEspaceAround7day ไม่ ทราบ คุณ จะ ขยัน กด enter หา พระ แสง อะ ไร ผม รำ- คาญ คนอ่านเขาต้องมา กด scroll คุณเล่นอย่างนี้ ทุก กระทู้ บ้าจริงๆ จากคุณ : tiktaalik เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 22:58:36 A:58.9.250.169 X: TicketID:287399

ความคิดเห็นที่ 63 คงต้องให้พ่อปลาบู่เป็นพรีเซนเตอร์ผลการทดลองครับ คนไทยถึงจะเชื่อกัน จากคุณ : 55 (Spirit of Darkness) เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 23:12:12

ความคิดเห็นที่ 64 ขอบคุณครับอาจารย์ ตัวเลขไม่เคยหลอกใคร มีแต่คนที่หลอกกกันเอง จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 23:22:24

ความคิดเห็นที่ 65 ยืนยันได้ ทดสอบได้ จะเอาอะไรกันนักหนาเนี่ย จากคุณ : รำเพย เขียนเมื่อ : 10 ม.ค. 55 23:58:25

ความคิดเห็นที่ 66 ระหว่างนักวิทยาศาสตร์ที่ทดลองอย่างเป็นระบบ กับคนที่ไม่รู้ว่าจบอะไรมาพูดว่าไม่เชื่อ คอยแต่จะแถว่าไม่เชื่อ ใครจะน่าเชื่อถือมากกว่ากัน ผมเลือกที่จะเชื่อนักวิทยาศาสตร์ครับ จากคุณ : eadsaa เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 00:54:23

ความคิดเห็นที่ 67 การพิมพ์ เว้นบรรทัด ทำให้อ่านง่ายกว่าพิมพ์ยาวรวดครับ ในกรณีเนื้อหาเยอะ ๆ ผมไม่เห็นจะรำคญอะไร กลับอ่านง่ายดีเสียอีก ของคุณ tiktaalik  ต่างหากครับ ที่น่ารำคาญ จะมาป่วนกวนโอ๊ย เขาทำไมล่ะครับ ขอบคุณ คุณJD300 ที่กรุณานำผลการทดลองมานำเสนอให้ทราบ เป็นข้อมูลที่น่าสนใจมาก รวมทั้งผลการทำงานของ EM ที่ไม่มีผลต่อน้ำเสีย ในกรณีเฉพาะน้ำเสียที่ เมื่อไม่มีการเพิ่ม อินทรีย์วัตถุลงไปอีก น้ำเสียก็สามารถตกตะกอน และกลับมาใสได้เอง จึงเป็นสิ่งที่สนับสนุน ว่าเราควรแยกอินทรียวัตถุ ออกจากน้ำเสีย หรือไม่เพิ่มเติมลงไปอีก น้ำเสียจะบรรเทาลงไปได้เองในที่สุด ไม่จำเป็นต้องเปลือง EM แต่ประการใด ข้อโต้แย้งของคุณ webkit  คห.ที่ 37 ก็น่ารับฟังไว้ครับ เพราะในสภาพจริงๆ เราแยกอินทรีย์วัตถุ ออกจากน้ำเสียได้ยาก มันถูกเพิ่มเติมลงไปเรื่อยๆ อย่างต่อเนื่อง  รวมทั้งก้อน EM ก็เป็นอินทรียวัตถุที่จงใจเติมลงไปอีก EM ในความเห็นส่วนตัวผมคิดว่ามีประโยชน์แน่ แต่ต้องใช้ให้ถูก เช่นบ่อเกรอะ บ่อปลา บ่อกุ้ง การทำปุ๋ยหมัก  การหมักย่อยสลายขยะ แต่กับน้ำเสีย ที่มีปริมาณน้ำมหาศาล และมีเนื้อของ อินทรียวัตถุ น้อยๆ มันแทบไม่มีประโยชน์อะไรเลย ดังผลการทดลองที่เห็น กรุณาเปิดใจให้กว้าง รับฟังข้อมูลแล้วพิจารณา ทั้งเหตุผลของคนที่เห็นด้วยและเห็นต่างครับ ถ้ายังมีผลงานทดลองเพิ่มเติมอีก ขอความกรุณานำมาให้ชมอีกนะครับ ขอขอบคุณอีกครั้งครับ จากคุณ : ReHeat เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 01:20:48

ความคิดเห็นที่ 68 และผิดพลาดมากที่สุดของการทดลองที่หลายคนเตือนแล้วคือ การเลือกน้ำเสียตัวแทนมาทดลอง คือ ค่า BOD เริ่มต้น ที่เอามาทำลองเริ่มต้น  แค่ 15 mg/l ทำไม หลายคนเขาถึงบอกว่า ไม่เอาขยะเข้าไปผสมด้วย เพราะ BOD มันต่ำ มาก ถ้าแค่นี้ น้ำเสียโรงงานบางประเภทหลังบำบัด เขาอนุญาตให้ปล่อยสู่ธรรมชาติได้(60 mg/l) ค่าน้ำเสียที่บำบัด ให้ปล่อยได้หลังจากการบำบัดน้ำเสียชุมชน อยู่ที่ 20 mg/l ซึ่งหมายความว่าน้ำด้านบนที่คุณเอามาทดลองสามารถปล่อยสุ่ธรรมชาติโดยน้ำไม่เน่าอยู่แล้ว สารอินทรีย์ส่วนมาก จะอยู่ที่ก้น พื้น และ BOD โดยรวมที่ทำให้น้ำเน่าได้สูงกว่านี้นะ BOD ส่งผลต่อ DO มีผลต่อชนิดจุลินทรีย์ในการบำบัดน้ำเสีย น้ำเสียแค่นี้ม้นไม่เน่าอยู่แล้ว  ซึ่งมันต่างกับน้ำเสียที่เน่า การทดลองเป็นแบบนั้นก็ไม่แปลกใจ แม้จะสรุป แปลกๆ ไปหน่อยก็ตาม(สรุปในทุกที่ที่น้ำเสียกับจุลินทรีย์ธรรมชาติ ดีกว่า EM ในส่วนที่ EM ดีกว่าจะข้ามๆ ไปไม่สรุป) แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 02:03:06 แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 01:53:17 แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 01:33:17 แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 01:28:43 จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 01:22:40

ความคิดเห็นที่ 69 (^^) จากคุณ : 0vvaynar0 เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 05:15:00

ความคิดเห็นที่ 70 ถ้าคนทดลองไม่เคยตั้งธงว่ามันไม่ได้ผล แล้วค่อยมาทดลองสนับสนุนความเห็นตัวเองที่หลัง ข้อมูลทดลองก้น่าเชื่อถือได้แหละครับ EM กับบ่อปลาคราฟ ถ้าไม่เติมเลย ผมต้องล้างบ่อกรองทุกเดือนเพราะมันจะเหม็นมาก แต่ถ้าเติม EM ผมล้างบ่อกรองเพราะมันตันครับ ไม่ได้ล้างเพราะมันเหม็น นักวิชาการบางคนเก่ง ครับเก่งทุกอย่าง พอตัวเองผิดพลาดก็หายเข้ากรีบเมฆ พอมีเรื่องใหม่มาก็โผล่มาอีก แล้วทำเนียนว่า คนคงลืมเรื่องที่ตัวเองเคยทำอะไรไว้ จากคุณ : นายสบายสบาย เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 07:10:27

ความคิดเห็นที่ 71 ใครก็ได้ช่วยอธิบายที  เรื่องกลิ่นเหม็นที่มันลดลงเพราะใส่น้ำอีเอ็ม  เกิดจากสาเหตุอะไรคะ   ถามแบบคนไ่ม่รู้จริงๆ ค่ะ  เพราะตอนน้ำท่วม ที่ทำงานก็ใส่น้ำอีเอ็มทั้งโรงงานเลย เนื่องจากน้ำเน่าดำและเหม็นมาก ผ่านไปอาทิตย์นึงเราว่ากลิ่นมันลดลง  แต่น้ำใสขึ้นหรือเปล่า อันนี้ไม่แีน่ใจ เพราะน้ำที่มันขังทั้งเน่าและดำมาก จากคุณ : moonlit_memory เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 09:15:46

ความคิดเห็นที่ 72 #68 เป็นข้อสังเกต ที่ดี และ ขัดแย้ง อยู่ในตัวเองครับ ก็ในเมื่อท่านเอง บอกว่า การทดลองนี้ ไม่น่าเชื่อถือ เพราะ ใช้น้าเสียที่มี BOD ต่ำ อยู่ในเกณฑ์ที่ปล่อยทิ้ง แล้วบำบัดได้เอง ตามธรรมชาติ ตรงนี้ เท่ากับ ยืนยันว่า น้ำเสียที่มีความสกปรกต่ำ ไม่ต้องบำบัดด้วย EM นั่นเอง นะครับ แล้วประการต่อมา ท่านบอกว่า ให้ใช้น้ำเสียที่มีค่า BOD เยอะๆ ตรงนี้เท่ากับว่าอะไร เท่ากับว่า ถ้าน้ำเสียในบ้าน หรือ ชุมชนใด มีเกิน ท่านต้องไม่ปล่อยให้ปนเปื้อนแหล่งน้ำสาธารณะ หลังการโยน EM โดยมิได้วัดผล นะครับ เพราะ การที่น้ำใส ไม่ได้หมายความว่า น้ำไม่เสีย มิเช่นนั้น กลายเป็นว่า พอทำการทดลองแบบคุมตัวแปร ตั้งข้องสังเกตว่า ไม่น่าเชื่อถือ แต่เอาไปใช้จริง โดยไม่ได้วัดค่าน้ำหลังโยน EM Ball กลับปล่อยให้น้ำนั้น ลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ หรือ โยน EM Ball ได้เลย โดยไม่ต้อง ทำการวิเคราะห์ใด ตรรกะ มันจะสวนทางกันเลยนะครับ ฝากไว้พิจารณาเท่านี้ครับ ข้อสังเกต การที่น้ำสกปรกมาก หรือ มีขยะปนเปื้อน แต่ละคน ได้กักเก็บไว้ในบ้านหรือเปล่า หรือมันก็ถ่ายเท แล้วไป ปะปนอยู่กับ แหล่งน้ำสาธารณะ (ในสภาวะน้ำท่วม) ซึ่งก็ต้อง มีการบำบัด ตามธรรมชาติ ตรงนี้ เขาทดลองเพื่อแย้งว่า EM Ball ไม่สามารถบำบัดน้ำเสียได้ แต่ถ้าจะปรับคุณภาพน้ำ ในเชิง การเกษตร ให้ได้สภาพน้ำ เหมาะแก่ กรณี อันนี้ เป็นอีกประเด็น แยกต่างหาก ที่ไม่มีใคร แย้งนี่ครับ จากคุณ : ด้วยรักและผ่านมาก่อน เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 09:29:05 A:58.9.217.53 X: TicketID:127369

ความคิดเห็นที่ 73 เรื่องทิ้งขยะ รณรงค์ ไปเถอะครับ อธิบาย ไปเถอะครับ เคยผ่านไปถนนเส้นนึง มีที่ว่างอยุ่ เจ้าของ ไม่ได้ทำอะไร ต่อมาๆ ก็มีคนเอาขยะไปทิ้ง นานเข้า ๆ ก็กองพะเนิน เจ้าของที่ จ้างรถมาขนไปทิ้ง แล้วเอาป้ามาปัก ว่าห้ามทิ้งขยะ ก็เท่านั้น ก็ยังมีขยะ มาทิ้ง มีคนมาโยน อยู่ร่ำไป ต่อ เจ้าของที่ เอาป้ายห้ามออก เอาผ้าเจ็ดสี ไปผูกใต้ต้นไม้ เอาศาลเจ้า ศาลพระภูมิเก่าๆ ไปวางไว้โคนต้น ไม่ต้องมีคำบรรยาย ใดๆ ให้ลึกซึ้ง เท่านั้นเอง ไม่มีใครเอาขยะมาทิ้งอีกเลย วิธีแก้ปัญหา ด้วยเหตุ ด้วยผล ด้วยหลักการทาง วิทยศาสตร์ สำหรับสังคมไทย บางที มันก็ไม่ได้ผล จริงๆ นั่นแหละครับ : ) จากคุณ : ด้วยรักและผ่านมาก่อน เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 09:37:25 A:58.9.217.53 X: TicketID:127369

ความคิดเห็นที่ 74 วางแผนการทดลองแบบ CRD กับการทดลองแบบนี้ผมคิดว่ามันไม่ make sense ครับ แน่ใจหรือเปล่าว่าข้อมูลมีการกระจายตัวแบบ normal เพราะถ้ามันไม่เป็นแบบนั้น ก็ผิดหลักการวางแผนแบบ CRD ครับ ผลการวิเคราะห์จะผิดเพี้ยนและ bias ได้ง่าย ผมคิดว่าควรใช้แผนการทดลองแบบ nested design หรือ mixed model จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 09:44:06

ความคิดเห็นที่ 75 จาก คห.37  ผมยังยืนยันตามเดิม การตักน้ำออกจากขยะ หรือ เอาขยะออกจากน้ำ มันย่อมได้ผลดีกว่า การเติม EM ลงในน้ำอยู่แล้ว แค่ใช้สามัญสำนึก ก็คิดออกแล้วครับ ระหว่างเอาขยะออกจากน้ำ กับ ปล่อยให้ขยะย่อยสลายไปเอง มันจะไปเทียบกันได้อย่างไร ผมไม่ได้บอกว่า EM มันกำจัดขยะได้ดีกว่า การเก็บขยะ แต่ปัญหาคืออะไร ทำไมถึงมีการใช้ EM:: ปัญหาคือ คุณมีขยะมหาศาลอยู่ในบริเวณน้ำท่วม  ทำให้น้ำเน่าเหม็น ซึ่งทุกคนรู้ว่าวิธีการแก้ปัญหาที่ดีที่สุด คือเก็บขยะออกไปเพราะเมื่อในน้ำไม่มีขยะมันก็จะไม่เน่า แต่เนื่องจากขยะเยอะ น้ำก็เยอะ ไม่สามารถเก็บขยะได้ จะทำอย่างไร การตั้งปัญหาผิด ก็ย่อมนำไปสู่สมมติฐานที่ผิด และ ได้คำตอบที่ผิด คุณจะตักน้ำเน่าออกมาจากแหล่งน้ำ เป็นล้านๆ ลิตร เอามาใส่ขวดทั้งหมดได้หรือเปล่าล่ะ หรือคุณสามารถจะสูบน้ำ เน่า กรองขยะออก ไปเก็บไว้ในบ่อพักน้ำได้มั้ย ถ้าทำได้ก็ไม่ต้องใช้ EM หรอกครับ เพราะปัญหาคือ น้ำมหาศาล + ขยะมหาศาล  ทำให้ไม่สามารถแยกน้ำออกจากขยะได้ EM จึงกลายมาเป็นทางเลือกเพื่อแก้ปัญหา ดังนั้นการทดลองจึงต้องตั้งตามสมมติฐานจากปัญหาที่ถูกต้อง ผมถึงบอกว่า ก็ถ้าในน้ำไม่มีขยะ คุณจะเอา EM ไปบำบัดอะไร คุณจะไปอ้างว่าน้ำที่ตักก็เน่า เพราะมีขยะละลายอยู่เหมือนกันไม่ได้ ถ้าอ้างแบบนี้ก็ไม่ใช่นักวิชาการ ข้อโต้แย้งว่าทำไมอ้างแบบนี้ไม่ได้ ก็คือ ขยะจะสามารถละลายในน้ำได้อย่างไร ถ้าขยะนั้นไม่ใช่ของเหลว สมมติว่ามี ส้ม 1 ลูก เอามาสับๆๆ แล้ว ทิ้งลงในน้ำ ส้มลูกนี้จะละลายน้ำเองได้มั้ย คำตอบก็คือ ไม่ได้   แต่เมื่อมันถูกจุลินทรีย์ย่อยสลาย มันก็จะเริ่มเละ สลายตัว ในที่สุดก็ละลายในน้ำ ดังนั้นการทดลองของ คณะวิทย์จุฬา ทำก็คือ ไปตักน้ำที่มีขยะที่ถูกย่อยสลายไปแล้วมาทดลองนั่นเอง (น้ำสีดำๆ ก็คือ น้ำขยะที่ถูกย่อยสลาย ) ผลก็คือ น้ำที่ตักมานั้น ขยะที่อยู่ในน้ำนั้นได้ถูกย่อยสลายไปแล้ว อาจจะยังคงเหลืออยู่บ้างเล็กน้อย เมื่อทิ้งไว้ระยะหนึ่ง มันก็จะถูกย่อยสลายไปจนหมด และ ตกตะกอน เมื่อขยะถูกย่อยจนหมด จุลินทรีย์ก็ไม่มีอาหาร ผลก็เป็นแบบที่เห็นในการทดลอง แล้ว EM ใส่ลงไปในน้ำที่ไม่มีขยะ ไม่มีอาหารให้มัน มันจะไปเกิดประโยชน์อะไรละครับ สรุป จึงอธิบายได้ไม่ยากว่าทำไม ผลการทดลองนี้ ออกมาเป็นแบบนี้ =============================================== เรื่อง EM ทดลองง่ายมากๆ ครับ คนที่ใช้ EM เขาก็ทดลองใช้กันอยู่ แต่คนที่ต่อต้านก็ไม่เชื่อ มีผลพิสูจน์มากมาย แล้วทดลองด้วย หลักการที่ถูกต้องมากกว่าด้วย คือทดลองย่อยสลายขยะจริงๆ ไม่ใช่ ย่อยสลายน้ำขยะที่ถูกย่อยสลายมาแล้ว ซึ่งจะทดลองซ้ำได้ก็ได้ผลเหมือนเดิม  ดังนั้นถ้าไม่เชื่อก็ทดลองเองได้ครับ วิธีการก็แค่ หาปลาเน่ามา 2 ตัวที่ขนาดเท่ากัน แบบเดียวกัน เน่าพร้อมกัน (เหม็นๆ เลยยิ่งชัวร์) ถ้าไม่มีปลาเน่า ก็เอาอะไรอย่างอื่นที่เน่าๆ มาแทนก็ได้ แล้วใส่ปลาเน่าไว้ในขวดเปล่า ขวดละ 1 ตัว จากนั้นเติมน้ำเปล่าให้เต็มขวด ทั้ง 2 ขวด เขย่าๆ ขวดที่ 1 ไม่ต้องเติม EM   ขวดที่ 2 เติม EM ปิดฝา  ตั้งทิ้งไว้ 7 วัน แล้วก็เปิดขวด มาดมพิสูจน์กันเลย ถ้าคุณทดลองแล้ว สามารถพิสูจน์ได้ว่า   ปลาเน่าในขวดที่ใส่น้ำเปล่าๆ  กับ ปลาเน่าในขวดที่ใส่น้ำผสม EM ทิ้งไว้ 7 วัน แล้ว กลิ่นเหม็นเหมือนกัน ก็แสดงว่า EM มันหลอกลวง   แต่ถ้า ปลาเน่าในขวด EM เหม็นน้อยกว่า หรือ ไม่เหม็นเลย  ก็แสดงว่า EM ใช้ได้ผล --------------------------------------------------------------------- เสริมนะครับ (ย้ำแล้วย้ำอีก) ก่อนจะ comment ความเห็นของผม กรุณาเข้าใจด้วย ผมไม่เคยบอกว่า  EM จะสามารถทำให้ขยะหายไปได้ และปลาเน่าในขวด EM กับ ขวดน้ำเปล่า  มันก็จะไม่หายไปไหนหรอกครับ ปลามันก็จะยังเป็นปลาอยู่เช่นเดิม จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 10:49:55

ความคิดเห็นที่ 76 ถึง คห.66 ถ้าทุกคนคิดแบบคุณโลกเราก็คงไม่พัฒนาไปไหนหรอกครับ วิทยาศาสตร์ ไม่ได้ตัดสินกันที่ว่า ใคร เป็นคนพิสูจน์ แต่ตัดสินกันที่วิธีการทดลอง ผลการทดลอง ซึ่งสามารถโต้แย้งได้ นักวิทยาศาสตร์ต้องพร้อมที่จะถูกวิจารณ์ผลงาน และ สามารถยอมให้โต้แย้งผลงานได้ ถ้ากลัวจะถูกวิจารณ์จะเอาผลงานมานำเสนอทำไม   ต่อให้คุณเป็นดอกเตอร์ หรือ ศาสตราจารย์  แต่ถ้ามี เด็ก ป.1 สงสัย โต้แย้งผลงานของคุณ แล้วคุณไม่สามารถหักล้างข้อโต้แย้งนั้นได้ หรือ ตอบข้อสังสัยนั้นได้ คุณก็ต้องยอมรับ ไม่ใช่อ้างแค่ว่า ฉันเป็นดอกเตอร์ด้านนี้มาแล้วคุณเป็นใครจบอะไร ทำไมฉันต้องไปฟังคุณ ซึ่งจาก ผลการทดลองนี้ ผู้ทดลองก็พยายามที่จะไม่ สรุปรวบรัดไปว่า  EM ใช้ไม่ได้ผลในสภาพแวดล้อมจริง เพราะการทดลองทุกอย่าง ก็มีข้อจำกัด ดังนั้นจึงต้องสรุปในขอบข่ายงานของตนเอง จะไปสรุปรวมเกินสิ่งที่ตนเองทดลองไม่ได้ ดังนั้นเมื่อทดลองกับน้ำที่ไม่มีขยะ แล้วได้ผลว่า EM ไม่มีประโยชน์ จึงสรุปว่า EM ไม่มีประโยชน์ ในการบำบัดน้ำในแหล่งน้ำเน่าเสียที่เอาขยะออกไปหมดแล้ว แต่ไม่สามารถสรุปได้ว่า EM ไม่มีประโยชน์ ในการบำบัดน้ำในแหล่งน้ำเน่าเสียที่มีขยะอยู่จำนวนมาก จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 11:26:43

ความคิดเห็นที่ 77 ปัญหาที่ผลห่วงอีกข้อก็คือภาพใน คห. 21 ถ้าใครอ่านๆ วิธีการทดลองมา ... จนถึงคห. ที่ 21 ก็คงไม่มีปัญหา แต่ปัญหาก็คือ ถ้าเห็นแค่ผลสรุปใน คห.ที่ 21 แล้ว ก็เชื่อทันที เพราะเชื่อในเครดิตว่า เป็น คณะวิทย์จุฬา ทดลอง ก็จะอันตราย เพราะ ข้อสรุป 3 ข้อนั้น เป็นสรุปเกินว่าการทดลองของตนเอง เป็นการให้ข้อเท็จจริงด้านเดียว โดยมุ่งโจมตีการใช้ EM Ball  ว่าไม่ดี ไม่มีประโยชน์ ทั้งๆ ที่ การทดลองนี้ ก็ไม่ได้พิสูจน์ว่า EM-Ball ไม่มีประโยชน์ ผมเข้าใจว่า เป็นเทคนิคของการนำเสนอผลงาน ให้น่าสนใจ แต่ว่า การสรุปผลแบบนี้ โดยเฉพาะในสังคมไทย ที่มีคนแบบ คห. 66  ที่พร้อมจะเชื่อ เป็นสิ่งที่อันตรายครับ จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 11:33:48

ความคิดเห็นที่ 78 ผมว่าประเด็นที่ใช้ EM ไม่ได้อยู่ที่ทำให้น้ำเน่าคุณภาพดีขึ้น แต่มันลดกลิ่นเหม็นที่เกิดจากน้ำเน่าได้ จากคุณ : et009 เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 11:41:15

ความคิดเห็นที่ 79 ที่ที่น้ำท่วมมีขยะกับสิ่งปฏิกูลเติมลงอยู่ทุกวัน ทำไมไม่เติมขยะหรือสิ่งปฏิกูลลงไปทุกวันด้วยล่ะ แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 12:45:35 จากคุณ : เกลียวเชือก เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 12:44:12

ความคิดเห็นที่ 80 คุณด้วยความรัก  ผมหมายถึงว่า น้ำเสีย BOD แค่นี้ไม่ต้องบำบัด เพราะว่า มันน้อยอยู่แล้วครับ แต่น้ำเสีย เน่า BOD มันมากกว่านี้ น้ำมันถึงเน่า การทดลองเอาน้ำที่ ไม่เน่าแล้ว มาทำการทดลอง บำบัดน้ำเสีย จึงเป็นข้อผิดพลาดร้ายแรง ในการตั้งการทดลองครับ คุณ et900   ประเด็นที่คุณกล่าวถึง ที่จริงประเด็นนั้นแหละครับเป็นที่น่าควรสนใจ ในกรณีน้ำเน่าเสียมาก ออกซิเจนจะหมดจากน้ำ และ จุลินทรีย์ประเภทไม่ใช้ออกซิเจนจะดำเนินการได้ โดยมี เนื้อหาดังนี้ EM ลด BOD ได้  แต่ ผลิตภัณฑ์ที่ได้ ไม่เหม็น (อันนี้ทางจุฬาบอกว่าไม่สามารถลด BOD ได้ แต่บางกลุ่มที่ทดลองบอกว่าลดได้ แต่ลดได้เท่าจุลินทรีย์แบบ Anaerobic ในธรรมชาติเหมือนกัน) ในขณะที่ จุลินทรีย์ธรรมชาติ(แบบ anaerobic ก็ลด BOD ได้ แต่ทำให้น้ำเหม็น จากขบวนการ Sulfur reducing bacteria ให้ H2S ออกมา) พอทั้งสองชนิดลด BOD ได้ระดับหนึ่ง ออกซิเจนจะถ่ายเทลงน้ำได้ จุลินทรีย์ใช้อากาศก็จะโต มากจัดการ BOD จนหมด การจัดการ BOD ของจุลินทรีย์ใช้อากาศในช่วงหลัง  ให้ CO2 ซึ่งไม่เหม็น การทดลองขอผศ.เจษ จึงผิด เพราะว่า BOD น้อยเกินไป ทำให้ไม่อยู่ในช่วง anaerobic จึงเป็นการทดลองที่ไม่สามารถเปรียบเทียบ จุลินทรีย์ธรรมชาติ แบบ anaerobic กับ EM ได้ครับ จากการทดลองจะเห็นว่า phase จุลินทรีย์ที่โต คือจุลินทรีย์ใช้อากาศทั้งคู่ เพราะ DO ยังไม่ลดลงจนหมด แต่ BOD น้อยหมดก่อน ออกซิเจนจึงละลายกลับไปได้ จึงเป็นการทดลองเปรียบเทียบความสามารถของ EM ไม่ได้เลยครับ จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 12:53:15

ความคิดเห็นที่ 81 ก็อุตส่าเอาน้ำที่ว่าเป็นน้ำท่วม มาทดลอง ยังว่าเป็นตัวแทนไม่ได้ แล้วจะไปน้ำที่ไหนมาใช้เป็นตัวแทน ก็จุดเริ่มต้นมันคือน้ำท่วมที่มันท่วมอยู่ ไปเอาน้ำเสียโรงงานมา มันก็ตอบไม่ได้อีก ตรรกะวิธีคิดเพี้ยนไปแล้ว ถ้าบอกว่า อีเอ็มใช้บำบัดน้ำเสีย โรงงานได้ ก็ต้องเอาน้ำเสียจากโรงงานไปทดลองซิ !!!! จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 13:10:52

ความคิดเห็นที่ 82 ประเด็นคือ น้ำท่วมที่มันเหม็นๆ เนี่ย เอาอีเอ็มใส่ลงไป แล้วผลเป็นอย่างไร นี่คือ ข้อสงสัย ถูกมั้ยครับ จากข้อสงสัย ก็ออกแบบการทดลองเพื่อตอบข้อสงสัยว่า น้ำเหม็นๆที่เป็นน้ำท่วมเนี่ย เอาอีเอ็มใส่แล้วเป็นอย่างไร การตรวจวัดความเปลี่ยนแปลงจากการทดลองก็ดูจาก พารามิเตอร์ที่ว่า ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น ก็ตรงคำตอบนี่ ไม่ตรง ตรงไหน???? จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 13:17:18

ความคิดเห็นที่ 83 #80 เค้าเอาน้ำจากน้ำท่วมมาทดลอง ถ้าบอกว่า น้ำที่นำมาทดลองไม่เน่า ไม่จำเป็นต้อง เติม EM ก็ได้ ก็แสดงว่าเวลาน้ำท่วมเราไม่ต้องเติม EM ก็ได้ ใช่ไหมละครับ ส่วนเรื่อง EM ดีจริงหรือไม่ ยังต้องพิสูจน์ ต่อไป แต่เราพิสูจน์ได้แล้วว่า แค่น้ำท่วม ไม่จำเป็นต้องเติม EM ให้เปลือง ความจริง ผมว่า EM ได้ผล แต่มันไม่ได้ผลกับน้ำท่วมจำนวนมาก เท่านั้น เหมือนเทเกลือ ลง กว้านพะเยา อย่างไงน้ำก็ไม่เค็ม อย่างไรก็อย่างนั้น (ถ้าไม่เทไปจำนวนมากจริง) จากคุณ : CONVENI DMZ เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 13:28:01 A:110.164.49.254 X: TicketID:206189

ความคิดเห็นที่ 84 ผมเริ่มคิดแบบคุณ webkit แล้ว ว่าควรนำ EM มาทดสอบ ในสภาวะที่มีขยะที่ยังไม่ย่อยสลายมาทดสอบ เพื่อให้ ผลการทดลอง ที่ชัดเจน คือ ไม่แน่ใจว่า EM บอล ช่วยย่อยสลายขยะที่ย่อยสลายได้ ได้เร็วขึ้นหรือไม่ และหลังจากย่อยสลายแล้วเกิดอะไรขึ้น เมื่อย่อยสลายแล้ว น้ำเน่าเสียเท่าใด แล้วส่วนที่ไม่ใส่ EM ใช้เวลาย่อยสลายเ่ท่าใด และ ตรวจสอบสถานะค่าต่างๆในระยะช่วงเวลาเดียวกันด้วย ...น่าคิดนะครับ... ทางจุฬาอย่า่ พึ่งรีบแถลงการณ์ ให้ทดลองที่สภาวะนี้ก่อนครับ ไม่งั้นผมว่าอาจไม่จบง่ายๆ... จากคุณ : Photo By ObEy (Photo by ObEy) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 13:46:25

ความคิดเห็นที่ 85 ขออภัย ที่ทำให้รำคาญนะครับ พอดีพอผมเจอคำจะเน้น หรือประโยคที่จะเน้น ผมก็จะชอบกด enter  ผมก็คิดไปเขียนไปเสมอ  จังหวะความคิดจะกระตุกๆ สะดุดไปอย่างนี้ บางช่วง ก็อาจจะอยากเน้นให้ผู้อ่านคิดตาม ไปเป็นจังหวะ เหมือนๆกัน ซึ่งส่วนใหญ่ ผมจะพยายามคิดอะไร ที่จะให้แปลกใหม่ที่สุดใส่ลงไป ขอบคุณที่เตือนนะครับ  (ลบไป สบายใจกว่า) แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 14:09:35 แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 14:09:03 จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 13:59:27

ความคิดเห็นที่ 86 (เฮ้อ ลบดีกว่า) ปล. ขออภัยที่ต้องมารบกวนกระทู้อาจารย์นะครับ แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 14:07:53 แก้ไขเมื่อ 11 ม.ค. 55 14:06:46 จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 14:03:26

ความคิดเห็นที่ 87 คุณ coverni   น้ำที่จริงที่ท่วมมันเน่า เพราะ BOD มันสูง แต่ อ. เอาน้ำ BOD ต่ำ ที่มันไม่เน่ามาทดลอง เขาใช้ EM กันตอนน้ำเน่ามีกลิ่นเหม็น หรือ น้ำที่ยังไม่เน่า แต่ BOD สูง ซักแปร๊บ มันก็เน่า แต่การทดลองนี้ใช้ BOD ต่ำ ซึ่งน้ำมันไม่เน่าอยู่แล้ว (จะเห็นได้ว่า น้ำที่ชาวบ้านทดไม่ไหวมันเน่า เพราะ BOD มันสูงและใช้ออกซิเจนไปหมด) ถ้าจะทดลองจะใช้น้ำเสียจริง น้ำเสียสังเคราะห์ หรือน้ำจากไหน ก็ไม่ว่ากัน แต่ประเด็นคือ BOD ต้องมากพอที่จะทำให้ ออกซิเจนในน้ำหมด และน้ำเน่า ควรนี้ถึงมาทดลองเทียบกัน ถึงจะเห็นผลนะครับ ถ้าสงสัยตรงไหน ก็พยายามอธิบายให้ฟังนะ จากคุณ : ช้างยิ้ม เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 14:08:12

ความคิดเห็นที่ 88 ตั้งข้อสังเกต นิดนึงนะครับอาจารย์ ผมว่ากระบวนการทดลองมัน ค่อนข้างช้าอะครับ จนถึงน้ำท่วมปีหน้า นักวิชาการจะได้ข้อสรุปที่ตรงกันเปล่าอะครับ ว่า จะใช้อีเอ็มบอลมาโยนมั้ย มันมีวิธีที่สำเร็จผลดี และทันการณ์กว่านี้ เปล่าอะครับ จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 14:16:38

ความคิดเห็นที่ 89 จุฬาฯ น่ารักอีกแล้ว ^^ จากคุณ : mint_la เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 14:19:43

ความคิดเห็นที่ 90 คห.87 คำว่าบีโอดีสูง ของคุณนี่ตัวเลขคือ ??? วิทยาศาสตร์นะครับ ถ้าจะบอกว่าบีโอดีต่ำ ไม่เหมาะกับการทดลอง ก็อีกประเด็น ถ้าจริงๆเถอะ ใครมีตัวเลขมั้ยว่าไอ้ความสกปรกในน้ำเสียๆที่ท่วมอยู่เนีย บีโอดี/ซีโอดี/ทีเคเอ็น(ออร์แกนนิคไนโตรเจน)/ของแข็งแขวนลอยมันเท่าไหร่ ??? เรื่องการเลือกน้ำตัวอย่างมาทดลอง ถามว่า ควรเลือกอย่างไร ถึงจะใช้เป็นตัวแทนได้ ?? เอาแถวๆสวนเมืองนนท์??? หรือจะกลางถนนที่น้ำขัง??? หรือจะสวนหลังบ้านใคร ??? สนามหญ้า หรือจะเอาใกล้ๆกองขยะ??? จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 14:31:52

ความคิดเห็นที่ 91 ตั้งแต่อ่านกระทู้ในห้องนี้มา ผมว่ากระทู้นี้ โค ตะ ระ วิทยาศาสตร์เลยครับ จากคุณ : Freedom and Justice เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 14:42:35

ความคิดเห็นที่ 92 ต้องแยกเป็นประเด็นครับ ------------------------------------------- จุดประสงค์ของการทดลองนี้คือ "อีเอ็ม สามารถจะบำบัดน้ำเสียให้มีคุณภาพดีขึ้น เช่น เพิ่มปริมาณค่าออกซิเจนที่ละลายในน้ำ ได้จริงหรือไม่" ผลลัพธ์ ---> ตามผลที่ได้สรุปไว้ ------------------------------------------- ประเด็นของผู้สงสัยภายในประทู้ อาจจะมีหลายประเด็น เช่น ------------------------------------------- EM สามารถย่อยสลายขยะในน้ำได้หรือไม่ ในที่นี้อาจจะต้องออกแบบการทดลองเพื่อศึกษาโดยตรง เนื่องจากขยะมีหลายชนิด สารอินทรีย์ก็มีหลายชนิด และ EM สามารถย่อยสลายได้จริงหรือไม่ ได้ผลดีหรือไม่ ตรงนี้คิดว่าออกแบบการทดลองได้ EM สามารถช่วยลดกลิ่นได้จริงหรือ เช่นกัน ต้องออกแบบการทดลอง โดยอาจต้องใช้วิธี Blind Test เพื่อป้องกันการคิดเข้าข้างตัวเอง และที่ต้องระวังอีกอย่างคือ สารอินทรีย์หรือขยะก่อนนำมาทดสอบ จะตรวจสอบได้อย่างไรว่าขยะชิ้นนั้น ภายในมีจุลินทรีย์ปนเปื้อนหรือพออนุมานได้ว่ามีลักษณะต่างๆคล้ายกัน (เพราะมันส่งผลต่อค่าที่ตรวจวัดได้แน่นอน) ในกรณีที่ไม่สามารถตรวจวัดได้อย่างละเอียด อาจจำเป็นต้องทดลองซ้ำหลายครั้ง หลายหน หรือหลายตัวอย่าง เพื่อให้ได้ค่าเฉลี่ยที่เชื่อถือได้ ------------------------------------------- และอีกอื่นๆหลายคำถาม ในกรณีนี้ผมว่าต้องแยกแยะเป็นแต่ละเคสไป ซึ่งผมไม่อยากให้ประเด็นมันหลุดไปจากหัวข้อกระทู้ที่เรากำลังสนทนากัน ในกรณีที่มีประเด็นอื่น อาจจะนำมาเสนอแนะได้ไม่ว่ากัน แต่ผมว่าเราต้องแยกแยะ อย่าจับมาโยงกันเพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนครับ หัวข้อคือ "อีเอ็ม สามารถจะบำบัดน้ำเสียให้มีคุณภาพดีขึ้นได้จริงหรือไม่" (ขอตัดเช่นทิ้งไปนะ) ประเด็นที่1  คำจำกัดความของคำว่าน้ำเสียของผู้ทำการทดลอง (อ.เจษ) หมายความว่าอย่างไร = จากความเห็นที่7 เชื่อว่าทางผู้ทำการทดลอง แบ่งศึกษาลักษณะของน้ำเสียออกเป็น 3 ด้าน ด้านที่1 ลักษณะของน้ำเสียทางกายภาพ (ตรวจสอบปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำและสามารถไหลผ่านกระดาษกรองได้) จากประเด็นนี้ผู้ทำการทดลองได้ืำทำการตรวจสอบค่า TSS ซึ่งในความคิดผม มันเป็นวิธีการที่สามารถใช้หาผลลัพธ์ออกมาให้ได้เห็นกันระดับหนึ่ง ซึ่งผลลัพธ์ออกมาว่า EM ไม่สามารถช่วยได้อย่างมีนัยยะสำคัญ = จากด้านนี้พอตอบโจทย์ได้ระดับหนึ่ง แต่อาจจะมีคำถามที่ว่า ปริมาณของแข็งที่ละลายน้ำอยู่มันมีกี่ชนิด มันเป็นชนิดอะไร จากตัวอย่างอาจจะเคราะห์ร้ายเจอชนิดที่ไม่สามารถละลายได้หรือเปล่า หรืออาจจะมีบางชนิดที่EM อาจจะมีผลช่วยย่อยสลายหรือลดได้ อันนี้ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมอีกทีถึงจะสามารถหาคำตอบได้ครับ ด้านที่2 ลักษณะของน้ำเสียทางเคมี ผู้ทดลองตรวจสอบวัดค่า DO BOD COD Organic-Nitrogen (ตัวนี้มีผลทำให้พืชน้ำเจริญเติบโตไวครับ พอมันโตไว มันก็ดึงออกซิเจนไปใช้เยอะ น้ำก็จะเสียได้ง่ายขึ้น เลยมีการทดสอบวัดค่าตัวนี้ด้วย ถ้าผมเข้าใจผิด ผู้ทำการทดลองสามารถแย้งผมได้นะครับ) = อันนี้ผมไม่มีข้อโต้แย้งครับ และอยากให้เสริมเรื่องการตรวจค่าpHก่อนและใส่EMด้วย แต่ในส่วนกรณีของโลหะหนักและธาตุบางประเภทในน้ำ โดยปรกติในงานตรวจสอบคุณภาพน้ำแบบละเอียดในหลายโครงการที่ผมผ่านจะมีการวัดคุณลักษณะทางเคมี 17 อย่าง pH ความขุ่น(์NTU) สี(หน่วยพลาตินัม-โคบอล) วัดค่าEC(การนำไฟฟ้า) ความกระด้าง SSP RSC และ SAR,  น่าจะเกินมือผู้ำทำการทดลองคนเดียวแน่เพราะต้องใช้แลปเฉพาะขนาดใหญ่ แต่มีหลายหน่วยงานทั้งของเอกชนและรัฐที่สามารถทำได้ไม่ยาก (ในความคิดส่วนตัวผมอยากให้ทางรัฐบาลสนับสนุนและเข้ามาร่วมมือด้วยอย่างจริงจังเพื่อหาคำตอบที่ชัดเจน รวมถึงพัฒนาทางด้านวิทยาศาสตร์ในประเทศให้ไปไกลกว่านี้) แต่จากผลการทดลองแค่นี้ก็พอบอกผลลัพธ์ได้คร่าวๆแล้วในเฉพาะปัจจัยที่ไ้ด้ทำการทดสอบ ด้านที่3 ลักษณะของเสียทางชีวภาพ หมายถึงพวกจุลินทรีย์ทั้งหลาย คงวัดโดยตรงไม่ได้ แต่การวัดค่า COD BOD DO สามารถนำค่าที่ได้มาวิเคราะห์ได้ ------------------------------------------- เพื่อไม่ให้หลุดประเด็นและมีประโยชน์มากกว่าการถกในเรื่องได้ผลจริงหรือไม่ ทำไมที่นี่ได้ผล ผมว่าเรามาเ้ข้าประเด็นหลักของหัวข้อสนทนาและถกลงไปลึกในเชิงเนื้อหาน่าจะได้ประโยชน์มากกว่า โดยส่วนตัวผมเชื่อว่า EMที่ได้คุณภาพ ผ่านผลงานการวิจัยที่เชื่อถือได้ มีคุณภาพที่จะช่วยลดและอาจจะจัดการหรือย่อยสลายสารบางประเภท ที่อาจจะทำให้เกิดกลิ่นได้ (สมมติฐานนะครับ ไม่ใช่ข้อสรุป) ซึ่งเราควรถกในประเด็นที่ลึกลงไปว่า "สารตัวไหนหรือชนิดไหนที่EM สามารถย่อยสลายได้ดี ซึ่งสารบางชนิดอาจจะส่งกลิ่นเหม็น และEMไปลดตรงจุดนี้ได้ อาจจะเป็นสารอินทรีย์หรือสา่รใดๆก็ตาม อันนี้ผมไม่มีความรู้ด้านชีววิทยาแน่นมากนัก เนื่องจากไม่ได้ศึกษาต่อด้านนี้โดยตรง อาจจะให้ความจำกัดความกว้างๆนะครับ (ควรระบุชนิดเชื้อด้วยนะครับ เพราะถ้าเชื้อไม่เหมือนกันก็EMคนละประเภทอีก) ผมว่าจะมีประโยชน์มากกว่าในการถกกันเรื่อง "กระพี้" ซึ่งไม่ส่งผลให้เรารู้ัถึง "แก่น" ที่แท้จริงของมันนะครับ หรือเราอาจถกในเรื่องของการทดลอง วางตัวแปร ที่ผู้ทำการทดลองได้ทำว่ารัดกุมเพียงพอหรือไม่ มีช่องว่างหรือข้อผิดพลาดตรงไหนที่ทำให้ความน่าเชื่อถือลดลง โดยระบุเหตุผลที่คิดเช่นนั้น ถ้าจะให้ดีควรระบุวิธีการแก้ไข แล้วช่วยกันถกว่าควรออกแบบการทดลองอย่างไรให้รัดกุมและตอบโจทย์ปัญหาดังกล่าวได้ ------------------------------------------- สุดท้ายนี้ ผมขอขอบคุณผู้ทำการทดลอง (อ.เจษ)  การทดลองนี้ในสายตาผมสามารถตอบโจทย์บางประการได้พอสมควร แต่ไม่สามารถตอบได้หมด อยู่ที่ผู้อ่านว่าให้คำจำกัดความของ น้ำเสีย และการบำบัด ว่าอย่างไร ทั้งนี้ผู้ทดลองอาจจะให้รายละเอียดเพิ่มเติม ซึ่งผมพยายามช่วยให้รายละเอียดเพิ่มในความเห็นนี้แล้ว หากผิดพลาดประการใด สามารถโต้แย้งด้วยเหตุผลได้ทันทีครับ เราอาจต้องมีการทดลอง พิสูจน์ ตรวจสอบผลมากขึ้น ว่ากันตรงๆ ผมสนใจด้านชีววิทยามาก ใจจริงอยากออกแบบการทดลองและทำแลปทำงานวิจัยแบบนี้ด้วยเหมือนกัน แต่มันไม่ตรงสายวิชาผม ฉะนั้นผมคงลงไปทำแบบละเอียดไม่ได้ลึกเท่าผู้ทำการทดลอง  ผมเชื่อว่าการทดลองนี้จะเป็นประโยชน์ต่อคนส่วนใหญ่ (อย่างน้อยที่สุดก็คือแนวคิดทางวิทยาศาสตร์) และถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่เริ่มมีการนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์มาใช้หาคำตอบมากขึ้น ซึ่งผลการทดลองอาจจะยังไม่สมบูรณ์หรือตอบโจทย์ได้ไม่หมด แต่เรา่สามารถออกแบบการทดลองใหม่เพื่อมาหาคำตอบในเรื่องอื่นๆได้อีก ซึ่งผมยินดีช่วยเหลือถ้าเป็นไปได้ครับ ด้วยความเคารพอย่างสูง จากคุณ : Ys_LiliaChan เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 15:01:35

ความคิดเห็นที่ 93 อ.เจษ ถ้าว่างก็จัดอีกซักชุดเลยครับ สำหรับคนที่ยังติดใจ 1) เพิ่มน้ำ BOD สูงๆ 2) เพิ่มสิ่งปฏิิกูลลงในน้ำ สำหรับท่านที่มี "สามัญสำนึก" ครับ อย่าลืมว่า "สามัญสำนึก" ของท่านจะถูกเสมอไปจริงหรอ ยังไงถ้าจะเถียงกันก็ทดลองเอาผลมาสู้กัน fact vs fact ครับ เพราะ opinion vs fact ผมว่าไม่เข้าท่าเลย จากคุณ : bakasama เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 15:40:35

ความคิดเห็นที่ 94 #87 แล้วน้ำท่วม ของจริงมันต้องเท่าไหร่ละครับ ท่าพอจะมีข้อมูลไหม หรือว่าคิดไปเอง ว่ามันต้องมากกว่านี้ ที่พูดนี่ผมก็ไม่รู้นะครับว่า น้ำท่วมจริงๆมันเท่าไหร่ จากคุณ : CONVENI DMZ เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 16:08:21 A:110.164.49.254 X: TicketID:206189

ความคิดเห็นที่ 95 คห.94 #94 ขอตอบแทน คห. 87 นะครับ  เพราะดูเหมือนคุณจะพยายามไม่เข้าใจ น้ำเน่าจริงๆ ก็คือ ในน้ำมีขยะ ไม่ใช่มีเฉพาะสารละลายของขยะ ขยะที่ละลายน้ำได้ มีขนาดเล็กมาก ถ้าไม่ใช่ขยะที่เป็นของเหลว ก็ต้องเป็นขยะที่ผ่านการย่อยสลายไปแล้ว ยังไงก็เทียบไม่ได้กับขยะที่ยังเป็นชิ้นๆ ที่อยู่ในน้ำเน่าจริงๆ แค่พอน้ำแห้ง กทม เก็บขยะได้เป็นร้อย ตันเป็น พันตัน แต่ถ้าคุณเอาเฉพาะน้ำเน่า ทิ้งให้มันตกตะกอน มันจะได้เนื้อขยะถึง 100 กก มั้ย จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 16:57:53

ความคิดเห็นที่ 96 น่าแปลกใจที่อ่านแล้วความเห็นหลายส่วนไม่ได้เกี่ยวกับการทดลอง ---------------------------------------- บ้างบอกว่า อคติ ตั้งผลลัพธ์ไว้อยู่แล้ว แล้วค่อยทำการทดลอง >> ในส่วนนี้อยากบอกว่า นักวิทยาศาสตร์ส่วนมาก ก่อนทำการทดลองต้อง หาข้อมูล ค้นคว้า คิดถึงหลักการณ์และเหตุผล วางแผนการทดลอง และคาดการณ์ผลล่วงหน้า เพราะฉะนั้นการที่กลุ่มการทดลองนี้ทำ ไม่ได้ผิดอะไร บ้างบอกว่าการทดลองไม่เหมือนจริง!!!! >> เอาเถอะคะ ความรู้หรือข้อมูลการวิจัยส่วนมากที่เรารู้ๆมาก็มาจากการตั้งโมเดลอยู่แล้ว ผลการทดลองนี้จึงเป็นผลจริงที่ได้จากการตั้งการทดลองแบบนี้ คนอ่านมีสิทธิที่จะไม่เชื่อ และในสถานการณ์อื่นๆก็อาจให้ผลที่แตกต่าง การเมืองมาเกี่ยว! จุฬาเลือกข้าง! >>อะไรแว้? คนจุฬาทำอะไรก็มีการเมืองมาเกี่ยว อันนี้สิที่อคติ เรื่องการใช้อีเอ็มบอล >> ใครอยากใช้ก็ใช้เถอะ ใครใคร่เชื่อเชื่อ ใครใครใช้ ใช้ ถ้าคิดดีแล้วก็เอาเถอะคะ จากคุณ : 3838 (besuto) เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 17:30:33

ความคิดเห็นที่ 97 เสริมให้อีกนิด แต่คิดว่า จาร JD300 คงทราบแล้ว นอกจากคณะวิทยาศาสตร์แล้ว ยังมีบริษัทเอกชนใหญ่ๆอีกหลายแห่ง ทำการทดลองในแลปของเขาเอง และจ้างทางจุฬาทำการทดลองตามแบบการทดลองของเขา ยังมีคอนเซ้าอีกหลายแห่งทำการทดลองเช่นกัน ผลการทดลองคือ มันใช้การไม่ได้ จากคุณ : GreenEyes เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 17:43:00

ความคิดเห็นที่ 98 บางความเห็นก็นะ วิธีคิดยังกับว่า BOD น้อยกว่า 15 mg/L  EM ไม่ทำงาน BOD มากกว่า 15 mg/L   EM ทำงาน มันเป็นงั้นจริงเหรอ ???? มันเลือกทำงานเป็นช่วง BOD ด้วยเหรอ ???? หรือว่า BOD น้อยๆ EM ย่อยไม่ได้ BOD มากๆ EM ย่อยได้ มันทฤษฎีไหนหละเนี่ย ???? หรือคิดว่าอธิบายได้ก็ลองอธิบายหน่อยเถอะ แต่ถ้าบอกว่า BOD ตั้งต้นมันต่ำมองไม่เห็นผล หรือว่า BOD สูงๆ แล้ว EM ทำงานถึงจะเห็นผล ก็ลองอธิบายมา จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 18:11:24

ความคิดเห็นที่ 99 อืมม แววมาม่า มาแต่ไกล จากคุณ : Duk-Dui เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 19:26:01

ความคิดเห็นที่ 100 ....To Rep 98....... เข้าใจว่าฝ่ายที่แย้งเรื่อง BOD คือในกรณีที่ BOD มีค่าสูง(น้ำเน่า) ทำให้ Oxygen ไม่พอ จุลินทรีย์อีกประเภทที่สามารถทำงานได้ในภาวะที่ไม่มีออกซิเจนจะทำงานได้ครับ เขาจึงแย้งว่าไม่น่าจะตรงกับเงื่อนไข และอาจะสรุปผลไม่ได้ (เพราะน้ำที่นำมาทดสอบ BOD ไม่สูงถึงขนาดที่ว่าเน่าในระดับนั้น)  ซึ่งEMบางเจ้าบอกว่าจุลินทรีย์ในEMทำงานแบบไม่ใช่Oxygen และไม่ส่งให้เกิดกลิ่นเหม็น (โดยปรกติจุลินทรีย์ที่ทำงานแบบไม่ใช้Oxygenจะทำการย่อยสลายสารและผลิตภัณฑ์ีที่ได้บางส่วนคือแก๊สไข่เน่าซึ่งส่งผลให้น้ำมีกลิ่นเหม็น) (ผมเข้าใจถูกไหม ถ้าผิดคุณ ช้างยิ้มแย้งได้นะครับ) จากคุณ : Ys_LiliaChan เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 19:26:50

ความคิดเห็นที่ 101 ขอบคุณสำหรับการทดลองและให้ความรู้ครับ จากคุณ : ravio เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 19:28:36

ความคิดเห็นที่ 102 คห.100 ครับ OK พอจะเข้าใจละว่า มันไม่เข้าเงื่อนไขการย่อยสลายแบบไม่ใช้ออกซิเจน แต่เอ ผมคุ้นๆนะว่า EM เนี่ยสรรพคุณที่บอกไว้ว่า มีออกซิเจน =>>ทำงานได้  => จุลินทรีย์พวกนึง ไม่มีออกซิเจน => ทำงานได้ => เป็นจุลินทรีย์อีกพวก ประมาณว่าใน EM ประกอบด้วย Aerobic + Anaerobic + Facultative อะไรทำนองนั้น ถ้า BOD เยอะ ออกซิเจนน้อย หรือไม่มี พวกที่ไม่ใช้ออกซิเจน ก็น่าจะทำงานได้  ผลคือ BOD ลดลง (อาจจะไม่ใช้การทดลองนี้) ถ้า BOD น้อย ทำให้พอจะมีีออกซิเจนละลายอยู่ในน้ำีบ้าง พวกที่ใช้ออกซิเจนก็น่าจะทำงานได้ ผลที่ตามมา BOD ก็น่าจะลด ผมคิดอย่างนี้นะ จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 19:45:05

ความคิดเห็นที่ 103 BOD น้อย ไม่เห็นผล ก็เพราะว่า ไม่มี แทบจะอะไรให้ EM ใช้ย่อยสลายนะสิครับ ขอโทษนะครับ ที่เขียนตรงๆ น้ำเน่าที่ทดสอบ มี BOD ไม่ถึง 15 mg/L   คือ น้ำ 1 ลิตร มีสารละลายแค่  0.015 กรัม ขยะที่ลอยในน้ำมองไม่เห็นด้วยตาเปล่ามันก็คือน้ำสะอาดแล้วในนิยามของชาวบ้าน น้ำเน่าจริงมันเป็นแบบนี้ ถามว่า BOD เท่าไรละครับ ขยะลอยเต็มคง 100000 mg/L  มั้ง จากคุณ : webkit เขียนเมื่อ : 11 ม.ค. 55 19:45:05