ความคิดเห็นที่ 1 ทำไมเขาบอกอย่างนั้นล่ะครับ จากคุณ : นักเรียนชายชั้น ม.5 เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 23:01:16 A:58.9.19.124 X: TicketID:343602

ความคิดเห็นที่ 2 เห็นผู้ใหญ่ที่ทำงานอายุ 50 up หลาย ๆ คนที่เคยสายตาสั้นตอนหนุ่ม ๆ ตอนอายุมาก ๆ สายตาทั้งยาวทั้งสั้น ก็ต้องใส่ทั้งคอนแทคเลนส์สายตาสั้นใส่ทั้งแว่นสายตายาวเลย จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 23:02:00

ความคิดเห็นที่ 3 ใส่แว่นแบบสองเลนส์ครับ สายตาสั้นแล้วสั้นเลยไม่มีสั้นแล้วกลับมายาวครับยืนยันได้ ฝั่งแม่ผมสายตาสั้นกันทั้งบ้านแก่แล้วเจอสองเลนส์กันทั้งบ้านครับรวมทั้งผมด้วย จากคุณ : ความรู้น้อยแต่ขอแจม เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 23:08:01

ความคิดเห็นที่ 4 แม่พิมพ์ของชาติ? จากคุณ : เขียนบน iPhone (networkthai) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 23:12:04

ความคิดเห็นที่ 5 -*- จากคุณ : ginosty เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 23:19:25

ความคิดเห็นที่ 6 ลองไปถาม ลุง500 ที่ห้องรัชดาครับ อันนั้นเคยใส่แว่นของจริง แต่อย่าไปหาว่าแกแก่เชียว แค่ลุงเฉยๆๆ... จากคุณ : อ้าย (ลุงบุญคำ) เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 23:26:54

ความคิดเห็นที่ 7 มันเกิดคนละสาเหตุกันค่ะ หักล้างกันไม่ได้ สายตาสั้น/ยาว ตั้งแต่เด็กเกิดจากความผิดปกติของกระบอกตา ส่วนสายตายาวตอนสูงอายุเกิดจากกล้ามเนื้อยึดเลนส์ตาเสื่อม จริงๆ คุณ จขกท ก็น่าจะรู้อยู่แล้วล่ะมั้ง เพียงแต่มาเล่าให้ฟังเฉยๆ ;p เราว่าถ้าเจอคนที่ไม่รู้ก็ช่วยกันถ่ายทอดความรู้ให้เค้าดีกว่าค่ะ เป็นวิทยาทาน บางทีสมัยที่เค้าเรียน ความรู้ต่างๆ อาจยังพัฒนาไม่มาก หรืออาจยังเผยแพร่ไม่ทั่วถึง แต่คนไม่รู้ ก็ไม่ได้แปลว่าโง่นี่คะ จริงมั้ย? เราว่า บาง คห ก็แรงไปเหมือนกันนะ อย่างน้อยเค้าก็ไม่ได้เป็นครูสอนวิชาวิทยาศาสตร์นี่นา จากคุณ : group A Rh negative เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 23:34:47

ความคิดเห็นที่ 8 ปัญหาเกี่ยวกับสายตาผิดปกติ สายตาปกติ เป็นผลของการที่แสงโฟกัสผ่านกระจกตา (Cornea) และเลนส์แก้วตา (Crystalline Lens) ลงพอดีที่จอประสาทตา (Retina) ทำให้ภาพที่เรามองเห็นมีความคมชัด ถ้ากำลังการรวมแสง (Refractive power) ของตาไม่พอดีกับความยาวลูกตา เป็นผลให้การ รวมแสงของตาตกไม่พอดีที่จอประสาทตา เกิดภาวะสายตาผิดปกติ (Refractive errors หรือ Ametropia) ซึ่งอาจแยกประเภทได้ดังนี้            1. สายตาสั้น (Near-sightedness หรือ Myopia) สายตาสั้นเกิดจากกำลังการรวมแสงของตามากเกินไป เมื่อเทียบกับความยาวของลูกตา อาจเกิดจากการที่กระจกตาโค้งมากเกินไป หรือขนาดลูกตายาวเกินไป เมื่อมองวัตถุที่อยู่ไกล แสงรวมก่อนถึงจอประสาทตา ทำให้มองเห็นวัตถุที่อยู่ไกลไม่ชัดเจน ในทางตรงกันข้าม แสงจากวัตถุที่อยู่ใกล้รวมใกล้จอประสาทตา ทำให้มองเห็นวัตถุที่อยู่ใกล้ได้ชัดเจนกว่า ผู้ที่มีสายตาสั้นสามารถมองใกล้ได้ชัดกว่ามองไกล การแก้ไขปัญหา สายตาสั้น สามารถทำได้โดยใช้เลนส์เว้าช่วยลดกำลังการรวมแสงที่มีมากเกินไปเพื่อให้สามารถมองไกลได้  2. สายตายาวโดยกำเนิด (Far-sightedness, Hypermetropia  หรือ Hyperopia) สายตายาวโดยกำเนิด เกิดจากกำลังการรวมแสงของตาน้อยเกินไป เมื่อเทียบกับความยาวของลูกตา อาจเกิดจากการที่กระจกตาแบนเกินไป หรือขนาดลูกตาสั้นไป แสงถึงจอประสาทตาก่อนรวมเป็นจุด ภาพจะไม่ชัดทั้งใกล้และไกล ผู้ที่มีสายตายาวโดยกำเนิดเล็กน้อยสามารถมองไกลได้ดี แต่เมื่อมีอายุมากขึ้น หรือมีการเพ่งอาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะหรือตาล้าได้ และสูญเสียการมองไกลทำให้มองไกลไม่ชัดเจน การแก้ไขภาวะสายตายาวโดยกำเนิด สามารถทำได้โดยใช้เลนส์นูนเพิ่มกำลังการรวมแสงเพื่อให้สามารถมองเห็นได้ดี 3. สายตาเอียง (Astigmatism) สายตาเอียงเกิดจากกำลังการรวมแสงของตาในแนวต่างๆ ไม่เท่ากัน มักเกิดจากกระจกตาไม่กลม เปรียบได้กับผิวความโค้งด้านข้างของไข่ไก่ หรือลูกฟุตบอล ภาวะนี้มักเกิดร่วมกับภาวะสายตาสั้นหรือยาวโดยกำเนิด ทำให้เห็นภาพซ้อน ผู้ที่มีสายตาสั้นร่วมกับสายตาเอียง จะยังคงมองใกล้ได้ดีกว่ามองไกล แต่ภาพที่เห็นจะไม่ชัดเจนแม้ว่าจะใกล้ก็ตาม การแก้ไขสายตาเอียงโดยการใช้แว่นสายตา จะต้องใช้เลนส์ชนิดพิเศษเรียกว่า cylindrical lens เพื่อใช้ปรับกำลังการรวมแสงที่แตกต่างกันในระยะใกล้และไกล 4. สายตายาวตามอายุ (Presbyopia) เมื่อมีอายุ 38 ปี คนทั่วไปซึ่งเคยมองเห็นได้ดีทั้งใกล้และไกล โดยไม่ต้องใช้แว่น จะเริ่มสังเกตว่าการมองใกล้เริ่มเป็นปัญหา สายตายาวตามอายุ เกิดจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการมองใกล้ ซึ่งต่างจากสายตายาวโดยกำเนิดตรงที่ สายตายาวตามอายุจะมีปัญหาในการมองใกล้เท่านั้น ส่วนสายตายาวโดยกำเนิดจะมีปัญหาทั้งการมองใกล้และมองไกล เพราะฉะนั้นผู้ที่มีทั้งสายตายาวโดยกำเนิดและสายตายาวตามอายุจำเป็นต้องใช้แว่นเพื่อใช้มองทั้งใกล้และไกล http://www.lasikthai.com/th/eye_care_tips/eye_problem_recognition.php จากคุณ : ไทธนู เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 23:40:37

ความคิดเห็นที่ 9 คุณ จขกท ลองกลับไปอธิบายให้ครูฟังด้วยว่าที่แกรู้มามันมั่ว จากคุณ : มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 23:47:27

ความคิดเห็นที่ 10 มันจะทั้งสั้นทั้งยาว เขาจึงต้องมีแว่นสองเลนส์ในอันเดียวไง จากคุณ : Dequardo เขียนเมื่อ : 12 ม.ค. 55 23:54:50

ความคิดเห็นที่ 11 เอิ่ม ครูเราเค้าสอนภาษาไทยจริงๆ ค่ะ (ขอโทษที่กระทู้นี้เราทำให้อาจารย์เสียหาย) เราคิดว่ามันไม่น่าใช่เหมือนกันค่ะ เพราะอย่างพี่น้องเรา สายตา ทั้งสั้น และยาว ต่อให้ทั้งสั้น ทั้งยาว แต่ก็ไม่หักล้างซึ่งกันและกัน เพราะถ้าเราเชื่อสนิทใจ เราจะไม่มาตั้งกระทู้นี้เลย ไม่ได้ตั้งใจจะโชว์กากนะคะ ^_^ ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆ ค่ะ เดี๋ยวหมดเดือนนี้เราจะแวะมาให้กิ๊ฟในทุกๆ ความคิดเห็นค่ะ เราเองก็งงเหมือนกัน เพราะว่าเพื่อนในห้อง (ไม่มีใครโต้แย้งซะด้วย) แต่ตัวเราไม่เชื่อมั่นพอ เลยมาถามกูรูค่ะ อยากรู้รายละเอียด เพิ่มเติมเชิงหลักการ เลยต้องเพิ่งหว้ากอซะหน่อย เพราะเป็นคนที่อยากทำเลซิคมากๆ ความคิดเห็นที่ 8 เป็นประโยชน์มากจริงๆ ค่ะ เราถามคนที่บ้าน เขาก็อธิบายได้ตรงข้ามกับครูของเรานั่นแหละค่ะ จากคุณ : noonlucky เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 00:06:17

ความคิดเห็นที่ 12 แสดงว่าครูยังไม่แก่สินะครับ จากคุณ : keerati Arm เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 01:22:36

ความคิดเห็นที่ 14 สายตายาวตอนแก่ ไม่ใช่โฟกัสไปตกหลังเลนส์ครับ แต่ว่าเกิดจากกล้ามเนื้อตา มันเสื่อมเลยปรับโฟกัสไม่ได้ต่างหาก เหมือนผมไปผ่าตัดต้อกระจกมา  แล้วใส่เลนส์แบบปรับโฟกัสไม่ได้ ก็เลยกลายเป็นว่ามี สายตายาวไปข้างนึงเหมือนคนแก่ ตอนอายุ 30 นิดๆไปโดยปริยาย จากคุณ : น้ำนอง เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 05:28:33

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่จริง มันจะทั้งสั้นทั้งยาว มองไกล้ก็ไม่ชัด  มองไกลก็ไม่ชัด จากคุณ : เจ้าชายกระดาษ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 07:04:55

ความคิดเห็นที่ 16 เราสายตาสั้นค่ะ ประมาณ 300 เขาบอกว่าสายตาสั้น >>>>>>>>>> เรื่องที่ถามมีคนตอบไปแล้ว ผมอยากแนะนำสักนิด สรรพนามที่ใช้เรียก ครู เราใช้ "ท่าน" จะดูดีกว่า เขา ใช้กับเพื่อนเล่นมากกว่า ควรฝึกใช้ให้ถูก จะเป็นประโยชน์ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 07:20:34

ความคิดเห็นที่ 17 http://www.thaiclinic.com/myopia.html จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 07:26:47

ความคิดเห็นที่ 18 ขอยืนยันว่าจริงตาม คห. 15 มันจะทั้งสั้นทั้งยาว มองไกล้ก็ไม่ชัด  มองไกลก็ไม่ชัด เมื่อถึงเวลานั้นสายตาจะไม่ยืดหยุ่นอีกต่อไป จากคุณ : อมมือ เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 07:54:59

ความคิดเห็นที่ 19 @16 ถ้าเป็นเพื่อน เราก็ไม่เรียก เขา หรือ เค้า หรอกค่ะ อิอิ มันเหยไป เราเรียก เรา แก มัน ประมาณนั้น ไม่ได้มีเจตนาตีความครูเป็นเพื่อนเล่นหรอกค่ะ อย่างเวลาเราส่งงานครู เราก็บอกว่า โต๊ะอาจารย์เขา,เค้า อยู่ตรงนี้นะ ประมาณนั้นน่ะค่ะ คือติดปากมาจากภาษาพูด ซึ่งใครๆ ก็พูดกันแบบนี้นะคะ เราเรียกอาจารย์ ว่าเขา,เค้ามาตั้งแต่จำความได้แล้ว แต่ถ้าเป็นภาษาเขียน ต่อไปเราจะใช้คำว่า "ท่าน" แล้วกันค่ะ จากคุณ : noonlucky เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 08:07:48

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าสายตาปกติตอนนี้เลนซ์แว่นก็ชั้นเดียวสินะ จากคุณ : TENS เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 08:51:57

ความคิดเห็นที่ 21 #16 ผมไม่ค่อยเห็นด้วยเรื่องนี้เท่าไหร่ โอเคว่าถ้าเราจะเรียกครูว่า "ท่าน" เพราะเคารพในความเป็นผู้อาวุโสกว่าน่ะโอเค พอยอมรับได้ คือ เขาอายุมากกว่าเราเป็นเด็กเลยต้องให้ความเคารพ ตามอย่างที่สังคมไทยนิยม เพราะสังคมไทยนับถือ เรื่องอาวุโสเป็นสำคัญ แต่ถ้าจะเรียกครูว่า "ท่าน" เพราะให้ความเคารพในแง่ของเป็นผู้ให้ความรู้ มีพระคุณล้นพ้น อะไรก็ ว่าไปอย่างที่สอนสั่งฝังใส่กะโหลกเด็กมานาน ผมว่ามันดูศักดินามากไปหน่อยไหม ? ต้องพินอบพิเทาเข้าพบครู คลาน กราบ ไหว้ เหมือนสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างที่ครูถูกยกยอให้เป็นแบบทุกวันนี้ผมว่ามันน่าจะเลิก ได้แล้ว ครูฝรั่งเขาเป็นเพื่อนเล่นกับเด็กด้วยซ้ำไป ครูควรเป็นผู้ให้ความรู้และเป็นเพื่อนในเวลาเดียวกันไม่ใช่อยู่ในสถานะ สูงส่งเกินเอื้อม ถูกทุกอย่าง เด็กผิดทุกอย่างโต้แย้งไม่ได้ อย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ขอยกตัวอย่าง Prefessor ในต่างประเทศที่ไปสัมผัสมา เขาเป็นกันเองกับลูกศิษย์มาก เหมือนเพื่อนกันมากกว่า ทั้งๆ ที่ แก่หัวงอกกันแล้ว เขาปฏิบัติกับลูกศิษย์เหมือนมนุษย์ด้วยกัน พูดตามตรงไม่ถือตัวเหมือนอาจารย์มหาวิทยาลัยไทยบาง คนเลย ที่ทำตัวเหมือนตัวเองเป็นเทพมาจากไหน เด็กจะเข้าไปพบต้องกราบไหว้พินอบพิเทา อย่างกับประเทศเรายังใช้ระบบ เจ้าขุนมูลนายทาสไพร่กันอยู่ ทั้งๆ ที่ตัวเองก็จบมาจากเมืองนอกเมืองนาไม่ได้รับวัฒนธรรมฝรั่งที่มันทันสมัยมาบ้างเลย แต่ผมก็ชื่นชมอาจารย์หลายท่าน ที่ท่านทำตัวทันสมัย ไม่ทำตัวเหมือนอาจารย์โบราณสมัยก่อน เป็นกันเองกับเด็กและไม่ ถือตัวเย่อหยิ่งไม่เห็นเด็กเป็นมนุษย์เหมือนกัน ผมจะเรียกครูว่า "ท่าน" ก็เพราะเขา "แก่กว่า" เท่านั้น ครูก็คือผู้ให้บริการรับเงินมาสอน เหมือนหมอที่ไม่ใช่เทพที่ไหน หมอ ก็คน เป็นผู้ให้บริการรับเงินมารักษาคนไข้เหมือนกัน แก้ไขเมื่อ 13 ม.ค. 55 09:59:07 จากคุณ : มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 09:56:42

ความคิดเห็นที่ 22 ถ้าแบบนั้นก็แปลว่าคุณมะกอกสามตะกร้าก็สนับสนุนให้ลูกเรียกชื่อพ่อแม่ไปตรงๆแบบฝรั่งด้วยเลยดีไหมครับ เพราะต่างประเทศเขาก็ทำกันแบบนั้น ไม่ต้องพินอบพิเทา ไม่ต้องยกมือไหว้พ่อไหว้แม่กัน พ่อแม่ที่นู่นก็เลี้ยงลูกเหมือนเป็นเพื่อน เป็นคนใาฐานะเดียวกัน แบบนี้น่าจะดีกว่าเหมือนกันเนอะ พอพ่อแม่แก่ลงลูกก็ไม่ต้องเลี้ยง หากินเองได้มีบำเหน็จ บำนาญก็มีไป ถ้าไม่มีก็ไปอยู่บ้านพักคนชราซะ ดีไหมเนี่ย บางครั้งการตามก้นวัฒนะรรมอื่นจนกระทั่งหลงลืมรากเหง้าของตัวเองใช่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรอกนะครับ เพราะในที่สุดเราจะไร้รากและพัมนาไปบนความเลื่อนลอยแห่งสังคม ว่างๆลองไปอ่านห้องไกลบ้านดูบ้าง ว่าฝรั่งเองเค้าก็ชื่นชมความเคารพนบนอบในวัฒนธรรมไทยอยู่ มีแต่คนไทยบางคนนี่แหละที่ตามฝรั่งจนกระทั่งหลงลืมความเป็นตัวของตัวเอง (@_@) จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 10:33:53

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่ค่อยสบายใจเลยค่ะ กับดราม่าในกระทู้ อย่าคิดมากกันนะคะ ที่แสดงความคิดเห็นมาก็ว่ากันไปค่ะ ร้อยคนร้อยความคิดต่างมุมมอง ลืมบอกอีกอย่าง อาจารย์ที่สอนเราท่านเป็นผู้ชายค่ะ ก็จะเป็นกันเองกับเด็ก บางทีเขาอาจจะแหย่เราอยู่ แต่เราตามเขาไม่ทัน จะคิดบวกเข้าไว้ อิอิ แต่หน้าตาเวลาเล่น ดูเล่าจริงมากเลย ฮ่าๆ เล่นเอาเราเหวอ เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่ ก็เพิ่งเคยได้ยินเนี่ยแหละึค่ะ อิอิ จากคุณ : noonlucky เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 10:55:25

ความคิดเห็นที่ 24 คนที่เข้าใจผิดเรื่องนี้มีมาก คนเป็นครูอาจารย์ก็ไม่ใช่ว่าจะรู้ไปหมดทุกอย่าง ถ้าจะให้ดีควรแอบบอกอาจารย์ อย่าบอกในห้องเรียน เขาจะเสียหน้า (แล้วแต่คน บาคนอาจจะเฉยๆก็ได้) ถ้าอาจารย์สามารถยอมรับว่าสิ่งที่ตัวเองสอนนั้นผิด แล้วไปสอนแก้ให้ถูก จะน่านับถือมากมาย (หายากมากด้วย) แล้วที่สำคัญ ไม่ควรแอบคุยกับเพื่อนๆลับหลังว่าอาจารย์สอนผิด จะทำให้อาจารย์เสียความน่านับถือลงไปได้ คนที่แอบนินทา ก็ใช่ว่าจะดูดีนักหรอก จากคุณ : ari เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 11:32:36 A:125.24.121.207 X: TicketID:313880

ความคิดเห็นที่ 25 TicketID:313880 ยังไม่ได้คุยกับเพื่อนคนไหนเรื่องนี้เลย แล้วก็ไม่บอกต่อหน้าเพื่อนอยู่แล้ว อันนี้เราแยกแยะได้ ^_^ เราไม่ได้ต้องการให้เขาเสียหน้าไง เพราะถ้าคุยกับคนใกล้ตัว คนอื่นๆ จะรู้ทันทีแล้วเอาไปนินทาสนุกปาก เราตั้งกระทู้ในนี้ ไม่มีใครรู้ด้วย ว่าใครเป็นใคร ประมาณนี้ค่ะ เราไม่ได้ใจร้ายกับอาจารย์ที่สอนเรา ขนาดนั้นมั้งคะ คุณเม้นต์แรงไปหน่อย แต่ก็เคารพความคิดเห็นของคุณค่ะ จากคุณ : noonlucky เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 11:40:25

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าอาจารย์ไม่ได้พูดเล่น ก็แสดงว่าอาจารย์เข้าใจผิด ซึ่งก็เป็นไปได้เพราะเป็นอาจารย์สอนวิชาภาษาไทย จะให้ไปรู้เรื่องทุกๆเรื่องก็เป็นไปไม่ได้ จากคุณ : จันทร์สะท้อนเงา เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 12:02:20

ความคิดเห็นที่ 27 อ้าว... เราเขียนแรงไปเหรอ ขอโทษที คิดซะว่าเราไม่ได้เขียนประโยคสุดท้ายก็แล้วกัน... จริงๆแล้ว ประโยคสุดท้าย มันสะท้อนตัวเราเองเนี่ยแหละ ตอนเด็กๆ บ่อยครั้งที่ได้ยินครูสอนผิด เรากับเพื่อนๆก็ได้แต่ล้อมวงกันนินทาครู เพราะเก็บกดที่ไม่สามารถเถียงครูได้ ทั้งๆที่รู้ว่าตัวเองถูก แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าสิ่งที่ทำมันไม่ดีเท่าไหร่ ไม่อยากให้เด็กรุ่นใหม่ๆเอาอย่าง ก็เลยเขียนแถมลงไปว่าอย่างนั้น เจ้าของกระทู้ก็ดูเหมือนจะนับถือครูคนนี้ แล้วท่าทางครูก็ใจดีซะด้วย นับเป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ สมัยที่เรายังเป็นนักเรียน จากคุณ : ari เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 12:08:40 A:125.24.121.207 X: TicketID:313880

ความคิดเห็นที่ 28 TicketID:313880 เราก็เคยทำค่ะ แต่ตอนนี้เลิกขาดแล้ว อิอิ เราจะไม่ทักครูต่อหน้าเวลาสอนผิดเท่าไหร่ แม้เราจะรู้ความจริง แต่เวลาหมดเวลาอาจารย์ปล่อยไปเรียนห้องอื่น เพื่อนออกหมด เราก็มีคุยกับอาจารย์นิดหน่อย ว่าตรงนี้มันไม่ใช่นะอาจารย์ แต่เราก็ดูนะ ว่ากระซิบกับใครอยู่ ถ้าเจออาจารย์คนไหนโหดๆ เราก็ไม่กล้า แต่ถ้าคนไหนแบบใจดีๆ เราก็มั่นใจหน่อย เราเป็นเด็กหน้าห้องค่ะ เลยไม่ได้อคติอะไรกับอาจารย์มาก เขาสอนภาษาไทยคล้ายมาดามมด สนุกดี สอนอิงบันเทิง ไม่เครียดค่ะ เราว่าเรื่องนี้ต้องมีคนไม่รู้เยอะแน่เลย เพราะเพื่อนเรานั่งฟังอยู่ เชื่อสนิทใจ -_-'' เรายังมีสงสัย ข้องใจ คิดตามบ้าง อาจจะด้วยความที่อายุเรา ยังอยู่ในวัยเยาวชน ถ้าทั้งสั้นทั้งยาว มองใกล้ก็ไม่ชัด  มองไกลก็ไม่ชัด น่ากลัวอ่ะ ~_~ จากคุณ : noonlucky เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 12:20:33

ความคิดเห็นที่ 29 ใ้ห้กิฟท์คุณ มะกอก ล้านอันเลย ผมเห็นด้วย อะไรดีก็รับเขามาเถอะ อะไรที่ไม่ดีก็อย่าไปเอามา เรื่องครู เด็กฝรั่งเขาก็เคารพครูนะ ให้เกียรติครูเหมือนกัน เพียงแต่ครูไม่ได้วางตัวเป็นเทพ ต้องไปบูชากราบไหว้ ครูดีเขาก็ชื่นชมกัน ครูไม่ดี เด็กสามารถร้องขอให้เปลี่ยนได้ เวลาเรียนในห้อง เด็กสามารถซักถาม แสดงความคิดเห็นได้ทุกอย่าง ผิดถูกก็คุยกันได้ ไม่มีใครว่า ถ้าครูบอกผิด ครูก็สามารถขอโทษได้ ถ้าไม่รู้ ครูก็จะขอไปหาข้อมูลมาให้ ตอนผมเรียนอยุ่ผมชอบมากเลย อยู่เมืองไทยแล้วเหมือนเก็บกด ถามมากๆ ก็ไม่ได้ เห็นต่างก็ไม่ได้ เรียนแล้วอึดอัด พอได้ไปเรียนต่างประเทศแล้วรู้สึกว่า วิธีการเรียนการสอนแบบนี้แหละ ที่เราชอบ ที่เราต้องการ จากที่เป็นคนไม่ค่อยขยันเรียนเท่าไหร่ ก็กลายเป็นขยัน กระตือรือล้นทันที แ่ต่ไม่ใช่ทุกคนเหมือนกันนะที่ชอบ บางคนก็ชอบเรียนแบบที่เมืองไทยมากกว่า กับพ่อแม่ เด็กฝรั่งก็ไม่ได้ก้าวร้าวนะครับ ส่วนใหญ่ก็เคารพพ่อแม่กันดี เวลาเรียก ก็ไม่ได้เรียกชื่อกันเฉยๆ เหมือนอย่างที่บางคนคิด เขาก็เรียนพ่อกับแม่เหมือนคนไทยนี่แหละ เวลาโตเป็นหนุ่มเป็นสาว อายุ 18 กันแล้ว เขาก็จะออกไปอยู่ด้วยตัวเอง ทำงานเอง จริงๆส่วนใหญ่ก็เริ่มทำงานกันตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว มีอิสสระเต็มที่ พ่อแม่ก็มีหน้าที่แค่ให้คำปรึกษาและช่วยเหลือเวลามีปัญหาเท่านั้น มีบางส่วนเหมือนกัน ที่โตแล้วก็ยังอยู่กับพ่อแม่ บางคนแต่งงานแล้วก็เอาพ่อแม่มาอยู่ด้วยก็มี ตอนพ่อแม่แก่ ประเทศเขาจะมีสวัสดิการเลี้ยงดูกันอยู่แล้ว ลูกไม่จำเป็นต้องมาส่งเสีย บางคนก็อยู่กับลูก แต่บางคนก็เลือกที่จะอยู่กันสองคนตายาย บ้างก็อยู่คนเดียว แต่มีจำนวนไม่น้อยก็เลือกที่จะไปอยู่บ้านพักคนชรา บางคนเข้าใจผิดว่า ถ้าไม่มีเงินต้องไปอยู่บ้านพักคนชรา แต่จริงๆ แล้ว มีแต่คนมีเงินเท่านั้นที่ได้ไปอยู่ ค่าใช้จ่ายสูง แม้แต่เมืองไทยเราเอง เดือนนึงก็เป็นหมื่นเหมือนกัน สังคมฝรั่งเป็นสังคมที่ต้องช่วยเหลือตัวเอง ดูแลตัวเอง สังคมไทย เป็นสังคมที่ช่วยเหลือเกี้ือกูลกัน ต่างก็ทั้งข้อดีข้อเสียกันทั้งนั้น ฝรั่งไม่ได้ดีไปทุกอย่าง ไทยก็ไม่ได้แย่ไปทุกอย่าง แต่คนฉลาดต้องเลือกเอาส่วนที่ดีของแต่ละสังคมมาใช้ อะไรที่ไม่ดีก็ไม่ต้องเอามา แต่ก็นั่นแหละ คำจำกัดความคำว่าดีแล้ว เหมาะสมแล้ว แต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน จะทำอะไรให้ถูกใจทุกคน คงจะเป็นไปไม่ได้ จากคุณ : Michka เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 12:50:36

ความคิดเห็นที่ 30 ผมเอง ที่สายตาสั้นมาตั้งแต่วัยรุ่น ตอนนี้ก็สูงวัยแล้ว มันทั้งสั้นและยาว ครับ ไม่บรรจบกันหรอก จากคุณ : หงส์เดี่ยว เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 13:01:17

ความคิดเห็นที่ 31 ไม่จริง จากคุณ : rdo เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 13:38:30

ความคิดเห็นที่ 32 ผมเคยใส่เลนส์ 275 มาตลอด 20 กว่าปี ปีก่อนวัดใหม่ลดมา 250 ก็ชัด มาปีนี้ใช้ 200 ชัดกว่า 275 เยอะมาก เรื่องสายตายาวตอนแรกก็ตามอายุแต่ปีหลังๆ กลับดีขึ้นชนิดว่าถ้าถอดแว่นหรือคอนแทคเลนส์แล้วสายตาก็ปกติ สามารถสนเข็มได้สบาย โดยไม่ต้องยื่นมือออกไปไกลๆ ให้ใครรู้ว่าแก่ ทำไมก็ไม่รู้เหมือนกัน จากคุณ : dragunov เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 16:35:17

ความคิดเห็นที่ 33 ชอบคห. 7 มากเลยค่ะ นอกเรื่องหน่อย เห็นหลายทีแล้ว มีคนเข้ามาถามอะไรที่เขาไม่รู้ แต่ก็โดนคำตอบแบบว่า นอกจากจะไม่ได้ช่วยให้รู้แล้วยังจะกระแนะกระแหนค่อนขอดเขาอีก  ไม่ได้ว่าเหมารวมนะคะ แค่บางคนเท่านั้น ที่เป็นแบบนี้ ตอบจขกท. เราก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกันค่ะ เพราะยายเราพอแก่แล้วใส่แว่นสายตายาว แต่ไปๆมาๆตอนนี้อ่านหนังสือไม่ต้องใช้แว่นเลยค่ะ ใส่แว่นไม่ได้อ่านหนังสือไม่เห็น ประมาณนั้น เราไม่ทราบว่าเกิดจากอะไร ฮ่าๆ จากคุณ : elin เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 17:26:06

ความคิดเห็นที่ 34 ไปดูคุณสรยุทช่อง3 ครับ (เห็นได้ทุกวัน) ตัวอย่างคนสายตาสั้นและยาว แต่ใส่แว่นสายตาสั้น แว่นสองเลนส์บางคนที่ไม่ถนัดก็จะทำแบบคุณสรยุทตอนอ่านหนังสือครับ ถอดแว่นแล้วค่อยมอง จากคุณ : giser เขียนเมื่อ : 13 ม.ค. 55 22:00:46

ความคิดเห็นที่ 35 คำว่า เขา ที่ให้พิมพ์เรียกแทน คำว่าอาจารย์ มันเป็นการเล่าเรื่อง เราไม่เห็นว่าจะเป็นภาษา ที่ไม่เหมาะตรงไหน คนแก่ที่เราเคารพท่าน  บางทียังบอกว่า  ลุงแกไปตลาดเลย  อะไรประมาณนี้ ถ้าเห็นต่างจากผู้ใหญ่หลายๆท่านก็ขออภัยด้วยนะคะ ---- ตอนนี้เราสั้น500 จากแต่ก่อนสั้น300มันสั้นมากขึ้นอะ จากคุณ : มิยุจังน่ารักค่ะ เขียนเมื่อ : 14 ม.ค. 55 11:52:50

ความคิดเห็นที่ 36 คงเพราะโนบิตะตอนโตเลิกใช้แว่น คนเลยคิดแบบนั้น แก้ไขเมื่อ 15 ม.ค. 55 20:04:54 จากคุณ : คืนวันอันแสนดี เขียนเมื่อ : 15 ม.ค. 55 20:02:47

ความคิดเห็นที่ 37 สายตาผมกับสั้นลดลงน่ะ จากที่เคยอยู่ราว 2.5 - 2.75 ตอนนี้เหลือแค่ 1.2 กับ 1.5 เองครับ แต่สายตายาวก็มีแต่ถอดแว่นออกก็มองชัดขึ้นแล้ว จากคุณ : It's country เขียนเมื่อ : 16 ม.ค. 55 01:22:01