 |
//31
ก็สงครามตัวแทนจริงๆนั่นแหละครับ แค่ใช้เวียตนามเป็นสนามรบเอง ความหมายของ Full-Scale War นี่คือต้องมีการ "ประกาศสงคราม" ระหว่างรัฐบาลนะครับ ถึงจะเป็นสถานการณ์ที่สมมุติตามโจทย์ของจขกท.กัน
//33 --ในด้านมิซไซล์ ถ้าภาพรวมโดยเฉพาะขีปนาวุธยุทธศาสตร์ระยะกลาง-ไกล จีนยังเป็นรองรัสเซียเยอะมากครับทั้งคุณภาพและปริมาณ จริงอยู่ที่ว่าจีนพัฒนาตัวเองขึ้นมามากในช่วง 1990+ แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นแค่อาวุธมาตรฐานทั่วไปที่ลอกแบบหรือต่อยอดมาจากรัสเซีย (ว่ากันตรงๆก็คือก็อปปี้มาแทบทั้งนั้น) อาทิเช่น จรวดแซม หรือขีปนาวุธพื้นสู่พื้นแบบต่างๆ แต่ระดับขีปนาวุธยุทธศาสตร์ยังห่างไกลจาก US,Russia มากนักครับ
-- เรื่องดาวเทียม, จีนอาจจะมีความสามารถในการทำลายวัตถุบนวงโคจรได้จริง แต่ยังมีขีดจำกัดมากครับ เพราะพื้นที่ที่จะขึ้นทำลายหรือเล็งยิงบนวงโคจรได้จริงนั้นมีจำกัดแค่น่านฟ้าจีนแผ่นดินใหญ่ ขณะที่ฝ่าย US สามารถทำลายดาวเทียมของจีนทุกดวงได้จากทุกระยะ และทุกตำแหน่งวงโคจรจากฐานทัพทั่วโลก
--- อีกประการนึง ถ้าเปรียบเทียบจำนวนดาวเทียมทางทหารของ US กับจีนแล้ว, ปริมาณมันเหนือกว่า ยังไงดาวเทียมจีนหมดก่อนแน่ๆ ถ้าจีนทำลายไม่ได้ทุกดวงบนวงโคจรน่านฟ้าแถวนั้นจริงๆ ยังไงระบบ navigation ต่างๆก็ยังทำงานชดเชยกันได้ครับ (เช่นวงโคจรเหนือจีนพัง ก็สลับไปให้วงโคจรญี่ปุ่น หรืออินเดีย ช่วยกันคำนวนชดเชยแทนได้)
-- โทมาฮอร์คไม่ได้มีแต่การนำวิถีผ่านดาวเทียมครับ, หัวรบแบบเก่าที่ใช้ image processing ในการแกะรอยภูมิประเทศก็ยังใช้ได้อยู่ปกติ เพียงแต่รุ่นที่ใช้ gps ดาวเทียมจะถูกกว่าและแม่นยำขึ้นเอง และดาวเทียมพังแค่ดวงสองดวง นั้นสัญญาณนำร่องสามารถสลับ channel ไปดาวเทียมอื่นๆได้ไม่ยาก
--ส่วนการส่งเครื่องบินเข้ามาน่านฟ้าจีน ก็ต้องใช้เรือบรรทุกเครื่องบิน ซึ่งจีนมี df31a ซึ่งมีขีดความสามารถในการจมเรือบรรทุกเครื่องบินสหรัฐได้ครับ ^ ^ US มีฐานทัพรอบจีนอย่างน้อยๆๆก็ 4 ฐานทัพเลยนะครับ (ญี่ปุ่น กวม เกาหลีใต้ ปากีสถาน) ไม่มีความจำเป็นต้องเอาเรือบรรทุกเครื่องบินเข้ามาเสี่ยงใกล้ๆเลยครับ แค่ส่งฝูงบินรบ/Drone/Cruise จากฐานทัพพวกนี้ไปถล่่มก็สบายมาก ถ้าฝ่ายจีนส่งฝูงบินไล่ตามมาก็หลบหนีเข้าไปหามิตรประเทศใกล้ๆ จีนจะกล้าไล่ตามหรือถล่มพันธมิตรของสหรัฐด้วยรึไม่นี่ต้องคิดหนักทีเดียว
+ DF31A มัน ICBM นิครับ ไม่น่าจะมีระบบนำวิถีโจมตีกองเรือได้นะ เข้าใจว่าหมายถึง DF21 ที่เป็น ASBM (Anti-ship-Ballistic-Missile) ที่จีนหวังใช้มันป้องกันเรือบรรทุกเครื่องบินเข้าประชิดชายฝั่งมากกว่า
- missile JL-2 มีระยะทำการ กว่า 12000 km แต่ปัญหาของจีนคือ "จำนวน" + ความแม่นยำครับ เพราะฐานยิงบนแผ่นดินใหญ่นี้จะถูกโจมตีเป็นเป้าหมายแรกๆแน่ๆ ขณะที่เรือดำน้ำของจีนต้องฝ่าแนวป้องกันจำนวนมากเอาเรื่องเพื่อให้ถึงระยะยิงของตน (กองเรือที่7, ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ กวม ฮาวาย) กว่าจะไปถึงแผ่นดินแม่ของสหรัฐ ถึงเล็งได้ทั่วสหรัฐแต่จำนวนที่ยิงได้จำกัดมากเมื่อเทียบกับพื้นที่ที่ต้องโจมตี
-- ถึง strategic missile จะมีกว่า 3000 ลูก แต่เทียบกับ US,Russia แล้วยังน้อยกว่านักครับ แถมขีปนาวุธของจีนส่วนใหญ่เป็นระยะสั้น, ระยะกลางเท่านั้น ซึ่งพวกนี้ไปไม่ถึงอเมริกาเหนือ
- ยังไม่นับถึง แนวป้องกันโล่ห์ขีปนาวุธที่อยู่บนเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น กองเรือที่7 ฮาวาย กวม, อาวุธที่จีนยิงมาแต่ละชุดมีโอกาสสูงมากที่จะถูกตรวจจับได้ก่อนเพื่อแจ้งเตือนให้สหรัฐรับมือ (อพยพ, ยกโล่ห์, ยิงตอบโต้ด้วยห่าฝน nuke) แถมยังอาจถูกสกัดกั้นได้ตลอดทางก่อนจะขึ้นสู่วงโคจรระดับสูง และอาจถูกสกัดได้อีกทีจังหวะดิ่งลงเป้าหมาย (แม้จะยาก แต่การที่ US ได้ข้อมูลข่าวสารแต่เนิ่นๆตั้งแต่จรวดออกจากฐานปล่อย จะทำให้มีเวลาตั้งรับได้หลายนาที~~ขณะที่จีนแทบไม่มีเรื่องพวกนี้เลย)
-- เอาเข้าจริงๆ ขีปนาวุธจีนจะหวังผลทำลายล้างแบบแน่นอนได้แค่ ฐานทัพปริมณฑลแปซิฟิคเองครับ และที่ว่ามีหัวรบ 2-400 ลูกนั้น ถ้าดูจากรายงานเมื่อ 2 ปีก่อนเห็นมียอดที่เพนตากอนประเมินที่ 240 ลูกเท่านั้นเองครับ ซึ่งปัจจุบันก็ไม่น่าต่างจากเดิมแบบมีนัยยะนัก
ปล. นี่ยังไม่รวมถึงอาวุธเชื้อโรคระบาดแบบร้ายแรง และอาวุธเคมีอำนาจการฝังตัวสูงนะครับ ที่สหรัฐทุ่มเทวิจัยมาอย่างหนักกว่าชาติอื่นๆเยอะ แค่ปล่อยเชื้อโรคให้ระบาด และปล่อยสารเคมีหลักๆ ที่มีแต่US รักษาได้ลงแหล่งชลประทานของจีน/รัสเซีย แล้วปล่อยให้กลไกชีวภาพบ่อนทำลายประเทศนั้นๆไปเรื่อยก็แก้ทางยากแล้วครับ
ปล. แต่เห็นด้วยครับ US กับจีนไม่รบกันหรอก ถึงสหรัฐจะชนะเด็ดขาดแต่ก็สิ้นเปลืองด้วยกันทั้งคู่ และในการรบมันมีอะไรไม่แน่นอนเยอะเกินไป ตราบใดที่พันธมิตรอื่นๆไม่แทงข้างชัดเจน สงครามใหญ่ไม่มีสิทธิเกิดเลยแต่จะเกิดเป็นสงครามทางศก, การฑูต การเมือง และการปิดล้อมทางอ้อมทั้งสองฝ่ายกันแทน
ปล. อันที่จริงผมว่า US ไม่เคยกลัวสงครามเต็มรูปแบบเลยนะ แต่ปัญหาคือ US จะต้องรอ "ข้ออ้างเท่ห์ๆ" ในการทำสงครามใหญ่ๆก่อน เหมือนตอนเพิลฮาเบอร์ใน WWII นี่แหละครับ
ปล DF31A มีจำนวนจำกัดมากครับ เมื่อ 2 ปีก่อนประเมินอยู่ที่ 10 ลูกเป็นขั้นสูง (ref.MissileThereat) และจะเรียบร้อย 50 ลูกภายในปี 2015 ครับ และขีดจำกัดมันก็โหลดได้MIRV แค่ 3 หัวรบเท่านั้นเอง ดังนั้นจำนวนเหล่านี้ยังไม่พอจที่จะสร้างความแตกต่างในการระดมยิง nuke แลกหมัดกันครับ
ส่วน DF21 ที่ที่กำลังพัฒนานั้นผมหมายถึงเวอร์ชั่นที่เป็น ASBM ระยะไกลติดหัวรบ MIRV ครับ เพราะจะชดเชยอำนาจการยิงระยะไกลให้กับกองกำลังป้องกันฝั่งของจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเพิ่มโอกาสการน็อคกองเรือแปซิฟิคได้เยอะเลย แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นผลการทดลองใดๆเป็นรูปธรรมนัก
แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 55 22:54:21
แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 55 22:47:42
แก้ไขเมื่อ 16 ม.ค. 55 22:41:37
จากคุณ |
:
Kross_ISC
|
เขียนเมื่อ |
:
16 ม.ค. 55 22:35:30
|
|
|
|
 |