ความคิดเห็นที่ 1 สเปิร์ม ---- รังไข่ ----เซล์ ----ตัวอ่อน----ทารกในครรภ์ ส่วนเรื่อง รวยจน ถึงจะหน้าตาขี้เหร่ ถ้าขยันก็รวยได้ครับ หน้าตาดี....พันธุกรรมจาก ต้นตระกูลทั้งนั้นครับ จากคุณ : อยากขี่มอไซค์แต่กลัวล้ม เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 08:41:26

ความคิดเห็นที่ 2 "ถ้าบอกว่าเป็นแค่การสุ่ม เป็นโชค มันออกจะดูไม่ค่อยแฟร์สักเท่าไหร่" แล้วทำไมธรรมชาติต้องแฟร์ด้วยครับ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 08:44:41

ความคิดเห็นที่ 3 ผมเชื่อว่ามีการเกิดใหม่ แต่ไม่เชื่อว่ามีอะไรมากำหนด มีอะไรทรงอำนาจทรงปัญญามาควบคุมเราอยู่ มันเกิดจากความพยายามและความบังเอิญนะแหละ แต่จริงๆแล้วเราอาจจะเป็นหนึ่งเดียวกันก็ได้ เช่นเราเป็นอสุจิของพ่อและรังไข่ของแม่ แล้วเราจะแยกได้ยังไงว่าเราไม่ใช่ส่วนหนึ่งของพ่อแม่ จากคุณ : sex เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 08:47:35 A:223.205.235.144 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 4 อดีตสร้างแต่บุญกุศล ปัจจุบันสร้างบุญกุศล อนาคตก็ยังสร้างบุญกุศล คราวนี้มองไปทางไหน จับไปตรงไหนก็เห็นแต่กรรมดีที่ตนได้ทำไว้ บุญกุศลก็ถึงพร้อมหมด และย่อมส่งผลให้ผู้ประกอบบุญกุศล ได้มีความสุข ความเจริญ อายุมั่นขวัญยืน ร่มเย็นเป็นสุข ทำไม ต๊อดปิติ ดอมเหตระกูล ฟลุ๊คเกริกพล คนเหล่านี้ถึงเกิดมาหล่อ เก่ง มีความสามารถ มีพื้นฐานครอบครัวที่ดี นั่นเขาได้สร้างบุญกุศลไว้ในอดีต แต่ก็นั่นล่ะนะหากหลงไปกับความสุขสบาย และทำสิ่งผิด ก็ย่อมประสบทุกข์ต่อไปในภายหน้าได้เหมือนกัน มีรุ่นน้องคนหนึ่งพ่อเมาเหล้าไม่ทำมาหากิน แม่ทำสวนมีรายได้เพียงเล็กน้อยอาศัยเงินจากญาติๆ ช่วยเหลือบ้างเป็นค่าเล่าเรียนของรุ่นน้อง รุ่นน้องเราหัวดี ขยันหมั่นเพียร สอบเข้ามหาลัยรัฐได้ วันนี้เรียนจบทำงานได้เงินเดือนค่อนข้างสูง เลี้ยงแม่ได้สบาย นี่ก็กรรมเก่าทำมาไม่ดี แต่เขาประกอบกรรมดี เขาเพียรสร้างสม จึงให้ผลสำเร็จ ความเพียรเท่าฝ่ามือ ความเกียจคร้าน ความชั่ว ดั่งมหาสมุทร ท่าน จขกท เข้าใจคำลงท้ายนี้ไหม จากคุณ : เป็นตุเป็นตะ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 08:55:31 A:101.108.21.20 X: TicketID:289484

ความคิดเห็นที่ 5 กรรม บุญ ชาตินี้ชาติหน้า ศรัทธา ผมคิดว่าเป็นเพียงกุศโลบาย เหมือน classic condition ของพาลอฟ แต่เราเป็นคนครับ สอนได้เพื่อเป็นพื้นฐาน แต่เมื่อหลุดพ้นจากวัย 5 ขวบแล้วก็ควรคิดเกินกว่านั้น จากคุณ : ต้นสนริมน้ำ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 08:59:28

ความคิดเห็นที่ 6 เรื่องความเชื่อคงบังคับกันไม่ได้ สำหรับผมผมเชื่อเต็มหัวใจ จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 09:00:06

ความคิดเห็นที่ 7 ความแฟร์ มีอยู่ในโลกด้วยรึ จากคุณ : KeyboardWarrior เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 09:00:39

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเชื่อว่า ชาติก่อน ชาตินี้ ชาติหน้า  ทั้งหมดนี้ อยู่ในช่วงชีวิตนี้ของเราแต่ละคนทั้งนั้นครับ จากคุณ : สิงโตยนต์ เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 09:21:04

ความคิดเห็นที่ 9 ไม่เชื่อเพราะ ถ้าเทียบวิญญาณเป็นอัตราส่วนคงที่ 1-1 ดวง ตอนวาฬกินเคยทีละ 1-2 ล้านตัว จะมีวิญาณกี่ดวงตกนรกและมาเกิดแทนทีละกี่ดวง แต่ คนเราทำดีเพราะ ต้องการทำดีก็ไม่ผิดที่จะสนับสนุน จากคุณ : polyodon เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 09:29:36

ความคิดเห็นที่ 10 ผมเชื่อกฏแห่งกรรม "นรกอยู่ในอก สวรรค์อยู่ในใจ" เหตุผล 1) ทำชั่ว ได้รับผลกรรมชั่ว ทำดี ใจเราสบาย เราได้ดี 2) ข้อหนึ่ง มาจากสรรค์ในอก คิดแล้วคิดอีก เป็นนรกในจิตใจ ส่วนเรื่องเกิดใหม่ ผมยังหาเหตุผลไม่เจอ แต่ผมเชื่อ เหมือนผมเชื่อว่า ผมมีหัวใจ ทั้งๆที่ไม่เคยเห็นสักที จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 09:35:43

ความคิดเห็นที่ 11 พุทธศาสนาสอนว่าทุกสิ่งล้วนอนิจจัง เป็นอนัตตา ไม่มีอะไรคงสภาพอยู่ได้ไปชั่วนิจนิรันด์ ถ้าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง แสดงว่าเรานั้นมีตัวตนตลอด มีสภาพเป็นวิญญาณอมตะ ขอแค่ไม่ทำความดีจนนิพพาน ก็เป็นอมตะมาเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ ซึ่งมันขัดกันเต็มๆ ผมเชื่อว่ามันเป็นแค่กุศโลบายเท่านั้น ลองนึกดูว่าโลกแตกไป เราจะมาเกิดเป็นอะไรได้อีก หมีน้ำงั้นรึ แก้ไข*พิมพ์ผิด แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 55 09:38:24 จากคุณ : Moonui เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 09:37:32

ความคิดเห็นที่ 12 เหมือนผมก็เคยสงสัยเรื่อง ดวงวิญญาณ 1 ต่อ 1 คือ ตาย 1 ก็ต้องเกิด 1 ได้คำตอบว่าการเกิดเราอาจจะเกิดใหม่ในรูปของแบททีเรีย สิ่งมีชีวิตดาวดวงอื่นก็เป็นได้ ซึ่งฟังแล้วมันก็ดูเหมือนจะแถให้ชนะ ก็แล้วแต่จะเชื่อผมไม่ค่อยเชื่อน่ะครับ แล้วเหตุใด การที่คุณเป็นคนหล่อ รวย เป็นผลมาจาก การทำกุศลในชาติก่อนๆ อันนี้ใครพิสูจน์ได้ว่าจริงครับ ผมไม่ค่อยเข้าใจ เพราะแบบนั้น การทำดีเพื่อให้เกิดเป็นมนุษย์นั้นก็ยากล่ะ แต่มีทำดีให้เกิดเป็นคนรวย หล่ออีก มันจะยากขนาดไหน ซึ่งพอดูข้อกำหนดแล้ว มนุษย์ส่วนใหญ่ในชาตินี้ไม่สามารถปฏิบัติเพื่อเป็นมนุษย์ต่อในชาติอื่นๆ ได้ ดังนั้น สรุปตามนี้ มนุษย์ในอนาคตต้องลดลง จนไม่มีมาเกิดเลย จากที่เห็นก็เกิดเอาเกิดเอา จนจะล้นโลกละ ซึ่งก็แปลก บางคนอาจเถียงได้ว่า ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นมนษุย์มาเกิดเป็นมนุษย์นิ อาจเป็น หมา แมว เห็บไร ทั่วไปมาเกิดก็ได้ ผมสามารถบอกได้เลยตามเงื่อนไขของศาสนา เขาบอกว่าสัตว์เดรัจฉาน ไม่สามารถทำกุศลต่างๆได้ เป็นข้อด้อยของสัตว์ภูมิเหล่านั้น จึงไม่มีทางสร้างกุศลให้มาเกิดเป็นมนุษย์   หากมีการมาเกิดใหม่ แล้วตัวอะไรล่ะที่มาเกิด จากคุณ : chadowing เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 09:54:50

ความคิดเห็นที่ 13 ^ ^ #11, #12 สุดยอดมากๆๆๆๆ   ...........   ถ้าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริง แสดงว่าเรานั้นมีตัวตนตลอด มีสภาพเป็นวิญญาณอมตะ ขอแค่ไม่ทำความดีจนนิพพาน ก็เป็นอมตะมาเกิดใหม่ได้เรื่อยๆ ซึ่งมันขัดเต็มๆ กับที่สอนว่าทุกสิ่งล้วนอนิจจัง เป็นอนัตตา ไม่มีอะไรคงสภาพอยู่ได้ไปชั่วนิจนิรันดร์ !!! แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 55 10:03:06 แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 55 10:02:40 จากคุณ : อัสดรวิหค เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 09:56:14

ความคิดเห็นที่ 14 ถ้าตามพุทธ ชาตินี้ชาติหน้ามันมีอยู่ตลอดเวลาทุกขณะ0b9ที่เรา รับรู้ ระลึกได้ในรอบปฏิจสมุปบาท ส่วนศาสนาอื่นก็มีชาติเดียว คือตายแล้วรอล้างโลกก็ค่อยมาเกิดใหม่ ถามผมว่าเชื่อมั้ย  ตอบว่ายังไม่เชื่อทั้งคู่ครับ ซึ่งก็กำลังพิสูจน์ของพุทธอยู่ ส่วนอันอื่นเมื่อถึงเวลาค่อยว่ากัน ส่วนเรื่องชาติที่แล้ว หรือที่มีการระลึกชาตินั้น ผมคิดว่ามันเป็นการส่งต่อ รหัสข้อมูลไฟฟ้าของสมอง ที่ผู้รับบังเอิญแปลได้มากว่า ผมเชื่อว่าอีกไม่น่าเกิน 1000 ปี เมื่อเรารู้จักสมองของเราอย่างทะลุปรุโปร่ง ร่างโคลนของเราจะสามารถระลึกชาติได้เป็นสิบๆชาติ จากการโอนถ่ายความทรงจำ ด้วยสัญญาณไฟฟ้าจากสมองนี่แหละครับ และนั่นก็จะเป็นช่วงเวลาแห่งต้นกำเนิดของ Matrix จากคุณ : น้ำนอง เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:05:34

ความคิดเห็นที่ 15 เคยเห็นครับ สุนัขตัวนึง มีจิตใจงาม รู้จักทำบุญเอื้อเฝื้อเผื่อแผ่อาหารให้ลูกแมว เวลาเค้าตาย แววตาเค้าใสแป๋วไม่ทุรนทุรายตาย ต่างจากอีกตัวเกิดไม่นาน ก็เอาแต่เห่าไปทั่ว ทำเป็นซ่า สุดท้ายเวลาตาย มีแต่ความเศร้าหมอง กรรม ไม่ใช่ตรรกะทางความคิด ไม่ได้ขึ้นกับจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ลงเมื่อทำเหตุอย่างนึงเข้า ผลแห่งการกระทำนั้นย่อมมี จากคุณ : STL เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:06:31

ความคิดเห็นที่ 16 พุทธศาสนาค้นพบเรื่องจิตและสภาวะของจิตเป็นสำคัญ ขณะที่วิทยาศาสตร์เน้นวัตถุเปนสำคัญ ต้องศึกษาพระอภิธรรมอย่างลึกซึ้งจะอธิบายการเวียนว่ายตายเกิดและนิพพานได้ จากคุณ : ปีสูนดร็อปปี เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:19:17

ความคิดเห็นที่ 17 ไม่เชื่อ คิดว่าตายแล้วก็จบ สิ่งที่รอคือความว่างเปล่า จากคุณ : Kyo3 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:23:21

ความคิดเห็นที่ 18 ตายแล้วจบครับ ไม่มีมาเกิดอีก พวกที่เชื่อก็เชื่อกันต่อๆมา เพราะคำบอกเล่า เพราะคนที่เล่าน่าเชื่อถือ หรือเป็นคนที่เราเคารพ หรือบางที ไม่รู้ว่าใครเล่ายังเชื่อด้วยซ้ำไป ผมว่ามันก็แค่คำขู่ให้คนกลัวที่จะทำผิด คิดทำบาปมากกว่า เหมือนพวกที่บอกว่าผีมีจริง ส่วนใหญ่ก็ฟังเค้าเล่ามา พวกที่เจอมากับตัวเอง ก็มาจากจิตใต้สำนึกที่ฟัง ที่เชื่อเรื่องพวกนี้มาเยอะ แล้วก็เอามาแต่งสีแต่งกลิ่นกันทั้งนั้นแหละครับ ถ้ามีจริงป่านนี้ก็พิสูจน์กันได้แล้ว ไร้สาระ จากคุณ : เทียนกี้แซยี่ ฮ่อปิ๊ดแซเหลียง เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:29:21

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าไม่เชื่อเรื่องเวียนว่ายตายเกิด คิดว่าเกิดมาตายครั้งเดียวแล้วจบกัน ก็คงทำชั่วได้ไม่มีขีดจำกัด โลกนี้คงวุ่นวายพิลึก ทุกอย่างไม่มีบังเอิญหรอกค่ะ ทำไมเราเป็นลูกของพ่อแม่คนนี้ ทำไมเกิดมาจน หรือรวย ไม่ใช่บังเอฺิญหรอก มันเกิดจากตัวเราในอดีตทำไว้นั่นเอง แต่สิ่งที่ไม่เข้าใจคือ ทำไมเราถึงจำอดีตชาติไม่ได้ ถ้าจำได้ คนคงเข็ดหลาบ ไม่ทำชั่วกันมากมายอย่างนี้ จากคุณ : Rosssea เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:34:42

ความคิดเห็นที่ 20 ผมเชื่อว่า ตัวรู้ของเราไม่มีวันตาย !!! คุณสงสัยมั๊ยว่า คุณก็คือก้อนมวล ก้อนหินก็คือก้อนมวล คอมพิวเตอร์ก็คือมวล มันมีความเป็นตัวเองของมันเหมือนคุณหรือเปล่า ถ้าคุณตอบว่าไม่ แล้วทำไมคุณมี? คอมพิวเตอร์ก็เหมือนสมอง มันมีความเป็นตัวเองอยู่ด้วยเหรอ? ต่อให้คอมพัฒนาไปเป็น AI ที่ฉลาดกว่าคน มีอารมณ์ แต่มันก็ไม่มีความเป็นตัวเอง ไม่มีตัวรู้เหมือนคุณ จากคุณ : NaCl เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:37:26

ความคิดเห็นที่ 21 ^ งง   ...  "ผมเชื่อว่า ตัวรู้ของเราไม่มีวันตาย !!!"  เขียนผิดรึป่าว  ถ้าเขียนไม่ผิด แล้วเหตุผลสนับสนุนคืออะไร จากคุณ : อัสดรวิหค เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:51:17

ความคิดเห็นที่ 22 ุการเชื่อ. หรือไม่เชื่อ ล้วนเป็นการส่งต่อความเชื่อจากรุ่นสู่รุ่นทั้งสิ้น แล้วจะรู้ได้ย่างไรว่าอย่างไหนจริง. ต้องตัดความเชื่อทั้งสองฝั่งออก แล้วพิจารณาด้วยเหตุและผล ด้วยปัญญา ก็จะพบคำตอบที่แท้จริง ที่นี้เรามาพิจารณากัน เมื่อมีการเกิดได้เพียง 1ครั้ง นั่นแสดงว่า มีเหตุแห่งความเกิดพร้อมให้เกิดการเกิดเป็นตัวเราได้มีความรุ้ตัวตนว่าเป็นเราได้ ทีนี้มาพิจารณาต่อว่า ในจักรวาลที่เราอาศัยอยู่นี้ มีอะไรบ้างที่มีเพียง 1 เมื่อมองไปรอปๆตัวเราก็จะไม่เห็นว่าสิ่งใดที่มีเพียง 1 เลย แม้แต่สิ่งที่คนเฝ้าสอนกันมาว่ามีโลกนี้เพียงใบเดียวที่มีสิ่งมีชีวิต เมื่อเราเปิดตากว้างมองออกไปนอกจักวาลของเราที่มีอยูมหาสาร แน่ใจหรือว่ามีโลกเราเพียงโลกเดียว ถึงแม้วิทยาศาสตร์ของเรายังไม่ยอมรับ แต่ความจริงก็คือความจริง สิ่งที่ยังพิสูจน์ด้วยปัญญาอันน้อยยังไม่ได้ ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีจริง สิ่งที่มีก็คือสิ่งที่มี และรอคอยการพิสูจจากปัญญาอันน้อยนิด อีกกี่ร้อย กี่พันปี จึงจะมีปัญญาพอจะพิสูจเรื่องเหล่านี้ได้ ลองพิจารณาด้วยปัญญาของตนเองแล้วจะพบคำตอบ เพราะสิ่งที่คนอื่นพุดมาไม่ใช่คำตอบของเราครับจนกว่าเราจะไตร่ตรองแล้้ว จากคุณ : แคมปัส เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 10:59:02

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่เชื่อครับ ด้วยเหตุผลดังนี้ 1. การตกนรกขึ้นสวรรค์ก่อนมาเกิดใหม่นั้น มันเกิดขึ้นเฉพาะคนเท่านั้นหรือ 2. ถ้าสิ่งมีชีวิตอื่นต้องลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ด้วยก่อนจะเกิดใหม่ แล้วพวกไวรัสหรือแบคทีเรียจะจัดให้ไปไหนเพราะมันก็ฆ่าคนไปมากมาย 3. พืชต่างๆก็ถือว่าเป็นสิ่งมีชีวิต จะตัดสินยังไงว่ามันทำดีหรือไม่ดีอะไรบ้าง 4. ถ้าหากการฆ่าเป็นบาป แล้วอย่างสัตว์กินเนื้ออย่าง:-)็คงทำบาปกันทั้งชีวิต การเกิดใหม่ให้เป็นสิ่งมีชีวิตที่ดีขึ้นคงเป็นไปไม่ได้ใช่หรือไม่ จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:49:59

ความคิดเห็นที่ 24 ความเห็น 22 (คุณแคมปัส) ..... " เมื่อมีการเกิดได้เพียง 1ครั้ง นั่นแสดงว่ามีเหตุแห่งความเกิดพร้อมให้เกิดการเกิดเป็นตัวเราได้มีความรุ้ตัวตนว่าเป็นเราได้ ทีนี้มาพิจารณาต่อว่า ในจักรวาลที่เราอาศัยอยู่นี้ มีอะไรบ้างที่มีเพียง 1 เมื่อมองไปรอปๆตัวเราก็จะไม่เห็นว่าสิ่งใดที่มีเพียง 1 เลย" +++  เราว่ามันตรงกันข้ามกับที่คุณพูดนะ  ตัวคุณแคมปัสเองก็มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก หรือแม้แต่สุนัขตัวที่เลี้ยงที่บ้านเราก็มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก .....  "แต่ความจริงก็คือความจริง" +++  คุณกำลังเอาความเชื่อของคุณเองมาบอกว่ามันคือความจริง ทั้งๆ ที่หลักฐานต่างๆ มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น  ดังนั้น เมื่อไตร่ตรองแล้ว ก็จะพิจารณาสรุปได้ว่า การเวียนว่ายตายเกิดไม่มีอยู่จริง แก้ไขเมื่อ 01 ก.พ. 55 11:52:26 จากคุณ : อัสดรวิหค เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 11:51:15

ความคิดเห็นที่ 25 คุณ อัสดรวิหค. ยังไม่ต้องรีปสรุปครับ. พิจารณาไปเรื่อยๆ แล้วจะได้คำตอบเอง. เพราะสิ่งที่ผมบอก. ไม่ใชคำตอบของคุณ จนกว่าคุณจะได้ พิจารณาจนท่วนแล้ว จนได้ข้อสรุปเองครับ จากคุณ : แคมปัส เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 12:18:14

ความคิดเห็นที่ 26 ผมขอสมุติเพื่มอีกนิดนึงนะครับ ถ้าผมย้อนอดีต หรือ ไปสู่อนาคต ที่มีตัวผม ทั่เป็นดวงจิตของผม อีกคน แต่ต่างเวลากัน. มาพบกันตรงหน้า ผมถามว่า ผมจะรู้สึกเป็นตัวตนได้กี่ร่าง ถ้ารู้สึกได้เพียงร่างเดียว จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า แม้แต่ดวงจิตของเราที่ต่างเวลา ยังไม่อาจรับรู้ได้ ความรับรู้ของเราเป็นความรับรุ้ ณ จุดหนึ่งที่เคลื่นตัวผ่าน คลื่นของการเวลาเม่านั้นเอง พิจารณาเองนะครับ จากคุณ : แคมปัส เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 12:24:52

ความคิดเห็นที่ 27 เชื่อแต่เป็น ในรูปแบบของพลังงานหมุนเวียน ถ้าไม่เชื่อก็แสดงว่าเราปฏิเสธวิทยาศาตร์เหมือนกัน การจะด่วนสรุป อะไรที่ตัวเราเองไม่รู้และพิสูจน์ไม่ได้ มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์ จากคุณ : Ballmakoto2 เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 14:39:58

ความคิดเห็นที่ 28 ^ ^ โห.. ถ้าไม่เชื่อเรื่องนี้ แสดงว่าเราปฏิเสธวิทยาศาสตร์งั้นเรอะ   คิดได้ไงเนี่ย  ฮาสุด ๆ   :D จากคุณ : Infan เขียนเมื่อ : 1 ก.พ. 55 18:24:25