Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
ขอรับสมัครอาสาผู้ที่เคยทำสมาธิ 9 ท่าน และผุ้รับการทดสอบที่ไม่เชื่อหรือต้องการพิสูจน์ 1 ท่าน [ย้ายจาก : ] ติดต่อทีมงาน

http://www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y11693492/Y11693492.html

ขอรับสมัครอาสาผู้ที่เคยทำสมาธิ 9 ท่าน และผุ้รับการทดสอบที่ไม่เชื่อหรือต้องการพิสูจน์ 1 ท่านค่ะ vote [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน

สวัสดีค่ะเพื่อนสมาชิก  

ปีที่แล้ว  เราได้ที่คริสตจักรแห่งหนึ่ง  ซึ่งที่จริงเราเป็นชาวพุทธ  แต่สาเหตุที่เราได้ไปก็เพราะว่าพี่สาวเราที่เราไม่ได้เจอนานนัดเจอที่นั่น เธอเป็นคริสเตียน  ในวันนั้นเราได้คุยกับพี่เราในโบสถ์เลยต้องพลอยเข้าไปในห้องเรียนกับเค้าด้วย ซึ่งในนั้นก็มีผู้ที่ถูกเรียกว่า" อาจารย์" จะทำหน้าที่สอนประสบการณ์ทางวิญญาณหรือเรื่องราวของพระเจ้า  ซึ่งเราก็ไมไ่ด้ใส่ใจมาก  เพราะว่าเราเป็นพุทธศาสนิกชน โดยนอกจากอาจารย์ก็จะมีผู้เ้ข้ากลุ่มประมาณ 15 คน เราเป็นหนึ่งในนั้น


เรื่องมีอยู่ว่า  พอถึงช่วงหนึ่ง  คนในห้องนั้นอยากให้รับรับเชื่อ  ตัวเราเองก็แสดงท่าทีธรรมดา  แต่เค้าก็จะอธิษฐานให้เรา  เราก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร  แต่พอการอธิษฐานเริ่มขึ้นมาเท่านั้น  คนสิบกว่าคนรอบข้างเรา  พูดคำอะไรต่ออะไร คำไทยบ้าง คำภาษาอื่นบ้าง  ส่วนอาจารย์เอามือมาแตะไหล่เราและกล่าวคำอธิษฐานดัง ๆ ช่วงแรก  ๆ ยังไม่เป็นไร  เราเห็นคนนั้นคนนี้หลับตา  และรู้สึกได้ว่าเค้าอธิษฐานบางอย่างให้กับเรา  บางคนหลับตาท่องนั่นท่องนี้ เสียงพึมพำเต็มห้องไปหมด  และครู่หนึ่ง  เรารู้สึกว่า "ใจมันเต็มไปด้วยความรัก" เรารู้สึกเหมือนถูกลูบหัวจากใครที่รักเรามากๆ  จนเราเกือบจะร้องไห้  และเราจากทีุ่นั่งอยู่ก็ทรุดลงไปอยากร้องไห้  เหมือนมีกระแสอะไรบางอย่างมาจับหัวใจเรา  

เรารู้ว่าเราเป็นชาวพุทธ  และไม่เชื่อในเรื่องของพระเจ้า  ทุกคนในห้องเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น  เราถามอาจารย์ท่านนั้นว่าเกิดอะไรขึ้น  อาจารย์ท่านนั้นท่านบอกว่า  เป็นเพราะพระเจ้า  ซึ่งเราเองรู้อยู่แก่ใจว่าไ่่ม่ใช่ เรามีคำตอบของเราอยู่  แต่ที่เราตกใจและแปลกใจ  เพราะเราไม่เคยคิดมาก่อนว่า  การที่ได้รับการส่งกระแสจิตจากความรักจากใครมามาก ๆ แม้ว่าจะเป็นจากเพื่อนศาสนาอื่น  ซึ่งเป็นมนุษย์ด้วยกัน  ก็ทำให้เราได้รับกระแสนั้นจนทรุดได้และเกือบร้องไห้    เราเลยทบทวนข้อธรรมะที่ร่ำเรียนมา  เรื่องการแผ่เมตตา  ซึ่งแปลตรงตัวตามพระบาลีเลยคือ  "การใช้ิจิตส่งความรักออกไป" อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า  เมตตา  ก็เหมือนความรักที่แม่มีให้กับลูก ปรารถนาดี หวังดี อยากให้ลูกมีความสุข  กระแสจิตอย่างนี้ที่ส่งให้กับคนอื่นก็ทำให้คนอื่นมีความสุขใจ มีจิตที่ดี  แต่เรารู้ว่ากระแสที่ได้รับจากคริสตจักรที่นั่นยังถือว่าเบา ถ้าเทียบกับผู้ปฏิบัติธรรมชาวพุทธจริง ๆ เพราะในเวลานั้น พวกเค้าอธิษฐานถึงเรา มีกระแสของความรักจากคนเป็นสิบ ๆ คนรวมกันเพ่งมาที่เราก็จริง แต่ไม่ใช่การใช้สมาธิจิตแ่ผ่เมตตาอย่างในพระพุทธศาสนา


อีกครั้งหนึ่ง  เราคุยโทรศัพท์กับผู้ปฏิบัติธรรม อุบาสิกาท่านหนึ่ง  แล้วคุยกันเรื่องแผ่เมตตา  อุบาสิกาท่านนี้ ท่านปฏิบัติสมาธิเป็นประจำ ในช่วงที่สนทนาเวลานั้น  ท่านบอกว่าท่านจะแผ่เมตตามาให้  ในขณะที่เราถือโทรศัพท์อยู่นั่นเอง  เราจึงเงียบ  และรอ  ปรากฎว่า  สิ่งที่ได้รับคือ  ความรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาล้อมกายเราด้วยความรัก  เรารู้สึกไม่กลัวอะไร  รู้สึกปลอดภัึย  รู้สึกอบอุ่น  รู้สึกเหมือนถูกลูบหัวด้วยความเอ็นดู  เรารู้สึกอย่างนั้นจริง ๆ รู้สึกเหมือนลอย  ท่านแผ่เมตตาจิตได้ดีมาก


จากสองเหตุผลนี้  ทำให้เราได้คิดว่า  การแผ่เมตตามีประโยชน์อย่างนี้  อยากให้มีใครสักคนหนึ่งได้ลองรับการถูกแผ่ดู  แต่การได้รับกระแสที่แรงหรือเบา ก็ขึ้นอยู่กับสมาธิของผู้ที่แผ่ออกมา ถ้าผู้ที่มีสมาธิได้ฌานจิตแผ่เมตตา  กระแสนั้นจะได้รับแรงเลย แต่ถ้าสมาธิเบา  แต่มาจากหลายคนเพ่งพร้อมกัน  บุคคลที่ได้รับการแผ่จะได้รับมาก จะรู้สึกเย็น รู้สึกได้เช่นเดียวกัน

เหตุที่เรารับอาสาสมัครจำนวน 9 คน เป็นเพราะ เราหวังให้กระแสของสมาธินั้นแรงพอ  เพราะจากประสบการณ์ในวันนั้นที่คริสตจักร  คนที่นั้นเค้าไ้ม่้ได้แผ่้เมตตาเลย  แต่ที่เรารับรู้จนน้ำตาจะไหลก็เพราะว่าเป็นสมาธิเบา ๆ ของชาวคริสต์เพียงแค่ตั้งจิตเพ่งมาที่เรารวมกัน เรียกว่าเป็นเพียงผู้ที่ส่งใจมาให้เราหลายคนก็เลยแรง  แต่หากเป็นชาวพุทธ ที่เข้าใจว่าสมาธิคืออะไร  การแผ่เมตตากำหนดจิตอย่างไร  9 คน  กระแสนั้นจะยิ่งได้รับแรงมากค่ะ


ดังนั้น  จากเหตุผลนี้  เราจึงอยากให้มีใครสักคน  เป็นสักขีพยาน  คนที่เป็นสักขีพยานที่จะเป็นผู้รับการแผ่เมตตานั้น  ขอให้เป็นใครก็ได้  แต่จะดีมาก หากเป็นคนที่ไม่เชื่อเลย หรือเป็นคนที่มีแนวคิดวิทยาศาสตร์มาก  ๆ ปฏิเสธเรื่องนี้มาก ๆ  ขอให้ได้ลงชื่อในกระทู้นี้  เพื่อเป็นพยานค่ะ ว่าจะเป็นผู้เข้ารับการทดสอบ  และเราขอรับอาสาสมัครเพื่อนสมาิชิกผู้ที่เคยทำสมาธิ  เคยทำสมาธิแน่นไม่แน่นไม่เป็นไรนะคะ  ขอให้รู้จักการทำสมาธิ 9 คน โปรดลงชื่อ เพื่อที่เราจะนัดเวลาในการแผ่เมตตาให้กับผู้รับการทดสอบกันค่ะ  ในเมืองไทย  เราเชื่อว่า  ยังไม่เคยมีการทดสอบการแผ่เมตตาที่เป็นหลักฐานต่อหน้าสาธารณะชนอย่างนี้มาก่อน  หากเพื่อนสมาชิกท่านใดมีจิตอาสา ประสงค์ช่วยในการแผ่้เมตตานี้ 9 ท่าน ซึ่งเมื่อถึงเวลาจริงจะรวมเราอีก 1 คนเป็น 10 คน  กรุณาลงชื่อที่กระทู้นี้นะคะ  และขอรับอาสาสมัครจำนวน 1 ท่าน  เมื่อถึงวันเวลาที่เราได้ตกลงกัน  เราจะขอให้ผู้ขอรับการทดสอบ นั่งเฉย ๆ ปิดวิทยุโทรทัศน์ งดการพูดโทรศัพท์ หรือคุยกับใคร  แต่ทำอะไรเบา ๆ ได้เช่น อ่านหนังสือ  หรือนั่งคิดเรื่องอะไรเงียบ ๆ โอกาสนั้นเอง  ผู้ปฏิบัติธรรมที่ท่านได้ลงชื่อไว้  จะแผ่เมตตาถึงท่าน  เป็นเวลา 3 นาทีโดยพร้อมกัน จากทั่วประเทศ ตามที่ท่านได้ลงชื่อไว้ ไม่ว่ามาจากไหน จะส่งจิตของความ ขอให้ท่านหายทุกข์  ขอให้มีความสุข  ขอให้ปราศจากเวร  จะส่งไปถึงท่านผู้รับ  จากนั้น  ขอให้ท่านผู้รับการแผ่  เข้ามาบอกเล่าความรู้สึกว่า  ช่วงเวลา 3 นาทีนั้น  เกิดอะไรขึ้นกับท่านบ้่าง  และขอให้ท่านเล่าตามจริง  ไม่รู้สึกก็คือไม่รู้สึก รู้สึกคือรู้สึก  รู้สึกอย่างไร ขอให้ท่านได้เล่าโดยละเอียด  เพื่อเป็นหลักฐาน และวิทยาทาน  เราเชื่อว่ากระทู้นี้จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ปฏิบัติสมาธิ  ทั้งในพันทิปและเวปบอร์ดอื่น ๆ ด้วยค่ะ


ช้างนาฬาคิรี  ดุร้าย  กำลังวิ่งเข้าหาพระพุทธเจ้าด้วยจิตคิดร้าย  แต่เมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงแผ่พระเมตตาิจิตเพ่งไปยังช้างนาฬาคิรี  ขอให้ช้างนั้นไ่ม่มีความพยาบาทเบียดเีบียน ช้างนั้นก็กลับซบลงแทบพระบาท  โรชะมัลละกษัตริย์  ไม่เลื่อมใสในพระรัตนตรัย  พระพุทธเจ้าทรงแผ่เมตตาจิตไปยังท่าน  และทรงเสด็จลุกหายพระวรกายไป โรชะมัลละกษัตริย์ท่านกลับต้องวิ่งหาพระศาสดา ดุจลูกโคตามหาแ่ม่  พระปัญจวัคคีย์ ได้ตั้งกติกากันว่าเมื่อพระพุทธเจ้าเสด็จมา จะไม่ทำการต้อนรับ  แต่เมื่อพระพุทธองค์ได้ทรงแผ่พระเมตตาจิตไป  พระปัญจวัคคีย์เหล่านั้นก็ต่างไม่อยู่ในกติกาของตน  จิตอ่อนโยนลงจนลุกรับพระองค์ท่าน  นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นจริงด้วยอานุภาพของเมตตา


หลายวันก่อนที่เราไปปฏิับัติธรรมที่วัดตาลเอน  ช่วงที่เดินจงกรมและนั่งสมาธิเสร็จสิ้น จะให้ผู้ปฏิบัติธรรมทุกคนแผ่เมตตาจิตถึงบุคคลที่ป่วย เป็นโรคหนึ่งนาที ตามชื่อที่ประกาศ  ในช่วงนั้นเราลองจับความรู้สึกดูโดยเราไม่ได้ร่วมแผ่ด้วย  แต่เรารับได้ว่า  เย็นมาก  แต่ไม่ได้เย็นเพราะแผ่มาที่เรา  แต่เรารู้สึกว่าที่ห้องกรรมฐานนั้นมีกระแสที่เย็น ส่งออกมาจริง ๆ  เราจึงคิดได้ว่า  เพื่อนของเราคนนึง  เค้าพยายามทำร้ายตัวเอง เคยกินยายนอนหลับจนชักเ้ข้าโรงพยาบาล  เค้าทำร้ายใครต่อใคร  บางครั้งดีแสนดี  บางครั้งก็ร้ายแสนร้าย  เราเองก็เครียดเรื่องเพื่อนคนนี้มาก  เพราะกลัวเค้าจะเป็นอันตราย  รวมทั้งเราเคยเล่าให้เพื่อน ๆ ฟังแ้ล้่วว่าเราจับความรู้สึกของเพื่อนคนนี้ได้ทางใจ  เป็นเพื่อนคนเดียวที่เรารับรู้ได้ และเคยขอรับคำปรึกษาจากเพื่อนสมาชิกไปแล้ว  ปรากฎว่า  ในเวลาที่เราเดินจงกรมนั่งสมาธิ  ความเครียดในใจของเพื่อนคนนี้ ก็มาถึงเราได้ตลอดเกือบวัน  เราไม่ได้ติดต่อกับเค้านานแล้ว แต่จิตของเรายังไปรับรู้ได้ว่าเค้ากินยานอนหลับอีก  มีอาการทางจิตอีก  พูดง่าย ๆ คือ "บ้าอีก" (ขอโทษด้วยค่ะ)   เราจึงตัดสินใจรอพระอาจารย์ของเรา  และเท่าเรื่องที่เกิดขึ้น  และขอให้พระอาจารย์กรุณาบอกกับผู้ปฏิบัติธรรมให้แผ่เมตตาจิตถึงเพื่อนเราคนนี้   ซึ่งเราขอให้ท่านช่วยแผ่สองวัน คือวันสุดท้่ายที่เราปฏิบัติธรรม และวันที่เรากลับถึงบ้านแล้วอีกวันหนึ่ง

พอเรากลับถึงบ้าน  เราจึงเมลไปหาเพื่อนคนนี้  บอกให้เค้าเตรียมตัวเลยนะ  ว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้  ๆ เกิดขึ้นกับเค้า  ถ้าเค้าได้รับน่ะ  ไม่ได้มาจากใครหรอก  ฝีมือเราเอง  

เราเขียนเมลไป  ใจก็ตุ้ัม ๆ ต่อม ๆ ว่า จะสำเร็จหรือเปล่า  แต่เรา็ก็ยังตามอ่านความรู้สึกเพื่อนคนนี้อยู่  ทั้งที่อยู่คนละที่กัน  


ผลปรากฎว่า  . . .

ในคืนของวันที่ 9 ที่ผ่านมา ประมาณสามทุ่ม  เรานั่งทำอะไรเพลิน ๆ อยู่  จิตของเราก็ได้รับความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า  มีใครคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่ตัวเรากำลังอบอุ่นมาก

เค้าทั้งอบอุ่น  แต่ในใจก็เหมือนเค้าแปลกใจ  และเอะใจมาที่เรา สิ่งที่เราอ่านได้ก็คือ เค้าโมโหเล็ก ๆ ว่ามีความรู้สึกบางอย่างที่แรง ไม่ใช่แรงธรรมดา  แต่แรงจนล้น เป็นกระแสของจิตที่ส่งความรักบริสุทธิ์จากเมตตาจิตส่งไปให้กับเค้า   เค้าโมโหเราเพียงไม่กี่วินาที  แต่จากนั้น จิตของเค้าเปลี่ยน   จากที่เรารับรู้ได้ว่า เค้ากินยา เค้าโมโห  เป็นวัน ๆ   เมื่อวาน  เรารับความเครียดของเค้าได้เพียง ไม่กี่วินาที  จากวินาทีนั้นถึงเวลานี้  ทุกอย่าง เงียบสนิท  เราคิดว่า  เพื่อนเราคงได้อ่านเมล และโมโหเรา คิดว่าเราคงสติไม่ดีเขียนไป  แต่พอเจอกับตัวเองจริง ๆ ตามคำพูดของเรา  คงพูดไม่ออก  เพราะเค้าเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้   แต่โดนเขียนเมลไปบอกว่า จะได้เห็นกับตัวเอง  และได้รับกระแสนั้นจริง ๆ วันนี้เค้าเงียบและเหมือนคนตกใจ อึ้ง พูดไม่ออก  สิ่งหนึ่งคือคงอึ้งเราด้วย ว่าเราทำอะไร  ทำได้ยังไง  ที่จริงไม่ใช่้เราหรอกค่ะ  ผู้ปฏิบัติธรรมสี่สิบห้าสิบคนต่างหากและพระภิกษุ  ที่ทำให้เค้าได้เปลี่ยน


วันนี้เพื่อนของเราเปลี่ยนแล้วค่ะ  เปลี่ยนเพราะกระแสจิต  เค้าคงคิดว่าเราทำเวทมนต์อะไรสักอย่างใส่เค้า  กำลังซ่าส์ ๆ อยู่ โมโหอยู่   เวลานี้เค้าเงียบไปเลย  

เราเขียนเมลบอกเค้าว่า  เป็นการแผ่เมตตาจิต  วันนี้เค้าคงเจอกับตัวเอง ว่าเราพูึดถึงอะไร  


เรื่องสุดท้่ายที่เราเล่านี้ เป็นเหตุผลหลัก  ที่เราอยากขอให้ทุกท่าน  ร่วมกันในกระทู้นี้  ทดสอบกระแสของเมตตาจิตกันค่ะ  เพื่อนสมาชิกท่านใดที่สนใจ  ลงชื่อในกระทู้นี้ได้เลยค่ะ กำหนดการ แผ่เมตตาและทดสอบพร้อมกัน วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ คือในวันพรุ่งนี้  เวลาหกโมงเย็นตรงค่ะ (แต่หากยังได้อาสาสมัครไม่ครบ 9 คน และผู้ทดลองอีก 1 คน อาจจะมีการเลื่อนเวลาออกไปค่ะ)


ขอลงชื่อเป็นคนแรกในการแผ่เมตตาครั้งนี้ค่ะ

จากคุณ : Serene_Angelic [Bloggang]
เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 11:21:29 [แก้ไข]

จากคุณ : venture
เขียนเมื่อ : 11 ก.พ. 55 12:04:42




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com