ความคิดเห็นที่ 1 .... จากคุณ : backsubport เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 20:08:06

ความคิดเห็นที่ 2 Browning M2 ปืน M2 ออกแบบโดยจอน บราวนิ่งตั้งแต่ช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 โดยปรับปรุงจากปืน M1917 ของตัวเขาเอง แต่เดิมนั้นปืน M1917 ใช้กระสุนขนาด .30-06 เธอตี้-โอ-ซิกส์ ขนาดเดียวกับ M1Garand นั่นแหละ แต่สมัยนั้นยานเกราะเริ่มเข้ามามีบทบาท แถมเครื่องบินก็เริ่มเข้าสู่สงคราม กระสุนเดิมคือ .30-06 เริ่มไม่มีพิษสง บราวนิ่ง จึงได้เสนอให้ขยายแบบทั้งปืนและกระสุนใหม่ เพื่อต่อตีต่อยานเกราะและเครื่องบิน โดย บราวนิ่ง รับหน้าที่ออกแบบปืน ส่วนกระสุน วินเชสเตอร์และแฟรงค์ฟอร์ดรับหน้าที่พัฒนากระสุน แต่ปืนใหม่กระสุนใหญ่กว่าเดิม การยิงต่อเนื่องจำนวนมาก ทำให้ลำกล้องร้อนแดงจ้า ทำให้กระสุนลั่นเองจนเป็นอันตราย บราวนิ่ง ได้แก้ปัญหาโดยใส่หม้อน้ำหุ้มกระบอกปืนไว้(เหมือนกับ M1917) แต่ปัญหาที่ตามมาก็คือ น้ำหนักที่มหาศาลร่วม ๆ 100 กก. ของมันทำให้กองทัพสหรัฐปฎิเสธที่จะรับเข้าประจำการ บราวนิ่ง ต้องรอต่อไป จนในปี 1926 จอน บราวนิ่ง ก็ได้เสียชีวิตก่อนที่ปืนกลหนักต่อสู้อากาศยานจะได้เข้าประจำการในกองทัพ Dr. S.H. Green ได้สานต่อและพัฒนา ต่อโดยการลดน้ำหนักปืนนั้นง่าย ๆ คือเอาหม้อน้ำออกไปซะ M1921 (with Water Cooler) แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 55 20:27:46 จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 20:18:48

ความคิดเห็นที่ 3 หลังจากการจากไปของ จอน บราวนิ่ง และ Dr. S.H. Green เข้ามารับหน้าที่แทน ดร.กรีน ใช้เวลา 5 ปี ทำการพัฒนาโดยทำการเพิ่มความหนาของลำกล้องและติดชุดระบายความร้อนด้วยอากาศ ปืน M1921 ที่ปราศจากหม้อน้ำระบายความร้อนก็ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น  M2 Heavy Barrel และทางกองทัพสหรัฐได้รับเข้าประจำการในปี 1933 ในหน้าที่ปืนกลต่อสู้อากาศยาน ที่ติดตั้งทั้งบนเครื่องบิน เรือ รถถัง อำนาจการยิงมหาศาลของมันนับแต่วันเข้าประจำการในปี 1933 จนถึงปี 2012 เป็นเวลาร่วม ๆ 80 ปีแล้ว มันยังประจำการอยู่ในกองทัพต่าง ๆ กว่าครึ่งโลก นับแต่เข้าประจำการมันได้พัฒนาน้อยมาก (มาพัฒนาเพิ่มเติมไม่ถึง 10 ปีมานี้เอง) M2HB หรือ M2 Browning จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 20:26:47

ความคิดเห็นที่ 4 เด็กๆ ดูหนังทีวีชุดสิงห์ทะเลทราย ชอบมากๆ น่าจะเป็น Browning M2 นี่ละมังครับ จากคุณ : ha ha yee เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 20:31:11

ความคิดเห็นที่ 5 อ่านทีแรกคิดถึงโฆษณาสี 20 ปี แล้วยังดูดีอยู่เลย .. คุณปุ๊ก จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 20:47:44

ความคิดเห็นที่ 6 M14 rifle นับแต่ช่วงสงครามเกาหลีที่กองทัพสหรัฐต้องเจอกับกองทัพคลื่นมนุษย์ของฝ่ายสังคมนิยม ที่มีจำนวนมาก มากจนยิงไม่ทัน ทำให้ฝ่ายสหรัฐสูญเสียอย่างหนัก ปืน BAR ที่มีอยู่ก็หนักเกินไป M1 Garand ก็ยิงช้าเกินไป ฝ่ายสหรัฐต้องการปืนใหม่ที่เบาเท่า M1Garand แต่ยิงเร็วเท่า  BAR แต่สงครามเกาหลีก็จบลงไปเสียก่อน ทางฝ่ายสหรัฐยังไม่ทิ้งความคิดนี้ กองทัพสหรัฐจึงได้พัฒนาปืนต่อไป จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 20:51:44

ความคิดเห็นที่ 7 ต่อไปคงเป็น เจ้าคุณปู่ M1911 จากคุณ : papikasoda เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 20:52:03 A:171.97.138.111 X: TicketID:332523

ความคิดเห็นที่ 8 ต้นแบบของ M14 พัฒนามาปืน M1 garand ปรับแต่งให้ซองกระสุนขนาด 20 นัด ของ BAR และสามารถปรับความเร็วในการยิงเป็น อัตโนมัติ-กึ่งอัตโนมัติได้ แต่มันก็มีน้ำหนักมากอยู่ดี ซึ่งนั่นไม่เป็นปัญหาด้วยอัตรายิงที่สูง-แม่นยำ กองทัพบอกว่าใช้ไปก่อน M1 Garand+BAR MAGAZINE จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 21:10:04

ความคิดเห็นที่ 9 นี้สิเทคโนโลยีทหารรอมานาน ช่วงนี้เจอแต่ซีล จากคุณ : เขียนบน3310 (TheSmileOhho) เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 21:12:06

ความคิดเห็นที่ 10 ด้วยน้ำหนักที่มากและซองกระสุนที่บรรจุเพียง 20 นัด เมื่อเจอกับ AK-47 ในสงครามเวียดนาม ก็ทำให้อายุการประจำการของมันสั้นลงมากและต้องถอยให้ M16 ที่เบากว่าอัตรายิงสูงกว่าบรรจุกระสุนมากกว่า แต่ด้วยการออกแบบการวางลำกล้อง-ระบบปฎิบัติการที่ดีก็พิสูจน์ว่ากองทัพใช้งานมันผิดหน้าที่ไปหน่อย M21 พัฒนามาจากปืน M14 "battle rifle" ต่างกันเพียง M21 ยิงได้แต่โหมด Semi เท่านั้น M21 ได้ทำการติดตั้งกล้องเล็งมาตรฐาน ขาหยั่ง ลดน้ำหนักลงด้วยการนำไฟเบอร์กลาสมาเป็นส่วนประกอบ ส่วนอื่น ๆ ยังใ้ช้แบบเดิม M14 แม้จะทำการปรับปรุง ปรับแต่งไปมากเพียงไร ระบบควบคุมการยิง M14NM ก็ยังได้รับความนิยม โดยระบบทั้งหมดติดตั้งอยู่ด้วยกันแยกจากโครงปืนชัดเจน ทำให้มีความแม่นยำสูงมาก ระบบลูกสูบแก้สลดการติดขัดของระบบ ก็ให้ความน่าเชื่อถือมาก จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 21:16:59

ความคิดเห็นที่ 11 จากไรเฟิลจู่โจม กลายมาเป็นไรเฟิลซุ่มยิงซะงั้น แล้วใช้งานได้ดีซะด้วย ผมขอ b52 กับชินุกด้วยนะครับ(มันจะเข้าเกณฑ์ป่ะเนี่ย) แก้ไขเมื่อ 12 ก.พ. 55 21:37:35 จากคุณ : deletenumlock เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 21:36:10

ความคิดเห็นที่ 12 FN MAG ปืน M1918  Browning  automatic rifle (BAR) เป็นปืนที่ใคร ๆ ก็ขยาด นำหนักมาก กระสุนหมดไว แรงถีบมหาศาล วิ่ง ๆ ไปดีไม่ดีซองกระสุนหายกลางทางซะอย่างนั้น กองทัพสหรัฐประจำการอยู่นานถึง 32 ปีจึงปลดประจำการช่วงสงครามเวียดนามนี่เอง จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 21:46:05

ความคิดเห็นที่ 13 ซุ้มยิง จากคุณ : ลิงป่า เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 22:02:01

ความคิดเห็นที่ 14 ระบบ Mechanism อันยอดเยี่ยมของ BAR ทำให้ Fabrique Nationale (FN) ประเทศเบลเยี่ยมสนใจ แต่หน้าที่ของมันแตกต่างออกไปจากปืนยาวอัตโนมัติสู่ปืนกลเบาเต็มตัว FN ได้นำเอาระบบป้อนกระสุนและไก ใน MG42 มาติดตั้งให้กับ BAR ทำให้สามารถบรรจุกระสุนได้มากขึ้นกว่าเดิม (ให้สมกับเป็นปืนกลหน่อย) FN MAG ประจำการมาตั้งแต่ปี 1950 จนถึงปัจจุบันก็ราว ๆ 60 ปี ในกว่า 50 ประเทศทั่วโลกรวมทั้งไทยแลนด์เราด้วย จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 22:19:05

ความคิดเห็นที่ 15 ขอ 1911 ด้วยนะก๊าบบ จากคุณ : sambayman เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 22:30:14

ความคิดเห็นที่ 16 M1911 ติดไว้พรุ่งนี้ครับ ตอนนี้หนีไปนอนละ จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 12 ก.พ. 55 22:36:17

ความคิดเห็นที่ 17 ขอค่ายรัสเซีย/โซเวียตด้วยนะครับ พี่ฟักทอง จากคุณ : papikasoda เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:56:50 A:124.122.59.52 X: TicketID:332523

ความคิดเห็นที่ 18 DShK 1938 ( Degtyaryova-Shpagina Krupnokaliberny, 'Degtyaryov-Shpagin Large-Calibre') ปืนกลหนักอีกแบบหนึ่งที่เกิดตามแบบ Browning M2 ที่ออกแบบมาเพื่อให้ทหารราบอาุวุธเบา และรถถังมีอาวุธที่ำพอจะจัดการกับเครื่องบินที่เริ่มเข้ามาเป็นภัยคุกคามตั้้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 1 DShK มีแบบแผนมาจากปืน M1910 Maxim (ง่าย ๆ คือขยายแบบมาใช้กระสุนใหญ่กว่านั่นแหละครับ) เดิมเจ้า M1910 นี่อยู่ค่ายโลกเสรีนั่นแหละแต่ตอนที่ Hiram  Maxim ลากไปเสนอใคร ๆ ก็ไม่มีใครเอา สุดท้ายไปโดนใจจักรวรรดิรัสเซียเข้าก็เลยใช้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในฝ่ายรัสเซียแทน(เป็นยังงั้นไป) ความต้องการที่จะหาปืนที่มีอานุภาพที่จะป้องกันภัยทางอากาศได้ Vasily Degtyaryov จึงได้ทำการขยายแบบ M1910 จากเดิมที่ใช้กระสุนขนาด 7.62 มาใช้ 12.7x108 ถอดหม้อน้ำออก เพิ่มความหนาลำกล้อง ทำเกลียวบาง ๆ รอบลำกล้องเพื่อระบายความร้อนด้วยอากาศ ใช้ชื่อว่า Degtyaryov, Krupnokalibernyi  หรือ DK แต่ระบบป้อนกระสุนแบบดรัม(Drum) เพียง 30 นัด นั้นน้อยเกินไปทำให้ต้องเสียเวลาในการบรรจุบ่อย ๆ ปืนชนิดนี้จึงได้รับการผลิตจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น DK แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 19:00:56 จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 18:53:38

ความคิดเห็นที่ 19 ในปี 1938 Georgi Shpagin ได้เข้ามาออกแบบระบบป้อนกระสุนแบบสายกระสุน 50 นัด การเปลี่ยนระบบบรรจุกระสุนใหม่ทำให้การบรรจุเร็วขึ้นกว่าเดิมกองทัพรัสเซียได้นำเข้าประจำการ ในชื่อ DShK 1938/46 หรือ  DShKM  (Degtyaryova-Shpagina Krupnokaliberny Modernized) DShK นับแต่เข้าประจำการในปี 1938 เรียกได้ว่าแทบไม่เปลี่ยนแปลงเลย และยังมีใช้งานในค่ายสังคมนิยม(และอดีตสังคมนิยม)ทั้งหลายแหล่จนถึงปัจจุบัน DShK (เมื่อถอดล้อและโล่ออกจะสามารถตั้งปืนโครงรถที่แปลงเป็นขาหยั่ง 3 ขาเพื่อใช้งานเป็น ปตอ.ได้) จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 18:59:03

ความคิดเห็นที่ 20 ปูเสื่อรอ จากคุณ : เขียนบน3310 (TheSmileOhho) เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 19:23:30

ความคิดเห็นที่ 21 อ่านหัวข้อนึกว่า ไดเำกียว จากคุณ : บุรี เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 21:39:07