ความคิดเห็นที่ 1 "ยาไอซ์/ยาบ้า" คืออะไร? เป็นสารกระตุ้นประสาทในกลุ่ม แอมเฟตามีน Amphetamine เป็นชื่อวิทยาศาสตร์ของ "ยาบ้า" Methamphetamine เป็นชื่อวิทยาศาสตร์ของ "ยาไอซ์" แรกเริ่มเดิมที Amphetamine ถูกสังเคราะห์ขึ้นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1887 (ประมาณ 125 ปีก่อน) ส่วน Methamphetamine นั้นสังเคราะห์ได้ต่อมาในปีค.ศ.1893 (หลังจาก Amphetamine 6 ปี) โดยนักเคมีชื่อ Nagai Nagayoshi ต่อมาในปีค.ศ.1919 เภสัชกรชื่อ Akira Ogata เป็นผู้สังเคราะห์ Crystal Methamphetamine หรือเมทแอมเฟตามีนในรูปผลึกใสขึ้นเป็นครั้งแรก โดยใช้สารตั้งต้นที่ใช้สังเคราะห์คือ "Ephedrine" (ซึ่งเป็นส่วนประกอบของยาแก้คัดจมูกหลายๆยี่ห้อเช่น แอคติเฟด ฯลฯ) ทำปฏิกิริยากับ ฟอสฟอรัสและไอโอดีน ถึงแม้ว่าการสังเคราะห์ Methamphetamine จะใช้สารเคมีน้อยตัว แต่ปฏิกิริยาของมันรุนแรงและอันตราย จึงต้องทำในแล็บโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:29:23

ความคิดเห็นที่ 2 ในตอนแรก Methamphetamine และ Amphetamine ถูกใช้เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคพาร์คินสัน รักษาเด็กที่มีภาวะสมาธิสั้น(ADHD) รักษาอาการซึมเศร้า โดยยังไม่มีใครรู้ว่ามันมีฤทธิ์ข้างเคียงที่น่ากลัว หนึ่งในนั้นคือมันทำให้ "เสพติด" ได้ ต่อมาเมื่อมีการศึกษาเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับ Meth ทำให้รู้ถึงผลข้างเคียงที่อันตรายของมัน จึงประกาศให้เป็นยาที่ต้องควบคุมพิเศษ และเป็นสิ่งผิดกฎหมายเมื่อใช้ในทางที่ผิด ในปัจจุบันมี Methamphetamine ในรูปยาเม็ด ตัวอย่างเช่น ยา desoxyn เพื่อใช้รักษาผู้ป่วยโรคสมาธิสั้น(ADHD) แต่อย่าได้คิดว่าจะไปหาซื้อยานี้ตามร้านขายยาเชียวนะ เพราะไม่มีขายแน่นอน ตามโรงพยาบาลหลายๆแห่งก็ไม่มีด้วยซ้ำ เพราะยาที่ว่านี้จะต้องจ่ายให้โดยจิตแพทย์ ในโรงพยาบาลที่มีแผนกจิตเวชเฉพาะเท่านั้น และปัจจุบันยาแก้คัดจมูกที่มีส่วนประกอบของ Pseudoephedrine หรือ Ephedrine ซึ่งสามารถนำไปเป็นหัวเชื้อผลิตยาบ้า/ยาไอซ์ได้นั้น ไม่มีขายตามร้านขายยาทั่วไปแล้ว ต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่ายให้เท่านั้น และการครอบครองยาแก้คัดจมูกสูตรที่มี Pseudoephedrine หรือ Epedrine ในปริมาณมากๆ โดยไม่ได้รับการอนุญาตอย่างถูกกฎหมาย ถือเป็นความผิดทางอาญา แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 13:41:58 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:48:33 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:30:52

ความคิดเห็นที่ 3 ยาบ้ากับยาไอซ์ ต่างกันอย่างไร? พูดให้เข้าใจง่ายๆคือ"ยาไอซ์" คือ Methamphetamine ที่มีความบริสุทธิ์สูง (คือมันมีการปนเปื้อนของสารอื่นๆน้อย) และเนื่องจากมันมีความบริสุทธิ์สูง จึงออกฤทธิ์ได้รุนแรงและอันตรายกว่ายาบ้าในแง่ของ "การทำให้เสพติด" (จขกท.เคยอ่านเจอว่ารุนแรงกว่ายาบ้า 8 เท่า) ส่วน "ยาบ้า" นั้นคือ Methamphetamine  ที่มีการผสมสารเคมีต่างๆ เช่น คาเฟอีน, กลิ่น, สี, ยาฆ่าแมลง ฯลฯ ตามแต่แหล่งผลิต ฤทธิ์ของยาบ้ารุนแรงน้อยกว่าเมื่อเทียบกับยาไอซ์ แต่อันตรายของมันมาจากสารเคมีต่างๆที่ถูกผสมเข้าไปในยา ทำให้ผู้ใช้สุขภาพร่างกายทรุดโทรมเห็นได้ชัดเจนกว่าผู้ใช้ยาไอซ์ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 14:10:38 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:58:51 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:32:02

ความคิดเห็นที่ 4 เมื่อเสพเข้าไปแล้วเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายบ้าง? ออกฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง หรือก็คือ"สมอง"นั่นเอง  ทำให้ร่างกายตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา (ไม่ง่วงนอน ทำงานได้ทั้งวันทั้งคืน 24 ชม.โดยไม่มีอาการเหนื่อยล้า) เพิ่มการหลั่งโดปามีน (Dopamine) ทำให้ผู้เสพรู้สึกเคลิบเคลิ้ม สบายใจ หายเครียด มีสมาธิจดจ่อกับอะไรสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้นานเป็นพิเศษ ทำให้รู้สึกมั่นใจในตัวเอง(ซึ่งเป็นความรู้สึกลวงๆที่สร้างขึ้นอย่างผิดธรรมชาติ) กดการทำงานของสมองส่วนคิด กระตุ้นการทำงานของสมองส่วนอยากและส่วนที่ควบคุมด้านอารมณ์-ศิลปะ ทำให้ผู้เสพมักมีโลกส่วนตัวสูง ลดความอยากอาหาร(เพราะไปกดศูนย์อยากอาหารในสมอง ทำให้มีหลายคนที่ใช้ยาเพื่อลดความอ้วน ซึ่งเป็นวิธีที่ผิดมหันต์) เพิ่มอารมณ์ทางเพศ ทำให้มีความต้องการทางเพศมากกว่าปกติ (ทำให้หลายคนใช้เพื่อเพิ่มความสุขทางเพศ) เพิ่มความดันโลหิตและทำให้หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ (ส่วนมากชีพจรจะเต้นเร็วกว่าปกติ) ในรายที่สูบบุหรี่ จะทำให้อยากบุหรี่มากขึ้นกว่าปกติมาก ทำให้ส่งผลเสียต่อร่างกายมากเป็น 2 เท่า ทำให้ม่านตาขยาย (ทำให้ไม่กล้าสู้แสงจึงมักเห็นผู้ใช้ยาใส่แว่นกันแดด) การควบคุมอุณหภูมิในร่างกายผิดปกติ (เหงื่ออกง่าย ร้อนๆหนาวๆ ส่วนมากจะต้องเสพในห้องแอร์เพราะพอเหงื่ออกมากๆ แล้วจะทำให้ฤทธิ์ยาหมดเร็วขึ้น เนื่องมาจากต้องดื่มน้ำในปริมาณมากทำให้ปัสสาวะบ่อย ซึ่งสาร Methamphetamine จะถูกทำลายและขับออกที่ไต) การตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่น ทำให้เกิดข้อผิดพลาดได้ง่าย (เช่นการขับรถ) การควบคุมอารมณ์และการใช้เหตุผลลดลงเพราะสมองส่วนคิดถูกกด และเมื่อใช้ไปนานๆ สมองส่วนคิดที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับสติปัญญา การใช้เหตุผลถูกทำลาย กลายเป็นคนป่วยทางจิต สุขภาพช่องปากย่ำแย่ (เรียกว่า "Meth-Mouth") แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 12:24:57 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:33:42

ความคิดเห็นที่ 5 เสพยังไง? ประมาณ 83%จะใช้วิธีสูบควันเข้าปอดโดยตรง โดยผ่านอุปกรณ์ลักษณะคล้ายบ้องกัญชาแต่มีรูปร่างและขนาดเล็กกว่า 21% ใช้วิธีสูดผงยาเข้าทางรูจมูก (แบบยานัตถุ์) 14% ใช้วิธีการฉีดเข้าเส้นเลือด สำหรับอุปกรณ์การเสพ ผู้เสพมักจะประดิษฐ์ขึ้นเอง แต่สามารถหาซื้อได้ง่ายมากๆ ตามสถานที่ที่คุณคิดไม่ถึงในกรุงเทพ เช่น ตะวันนา, ตลาดห้วยขวาง, สีลม ขายกันแบบโจ๋งครึ่งริมฟุตบาทเลยครับ โดยแต่ละวิธีจะทำให้ได้รับยาในปริมาณที่ไม่เท่ากัน หากคิดเป็นเปอร์เซ็นต์จะได้ดังนี้ การฉีด จะได้ยา100% การสูบควัน จะได้ยาประมาณ 90.3% การสูดผงยาเข้าทางรูจมูก จะได้ประมาณ 79% การเหน็บทางทวารหนักจะได้ประมาณ 99% การกิน จะได้ประมาณ 62.7% จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:34:59

ความคิดเห็นที่ 6 รูปอุปกรณ์การเสพ (นิยมเรียกว่า "โจ๋") ถ้าเห็นอุปกรณ์คล้ายๆในรูป หน้าตาแปลกๆ ในห้องลูกหลานก็ให้สงสัยไว้ได้เลยครับ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 14:11:07 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:35:50

ความคิดเห็นที่ 7 จากกราฟจะเห็นว่าผู้เสพนิยมเสพโดยการสูบควันมากที่สุด จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:36:15

ความคิดเห็นที่ 8 ราคาแพงมั้ย? ตามราคาขายปลีกทั่วไป ยาไอซ์  กรัม (g.) ละ  3,000 บาท ยาบ้า เม็ดละ  200 บาท ถ้านึกภาพไม่ออกว่า 1 กรัมมันมีปริมาณขนาดไหน ให้คุณนึกถึงภาพยาเม็ดพาราเซตามอลที่เรากินกัน ps - ขอบคุณข้อมูลของคุณ J_Online คคห.139 ครับ ยาพาราเซตามอลทั่วไป 1 เม็ด  เท่ากับ  500 มิลลิกรัม หรือ   0.5 กรัม.(g.)   2 เม็ด  เท่ากับ  1,000 มิลลิกรัม หรือ  1  กรัม (g.) ปริมาณของยาไอซ์  1  กรัมเท่ากับยาพาราเซตามอล 2 เม็ด แต่ในความเป็นจริงจะนับน้ำหนักของซองพลาสติกที่ใช้บรรจุเข้าไปด้วย ซึ่งซองซิปล็อก (Zip Lock) หรือซองยาขนาดเล็ก น้ำหนักประมาณ 0.4-0.6 กรัม (g,) เพราะฉะนั้นก็จะเหลือน้ำหนักของยาไอซ์จริงๆ ก็แค่ 0.4 - 0.6 กรัม ต่อซองเท่านั้น (ประมาณยาพาราเซตามอล 1 เม็ด) ซึ่งผู้ค้ายาเค้าจะใช้เครื่องชั่งอย่างใน คคห.139 ชั่งกันเป๊ะๆเลยครับ แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าคุณซื้อยาจากร้านไหน ขออนุญาตยกตัวอย่างเปรียบเทียบ เช่นถ้าเปรียบตัวเราเป็นลูกค้าธรรมดา ก็จะไปซื้อยากับผู้ขายรายย่อย ที่เปรียบเป็นร้านโชว์ห่วย แล้วร้านโชว์ห่วยก็จะไปซื้อยามาจากผู้ค้าส่งอีกที ผู้ค้าส่งก็เปรียบเหมือนห้างค้าปลีกขนาดใหญ่-เล็กตามแต่รายๆไป เช่น แมคโคร,โลตัส ร้านก็จะได้ราคาถูกลงกว่าที่เราซื้อ ส่วนร้านค้าปลีกรายใหญ่ก็อาจจะไปรับมาจากโรงงานผลิตอีกที ซึ่งราคาก็จะยิ่งถูกลงไปอีก ปกติยาไอซ์ 1 กรัมจะสามารถใช้ต่อคนได้ประมาณ 3-5 วัน ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายทนหรือดื้อยามากแค่ไหน แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 55 12:28:26 แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 55 12:27:04 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 13:08:03 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:37:42

ความคิดเห็นที่ 9 ออกฤทธิ์นานแค่ไหน? Methamphetamine มีค่าครึ่งชีวิตอยู่ที่ 9-12 ชม. นั่นหมายความว่าเมื่อผ่าน 9-12 ชม. ผู้เสพจะต้องใช้ยา (เรียกว่า"เติม")เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ต่อเนื่อง แต่โดยมากมักจะไม่ถึง 9-12 ชม. ก็ "เติม" ยากันแล้ว (เฉลี่ย 3-4 ชม. ครั้ง) ส่วน Amphetamine มีค่าครึ่งชีวิตอยู่ที่ 12-13 ชม. แล้วแต่ว่ายานั้นผสมอะไรลงไปบ้าง จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:38:33

ความคิดเห็นที่ 10 เสพติดได้อย่างไร ? ถึงตรงนี้จะมีศัพท์เฉพาะทางการแพทย์และศัพท์เฉพาะทางวิทยาศาสตร์อยู่ต่อนข้างมาก จขกท.เองก็จะขออธิบายเฉพาะคำที่เข้าใจความหมาย ส่วนคำไหนที่จขกท.ไม่ทราบความหมาย ขออนุญาตใส่มาเป็นคำภาษาอังกฤษนะครับ “ฤทธิเสพติด” สารที่ทำให้เกิดการเสพติดได้นั้นต้องมีคุณสมบัติเฉพาะที่เรียกว่า reinforcing property ซึ่งหมายถึง การที่สารดังกล่าวสามารถทำให้ผู้เสพเกิดความต้องการใช้ซ้ำอีก หรือใช้อย่างต่อเนื่อง การทดสอบคุณสมบัติดังกล่าวของยาหรือสารจะอาศัยการทดลองในสัตว์ (animal self-administration) โดยวิธีซึ่งเป็นที่ยอมรับกันคือ การสอด catheter เข้าไปในเส้นเลือดดำของสัตว์ทดลอง ปลายอีกข้างของ catheter จะต่อเข้ากับ pump และที่บรรจุสารที่ต้องการศึกษา สัตว์จะถูกฝึกให้เรียนรู้ว่าการกดแป้นหรือสวิทช์จะเป็นการฉีดสารทดลองเข้าสู่ตัวเอง การที่สัตว์ซึ่งถูกฝึกแล้วเลือกฉีดสารชนิดใดเข้าสู่ตัวเองโดยสมัครใจ ถือว่าสารดังกล่าวทำให้เกิด self-administration และจะถูกจัดเป็นสารที่ทำให้เกิดการเสพติดได้ ในการอธิบายว่าสารเสพย์ติดทำให้เกิด self-administration ในสัตว์ หรือการใช้อย่างต่อเนื่องในมนุษย์ได้อย่างไรนั้น หากพิจารณาในแง่คุณสมบัติทางเภสัชวิทยาของสารเสพย์ติดแต่ละชนิด เช่น opiates ลดอาการปวดและทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ (mood) โดยการกระตุ้น opioid receptors ในสมอง ในขณะที่ amphetamine (ยาบ้า/ยาไอซ์)  กระตุ้นให้มีระดับ dopamine และ norepinephrine เพิ่มขึ้นในบริเวณ synapse  ทำให้เกิดการกระตุ้นอารมณ์ และ ความตื่นตัว (arousal) สำหรับ ethanol (สุรา) นั้นทำให้มีการเปลี่ยนแปลงใน การทำงานของ GABAA และ NMDA - glutamate receptor เป็นผลให้เกิดการผ่อนคลายและการเปลี่ยนแปลงของอารมณ์ ในภาวะ intoxication ส่วนฤทธิ์หลอนประสาทของ MDMA (ecstasy หรือ ยา “E”) เป็นผลจากการเพิ่มปริมาณ serotonin ในสมอง แต่ใน ketamine (ยา “K”) นั้นเป็นผลจากคุณสมบัติ NMDA receptor antagonist ใน cortex และ limbic system   ซึ่งจะเห็นได้ว่า สารเสพย์ติดชนิดต่าง ๆ มีกลไกการออกฤทธิ์ต่อสมองที่มีลักษณะหลากหลาย แต่ทุกตัวทำให้เกิดการเสพติดได้เหมือนกัน จากเหตุผลดังกล่าวนี้ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานตามมาว่า สารเสพย์ติดทั้งหลายน่าจะมีลักษณะ ร่วมกันบางประการ โดยมีการออกฤทธิ์ต่อสมองหรือการทำงานของสมองส่วนใดส่วนหนึ่ง โดยที่สมองส่วนดังกล่าวมีการทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเสพติดโดยเฉพาะ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 06:41:09 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:40:55

ความคิดเห็นที่ 11 วิดีโออธิบายกลไกการเสพติด จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:42:23

ความคิดเห็นที่ 12 Brain reward circuit คืออะไร? ในการทำ intracranial self stimulation ในสัตว์ทดลองโดยการฝัง electrode ลงไปในสมองของสัตว์ และฝึกให้สัตว์ดังกล่าวเรียนรู้ว่าการกดสวิทช์จะเป็นการปล่อยกระแสไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นสมองตัวเองนั้น พบว่ามีสมองบางส่วนเมื่อถูกกระตุ้นด้วยไฟฟ้าแล้วทำให้สัตว์ทดลองเกิดความพอใจและกระตุ้นสมองตัวเองซ้ำ ซึ่งการศึกษาดังกล่าวในมนุษย์โดย Heath ในปี 1964 ให้ผลตรงกัน โดยผู้ถูกทดลองบรรยายความรู้สึกว่าการกระตุ้นสมองดังกล่าวทำให้เกิด euphoria (ความรู้สึกเคลิบเคลิ้ม/เคลิ้มสุข) ขึ้น ผลการศึกษาในช่วง 15 ปีต่อมาระบุว่า สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับ intracranial self stimulation คือ mesolimbic dopamine system ซึ่งประกอบด้วย nuclei และ neural fibers (projections) ที่เชื่อมระหว่าง brain stem กับ cortex ได้แก่ ventral tegmental area, nucleus accumbens, prefrontal cortex ฯลฯ และเรียกสมองส่วนนี้ว่า brain reward circuit หรือ pleasure centers โดยมี dopamine เป็นกลไกการทำงานที่สำคัญ ทำให้ได้ข้อสรุปว่า mesolimbic dopamine system หรือ brain reward circuit เป็นส่วนของสมองที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับ reinforcing property ของสารเสพย์ติด ซึ่งทำให้ผู้เสพเกิดความพอใจ หรือภาวะ “ high “ และมีความต้องการใช้ซ้ำอีก ซึ่งนำไปสู่การติดสารเสพย์ติดในที่สุด จากกราฟแสดงให้เห็นว่าผู้เสพต้องเพิ่มปริมาณยาในการเสพต่อครั้งมากขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากการดื้อยาหรือทนยาของร่างกายที่มีการปรับตัว 98% ต้องเพิ่มปริมาณยามากขึ้นเรื่อยๆ 2% ไม่มีการเปลี่ยนแปลง จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:44:28

ความคิดเห็นที่ 13 โดปามีน (Dopamine) คืออะไร? จะเห็นว่าตามรายละเอียดด้านบนจะมีชื่อ "โดปามีน" ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทชนิดหนึ่งที่ร่างกายสร้างขึ้นเป็นพระเอก แล้วโดปามีนคืออะไรล่ะ? โดปามีนเกี่ยวข้องกับกลไกหลายอย่างในสมอง   เช่น กระตุ้นสมองรับรู้ความพึงพอใจ สารเสพติดที่กระตุ้นโดปามีนได้แก่ ยาบ้า ยาไอซ์ โคเคน ฝิ่น เฮโรอิน รวมทั้งแอลกอฮอล์ และนิโคตินในบุหรี่ด้วย การใช้ยาเสพติดจะมีผลต่อสมอง 2 ส่วนคือ สมองส่วนนอกที่เป็นส่วนคิด และสมองส่วนที่อยู่ชั้นในซึ่งเป็นส่วนเกี่ยวข้องกับอารมณ์ และความอยาก     สมองส่วนคิดทำหน้าที่ควบคุมสติปัญญาใช้ความคิดแบบมีเหตุผล ขณะที่สมองส่วนความอยาก เป็นศูนย์ควบคุมอารมณ์ ความรู้สึก     ยาเสพติดจะกระตุ้นปลายประสาทในสมองให้หลั่งสารโดปามีน ซึ่งเป็นสารเคมีชนิดหนึ่งออกมาเป็นปริมาณมาก สารนี้ทำให้เกิดความรู้สึกสบาย เมื่อมีการกระตุ้นซ้ำๆบ่อยครั้งอย่างผิดธรรมชาติ สมองจึงมีการปรับตัวด้วยการลดการหลั่งสารเคมีนั้นลง เมื่อหมดฤทธิ์ยาเสพติด จึงเสมือนว่าร่างกายมีอาการขาดสารโดปามีน ทำให้มีอาการหงุดหงิด หรือซึมเศร้า ส่งผลให้ผู้เสพยาพยายามแสวงหายามาใช้ซ้ำ ในขณะเดียวกันเมื่อใช้ยาเสพติดบ่อยๆ จะทำให้สมองส่วนคิดถูกทำลาย การใช้ความคิดที่เป็นเหตุเป็นผลจะเสียไป ผู้ที่ใช้ยาเสพติดจึงมักแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมมีอารมณ์ก้าวร้าว หงุดหงิด ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ จึงทำให้มีการใช้ยาเสพติดบ่อยขึ้น ผลสุดท้ายจะเกิดความสูญเสียอย่างรุนแรงในด้านต่างๆ ของชีวิต ผู้เสพไม่สามารถควบคุมตนเองได้ด้วยสติปัญญา หรือความคิดและทำให้มีอาการทางจิต และสามารถเป็นโรคจิตเต็มขั้นได้ในที่สุด จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:46:39

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพแสดงการออกฤทธิ์ของ Methamphetamine/Amphetamine ภาพที่ 1 จะเห็นว่าสมองจะสร้างสารสื่อประสาทที่เรียกว่า neurotransmitter ในที่นี้คือสารโดปามีน จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:47:38

ความคิดเห็นที่ 15 ภาพที่ 2 โดปามีนจะหลั่งจากจุดประสาน สารสื่อประสาทนี้จะไปจับกับตัวรับที่จำเพาะที่อวัยวะเป้าหมาย หรือ ส่วนของเซลล์ประสาทอีกเซลล์หนึ่ง (receptor) ที่อยู่บนเยื่อหุ้มเซลล์ของเซลล์ประสาทหลังประสาน (Post synapstic) ทำให้เกิดผลต่ออวัยวะต่างๆ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:48:24

ความคิดเห็นที่ 16 ภาพที่ 3 เมื่อร่ายกายได้รับสารเสพติดเข้าไปไม่ว่าจะเป็นวิธีการฉีด-สูบควัน-สูดเข้ารูจมูก สารเหล่านี้จะเข้าไปในกระแสเลือด จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:49:00

ความคิดเห็นที่ 17 ภาพที่ 4 เมื่อเข้าสู่กระแสเลือดแล้ว ก็ตรงไปยังสมอง จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:49:33

ความคิดเห็นที่ 18 ภาพที่ 5 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:49:58

ความคิดเห็นที่ 19 ภาพที่ 6 ในภาวะปกติร่างกายจะหลั่งสารโดปามีนตามธรรมชาติ อาจจะเพิ่มขึ้นเมื่อออกกำลังกายหรือมีเซ็กส์ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:50:44

ความคิดเห็นที่ 20 ภาพที่ 7 เมื่อสารเสพติดเข้าไปทำปฏิกิริยา จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:51:16

ความคิดเห็นที่ 21 ภาพที่ 8 สารเสพติดจะกระตุ้นในสมองหลั่งสารโดปามีนออกมามากขึ้น มากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับชนิดของยาเสพติด ตามปกติแล้ว การรับประทานอาหารที่อร่อยถูกปาก สมองจะหลั่งโดปามีนเพิ่มขึ้นประมาณ 50% ส่วนการมีเซ็กส์จะกระตุ้นให้สมองหลั่งสารโดปามีนเพิ่มขึ้นประมาณ 100% จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:52:27

ความคิดเห็นที่ 22 ภาพที่ 9 ถ้าเป็นโคเคน (Cocaine) จะกระตุ้นให้สมองหลั่งโดปามีนเพิ่มขึ้นประมาณ 350% ส่วนเมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า/ยาไอซ์ สามารถกระตุ้นให้สมองหลั่งโดปามีนได้ถึง 1,200% แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 07:17:53 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:53:25

ความคิดเห็นที่ 23 วิดีโอการออกฤทธิ์ต่อสมองของเมทแอมเฟตามีน จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:54:20

ความคิดเห็นที่ 24 จากกราฟเปรียบเทียบจะเห็นว่าเมทแอมเฟตามีนกระตุ้นให้สมองหลั่งสารโดปามีนได้มากที่สุด จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:54:55

ความคิดเห็นที่ 25 และถ้าดูจากกราฟนี้แล้วจะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างตัวเปรียบเทียบหลายๆตัว ไม่ว่าจะเป็น เซ็กส์, นิโคติน, มอร์ฟีน, โคเคน และเมทแอมเฟตามีน จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:55:32

ความคิดเห็นที่ 26 แล้วยาเสพติดทำลายสมองจริงหรือ? ให้ดูภาพข้างล่าง ส่วนที่เป็นสีแดงคือส่วนที่ถูกทำลายมากที่สุด รองลงมาคือสีเหลือง น้อยที่สุดคือสีน้ำเงิน และเท่าที่ทราบมาคือเซลล์สมองถ้าตายหรือถูกทำลายไปแล้วจะไม่สามารถสร้างขึ้นมาทดแทนได้ใหม่ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:56:18

ความคิดเห็นที่ 27 ภาพนี้คือภาพเปรียบเทียบระหว่างสมองของคนปกติ (ซ้าย)   จะสังเกตว่ามีส่วนที่เป็นสีแดง (ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการทำงานที่มีประสิทธิภาพ) กระจุกตัวอยู่เป็นกลุ่มอย่างชัดเจน กับสมองของคนที่เสพเมทแอมเฟตามีน (ขวา) จะเห็นว่าส่วนที่เป็นสีแดงน้อยกว่า (เพราะเซลล์สมองถูกทำลาย) และรูปแบบการทำงานของสมองผิดปกติไป แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 10:56:10 แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 10:54:17 แก้ไขเมื่อ 14 ก.พ. 55 10:51:48 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:56:45

ความคิดเห็นที่ 28 นี่คือภาพตัวอย่างของชายที่ใช้เมทแอมเฟตามีนติดต่อกันเป็นระยะเวลานาน จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:57:09

ความคิดเห็นที่ 29 ส่วนนี่คือภาพตัวอย่างของหญิงที่ใช้เมทแอมเฟตามีนเป็นเวลานาน จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:57:31

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพนี้เป็นภาพของผู้ใช้เมทแอมเฟตามีนนาน 10 ปี จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:57:50

ความคิดเห็นที่ 31 ภาพนี้เป็นภาพช่องปากของผู้เสพเมทแอมเฟตามีนเป็นเวลานาน เรียกว่า Meth-Mouth จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:58:13

ความคิดเห็นที่ 32 Meth-Mouth 2 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 06:58:34

ความคิดเห็นที่ 33 แล้วถ้าเกิดว่ายาหมดแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง? อาการถอนยาหรืออาการลงแดง (Withdrawal Symtoms) อาการถอนยาจะเกิดขึ้นเมื่อหยุดเสพในทันทีทันใด โดยจะมีอาการหงุดหงิด รู้สึกไม่สบาย ฝันร้าย อยากอาหารมากขึ้น ซึม เบื่อ ขี้เกียจ ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง จนอาจมีผลกระทบต่อหน้าที่การงานหรือไม่มีสมาธิในการเรียน อาการเหล่านี้จะมีมากน้อยเพียงใดขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งและปริมาณที่เสพ แล้วจะรักษาผู้ติดยายังไงล่ะ? การรักษา (Treatment) - ใช้ยากลุ่มต้านอาการซึมเศร้า (Antidepressant) ได้แก่ imipramine , desipramine , amitriptyline , trazodone หรือ fluoxetine ซึ่งยาเหล่านี้จะเข้าจับกับสาร serotonin ในสมองเพื่อลดอาการซึมเศร้า และอาการอยากยา - กลุ่มยาระงับประสาท (Sedatives) ได้แก่ Dalmane , chloral hydrate ,Librium , phenobarbital หรือ Valium ถูกใช้รักษาอาการวิตกกังวล หรืออาการนอนไม่หลับ - กลุ่มรักษาอาการทางจิต (Antipsychotic) ได้แก่ Haldol , thorazine ที่ช่วยปรับความสมดุลย์ให้กับสาร dopamine เพื่อบรรเทาอาการทางจิต และรู้สึกพึงพอใจ โดยให้การบำบัดรักษาทั้งทางร่างกาย และจิตใจควบคู่กันไปด้วย การบำบัดจะต้องใช้ระยะเวลานาน 4 เดือน - 1 ปี ตามแต่อาการ,ระยะเวลาและปริมาณการเสพของผู้ป่วย ภาพด้านล่างเป็นภาพสมองของผู้ที่เข้ารับการบำบัด ภาพซ้ายสุดคือสมองของคนปกติ ภาพกลางคือสมองที่ผ่านการบำบัด 1 เดือน  ส่วนภาพขวาคือสมองที่ผ่านการบำบัดมา 14 เดือน(1ปี 2 เดือน) แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 16:14:13 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 11:49:56 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:03:51

ความคิดเห็นที่ 34 โทษตามกฎหมายรุนแรงแค่ไหน? การควบคุมตามกฏหมาย ยาบ้า-ยาไอซ์จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 มาตรา 65 ผู้ใดผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อจำหน่ายต้องระวางโทษประหารชีวิต มาตรา 66 ผู้ใดจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกินหนึ่งร้อยกรัม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท ถ้ายาเสพติดให้โทษนั้นมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัม ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต มาตรา 67 ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็น สารบริสุทธิ์ไม่ถึงยี่สิบกรัมโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม มาตรา 15 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท NOTE***สารบริสุทธิ์ในที่นี้หมายถึง Methamphetamine ครับ ดังนั้นถ้าโดนจับคดียาไอซ์ เค้าจะนับน้ำหนักเป็นกรัมต่อกรัมเลย แต่ถ้าโดนจับคดียาบ้า เค้าจะมาคำนวนอีกทีว่ามีน้ำหนักของสารบริสุทธิ์(Methamphetamine) อยู่ประมาณเท่าไหร่ *************************************************************************************************************************** ถ้าเรียงลำดับโทษคดียาเสพติดประเภทที่ 1 (ยาไอซ์/ยาบ้า) จาก"หนัก" ไปหา "เบา" จะเรียงได้ดังนี้ จำหน่าย (สารบริสุทธิ์เกิน 100 กรัม)  โทษประหาร/คุกตลอดชีวิต จำหน่าย (สารบริสุทธิ์ไม่เกิน 100 กรัม) โทษจำคุก 5 ปีถึงตลอดชีวิต **การที่ศาลจะพิจารณาว่าเจตนานั้นเพื่อจำหน่ายหรือแค่ครอบครอง จะพิจารณาจาก"น้ำหนัก"ของ เมทแอมเฟตามีน หรือ "สารบริสุทธิ์"นี่ล่ะครับ ถ้าเกิน 20 กรัม เท่ากับ "จำหน่าย" ถ้าเป็น "ยาบ้า" ซึ่งเป็นเมทแอมเฟตามีนที่ผสมสารเคมีต่างๆแล้ว เค้าจะมาคำนวณน้ำหนักสารบริสุทธิ์อีกครั้ง >> เข้าใจว่าตอนนี้ที่มีข่าวว่าจะประหารผู้ค้าที่มียาบ้าตั้งแต่ 10,000 เม็ดนั้น ที่ว่า 10,000 เม็ดศาลน่าจะตีความว่ามีสารบริสุทธิ์เกิน 100 กรัม ส่วนเสพ/ครอบครอง (สารบริสุทธิ์ไม่เกิน 20 กรัม) โทษจำคุก 1-10 ปี ส่วนพวกที่ครอบครองยาบ้าระดับ 10,000 เม็ด มีอยู่ 2 แบบคือ 1. พวกที่ผู้ค้ารายใหญ่จ้างให้มาส่งยาให้ผู้ค้ารายย่อย 2. ผู้ค้ารายย่อยที่รับยามาจากรายใหญ่เพื่อขายเอง กรณีนี้ถ้าไม่ประหาร คือถูกจำคุก ให้เปรียบอุปมาง่ายๆว่าผู้ต้องหาในข้อ 1. และ 2. เป็นเด็กม.6 (มัธยม 6) เมื่อส่งเข้าไปติดคุกแล้ว จะกลายเป็นว่าทำให้พวกนี้กลายเป็นว่าส่งไปเรียนจบ "ปริญญาตรีค้ายา" จากในคุก เปรียบเทียบคือมีวิชาเก่งกล้าขึ้นเพราะไปร่ำเรียนมากับพวก"ตัวใหญ่ๆ"ในคุก พอพ้นโทษออกมาก็จะเก่งกว่าเดิม ดังนั้นหากจะให้ได้ผลมีอยู่ 2 วิธีเช่นกัน วิธีแรก  คือจับได้ 10,000 เม็ดขึ้นไป "ประหารใน 60 วัน" วิธีที่สอง คือ แยกผู้ค้ารายใหญ่ไปที่เขาบินให้หมด แล้วสร้างคุกเฉพาะสำหรับผู้ค้ารายย่อย-ผู้ครอบครองยาขึ้นมาใหม่ น่าจะเป็นวิธีที่ได้ผลนะครับ ขอบคุณข้อมูลจากคุณ เกิดในที่สว่างครับ แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 10:45:07 แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 55 17:37:22 แก้ไขเมื่อ 16 ก.พ. 55 17:33:56 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 13:37:27 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 11:53:53 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 11:46:07 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:05:17

ความคิดเห็นที่ 35 แล้วจะสังเกตบุตรหลานหรือคนใกล้ตัวได้อย่างไรว่ามีเกี่ยวข้องกับยาเสพติดหรือไม่? 1. ใช้เงินมากผิดปกติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเยาวชนที่ยังต้องขอเงินพ่อแม่อยู่ ให้สังเกตว่าหมู่นี้ใช้เงินมากและบ่อย พอขอแล้วไม่ให้ก็จะโมโหฉุนเฉียวมากผิดปกติ 2. คบเพื่อนกลุ่มที่มีพฤติกรรมแปลกๆ หรือถ้าเคยเห็นเพื่อนลูกร่างกายผอม โทรม แก้มตอบหรือมีพฤติกรรมผิดปกติเช่น หลุกหลิก,พูดรัวพูดมาก ให้ระวังไว้ 3. นิสัยและพฤติกรรมเปลี่ยน เช่น โมโหร้าย, ก้าวร้าว, ทำลายข้าวของเวลาโมโห, ขี้เกียจผิดปกติวันๆเอาแต่นอน 4. รูปร่างสัดส่วนเปลี่ยนไป เช่นผอมลงมาก ผิวพรรณหมองคล้ำ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำงานหนักหรือออกแดดแรง แก้มตอบ ตาคล้ำ 5. การกินผิดปกติเช่นบางช่วงผอมมาก ไม่อยากอาหาร แต่ไม่กี่วันก็กินมากผิดปกติ (อาการ Bulimia ) คือกินไม่อิ่ม  หิวตลอดเวลา กินตลอดเวลา (อาการถอนยา) 6. หลบหน้า แยกตัวออกไปจากครอบครัวหรือกลุ่มเพื่อนเดิมที่เคยคบ โดยไม่มีเหตุผล การสังเกตขั้นต้นก็ประมาณนี้ครับ แต่ถ้าเห็นว่าบุตรหลานหรือคนใกล้ตัวมีอาการเหล่านี้ก็อย่าเพิ่งไปฟันธงว่าติดยานะครับ เดี๋ยวเค้าจะเสียความรู้สึก ทางที่ดีควรจะค่อยๆเข้าหาเค้า ถามไถ่อย่างเป็นห่วงด้วยถ้อยคำที่เหมาะสม ถ้ามั่นใจหรือมีหลักฐานว่าเค้าติดยาก็อย่าไปด่าว่า ควรจะคุยกันเหมือนเวลาที่เค้าไม่สบาย แบบห่วงใย จะได้มีโอกาสพาเค้ากลับมาเป็นปกติ ถ้าไปด่าว่ามีแต่จะทำให้เตลิดไปไกลกว่าเดิมครับ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:06:41

ความคิดเห็นที่ 36 มาถึงประเด็นสุดท้าย เป็นเรื่องปัญหาทางสังคมของยาเสพติดที่หลายๆคนอาจจะเคยนึกสงสัย ประเด็นที่ 1 ทำไมถึงคนเมายาบ้าแล้วชอบเอามีดจี้คอเด็กเป็นตัวประกัน? เกิดจากการที่ผู้เสพเกิดอาการประสาทหลอน อาจจะเห็นภาพหลอนหรือหูแว่ว ทำให้หวาดระแวงกลัวจะมีใครมาทำร้าย (ซึ่งจริงๆแล้วไม่มี) ซึ่งอาการทางประสาทเหล่านี้เกิดจากการที่สมองถูกใช้งานอย่างหนักโดยไม่ได้พักผ่อน มักจะเกิดขึ้นเมื่อเสพยาติดต่อกัน 3 วันขึ้นไป (ไม่ได้นอนหลับ 3 คืนขึ้นไป) และอีกกรณีหนึ่งคือผู้เสพติดยามานาน และใช้ยาในปริมาณมาก ทำให้เกิดอาการประสาทหลอน หวาดระแวง จนกระทั่งไปทำร้ายคนอื่น หรือป่วยเป็นโรคจิต จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:07:38

ความคิดเห็นที่ 37 ประเด็นที่ 2 ข่าวอุบัติเหตุบนถนนเพราะคนขับรถ(โดยเฉพาะรถบรรทุก)หลับใน เกี่ยวกับยาบ้า/ยาไอซ์มั้ย? มีส่วนเกี่ยว แต่ไม่ใช่ทุกราย บางรายอาจเกิดเพราะพักผ่อนไม่พอเฉยๆ ไม่เกี่ยวกับยา แต่ในรายที่คนขับใช้ยาบ้า/ยาไอซ์เพื่อให้สามารถทำงานได้มากขึ้น 24 ชม.ไม่หยุดพัก เพื่อที่จะให้ได้เงินมากขึ้น ทำให้ต้องเสพยาเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายทำงานได้ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ผลก็คือสมองล้า ไม่ได้พักผ่อน สมองจะมีกลไกในการป้องกันความเสียหายเนื่องมาจากการทำงานหนักเกินไปนั่นคือการสั่งให้ "หลับ" ไม่ว่าตอนนั้นคุณจะทำอะไรอยู่ก็ตาม จะอาบน้ำ สระผม ทำกับข้าว แบกปูน หรือขับรถ ถ้าสมองรู้สึกว่ากำลังวิกฤติและจะเกิดความเสียหายถ้าไม่ได้พัก สมองจะหยุดการทำงานอัตโนมัติทันที ผลก็คืออุบัติเหตุ โดยเฉพาะอุบัติเหตุบนถนน แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 12:33:56 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:09:12

ความคิดเห็นที่ 38 ประเด็นที่ 3 ข่าวอาชญากรรมทางเพศเช่น ข่มขืน เกี่ยวข้องกับยาบ้า/ยาไอซ์อย่างไร? ผู้ที่เสพยาบ้า/ยาไอซ์ โดยเฉพาะในรายที่ใช้ในปริมาณมาก จะทำให้สมองหลั่งสารเคมีออกมามากกว่าปกติหลายเท่า และมีสารหลายตัวที่ทำให้เกิดอารมณ์ทางเพศมากกว่าปกติ ทำให้มีความต้องการทางเพศมากกว่าเดิมมาก ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง รวมกับการที่สมองส่วนคิด ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับความคิดเชิงเหตุผลและความรู้สึกผิดชอบชั่วดีถูกกดหรือถูกทำลายไปเรื่อยๆ ทำให้ผู้เสพขาดสติ ขาดความยับยั้งชั่งใจ และตัดสินใจแบบหุนหันพลันแล่น ทำให้ก่อคดีทางเพศตามข่าวที่เห็นได้ รวมทั้งยังเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆจากการมีเซ็กส์โดยไม่ได้ป้องกัน จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:10:25

ความคิดเห็นที่ 39 ประเด็นที่ 4 ข่าวพ่อเลี้ยงโหดทำร้ายลูกเลี้ยงถึงตายเหตุเพราะร้องเสียงดัง เกี่ยวกับยาเสพติดมั้ย? เกี่ยว แต่ไม่สามารถบอกว่าทุกกรณี ถ้าซักประวัติผู้ต้องหาหลายๆรายในคดีลักษณะนี้จะพบว่ามักจะเคยเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ผู้ที่ใช้ยาบ้า/ยาไอซ์ จะทำให้จิตใจและอารมณ์เปลี่ยนแปลงไป ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ และไม่สามารถควบคุมตัวเองเวลาโมโหมากๆได้ (อาการถอนยา) ทำให้เมื่อมีสิ่งกระตุ้น เช่น เสียงเด็กร้องงอแงน่ารำคาญ เมื่อตวาดดุแล้วเด็กไม่เงียบ จึงควบคุมตัวเองไม่ได้ ทำร้ายร่างกายเด็กจนถึงตายในที่สุด จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:11:54

ความคิดเห็นที่ 40 ประเด็นสุดท้าย ทำไมโทษยาเสพติดตามกฎหมายถึงรุนแรงกว่าโทษเจตนาฆ่าคนตาย? เพราะยาเสพติดแม้จะไม่ได้ฆ่าคนในทันทีที่ใช้ แต่มันสามารถฆ่าคนให้ตายทั้งเป็น เพราะเวลาในชีวิตจะหมดไปกับการเสพยา ยิ่งติดยานานขึ้นก็จะต้องใช้ยาในปริมาณมากขึ้น ทำให้ต้องหาเงินมาซื้อยาเพิ่ม อันจะนำไปสู่การก่ออาชญากรรมและปัญหาสังคมต่างๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นการปล้น,จี้,ลักขโมย ถ้าเป็นด้านศีลธรรมก็จะเกิดจากการโกหกพ่อแม่ของเยาวชนเพื่อเอาเงินไปซื้อยามาเสพ ขาดเรียน พฤติกรรมเปลี่ยน เสียอนาคต ที่แย่ที่สุดคือการทำร้ายผู้อื่นไม่ว่าจะเป็นการข่มขืนกระทำชำเรา ทำร้ายร่างกายบิดามารดา เป็นต้น ดังนั้นโทษตามกฎหมายจึงต้องรุนแรง เพราะผู้ค้ายาสามารถทำให้ผู้อื่นตายทั้งเป็นได้จำนวนมาก และก่อให้เกิดปัญหาสังคมตามมาอีกนับไม่ถ้วน แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 08:45:29 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:13:31

ความคิดเห็นที่ 41 จบแล้วครับ หวังว่ากระทู้นี้คงจะเป็นประโยชน์แก่พ่อแม่พี่น้องที่มีคนต้องดูแลนะครับ และอย่าคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว Reference Links : http://www.pbs.org/wgbh/pages/frontline/meth/body/ http://www.drugabuse.gov/publications/infofacts/methamphetamine http://www.drugabuse.gov/publications/topics-in-brief/methamphetamine-addiction-progress-need-to-remain-vigilant http://en.wikipedia.org/wiki/Methamphetamine http://www.police.govt.nz/resources/2004/meth-scene/ http://www.psychiatry.or.th/JOURNAL/v4324.html http://www.jsppharma.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=5379683&Ntype=3 http://webcache.googleusercontent.com/search?q=cache:KKgNsq8tOSEJ:au.answers.yahoo.com/question/index%3Fqid%3D20111220041851AAX86aF+methamphetamine+increase+in+dopamine+1200&cd=3&hl=th&ct=clnk&gl=th http://www.thaifittips.com/article118.html http://www.bangkokhealth.com/index.php/brain/1240--dopamine.html แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 09:25:43 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:14:37

ความคิดเห็นที่ 42 ขอบคุณมากครับ ที่ให้ความรู้ จากคุณ : เต่าหลังอ่อน เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:32:28

ความคิดเห็นที่ 44 ตามอ่านอยู่ครับ จากคุณ : kira-rama 2 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:51:04

ความคิดเห็นที่ 45 โหวตกระทู้ดีมีประโยชน์... จากคุณ : มหาอุตม์ เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 07:55:56

ความคิดเห็นที่ 46 เยี่ยมไปเลย จากคุณ : EnvymasK เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 08:22:48

ความคิดเห็นที่ 47 อยากให้รัฐบาลจัดการยาเสพติดให้รุนแรง เฉียบขาดครับ ไปอ่อนข้อให้ มันก็เหิมเกริมขายกันเป็นว่าเล่น ใครจะว่า ฆ่าตัดตอนยังไงก็ตาม จัดการให้สิ้นซาก พวก NGO พวกค้านสิทธิฯ อย่าไปฟังพวกมัน จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 08:39:41

ความคิดเห็นที่ 48 เป็นกระทู้ มีสาระ และความน่าสะพรึงกลัวของยาเสพติด ขอบคุณมากครับ จากคุณ : Zaytsev เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 08:47:40

ความคิดเห็นที่ 49 มิน่าเล่า ผมถึงได้สังเกตุเห็นว่า  คนเราโง่ลง โง่ลงทุกวัน จากคุณ : นายสีเสียด เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 08:54:06

ความคิดเห็นที่ 50 ขอบคุณครับ จากคุณ : เงาะสีชมพู เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:37:21

ความคิดเห็นที่ 52 ขอบคุณมากครับ ผมเพิ่งรู้รายละเอียดต่างๆวันนี้เองครับ จากคุณ : หัวไพล เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:43:43

ความคิดเห็นที่ 53 ผมว่าเนื้อหาที่จขกท.ทำมา น่าจะไปใช้สอนเด็กมัถยมได้เลยนะครับ ทั้งได้ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และประโยชน์ในการเลี่ยงสิ่งเสพติด จากคุณ : FangenZa เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:47:08

ความคิดเห็นที่ 54 อ่้านจนจบ ครบทุกประเด็น จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:55:53

ความคิดเห็นที่ 55 วันนี้ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว .. support !! จากคุณ : แมวผีน่ารัก เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 09:59:28

ความคิดเห็นที่ 56 อนุญาต แชร์ให้ลูกศิษย์นะครับ จากคุณ : ครูตู้ เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:06:38

ความคิดเห็นที่ 57 ถ้าถามว่าเสพเพราะอะไร สำหรับความคิดผมน่ะครับ ไม่มีหรอกครับที่ว่าดูจากรูปจากตามเวปแล้วรู้สึกอยากจะเสพตาม แต่ก็ไม่แน่น่ะครับ อาจจะมีบางคนที่เห็นจากตามเวปแล้วอยากลอง แต่สำหรับความคิดผมนั้นผมว่าตามเพื่อนครับ แต่การที่่จะเสพตามเพื่อนนี่ก็จะมีอยู่สองประเภท 1. เห็นเพื่อนเสพแล้วอยากลองบ้าง - เห็นเพื่อนเสพ แล้วมันหัวเราะดูมีความสุข เห็นเพื่อนเสพแล้วสีหน้ามันดูเคลิ้มน่าลอง เห็นเพื่อนเสพแล้วมันมี Sex นานขึ้น บลา ๆๆๆ แล้วแต่เหตุผลของแต่ล่ะคน 2. เห็นเพื่อนเสพแล้ว ไม่อยากลองแต่เพื่อนดันยัดเยียดให้ - เอาน่า นิดเดียวไม่ติดหรอก ลูกผู้ชายเปล่า ตุ๊ดเปล่า แค่นี้ไม่กล้า การท้าทายต่าง ๆ ของเพื่อนชักจูงให้เสพ พอจะเริ่มลองเสพครั้งแรก เกือบร้องทั้งร้อย ในหัวจะคิดก่อนเลย ครั้งเดียวคงไม่ติดมั้ง แต่พอได้เสพเท่านั้นและมีไม่กี่คนหรอกครับที่เสพครั้งแรกแล้วจะเสพเกินขนาดจนช๊อค ครั้งแรกโดยส่วนมากจะเสพทีล่ะน้อยก่อน การเสพทีล่ะน้อยจะไม่ทำให้ช๊อค หรือประสาทหลอนมากมายครับ จะแค่รู้สึกมึน ๆ คล้ายคนเมา รู้สึกเบลอ ๆ แต่มีความสุข คือง่าย ๆ เลยครับมันจะรู้สึกดีในครั้งแรกที่เสพ แต่พอได้เสพไปนาน ๆ เข้าร่ายกายมันก็เหมือนจะบอกให่้เพื่อนปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ เพราะปริมาณเท่าเดิมมันไม่พอ เสพไปแล้วรู้สึกว่าเวลามันผ่านไปเร็ว เลยอยากจะได้นานกว่าเดิมก็เลยต้องเพิ่มปริมาณ ทีนี้พอเพิ่มปริมาณเยอะเข้า ก็เกินขนาดและก็ช๊อคหัวใจล้มเหลว ตาย.... แล้วทำไมมีบางคนบอกว่าควบคุมได้ นั้นเป็นเพราะในขณะที่เสพนั้น ความรู้สึกตอนนั้นมันรับรู้ครับว่าทำอะไรอยู่ แต่โดยปกตินั้นถ้าเราจะทำอะไรในสมองเราจะรับรู้สึกสิ่งที่มันผิดชอบชั่วดี อย่างเช่นในที่สาธารณะนั้นไม่ควรแก้ผ้าน่ะ คนดี ๆ ก็จะไม่ทำกัน แต่พวกคนที่บอกว่าควบคุมได้นั้นนั้นรู้ตัวครับว่ากำลังแก้ผ้า แต่ก็ทำครับ คือทำไปโดยไม่คิดอะไร อยากทำอะไรก็ทำ ทั้งหมดนี้เป็นความรู้สึกของผมในฐานะคนที่เคยผ่านการเสพมาก่อนน่ะครับเลยอาจจะไม่ตรงกับคนอื่น ในปัจจุบันนี้ผมเลิกเสพไปนานแล้ว เคยเสพเกินขนาดจนประสาทหลอน เกือบตายมาแล้ว ครอบครัวเคยเห็นอุปกรณ์การเสพ เคยเรียกมานั่งคุย แต่ผมก็ไม่ยอมเลิก จนมาเลิกเองได้ก็เพราะคิดได้นี่แหละครับ ว่ามันไม่มีอะไรดีเลย ไม่มีประโยชน์จริง ๆ ครับ ความสุขที่ได้จากยานี่มันช่างน้อยนิด เมื่อได้รับความสุขจากครอบครัว จากคุณ : ถอดล๊อคอินมาโพส เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:11:44 A:58.9.150.80 X: TicketID:276241

ความคิดเห็นที่ 58 ยานี้อันตรายจริงๆ ให้ความสุขมากจนอันตราย คนติดเข้าไปหนักๆนี่ ก็คงเหมือนซอมบี้อ่ะ ไม่เหลือสิ่งที่ทำให้เรียกว่ามนุษย์แล้วในร่างของคน ทำลายสังคมมนุษย์จริงๆ แถม ถ้าพลาดไปเริ่มต้น ก็มักจะยิ่งดำดิ่ง จากคุณ : หล่อเขลา เบาปัญญา เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:28:40

ความคิดเห็นที่ 59 โหวต!!  ความรู้ คงต้องแก้ที่ทัศนคติที่ว่า เสพครั้งเดียวไม่ติดหรอก ใช่ครั้งเดียวมันไม่ติดยาแต่ติดใจ แล้วครั้งต่อไปก็จะตามมาไม่ว่าคุณจะติดยาหรือไม่เพราะความเกรงกลัว ต่อยาเสพติดของคุณจะหายไป หากติดแล้วหายนะในชีวิตคุณจะตามมา อย่างคาดไม่ถึง จากคุณ : Dr.jakz7 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:34:00

ความคิดเห็นที่ 60 ชอบภาพประกอบครับ จากคุณ : อรรถประโยชน์ เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:37:08

ความคิดเห็นที่ 61 จัดให้เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ผู้ใดผลิต นำเข้า หรือส่งออก ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่หนึ่งล้านบาท ถึงห้าล้านบาท (มาตรา 65 วรรค 1) เสพ ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน - 3 ปี หรือปรับตั้งแต่ 10,000 - 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ (มาตรา 91) โทษค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับรายได้การค้ายาเสพติด ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้ประเทศไทยยังคงเป็นแหล่งค้าขายยาเสพติดกันอย่างแพร่หลาย บัญญัติปี2522 ค่าปรับ 1ล้านบาท(ไม่ทราบว่าค่าปรับได้เปลี่ยนแปลงหรือไม่) 30 ปีที่แล้วมันก็คงเยอะนะครับเงินล้าน แต่ตอนนี้เงินล้านนั้นไม่เยอะเลยด้วยซ้ำไป ราคาเมืองไทย 1กรัม 3000บาท ในขณะที่ต่างประเทศ(บางประเทศ) ราคาพุ่งสูงถึง 18000บาท/กรับ ก็อาจเป็นปัจจัยที่ทำให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการค้า(ยาเสพติด)ได้อย่างง่ายดาย จากคุณ : Bassism เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 10:52:30

ความคิดเห็นที่ 63 #61   คุณ Bassism คิดเหมือนผมเลยครับ ถ้าจะให้ดีควรเพิ่มโทษเกี่ยวกับยาบ้า/ยาไอซ์โดยเฉพาะให้หนักๆไปเลย เช่นประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิตอย่างเดียว และปรับให้หนักกว่านี้ เท่าที่ผมทราบมามีเฮโรอีนนี่แหละครับ ที่โทษทางกฎหมายรุนแรงที่สุด คือถ้าโดนข้อหาเดียวกับยาเสพติดชนิดอื่นๆ เช่น จำหน่าย หรือส่งออก เฮโรอีนจะมีโทษเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่าของยาชนิดอื่นๆครับ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 11:02:08

ความคิดเห็นที่ 64 1 เม็ดต้นทุนการทำอยู่กี่บาทครับ เพราะกว่าจะขายได้ จ่ายไปเยอะมากๆหลายต่อมากๆ ปล.อยากให้เพิ่มบทลงโทษให้ประหารชีวิตสถานเดียวครับ ถ้ามีการครอบครองเกินเท่าไหร่ๆก้อว่ามา จากคุณ : dupdanup (ดูบดานูป) เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 11:24:11

ความคิดเห็นที่ 65   มาตรา 65 ผู้ใดผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ต้องระวางโทษ จำคุกตลอดชีวิต  ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อจำหน่ายต้องระวางโทษประหารชีวิต  มาตรา 66 ผู้ใดจำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์ไม่เกินหนึ่งร้อยกรัม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ห้าปีถึงจำคุกตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ห้าหมื่นบาทถึงห้าแสนบาท  ถ้ายาเสพติดให้โทษนั้นมีปริมาณคำนวณเป็นสารบริสุทธิ์เกินหนึ่งร้อยกรัม ต้องระวางโทษ จำคุกตลอดชีวิตหรือประหารชีวิต   มาตรา 67 ผู้ใดมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 มีปริมาณคำนวณเป็น สารบริสุทธิ์ไม่ถึงยี่สิบกรัมโดยไม่ได้รับอนุญาตตาม มาตรา 15 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งหมื่นบาทถึงหนึ่งแสนบาท   จากคุณ : เกิดในที่สว่าง เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 11:39:48

ความคิดเห็นที่ 66 เยี่ยมมากๆครับ ข้อมูลครบถ้วนอ่านง่ายดีครับ ให้ความรู้ได้ดีมากครับ ขอบคุณ จขกท. จากคุณ : zmakqo10 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 11:47:08

ความคิดเห็นที่ 67 สงสัยที่ว่าเหน็บทวารนั้นเหน็บยังไงครับ ถ้ารูทวารใครใหญ่มันจะเผลอหลุดเข้าไปข้างในไหม อยากรู้จริงๆครับ จากคุณ : ไม่เคย เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 12:01:10 A:119.46.176.222 X: TicketID:344527

ความคิดเห็นที่ 68 *64 ยาบ้าผมว่าต้นทุนน่าจะต่ำกว่า 5 บาทนะครับ เพราะเคยไปเยี่ยมรุ่นน้องที่เคยเล่นด้วยกันสมัยเด็กๆที่เรือนจำ โดนจับข้อหาค้ายาเสพติดข้ามชาติ จำคุกตลอดชีวิต เค้าบอกไปเอาอยู่ลาวเม็ดละ 3 บาท (ส่วนตัวผมว่าต้นทุนถูกกว่านั้นอีก) การจะกวาดล้างพวกนี้มันต้องโหดๆ กฎหมายต้องแรงครับ ช่วงที่ไล่จับไล่เก็บกันหนักๆราคาเคยพุ่งสูงไปถึง เม็ดละ 500 มาแล้ว(เพราะหายาก) ยาพวกนี้มันแทรกซึมเข้าไปในสังคมเราหมดแล้ว เชื่อมั้ยครับถ้าผมอยากได้ยาใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชม โทรศัพท์ไม่เกิน 3 ต่อก็น่าจะหาได้แล้ว หากจะไปไล่จับเป็นรายๆมันไม่หมดหรอกครับ แก้ยากมากๆยกเว้นจะโหดไล่เก็บอย่างเดียวแบบแต่ก่อน อันนั้น สน.คนเต็มครับมาสารภาพกลัวตายกันใหญ่ ผมเชื่อนะครับว่าถ้าตำรวจกับภาครัฐเอาจริงซักวันมันจะต้องหมดไปจากสังคมไทยแน่นอนอย่างน้อยลดลงก็ยังดี ผมเห็นคนเสียอนาคตมาเยอะแล้วครับเพราะยาเสพติดพวกนี้ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 12:11:02 จากคุณ : นายเปเล่ เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 12:10:00

ความคิดเห็นที่ 69 ได้ความรู้มากๆเลยครับ อยากจะทราบวิธีที่เค้าบำบัดด้วยครับ ว่ามีขั้นตอนยังไงบ้าง ถ้ามีเอามาลงอีกนะ ครับ จากคุณ : PPP200sx เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 12:20:37

ความคิดเห็นที่ 70 ผลกลัวแล้วครับ TT จากคุณ : Unloveable_oOm เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 12:44:15

ความคิดเห็นที่ 71 ยาสูตรผสม Pseudoephedrine ปัจจุบันถูกห้ามจำหน่ายในร้านขายยาเสียแล้วธันวาคม 2554 ทั้งๆที่เป็นยาบรรเทาอาการคัดจมูกดีที่สุดตัวหนึ่ง โดยผู้ห้ามจำหน่ายมีความคิดว่าเป็นการกำจัดสารตั้งต้นในการทำยาบ้า แต่โดยความจริงหลังจากห้ามจำหน่ายแล้วการจำหน่ายยาบ้าจะลดลง แต่ความจริงคือสารตั้งต้นในการทำยาบ้าไม่ได้มีเพียงตัวเดียว การนำยาสูตรผสม Pseudoephedrine ไปทำยาบ้าจึงเป็นเพียงส่วนน้อย และในการห้ามขายยาสูตรผสมทำให้ผู้ผลิตยาบ้าในไทยไม่สามารถผลิตได้ แต่ผู้ผลิตในประเทศเ้พื่อนบ้านกลับปรับปรุงกระบวนการผลิตให้ทันสมัียขึ้นไปใช้สารตั้งต้นตัวอื่นที่หาง่ายผลิตได้ทีจำนวนมากๆๆๆ เลยขายกันในรูปแบบยาไอซ์ที่เป็นสารบริสุทธิ์จับได้ทีปัจจุบันเลยจับได้เป็นหลายสิบหลายร้อยกิโลหรือเป็นตันและคุ้มทุนในการปรับปรุงกระบวนการผลิตที่ซับซ้อนมากขึ้นเพราะผู้ผลิตในไทยหาวัตถุตั้งต้นไม่ได้ จึงเป็นการเตะสุกรเข้าปากสุนัขโดยรู้เท่าไม่ถึงการ ประชาชนไทยจึงรับกรรมเพราะว่าไม่มียาบรรเทาอาการคัดจมูกที่ได้ผล มีแต่ยาสูตร Phenyephrine ที่ได้ผลไม่ได้เรื่องไม่ได้ดีกว่าใช้ยาแก้แพ้เดี่ยว แต่กลับต้องเสี่ยงจากอาการความดันสูงที่อาจเป็นอันตรายถึงตายได้ในผู้ที่มีความดันสูงอยู่แล้ว เอวัง จากคุณ : diary 2012 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 13:17:54 A:58.11.103.63 X: TicketID:325429

ความคิดเห็นที่ 72 #43 ไร้ประโยชน์จริง ๆ อ่านมาดีๆ แล้วสะดุดเลย จริง ๆ แล้วคนที่ผิดพลาดและกลับตัวได้ ผมว่าเป็นเรื่องที่ดี และคนกลุ่มนี้ต้องการกำลังใจไม่ใช่คำเยาะเ้ย้ยถากถาง ทุกคนย่อมเคยผิดพลาดมาและเมื่อคุณอยากจะทำให้ทุกอย่างมันดีขึ้น การมีคนคอยให้กำลังใจย่อมดีกว่าตัวคนเดียวแน่นอน สงสัยประเด็นเรื่องอุปกรณ์เสพย์ยาเสียเหลือเกิน หาซื้อกันได้ตามตลาดทั่วไปเลยเหรอเนี่ย เรื่องยาเสพย์ติด ผมว่าเป็นปัญหาร้ายแรงกว่าบ่อน หรือโสเภณีเยอะ ทำไมบ้านเมืองเราถึงไม่จัดการกับเรื่องพวกนี้ให้เด็ดขาด.. จากคุณ : แตงโมสีรุ้ง เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 13:19:20

ความคิดเห็นที่ 73 กินอาหารอร่อยๆ ขณะมี sex  จะทำให้เป็น  150% ไหมครับ? จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 14:07:24

ความคิดเห็นที่ 74 คห.72 ผลตอบแทนในการค้าขายยาเสพติดนี่สูงมากครับ ขนาดแค่ระดับผู้จำหน่ายรายย่อยทำไม่นานก็ได้กำไรเป็นหมื่นๆ ยิ่งเป็นระดับตัวเอ้นี่สามารถได้กำไรระดับร้อยล้าน พันล้านได้เลย และกำไรที่ได้ยังสามารถนำไปขยายผลสำหรับการอาชญากรรมอย่างอื่นได้อีกเยอะแยะครับ (อย่างน้อยผมมั่นใจว่า การค้าขายยาเสพติดน่าจะเป็นช่องทางหาเงินของพวกโจรใต้ช่องทางหนึ่งครับ) จากคุณ : jedsada เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 14:07:31 A:118.174.88.61 X: TicketID:198675

ความคิดเห็นที่ 75 เหมือนนั่งอ่านหนังสือรายงานส่งอาจารย์เลยครับ ความรู้เน้นๆ ขอบคุณครับ จากคุณ : มวยมีค่าย เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 14:15:25

ความคิดเห็นที่ 76 คห.#74 ตามนั้นเลยครับ และมีอีกสโลแกนนึงสำหรับผู้คิดจะมาค้ายาคือ ถ้าตัดสินใจเป็นพ่อค้ายาเสพติด ขาข้างนึงก็ก้าวเข้าไปอยู่ใน"คุก"แล้ว จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 14:17:51

ความคิดเห็นที่ 77 # 73 ถ้ากินอาหารอร่อยๆขณะ feat. จะทำให้เปอร์เซนต์ลดลงคับ แต่ถ้ากินนมจะเพิ่มขึ้นนะ จากคุณ : birdInwsad เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 14:31:09 A:124.121.206.24 X: TicketID:308232

ความคิดเห็นที่ 78 โดยทั่วไป ผู้ค้ารายย่อย พวกนี้เกือบ 80% จะเป็นคนเสพ-คนเดินยาที่ผันตัวเอง มาเป็นผู้ค้ารายย่อยให้กับผู้เสพรายใหม่หรือนักเสพทั่วไป เพราะเมื่อติดหนักๆเข้าใช้ยาเยอะๆเข้าเมื่อไม่มีเงินก็ต้องเข้าสู่วงโคจร แต่รายไหนมีคอนเน็กชั่นมีเครดิตดีหน่อยก็จะผันจากผู้ค้ารายย่อยมาเป็น ผู้ค้าระดับกลางๆ ซึ่ง 2 กลุ่มนี้จะโดนจับได้ไม่ยากหากตำรวจเขาตั้งใจจะจ้บจริง แค่จับคนเสพมาแล้วให้ไปล่อซื้อผู้ค้ารายย่อยมาด้วยเบอร์ธนบัตรก็จับได้แล้ว แต่จะไปขยายผลถึงระดับไหนก็อยู่ที่เจ้าหน้าที่ ส่วนเรื่องโทษบ้านเรามันยังเบาไปจริงๆ รู้สึกว่า ยาบ้า เฮโรอีน ไอซ์จะเป็นประเภท1 เหมือนกัน แต่เฮโรอีนและไอซ์จะโทษหนักกว่ายาบ้าหากมีปริมาณเท่ากันเพราะมีฤิทธิ์มากกว่า จากคุณ : Dr.jakz7 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 14:43:30

ความคิดเห็นที่ 79 มาตรา 65 ผู้ใดผลิต นำเข้า หรือส่งออกซึ่งยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 >>>>ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต ถ้าการกระทำความผิดตามวรรคหนึ่งเป็นการกระทำเพื่อจำหน่าย >>>>ต้องระวางโทษประหารชีวิต ---------------- ไม่เข้าใจครับ คือ ผลิต แต่ไม่ขาย มีด้วยเหรอ นำเข้า-ส่งออก แต่ไม่ขาย มีด้วยเหรอ หรือว่านี่หมายถึง เวลาจับพวกรับจ้างขนของ แต่สารภาพว่าคนจ้างเอาไปทำอะไรต่อไม่รู้ แบบนี้คือ วรรคแรก ใช่หรือไม่ ที่พวกส่งของจะโดน ... เรื่องยานรกนี่มันเลวร้ายจริงๆ ครับ อย่าไปยุ่งเลย บางทีคิดว่า อยากจะช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่บ้านเมือง แต่ถ้าเราไปบังเอิญรู้เรื่องราวธุรกิจยานรก คุณกล้าที่จะเป็นฮีโร่หรือไม่ จากคุณ : เลือนลางร่ำไร เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 14:55:08

ความคิดเห็นที่ 80 สงสัยว่า เสพแค่ไหนถึงมีผล เช่น 0.01g/ นนตัว 70 กก หรือเสพที 1g เลย หรือน้อยกว่านั้น แล้วแค่ไหนถึงตาย จากคุณ : leonaele เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 14:56:18

ความคิดเห็นที่ 81 นี่แหละครับกระทู้หว้ากอ ขอบคุณเจ้าของกระทู้สำหรับข้อมูลดีๆ ครับ จากคุณ : GOLFGTC เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 15:06:21

ความคิดเห็นที่ 82 อยากถามว่ามีพี่ที่ทำงานคนหนึ่งเสพยาบ้า โดนจับเข้าคุกไปแล้ว ถูกปล่อยออกมา เค้าบอกว่าจะไม่เสพอีกแต่ีไม่ได้ไปบำบัดนะครับ เค้าจะเลิกเองได้จริงเหรอครับ จากคุณ : HMC เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 15:31:52

ความคิดเห็นที่ 83 #82 ยาบ้าเลิกเองได้จริงๆครับ เพื่อนผมมันเลิกเองได้เหตุเพราะราคายามันขึ้น ไม่มีตังซื้อและช่วงนั้นหาซื้อยากมันก้อเลิกเลย แถมไม่มีอะไรผิดปรกติ ไม่ใช่คนเดียวนะครับ 2 คนเรย เคยได้ยินมาว่ายาบ้ามันไปกดสมองทำให้สมองสั่งการว่าต้องการยา แต่ไม่ได้ไปทำให้ร่างกายต้องการยาแบบขาดไม่ได้ จากคุณ : อุลตร้ามิลาโน่21 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 15:38:51

ความคิดเห็นที่ 84 ขอแชร์ ปสก กับ น้ำแข็ง  (นานแล้ว) จะเล่าในส่วนที่พอจะเล่าได้ เราแค่อยากรู้ว่าเป็นยังไง จึงตามเขาไปดู แต่เราไม่ไ้ด้จิงจังนะ!! ราคาแปรผัน ตามปริมาณของในท้องตลาด ตอนนั้นราคากรัมไม่ถึง 3 พัน ราคาก็ขึ้นกับเกรด (ความใส ขนาดของก้อน) ด้วยราคาของ คนที่จะเล่นจึงต้องมีต้งพอควร คตสต น้ำแข็ง มันจะไม่ติดขนาดลงแดง เหมือนตัวอื่นๆ แต่อาการจะรู้สึกเบลอๆ จินตนาการอะไรแปลกๆ พูดไม่หยุด ปากแห้ง หิวน้ำบ่อย มือไม่นิ่ง ม่านตาขยาย และไม่หิวข้าว มีอยู่ยุคนึงที่พวกนางแบบ เอาไปใช้ลดความอ้วนกัน แต่ผลก็คือร่างกายสภาพจะดูโทรม และก็ไม่มีสมาธิ อาการ ถ้าคนที่เคย จะดูออก หรือได้กลิ่นจากตัว เหมือนผีเห็นผี ซึ่งเราก็สามารถเข้าไปเตือน หรือชวนเขาไปทำอย่างอื่น เพื่อให้เขาห่างจากมัน และสุดท้ายเขาก็จะสามารถเลิกมันได้ จากคุณ : mintykitty เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 15:40:45

ความคิดเห็นที่ 85 ได้รับความรู้มากมาย ขอบคุณเจ้าของกระทู้ครับ... เมื่อสัก 7-8 ปีก่อน ผมเป็นโรคภูมิแพ้ และไซนัส ใช้ยา Actifed และ Sulidine เป็นประจำ ขาดยาตัวนี้ในกระเป๋าไม่ได้เลย ทานแล้วง่วงนอนเหมือนลอยอยู่ในน้ำ จะไม่ทานก็ไม่ได้ น้ำมูกน้ำตาไหลน่าสังเวทยิ่งนัก ตอนนี้หันมาออกกำลังกายแทน  นานๆทีถึงจะทาน.. เพราะงั้น Actifed และ Sulidine  ตอนนี้ผมก็หาซื้อได้อยู่นะครับ เสียดายนักวิทย์ผลิตตัวยาดีๆ มาช่วยเหลือผู้อื่น  ดันเอามาใช้ผิดทางซะงั้น พอดีเจอข้อมูลเพิ่มเติม ถูกผิดขออภัยด้วย       สำหรับอัตราส่วนของยาลดน้ำมูกแต่ละเม็ด จะมีส่วนประกอบของ สารซูโดอีเฟรดรีน ประมาณ 60 มิลลิกรัม  ซึ่งหากนำยาลดน้ำมูก 4 เม็ดไปสกัดเพื่อให้ได้สารซูโดอีเฟรดรีนบริสุทธิ์  จะสามารถนำสารซูโดอีเฟรดรีน มาผลิตเป็นส่วนประกอบยาบ้าได้ 1 เม็ด และหากนำยาลดน้ำมูก 30,000 เม็ด มาสกัดให้เป็นสารซูโดอีเฟรดรีนบริสุทธิ์ จะสามารถนำไปใช้เป็นส่วนประกอบผลิตยาไอซ์ได้ถึง 1  กิโลกรัม จากคุณ : ton_na_999 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 15:47:03

ความคิดเห็นที่ 86 ที่มา http://www.huaybondin.net/forum/thread-141488-1-1.html จากคุณ : ton_na_999 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 15:48:44

ความคิดเห็นที่ 87 ขอเอาความรู้ที่ได้ไปใช้ในการประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ได้ไหมครับ อ่านแล้วได้ความรู้มาก และสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายจริง จากคุณ : evental เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 15:50:08

ความคิดเห็นที่ 88 ตอบคห.80 คุณ leonaele เรื่องอัตราส่วนการใช้ในแต่ละคนคำนวนไม่ได้จริงๆครับ เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าใช้ยามานานเท่าไหร่ เช่น คนที่ใช้ยามา 10 ปี สำหรับเค้าแล้ว ยาไอซ์ 1 กรัม(1 จี) อาจจะใช้ได้แค่ 1-2 วัน แต่สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มใช้ยา สัก 6 เดือน ยาไอซ์ 1 กรัมสำหรับเค้า อาจจะใช้เสพได้เป็นสัปดาห์ ส่วนเรื่องการ Overdose นั้น ในทางปฏิบัติเป็นไปได้ค่อนข้างยาก เนื่องด้วย"ราคา"ของมันครับ แต่ผลข้างเคียงที่อาจทำให้ถึงตายได้มาจากการที่ใช้ยาแล้วไม่กินไม่นอน ร่างกายขาดแร่ธาตุบางตัวไปทำให้เกิดอาการ"ช็อค"และเสียชีวิตได้ครับ โดยเฉพาะในรายที่ "ฉีด" ถ้ามากเกินก็ตายคาเข็มเลย จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 15:56:22

ความคิดเห็นที่ 89 คห 83 ยาบ้าถ้าเล่นหนักๆ เลิกเองยากนะ ต้องจิตแข็ง หรือมีคนช่วยจริง ไม่งี้มันจะยิ่งอัพโดส เล่นของแรงขึ้นเรื่อยๆ ในซอยแถวบ้านกลางกรุงเทพ เคยมีเอเจ้นค้ายา ขายอาหารบังหน้า (นานมากแล้วเหมือนกัน) ตอนหลังมีเหตุทำให้เอเจ้นท์ต้องปิดกิจการ ขายบ้าน หนีไป ตจว ถาวร สมัยนั้น เม็ดละ 50-150 บาท คนในซอย ติดเพียบ พอไม่มีตังซื้อ ก็ไปช่วยเขาส่งยาแทน หนักเข้าก็ขโมยเงิน ขโมยของไปขาย ถือมีด ถือปืน ขึ้นมาอาละวาด กลัวคนจะมาทำร้าย พาไป ถ้ำกระบอก ก็หนีออกมา จนชักเข้ารพ  ยังไม่เลิก  รอบที่ 2  ก็ไม่เลิก สุดท้ายรอบที่ 3 ต้องผ่าตัดสมอง ออกมาเดินขากะเผลกๆ ทุกวันนี้ต้องใช้ไม่เท้า พูดก็ไม่ชัด เพราะสมองไม่เหมือนเดิม อันนี้เลิกจริง เพราะไม่มีสังขารไปซื้อยาแล้ว เรื่องยา ความอบอุ่นของครอบครัว เป็นเกราะป้องกันที่สำคัญที่สุดจริงๆ ยาบ้าพวกคนจน สลัม พวกใช้แรงงาน หาเช้ากินค่ำ เล่นกันเพราะมันถูก แต่ไอซ์ กะปุ๊น นี่ นศ  ไอโซ ดารา  เด็กนอก เล่นกันเพราะมีคนชวนนี่แหละ แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 16:04:30 แก้ไขเมื่อ 13 ก.พ. 55 16:00:51 จากคุณ : mintykitty เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 15:56:39

ความคิดเห็นที่ 90 #87 ยินดีอย่างยิ่งครับ ถ้าสมาชิกท่านใดอยากจะเอาเนื้อหาในกระทู้ไปประชาสัมพันธ์หรือรณรงค์ เชิญได้เลยเต็มที่ครับ จขกท.จะดีใจด้วยซ้ำ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 15:58:18

ความคิดเห็นที่ 91 เคยช่วยตำรวจอบรมเยาวชนที่เข้าร่วมการบำบัด ทำในส่วนของ entertainment ค่ะ ตอนที่เราลงไปนั่งคุยกับน้อง ๆ มีอยู่คนนึงที่เราจำได้ดี ตอนที่เราถามน้องว่า บำบัดเสร็จแล้วกลับไปบ้านจะทำอะไรต่อ น้องบอกว่า... "ผมไม่อยากกลับเลยพี่ พ่อแม่ผมก็เสพ ข้างบ้านก็เล่นเหมือนกัน ผมกลับไป ก็คงไม่พ้นกลับไปเสพอีก" ครอบครัวกับสภาพแวดล้อมมีผลมากจริง ๆ ช่วงท้ายของการบำบัด น้องหลาย ๆ คน ร้องเพลงไปกับเรา และร้องไห้ไปด้วย น่าสงสารพวกเค้านะคะ จากคุณ : Biozaaa เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 16:00:03

ความคิดเห็นที่ 92 อ่านง่ายเข้าใจง่ายมากค่ะ เนื้อหาแน่นอ่ะ ปล.ว่า withdrawal symptom แปลว่าเป็นไทยว่าอาการลงแดงนะคะ โหวตๆๆ ;D จากคุณ : kamiw เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 16:04:12

ความคิดเห็นที่ 93 เนื้อหาสาระในกระทู้นี้ คุณจะไม่ได้เห็นในทีวี จากคุณ : charmander เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 16:06:18

ความคิดเห็นที่ 94 คห 85 เราเคยเป็นภูมิแพ้บ่อยเหมือนกัน ตื่นนอนเจออากาศเย็นๆ จามทุกวัน เวลาฝนตกน้ำมูกนี่ไหลหยดแหมะๆ จามจนเหนื่อย กิน แอคติเฟด เราจะง่วงมาก ขนาดๆเดินๆอยู่หลับไปวืบนึง หมอให้เราใช้ ยาพ่น nasonex ค่ะ คือพ่นกันไว้ก่อน พ่นก่อนนอนทุกคืน  พ่นตอนเช้า  และตอนเริ่มมีอาการ ถ้าเอาไม่อยู่ก็ทานยาร่วมด้วย ติดกัน1-2เดือน เพื่อให้จมูกมันได้พักฟื้นตัว หมอบอกว่ายาพ่นเป็นสเตียรอยด์ ผลข้างเคียงจะน้อยกว่ายากิน แต่ราคาแพงกว่าเยอะ ตอนนี้อาการเราดีขึ้นเยอะ ไม่จามง่ายๆเหมือนแต่ก่อนมาเป็นปีแล้วหล่ะ จากคุณ : mintykitty เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 16:33:32

ความคิดเห็นที่ 95 อ่านแล้วเข้าใจง่ายมากๆ ครับ จากคุณ : ซะมีซาร่าห์ เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 17:00:36

ความคิดเห็นที่ 96 เป็นสารเสพติดอันตราย มีฤทธิ์ขับกล่อมประสาท ส่งผลให้เกิดอารมณ์ทางเพศ และภาพหลอน รู้แค่นี้จริงๆ นะ จนได้อ่านทู้นี้ จากคุณ : pipek (yukraider) เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 17:20:47

ความคิดเห็นที่ 97 Overdose ขนาดใช้ยาจนตาย คงจะมีแต่เฮโรอีนเหละครับ. (น้ำพุ) พวกยาบ้า-ไอซ์ ถ้าใช้เกินขนาดไม่ตายครับแต่ปีนเสาไฟฟ้าอย่างที่เราเห็น จากคุณ : Dr.jakz7 เขียนเมื่อ : 13 ก.พ. 55 17:32:39