ความคิดเห็นที่ 1 การต่อสู้ของนักรบไทยใหญ่ดำเนินมายาวนานเกือบ 50 ปี ประวัติศาสตร์การสู้รบของไทยใหญ่เปิดฉากในปีแรกตั้งแต่รัฐฉานครบกำหนดแยกตัวเป็นรัฐอิสระตามสนธิสัญญาปางโหลงปี พ.ศ.2501 หลังจากรัฐบาลพม่าไม่ทำตามข้อตกลง แถมส่งกองกำลังทหารเข้ายึดครองรัฐฉาน ชาวไทยใหญ่กลุ่มแรกที่ลุกขึ้นต่อสู้คือ "หนุ่มศึกหาญ" ภายใต้การนำของเจ้าหยั่นต๊ะ เริ่มทำการสู้รบอยู่บริเวณชายแดนไทย-พม่า ในปีต่อมา โบ หม่อง นายตำรวจชาวว้าและเจ้าส่าน ทูน เจ้าฟ้าไทยใหญ่ ได้นำกำลังพลเข้าร่วมกับกลุ่มหนุ่มศึกหาญ ช่วยกันรบจนสามารถเอาชนะกองทัพพม่าที่เมืองตั้งยาน ทางด้านตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐฉาน การรบครั้งนี้สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ชาวไทยใหญ่มากยิ่งขึ้น   ในภาพเจ้าน้อยหยั่นต๊ะ จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 23:53:58

ความคิดเห็นที่ 2 ปี พ.ศ.2507 มหาเทวีเฮือนคำแห่งแคว้นยองห้วย วีรสตรีของชาวไทยใหญ่เห็นว่าองค์กรไทยใหญ่กำลังขาดเอกภาพในการสู้รบ จึงพยายามรวบรวมองค์กรที่กระจายอยู่ทั่วรัฐฉานให้กลับมาต่อสู้ร่วมกันในนาม กองทัพรัฐฉาน Shan State Army (SSA) โดยมีขุนจ่านุและเจ้าช้าง ยองห้วยเป็นผู้นำ แต่การรวมตัวของชาวไทยใหญ่ก็มีเอกภาพอยู่ได้ไม่นาน เมื่อกองกำลัง SSA ประสบปัญหาขาดแคลนอาวุธและงบประมาณ แกนนำจึงเริ่มมีความคิดแตกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งต้องการเข้าร่วมกับคอมมิวนิสต์พม่า (CPB) ซึ่งตั้งกองกำลังอยู่ในรัฐฉานติดชายแดนจีน อีกฝ่ายหนึ่งไม่ต้องการเข้าร่วมเพราะไม่อยากเสียอุดมการณ์ หลังจากนั้นกองกำลัง SSA ก็แตกออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเข้าร่วมกับพรรคคอมมิวนิสต์พม่า อีกฝ่ายหนึ่งคือ SSA ที่ยังยึดมั่นอุดมการณ์เดิม เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์พม่าล่มสลาย เจ้าเสือแท่นจึงพากำลังพลชาวไทยใหญ่ที่เหลือกลับมารวมกับกองกำลัง SSA อีกครั้ง จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 23:55:02

ความคิดเห็นที่ 3 ขณะที่กองกำลัง SSA กำลังกลับมามีเอกภาพ นายพลโมเฮง นายทหารระดับผู้นำของ SSA กลับแยกตัวไปตั้งกลุ่มใหม่ โดยใช้ชื่อว่า Shan United Revolutionary Army (SURA) แต่ภายหลังเข้าร่วมกับกลุ่มของขุนส่าและใช้ชื่อองค์กรใหม่ว่า "กองทัพเมืองไต" (MTA) มีขุนส่าเป็นผู้นำสูงสุด นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2528 เป็นต้นมาชื่อเสียงของกองทัพเมืองไตก็เป็นที่รู้จักไปทั่วโลกในฐานะของกำลังติดอาวุธชาวไทยใหญ่ที่ทันสมัยที่สุด เพราะมีรายได้จากธุรกิจยาเสพติดมาซื้ออาวุธปีละหลายพันล้าน จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 14 ก.พ. 55 23:55:40

ความคิดเห็นที่ 4 คนไทยใหญ่หลายคนเชื่อว่าขุนส่าจะช่วยกู้เอกราชได้ เลยยกให้ขุนส่าเป็นใหญ่ แต่ขุนส่ากลับปกครองในแบบเอกาธิปไตย คนจะได้เป็นใหญ่ขึ้นอยู่กับว่าขุนส่าชอบหน้าหรือไม่ นายทหารระดับผู้ใหญ่ส่วนมากมักเป็นคนเชื้อสายจีน ส่วนนายทหารไทยใหญ่ที่มีความสามารถขุนส่ามักจะฆ่าทิ้ง ก่อนที่ขุนส่าจะวางอาวุธ เขาฆ่าทหารไทยใหญ่ระดับผู้นำเกือบ 30 คน นายทหารไทยใหญ่จึงเริ่มก่อกบฏ แล้วเขื่อนก็พังทลาย หลังจากขุนส่าวางอาวุธ ทหารไทยใหญ่ก็แยกย้ายกันไปคนละทิศ หลายคนตั้งกองกำลังสู้รบเป็นของตนเอง หลายคนวางมือไม่สู้รบอีกต่อไป หลังจากที่กองทัพเมืองไตแตกเป็นเสี่ยง ๆ ขุนส่าเข้าไปอยู่ในย่างกุ้ง กองทัพพม่าก็ส่งกองกำลังเข้าควบคุมพื้นที่โฮมองซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของขุนส่า พร้อมกับส่งกองกำลังบุกยึดและโจมตีหมู่บ้านในรัฐฉานอย่างหนัก จนในที่สุดกองกำลังที่แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ก็เริ่มอ่อนกำลังลงและยอมเจรจาหยุดยิงกับรัฐบาลพม่าทีละกลุ่ม  ในที่สุดเจ้ายอดศึกผู้นำทหารไทยใหญ่คนปัจจุบันนำกำลังทหาร 1,500 คนตีฝ่ากองทัพพม่าออกมายึดเอายอดดอยไตแลงเป็นฐานปฏิบัติการ จัดตั้งกองกำลังกู้ชาติไทยใหญ่ Shan State Army (SSA) ขึ้น จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:04:35

ความคิดเห็นที่ 5 ปัจจุบัน SSA มีกำลังพลติดอาวุธประมาณ 5000 นาย  ที่ยังจับปืนสู้รบกับทหารพม่าเพื่อปลดปล่อยบ้านเกิดเมืองนอนของตนเองต่อไป จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:16:11

ความคิดเห็นที่ 6 เข้ามาอ่าน โดยส่วนตัวชอบและนับถือวีรกรรมความกล้าของเจ้ายอดศึกมานานแล้ว จากคุณ : Aarmy man (อังเคิลโอ๋) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:16:46

ความคิดเห็นที่ 7 นั่นใช่พระนเรศวรหรือเปล่าครับ รูปบนสุด จากคุณ : Petshop boy เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:23:58

ความคิดเห็นที่ 8 ไทยใหญ่กับพระนเรศวร สมเด็จพระนเรศวรฯ ในประวัติศาสตร์ไทใหญ่ สำหรับคนไทยสยามยุคปัจจุบัน เมื่อได้เห็นภาพการบวงสรวงบูชาไหว้ศาลสมเด็จพระนเรศวรฯ ที่ฐานเนินกองคาของทหารไทใหญ่ และได้เห็นหนุ่มน้อยทหารไทใหญ่ต่างมีเหรียญทองแดงรมดำรูปสมเด็จพระนเรศวรฯ แขวนเชือกป่านห้อยคอเป็น "ของขลัง" ประจำตัวนั้น ถือเป็นเรื่องน่าประหลาดใจยิ่ง ว่าเหตุใดชนกลุ่มน้อย โดยเฉพาะทหารไทใหญ่ จึงได้เคารพนับถือสมเด็จพระนเรศวรฯ บุรพกษัตริย์นักรบอย่างหนักแน่นมั่นคงเช่นนี้ ทั้งที่สมเด็จพระนเรศวรฯ เป็นกษัตริย์ไทยและเสด็จสวรรคตล่วงผ่านไปแล้วถึง ๔๐๐ ปี! พันเอกเจ้ายอดศึกผู้นำกองกำลังกู้ชาติไทใหญ่ยุคปัจจุบัน ตอบคำถามสั้นๆ ถึงที่มาทางประวัติศาสตร์อันทำให้ทหารไทใหญ่นับถือสมเด็จพระนเรศวรฯ อย่างที่สุดว่า "พระนเรศวรฯ กับเจ้าคำก่ายน้อยเจ้าฟ้าของไทใหญ่ ท่านเป็นเพื่อนกัน มีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน คือต้องการรบพม่า ต้องการขับไล่พม่าออกจากแผ่นดินไทยและแผ่นดินไทใหญ่ คนไทใหญ่ถือว่าถ้าพระนเรศวรฯ ยังอยู่ ไทใหญ่จะไม่ลำบากอย่างนี้ เพราะท่านมีนโยบายปราบพม่าให้หมดสิ้น คนไทใหญ่ทุกคนรู้เรื่องนี้ ผมศึกษาประวัติศาสตร์ ได้รู้ และเชื่อถือมาก ทหารไทใหญ่ทุกคนเชื่อเพราะรู้ประวัติศาสตร์ ผมอธิบายให้ฟังทุกคน" "เจ้าคำก่ายน้อย" ที่พันเอกเจ้ายอดศึกกล่าวถึง คือเจ้าฟ้าวีรบุรุษคนหนึ่งของชาวไทใหญ่ ผู้เป็นสหายร่วมรบมากับสมเด็จพระนเรศวรฯ มีปรากฏในประวัติศาสตร์ที่คนไทใหญ่รับรู้มายาวนาน ความสัมพันธ์ระหว่างสยามกับชนกลุ่มน้อย ตั้งแต่สมัยอยุธยาถึงต้นรัตนโกสินทร์ โดยเฉพาะกับมอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่นั้น มีความแนบแน่นลึกซึ้ง มอญ กะเหรี่ยง ไทใหญ่ คือ "ชาวด่าน" ที่คอยป้องกันขอบขัณฑสีมาจากการรุกรานของพม่า หลักฐานทางไทใหญ่กล่าวย้ำถึงสัมพันธภาพแน่นแฟ้นนี้ว่า จนแม้ไทใหญ่ที่ถูกกุมตัวเป็นเชลยอยู่กลางเมืองพม่าเอง ก็พร้อมจะแข็งขืนไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจพม่า แต่มาฝักฝ่ายอยู่กับฝ่ายไทยซึ่งเป็นเชื้อชาติเดียวกัน ดังที่ "เคอแสน" นักประวัติศาสตร์ชาวไทใหญ่บันทึกไว้ในบทความ "สมเด็จพระนเรศวรมหาราชและเจ้าคำก่ายน้อยแห่งไทใหญ่" ในนิตยสารศิลปวัฒนธรรม ฉบับเดือนสิงหาคม ๒๕๔๕ ว่า ครั้งที่กษัตริย์บุเรงนองยกทัพเข้ามาตีเมืองไทย ลาว เชียงใหม่ เชียงห่ม ในปี พ.ศ. ๒๑๐๘ นั้น "เจ้าฟ้าไทใหญ่และทหารไทใหญ่ที่ถูกจับเป็นเชลยอยู่ในเมืองหงสาวดีนั้นถือโอกาสจุดไฟเผาหอ, วังในเมืองหงสาวดีเสียหาย จนกระทั่งพวกอำมาตย์ของพม่าต้องหนีไปอยู่ที่ "เมืองทละ" การเผาหอ, วัง ในครั้งนี้เจ้าฟ้าไตย (ไทใหญ่) ให้เหตุผลว่า เพราะพม่าทำการรุกรานนำทัพเข้าตีเมืองพี่เมืองน้องของไตย หลังจากบุเรงนองทราบข่าวจึงรีบยกทัพกลับเมืองหงสาวดีทันที และจับเจ้าฟ้าไตยและคนไตยหมื่นกว่าคนทำการเผาทั้งเป็นที่เมืองหงสาวดี" และ "เคอแสน" ยังกล่าวไว้อีกด้วยว่า สมเด็จพระนเรศวรฯ คือบุรพกษัตริย์ที่รวบรวมก่อตั้งอาณาจักรไทใหญ่ โดยที่สมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงปรึกษากับเจ้าคำก่ายน้อย เจ้าฟ้าไทใหญ่ เพื่อจะสร้างกองทัพราชอาณาจักรไทย-ไทใหญ่ ให้เข้มแข็งถาวรต่อไปในวันข้างหน้า โดยทางไทใหญ่นั้นเจ้าคำก่ายน้อยรับอาสาที่จะเจรจากับเจ้าฟ้าไทใหญ่ทุกเมือง ในปี พ.ศ. ๒๑๔๓ สมเด็จพระนเรศวรฯ มีรับสั่งให้เจ้าคำก่ายน้อยนำกำลังทหารส่วนหนึ่งเข้าไปเมืองปั่น เมืองนาย ยองห้วย ไปจนถึงภาคกลาง และเจ้าฟ้าไทใหญ่ทุกเมืองพร้อมกันจัดตั้งเป็นพระราชอาณาจักรขึ้น โดยมีสมเด็จพระนเรศวรฯ ทรงเป็นผู้นำ ส่วนช่วงที่สมเด็จพระนเรศวรฯ เสด็จขึ้นไปสวรรคตที่เมืองหางหลวง ในแผ่นดินรัฐฉาน ประวัติศาสตร์ไทใหญ่ระบุว่า ในครั้งนั้นสมเด็จพระนเรศวรฯ ได้ทรงยกทัพขึ้นไปช่วยเจ้าคำก่ายน้อย ที่กำลังทำศึกกับทหารจีนและทหารพม่าซึ่งรุกรานเมืองไทใหญ่ แต่สมเด็จพระนเรศวรฯ สวรรคตเสียก่อน เจ้าคำก่ายน้อยจึงสู้รบต่อไปเพียงลำพัง และสิ้นพระชนม์กลางสนามรบที่เมืองแสนหวี ในปี พ.ศ. ๒๑๔๘ หลังการสวรรคตของสมเด็จพระนเรศวรฯ ไม่นานนัก จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:26:25

ความคิดเห็นที่ 9 เนื้อหา www.taiyia.net       http://www.khonkhurtai.org จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:28:40

ความคิดเห็นที่ 10 ต่อไปเป็นภาพ ของ SSA ทั่วๆ ไปครับเนื่องจากปัจจุบันเป็นชนกลุ่มน้อยเดียวที่มีนโยบายไม่หารายได้จากยาเสพติด ทำให้ขาดแคลนอาวุธและทรัพยากรอย่างมาก แต่ยังได้รับการช่วยเหลือลับๆ จาก......อยู่เลยทำให้คงขีดความสามารถในการรบได้ในระดับหนึ่งครับ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 01:22:38 จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:31:54

ความคิดเห็นที่ 11 ............. จากคุณ : tkung13 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:32:31

ความคิดเห็นที่ 12 เราแทบจะเห็นไทยใหญ่เป็นชาติพันธุ์เดียวในพม่าที่ใช้อาวุธค่ายโลกเสรี จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:35:25

ความคิดเห็นที่ 13 ใครอยากไปเที่ยวไปได้ครับดอยไตแลงอยู่ตรงข้าม บ้านปางคาม อำเภอปางมะผ้า จ.แม่ฮ่องสอน คนที่นั่นยินดีต้อนรับชาวไทยทุกคนครับคุยกันก็ภาษาเหนือนี่แหล่ะมีบางคำฟังยากหน่อยแต่ก็ฟังออกครับ เคยข้ามไปสมัยเรียนประทับใจมาก ถ้ามีโอกาสจะไปอีกแน่ จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:40:22

ความคิดเห็นที่ 14 ไทยใหญ่ - ไทยน้อย เรามีพ่อองค์เดียวกัน จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:50:59

ความคิดเห็นที่ 15 Full Gear จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:55:18

ความคิดเห็นที่ 16 ทหารไทยใหญ่เผาทำลายยาเสพติดที่สกัดกั้นไว้ได้ ก่อนเข้าชายแดนไทย จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:55:53

ความคิดเห็นที่ 17 สวนสนามวันชาติ จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 00:57:53

ความคิดเห็นที่ 18 .. แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 01:09:41 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 01:08:25 จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 01:03:55

ความคิดเห็นที่ 20 ปากประตูดอยไตแลง ต้อนรับเฉพาะชนชาติไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น พม่ากับว้าเข้ามาตายอย่างเดียว ^-^ จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 01:10:01

ความคิดเห็นที่ 21 งานปอยหลวงภายในวัดของชาวไทยใหญ่ ประเพณีของไทยใหญ่จะเป็นล้านนา ผสมพม่า จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 01:18:11

ความคิดเห็นที่ 22 แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 01:21:17 จากคุณ : Skyforce เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 01:21:00

ความคิดเห็นที่ 23 เห็นด้วยนะ รัฐฉานไร้ชาติ รัฐไทยไร้สามัคคี โดนเลยคำนี้ จากคุณ : 007 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 03:03:55 A:171.5.91.95 X: TicketID:344862

ความคิดเห็นที่ 25 เห็นด้วยนะ รัฐฉานไร้ชาติ รัฐไทยไร้สามัคคี โดนเลยคำนี้ จากคุณ : 007 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 03:04:25 A:171.5.91.95 X: TicketID:344862

ความคิดเห็นที่ 26 ลองค้นเพิ่มจากหนังสือของคุณนิพัทธ์พร เพ็งแก้ว, นวลแก้ว บูรณวัฒน์ ใน "บันทึกจากสนามรบ :พันเอกเจ้ายอดศึก" "ก่อนตะวันฉาย ฉาน" "แผ่นดินฉานในม่านหมอก" ดูครับ จะมีรายละเอียดหลายอย่างเพิ่มเติมมอีก มาก อาธิเช่น ช่วง การก่อตั้ง MTA ของเจ้ากอนเจิง จนถึงขุนส่าขึ้นมามีอำนาจภายใน MTA เป็นต้นครับ จากคุณ : agooddaytodie เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 03:39:14

ความคิดเห็นที่ 27 เห็นใจไทใหญ่ครับ แต่ผมมั่นใจว่าในที่สุดพม่าก็กลืนได้อยู่ดี กำลังโดยรวมมันต่างกันแยะ ในสถานการณืปัจจุบันยากที่ไทใหญ่ะแยกออกมาตั้งเป็นประเทศใหม่ (แต่ก็ไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำได้ด้วยวิธีไหน) ยิ่งมารวมกับไทยยิ่งเป็นไปไม่ได้ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 07:56:58

ความคิดเห็นที่ 28 21 มีรูปในหลวงด้วย จากคุณ : จอมโจรปลาทอง เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 08:21:05

ความคิดเห็นที่ 29 เขามีการรับคนนอกสมัครเป็นทหารด้วยน่ะ จากคุณ : เขียนบน3310 (TheSmileOhho) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 08:21:12

ความคิดเห็นที่ 30 ดูจากรูปแบบต่างๆทั้งการแต่งกาย อาวุธและปัจจัยอื่นๆ ทหารไทยใหญ่ คล้ายทหารไทยมากๆ   ส่วนตัวคิดว่า ทหารไทยนี่เหละที่ฝึกและสนับสนุนคนกลุ่มนี้อยู่ในทางลับ เคยอ่านเจอว่า ไทยกับ CIA สนับสนุนนะไม่รู้จริงไหมแต่คิดว่าน่ามีมูล เพราะนโยบายเราใช้ชนกลุ่มน้อยเป็นรัฐกันชน จากคุณ : Dr.jakz7 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 13:42:02

ความคิดเห็นที่ 31 เมื่อพม่ากำลังเปลี่ยนแปลง และโลกเสรีกำลังเดินเข้าหารัฐบาลใหม่ของพม่า ชาวไทใหญ่จะถูกโดดเดี่ยวหรือเปล่าหนอ จากคุณ : I_Feel_Control เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 14:06:32

ความคิดเห็นที่ 32 อยากจะบอกว่า มีโอกาสได้ไปร่วมงานวันชาติรัฐฉานมา เมื่อวันที่ 7 ก.พ. ที่ดอยไตยแลง ชาวบ้านที่นั้นใจดีมากครับ เลี้ยงข้าวทุกมื้อเลย ไม่เสัยตังค์สักบาท จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:15:29

ความคิดเห็นที่ 33 อนุสาวรีสมเด็จพระนเรศวร ตั้งอยู่บนยอดดอยไตยแลง จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:17:26

ความคิดเห็นที่ 34 ฝั่งซ้ายของถนนเป็นเขตแดนฝั่งประเทศไทย ฝั่งขาวเป็น ไต จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:19:12

ความคิดเห็นที่ 35 ขบานสวนสนามของทหาร จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:22:02

ความคิดเห็นที่ 36 ชอบกระทู้แบบนี้มากๆ  เราชอบประวัติศาสตร์  เราอ่านประว้ัติศาสตร์เยอะมาก ยิ่งเกี่ยวกับ  สมเด็จพระนเรศวรยิ่งอ่านมาก จนซึมในสายเลือดแล้ว แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 15:23:17 จากคุณ : หน่วยย่อย889 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:22:51

ความคิดเห็นที่ 37 โชว์การฝึก จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:23:33

ความคิดเห็นที่ 39 โชว์การฝึก จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:29:09

ความคิดเห็นที่ 40 ขบวนสวนสนาม จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:29:34

ความคิดเห็นที่ 41 พล.ท. เจ้ายอดสึก จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:30:03

ความคิดเห็นที่ 42 ตะวันตกดินแล้ว ^___^ จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:31:05

ความคิดเห็นที่ 43 ชาวบ้านที่นั้น รักและเคารพ สมเด็จพระนเรศวร มาก จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:32:20

ความคิดเห็นที่ 44 บรรยากาศจากมุมสูง มีหลักของไทยด้วย จากคุณ : filmee39 เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 15:38:44

ความคิดเห็นที่ 45 อเมริกา ตอนนี้เข้าไปตีซี้พม่า ไม่ได้ระบุให้พม่าต้องทำตามสนธิสัญญาปางหลวงที่เซ็ฯต่อหน้าทูตพยานอังกฤษ อเมริกาขอให้แค่พม่า ทำตัวเป็นศัตรูกับจีนก็พอ แบบนี้ก็กลายเป็นมหามิตรของพี่กันได้แล้ว ชนกลุ่มน้อยอนาคตคงลำบาก จากคุณ : หางมะกันโผล่ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:17:12 A:58.9.91.131 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 46 ผมสนิทกับชาวไทยใหญ่มากครับ สวย ผิวดี หุ่นดี น่ารัก เคยช่วยสอนภาษาไทยให้ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 16:55:25 จากคุณ : คนบนหอกลั่น เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 16:52:25

ความคิดเห็นที่ 47 ภาพ ๑๗ ใช้เอ็ม๑๖ เอ๒ ด้วย จากคุณ : ๑๔๗ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:21:51 A:118.172.121.84 X: TicketID:300719

ความคิดเห็นที่ 48 ^ ^ ^ M16A4 ครับดูที่ด้านซ้าย(ติดกับคอของหทาร) มีน๊อต 2 ตัวสำหรับถอดหูหิ้วได้ครับ ผมตั้งข้อสงสัยมาในกระทู้ก่อน ๆ แล้วครับ สงสัยเป็นของขวัญ CIA ช่วงที่ฮิลลารี่มา http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11691367/X11691367.html การเข้ามาป้วนเปี้ยนอย่างมากของ CIA MI6  ไม่แปลกใจทำไมรัฐบาลทหารพม่ามาเปิดประเทศเอาช่วงนี้ แล้วก็หน่วยราชการลับหลาย ๆ ประเทศ ที่ไม่ค่อยจะมาก็มา อย่างเยอรมันก็ไปโผล่ในเขตว้าและคะฉิ่น จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 17:44:09

ความคิดเห็นที่ 49  ไทยใหญ่มองประเทศไทย เหมือนที่ปัตตานีมองมาเลเซียเลยวุ้ย  จากคุณ : เกิดในที่สว่าง เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:06:49

ความคิดเห็นที่ 50 ทำไมพม่าซึ่งครองอากาศได้ ไม่เอาเครื่องบินมาถล่มให้ราบ คุยเฉพาะด้านการยุทธนะครับ จากคุณ : โอ๊ะเอ๊ะ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:43:07

ความคิดเห็นที่ 51 v v ผมคิดว่าทหารไทยใหญ่ถึงขนาดมี AT-4 แล้วอาวุธต่อสู้อากาศยานคงมีของแรงแน่ ของขวัญจาก CIA  อีกอย่างดอยไตแลงฐานทหารไทยใหญ่ดูในกระทุ๋ที่ 44 แทบจะเอาหลังพิงไทยเลย บินพม่าบินเลยมาคงมีเรื่องกับ F-16 แน่นอน   มีเรื่องเล่าสมัยพิพาทกูเตงนาโย่ง ตอนนั้นพม่าเริ่มใช้ทหารว้าเข้าตีไทยใหญ่ มีกลุ่มทหารลึกลับลงมาจากดอยไตแลง ตีฐานทหารว้า ละลายยกกรม  นับแต่นั้นว้าเข็ดขยาดไปเลย ทายซิว่าทหารเหล่านั้นมาจากไหน ^-^ แก้ไขเมื่อ 15 ก.พ. 55 22:14:33 จากคุณ : skyforce (Skyforce) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 21:58:50

ความคิดเห็นที่ 52 คห 51 หุหุ ช่วงนั้นทหารทางเหนือคึกคักมากรถถังวิ่งผ่านหน้าบ้านผมด้วยทั้งที่ไม่ใช้ถนนสายหลักหรือรองแต่ค่อยๆขนกำลังผ่านชุมชน จากคุณ : เขียนบน3310 (TheSmileOhho) เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 22:55:25

ความคิดเห็นที่ 53 สรุป ไทใหญ่ คือรัฐกันชนให้กับไทย... ไทยและเมกาส่งกำลังทั้งเงิน อาวุธ ยุโทปกรณ์ให้กับไทใหญ่ เหอๆๆๆ จบข่าว จากคุณ : Nanoดะ เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:42:04

ความคิดเห็นที่ 54 คห 51. รู้สึกว่าจะเป็นกองพันปีศาจหรือเปล่า พวกรบพิเศษหมวกแดง อะ จากคุณ : แมวน้ำจอมโหด เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:49:45 A:182.52.221.108 X: TicketID:277990

ความคิดเห็นที่ 55 สมัยพิพาทกูเตงนาโย่ง นี้ผมสะใจมากอะ ทหารว้าหายไปยาวๆเลย ผมว่าเข็ดขยาดไปนานเลยครับ จากคุณ : poundcat เขียนเมื่อ : 15 ก.พ. 55 23:53:29

ความคิดเห็นที่ 56 ง่ายๆคือ ดอยไตแลงก็คือจังหวัดนึงของไทยแต่เพียงอยู่นอกประเทศ กองทัพไทยใหญ่ก็เหมือนทหารกรมนึงของไทยที่อยู่นอกประเทศ แปลว่าตราบใดที่เรายังหนุนอยู่ ไทยใหญ่ไม่มีวันจะแพ้หรือมลายได้ และคงเป็นเช่นนั้นเพราะเราก็ได้ประโยชน์ พี่น้องชาวไทยใหญ่ก็ได้ประโยชน์ คนเสียประโยชน์มีแต่พม่าและว้า งั้นหนุนต่อไปครับ จากคุณ : Petshop boy เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 00:25:24

ความคิดเห็นที่ 57 เฮ้อ......ถ้าเกิดมีอย่างเวปพันทิปในมาเลเซีย แล้วมีลงกระทู้ถึงกองกำลังกู้ชาติสาธารณรัฐปัตตานีบ้าง  ในทำนองนี้ แล้วเราจะรู้สึกอย่างไร? ส่วนเรื่องรูปปั้นพระนเรศวร ผมคิดว่าพวกไทใหญ่ต้องการเอาใจเรามากกว่าเพื่อการสนับสนุนต่างๆนาๆ จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 01:46:38

ความคิดเห็นที่ 59 คห 57 ครับ อย่าเอา ไทยใหญ่ ไป เทียบกับโจรใต้เลยครับ เพราะ โจรใต้มันฆ่าหมด เด็ก ครู ประชาชนตาดำดำคนมุสลิมด้วยกันเอง แบบนี้ไม่ได้เรียกว่ากู้ชาติแล้ว ผมว่ารัฐปัตตานี ในคนมาเลเซียก็ต้องมีคุยกันบ่าง แต่ประชาชนปัตตานีส่วนมากเขาก็ไม่ได้เกลียดเราเลย มันก็มีแต่พวกชอบความรุนแรง และที่สร้างปัญหา ไทใหญ่ เขาไม่ได้เอาใจเราหรอก แต่พระนเรศวร พ่อหลวงเรา อยู่ในใจ เขาเลยและมาต้องนานแล้ว เพราะ พระนเรศวร เราเคยช่วย เจ้าเมืองไต รบกับพม่า เจ้าเมืองไตกับพระนเรศรักกันเหมือนพี่น้อง คนไทใหญ่เขาไม่ลืมประวัติๆของตนเองหรอก จากคุณ : 777 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 02:34:55 A:223.205.92.10 X: TicketID:344862

ความคิดเห็นที่ 60 เป็นสถานะการที่พูดไม่ออกเหมือนกันนะ พม่าที่เราถูกฝั่งหัวมาแต่เด็กว่าคือศัตรู เขาก็คือเพื่อนบ้านของเราเหมือนกัน ถ้าเราเป็นพม่าเราก็คงเชื่อใจไทยไม่ได้เท่าไหร่ ที่ไทยยังหนุนชนกลุ่มน้อยให้แยกตัว ผมว่าสิ่งที่ไทยใหญ่ทำในเรื่องยาเสพย์ติดมันก็คือข้อแลกเปลี่ยนอย่างนึงที่ทำให้เรายังสนับสนุนนั่นแหล่ะครับ (มันก็ดีอ่ะนะ) มันเหมือนเป็นสเกลที่เล็กลงคล้ายๆ ตอนที่เราเอาใจเมกา เมื่อต่อต้านคอมฯ ทางSSA เขาก็พิงไทยเต็มที่เพื่อป้องกันการลุยด้วยอาวุธหนัก เหมือนตอนนี้ที่ทางใต้เราก็มีใจอยู่กบัประเทศทางล่างๆ เหมือนกัน แม้จะไม่เหมือนกันเต็มที่ทางด้านอุดมการณ์ แต่ยังไงผมคิดว่า ทางหนีทีไล่ของเขาไปทางนั้นหมดแล้ว ส่วนตัวไม่ได้เกลียด SSA แต่ก็รับได้ไม่เต็มปากว่าสนับสนุนครับ เราก็ไม่รู้หรอกว่ายุทธวิธีที่เขาใช้กับพม่าเป็นยังไง แต่ที่แน่ๆ พม่าก็คงร้อนใจไม่ต่างกับเราที่ร้อนทางใต้หล่ะมังครับ จากคุณ : ใจเขาใจเราครับ (ถุนคุง) เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 04:54:29

ความคิดเห็นที่ 61 เค้ามาเช็คว่ามีรูปตัวเองติดมาไหม ฮ่าๆ จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:09:23

ความคิดเห็นที่ 62 คุณ 777 ครับ มุมมองของคนในประเทศเราทุกวันนี้ ถูกขีดกรอบบังคับให้รับรู้ตามคำบงการของผู้มีอำนาจ(มากๆๆๆๆ) โดยผ่านสื่อต่างๆ(ที่เขาควบคุม) ที่ให้เราเสพๆๆๆๆ ผ่านโสตประสาททั้งห้าทั้งหก ส่วนมุมมองของอีกฝ่าย เราหมดสิทธิ์รู้ถ้าไม่ขวนขวายจริงๆ เชื่อผมเถิดครับว่า ไทใหญ่ไม่เคยคิดรวมกับไทยทั้งๆที่เขามีสิทธิ์ตอนสงครามโลกครั้งที่สองจบใหม่ๆ ลองไปค้นประวัติศาสตร์ดูนะครับ ตอนสงครามเรายืนข้างญี่ปุ่น พื้นที่ไทยใหญ่จึงเป็นสมรภูมิของเราสู้กับกองทหารของจีนกองพล 93(ตอนหลังแพ้พวกคอมฯเลยหนีมาพม่า แล้วเลยมาอยู่ไทยเป็นการถาวรที่เชียงราย) มีครั้งหนึ่งไม่รู้ว่ามีความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ เครื่องบินทิ้งระเบิดของเรา ถล่มเมืองเขากลางตลาด ประชาชนลูกเด็กเล็กแดงตายเป็นเบือ สร้างความโกรธแก่พวกเขาไม่น้อย เจ้าของเขาเลยไม่เคยคิดรวมกับเรา แต่ไปร่วมสัญญาป่างโหลงแทน หวังจะตั้งรัฐของตนเองขึ้นมา แต่พม่ามาหักหลังเสียก่อน พวกเขาเลยไม่มีทางไป หาใครพึ่งพาไม่ได้ ก็เหลือแต่เราเนี่ยแหละ เพราะเป็นการสมประโยชน์กันดี แต่ประโยชน์ส่วนใหญ่ตกอยู่กับพวกนายทหารใหญ่ในธุรกิจค้าอาวุธซะมากกว่า ยิ่งช่วงพม่ารุกหนักมาที่ไทยใหญ่ ทางเมืองไทยก็จะมีข่าวคลังอาวุธระเบิดเป็นประจำ ซึ่งนายพลทั้งหลายก็จะออกมาให้สาเหตุว่าเพราะอากาศมันร้อน โอว์ ว๊าว  อย่างนี้ คลังอาวุธแถวตระวันออกกลางก็น่าจะระเบิดไปด้วยทั้งหมดซิ สมัยสงครามเวียดนาม ทหารอเมริกันในไทยมีคลังอาวุธที่ใหญ่และมากกว่าเรามหาศาล แต่ไม่ยักมีข่าวระเบิดแม้แต่ครั้งเดียว สรุป....ผลประโยชน์ของผู้มีอำนาจ มีผลต่อการชี้นำให้มวลชนเห็นพ้องด้วย เพื่อความชอบธรรม......ก็แค่นั้น จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 09:55:49

ความคิดเห็นที่ 63 ไทใหญ่กับโจรใต้ก็มีจุดประสงค์เดียวกันนั้นแหละ คือแยกดินแดนและตั้งประเทศ เพียงแต่ต่างวิธีการเท่านั้น ไทใหญ่ใช้วิธีสร้างกองทัพรบซึ่งหน้า โจรใต้ใช้กองโจรรบลอบกัด ผมก็ยังงงว่าทำไมมีคนคิดว่าไทใหญ่จะรวมกับไทย เค้าก็บอกอยู่โต้งๆว่าเค้าต้องการจะตั้งประเทศของเค้าเอง ธงชาติเค้าก็มีของเค้า ถ้าคิดจะรวมไทใหญ่เข้ามาเป็นจังหวัดหนึ่งของไทยไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน เค้าก็จะต่อต่อต้านไทยเหมือนที่ต่อต้านพม่านั้นล่ะ แต่โดยส่วนตัวผมไม่แนะนำให้แยกคับ ในยุคนี้สมัยนี้ไม่มีชนกลุ่มน้อยกลุ่มไหนที่แยกออกมาแล้วจะอยู่รอดได้หรอกคับ มีแต่โดนสูบจนตายเท่านั้น มีทางเดียวคือชนกลุ่มน้อยทุกกลุ่มรวมถึงพม่าต้องช่วยกันพลักดันประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในพม่า แบบที่ทำอยู่ตอนนี้ถือว่าถูกต้องแล้ว แต่จะสำเร็จไหมก็อีกเรื่อง จากคุณ : tabuya เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 10:57:07

ความคิดเห็นที่ 64 ประวัติศาสตร์ช่วงโจรมลายูยังอยู่ โจรใต้แบ่งแยกดินแดนไม่เคยกร่างขนาดนี้ ปล้นฆ่า ค่ายทหารภาคใต้ไม่เคยมี วางระเบิดฆ่าคนไม่เลือกหน้าแบบปัจจุบันไม่มี ปิดถนนยิง ทิ้งคนพุทธไม่เคยมี แต่พอไปปราบโจรมลายูให้มาเลย์ ปัญหาพวกแบ่งแยกดินแดนก็รุน แรงขึ้นจนเละเทะในปัจจุบัน ข่าวกรองมาเลย์ก็มี หน่วยงานความั่นคงเขามีครบ เขารู้ หมดว่าหลายครั้งโจรพวกนี้ก่อเหตุแล้วหนีไปหลบที่มาเลย์ แต่เขาไม่ตอบแทนแบบที่ เราเคยทำกับโจรมลายูแน่ เขาไม่โง่ที่จะมองโลกสวยเหมือนไทย ถ้าไม่มีไทใหญ่ ว้าแดง โกกั้ง ขนยากันสบาย ผลิตยาบ้าได้เป็นล้านๆเม็ดๆ ถ้าไทยช่วย กำจัดไทใหญ่ก็ดีเลย จะได้มีแนวร่วมมาช่วยกันค้ายา พม่า+จีน มีหน่วยข่าวกรองที่ดีกว่า ไทย เขาไม่รู้เหรอว่าพวกว้าที่มีชายแดนติดกันมันค้ายา และไทยเราได้ผลกระทบหนัก สุด ยาบ้าทำสังคมไทยบรรรลัยขนาดไหนแต่แหล่งผลิตพวกว้าแดงก็ยังอยู่ดีมีสุข ถ้าคิด แบบโลกสวยให้เลิกสนับสนุนไทใหญ่ เพื่อให้พม่ามองไทยเป็นเพื่อนที่น่ารัก เมื่อ นั้นยาเสพติดทะลักเข้าไทยได้ง่ายกว่าเดิมแน่ เหนือก็เจอยาเสพติด ล่างก็เจอโจรใต้ ซ้ายก็เจอการเมืองเขาพระวิหาร ให้ปัญหาค่อยๆ รุมเร้าไทย ฉุดรั้งการพัฒนาประเทศในการเป็นคู่แข่งขันทั้งทางเศรษฐกิจและความมั่น คงของประเทศเขา ด้านหนึ่งไทยคือเพื่อนบ้าน แต่อีกด้านไทยก็คือคู่แข่งขันบนเวทีโลก ไทยมีไทใหญ่คอยกวนพวกขนยา ไทใหญ่พึ่งไทยไม่ให้พม่าเข้ามากลืนพวกตน ผล ประโยชน์ต่างตอบแทน ปล.พม่าก็มีปัญหาชายแดนกับอินเดีย ตะวันออกก็มีชนกลุ่มน้อยที่ติดไทย มาเลย์ก็ไม่ ถูกกับสิงคโปร์ด้านเหนือของประเทศก็มีปัญหาโจรใต้กับไทย ทุกประเทศมีปัญหาหมด แต่เขาคงไม่ตัดสินใจทำอะไรง่ายให้เพื่อนบ้านเหมือนที่ไทยเคยทำแน่นอน จากคุณ : DEDETE เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 11:55:31

ความคิดเห็นที่ 65 จากภาพ #9 แล้ว อยากไปช่วยไทยใหญ่รบอ่ะ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 12:02:50

ความคิดเห็นที่ 66 ประวัติศาสตร์ อารยะธรรมของมนุษย์ มีขึ้น ลง สูญสลาย รบต่อสู้กัน เคยมีระดับเจ้าฟ้าไทยใหญ่ สอบติดวิศวะจุฬา ราวๆปี 2509 เขาใช้ชื่อว่า "เจ้าเสือหาญฟ้า ณ ยองห้วย" ยังไม่จบหลักสูตร หลังจากนั้นก็อพยพไปอเมริกา ไปเรียนต่อพร้อมครอบครัวด้วย มันเป็นไปได้มั้ย จะรวมกันเป็น "สหราชอาณาจักรไทย" ประกอบด้วย ไทยใหญ่, ไทยน้อย,(ไทยเรานี่แหละ) และ ลาว แต่ติดที่ ลัทธิการปกครอง ต่างกันเสียแล้ว จากคุณ : kai50 เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 13:29:07

ความคิดเห็นที่ 67 # 48 ผมว่าไทใหญ่โดนแหกตาครับ ผมว่าไม่ใช่ M16-A4 หลอกครับ มันก็แค่เปลี่ยน Upper M4/Stock A2/Handguard A2 เพราะดูลำกล้องแล้วมันบางๆพลึก ยิ่งได้เห็นภาพใน #39 แล้วยิ่งมั่นใจเพราะ Flash Hider เปิดทุกด้าน+ลำกล้องช่วงปลายที่ไม่ได้ตกอีก 1 step M16A4 ของแท้ จากคุณ : speedline เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:13:30

ความคิดเห็นที่ 68 ภาพเต็ม จากคุณ : speedline เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:14:33

ความคิดเห็นที่ 69 เอาภาพซอฟๆ ดีกว่าเนอะ เด็กน้อยกำลังนั่งชมการแสดงของทหารในวันซ้อมใหญ่ที่ดอยไตแลง จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:19:58

ความคิดเห็นที่ 70 ทุกวันนี้ พม่าอยู่ในไทเยอะจริงๆ จากคุณ : เขยสันป่าตอง เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:20:16

ความคิดเห็นที่ 71 กองเชียรนั่งดูการแข่งขันฟุตบอล จัดขึ้นที่สนามโรงเรียนดอยไตแลง มีทีมจากหมู่บ้านปางคามมาแข่งกระชับมิตรด้วย จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:22:12

ความคิดเห็นที่ 72 ขาใหญ่ประจำดอยไตแลง จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:23:26

ความคิดเห็นที่ 73 รอยยิ้มเล็กๆ บนความกดดันทางการเมือง จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:26:07

ความคิดเห็นที่ 74 บรรยากาศในโรงครัวบ้านเด็กกำพร้า เด็กๆ เค้าจะทำกับข้าวกินกันเอง ถ้าเด็กนักเรียนอยู่กับพ่อแม่ก็จะห่อมาแต่ข้าวโรงเรียนจะจัดกับข้าวไว้ให้ แต่ถ้าเป็นเด็กกำพร้าและเด็กที่มาจากที่ห่างไกล โรงเรียนจะรับเลี้ยงทุกอย่างครับ ที่นี้เรียนภาษาไทยใหญ่ พม่า ไทย อังกฤษ จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:29:34

ความคิดเห็นที่ 75 รอบๆ โรงนอน จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:31:17

ความคิดเห็นที่ 76 เท่เชียว จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:33:23

ความคิดเห็นที่ 77 ต้องถ่ายช่วงซ้อมจะได้ไม่มีนักข่าวยั่วเยี้ยเต็มไปหมด จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:34:54

ความคิดเห็นที่ 78 บริบทของไทยใหญ่กับภาคใต้เราไม่เหมือนกันนี่ครับเอามาเทียบกันไม่ได้หรอก จากคุณ : anthonoy เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:52:21

ความคิดเห็นที่ 79 หนังคนละม้วนอย่าเอามาเปรียบเทียบกันครับ ภาคใต้ของไทยกับไทยใหญ่ต้องย้อนไปดู ตั้งแต่สัญญาปางหลวงนู้น จากคุณ : leetaesok เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 14:54:40

ความคิดเห็นที่ 80 "ประวัติศาสตร์การสู้รบของไทยใหญ่เปิดฉากในปีแรกตั้งแต่รัฐฉานครบกำหนดแยกตัวเป็นรัฐอิสระตามสนธิสัญญาปางโหลงปี พ.ศ.2501 หลังจากรัฐบาลพม่าไม่ทำตามข้อตกลง " แค่นี้ก็รู้แล้วว่าเค้าสู้เพื่อเอกราชที่ "ควรจะได้" แล้ว ไม่ได้ ส่วนโจรใต้ ไม่ทราบว่ารัฐบาลไทยเคยมีสนธิสัญญาอย่างนี้รึเปล่า มันคนละเรื่องกันเลยนะ เอามาโยงกันได้ไงเนี้ย - -" จากคุณ : summer child เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 15:50:10

ความคิดเห็นที่ 81 http://www.youtube.com/watch?v=-eNwoWX0haI&feature=related คนซุ่มได้เปรียบจริงๆๆ จากคุณ : ๑๔๗ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 16:39:16 A:182.53.241.14 X: TicketID:300719

ความคิดเห็นที่ 83 คห.82 ดื่มวิต้าแล้วไปตายซะ จากคุณ : ต้อมติ้ว เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 19:46:05

ความคิดเห็นที่ 84 ฮ่าๆ มีไทยแดง ออกมาด่าไทยน้อยแหล่ว จากคุณ : อิๆ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 20:25:46 A:58.9.64.153 X: TicketID:052378

ความคิดเห็นที่ 85 จิ้มไปที่ คห.83.... อยากกระทืบ like ซัก 100 ล้านครั้ง....คุยดีๆดันเอาเรื่องการเมืองโง่ๆเข้ามาซะงั้น จากคุณ : chickennoodle เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 21:25:09

ความคิดเห็นที่ 86 82 ปญอ จากคุณ : Freedomone เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 21:29:34 A:171.96.16.166 X: TicketID:343154

ความคิดเห็นที่ 87 #82 กระทู้ดีๆกำลังจะเสียเพราะพวกคุณนะครับ จากคุณ : jubchay เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 22:05:08

ความคิดเห็นที่ 88 82 คือพวกที่ทะลุถุงยางมาเกิดครับ จากคุณ : ๑๔๗ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 22:15:34 A:182.52.188.35 X: TicketID:300719

ความคิดเห็นที่ 89 ความคิดเห็นที่ 82 หนึ่งในเหยื่อของสื่อผู้มีอำนาจ + ความเบาปัญญา = ? จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 23:31:14

ความคิดเห็นที่ 90 เราต้องไม่จับแพะชนแกะ เรื่องประวัติศาสตร์นะ สัญญาปางโหลง ทำขึ้นเนื่องจากการต้องการจับมือกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ให้แข็งแรง เืพื่อเรีกร้องอำนาจอธิปไตยคืนจากพม่า (เรียกร้องเอกราช) ซึ่งไม่เกี่ยวเลย กับการที่เค้าจะมารวมหรือไม่รวมกับประเทศไทย เพราะทั้งฉานและพม่า ต่างตกเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษทั้งคู่ เรื่องของการนับถือพระนเรศวร นั่นก็เพราะมาจากนโยบายเอาไทใหญ่เป็นกันชนให้ไทน้อยนั่นแหละ เหรียญรมดำพระนเรศวรเราเองนี่แหละ ที่เป็นคนจัดทำให้ และตอกย้ำค่านิยมนี้ให้เค้า จนเค้าเองก็นับถือพระนเรศวรมาก มากขนาดเจดีย์ที่ฝังศพพระนเรศวรโดนไถทิ้งไปแล้ว ยังไปเก็บซากอิฐ มาให้เราสร้างเจดีย์ขึ้นใหม่ในฝั่งไทย เรื่องการนับถือในหลวง พระราชินี เนื่องจากไทใหญ่เอง นับถือเจ้าฟ้าของเค้าเช่นกัน แต่เมื่อเจ้าฟ้าของเค้าไม่มีเหลือแล้ว ในหลวง พระราชินี จึงเป็นตัวแทนของเจ้าฟ้าแผ่นดินของเค้าไปโดยปริยาย ซึ่งไม่เพียงแต่ไทใหญ่ คนไทยในมาเลที่ไทรบุรี หรือคนไทยในรัฐอัสสัม ต่างก็นับถือในหลวง พระราชินี กันทั้งนั้น อีกเรื่อง ปัจจุบันนี้ SSA เซ็นสัญญาหยุดยิงกับพม่าแล้ว ต่อไปคงเป็นหน้าที่ของ RCSS ที่จะเข้ามามีบทบาทมากขึ้นแทน หมายความว่า นี่กำลังจะหมดยุคของรัฐกันชนแล้วโดยสมบูรณ์แล้ว ซึ่งเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ไทใหญ่เองก็ตัดพ้อเรื่อง พี่น้องที่อยู่แดนใต้หลงลืมเค้าเหมือนกัน (ซึ่งเด็กรุ่นใหม่ของคนไทยสยามก็ไม่ได้ถูกปลูกฝัง เรื่องของความรักในชนชาติไทอยู่แล้ว จะถูกปลูกฝังเรื่อง ความรักในชาติที่เป็นขวานทองเท่านั้น) ภาคใต้เราแบ่งไม่ได้ฉันใด รัฐฉานก็คงแบ่งออกไม่ได้ฉันนั้น ก็ได้แต่หวังว่า พม่า จะเป็นสหภาพที่ทุกชาติพันธุ์อยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข เสียที จากคุณ : SSA แฟนขับ เขียนเมื่อ : 16 ก.พ. 55 23:41:20 A:113.53.57.169 X: TicketID:262793

ความคิดเห็นที่ 91 ชอบ #90 จากคุณ : กร๊องงง เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 00:42:54

ความคิดเห็นที่ 92 พม่าเข้ายึดครองฉานตั้งแต่ประมาณ300ปีก่อน ก่อนหน้านี้ ฉานก็เหมือนล้านนาที่ปกครองตัวเอง มีกษัตริย์ปกครอง พอถึงยุคล่าอาณานิคมอังกฤษเข้ายึดพม่าและฉาน และแบ่งการปกครอง และเคยให้สัญญาฉานว่าจะให้เอกราช ตามที่ข้างบนบอกละ พออังกฤษให้เอกราชพม่า ก็มีสนธิสัญญาว่าจะให้เอกราชฉานด้วย แต่พม่าเบี้ยว ย้อนไปตอน สงครามโลกครั้งที่ 2 ไทยเคยยึดฉานไว้ http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%A1 สหรัฐไทยเดิม แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 09:09:53 จากคุณ : 3N เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 09:09:11

ความคิดเห็นที่ 93 สหรัฐไทยเดิม หรือ จังหวัดไทยใหญ่ คือดินแดนทางภาคเหนือของประเทศไทย มีอาณาเขตรวมดินแดนของรัฐฉานและเชียงตุงในประเทศพม่า โดยอังกฤษยึดครองไว้ตั้งแต่ พ.ศ. 2433 จนกระทั่งสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นขอให้ไทยสมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ยกกำลังทหารขึ้นไปยึดดินแดนส่วนนี้จากทหารจีนก๊กมินตั๋ง ของจอมพลเจียงไคเช็ก วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2485 วันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2486 พลเอก โตโจ (ญี่ปุ่น) ได้มาพบ จอมพล ป. พิบูลสงคราม เพื่อมอบพื้นที่จำนวน 12 เมือง โดยทั้งนี้ไทยผนวกดินแดนสหรัฐไทยเดิมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศไทย[1][2] ทั้งนี้ได้ประกาศจัดตั้งเป็นอำเภอ 12 อำเภอ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2486 จนกระทั่งสิ้นไทยได้ส่งมอบรัฐเชียงตุง และรัฐเมืองพาน ให้กับกองพลอินเดียที่ 7 เมื่อวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2488 รัฐบาลไทยสมัย นายควง อภัยวงศ์ ต้องคืนดินแดนส่วนนี้ให้กับสหประชาชาติ ทั้งนี้เมื่อ 1 มกราคม พ.ศ. 2489 ไทยได้ตกลงทำสัญญาที่เรียกว่า ความตกลงสมบูรณ์แบบเพื่อเลิกสถานะสงคราม ระหว่างไทยกับสัมพันธมิตร ประกอบด้วยสัญญา 24 ข้อ[3] อันเป็นการครอบครองดินแดนสหรัฐไทยเดิมสิ้นสุดลง โดยอังกฤษได้เข้ามามีบทบาทในการผนวกดินแดนนี้เข้ากับประเทศพม่าในเวลาต่อมา   เขตการปกครอง เมื่อกองกำลังพายัพปกครองสหรัฐไทยเดิม ได้แต่งตั้งให้ พลตรีผิน ชุณหะวัณ รองแม่ทัพกองทัพพายัพ เป็นข้าหลวงทหาร ประจำรัฐไทยใหญ่ และมีการตั้งศาลากลางสหรัฐไทยเดิมขึ้นที่เมืองเชียงตุง แบ่งท้องที่การปกครองออกเป็น 12 อำเภอ คือ อำเภอเมืองเชียงตุง อำเภอเมืองยอง อำเภอเมืองพยาค อำเภอเมืองยู้ อำเภอเมืองชิง อำเภอเมืองมะ อำเภอเมืองยาง อำเภอเมืองขาก อำเภอเมืองเลน อำเภอเมืองโก อำเภอเมืองสาด และอำเภอเมืองหาง พร้อมทั้งได้ตั้งศาลขึ้น 3 แห่ง ที่เมืองเชียงตุง เมืองสาด และเมืองหาง[4] [5] โดยมีตราประจำศาลสหรัฐไทยเดิม ทั้ง 3 ศาล โดยใช้ตราประจำชาติ คือดวงตรารูปวงกลม ศูนย์กลางกว้าง 5 เซนติเมตร ลายกลางเป็นตราแผ่นดิน เบื่องล่างมีอักษรชื่อศาลตามชื่อเมือง ดังนี้ สาลเมืองเชียงตุง สาลเมืองสาต และสาลเมืองหาง [6] แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 09:11:04 จากคุณ : 3N เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 09:10:43

ความคิดเห็นที่ 94 ใน คห 90 RCSS คืออะไรเหรอครับ จากคุณ : แข้งบวม เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 11:58:16

ความคิดเห็นที่ 95 รัฐปัตตานีมันจบไนานแล้วครับพี่น้อง ผมเคยอยู่ในพื้นที่ รู้ดีว่าชาวบ้านแถบนั้นก็คือคนไทย คนไทยแท้ๆนะครับ ตัวเป็นไทย ใจก็เป็นไทย ถึงจะสนิทสนมชิดเชื้อกับมาเลย์ยังไงก็เหอะ ไอ้ข้ออ้างรัฐปัตตานีเนี่ย มันไว้ใช้เป็นข้ออ้างของบุคคลบางกลุ่มเท่านั้นครับ เอาไว้ปลุกปั่นเฉยๆ จากคุณ : เป็นบัตรผ่านตั้งนาน (เป็นบัตรผ่านตั้งนาน) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 12:06:06

ความคิดเห็นที่ 96 ทหารพม่ายังคงละเมิดสิทธิฯ ปชช.ผู้บริสุทธิ์อยู่อย่างต่อเนื่อง Tuesday, 14 February 2012 12:42 วันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2555 อันเป็นวันมหามงคลที่ประชาชนชาติพันธุ์ไต ต่างพากันเฉลิมฉลอง เนื่องในโอกาสที่วันชาติไตได้เวียนมาบรรจบครบรอบปีที่ 65 แต่ทหารพม่า สังกัด พัน.ร.99 ทพม.(ลางเคอ) กลับเจตนาเหยียบย่ำความรู้สึกของประชาชนชาติพันธุ์ไตผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่ โดยทหารพม่าได้ออกคำสั่งบีบบังคับให้ชาวบ้านในพื้นที่จาก 3 ตำบล รวม 16 หมู่บ้าน ให้ขึ้นไปแจ้งข่าวความเคลื่อนไหวต่าง ๆ ในพื้นที่ของตน ให้ทหารพม่าบนฐานปฏิบัติการ พัน.ร.99 ทพม.(ลางเคอ) ได้รับทราบ โดยกำหนดเวลาแจ้งข่าว อาทิตย์ละอย่างน้อย 1 ครั้ง โดยสั่งกำชับแน่นหนาว่า แม้ไม่มีข่าวก็ต้องขึ้นไปแจ้ง โดยที่ทหารพม่าได้กำหนดโทษไว้ว่า หากว่าชาวบ้านในพื้นที่ใดก็ตาม ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าว จะได้รับโทษสถานหนัก ข้อหาฝ่าฝืนคำสั่งของทหารพม่า ซึ่งจากคำสั่งเผด็จการดังกล่าวของทหารพม่า ส่งผลให้ชาวบ้านในพื้นที่ 3 ตำบลต้องได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก เพราะค่าใช้จ่ายในการขึ้นไปส่งข่าวบนฐานปฏิบัติการของทหารพม่านั้น ชาวบ้านต้องเรี่ยไรเงินเป็นค่าเดินทางส่งข่าวครั้งละประมาณ 15,000 จ๊าต (หนึ่งหมื่นห้าพันจ๊าต) รายชื่อหมู่บ้าน 16 หมู่บ้าน ใน 3 ตำบล ที่ถูกทหารพม่าใช้อำนาจเผด็จการบังคับ ได้แก่ (1)       ตำบลหนองโหลง มีหมู่บ้าน น้ำตื้น – ป๋างแก่น – หาดใหม่ – ห้วยสิ่ม – ตึงกว้าง – น้ำหน่อ –หนองคอก – หนองเต่า (2)       ตำบลบ้านจิต มีหมู่บ้าน น้ำตึง – นาคา – บ้านใหม่ – กุงส่า (3)       ตำบลฮายกล้วย มีหมู่บ้าน สวนอ้อย – นาใหม่ – บ้านจอง – หัวห้า จากพฤติกรรมดังกล่าวของทหารพม่านั้น ทำให้แหล่งข่าวในพื้นที่ถึงกับอวดครวญว่า นอกจากเป็นการจงใจสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านในพื้นที่แล้ว ทหารพม่ายังแสดงเจตนาให้เห็นว่า กองทัพพม่า ภายใต้การนำของ ปธน.เต็งเส่ง ไม่ได้ยึดมั่นต่อข้อตกลงหยุดยิงกับกองทัพรัฐฉาน (S.S.A.) ที่ได้ดำเนินข้อตกลงร่วมกันไปก่อนหน้านี้อย่างจริงจัง ติดตามข่าวโดยตรงได้่ทางนี้ ครับ http://taifreedom.net/a_tha/ จากคุณ : TheSmileOhho เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 12:51:53

ความคิดเห็นที่ 97 RCSS คือ สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน SSA คือ กองทัพรัฐฉาน เมื่อพม่าพยายามปฏิรูปการเมืองครั้งหลังสุดนี้ พม่าประสบความสำเร็จอย่างมาก ในการเจรจาหยุดยิงกับกองกำลังกลุ่มต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม เมื่อมีสัญญาหยุดยิง ตราบที่ ไม่มีใครละเมิดสัญญา หรือแสดงความไม่จริงใจในการหยุดยิง กองกำลังSSA ก็จะคงอยู่ในสถานะนั้น ยังคงอยู่ในเขตอิทธิพลของตน ยังคงไม่ยุบไปไหน แต่เมื่อไม่มีการรบเกิดขึ้น จึงเป็นหน้าที่ของฝ่ายการเมือง ที่จะดำเนินงานต่อไป ซึ่งตอนนี้ทั้งรัฐบาลพม่า และ RCSS ต่างก็แสดงความจริงใจ ในการแก้ไขปัญหาด้วยการเจรจา ตอนครั้งสงครามโลกครั้งที่2 นั้น ประเทศไทย เคยได้ดินแดนต่างๆกลับคืนมามาก ไม่เพียงแต่ดินแดน ทางภาคเหนือเท่านั้น แต่ทางภาคตะวันออกเอง พระตะบอง เรียมราฐ(เสียมเรียบ) ศรีโสภณ เราก็เคยได้คืนมาด้วย(จากการเข้าแทรกแซงของญี่ปุ่น) แต่มันก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆเท่านั้น เมื่อสงครามจบลง ทุกอย่างก็เป็นเหมือนความฝัน อีกข้อหนึ่งคือ กองกำลังSSA ภายใต้การนำของ เจ้ายอดศึก ไม่ใช่ 5,000 นาย ตัวเลขนี้เป็นตัวเลขเก่า สมัย เจ้ายอดศึก เป็น พันเอกเจ้ายอดศึก ปัจจุบัน กองกำลังSSA ของพลโทเจ้ายอดศึก มีกำลังทหารไม่ต่ำจาก 10,000 นาย (ไม่มีการเปิดเผยตัวเลขที่แน่ชัด) จากคุณ : SSA แฟนขับ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 13:11:29 A:113.53.57.169 X: TicketID:262793

ความคิดเห็นที่ 98 #97 คุณ SSA แฟนขับ ขอบคุณมากครับ ดูจากกองกำลังแล้ว ถ้าหลังไม่พิงบ้านเราเอาไว้คง สูญหายไปได้ไม่ยาก ค้นดูใน WiKi มีประชากรณ์ ราว 4 ล้านคน (พศ 2541) ทหารน้อยไปไหมครับ หรือ มีทุนที่จำกัด SSA ของรัฐฉานทั้งรัฐหรือเปล่าครับ หรือแค่บางส่วนเท่านั้น จากคุณ : แข้งบวม เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 15:14:18

ความคิดเห็นที่ 99 ความคิดเห็นที่ 90 ไปอ่านประวัติศาสตร์ให้ดีกว่าจะมาให้ข้อมูลนะ ตอนอังกฤษปกครองพม่า(ไม่ใช่ตามแผนที่พม่าในปัจจุบันนะ) ก็แบ่งพื้นที่(ตามแผนที่พม่าในปัจจุบันนะ)ออกเป็นสองส่วน คือ พม่า กับ พื้นที่ชนกลุ่มน้อย(กระเหรี่ยง, มอญ, ไทยใหญ่, คะฉิ่น ฯลฯ) พอตอนให้เอกราช ทุกพื้นที่มีสิทธิ์เท่าเทียมกันหมดจ๊ะ อย่ามาอิงแผนที่พม่าในปัจจุบัน เดี๋ยวเกิดอาการงงอย่างที่คุณเป็นอยู่นะ จากคุณ : Mikoyan เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 16:03:54

ความคิดเห็นที่ 100 ผมไม่ได้อ้างอิงแผนที่ปัจจบันนะครับ ผมแค่ไม่ศึกษาประวัติศาสตร์แบบจับแพะชนแกะ อังกฤษปกครองพม่ากับฉาน แยกกันนั้นถูกต้อง แต่ในการขอเอกราชคืนนั้น ขอร่วมกันในนาม สหภาพ ทำให้เมื่อได้รับเอกราชแล้ว พม่ากับฉานจึงตกเป็นผืนแผ่นดินเดียวกัน และเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับแรกที่ร่วมกันร่างขึ้นถูกฉีกทิ้ง ทำให้สิทธิ์ในการแยกตัวของกลุ่มชาติพันธุ์ถูกยกเลิกไปด้วย สงครามจึงได้เกิดขึ้น ผมถึงบอกว่า เราไม่ควรจับแพะชนแกะ ในเรื่องประวัติศาสตร์ จากคุณ : SSA แฟนขับ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 17:04:42 A:182.53.255.96 X: TicketID:262793

ความคิดเห็นที่ 101 SSA ไม่ใช่ของรัฐฉานทั้งรัฐครับ กองกำลังกู้ชาติมีหลายกลุ่ม ต่างคนต่างทำไม่ได้มีเอกภาพขนาดนั้น จากคุณ : SSA แฟนขับ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 17:18:11 A:182.53.255.96 X: TicketID:262793

ความคิดเห็นที่ 102 ผมขอedit ข้อความใน 90 นะครับ ขึ้นไปอ่านพบเนื้อหาผิดพลาด สัญญาปางโหลง กลุ่มชาติพันธุ์ทำขึ้น เพื่อร่วมกันเรียกร้องเอกราชจาก อังกฤษนะครับ ไม่ใช่จากพม่า ตอนนั้นฉาน ยังเป็นดินแดนในอารักขาของอังกฤษ เรื่องที่เค้าไม่มารวมกับเรา เพราะโกรธที่เราเอาระเบิดไปลงตลาด จึงเป็นไปไม่ได้ครับ จากคุณ : SSA แฟนขับ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 17:31:05 A:182.53.255.96 X: TicketID:262793

ความคิดเห็นที่ 103 ให้กำลังใจไทยใหญ่ครับ จากคุณ : Angleevil เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 20:29:53

ความคิดเห็นที่ 104 ที่คุณ SSA แฟนขับ บอกว่า พี่น้องด้านใต้ลืม SSA อยากจะบอกว่า พี่น้องด้านใต้ ก็ไม่เคยอะไรกับ SSA มาอยู่แล้วนี่ครับ มีแต่แฟนคลับจำนวนหนึ่งเท่านั้น ที่เอาใจช่วยจะเพราะชาติพันธุ์ใกล้เคียงกันหรืออะไรก็แล้วแต่ ที่ SSA ไม่กล้าบอก น่าจะหมายถึง รัฐบาลไทย ในยุคนั้น ๆ มากกว่าครับ ถ้าสังเกตให้ดี ยุคไหนรัฐบาลไทยเน้นการค้าขาย ยุคนั้นข่าวการรบพุ่งระหว่างชนกลุ่มน้อยกับ SLOC หรือ SPDC ในปัจจุบัน ก็แทบจะนับข่าวได้ ถึงมียิงกันให้ตายแค่ไหน ข่าวก็โดนปิด แต่ถ้าเมื่อไรรัฐบาลไหน พรรคไหน เน้นเรื่องนโยบายความแข็งกร้าว ยุคนั้นก็จะได้ยินข่าวบ่อยขึ้น และแน่นอนว่า "ความช่วยเหลือด้านทหาร" ก็จะสะดวกมากขึ้น จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 20:58:48

ความคิดเห็นที่ 105 แล้วชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในพม่าเนี่ย ที่อยู่ได้ ก็เพราะมีต่างประเทศหนุนหลังทั้งนั้น ประเภทที่ว่าไม่มีหนุนเลยนี่ ทำอะไรไม่ค่อยสำเร็จหรอก ซึ่งก็ต้องอิงกับนโยบายของประเทศที่เป็นฐานด้วยว่า จะเอาไง อย่าง โกก้าง ที่จีนเป็นฐานให้ ปีกลายก็โดนถล่มเละเทะ กลายเป็นจังหวัดหนึ่งของพม่าไปแล้ว เพราะจีนไม่เล่นด้วย เช่นกัน KNU ที่แตก ก็เพราะรัฐบาลบางประเทศไม่สนับสนุนต่อ เช่นกัน SSA ไม่ว่าจะ SSA-N ภายใต้ พลตรีป่างฟ้า หรือ SSA ของเจ้ายอดศึก ทั้งสองกลุ่มก็อิงกับประเทศทางด้านตะวันออกอยู่ ถ้านโยบายเปลี่ยน ก็ต้องทำใจ ผมเชื่อว่า  SSA เจ้ายอดศึก ไม่ได้ต้องการเจรจาจริงจังหรอก แต่เมื่อ "Back UP"  สั่งมา ก็ต้องทำตาม ไม่งั้นก็อดน่ะเช่ พม่าเอง ก็เพิ่งบดขยี้  KIA หรือ กองกำลังกะฉิ่น ไปเมื่ออาทิตย์ก่อนนี่เอง ทั้ง ๆ ที่นโยบายที่ออกมาดูสวยหรู แต่สุดท้ายก็ยิงกันอยู่ดี เดา ๆ ไว้เลยว่า อีกไม่นาน ก็ยิงกันอีก  "เพราะขัดผลประโยชน์กัน" ที่ผ่านมา ยังไม่เคยเห็นพม่าใจดี ปล่อยให้ชาติพันธุ์อื่น ๆ เสวยสุขในดินแดนตัวเองได้นาน สักพัก เดี๋ยวพม่าก็จะแปลงร่างเป็นเครื่องสูบน้ำ สูบทุกสิ่งออกไปอยู่แล้ว ตามนิสัยเดิม จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 21:06:43

ความคิดเห็นที่ 107 มันอยู่ตรงไหนในแผนที่ครับ อยากรู้จริงๆ จากคุณ : หนุ่มเมืองใต้ เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 10:10:43

ความคิดเห็นที่ 108 ผมสนับสนุนการปกครองรูปแบบ สหรัฐพม่าครับ เพราะพม่ามีหลายชนชาติ หลายเผ่าพันธุ์ที่รู้สึกอยากเป็นอิสระ ไม่ว่าทางฉาน หรือทางยะไข่ ซึ่งก็มีปัญหา ถ้าปกครองในรูปแบบที่แต่ละรัฐ ได้ปกครองตัวเองระดับหนึ่ง แบบ USA / UAE / Malaysia จะมั่นคงขึ้นครับ จากคุณ : master foo bar เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 13:59:47

ความคิดเห็นที่ 109 คห 106 บ้านถูกเผาเหรอ จากคุณ : empaza เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 18:22:24

ความคิดเห็นที่ 110 #80 ของเราก็มีคล้ายๆกัน กรณีเจ้าแขกเจ็ดหัวเมือง : พ.ศ. ๒๔๔๔ เมื่อรัฐบาลสยามออกกฎข้อบังคับสำหรับปกครองบริเวณ ๗ หัวเมือง http://61.47.2.69/~midnight/midnight2545/document9688.html "..แต่ที่น่าสนใจและไม่ค่อยได้กล่าวถึงกันนัก คือรายละเอียดของสิ่งที่เกิดขึ้น และรายละเอียดของการที่เหตุการณ์จบลง คงกล่าวได้ว่าพระยาศรีสหเทพมีบทบาทสำคัญในการปฏิรูปการปกครองหัวเมืองฝ่ายใต้ วิธีการที่ท่านใช้คือการลวงให้รายาปัตตานีลงนามในหนังสือ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงการปกครองเมืองของตนเอง และเมื่อรายาปัตตานีประจักษ์ว่า ตนถูกหลอกและประท้วงแสดงความไม่เห็นด้วย ที่สุดก็ต้องถูกจับและบังคับด้วยกำลังให้ยินยอม เหตุการณ์จบลงโดยไม่เสียเลือดเนื้อ ..." ยังมีเรื่องของสนธิสัญญา Anglo-Siam Tyeaty 1909 ที่ยกหัวเมืองมลายูให้อังกฤษ "...วันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๔๕๒ สยามลงนามใน "สัญญากรุงเทพฯ" ยกสิทธิการปกครองและบังคับบัญชาเหนือไทรบุรี กลันตัน ตรังกานู และปะลิส รวมทั้งเกาะใกล้เคียงให้อังกฤษ โดยฝ่ายอังกฤษรับรองว่าจะให้รัฐบาลสหพันธรัฐมลายู จัดการหนี้สินที่รัฐเหล่านั้นมีกับรัฐบาลสยามให้เรียบร้อย กับยอมยกเลิกสิทธิสภาพนอกอาณาเขตและอำนาจกงสุลในสยาม ส่วนคนในบังคับอังกฤษก็ได้รับสิทธิเช่นเดียวกับคนพื้นเมือง เว้นแต่ไม่ต้องเป็นทหารเท่านั้น(๕) ในสายตาของนักประวัติศาสตร์บางคน สนธิสัญญานี้เป็นผลดีต่อไทย ในแง่ของความเข้มแข็งและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของประเทศ แม้จะต้อง "เสียดินแดนมลายู ๔ รัฐ รวมเนื้อที่ประมาณ ๑๕,๐๐๐ ตารางไมค์ และพลเมืองกว่าห้าแสนคนให้อังกฤษก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ดินแดนที่เป็นคนไทยแท้ๆ"(๖) อันที่จริงสนธิสัญญานี้ทำให้สุลต่านมลายูบางองค์ โดยเฉพาะที่กลันตันและตรังกานู โกรธเคืองมากจนปรารภกับนาย Arthur C. Adams ที่ปรึกษาการคลังอังกฤษประจำไทรบุรีว่า "ประเทศของฉัน ประชาชนของฉัน ถูกขายไปเหมือนกับการขายลูกวัว ฉันให้อภัยคนซื้อ ซึ่งไม่มีพันธะกับฉันได้ แต่ฉันให้อภัยคนขายไม่ได้"(๗)... " หรือเรื่องไม่กี่ิสิบปีที่แล้ว แบบจับหยีสุหรง ถ่วงน้ำทะเลสาปสงขลา โดยใช้คำสั่งราชการเรียกตัวมา ก็เป็นเรื่องที่ฮือฮากันไม่รู้จบ ผมไม่ได้สนับสนุนโจรใต้ แต่จะบอกว่าประวัติศาสตร์บ้านเรา ก็มีเรื่องดำมืดที่้ไม่เขียนไว้ในหนังสือเรียนเช่นกัน และบางอย่างก็เป็นชนวนสำคัญที่ทำให้มันไม่สงบลงง่ายๆอย่างที่หลายคนคิดว่าไม่มีอะไรเสียด้วย ส่วนพม่า ถ้ารบ.ทหารพม่าึคิดก้าวหน้า ก็อาจจะเปลี่ยนแปลงเป็นระบบสหพันธรัฐ ยืดหยุ่นให้หน่อย เพราะรู้ว่าชนกลุ่มน้อยไม่สามารถอยู่เป็นรัฐอิสระได้ง่ายๆเหมือนหลายสิบปีที่แล้วอีกต่อไป เอาง่ายๆแค่ CIA เลิกสนับสนุนเงินและอาวุธ เขาจะเอาเงินจากไหนมาสู้?(อย่าพูดถึงการรวมกับรัฐไทยเลย เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ ไม่งั้นเกิดสงครามใหญ่แน่) สุดท้ายมันก็ต้องหาทางอยู่ร่วมกัน โดยสมประโยชน์กันได้ในทางใดทางหนึ่ง จากคุณ : ....4จุด เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 21:43:09

ความคิดเห็นที่ 111 กรณีของ ๓ จังหวัดใต้ กับ กรณีของ ชนกลุ่มน้อยในพม่า ดูเหมือนจะคล้าย แต่จริง ๆ แล้วประเด็นหลักต่างกันครับ ๓ จังหวัดนั่น เน้น ๆ ไปที่เรื่องของวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน เข้ากันไม่ได้แน่ ๆ และไม่น่าจะมีทางเข้ากันได้ด้วย แต่กรณีของพม่ากับชนกลุ่มน้อย ไม่ใช่เรื่องวัฒนธรรม แต่เป็นเรื่อง "ผลประโยชน์" ล้วน ๆ ครับ ต่อให้จัดรูปแบบการปกครองเป็นสหพันธรัฐ แต่ถ้า นายพลพม่า ยังไม่เลิก "รับประทาน" ก็อย่าไปหวังจะเห็นความสุขสงบครับ เอาง่าย ๆ แค่เปลี่ยนแม่ทัพภาคของพม่าที ก็เดือดร้อนกันทั่วทุกหย่อมหญ้าแล้ว จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 22:06:31

ความคิดเห็นที่ 112 เรื่องจริงก็ชัดเจน อย่างกรณี DKBA ของ พันเอกนะเคามวย ที่เพิ่งยิงกับพม่าที่แม่สอดเมื่อปีกลาย อยู่ ๆ DKBA ไปจับมือกับ KNU ซะงั้น ปกติเกลียดกันเข้าไส้ แต่พอ DKBA กลุ่มของ พันเอกนะเคามวย โดนพม่าเอาเปรียบเรื่องผลประโยชน์ต่าง ๆ (ไม้, ส่วยค่าผ่านทาง)  ถึงกับทำให้ พันเอกนะเคามวย ยอมจับมือกับ KNU ได้ เรื่องนี้ก็ชัดเจนครับ เพราะฉะนั้น อย่างที่บอกไป ถ้าผู้มีอำนาจใน SPDC ทุกระดับ ยังไม่คิดว่าชนเผ่าอื่น ๆ มีสิทธิและกรรมสิทธิในดินแดนของตัวเอง ยังจะตักตวงและกอบโกยทุกสิ่งอย่าง "มูมมาม" ก็อย่าไปหวังจะเห็นความสุขสงบเกิดขึ้นครับ  SSA เอง ลองถ้ารัฐบาลไทยเปลี่ยนนโยบายสิครับ เดี๋ยวก็มียิงกันอีก จากคุณ : ผ้าพับไว้ เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 22:12:25