ความคิดเห็นที่ 1 การลบ... เลขสองหลัก - เลขหนึ่งหลัก  ค่ะ จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 18:40:49

ความคิดเห็นที่ 2 การบวกเลข...เลขสองหลัก + เลขสองหลัก ค่ะ ตอนจขกท.เรียนป.1 จำได้ว่าตั้งเลขข้างบนและข้างล่าง คิดในใจ ...บวกตัวท้ายหลักหน่วยก่อน เกินสิบแล้วปัดเก็บไว้ในใจ จากนั้นบวกตัวข้างหน้า แล้วเอาเศษที่เหลือมาบวกเพิ่ม  จึงจะได้คำตอบน่ะค่ะ  ไม่ทราบว่าเด็กสมัยนี้ เรียนแบบใหม่หรือยัง จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 18:43:12

ความคิดเห็นที่ 3 แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 19:15:10 จากคุณ : MarsksMan เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 19:14:50

ความคิดเห็นที่ 4 เป็นการสอนเด็กให้คิดอย่างซับซ้อน ตั้งแต่เด็ก เยี่ยมเลย ถึงว่าญี่ป่นถึงเก่งเทคโนโลยี จากคุณ : ต้นอ้อที่ไหวลม (ต้นอ้อที่ไหวลม) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 19:23:21

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าการคิดเลขดังเช่นใน คห.2 ยังไม่ดีที่สุดนะครับ ที่ผมเห็นว่าดีที่สุด(ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ) ควรทำดังนี้ครับ โจทย์: 16+25 = ? step1: (16 + 20) + 5 = ? step2: 36 + 5 = ? step3: 41 = ? //ans ท่านเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ การคูณ หรืออะไรก็เช่นกัน ควรจะคิดจากหน้าไปหลัง เช่น โจทย์ 28 * 8 = ? step1: 20 * 8 = 160 step2: 8 * 8 = 64 step3: 160 + 64 = 224 //ans (ถ้าจะซอยย่อยอีก ก็ 160 + 60 = 220 และต่อด้วย 220 + 4 = 224 ครับ) ท่านเห็นว่าอย่างไรบ้างครับ จากคุณ : หล่อเขลา เบาปัญญา เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 19:44:05

ความคิดเห็นที่ 6 ถ้าเป็นของไทย ต้องลอกโจทย์ แล้วแสดงวิธทำ ยิ่งยาวยิ่งได้คะแนนเยอะ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 19:55:05

ความคิดเห็นที่ 7 คหสต. นะคะ คิดว่าสำหรับหลักการบวกลบเลข สำหรับเด็กๆแล้ว  ทำให้เป็นเลขวงกลมข้างหลัง เช่น 10+20 หรือ 20+30  แบบนี้มาก่อน  จะง่ายที่สุด จากนั้นเอาเลยเดี่ยว มาบวกกันที่ง่ายเช่นกัน  เลยมองภาพได้ง่ายขึ้น หรือเปล่าคะ...ผ่านเลยวัยนั้นมานาน ความคิดตอนป.1 ประมาณไหนจำไม่ได้ จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 20:01:52

ความคิดเห็นที่ 8 คิดแยกเป็นหลักๆ  หลักร้อย หลักสิบ หลักหน่วย  หลักการรวมแล้ว  เหมือน วิธีคิด แบบใช้ ลูกคิด ที่คิดโดยคนจีนมาหลายร้อยปี จากคุณ : RuAmMiTr เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 20:23:33

ความคิดเห็นที่ 9 RuAmMiTr  จริงเหรอคะ ปกติไม่เคยเรียนลูกคิด  แต่เด็กญี่ปุ่นเรียนลูกคิดกันเยอะมาก โดยเฉพาะเด็กที่คิดเลขช้า จะต้องเรียนนี่เสริมเลยค่ะ จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 20:41:52

ความคิดเห็นที่ 10 โจท 16 + 25ผมคิดวิธีนี้นะ ผมดึง 6 ตัวหน้ามา+กับ25หลังเลย ตัดให้เลขตัวหน้ามันเป็นเลข 10ไปเลย แล้วเอามา + ทีหลังผมรู้สึกง่ายดี เช่น 16 + 25 10+(6+25) 10+31 =41 ผมใช้วิธีนี้อะ ชอบปัดเลขฝั่งไหนก็ได้ให้เป็น เลขหลัก 10 ไปเลย ละเอามา+ทีหลัง หรือจะเอา (16+5)+20 21+20 =41 อะไรประมาณนี้ปัดเลขหลัก 10 ให้เป็น 0 ไปเลยจะได้ไม่งง แก้ไขเมื่อ 17 ก.พ. 55 21:04:46 จากคุณ : mr.yoshiki เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 21:03:13

ความคิดเห็นที่ 11 ผมก็ทำแบบนี้แหละครับ ง่ายดีคับ จากคุณ : น้าพร เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 22:08:41

ความคิดเห็นที่ 12 เหมือนกันเลยครับ คิดเศษที่เหลือแล้วเอามารวมกับจำนวนเต็มทำให้คิดไวครับ จากคุณ : ปลาวัวตัวอวบอัด เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 23:03:31

ความคิดเห็นที่ 13 16+25 ผมใช้วิธีนี้ครับ 1+2 เป็น3 6+5 เป็น1 1 ได้รวม 4 1 คงคิดแบบหลักมากไปหลักน้อยอ่าครับ ถ้าเลขน้อยๆอย่างนี้ แต่ถ้าหลักมันเยอะจริงๆ ผมก็คิดจากหลังไปหน้านั้นล่ะครับ ทดไม่ไหว จากคุณ : KIAZZE เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 23:43:17

ความคิดเห็นที่ 14 ผมคิดว่าเขาต้องการฝึกเด็กให้มองภาพเป็นครับ ไม่จำเป็นจะต้องเอาวิธีที่ง่ายที่สุด แต่เอาวิธีที่เป็นธรรมชาติที่สุดครับ ลองพิจารณาวิธีการสอนบวกและลบในโจทย์เดียวกันดูนะครับ ทำไมต้องโยงเส้นเชื่อม ทำไมไม่สอนว่า5-1+3=4+3=7 เพราะวิธีการดังกล่าวจะทำให้เด็กไม่รู้ว่า4มันมาจากไหนไงครับ จึงต้องโยงเส้นมาให้เห็นภาพ ซึ่งการโยงเส้นแบบนี้จะดูเป็นวิธีที่ธรรมชาติที่สุดแล้วเพื่อให้เด็กสามารถเข้าใจได้อย่างง่าย และที่สำคัญ เพื่อฝึกให้เด็กสามารถคิดในใจได้ เพราะวิธีนี้เด็กจะมองเห็นกระบวนการคิดชัดเจนที่สุด จึงสามารถมองโจทย์แล้วคิดในใจได้โดยที่ไม่ต้องเขียนหลายขั้นตอน การเขียนหลายๆขั้นตอนนั้นไม่ได้เกิดผลดีเสมอไป แต่จะเกิดผลเสีย เนื่องจากเด็กจะไม่เห็นภาพโดยรวมของโจทย์ที่แท้จริง แต่เด็กคิดไปตามขั้นตอนที่ตัวเองได้เขียนลงไปเท่านั้น การที่แสดงวิธีละเอียดเกินไป ทำให้เด็กขาดเซนส์ในการแก้โจทย์ และยังไม่รู้ที่มาที่ไปของวิธีการคิดต่างๆ เวลาคิดก็คิดเหมือนหุ่นยนต์ ที่เมื่อใส่ข้อมูลลงไปแล้ว จะแปรผลตามขั้นตอนเป๊ะๆ นับวันมนุษย์ใกล้จะกลายเป็นหุ่นยนต์เข้าไปทุกทีแล้วล่ะครับ เพราะจากการที่แสดงวิธีทำละเอียดมากเกินไปนี่ล่ะครับ ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆนะครับ เช่น ระหว่างหารสั้นกับหารยาวที่จริงแล้วมันเหมือนกัน ถ้าจะให้เด็กฉลาดต้องหารสั้นครับ เพราะเด็กจะเห็นภาพโดยรวมของโจทย์ทั้งหมด เห็นขั้นตอนต่างๆทั้งหมดของโจทย์ ซึ่งเป็นธรรมชาติที่สุด ถ้าเป็นหารยาว เราจะต้องบอกเด็กว่า เอาตรงนี้มาคูณกับตรงนี้ แล้วเอามาลบกัน ต้องใส่เลขให้ตรงหลัก จากนั้นชักเลขจากข้างบนลงมาใส่ขางหลัง บลาๆ วิธีเช่นนี้เปรียบเสมือนเครื่องมือหลอกเด็กครับ เด็กจะไม่มองเห็นภาพรวมของโจทย์ แต่จะมองในแบบมุมมองที่ละขั้นตอน ไม่ได้มองมุมมองกว้างๆเหมือนหารสั้นว่ามันคือการคูณแล้วเอามาลบแบบนี้นะ การชักตัวเลขที่อยู่ข้างบนลงมาใส่ข้างหลังคือการเอาผลจากที่หักลบกันแล้วเอามันมาอยู่ข้างหน้าเพื่อรวมกับเลขตัวถัดไปที่อยู่ข้างหลังนะ  อะไรประมาณนี้ครับ แต่ถ้าจะให้ดีกว่านั้น สอนเด็กให้รู้ที่มาที่ไปของวิธีของการหารสั้นไปเลยครับ เด็กจะรู้สึกว่า คณิตศาสตร์มันเป็นธรรมชาติจริงๆ ไม่มีกฎเกณฑ์ใดๆทั้งสิ้น ปล.ตรง16+25=41เค้าก็สอนแบบเป็นธรรมชาติเช่นเดียวกันครับ ซึ่งวิธีการนี้เด็กอาจจะสามารถเข้าใจที่มาที่ไปของการทดเลขของแนวตั้งโดยที่เราไม่ต้องบอกก็ได้ครับ ถ้าวิธีการอื่นๆที่เราคิดขึ้นมาเอง ถึงมันจะง่ายกว่า แต่มันfakeและไม่เป็นธรรมชาติครับ เด็กจะไม่เข้าใจถึงที่มาของการทดเลขด้วยครับ *เพราะมนุษย์เราชอบสรรหาวิธีที่ไม่เป็นธรรมชาติครับ เด็กถึงไม่มีเซนส์ในการคิดเลขไงครับ* จากคุณ : blue gourami เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 23:44:52

ความคิดเห็นที่ 15 คิดในจผมก้อคิดแบบนี้นะครับ จากคุณ : เขียนบน iPad (เชื่อเสียงหัวใจ) เขียนเมื่อ : 17 ก.พ. 55 23:46:34

ความคิดเห็นที่ 16 เข้ามาอ่านอีกรอบ เห็นด้วยกับ blue gourami แฮะ จะทำอะไรต้องอ้างอิงจากธรรมชาติ เห็นภาพ เลิกท่องขั้นตอนและวิธีทำที่น่าเบื่อ จากคุณ : หล่อเขลา เบาปัญญา เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 00:14:08

ความคิดเห็นที่ 17 คุณ blue gourami  เห็นด้วยค่ะ ที่อธิบายมา เพราะว่า หลังจากเด็กเริ่มการทำแบบฝึกหัดแบบแจกแจงนี้ไม่เท่าไหร่  จากนั้น  พอวางตัวเลขแบบนี้มาปุ๊บ เด็กคิดคำนวณวิธีทำในใจ แล้วเอามาตอบได้โดยไม่ต้องทดเลขเลยค่ะ   แค่คุยกัน ถามปากเปล่า เขาก็ตอบมาได้เลยค่ะ ครูสอนแนวการคิด พื้นฐานที่มาของคำตอบให้เด็กแล้ว  เพราะฉนั้น ตอนทำข้อสอบ แบบฝึกหัดต่างๆ  มันจึงมีแค่โจทย์และคำตอบเท่านั้น ที่เอามาตอบ ไม่มีวิธีทำเลยค่ะ  รวมถึงโจทย์ปัญหาด้วยค่ะ  มีแค่โจทย์ และ คำตอบเท่านั้น.... จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 08:09:03

ความคิดเห็นที่ 18 การคิดแบบนี้ก็มีสอนในประเทศไทยนะครับ ชื่อโรงเรียนกวดวิชาว่า KUMON ซึ่งเป็นเฟรนไชจากญี่ปุ่น ผมก็เรียนมาจากที่นี่ครับ เรื่องการสอนนั้น คุมอง เป็นผู้ออกแบบแบบฝึกหัดต่างๆ มาครับ ซึ่งทางคุมองจะมีศูนย์วิเคราะห์์โจทย์โดยตรงเลยว่า ข้อนี่ๆควรวางโจทย์แบบไหน และแต่ละเรื่องจะมีตัวอย่างเกรินนำมาก่อนเพื่อบอกเป็นแนวทางว่าควรจะคิดแบบไหน โดยใช้วิธีไหน "ซึ่งผู้เรียนจะเป็นผู้ศึกษาด้วยตัวเอง" โดยเรียนรู้จากตัวอย่างที่มีมาให้ครับ ทุกอยากจะเป็น Step ทีละก้าวๆ เลยครับเค้าจะปูพื้นฐานการ บวก ลบ คูณ หาร ให้เด็กทำจนชำนาญเลยครับ เรียกว่าทำจนเบื่อไปเลยหละ ไม่ได้จะมาโฆษณาหรอก แต่อยากจะแนะนำคุณผู้ปกครองครับ เพราะที่คุมอง ไม่ใช่เรื่องแปลกครับที่จะเห็นเด็ก ประถม 6 ทำเลข ของมัฐยม 6 ได้ จากประสบการณ์การเรียนของผมตอนเรียนสมัยอยู่ ม.3 ก็สามารถทำพวกแคลคูลัสได้แล้วครับ เพราะเด็กแต่ละคนมีศักยภาพการเรียนรู้ไม่จำกับ ซึ่งการเรียนในห้องที่โรงเรียนจะจำกัดที่ว่าเด็กเรียนประถมนี่ ก็ควรจะเรียนเนื้อหาเท่าแค่ตรงนี้ แต่คุมอง เด็กจะเรียนไปเรื่อยๆ ตามศักยภาพของเด็กเองครับ คิดซะว่าผมเสนอแนวทางเลือกให้ผู้ปกครองละกันนะครับ ^^ ปล. ชินตากับ Font นี้มากครับ เห็นแล้วนึกถึง Kumon เลยครับ ไม่รู้ใช่หรือเปล่า ฮ่าๆ ๆ จากคุณ : PoonCPE23 (PoonCPE23) เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 09:46:12

ความคิดเห็นที่ 19 ผมคิดแบบนี้แหะ 16+25 = (11+5)+25           =  11+(5+25)           = 11+30           = 41 แบบคิดในใจนะ จากคุณ : pisity เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 11:41:25

ความคิดเห็นที่ 20 เอ่อ ..ไม่ใช่ตัวแทนคุมองค่ะ...ดิชั้นอยู่ญี่ปุ่น ไม่เคยส่งลูกไปเรียนที่คุมองเหมือนกันค่ะ ไม่รู้ว่าเขาสอนแบบไหน รู้จากเพื่อนแค่ว่าทำแบบฝึกหัดด้วยตัวเองค่ะ ไม่มีครูสอน  ...ถ้าเด็กทำได้ดีมาก ก็ปรับระดับชั้นขึ้นไปตามความสามารถ เด็กๆที่ญี่ปุ่น   จะมีการบ้านวิชาเลขให้ทำทุกวัน  แต่เราต้องหาแบบฝึกหัดข้างนอกมาให้เด็กทำเพิ่มเติม  ร้านหนังสือมีขายแบบฝึกหัดเยอแยะ  ที่ยากกว่าแบบที่โรงเรียนทำอยู่ค่ะ... เขาเขียนระดับไว้ชัดเจน ว่ายากระดับกลาง หรือ ระดับสูง  ถ้าอยากทดสอบความรู้ตัวเอง ก็ไปหาซื้อเอาค่ะ แบบฝึกหัดการเรียนของรร.รัฐ  จะเป็นพื้นฐานที่ดี แต่ไม่เพียงพอต่อการสอบเรียนต่อม.ปลาย หรือมหาวิทยาลัยค่ะ  เพราะเอกชนเรียนเข้มแข็งกว่านี้เยอะค่ะ   ทู้หน้า จะเอาแบบฝึกหัดนอกบทเรียน ของบริษัทแห่งนึงที่ผลิตสื่อการเรียนของเด็กญี่ปุ่นมาให้ดูนะคะ  ว่าเขาสร้างโจทย์เลขแบบไหน  ภายในโจทย์ข้อเดียว  แต่เด็กต้องหาคำตอบหลายตัวเลยค่ะ  น่าสนใจมากๆค่ะ จากคุณ : Mnki เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 11:44:38

ความคิดเห็นที่ 21 เวลาคิดหลายๆหลักก็ใช้วิธีคล้ายๆกัน เช่น 145+78 = 123+22+78            = 223           แต่ถ้าตัวเลขแรกมันถอดในใจไม่ได้ง่ายๆแบบนั้นก็จะบวกธรรมดา 141+78=141+59+?? ยากไป 141+78=???+22+78 ยากไป ก็บวกไปตรงๆ 141+78=229 จากคุณ : pisity เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 11:45:55

ความคิดเห็นที่ 22 ของเราต้องให้เด็กเก่งอังกิดก่อน จากคุณ : ดิดจะหรัด เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 11:51:40 A:125.27.115.23 X: TicketID:155891

ความคิดเห็นที่ 23 ความคิดเห็นที่ 6 ติดใจมาก ผมได้ 5 คะแนนเต็ม 10 เพื่อนได้ 9 เต็ม 10 โจทย์เดียวกัน วิธีคิดเหมือนกัน  แต่ เพื่อนลอกโจทย์มาด้วย... คำตอบถูก..แต่ลายมือ...สุดๆ..เลยได้ 9 จากคุณ : Sudjarid_sai เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 12:12:09

ความคิดเห็นที่ 24 #21 บวกผิดนะครับ ได้ 219 จากคุณ : annalog เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 12:20:41

ความคิดเห็นที่ 25 #24 223 ถูกอยู่แล้วนะ แก้****ดูผิด 555 นึกว่าพูดถึงตัวบนไม่ทันมอง**** 145+78 ผมคิดอย่างงี้ 140+(5+78) (140+80)+3 =223 แต่ถ้า 141+78 ผมคิด 140+(1+78) (140+70)+9 =219 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 55 13:27:41 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 55 13:26:29 จากคุณ : mr.yoshiki เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 13:25:26

ความคิดเห็นที่ 26 ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เรียนคุมองครับ แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 55 15:52:55 จากคุณ : blue gourami เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 15:51:15

ความคิดเห็นที่ 27 ลูกอยู่ ป 2 รร ในยุโรปก็เรียนคล้ายๆ แบบนี้ เป็นการสอนเด็กค่ะ... ครูจะสอนวิธีตามหนังสือ ท้ายสุดเด็กจะใช้วิธีไหนก็ได้ ขอให้คำตอบถูก โรงเรียนลูกแทบจะไม่มีการเขียนเลย แม้เลขสองหลักแทบจะคิดในใจ แล้วเขียนคำตอบเลย จากคุณ : 121 เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 11:45:30 A:88.77.207.213 X: TicketID:324043

ความคิดเห็นที่ 28 รร ลูกจะออกแนวนี้ 145+78 = 145+5+73 = 150+50+23 = 223 จากคุณ : 121 เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 11:48:45 A:88.77.207.213 X: TicketID:324043