ความคิดเห็นที่ 1 ส่วนใหญ่ประหยัดจริงๆนั่นแหละ พูดไปนินทาเจ้านายไม่พูดดีกว่า จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 00:40:37

ความคิดเห็นที่ 2 ถ้ารวยอย่างยั่งยืนก็คงเป็นเพราะ เก่ง + ขยัน + มีคุณธรรม (+ เฮง) จากคุณ : TIYHz เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 00:52:03

ความคิดเห็นที่ 3 define คำว่า รวย ก่อน รวยคืออะไร มีเงินเก็บ มีรายได้ มีทรัพย์สินที่สร้างรายได้? ถ้าจะนับแต่เงิน/ทรัพย์สิน แค่มี พ่อแม่รวย ลูกไม่โง่มากๆจนผลาญไปจนหมด ก็เป็นคนรวยได้ แต่ถ้าจะเอาแบบสร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาเองจริงๆ อย่างน้อยๆก็ต้องมีประหยัดครับ สมมติว่า เก็บได้แสนนึงเอาไปซื้อเสื้อผ้า โทรศัพท์จนหมด เมื่อไหร่จะมีสองแสน สมมติว่า ล้านนึง เอาไป ซื้อรถหมด เมื่อไรจะมีสองล้าน ของมันมีให้ซื้อเรื่อยๆ เที่ยวเมืองนอก กินโรงแรม บลาๆ จากคุณ : ข้าวหลามอร่อย เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 01:08:17

ความคิดเห็นที่ 4 มีทุกข้อ แล้วแต่คน บางคนก็มี 1 ข้อ บางคนมี 2-3 ข้อ บางคนก็มีหมดเลยทุกข้อ.. น้องถามคำถามกว้างเกินไปนะ.. บางคนได้รับโอกาสดีๆ.. เจอ Jackpot ใหญ่ๆ เปิดธุรกิจให้เช่าหอพัก แบบนี้ก็รอเก็บเงินค่าเช่าอย่างเดียว ไม่ต้องทำงานทำการอะไรเลย.. บางคน ต้องทำงานหนักทั้งชีวิต เพิ่งจะมารวยตอนบั้นปลายชีวิต ต้องขยัน หมั่นเพียร บางคนเกิดมาเป็นลูกคนรวย ใช้ชีวิตยังไงก็รวยอยู่ดี เพราะพ่อแม่มีเงิน บางคนก็ไม่ต้องขยันมาก แต่ฉลาดในการประกอบกิจการ ก็รวยได้แบบไม่ต้องโกง ไม่ต้องทำธุรกิจที่ผิดศีลธรรม บางคนก็ไม่แคร์ศีลธรรม ประกอบธุรกิจที่ทำร้ายเยาวชน ส่วนเจ้าตัวก็อยู่บนกองเงินกองทองบนความทุกข์ของคนอื่น นี่พูดแบบไม่ละเอียด พูดแบบละเอียดไม่ได้หรอก(เหนื่อยพิมพ์) คำถามของน้อง เหมือนเป็นเด็กๆมาถามอ่ะ ยังไม่โต แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 55 02:19:58 แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 55 01:16:42 จากคุณ : mooesha เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 01:15:49

ความคิดเห็นที่ 5 ถามงงๆ คือจะถามว่า ทำไมคนถึงรวย ประมาณนั้น รึป่าว เหตุผลที่คนรวยมี 3 ประเภท 1. ขยัน เก่ง ฉลาด อะไรก็ว่าไป 2. พ่อรวย 3. ถูกหวย มีแค่นี้แหละ จากคุณ : Mr.Kito เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 01:38:23

ความคิดเห็นที่ 6 ขยันทำงาน แต่ความคิดไม่ถึง ก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอกคับ ไม่งั้นอาชีพที่ใช้แรงงานหนักๆเขาก็รวยกันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วสิ จะรวยมันใช้หลายปัจจัย แต่ปัจจัยหลักๆเลยคือความคิดความฉลาดและไหวพริบที่มี สรุป ข้อ 7 ตรงสุด จากคุณ : UltimaWeapon เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 01:38:30

ความคิดเห็นที่ 7 ขึ้นอยู่กับยุคสมัยด้วยรึเปล่าครับ บางช่วงเศรษฐกิจดี คนรวยเยอะ ขอบเขตของคนรวยก็กว้างขึ้น พอเศรษฐกิจตกต่ำ ต่อให้ขยันแค่ไหน ถ้าไม่ได้จริงๆก็ต้องล้มละลาย จากคุณ : มิวกำลังจะครองโลก เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 01:55:48

ความคิดเห็นที่ 8 เคยเห็นคนรวยอยู่คนนึง เป็นด๊อกเตอร์ติดทุน(กำลังจะใช้ทุนหมด) ทำงานให้รัฐ - ปล่อยลูกน้องทำงาน ตัวเองนั่งเล่นหุ้นอยู่ในห้อง - เฉพาะบัตรเครดิต รูดเดือนละสามสี่หมื่น - โกงลูกค้า เพื่อให้ยอดถึงเป้าหมาย - ตอนโมโห เป็นไงเป็นกัน - เอาเปรียบทุกคน ที่เอาเปรียบได้ - เอาผลงานลูกน้องไปนำเสนอผู้ใหญ่ว่าเป็นความคิดตัวเอง - กำลังจะฮุปธุรกิจขององค์กร ไปเป็นธุรกิจส่วนตัว หลังหมดทุน เจ้านายเก่าผมเอง ลูกน้องหลายคนทนไม่ไหว ก็เลยลาออก รวมทั้งผมด้วย จากคุณ : th เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 02:03:02 A:125.24.44.223 X: TicketID:327013

ความคิดเห็นที่ 9 ผมเจ้าของกระทู้ ผมมองว่า ข้อ 5ล่ะครับ เอาเปรียบแต่อาจไม่รู้ตัว หรือรู้ตัว ยกตัวอย่าง เช่น คนงาน แรงงาน ชาวไร่ ชาวนา (ผู้ลงแรง) คือ คนที่สร้างผลผลิต อย่างแท้จริง กลับถูก พ่อค้า นายทุน  "เกษตรกรนายทุน"  ส่งขายต่อ  โดยชักส่วย มาส่วนหนึ่ง และยังกีดกันการค้า ปิดช่องทาง  ผู้ผลิต ไม่ให้ลืมหู ลืมตา ใครยิ่งชักส่วยได้มากยิ่งรวยมาก หัวหน้างาน ผู้นำ ถ้าเขาทำงานไม่ได้หรือไม่ไหว หรือไม่อยากทำ รับลูกน้องเทพๆมา ทำแทน ข้อ1 ถึง 4 บอกตามตรง ผมไม่ค่อยเชื่อ เท่าไหร่หรอก เพราะไม่เห็นตัวอย่างจริง นั่นหมายความว่า ถ้าผมจะรวย ต้อง ไม่ยอมเสียเปรียบใคร ต้องให้ได้เปรียบมันทุกๆเรื่อง จากคุณ : activefilter เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 02:08:48

ความคิดเห็นที่ 10 คห8 นั่นละครับ ตัวอย่างที่ผมเห็น 1อันล่ะ จากคุณ : activefilter เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 02:11:06

ความคิดเห็นที่ 11 ขยันทำงานกว่าคนอื่นๆ ค่ะ จากคุณ : แพรเพลง เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 02:26:08

ความคิดเห็นที่ 12 คิดว่าใช่เลห์เหลี่ยม ขยันยังไงแต่ไม่มีความรู้ก็โดนโกง โดนอะไร จนไปตลอด แต่เลห์เหลี่ยม คือต้องรู้ทันคนอื่น และฉลาดในการวางแผนเส้นทางการเงินของตัวเองได้ จากคุณ : กบยักษ์ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 02:33:09

ความคิดเห็นที่ 13 อดทน ขยัน ประหยัด เป็นคุณลักษณะที่ดีของลแรงงานที่เหล่านายจ้างปรารถนา เพราะสามารถรีดผลตอบแทนได้มากเต็มเม็ดเต็มเหนี่ยว แถมไม่บ่น ไม่ท้อ อุสาหะสู้งาน เป็นใครใครจะไม่ชอบ ไม่ปลูกฝังให้คนอื่นเป็นกันเยอะๆ จากคุณ : Kuroro Lucifer เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 02:55:16

ความคิดเห็นที่ 14 เอาเปรียบเก่ง  เพราะถ้าเสียเปรียบไม่มีทางรวย จากคุณ : Ninjax เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 03:13:54

ความคิดเห็นที่ 15 ประหยัดซิ อุอุ จากคุณ : tonylove เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 03:44:05

ความคิดเห็นที่ 16 ผู้ปกครองธรรมดา   ใช้ความสามารถของตนอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับกลาง ใช้ความสามารถของคนอื่นอย่างเต็มที่ ผู้ปกครองระดับสูง   ใช้ปัญญาของคนอื่นอย่างเต็มที่ คนที่รวยน่าจะเป็นคนที่ใช้ปัญญาของคนอื่นได้อย่างเต็มที่ จากคุณ : Overmoon เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 03:46:53

ความคิดเห็นที่ 17 โชคช่วยครับ บางคนฉลาด ทำงานแทบตาย ไม่รวย บางคนนั่งๆ ทำงาน ก็มีคนเอางานมาให้ทำ แถมยังบอกว่ต้องทำยังไง บริหารยังไง จากคุณ : สายน้ำที่ไหลกลับ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 06:59:08 A:101.78.12.11 X: TicketID:276688

ความคิดเห็นที่ 18 ส่วนใหญ่ ก็กินสมบัติเก่ากันทั้งนั้น บรรพบุรุษหามาไว้ให้เยอะ มีน้อยมาก ที่ปากกัดตีนถีบ เริ่มจากเสื่อผืนหมอนใบ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 07:23:58

ความคิดเห็นที่ 19 ขยัน อดทน เฝ้ารอโอกาส เหมือนหมาล่าเนื้อ เมื่อโอกาสผ่านมาสามารถคว้าได้ทันที จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 07:29:55

ความคิดเห็นที่ 20 ทำไมคนรวยอันดับ 1-50 ในไทยจึงเป็นคนจีน ทำไมคนที่เป็นเจ้าของธุรกิจในไทย จึงมักเป็นคนจีนเป็นส่วนมาก ทั้งที่คนจีนมีจำนวนน้อยกว่าคนไทย ถ้าบอกว่า คนจีนเก่งกว่า แล้วทำไมประเทศจีนไม่เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว (ถ้าอยู่ที่โน่นก็ไม่แน่ว่าจะรวย แต่มาไทยดันได้ดิบได้ดีซะงั้น) จากคุณ : ปลาๆงูๆ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 09:04:25

ความคิดเห็นที่ 21 ประหยัด  ขยัน... จากคุณ : ย่าอ้วนแพน เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 09:14:42

ความคิดเห็นที่ 22 คิดว่า มีหลายปัจจัย ครับ , ความรู้ ความเข้าใจ ต้องมีหลายด้าน ครอบคลุมกว้าง พอ และ หลายระดับ ,  ความเข้าใจด้านการเมือง และกฏหมายสำคัญ มั่กๆ เลยครับ ยก ต.ย. คุณ บิล เกต แห่ง  ms นี่ ช่วงแรกๆ ท่าน ศึกษา ด้านกฏหมาย หนักเลย , ส่วน คุณ Steve Jobs แห่ง Apple นี่ ท่านมี pattent ของตัว เอง ตั้ง 300 กว่า patent เลยทีเดียวครับ ( อาจกล่าวได้ว่า Steve Jobs ใช้กฏหมาย เป็นปัจจัยนึง ในการคุ้มครอง ธุรกิจ  แบบอ้อมๆ ) แต่เมืองไทย ก็คงไม่พ้น ธุรกิจการเมืองครับ... คิดว่านะ จากคุณ : Advil เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 09:28:29

ความคิดเห็นที่ 23 จากประสบการณ์คนใกล้ตัว คือ เพื่อนสนิท ตอบว่า ขยัน ตั้งใจทำงานจริงจัง มุ่งมั่น อดทน ไม่งั้นก็ต้องรวยแบบ  เล่นหุ้น รวยหุ้น อันนี้ต้องรู้จักคิด รู้จักตัดสินใจไม่เหมือนใคร ประเภท ซื่อสัตย์แล้วรวย นี่ผมว่า อุดมคติ ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 09:41:48

ความคิดเห็นที่ 24 เท่าไรละถึงจะเรียกว่ารวย?? .. จากคุณ : nokun เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 10:28:07

ความคิดเห็นที่ 25 ^ ^ แหม พูดอะไรสักที ต้องนิยามกัน แล้วจะคุยกันได้หรือครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 10:35:32

ความคิดเห็นที่ 26 ขยัน ประหยัด อดทน พรสามประการนี้สร้างคน ให้รวยมามากต่อมากแล้ว จากคุณ : TheMATABA เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 10:43:51

ความคิดเห็นที่ 27 เอ่อ นั่นสิ ทำไมคนจีนมาอยู่เมืองไทยแล้วรวยๆกันทั้งนั้น แต่คนจีนที่อยู่ในเมืองจีน ที่จนๆก็มีเยอะแยะ อย่างนี้มันเป็นยังไงหรือครับ หรือว่าคนจีนที่จนๆนั้นไม่ขยันหรอ หรือว่าพวกคนจีนที่มารวยในไทยเนี่ย จริงๆก็ไม่ได้ขยันไปกว่าคนจีนที่อยู่ในประเทศจีนหรอก เพียงแต่ว่าคนไทยขี้เกียจกว่ามาก??? งงครับ จากคุณ : เจ้าชายกบ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 11:05:43 A:119.46.176.222 X: TicketID:349139

ความคิดเห็นที่ 28 ผม.. ขยัน... ประหยัด... แต่โง่... เพราะไม่ชอบเอาเปรียบคนอื่น... แต่ไม่รวย.. ตอนนี้มีเงินไม่กี่หมื่น.. ต้องขอเงินคนอื่นใช้ ทำงาน.. (ลูกจ้าง) เก็บเงินมาทั้งชีวิต (ประมาณ 40 ปี) ได้บ้าน 1 หลัง รถเก่าๆ  1 คัน.. เงินเก็บไม่ถึงล้าน ตอนนี้ภรรยาป่วย.. เงินสดที่สะสมมาหมดเลย... ไปหาหามอโรงพยาบาลเอกชนครั้งหนึ่ง ค่ายาเกือบหมื่น นอนโรงพยาบาล 3- 4วัน หมด 3-4 หมื่นบาท เฉลี่ยวันละหมื่น แล้วหมอก็ชอบแทงเข็มน้ำเกลือ.. จับตรวจโน่น นี่นั่น ตรวจเลือดตรวจฉี่... ส่องกล้อง.. อัลตร้าซาวด์ สแกนคอมพิวเตอร์ เฉพาะค่าแล็ป ก็เป็นหมื่นทุกครั้ง .. ตอนนี้เงินหมด ใช้ประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทองเดิม) เจาะเลือดดูน้ำตาลยังไม่เจาะเลย ได้แต่วัดความดัน... เอ็กซ์เรย์ แค่ครั้งเดียว ดูแผลที่ผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพกว่าเข้าที่หรือยัง ทำไมโรงพยาบาลถึงทำได้ขนาดนี้ .. ผมหมายความว่า ถ้าไม่ต้องตรวจฉี่ตรวจเลือด สแกนโน่นนี่นั่น ส่องกล้อง ก็เห็นรักษาได้.. แต่พอเราเสียเงินทำไมต้องใช้ยาแพงๆ สั่งตรวจโน่นนี่นั่น หมดที่ละหลายๆ หมื่น เวลารักษาไม่ต้องจ่ายเงิน ไม่เห็นต้องใช้ยานอก ใช้ยาขององค์การเภสัช ยาไทย.. ก็เห็นรักษาได้เหมือนกัน ผมไม่ได้บอกว่ามันจะดีกว่ากัน.. หรือไม่ แต่หายเหมือนกัน อย่างนี้เรียกว่าเอาเปรียบคนอื่นไหมครับ?... พวกโรงพยาบาลรวยๆ นี่ บางคนก็ใช้แรงงานคนอื่นสร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง... มีเงินจ้างลูกน้องเป็นหมื่นๆ คน บางองค์การ เป็นแสนคน... คนเป็นหมื่นคนหาเงินให้คนคนเดียวใช้ .. คนคนนั้นย่อมรวยอยู่แล้ว แล้วเป็นธรรมไหม? องค์กรกำไรหมื่นล้าน พนักงานได้เงินเดือนคนละ 2-3 หมื่นบาท เอาเปรียบแรงงานไหม? เพราะผมเองเป็นคนหนึ่งที่สร้างความร่ำรวยให้กับเจ้าของบริษัทฯ โดยได้รับค่าตอบแทนเพียงเดือนละ ไม่กี่หมื่นบาท.. ตอนลำบาก.. บริษัทขาดทุน..โดนขอลดเงินเดือนเหลือครึ่งหนึ่ง พอบริษัทมีกำไร... ก็ไม่เห็นหัวเรา.. จะปรับเงินเดือนให้เท่าเดิมยังไม่ทำเลย เรียกว่าเอาเปรียบกันไหม??? จากคุณ : pakakaew เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 11:26:27

ความคิดเห็นที่ 29 #24 อ่ะ ช่วยนิยามให้ล่ะกัน มีทรัพย์สิน รวมกัน (หรือเงินทุนหมุนเวียน) ตั้งแต่ 30 ล้านบาทขึ้นไป จากคุณ : Frog in the Shell เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 11:36:26

ความคิดเห็นที่ 30 ขยันทำงาน ไม่มีภรรยา ไม่มีสามี จากคุณ : ป๊อปปูล่า เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 11:37:22

ความคิดเห็นที่ 31 ขอข้อเดียวสั้น ๆ ใช้เงินเป็น ถ้ามีน้อย แต่พอใช้ บริหารดี ก็เรียกว่ารวยได้ เพราะมีน้อยแต่ไม่ขาด จากคุณ : SuperTee (itCrazy) เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 12:08:53

ความคิดเห็นที่ 32 เป็นคนมีทรัพย์สินเยอะ จากคุณ : annalog เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 12:14:40

ความคิดเห็นที่ 33 เป็นเรื่องของกรรมจากชาติที่เเล้ว "สถาณธรรมแถวบ้านผม เค้าว่าอย่างนั้น" จากคุณ : ห (เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดยาดอง) เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 12:24:54

ความคิดเห็นที่ 34 มีใครที่รวยจากธุรกิจส่วนตัว ที่ไม่โกง vat บ้าง หายากมากนะ แก้ไขเมื่อ 18 ก.พ. 55 12:38:35 จากคุณ : กุ้ยเหลียง เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 12:38:16

ความคิดเห็นที่ 35 เพื่อนพ่อครับ โครตจะประหยัด มีทรัพย์สินเกินพันล้านอ่ะ ยังนั่งรถเมล์ รถตู้ รถทัวร์อยู่เลย ถามไปไหนนั่งสายอะไรตอบได้หมด แต่ก็ขี้โกงสุดขั้วเหมือนกัน ไม่จนมุมจริงๆกูไม่จ่าย จากคุณ : oh_neung เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 13:33:34

ความคิดเห็นที่ 36 ถ้ามีเงิน 30 ล้านขึ้นไปมีเยอะมากครับ เราอาจจะดูเค้าไม่ออกว่าเค้ามีเงินขนาดนั้น เพื่อนผมทำร้านประตูวงกบ อยู่พระโขนงมีช่างไม่ถึงสิบคน ก็มีเกิน30ล้านแล้ว คนทำค้าขายที่เราเห็นตามตึกแถวข้างถนน มีกันเยอะครับ 20-30ล้าน ซึ่งพวกนี้ใช้ชีวิตเหมือนเราๆนี้แหละครับ ต่างกันแค่เค้าทำธุรกิจของตัวเอง แล้วธุรกิจมันไปได้ หลายคนได้มรดกธุรกิจจากพ่อแม่ ก็ทำต่อๆกันมา แต่ถ้าจะเอารวยแบบต่างออกไปเลยก็มีเป็นร้อยล้านขึ้นไป เท่าที่มีโอกาสเจอ พูดคุย สัมผัสมา ผมรู้สึกว่า เค้าจะมีวิธีคิด มุมมอง ที่ต่างจากเราๆ ไม่จำเป็นต้องเอาเปรียบ ไม่ต้องโกง ก็ทำธุรกิจรวยได้ครับ สองคนที่ผมรู้จัก มีเงินหลักพันล้าน จากการได้คุยกันหลายๆครั้ง มีอยากนึงที่เหมือนกันสองคน คืดเวลาดิลธุรกิจกับใคร เค้าจะทำให้เป็นการดิลที่ Win-Win เสมอ จากคุณ : หมาสายตาสั้น เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 13:34:34

ความคิดเห็นที่ 37 ไม่เก่งวิทยาศาสตร์ แต่ต้องเก่งคณิตศาสตร์ คนรวยทุกคน ต้องตรวจ "บัญชี" ใครไม่ดูบัญชี ไม่มีวันรวย จากคุณ : เวงเกอร์ เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 13:52:38 A:124.120.216.212 X: TicketID:348673

ความคิดเห็นที่ 38 ณ ตอนนี้ใครอยากคว้าโอกาส สร้างความร่ำรวย ไป พม่าเดี๋ยวนี้เลยครับ ลงทุนธุรกิจที่โน้น ถ้าไม่กินลูกตะกั่วเสียก่อน ก็ได้รวยล่ะ จากคุณ : Tama2kun เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 14:21:46

ความคิดเห็นที่ 39 ขออนุญาต ถกกับคุณ pakakaew คห.28 นะครับ ออกตัวก่อน ผมไม่รวยครับไม่ใกล้เคียงกับคำว่ารวยเลย เคยทำงานในบริษัทโฆษณา เงินเดือนเยอะแต่ไม่มาก แต่ใช้เยอะมาก เลยไม่เหลือเก็บ ปัจจุบันเป็นฟรีแลนซ์ครับ อ่านจาก คห.28 เห็ฯว่าหลายประเด็นน่าจะถกกัน --------------------------------------------------------------------------- บางคนก็ใช้แรงงานคนอื่นสร้างความร่ำรวยให้ตัวเอง... มีเงินจ้างลูกน้องเป็นหมื่นๆ คน บางองค์การ เป็นแสนคน... คนเป็นหมื่นคนหาเงินให้คนคนเดียวใช้ .. คนคนนั้นย่อมรวยอยู่แล้ว แล้วเป็นธรรมไหม? องค์กรกำไรหมื่นล้าน พนักงานได้เงินเดือนคนละ 2-3 หมื่นบาท เอาเปรียบแรงงานไหม? เพราะผมเองเป็นคนหนึ่งที่สร้างความร่ำรวยให้กับเจ้าของบริษัทฯ โดยได้รับค่าตอบแทนเพียงเดือนละ ไม่กี่หมื่นบาท.. ------------------------------------------------------------------------------- อยากให้มองในมุมกว้างๆบ้างครับ คนหลายๆคนที่ทำงาน ให้คนๆเดียว ต่างกันที่สิ้นเดือนคนๆเดียวจะต้อง"จ่าย" ในขณะที่คนอีกหลายๆคน"รับ" คุณอาจจะมองว่าบริษัทก็มีรายได้เยอะแยะ ใช่ครับ แต่รายจ่ายก็เยอะเช่นกัน พนักงาน 100 คนเงินเดือนเฉลี่ย 20000 บาท ทุกสิ้นเดือนมีรายจ่าย ยี่สิบล้านบาท แน่นอน ไม่รวมอื่นๆอีก คนเป็นเจ้าของกิจการจะรู้ดีครับ ว่าค่าใช้จ่ายต่างๆ มันเยอะจนเราคิดไม่ถึง ออฟฟิตเล็กๆ ค่าไฟเดือนละสองหมื่นบาท หรือค่าหมึกพิมพ์ เดือนละเป็นหมื่น ทั้งหมดรวมกันรายจ่ายไม่น้อนนะครับ ถามว่าแล้วเจ้าของทำไมรวยเอา รวยเอา ก็เพราะกิจการเค้าไปได้ดีนะซิครับ พนักงานจะไม่รู้หรอกว่าการโดนเบี้ยวเงินมัน สาหัสยังไง เงินที่คิดว่าจะเข้าแต่ไม่เข้า แต่ทุกสิ้นเดือน รายจ่ายรออยู่แล้ว จ่ายช้าไม่ได้ด้วย สิ่งที่ต่างกันอย่างที่สุดคือ เจ้าของกิจการมีทั้ง รวย เท่าทุน และ เจ๊ง-เป็นหนี้  ที่เราได้ยินว่าฆ่าตัวตายกันบ่อยๆ หรือโดนศาลสั่งให้ล้มละลายก็เยอะครับ แต่สำหรับคุณ ถ้าคิดแบบแฟร์ๆนะครับ วันที่คุณเข้าทำงานคุณทราบอยู่แล้วว่าเงินเดือนคุณเท่าไร ลักษณะงานจะเป็นยังไงหนัก-เบา คุ้มกับเงินหรือไม่ คุณเป็นคนประเมินว่าคุ้ม ถึงได้เข้าทำงานจริงไหมครับ ส่วนเรื่องบริษัทจะกำไรหรือขาดทุนคุณก็ได้เงินเท่าเดิม มันก็ควรจะเป็ฯอย่างนั้นนิครับ ถ้ามีวันที่เค้าเจ๊ง หมดตัว เงินที่มีหลายร้อยหลายพันล้านหายไป บางคนเป็นหนี้อีกเป็นสิบล้าน คุณก็แค่หางานใหม่ กับบริษัทใหม่ที่คุณคิดว่ามั่นคง ถูกไหมครับ ลองมองในมุมอื่นดูบ้างจะใช้ชีวิตที่เข้าใจโลกมากขึ้นนะครับ จากคุณ : หมาสายตาสั้น เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 14:36:37

ความคิดเห็นที่ 40 ยอมรับว่ามีทุกข้อ เพียงแต่บางข้อน้อย บางข้อมาก ที่บอกมานี่ไม่ได้รวยหรอกนะ ... หุหุหุ ตอบ คห.34 เขาทำเป็นไม่โกง vat หรอก แค่อาศัยช่องโหว่ของกฏหมาย ไม่ต้องมีปัญหาปวดหัวภายหลัง และคนแนะนำที่ดีที่สุดก็คือสรรพากรเอง จริง ๆ นะเออ จากคุณ : internetsmile เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 14:37:40

ความคิดเห็นที่ 41 ถ้าเอาตามที่เคยเห็น (ไม่ตอบแบบชาวโลกสวย) ส่วนใหญ่คือพวกที่สนใจแต่ตัวเงิน มองแต่กำไร ไม่สนใจวิธีการ ไม่มองคนรอบข้าง กับพวกที่บ้านรวยอยู่แล้ว จากคุณ : Gen En เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 15:47:15

ความคิดเห็นที่ 42 ขยัน กับ ประหยัด..... แค่นี้มันไม่มีทางรวยได้หรอกครับ มันจำเป็นต้องมีปัจจัยหลายๆอย่างเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างเช่น - ดวงดี ลงทุนอะไรก็สำเร็จ - ทิ้งมนุษยธรรม ทำทุกอย่างเพื่อเงิน ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิดกฎหมาย - ฝีปากดี กล่อมคนมาเป็นพวกได้ - ความรู้ในด้านต่างๆสูง จะทำให้ไม่โดนหลอก จากคุณ : 4-lunatic เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 15:55:45

ความคิดเห็นที่ 43 ที่ผมเจอ คนรวยจริง จะขยัน ฉลาด ไม่ให้คนเอาเปรียบ แต่ก็ไม่เอาเปรียบใคร สุภาพ ให้เกียรติคน อาจเพราะเค้าเจออะไรมาเยอะ จากคุณ : risingforce เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 16:05:23 A:58.11.51.16 X: TicketID:316963

ความคิดเห็นที่ 44 ผมว่าเขาฉลาด มันสำคัญสุด รองลงมาก็โชคดีได้โอกาสทีจะสร้างเงิน แล้วก็รู้จักใช้ รู้จักเก็บ(บางครั้งบางทีของบางคนอาจต้องเล่นนอกกติกาบ้าง)รู้จักหาเพิ่ม จากคุณ : iamfat เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 16:42:07

ความคิดเห็นที่ 45 จีนไทย ทำไมจีนรวย ต้องมองย้อนไปจนถึงอยุธยานู่นครับ ถ้าเอาหลัก ๆ ก็คือ - ระบบทาส ไม่เปิดโอกาสให้คนไทยสะสมทุนได้ และนับจากการเริ่มมีพระราชดำริเพื่อการเลิกทาส นับมาถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาประมาณ 130 ปี ถ้านับจากตอน พรบ เลิกทาส ก้เพียง 110 นับเป็นรุ่นก็ราว ๆ 3-4 รุ่นเองครับ ทักษะในการสร้างและสะสมทุนยังน้อยกว่าคนจีนในไทยที่เริ่มสร้างทักษะนี้มาตั้งแต่สมัยอยุธยาแล้ว - การกีดกันคนจีนออกจากระบบเจ้าขุนมูลนาย ผลักดันให้พวกเขาต้องไปทำการค้า - ปัจจุบันเอง ระบบสังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ก็กดดันแรงงานทั้งภาคอุต เกษตร และบริการให้สะสมทุนได้ยาก ลองมองไล่จากอดีตมาจนถึงเดี๋ยวนี้สิครับ เอาแค่ราว ๆ 50 ปีนี้เลยก็ได้ จะเห็นได้ว่า ลูกหลานคนจีนเข้ารับราชการกันมากขึ้น ในขณะเดียวกัน คนไทยเองก็เริ่มสะสมทุนกันได้มากขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันเริ่มปรับเข้าหากันมากขึ้นเรื่อย ๆ ครับ จากคุณ : Capo เขียนเมื่อ : 18 ก.พ. 55 21:35:05

ความคิดเห็นที่ 46 ผมขอถกกับคุณหมาสายตาสั้นด้วยคน เรื่องแรก "พนักงาน 100 คนเงินเดือนเฉลี่ย 20000 บาท" ทุกสิ้นเดือนมีรายจ่าย 2 ล้านครับ ไม่ใช่ 20 ล้าน ประเด็นถัดมา ค่าจ้างตอนเข้าไป ลูกจ้างเป็นคนประเมินว่าคุ้ม ถึงได้เข้าทำงาน มันก็จริงตอนเข้าทำงานครับ แต่พอเข้าไปจริงๆ ลักษณะงานไม่ตรงกับที่คุยกันตอนแรกก็มี ส่วนใหญ่พอทำงานไป งานก็เพิ่ม มีอะไรๆ ที่ต้องรับผิดชอบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ส่วนเงินดือนเท่าเดิม หรืออาจจะเพิ่มนิดหน่อย ไม่คุ้มกับงานที่เพิ่ม บางบริษัทถึงกับต้องจัดการธุระส่วนตัวให้เจ้าของก็มี อย่างนี้เรียกว่าแฟร์หรือครับ เรื่องรายได้ เป็นเงินเดือน สิ้นเดือนได้รับแน่นอน ถูก แต่สิ้นปีมันไม่แน่ว่าจะได้ทำงานต่อไหม ยิ่งเงินเดือนสูง ยิ่งเสี่ยงกับการถูกบีบให้ออก ทั้งๆที่ไม่ได้มีความผิดอะไร แต่เพราะเจ้าของกิจการต้องการลดค่าใช้จ่ายเพิ่มผลกำไร บางคนเป็นผู้จัดการ ต้องรับผิดชอบยอดรายได้ ทำไม่ได้ก็โดนปลด ยิ่งถ้าเจ้าของกิจการมีคนใกล้ชิดที่ต้องการมาทำงานในตำแหน่งเรา ก็ถูกปลดได้ง่ายๆ ต่อให้สร้างผลงานสั่งสมมาเท่าไหร่ ชีวิต ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าของกิจการอยู่ดี ต่างกับพวกเจ้าของกิจการ ไม่มีใครมาปลดได้ ชีวิตขึ้นอยู่กับตัวเอง ทำได้มากเท่าไหร่ก็ได้กับตัวเองเท่านั้น เรื่องการจ้างงาน มีแต่นายจ้างเอาเปรียบลูกจ้าง ไม่มีลูกจ้างเอาเปรียบนายจ้าง เพราะนายจ้างย่อมมีอำนาจต่อรองมากกว่า ยิ่งเอาเปรียบลูกจ้างได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการลดต้นทุน ลดความเสี่ยงขาดทุน พวกเจ้าของกิจการถึงได้รวยไงครับ จากคุณ : th เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 00:02:52 A:125.24.38.146 X: TicketID:327013

ความคิดเห็นที่ 47 ยินดีครับ เร่องเงินเดือนพนักงานสมมุติ สองล้านจริงด้วยครับ ส่วนประเด็นที่คุณยกมา ก็เห็นด้วยครับ นายจ้างมีโอกาสเอาเปรียบลูกจ้าง และหลายแห่ง ก็ทำแบบนั้น ผมเองออกจากการเป็นพนักงานบริษัทก็เพราะการเมืองในบริษัท เพื่อนๆที่โโนมาด้วยกัน รวมตัวกันฟ้องครับข้อหาเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม ชนะด้วย ได้เงินชดเชยอีกคนละหลายแสนเลยละ นอกเหนือจากที่ได้ตอนบริษัทให้ออกมาแล้ว ---------------------------------------------------------------------------------------- ยิ่งเอาเปรียบลูกจ้างได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเป็นการลดต้นทุน ลดความเสี่ยงขาดทุน พวกเจ้าของกิจการถึงได้รวยไงครับ ---------------------------------------------------------------------------------------- ถ้าทำแบบนั้นบริษัทคุณจะไม่เจริญแน่นอน เพราะจะเต็มไปด้วยคนประสิทธิภาพต่ำ ที่ไม่มีใจทำงาน  และไม่มีที่ไป คนเก่งๆก็จะออกไปทำงานที่อื่นที่เค้าคิดว่าแฟร์ อันนี้แล้วธุรกิจหรือเปล่าไม่ทราบนะครับ ผมทำโฆษณา อยู่สายการตลาด แต่เท่าที่สัมผัสบริษัทที่ประสบความสำเร็จสูง การเอาเปรียบลูกจ้างจะน้อย เคยไปถ่ายงานที่โรงงานของCPหนองจอก ที่โรงอาหาร เจอกาแฟแก้วละห้าบาท ตกใจมาก ถามคนขายว่าได้กำไรเหรอขายราคานี้ เค้าบอกอยู่ได้ โรงงานไม่เก็บค่าที่ แลกกับการขายของถูกเป็นการช่วยเหลือพนักงาน บริษัทไหนเอาเปรียบลูกจ้าง อัตรา Turnover สูงคนเข้าออกบ่อย ไม่มีพนักงานมีประสบการณ์ ไม่มีคนเก่ง คนที่อยู่ไม่มีใจให้การทำงาน อาจจะไม่เจ๊งครับ แต่ก็อยู่ไปวันๆ หาความเจริญได้ยาก พอเศรฐกิจมีปัญหาจะเป็นที่แรกๆที่เจ๊งก่อน จากที่ผมเรียนรู้มา คนที่ได้เงินเดือนสูงคือคนที่ทำประโยชน์ให้บริษัทได้มาก และความรับผิดชอบก็จะสูงตามเงินเดือนไปด้วย หลายๆคนบ่นว่างานหนัก เงินน้อย ลองมองดูตัวเองว่า เก่งในสายงานหรือเปล่า และในสายงานตัวเอง สำคัญกับองค์กรณ์แค่ไหน ถ้ายังเก่งไม่พอ พัฒนาตัวเองแล้วย้ายงานซะ หลายๆคนบอกไม่รู้ไปที่ไหน งานหายาก อยากบอกว่าถ้าคุณเก่งจริง ดิ้นรนสุดความสามารถจริง ทางไปมีแน่ๆ สรุปนะครับ นายจ้าง มีโอกาส เจ๊งหมดตัว เป็นหนี้ หรือ รวย รวยมาก มหาเศรษฐี แล้วแต่ความสามารถคุณ ถ้าคุณไม่เก่ง ถ้าความสามารถธรรมดา คุณมีโอกาสเจ๊ง ลูกจ้าง ไม่มีการเจ๊ง ไม่มีโอกาสรวย มั่นคงพอประมาณ รายได้ตามความสามารถ จากคุณ : หมาสายตาสั้น เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 14:53:08

ความคิดเห็นที่ 48 ผมคนจนครับ แต่เห็นคนรวยมักจะเป็นคนขยันซื่อสัตย์และอดทนครับ ส่วนประหยัด ก็ไม่ค่อยจะประหยัดเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ฟุ่มเฟือยครับ ส่วนที่ชอบเอาเปรียบชอบสร้างภาพชอบใช้เล่ห์เหลี่ยมนั้น คนรวยมักไม่เป็นอย่างนี้ครับ เพราะถ้าชอบเอาเปรียบลูกค้าๆก็จะไม่มาอุดหนุน ถ้าเอาเปรียบลูกน้องๆก็จะไม่มาทำงาน หรือถึงมาำก็ทำแบบจำใจไม่ทุ่มเท ทำแบบอู้งานหลบๆหลีกๆครับ ส่วนการสร้างภาพและเล่ห์เหลี่ยม คนรวยที่เห็นก็ไม่มีนิสัยเช่นนี้ มักจะเป็นคนมีสัจจะ รักษาคำพูดครับ เพียงโทรศัพท์สั่งสินค้าจากโรงงาน โรงงานจะรีบส่งทันทีและให้เป็นหนี้นานนับเดือน โดยไม่ต้องวางหลักทรัพย์หรือทำสัญญาใดๆครับ     ผมจะลองเรียงลำดับความสำคัญดู 1.ดวง........ได้รู้ได้เห็นในธุรกิจที่ให้ผลตอบแทนสูง 2.ความสามารถ....สามารถไขว่คว้าธุรกิจนั้นได้และบริหารให้ก้าวหน้า 3.ทุน....มีทุนและสถานที่พอเพียง 4.ขยันและอดทน....ขยันทำขยันติดตามผลและอดทนต่อทุกสถานการณ์ครับ การทำงาน  ตาม #16 ว่าครับ ขั้นตอน 1.หาเงินมาจ้างคน   2.หาคนมาทำงาน  3.หางานมาให้คนทำครับ จากคุณ : บุญถิ่น เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 18:52:31

ความคิดเห็นที่ 49 #46 อยากให้มองสองด้านครับ นายจ้างขี้โกง ก็มี ลูกจ้างขี้โกง ก็มี เคยเจอไหม ช่างธรรมดา เงินเดือน 30,000 บาท (รวม Incentive ยังไม่รวม OT) โขมยทอง ตอนนี้ค้างกันอยู่เป็นร้อยกรัม !!! ไปผ่อนกระบะเก้าแสน ใช้ไปปีเดียว ไม่ถูกใจ ขายกระบะ ถอยเก๋ง ขาดทุนสามแสน โอ้ แม่มใช้ชีวิตได้ร่ำรวยกว่านายจ้างอีกครับ ทำกับข้าวเลี้ยงทุกวัน กับข้าวทำอย่างดี เสริฟตอนร้อน ๆ ข้าวหอมปนข้าวกล้องเพื่อสุขภาพ วันไหนกับข้าวไม่ถูกใจแม่มเทข้าวทิ้งเป็นครึ่งชาม รับช่างใหม่เข้ามาพารุมกันตีซี๊ สอนกันหยั่งเห้ ให้โกงทองมั่งล่ะ ให้ทำช้า ๆ บ้างก้ได้มั่งล่ะ ให้อู้มั่งล่ะ ถ้าเป็นดรงงานใหญ่พวกนี้ก็คงเป็นแกนนำสหภาพ โกงทองไม่ได้โดนจับตายิบ สุดท้ายเอาเงินผสมแม่มเล้ยย อย่างนี้ต้องไล่ออกครับ ไม่ได้เสียเราคนเดียว ลูกค้าเสียด้วย กระทบความยั่งยืนของกิจการในระยะยาว เคยเจอไหม ท่าเคยมองไปรอบ ๆ ตัวบ้างไหม ของผมนี่แค่ลูกจ้าง 7 คนนะครับ ผมไม่แปลกใจเลยว่าพวกที่มีลูกจ้างเป็นร้อยทำไมต้องเฮี๊ยบ และเด็ดขาดมาก ๆ แล้วเจ้าของกิจการเนี่ย มันเหมือนหมาบ้าวิ่งไล่งับอะไรบางอย่างนะครับ ถ้าคุณหยุด คุณอด !!!  ไม่เหมือนลูกจ้าง ปีนึงหยุดตามประเพณีแล้ว 13 วัน ลาพักร้อนได้อีก 6 วันโดยยังได้รับค่าจ้าง นายจ้างเหรอครับ ลูกค้านัดวันอาทิตย์ยังต้องเผ่นไปคุยด้วยเลย สายสัมพันธ์กับลูกค้า กับลูกจ้าง เราต้องเป็นคน Hold เอาไว้ให้ดี ย่อหย่อนเหมือนไหร่เหมือนตายกลางอากาศเลยครับ ไม่มีหรอกครับลูกค้าที่บอกว่า เอาละ ผมจะไม่สั่งงานคุณแล้วนะ แต่ไม่ต้องห่วง นี่ผมบอกคุณล่วงหน้า 30 วัน และเนื่องจากผมสั่งงานคุณมาแล้ว 5 ปี ผมจะจ่ายค่าชดเชยให้ 4 เดือน ไม่มีครับ แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 55 19:12:02 แก้ไขเมื่อ 19 ก.พ. 55 19:09:21 จากคุณ : Capo เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 18:59:12

ความคิดเห็นที่ 50 ความสามารถ โอกาส จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน เขียนเมื่อ : 19 ก.พ. 55 20:13:16

ความคิดเห็นที่ 51 มันต่างกันนะรวยตั้งแต่เกิด กับ เพิ่งรวย หรือ รวยมาก กับ รวยน้อย จากคุณ : DevilDoll เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 03:57:25