ความคิดเห็นที่ 1 ความรู้สึกเจ็บปวดคืออะไร? Pain หรือ ความเจ็บปวดคือความรู้สึกไม่ดีที่เกิดขึ้นเมื่อมีสิ่งกระตุ้นมากระตุ้นอย่างรุนแรง หรือสิ่งกระตุ้นนั้นทำลายเนื้อเยื่อส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกาย เช่น ตัดเล็บสั้นเกินจนโดนเนื้อแหว่ง, ไฟลวกนิ้ว, โดนแอลกอฮอล์ราดแผล, อาการแปล๊ปเมื่อปลายข้อศอกโดนกระแทก (ส่วนที่เรียกว่า funny bone)   และความเจ็บปวดยังหมายรวมถึงประสบการณ์ของความรู้สึกไม่ดีต่างๆที่เคยเกิดขึ้น เนื่องจากการถูกทำลายของเนื้อเยื่อร่างกาย ความรู้สึกเจ็บปวดถูกเหนี่ยวนำให้เกิดขึ้นเมื่อเนื้อเยื่อในร่างกายถูกทำลาย ซึ่งจะเป็นการป้องกันร่างกายจากอันตรายต่างๆและปกป้องบาดแผลในขณะฟื้นตัว รวมทั้งเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดเหตุการณ์บาดเจ็บหรืออันตรายซ้ำอีกในอนาคต   (พูดง่ายๆคือ อะไรที่ทำแล้วมันเจ็บ เราจะไม่ทำมันอีก) จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:41:20

ความคิดเห็นที่ 2 ความรู้สึกเจ็บปวดจะหมดไปก็ต่อเมื่อสิ่งกระตุ้นนั้นหยุดการกระตุ้น หรือบาดแผลหายดีแล้ว บางครั้งความรู้สึกเจ็บปวดจะยังคงอยู่ แม้ว่าปราศจากการกระตุ้นจากสิ่งกระตุ้นนั้นแล้ว หรือบาดแผลหายสนิทดีแล้วก็ตาม และบางครั้งความรู้สึกเจ็บปวดก็อาจเกิดขึ้นเองได้ แม้จะไม่มีตัวกระตุ้นหรือมีบาดแผลใดๆเลยก็ตาม ความเจ็บปวดหรืออาการเจ็บปวดคือสาเหตุหลัก ที่ทำให้ชาวอเมริกันมาพบแพทย์และเป็นอาการหลักทั่วๆไปของโรคต่างๆ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:42:09

ความคิดเห็นที่ 3 Congenital insensitivity to pain / Congenital insensitivity to pain with anhidrosis (CIPA) ภาวะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดตั้งแต่กำเนิด  และ ภาวะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดตั้งแต่กำเนิดร่วมกับภาวะไม่มีเหงื่อ เป็นสภาวะที่พบได้ยากมากๆ (Extremely Rare) ซึ่งเกิดขึ้นจากความผิดปกติของระบบประสาทซึ่งผู้ป่วยจะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด ผู้ป่วย (ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นเด็ก) จะยังคงสามารถรับรู้ความรู้สึกสัมผัสที่ผิวหนังได้ปกติ แต่จะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด และจะไม่สามารถแยะแยะอุณหภูมิร้อน-เย็นที่สัมผัสกับเนื้อเยื่อได้ เพราะเมื่อมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาสัมผัสกับร่างกายเซลล์ประสาทรับความรู้สึกจะส่งข้อมูลไปยังไขสันหลัง โดยที่หนึ่งในโปรตีนอันเป็นสัญญาณที่เซลล์นั้นส่งมา จะถูกแปลรหัสโดยยีนที่ชื่อว่า SCN9A   ซึ่งในผู้ป่วยยีนตัวนี้จะมีการกลายพันธุ์ไป ทำให้สมองไม่ได้รับสัญญาณหรือข้อมูลความเจ็บปวดที่ส่งมา แต่จะยังคงรับรู้ถึงการสัมผัสได้ตามปกติ กรณีที่แย่กว่านั้นผู้ป่วยจะไม่มี"เหงื่อ"  เป็นอีกภาวะหนึ่งร่วมด้วย ทำให้ร่างกายผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมสมดุลของอุณหภูมิในร่างกายได้ ทำให้ในฤดูร้อนผู้ป่วยจะมีอาการ Hyperthermia ซึ่งเกิดขึ้นเนื่องจากร่างกายมีอุณหภูมิที่สูงเกินไป ทำให้มีอาการร้อนใน, แผลถลอกพุพอง,ผิวหนังลอก, ภาวะเฉื่อยชาของสมอง แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 05:44:19 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:43:54

ความคิดเห็นที่ 4 สามารถแบ่งภาวะการไม่รู้สึกเจ็บปวดได้เป็น 2 แบบ 1. Insensitivity to pain คือ ภาวะการไม่ตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้นให้รู้สึกเจ็บปวด ซึ่งผู้ป่วยจะไม่สามารถอธิบายว่าเจ็บปวดยังไง(ลักษณะของความเจ็บปวด) และไม่สามารถบอกว่าเจ็บปวดมากน้อยแค่ไหน(ระดับของความเจ็บปวด) 2. Indifference to pain คือ ผู้ป่วยรับรู้ถึงสิ่งกระตุ้น แต่ขาดการตอบสนองอย่างเหมาะสม เช่น ผู้ป่วยจะไม่สะดุ้งหรือกระตุกมือกลับเมื่อเกิดอาการเจ็บปวด จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:45:09

ความคิดเห็นที่ 5 ผู้ป่วยเด็กที่มีอาการเช่นนี้มักจะทุกข์ทรมานจากอาการบาดเจ็บภายในช่องปาก ทำให้รับประทานอาหาร, พูด หรือใช้ชีวิตไม่ได้ตามปกติ เช่น การกัดลิ้นตัวเอง, กัดริมฝีปาก, ฟันหลุดเนื่องจากถอนฟันตัวเอง หรือฟันหักเพราะการกระแทกอย่างรุนแรง (ซึ่งแน่นอนอาการทั้งหมดนั้นผู้ป่วย"ไม่รู้สึกเจ็บ"), อาการกระดูกหัก (แต่ไม่เจ็บ จึงไม่รู้ตัว อันจะนำไปสู่การจำเป็นต้องตัดแขนขาทิ้ง), การติดเชื้อที่ไม่มีใครสังเกตเห็น โดยเฉพาะเมื่อมีการเกาแผลอย่างรุนแรงในเวลานอน (เช่นเมื่อมีแผลที่ผิวหนัง), การบาดเจ็บของกระจกตา เนื่องจากมีสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในตา แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 06:56:55 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:46:54

ความคิดเห็นที่ 6 ภาพช่องปากของผู้ป่วยเด็ก จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:47:20

ความคิดเห็นที่ 7 ภาพนิ้วมือของผู้ป่วยเด็ก จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:47:36

ความคิดเห็นที่ 8 ภาพมือของผู้ป่วยเด็ก จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:47:52

ความคิดเห็นที่ 9 และเนื่องจากที่กลไกเรื่องความเจ็บปวดนั้นเปรียบเสมือนสัญญาณเตือน ที่ส่งให้ร่างกายและสมองรับรู้ถึงการบาดเจ็บหรืออาการผิดปกติของร่างกาย ดังนั้นผู้ป่วยเด็กที่มีภาวะผิดปกติลักษณะนี้ จึงไม่มีอาการร้องไห้หรือบอกให้พ่อแม่ทราบเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้น รวมทั้งในบางครั้งพ่อแม่ของเด็กเองก็ไม่ได้ตระหนักถึงผลเสียที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของลูก เนื่องมาจากการไม่ส่งเสียงร้องไห้หรือแสดงอาการเจ็บปวดใดๆออกมา ในผู้ป่วยบางรายอาจพบอาการผิดปกติทางเชาว์ปัญญาร่วมด้วย จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:48:42

ความคิดเห็นที่ 10 สาเหตุ จากการศึกษา พบว่าเกิดจากการกลายพันธุ์ของยีนที่ชื่อว่า SCN9A การกลายพันธุ์จะไปขัดขวางพัฒนาการของ Nociceptors หรือเซลล์ประสาทรับความรู้สึกเจ็บปวด ซึ่งผู้ป่วยที่มีการกลายพันธุ์ลักษณะนี้จะกลายมาเป็นคนที่ไม่มีความรู้สึกเจ็บปวด Hansen's Disease และ การติดเชื้อก็เป็นสาเหตุหนึ่งของการทำลายเซลล์ประสาทรับความรู้สึกเจ็บปวด และสามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:49:32

ความคิดเห็นที่ 11 Nociceptor คืออะไร? Nociceptor เป็นตัวรับประสาทสัมผัสที่จะตอบสนองต่อสิ่งกระตุ้น(หรือสิ่งเร้า) ที่อาจสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นกับเนื้อเยื่อของร่างกาย โดยการส่งสัญญาณประสาทไปยังไขสันหลังและสมอง กระบวนการนี้เรียกว่า "Nociception" ซึ่งทำให้เราเข้าใจได้ว่าความเจ็บปวดเกิดขึ้นได้อย่างไร   ซึ่ง Nociceptors จะพบในบริเวณเนื้อเยื่อของผิวหนังและปลายของเส้นใยประสาท จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:50:16

ความคิดเห็นที่ 12 อุบัติการณ์ ส่วนมากจะพบการเกิดในกลุ่มคนพื้นถิ่นเดียวกัน ตัวอย่างเช่น พบการเกิดใน Vittangi ซึ่งเป็นหมู่บ้านหนึ่งในชุมชน Kiruna ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของสวีเดน ที่ซึ่งมีการรายงานว่าพบผู้ป่วยลักษณะนี้ถึง 40 ราย การรักษา การรักษามักจะไม่ค่อยประสบผลสำเร็จ อย่างไรก็ตามมีบางกรณีที่ใช้ยา Naloxone ในการรักษาผู้ป่วย โดยยา Naloxone จะออกฤทธิ์กับระบบประสาทของร่างกาย โดยการไปปิดกั้นสัญญาณประสาทที่เกิดขึ้นจากกลุ่มของเซลล์ประสาทที่ผิดปกติ ซึ่งจะไม่ตอบสนองต่อความรู้สึกเจ็บปวด รวมทั้งความรู้สึกร้อน-เย็น แต่ว่าการรักษาก็ยากที่จะรักษาแบบจำเพาะเจาะจงตามอาการของผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยมักจะมีอาการต่างๆหลายอาการเกิดขึ้นต่างกันไป เช่น บางรายก็ไม่มีต่อมเหงื่อ, บางรายเส้นใยประสาทผิดปกติ, บางรายก็มีฝีหนองเรื้อรัง รวมทั้งอีกหลายๆอย่าง ทำให้ยากต่อการรักษา จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:51:15

ความคิดเห็นที่ 13 กรณีศึกษา กรณีศึกษาที่ 1 : Gabby หนึ่งในผู้ป่วยที่เป็นที่รู้จักกันคือ เด็กหญิง Gabby วัย 5 ขวบ ซึ่งเคยไปออกรายการทอล์คโชว์กับพิธีกรระดับโลกอย่าง Oprah Winfrey มาแล้ว โดยตามข้อเท็จจริงนั้นมีชาวอเมริกันราว 34 คน(จากราว 300 ล้านคน)เท่านั้นที่มีอาการเช่นเดียวกับ Gabby   สัญญาณของอาการนั้นเหมือนจะเป็นเรื่องดีๆของพ่อแม่ที่ Gabby ในวัยเด็กไม่เคยร้องไห้จ้าจากความเจ็บปวดเหมือนอย่างเด็กๆทั่วไป แต่ว่าครอบครัวของเธอก็ต้องพบกับความตกใจและเสียใจเมื่อได้รับฟังคำวินิจฉัยจากแพทย์ Gabby ไม่สามารถมีและใช้ชีวิตได้อย่างเด็กปกติทั่วไป เมื่อตอนที่ Gabby ยังแบเบาะ เธอเริ่ม"เคี้ยว"นิ้วมือของเธอ(เหมือนมันเป็นหมากฝรั่ง) และเริ่ม"กัด"ผิวหนังของตัวเอง(เหมือนมันเป็นขนม) และตามมาด้วยฟัน แม่ของ Gabby รับไม่ได้กับสภาพอันแหลกเหลวเละเทะของลิ้น,ปากและเนื้อเยื่อในปากของลูก จึงจำเป็นต้องให้แพทย์ถอนฟันลูกออกจนหมดเพื่อปกป้องปากและลิ้นของเขา แต่การทำลายร่างกายตัวเอง(อย่างไม่ตั้งใจ)ของ Gabby ยังไม่หยุดแค่นั้น หลังจากนั้นเธอก็ "จิ้ม" ตาตัวเองจนบอดไป 1 ข้าง ทำให้ตอนนี้ Gabby ต้องสวมใส่แว่นตา(คล้ายๆแว่นตาว่ายน้ำ)อยู่ตลอดเวลาเพื่อปกป้องดวงตาอีกข้างที่เหลืออยู่ของเธอ Gabby ยังต้องเจอกับแผลไฟไหม้ระดับที่ 2 ที่มือของเธอเนื่องจากเธอไปกำหลอดไฟร้อนๆที่รูปทรงมันคล้ายกับลูกเบสบอล เพราะเธอไม่สามารถรับรู้ถึงอุณหภูมิที่สูงมากของหลอดไฟหลอดนั้นได้ นอกจากนั้น Gabby ยังต้องเสี่ยงกับอาการกระดูกร้าว-กระดูกหัก รวมถึงการบาดเจ็บของข้อต่อร่างกายเนื่องมาจากการทำลายร่างกายตัวเองโดยไม่ตั้งใจของเธอด้วย จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:52:59

ความคิดเห็นที่ 14 ภาพครอบครัวของ Gabby ออกรายการของ Oprah Winfrey จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:53:24

ความคิดเห็นที่ 15 ภาพ Gabby ในวัยแบเบาะ จากรายการ The Oprah Winfrey Show จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:53:42

ความคิดเห็นที่ 16 Gabby ต้องใส่แว่นตาป้องกันตาของเธอไว้ตลอดเวลา จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:53:58

ความคิดเห็นที่ 17 Gabby ต้องสูญเสียดวงตาไป เพราะการ"จิ้ม"โดยไม่ตั้งใจของเธอ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:54:13

ความคิดเห็นที่ 18 Gabby ขณะที่แผลที่ดวงตายังไม่หายดี จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:54:31

ความคิดเห็นที่ 19 ปัจจุบัน Gabby ต้องใส่ตาเทียม เธอจึงมีตาที่มองเห็นได้แค่ข้างเดียว จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:54:49

ความคิดเห็นที่ 20 ตาเทียม จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:55:04

ความคิดเห็นที่ 21 Gabby ต้องสูญเสียฟันไปเนื่องจากไปกัดของเล่นที่แข็งมาก รวมทั้งจากการที่พ่อและแม่ของเธอจำเป็นต้องให้แพทย์ถอนฟันออกเพื่อป้องกันลิ้นและช่องปากของเธอ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:55:26

ความคิดเห็นที่ 22 เนื่องจากเธอไม่มีความรู้สึกเจ็บ แม้ว่าจะเล่นซนจนล้มไปโขกกำแพง ก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร แต่นั่นยิ่งทำให้พ่อแม่ของเธอต้องคอยระวังอยู่ตลอดเวลา เพราะหากเกิดการบาดเจ็บขึ้นกับเธอแล้วจะไม่มีใครรู้ได้เลย จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:55:47

ความคิดเห็นที่ 23 หมากระโดดทับไปทั้งตัวเลยเนี่ย จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:56:06

ความคิดเห็นที่ 24 วิดีโอเกี่ยวกับ Gabby 1. จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:56:33

ความคิดเห็นที่ 25 2. จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:56:54

ความคิดเห็นที่ 26 3. จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:57:17

ความคิดเห็นที่ 27 สามารถเข้าชมเว็บไซต์ของผู้ถ่ายทำสารคดีของ Gabby ได้ โดยมี DVD สารคดีของ Gabby (ไม่ฟรีนะเธอว์ ต้องซื้อ) http://www.alifewithoutpain.com/ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:57:41

ความคิดเห็นที่ 28 กรณีศึกษาที่ 2 : เด็กชายจากจีน เมื่อเดือนตุลาคม ปี1999 (พ.ศ.2542)   Santou University Medical College of China ต้องพบกับเด็กวัย 12 ขวบ ที่มีอาการประหลาดซึ่งไม่เคยมีใครพบมาก่อน เด็กคนนี้มาพบแพทย์เนื่องจากเขาไม่สามารถ"ยืน"ได้ ภายหลังจากที่ทำการเอ็กซ์เรย์พบว่ากระดูกข้อต่อตรงส่วนสะโพกของเขาเคล็ด (เป็นอาการที่ไม่ค่อยพบทั่วไปในเด็กวัยนี้)   ต่อมาแพทย์วินิจฉัยพบว่าเขาป่วยด้วยภาวะไม่มีความรู้สึกเจ็บปวดตั้งแต่เกิดร่วมกับภาวะไม่มีเหงื่อ ซึ่งกว่า 20% ของผู้ป่วยตายด้วยภาวะช็อคจากอาการไข้สูงในช่วง 3 ขวบแรก ในกรณีของเด็กคนนี้มือและเท้าของเขาปกติดีในช่วงอายุ 2 ขวบแรก แต่จนถึงปัจจุบันนี้เขาไม่มีปลายนิ้วมือนิ้วเท้าแล้วเพราะทั้งปลายนิ้วมือนิ้วเท้าของเขาเป็นฝีหนอง   พ่อแม่ของเขาเล่าว่าเมื่อตอนเขาอายุได้ 6 เดือนเขาถูกบุหรี่จี้ แต่กลับไม่มีอาการร้องไห้จ้าแบบเด็กทั่วๆไป นั่นทำให้พ่อแม่ของเขาเริ่มฉุกคิดขึ้นมาถึงความผิดปกติของลูก ต่อมาเขา"กัด"ลิ้นและปากของตัวเองโดยไม่รู้ตัว และยังมีแผลเป็นบนใบหน้ารวมถึงสูญเสียฟันไปหลายซี่ นอกจากนั้นพัฒนาการของเขายังช้ากว่าช่วงวัยรวมทั้งเชาวน์ปัญญาต่ำกว่าปกติ (ไอคิวต่ำกว่า 40) ทำให้มีปัญหาในการสื่อสารกับคนอื่น แก้ไขเมื่อ 21 ก.พ. 55 08:59:27 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:58:36

ความคิดเห็นที่ 29 ภาพเอ็กซ์เรย์ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:58:56

ความคิดเห็นที่ 30 ภาพปลายนิ้วเท้าที่เป็นแผลอักเสบรุนแรง จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:59:12

ความคิดเห็นที่ 31 กรณีศึกษาที่ 3 : Ben จากอังกฤษ ในเดือนมกราคม ปี2005 (พ.ศ.2548) อังกฤษได้รู้จักกับ Ben หนุ่มน้อยที่ไม่มีความรู้สึกเจ็บ Ben ต้องสูญเสียฟันไปทั้งหมดเนื่องจากแม่ของเขาตัดสินใจให้แพทย์ถอนออกเพื่อปกป้องสิ้นและทุกๆอย่างในช่องปากของเขา "ในตอนแรกฉันคิดว่าเขาคิดว่าลิ้นตัวเองเป็น"คุกกี้" ซึ่งต่อมาฉันก็รู้ว่านั่นคือสิ่งที่เป็นความจริง"  << แม่ของ Ben สิ่งที่ทำให้ Ben ไม่เหมือนเด็กคนอื่นคือเขาต้องใส่"เครื่องป้องกัน(Guard)"อยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันเขาจากการบาดเจ็บ แพทย์บอกกับครอบครัวของ Ben ว่ามีหนทางน้อยเหลือเกินในการรักษา Ben ดังนั้นครอบครัวของ Ben จึงต้องติดต่อกับครอบครัวอื่นๆที่ประสบกับปัญหาแบบเดียวกันนี้ เพื่อปรึกษาและช่วยเหลือกันและกัน ในขณะเดียวกันเราก็ต้องระมัดระวังทุกฝีก้าวเพื่อความปลอดภัยของ Ben จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 05:59:52

ความคิดเห็นที่ 32 ภาพขาของผู้ป่วยที่เกิดการบาดเจ็บได้เนื่องมาจากการกระโดดลงจากที่สูง ซึ่งตามปกติแล้วคนปกติจะสามารถรับรู้ได้ว่าความสูงระดับใดที่ถ้าเรากระโดดลงมาแล้วจะ"เจ็บ"แน่ แต่ในกรณีผู้ที่ป่วยด้วยภาวะนี้ ผู้ป่วยจะไม่สามารถคำนวณระยะแล้วเชื่อมโยงมาถึงอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 06:00:19

ความคิดเห็นที่ 33 ในบางครั้งก็จะเกิดการบาดเจ็บตรงส่วนปลายของนิ้วหัวแม่เท้า หรือบริเวณมือได้ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 06:00:37

ความคิดเห็นที่ 34 ขอจบกระทู้เท่านี้ครับ ในมุมมองส่วนตัวของผมผมคิดว่าอะไรก็ตามที่ธรรมชาติให้มานั้น มันมีทั้งด้านดี และด้านร้ายเสมอ ความรู้สึกเจ็บปวดก็เช่นกัน ไม่ว่าจะเจ็บกาย สมองก็จะจดจำไว้เป็นประสบการณ์ เพื่อให้รู้จักระวังตัว จะได้ไม่เจ็บซ้ำ หรือเจ็บปวดใจ ก็ต้องจดจำเช่นกัน แล้วเรียนรู้ไว้เป็นประสบการณ์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต รักษาเนื้อ รักษาตัวกันด้วยนะครับทุกท่าน Reference Links : http://en.wikipedia.org/wiki/Congenital_insensitivity_to_pain http://www.macalester.edu/psychology/whathap/UBNRP/pain/CaseStudies.htm http://en.wikipedia.org/wiki/Pain http://www.cmj.org/periodical/paperlist.asp?id=lw20061220373950208880 http://www.gfmer.ch/genetic_diseases_v2/gendis_detail_list.php?cat3=1769 http://en.wikipedia.org/wiki/Congenital_insensitivity_to_pain_with_anhidrosis http://www.hinsdale86.org/staff/kgabric/DiseaseProjects2006/CIPA.%20Adler-Hoover/ http://www.alifewithoutpain.com/ แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 06:02:12 จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 06:01:33

ความคิดเห็นที่ 35 บางที บางโรค มันน่าก็น่ากลัวมากๆเลย สิ่งที่ธรรมชาติให้มาเลยเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับมนุษย์ จากคุณ : เขียนบน iPhone (nautilus tuna) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 06:33:51

ความคิดเห็นที่ 36 ไม่อยากไม่เจ็บเลย แต่อยากไห้มันเจ็บน้อยลงอะนะ เอาแค่จี๊ดๆบอกก็พอ จากคุณ : sex เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 07:46:49 A:223.205.129.98 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 37 . . เพิ่งดูซีรีย์ Criminal Minds ตอนที่คนร้ายเป็นโรคที่ไม่รู้จักความเจ็บปวดเหมือนกันเลยค่ะ.. ความเจ็บปวดสำคัญจริงด้วย... จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 10:01:21

ความคิดเห็นที่ 38 ขอบคุณครับ จริง  ๆ อย่างนี้ก็ดีนะ ตอนอกหักจะได้ไม่ทรมาณ ตอนเสียชีวิตก็ไม่เจ็บด้วย จากคุณ : LPGinSIDE เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 10:02:10

ความคิดเห็นที่ 39 ได้ดูทั้งรายการสด Oprah Winfrey ช่อง 7 และ The Insider ช่อง 4  ดูไปน้ำตาซึมไป  ส่วน คห 20 รายการ 20 20 (Twenty twenty) ช่อง 7 ค่ะ จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 11:23:07

ความคิดเห็นที่ 40 เจ็บแบบไม่ต้องทุกข์ คือ การใช้ปัญญาเข้าใจมัน โดยไม่ต้องไปทุรนทุรายกับมัน จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 11:45:45

ความคิดเห็นที่ 41 3 กิ๊ฟ เต็มๆ จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 13:25:14

ความคิดเห็นที่ 42 ถ้าน้องๆเค้าโต อกหักเค้าจะเจ็บจี๊ดๆที่ใจบ้างมั๊ย? จากคุณ : TinyPhoenix เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 14:26:07

ความคิดเห็นที่ 43 อ่านแล้วนึกถึง Kick-Ass เลย!! จากคุณ : hellmoon เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 14:58:20

ความคิดเห็นที่ 44 Hi, my name's Ben and this is Jackass. จากคุณ : เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการโผ เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 15:30:26

ความคิดเห็นที่ 45 ผมนึกถึงคุราม่า(ยูยู) ตอนสู้กับ ศัตรูซักตัวช่วงงานประลองอะ.... จากคุณ : ITEMP เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 16:50:04

ความคิดเห็นที่ 46 ปกติแล้วเราเป็นคนเจ็บง่าย แต่ถ้าให้เปลี่ยนเป็นไม่เจ็บเลย สู้ยอมเจ็บง่ายแบบนี้ดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ชีวิตตัวเองอยู่ในอันตรายมากเกินไป ^^a จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 17:41:28

ความคิดเห็นที่ 47 น่าสงสาร จากคุณ : ลาบเลือดน้ำตกซกเล็ก เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 17:54:32

ความคิดเห็นที่ 48 น่าสนใจสุดๆ แต่ภาพโหดไปนิ้ดดดด แก้ไขเมื่อ 20 ก.พ. 55 18:38:41 จากคุณ : ZzIqka เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 18:20:46

ความคิดเห็นที่ 49 เนื้อหาน่าสนใจและมีประโยชน์มากครับ ปล.อ่านไป เจ็บแทนไปครับ บางครั้งก็ต้องรู้จักเจ็บกันบ้างนะครับ เพื่อการเรียนรู้ T^T จากคุณ : คำแก้ว (de Pheonix) เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 19:26:29

ความคิดเห็นที่ 50 ผมรู้สึกดีที่ "เจ็บ" บ้างเป็นครั้งคราว จากคุณ : หอยทากตัวน้อย เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 19:58:55

ความคิดเห็นที่ 51 อยากเป็นโรคนี้นี้แค่ตอนใกล้ตาย จากคุณ : ดินสอปากกา เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 22:41:57

ความคิดเห็นที่ 52 กระทู้เยี่ยมครับ จากคุณ : Multiverse เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 22:58:13

ความคิดเห็นที่ 53 ขอโหวตให้ครับ กระทู้ดีมากๆ จากคุณ : parasite13 เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 23:17:31

ความคิดเห็นที่ 54 เกิด แก่ "เจ็บ" ตาย มันทำให้เราเป็น "มนุษย์" หากไม่มีสิ่งเหล่านี้เราก็เหมือนไม่ใช่มนุษย์ ลองจินตนาการว่าหากเราไม่มีการแก่ ไม่มีการตาย ไม่มีการเกิด มันก็ทรมานไม่ต่างอะไรกับการไม่มีการ"เจ็บ" น่ากลัวจริงๆครับโรคนี้ มีคนที่ โตเป็นผู้ใหญ่แล้วบ้างไหมครับ เพราะดูลักษณะโรคแล้ว ถ้าไม่ระวังจริงๆ คงไม่รอดจนโตแน่ๆ จากคุณ : Tamจัง เขียนเมื่อ : 20 ก.พ. 55 23:49:02

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณจขกทสำหรับกระทู้ดีๆค่ะ จากคุณ : เขียนบนเตียง (what for ^.~) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 03:59:05

ความคิดเห็นที่ 56 อ่านแล้วสงสารคนที่เป็นโรคมากเลย จากคุณ : ปากกาสีจาง (ปากกาสีจาง) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 09:28:42

ความคิดเห็นที่ 57 เหลือเชื่อจริงๆ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีโรคแบบนี้อยู่จริงในโลก จากคุณ : พีด้า เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 11:04:40

ความคิดเห็นที่ 58 ปวดในใจมันเจ็บซะยิ่งกว่าอะไร T_T จากคุณ : Waiyakon เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 13:19:49

ความคิดเห็นที่ 59 สงสารเด็ก ทำไมต้องเกิดกับเด็กด้วย จากคุณ : ต๋องศักดิ์ เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 15:50:08

ความคิดเห็นที่ 60 น่าสงสารมากเลยค่ะ ขอบคุณนะคะสำหรับความรู้ดี ๆ แบบนี้ จากคุณ : production (production) เขียนเมื่อ : 21 ก.พ. 55 17:46:31

ความคิดเห็นที่ 61 น่าสงสาร T^T ความเจ็บปวดเกิดมาพร้อมกับความบอบบาง จากคุณ : Paranoid Android เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 00:35:29

ความคิดเห็นที่ 62 อ่านแล้วรู้สึกเจ็บแทนอะ จากคุณ : northtempest (Desolation Angel) เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 14:57:15

ความคิดเห็นที่ 63 แล้วความเสียวมันมีผลเสียกับเราไหมครับ ? ถ้าเราไม่เสียวแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ? จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 15:14:28

ความคิดเห็นที่ 64 จินตนาการไม่ถูกเลยอะ จากคุณ : PIMMIE เขียนเมื่อ : 22 ก.พ. 55 22:59:41

ความคิดเห็นที่ 65 ...... จากคุณ : Lunar_Eclipse (Moonlight-Eclipse) เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 02:36:32

ความคิดเห็นที่ 66 การที่ ไม่มีอาการเจ็บปวด นี่ ก็เป็นเรื่องน่าเกลัวเหมือนกันนะครับ นึกว่าโรคนี้จะมีแค่ในการ์ตูนซะอีก ในรูปคือ "เหลี่ยว หยวน หว่อ หรือ เตียว จูล่ง" จาก หงสา จอมราชันย์ (สามก๊ก ที่ตีความอีกรูปแบบหนึ่ง) ที่อยู่ในกลุ่ม "ซากทัพ" หรือ ทัพคนพิการ ที่หมอนี่ พิการความเจ็บปวด โดนอะไรก็ไม่เจ็บไม่ปวด... น่าจะเป็นโรคเดียวกะเด็กที่เป็นในกระทู้นี้ แต่ตอนเด็กๆ คงไม่ได้เคี้ยวลิ้นเข้าไป และใบหน้าก็หล่อซะด้วยสิ... (การ์ตูนอ่ะนะ) จากคุณ : สุมาโจจี้ เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 10:24:49

ความคิดเห็นที่ 67 กะทู้นี้ทำให้รอยหยักในสมองเพิ่มขึ้น จากคุณ : pooktoon เขียนเมื่อ : 23 ก.พ. 55 15:29:22

ความคิดเห็นที่ 68 เคยนึกว่าการที่เราไม่มีความเจ็บปวดแบบนี้คงดี แต่พอมาอ่านเคสน้องๆแล้วรู้สึกเลยว่าการเป็น"ปกติ" นั้นมันโชคดีขนาดไหน จากคุณ : NorsDavincy เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 00:30:28

ความคิดเห็นที่ 69 การมีอยู่ของความรู้สึกเจ็บปวดก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไปเนาะ อย่างน้อยถ้ารู้ว่ามันจะเจ็บเราก็จะได้ป้องกันตัวไว้ก่อน หรือถ้าพลาดแล้วเจ็บจุดไหนเราก็จะได้รักษาให้ถูกที่ การไม่รู้สึกเจ็บปวด ก็คือทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัวนี่เอง จากคุณ : ปิดไฟสิจ๊ะที่รัก เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 02:03:55

ความคิดเห็นที่ 70 ขอให้ตัวเองยังเจ็บปวดอยู่ ขอบคุณที่ตัวเองยังเจ็บปวดได้ ปล. #66 คือ ตั้งแต่อ่านทั้งกระทู้ มีความในใจมากมายอยากจะพิมพ์ แต่อ่านของคห.66 แล้ว ฮาก๊าก อารมณ์นั่นหายไปเลย สติสต๊างค์ กู่ไม่กลับ เลยได้เม้นแค่นี้ แก้ไขเมื่อ 24 ก.พ. 55 04:01:37 จากคุณ : H. sapiens เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 04:00:36

ความคิดเห็นที่ 71 การตูนชอบเล่นมุขนี้ แต่เอาจริงถ้าเป็นโรคนี้ก็คงอยู๋ไม่โต คงไม่เก่งได้แบบนั้นหรอก ความเจ็บเป็นสิ่งที่มีไว้เตือนเรา ว่าสิ่งไหนที่เป็นอันตราย ทำร้ายเรา จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 07:47:16

ความคิดเห็นที่ 72 สามารถเอาทุกเรื่องไปโยงกับการ์ตูนได้ มันไม่น่าจะเกี่ยวกันเลยนะ 555 จากคุณ : Don't judge too quickly เขียนเมื่อ : 24 ก.พ. 55 07:59:31

ความคิดเห็นที่ 73 อีกโรคที่สำคัญ และแสดงให้เห็นความสำคัญของความเจ็บปวดคือ อาการเท้าชาจากโรคเบาหวาน จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 26 ก.พ. 55 07:02:40