ความคิดเห็นที่ 1 ทองคำ ....... มีความแวววาวอยู่เสมอ ทองคำไม่ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนดังนั้น เมื่อสัมผัสถูกอากาศสีของทองจะไม่หมองและไม่เกิดสนิม มีความอ่อนตัว ทองคำเป็นโลหะที่มีความอ่อนตัวมากที่สุด ด้วยทองเพียงประมาณ 2 บาท เราสามารถยืดออกเป็นเส้นลวดได้ยาวถึง 8 กิโลเมตร หรืออาจตีเป็นแผ่นบางได้ถึง 100 ตารางฟุต เป็นตัวนำไฟฟ้าที่ดี ทองคำเป็นโลหะชนิดหนึ่งที่สามารถนำไฟฟ้าได้ดี สะท้อนความร้อนได้ดี ทองคำสามารถสะท้อนความร้อนได้ดี ได้มีการนำทองคำไปฉาบไว้ที่หน้ากากหมวกของนักบินอวกาศ เพื่อป้องกันรังสีอินฟราเรด จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:46:31

ความคิดเห็นที่ 2 มนุษย์รู้จักทองคำมาตั้งแต่ประมาณ 5,000 ปี เป็นความหมายแห่งความมั่งคั่ง จุดหลอมเหลว 1064 องศาเซลเซียส และจุดเดือด 2970 องศาเซลเซียส เป็นโลหะที่มีค่าที่มีความเหนียว (Ductility) และความสามารถในการขึ้นรูป (Malleability) คือจะยืดขยาย (Extend) เมื่อถูกตีหรือรีดในทุกทิศทาง โดยไม่เกิดการปริแตกได้สูงสุด ทองคำบริสุทธิ์หนัก 1 ออนซ์สามารถดึงเป็นเส้นลวดยาวได้ถึง 80 กิโลเมตร ถ้าตีเป็นแผ่นก็จะได้บางเกินกว่า 1/300,000 นิ้ว ส่วนความกว้างจะได้ถึง 9 ตารางเมตร ทองคำบริสุทธิ์ไม่ว่องไวต่อการเกิดปฏิกิริยาเคมี จึงทนต่อการผุกร่อนและไม่เกิดสนิมกับอากาศ แต่ทำปฏิกิริยากับสารเคมีบางชนิด เช่น คลอรีน ฟลูออรีน น้ำประสานทอง คุณสมบัติเหล่านี้ประกอบกับลักษณะภายนอกที่เป็นประกายจึงทำให้ทองคำเป็นที่หมายปองของมนุษย์มาเป็นเวลานับพันปี โดยนำมาตีมูลค่าสำหรับการแลกเปลี่ยนระหว่างประเทศและใช้เป็นวัตถุดิบที่สำคัญสำหรับวงการเครื่องประดับ จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:50:26

ความคิดเห็นที่ 3 ทองคำได้รับความนิยมอย่างสูงสุดในวงการเครื่องประดับทองคำ เพราะเป็นโลหะมีค่าชนิดเดียวที่มีคุณสมบัติพื้นฐาน 4 ประการซึ่งทำให้ทองคำโดดเด่น และเป็นที่ต้องการเหนือบรรดาโลหะมีค่าทุกชนิดในโลก คือ 1. งดงามมันวาว (lustre) สีสันที่สวยงามตามธรรมชาติผสานกับความมันวาวก่อให้เกิดความงามอันเป็นอมตะ ทองคำสามารถเปลี่ยนเฉดสีทองโดยการนำทองคำไปผสมกับโลหะมีค่าอื่นๆ ช่วยเพิ่มความงดงามให้แก่ทองคำได้อีกทางหนึ่ง 2. คงทน (durable) ทองคำไม่ขึ้นสนิม ไม่หมอง และไม่ผุกร่อน แม้ว่ากาลเวลาจะผ่านไป 3000 ปีก็ตาม 3. หายาก (rarity) ทองเป็นแร่ที่หายาก กว่าจะได้ทองคำมาหนึ่งออนซ์ (31.167 gram) ต้องถลุงก้อนแร่ที่มีทองคำอยู่เป็นจำนวนหลายตัน และต้องขุดเหมืองลึกลงไปหลายสิบเมตร จึงทำให้มีค่าใช้จ่ายที่สูง เป็นเหตุให้ทองคำมีราคาแพงตามต้นทุนในการผลิต 4. นำกลับไปใช้ได้ (reuseable) ทองคำเหมาะสมที่สุดต่อการนำมาทำเป็นเครื่องประดับเพราะมีความเหนียวและอ่อนนิ่มสามารถนำมาทำขึ้นรูปได้ง่าย อีกทั้งยังสามารถนำกลับมาใช้ใหม่โดยการทำให้บริสุทธิ์ (purified) ด้วยการหลอมได้อีกโดยนับครั้งไม่ถ้วน จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:51:48

ความคิดเห็นที่ 4 การเกิดของแร่ทองคำ ....... สรุปจากเอกสารของกรมทรัพยากรธรณี ได้มีการแบ่งการเกิดของแร่ทองคำออกเป็น 2 แบบ ตามลักษณะที่พบในธรรมชาติได้ดังนี้ + แบบปฐมภูมิ คือกระบวนการทางธรณีวิทยา มีการผสมทางธรรมชาติจากน้ำแร่ร้อน ผสมผสานกับสารละลายพวกซิลิก้า ทำให้เกิดการสะสมตัวของแร่ทองคำในหินต่างๆ เช่น หินอัคนี หินชั้น และหินแปร มีการพบการฝังตัวของแร่ทองคำในหิน หรือสายแร่ที่แทรกอยู่ในหิน ซึ่งส่วนใหญ่จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า + แบบทุติยภูมิหรือลานแร่ คือการที่หินที่มีแร่ทองคำแบบปฐมภูมิได้มีการสึกกร่อน และถูกน้ำพัดพาไปสะสมตัวในที่แห่งใหม่ เช่น ตามเชิงเขา ลำห้วย หรือในตะกอนกรวดทรายในลำน้ำ จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 08:59:43

ความคิดเห็นที่ 5 แหล่งแร่ทองคำปฐมภูมิในไทย ...... แหล่งโต๊ะโมะ จ.นราธิวาส แหล่งเขาสามสิบ จ.สระแก้ว แหล่งชาตรี (เขาโป่ง) จ.พิจิตร - จ.เพชรบูรณ์ แหล่งดอยตุง (บ้านผาฮี้) จ.เชียงราย แหล่งเขาพนมพา จ.พิจิตร แหล่งแร่ทองคำทุติยภูมิในไทย ........ แหล่งบ้านป่าร่อน จ.ประจวบคีรีขันธ์ แหล่งบ้านนาล้อม จ.ปราจีนบุรี แหล่งบ้านทุ่งฮั้ว จ.ลำปาง แหล่งในแม่น้ำโขง จ.เลย - จ.หนองคาย แหล่งบ้านผาช้างมูบ จ.พะเยา จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:00:47

ความคิดเห็นที่ 6 หน่วยน้ำหนักของทองคำ ..... + กรัม : ใช้กันเป็นส่วนใหญ่ ถือว่าเป็นหน่วยสากล + ทรอยเอานซ์ : ใช้ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย + โทลา : ใช้กันทางประเทศแถบตะวันออกกลาง อินเดีย ปากีสถาน + ตำลึง : ใช้ในประเทศที่ใช้ภาษาจีน เช่น จีน ไต้หวัน ฮ่องกง + บาท : ใช้ในประเทศไทย + ชิ : ใช้ในประเทศเวียดนาม จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:01:49

ความคิดเห็นที่ 7 มาชม จากคุณ : leonaele เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:03:01

ความคิดเห็นที่ 8 การแปลงน้ำหนักทองคำ ...... ทองคำความบริสุทธิ์ 96.5% (มาตรฐานในประเทศไทย) + ทองรูปพรรณ น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.16 กรัม + ทองคำแท่ง น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.244 กรัม ทองคำความบริสุทธิ์ 99.99% + ทองคำ 1 กิโลกรัม เท่ากับ 32.1508 (ทรอย) ออนซ์ + ทองคำ 1 (ทรอย) ออนซ์ เท่ากับ 31.1040 กรัม + 1 ทรอยออนซ์ เท่ากับ 1.097 ออนซ์ (ปกติ) + 12 ทรอยออนซ์ เท่ากับ 1 ทรอยปอน + 1 ทรอยปอน เท่ากับ 373 กรัม แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 10:43:14 จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:03:48

ความคิดเห็นที่ 9 การลงทุนทองคำ ..... การตั้งราคาทองในประเทศไทยจาก 2 ปัจจัยหลัก คือ Goldspot และ USD-THB Goldspot คือ ราคาทองต่างประเทศ มีการซื้อขายทองโดยใช้เงินสกุลดอลล่าร์ USD-THB คือ อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินบาทเทียบกับเงินสกุลดอลลาร์ การตั้งราคาทองในประเทศไทย มีสูตรคำนวณดังนี้ สูตรคำนวณราคาทองคำ = (spot gold + 2) x อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท x 0.4729 จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:05:34

ความคิดเห็นที่ 10 ประโยชน์อื่นของทองคำ ....... ด้านอวกาศ ในทางอวกาศได้มีการนำทองคำมาใช้เป็นชุดนักบินอวกาศและแคปซูล เพื่อป้องกันไม่ให้นักบินอวกาศกระทบกับรังสีในอวกาศที่มีพลังงานสูง นอกจากนี้ยังมีการใช้ทองคำบริสุทธิ์เคลือบกับเครื่องยนต์ ระบบอิเล็กทรอนิกส์ หมวกเหล็ก เกราะบังหน้า และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้ในอวกาศ เนื่องจากทองคำที่มีความหนา 0.000006 นิ้ว จะมีคุณสมบัติช่วยสะท้อนรังสีความร้อนจากดวงอาทิตย์ไม่ให้ทำลาย หรือลดประสิทธิภาพการทำงานของอุปกรณ์เหล่านี้ ด้านทันตกรรม มีการใช้ทองคำเพื่อการครอบฟัน เชื่อมฟัน หรือการเลี่ยมทอง และยังมีการใช้ในการผลิตฟันปลอมด้วย เนื่องจากทองคำมีความคงทนต่อการกัดกร่อน การหมองคล้ำ และยังมีความแข็งแรงอีกด้วย โดยจะใช้ทองคำผสมกับธาตุอื่น เช่น แพลทินัม ด้านอิเล็กทรอนิกส์ มีการนำทองคำมาใช้เป็นวัสดุที่ทำหน้าที่สัมผัสในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ เช่น เครื่องคิดเลข โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หรือโทรศัพท์มือถือ เนื่องจากทองคำมีค่าการนำไฟฟ้าสูง และมีความคงทนต่อการกัดกร่อน จึงช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และอายุการใช้งานของเครื่องไฟฟ้าเหล่านั้น จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:06:41

ความคิดเห็นที่ 11 เพิ่มเติมเรื่องตารางธาตุครับ ....... ตารางธาตุ (Periodic table) คือ ตารางที่ใช้แสดงรายชื่อธาตุเคมี คิดค้นขึ้นโดยนักเคมีชาวรัสเซีย ดมีตรี เมนเดเลเยฟ (Dmitri Mendeleev) ในปี พ.ศ. 2412 จากการสังเกตว่า เมื่อนำธาตุที่รู้จักมาวางเรียงตามลำดับเลขอะตอม จะพบว่าคุณสมบัติพื้นฐานบางอย่างคล้ายกัน สามารถจำแนกเป็นกลุ่มๆ ได้ ทำให้เกิดรูปแบบตารางธาตุ และพัฒนาต่อเนื่องมาจนเป็นอย่างที่เห็น ตารางธาตุเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอนวิชาเคมีด้วย เริ่มต้นจาก จอห์น นิวแลนด์ส ได้พยายามเรียงธาตุตามมวลอะตอม แต่เขากลับทำให้ธาตุที่มีสมบัติต่างกันมาอยู่ในหมู่เดียวกัน นักเคมีส่วนมากจึงไม่ยอมรับตารางธาตุของนิวแลนด์ส ต่อมา ดมีตรี เมนเดเลเยฟ จึงได้พัฒนาโดยพยายามเรียงให้ธาตุที่มีสมบัติเหมือนกันอยู่ในหมู่เดียวกัน และเว้นช่องว่างไว้สำหรับธาตุที่ยังไม่ค้นพบ พร้อมกันนั้นเขายังได้ทำนายสมบัติของธาตุใหม่ไว้ด้วย โดยใช้คำว่า เอคา (Eka) นำหน้าชื่อธาตุที่อยู่ด้านบนของธาตุที่ยังว่างอยู่นั้น เช่น เอคา-อะลูมิเนียม (ต่อมาคือธาตุแกลเลียม) เอคา-ซิลิคอน (ต่อมาคือธาตุเจอร์เมเนียม) แต่นักเคมีบางคนในยุคนั้นยังไม่แน่ใจ เนื่องจากว่าเขาได้สลับที่ธาตุบางธาตุโดยเอาธาตุที่มีมวลอะตอมมากกว่ามาไว้หน้าธาตุที่มีมวลอะตอมน้อยกว่า ดมีตรีได้อธิบายว่า เขาต้องการให้ธาตุที่มีสมบัติเดียวกันอยู่ในหมู่เดียวกัน เมื่อดมีตรีสามารถทำนายสมบัติของธาตุได้อย่างแม่นยำ และตารางธาตุของเขาไม่มีข้อน่าสงสัย ตารางธาตุของดมีตรีก็ได้รับความนิยมจากนักเคมีในสมัยนั้นจนถึงยุคปัจจุบัน ดมีตรี เมนเดเยฟ บิดาแห่งตารางธาตุ ........ จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:16:48

ความคิดเห็นที่ 12 รหัสสีสำหรับเลขเชิงอะตอม ....... + ธาตุที่เลขเชิงอะตอมเป็น สีน้ำเงิน เป็นของเหลวที่ STP + ธาตุที่เลขเชิงอะตอมเป็น สีเขียว เป็นก๊าซที่ STP + ธาตุที่เลขเชิงอะตอมเป็น สีดำ เป็นของแข็งที่ STP + ธาตุที่เลขเชิงอะตอมเป็น สีแดง เป็น ธาตุสังเคราะห์ (ทุกธาตุเป็นของแข็งที่ STP) + ธาตุที่เลขเชิงอะตอมเป็น สีเทา ยังไม่มีการค้นพบ (ธาตุเหล่านี้ในตารางจะมีสีพื้นจาง ๆ ที่ใกล้เคียงกับสีพื้นของอนุกรมเคมีที่ธาตุดังกล่าวน่าจะเป็นสมาชิก) ชื่อธาตุแบ่งตามหมู่ ..... + หมู่ 1A ลิเทียม (Lithium) โซเดียม (Sodium - Natrium) โพแทสเซียม (Potassium - Kalium) รูบิเดียม (Rubidium) ซีเซียม (Cesium) แฟรนเซียม (Francium) + หมู่ 2A เบริลเลียม (Beryllium) แมกนีเซียม (Magnesium) แคลเซียม (Calcium) สตรอนเชียม (Strontium) แบเรียม (Barium) เรเดียม (Radium) + หมู่ 3A โบรอน (Boron) อะลูมิเนียม (Aluminum) แกลเลียม (Gallium) อินเดียม (Indium) แทลเลียม (Thallium) + หมู่ 4A คาร์บอน (Carbon) ซิลิกอน (Silicon) เจอร์เมเนียม (Germanium) ดีบุก (Tin - Stannum) ตะกั่ว (Lead - Plumbum) + หมู่ 5A ไนโตรเจน (Nitrogen) ฟอสฟอรัส (Phosphorous) อะซินิค (สารหนู) (Arsenic) พลวง (Antimony - Stibium) บิสมัท (Bismuth) + หมู่ 6A ออกซิเจน (Oxygen) ซัลเฟอร์ (กำมะถัน) (Sulfur) ซีลีเนียม (Selenium) เทลลูเรียม (Tellurium) พอโลเนียม (Polonium) + หมู่ 7A ฟลูออรีน (Fluorine) คลอรีน (Chlorine) โบรมีน (Bromine) ไอโอดีน (Iodine) แอสทาทีน (Astatine) + หมู่ 8A ฮีเลียม (Helium) นีออน (Neon) อาร์กอน (Argon) คริปตอน (Krypton) ซีนอน (Xenon) เรดอน (Radon) ยกเว้น ไฮโดรเจน เพราะยังถกเถียงกันอยู่ว่าจะจัดลงไปที่หมู่ 1 หรือ 7 ดี เพราะคุณสมบัติเป็นกึ่ง ๆ กัน ระหว่าง 1A กับ 7A และธาตุประเภททรานซิชัน โดยทั่วไป ไม่แนะนำให้จำ แต่อาศัยดูตารางเอา และควรจำคุณสมบัติของธาตุที่สำคัญ ๆ ให้ได้ หรืออาจจะใช้หลักการในการท่องให้ง่ายขึ้น เช่นการใช้ตัวย่อของแต่ละคำมารวมกันเป็นประโยคที่จำง่าย ๆ ซึ่งจะทำให้จำได้ไวขึ้น จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:20:16

ความคิดเห็นที่ 13 ประเทศไทยมีแหล่งผลิตทองคำเชิงอุตสาหกรรมอยู่ 2 แห่ง ขอเอารูปออกครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 22:08:33 จากคุณ : J_online เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:21:36

ความคิดเห็นที่ 14 แหล่งกำเนิดของธาตุในจักรวาล ...... 1. ไฮโดรเจนและฮีเลียมเกิดเริ่มแรกในจักรวาลหลังบิกแบง 2. ธาตุตัวที่ 3 คือลิเทียม ถึงตัวที่ 26 คือ เหล็กเกิดจากภาวะอัดแน่นในดวงดาว 3. ธาตุตัวที่หนักกว่าเหล็กจนถึงยูเรเนียมเกิดจากดาวระเบิด หรือปรากฏการณ์นิวเคลียร์ฟิวชั่นในดาวฤกษ์ (กรณีหลังจะได้กัมมันตภาพฯ เป็นส่วนมาก) จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:23:48

ความคิดเห็นที่ 15 ทองสมัยก่อน คุณยายผมก็เรียกว่า จี้ นะครับ ๑ จี้ ๒ จี้ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 09:34:13

ความคิดเห็นที่ 16 ถ้าจะซื้อทองจากอังกฤษ ทองคำแท่ง 5 บาทนี่มันคือกี่ออนส์หนะครับ จากคุณ : oakemon เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 10:31:45

ความคิดเห็นที่ 17 #16 ........... ทองคำแท่ง น้ำหนัก 1 บาท เท่ากับ 15.244 กรัม ทองคำ 1 (ทรอย) ออนซ์ เท่ากับ 31.1040 กรัม ดังนั้น ทองคำ 1 ออนซ์ น่าจะประมาณ 2 บาท ซึ่งทองคำ 5 บาท ก็น่าจะประมาณ 2.5 ออนซ์ นะครับ ............ จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 10:48:50

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณมากครับ  พอดีจะซื้อแล้วหน่วยมันไม่เหมือนกัน  งงๆ = =" แล้วคุณภาพทองมันเหมือนกันทั่วโลกป่าวครับ  แบบซื้อทองอังกฤษมาขายในไทย ได้เหมือนกันมั้ย หรือที่ ตปท เค้าปนสารคนละตัว กรณีทอง 96.5 จากคุณ : oakemon เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 11:18:46

ความคิดเห็นที่ 19 ทองคำแท่งในรูปแรก หนักประมาณ 20 บาท ปะครับ ? จากคุณ : กระป๋องด๋อย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 11:35:44

ความคิดเห็นที่ 20 #19 ........ ทองคำแท่งในภาพแรก หนัก 300 กรัม หรือ 10.5 ออนซ์ ก็ประมาณ 20 บาทครับ ..... จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 11:40:43

ความคิดเห็นที่ 21 คห.13 รูปจากแหล่งไหนอ่ะครับ เพราะแหล่งที่ผมเคยไปดูงานมา (แหล่งที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ) รู้สึกว่าเขาจะใช้วิธีแยกด้วยไฟฟ้า แล้วผลิตออกมาเป็นแท่งโลหะผสมทองคำกับเงิน (Dore) สีออกเงินๆ ไม่ได้เป็นสีทองแบบนี้ จากคุณ : natureza เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 12:13:51

ความคิดเห็นที่ 22 โหวตให้ครับ จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 12:19:39

ความคิดเห็นที่ 23 โหวตไม่ได้ แต่ขอบคุณได้ ^^ ตกลงทอง มันไม่เพียงมีค่าจากการกำหนดของมนุษย์ แต่เพราะประโยชน์ขั้นเทพของมันมากกว่า จากคุณ : nohaha เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 12:40:15

ความคิดเห็นที่ 24 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีมีสาระ ต้อนรับเช้าวันจันทร์ จากคุณ : macenjoy เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 12:52:32

ความคิดเห็นที่ 25 สวยงามน่าหลงใหลยิ่งนัก จากคุณ : pichet31 เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 13:04:47

ความคิดเห็นที่ 26 "แต่มีเฉพาะบางประเทศเท่านั้นที่สามารถพิมพ์ธนบัตรออกมาได้โดยไม่ต้องมีทองคำสำรอง" อยากทราบข้อมูลนี้น่ะครับ แฮ่ะๆ เสริมความรู้รอบตัว จากคุณ : แต๋วแหน่ว เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 13:15:58

ความคิดเห็นที่ 27 พิมพ์แบงค์กงเต๊กออกมามากมาย จากคุณ : กระป๋องด๋อย เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 13:20:04

ความคิดเห็นที่ 28 อยากได้สักกองนึงจัง จากคุณ : tamrong เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 13:37:29

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 15 ทองสมัยก่อน คุณยายผมก็เรียกว่า จี้ นะครับ ๑ จี้ ๒ จี้ ----------------------------------------------------------------------------------------------- น่าจะเป็น  จี๊    เป็นภาษาจีนแต้จิ๋ว แปลว่า สลึง ครับ จากคุณ : surasakmu เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 13:40:23

ความคิดเห็นที่ 30 แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 14:21:59 จากคุณ : ครับผม เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 13:49:15

ความคิดเห็นที่ 31 เพิ่มกระบวนการผลิตหน่อยจิ๊ จากคุณ : Yoshitomi เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 14:28:30

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณครับ แต่ว่าอยากรู้ว่าวิธีการทดสอบทองแท้-ทองปลอม แต่ละวิธีอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ยังไงครับ เช่น เอาน้ำกรดทา เอาไฟเผา ฯลฯ ขอบคุณครับ จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 14:42:09

ความคิดเห็นที่ 33 มีเงินเขานับว่าน้อง มีทองเขานับว่าพี่ จากคุณ : ปิ๊กปอนด์ปาล์ม เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 14:55:56

ความคิดเห็นที่ 34 #32 ......... ที่จริงยังมีอีกหลายวิธี สำหรับการทดสอบทองคำว่าเป็นของแท้ หรือของปลอม นอกจากการใช้ไฟเผา ซึ่งปกติเราจะเห็นร้านทองใช้วิธีนี้ทดสอบ ส่วนจะอธิบายเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์หรือไม่ อาจจะไม่ทั้งหมดครับ ..... 1.ตรวจสอบบริเวณที่เครื่องประดับมีการเสียดสีบ่อยๆ เช่น สำหรับแหวน ให้ตรวจสอบบริเวณก้านแหวน ซึ่งหากเป็นทองชุบ มักจะเห็นร่องรอยถลอก หรือเห็นเป็นสองสี (ถ้าเป็นเงินชุบทอง ก็จะเห็นสีเงินปนครับ) 2.ทดสอบด้วยแม่เหล็ก ทองแท้จะไม่ถูกดึงดูดด้วยแม่เหล็ก ถ้าโลหะนั้นๆถูกแม่เหล็กดูดติด ไม่ใช่ทองแท้แน่ครับ 3.ทดสอบความหนาแน่น ความถ่วงจำเพาะ ทองแท้มีความถ่วงจำเพาะ 19.3 กรัม ต่อมิลลิลิตร ซึ่งสูงกว่าโลหะส่วนใหญ่ ให้ลองชั่งน้ำหนักทองว่ากี่กรัม แล้วใส่ทองในภาชนะที่ใส่น้ำที่มีมาตราวัด สังเกตุปริมาตรน้ำก่อนและหลังใส่ทองลงไปว่าเปลี่ยนแปลงกี่มิลลิลิตร นำน้ำหนักทองหารด้วยปริมาตรที่เปลี่ยนแปลง ถ้าได้ค่าใกล้เคียง 19.3 กรัม โลหะนั้นๆน่าจะเป็นทองแท้ครับ 4.ใช้กรดไนตริก แนะนำว่าให้ช่างผู้ชำนาญงานทำให้จะดีกว่านะครับ ทองแท้จะไม่ละลายเมื่อโดนกรดไนตริก ขณะที่เงินและโลหะบางประเภทจะละลาย 5.ทดสอบด้วยน้ำหนัก ลองถือทองแท้ (ที่เรารู้ว่าเป็นทองแท้แน่ๆ) ขนาดเท่าๆกัน กับโลหะที่จะทดสอบ แล้วดูว่าหนักพอๆกันมั้ย 6.ส่งแลบตรวจ วิธีนี้ชัวร์สุดครับ ทดสอบได้ด้วยว่าเป็นทองกี่เปอร์เซ็นต์ 75%,90%, 96.5% ลองส่งทดสอบได้ที่สถาบันอัญมณีแห่งชาติที่จุฬาครับ GIT มีวิธีการตรวจหลักๆสองแบบ คือแบบ X-Ray ซึ่งถ้าเป็นทองปลอมชุบทองแท้หนาๆ (เกิน 10 ไมครอน) ก็ตรวจไม่ได้ครับ อีกวิธีใช้วิธีสุ่มเจาะโลหะตัวอย่าง แล้วนำไปตรวจแยกธาตุ อันนี้ชัวร์ 100% ครับ จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:04:51

ความคิดเห็นที่ 35 #31 ...... ไม่รู้จะตรงกับความต้องการไหมครับ การดึงแร่ออกจากพื้นดินจนถึงการผลิตเป็นทองคำแท่ง โดยทั่วไปชั้นของแร่ทองมักอยู่ลึกลงไปในชั้นดินประมาณหนึ่งไมล์ ทำให้ยากมากในการระเบิดออก ดังนั้นแร่ทองมักถูกดึงขึ้นมาสู่พื้นผิว มีกระบวนการมากมายที่เกี่ยวข้องกับทองที่ได้เพียงเล็กน้อย แต่ละตันของแร่ทองมีทองคำอยู่เพียง 3.5 กรัม กระบวนการเริ่มจากการบด การแยก การทำให้เข้มข้นขึ้น เหล่านี้เป็นกระบวนการที่ใช้กันทั่วโลกซึ่งเป็นการสร้างสิ่งสกปรกที่เหลือใช้ถึง 75% ของทองคำ โดยปกติการทำทองคำแท่งที่ขายกันอยู่ในท้องตลาดนั้น วัสดุที่ยังไม่บริสุทธิ์ถูกขนถ่ายไปสู่กระบวนการแยกแร่ด้วยไฟฟ้า การทำแร่ทองให้บริสุทธิ์ด้วยกระบวนการทางเคมี ขั้นแรกทองคำที่ไม่บริสุทธิ์ถูกทำละลายด้วยสารละลายผสมระหว่างกรดไนตริกและกรดไฮโดรคลอริก จากนั้นจึงผสมลงในพาราฟินดัดแปร ซึ่งทำให้ทองคำแยกชั้นออกจากสิ่งเจือปน จากนั้นพาราฟินถูกนำไปผสมกับน้ำบริสุทธิ์ ทำให้เกิดก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และได้ผงทองคำในที่สุด ทองคำบริสุทธิ์ 99.99% พร้อมที่จะหลอมและเทลงแบบเพื่อทำเป็นทองคำแท่ง จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:27:00

ความคิดเห็นที่ 36 เข้าใจละครับ ทำไมต้องใช้ไฟ จากคุณ : แต๋วแหน่ว เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:27:39

ความคิดเห็นที่ 37 คห. ๒๖  จะมีคร้ายย ก็พี่เบิ้ม จอมตบเด็ก นั่นละ จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 15:59:08

ความคิดเห็นที่ 38 เมื่อก่อน  เสียทองเท่าหัว  ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร... เดี๋ยวนี้  เสียทองเท่าหัว ...ล่ะก็ ฝันไปเหอะ จากคุณ : เบิ้มจัง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:02:10

ความคิดเห็นที่ 39 #26 ....... ก็คงตามที่ #37 ว่าหล่ะครับ จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:17:10

ความคิดเห็นที่ 40 คห.21 ครับ รูปใน คห.13 ก็มาจากอีกแหล่งนึงไงครับ แหล่งนี้ก็แยกแร่ด้วยไฟฟ้าเหมือนกัน ก้อนนี้ก็มีโลหะผสมระหว่าง ทอง เงิน และ base metal เช่น ทองแดง สัดส่วนทองประมาณ 70, เงิน 10, ทองแดง 20 ส่วนแหล่งที่คุณเคยไปดูงานมา ทองประมาณ 10-15, เงิน 80-85, base metal อีก 5 เปอเซนต์ ขอเอารูปออกครับ แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 22:07:53 จากคุณ : J_online เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:27:28

ความคิดเห็นที่ 41 คห.31 กรรมวิธีการผลิตคร่าวๆก็คือ 1. บดหยาบ 2. บดละเอียด (แบบเปียก) 3. คัดขนาด (80 %passing, 75um หรือเล็กกว่านี้ได้ยิ่งดี) 4. ปรับ pH (ควบคุมให้ได้ประมาณ 10-10.5) 5. เติม CN เพื่อทำการละลายทองให้ออกมาอยู่ในรูปสารละลาย 6. ใส่สารกัมมันต์ (ถ่านกะลามะพร้าวบด) เพื่อจับทองให้อยู่บนผิวของถ่าน (อยู่ในรูปของแข็ง) 7. ใช้สารละลายทอง (CN+NaOH+heat) ละลายทองที่เกาะบนถ่านกำมันต์ให้อยู่ในรูปสารละลาย 8. Electrowinning ใช้เซลล์ไฟฟ้าในการจับทอง (เปลี่ยนทองจากสารละลายเป็นของแข็งเกาะที่ขั้วแคโทด) 9. หลอมที่อุณหภูมิ 1,100 - 1,200 องศา 10. เททองใส่เบ้า ปล.แร่ทองไม่ได้มีความสมบูรณ์มากนะครับ 0.5-1.5 กรัมทองต่อตันแร่ สมัยนี้หรูแล้วมั้ง 55+ แก้ไขเมื่อ 27 ก.พ. 55 16:47:14 จากคุณ : J_online เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 16:46:03

ความคิดเห็นที่ 42 บ้านผม(พิจิตร) ตอนนี้เขาโป่ง เขาหม้อ เกือบจะหายไปทั้งลูกล่ะ กลายเป็นภูเขาใหม่ข้างๆแทน ผมจำได้ว่า ตอนที่เขาพนมพายังบูมๆ สองข้างทางถนนสายเอเชียที่ผ่าน จะเป็นคลอง ก็มีแต่ชาวบ้านมาร่อนทองจนน้ำกลายเป็นสีโอวัลติน บ้านผมก็ถือว่าโชคดีที่มีเหมืองทองอยู่ใกล้ๆ จากอำเภอเล็กๆ ก็ค่อยๆขยายไปเรื่อยๆ จากคนที่มาทำงานเหมืองด้วยแหละ จากคุณ : It_Nice เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 18:00:28

ความคิดเห็นที่ 43 ผมดู True ทองคำแท่งของอเมริกาอยู่ที Fort nox มันมหาศาลจริงๆ จากคุณ : Fastcat4100 เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 19:14:39

ความคิดเห็นที่ 44 ถามต่อ... จริงหรือไม่ที่ว่า ประเทศเราไม่มีศักยภาพ เทคโนโลยี ในการทำทองคำให้บริสุทธิ์ 99.xx % ตามที่ขายกัน เราทำได้เพียงขุดขึ้นมา เพิ่มความเข้มข้นถึงระดับหนึ่ง แล้วส่งไปต่างประเทศให้เค้าจัดการให้ แล้วส่งกลับมาขายเรา อันนี้มาจากรายการทีวีของไทยที่เคยดูหลายปีก่อน ตอนดูถึงกับตาเบิ่งพองด้วยความตกใจ วิธ๊การก็ไม่น่ายาก ทำไมขุดขึ้นมาแล้ว ไรแล้ว ยังไม่สามารถทำให้มันบริสุทธิ์ได้เหรอ ขอบคุณครับ จากคุณ : Yoshitomi เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 19:38:14

ความคิดเห็นที่ 45 เสาร์-อาทิตย์รู้สึกเหงาๆ พอวันจันทร์รู้สึกกระฉับกระเฉงขึ้นมาอีกที เห็นรูปแบบการโปรยหัวเดาว่าต้องเป็นคุณKaokrabi Deawdaay แหง๋ เปิดมาดูมีคนกดlikeเพียบ ช้าไปแล้วเรา ขอบคุณมากๆค่ะ จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 20:14:26

ความคิดเห็นที่ 46 ทองสวยทุกเวลา.. จากคุณ : 123 (เทพบุตรสายฟ้า) เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 20:53:15

ความคิดเห็นที่ 47 คห.44 ครับ ผมขอตั้งคำถามมั่งครับ 1. ประเทศเราถ้ามีโรง Refining ถามว่าใครจะส่งมาให้เรา refine บ้างครับ 2. ทองคำรูปประพรรณประเทศไทยเกรดอยู่ที่ 96.5% ซึ่งทางตะวันออกกลาง และอินเดียนิยม 99.5%, ตลาดค้าทองของโลกต้องการ 99.99% และ 99.999% ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กโทรนิกส์ ดังนั้นเราจะ refine ให้ได้เกรดทองเท่าไรดี 3. ตลาดค้าทองที่เป็นที่ยอมรับของโลกอยู่ที่ลอนดอนประเทศอังกฤษ สรุป ผมคิดว่าไทยทำได้ถ้าได้รับ knowhow แต่ต้องให้ตลาดโลกยอมรับด้วย (ใครจะลงทุน) แค่นั้นเอง อิอิ จากคุณ : J_online เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 21:07:17

ความคิดเห็นที่ 48 กระทู้คนมีทอง จากคุณ : lukva เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 21:53:26

ความคิดเห็นที่ 49 หารูปที่เคยไปดูงานมาเจอแล้วครับ อิอิ แท่งโลหะสีเงินๆในรูป คือ แท่งโลหะผสม (Dore) ทองคำ+เงิน จากคุณ : natureza เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 22:07:07

ความคิดเห็นที่ 50 #47 สรุป ถ้ามียูนิต refine ในกระบวนการผลิตเพิ่มคงจะไม่คุ้มทุนเลยต้องส่งไปให้ต่างประเทศทำให้ใช่มั๊ยครับ งงตรง ทำได้ถ้าได้รับ knowhow ??? ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ จากคุณ : Yoshitomi เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 22:29:09

ความคิดเห็นที่ 51 แอบเข้ามาเก็บความรู้ ^______^       แล้วสงสัยว่าแผ่นทองคำเปลวที่เราใช้ปิดลูกนิมิตร หรือว่าปิดกับพระพุทธรูป หรือว่าที่ใช้ปิดตามวัดนี้ใช่ทองคำจริงๆหรือเปล่าครับ ปล.ดูไปดูมาแล้วคิดถึง ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง แหม๋ๆพูดไปกลืนน้ำลายไป จากคุณ : ช้างป่าเข้ากรุง เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 23:02:08

ความคิดเห็นที่ 52 คห.50 ยังไม่มีวัสดุอุปกรณ์ และความรู้พอที่จะทำให้บริสุทธิ์ได้ครับ ที่เป็นก้อนโดเร่ (Dore') หรือก้อนทองผสมอยู่ตอนนี้ก็เพราะสินแร่ ซึ่งมีส่วนประกอบของเงิน หรือทองแดงอยู่มาก - ในการใช้สารละลายไซยาไนด์ก็ทำให้ทอง เงิน และทองแดงละลายออกมาด้วย - ในการใช้ถ่านกัมมันต์ก็ทำให้ทอง เงิน และทองแดงถูกดูดซับด้วยกัน - และในการทำให้บริสุทธิ์โดยวิธีการทางไฟฟ้า (Electrowinning) ทำให้ทอง เงินและทองแดงที่อยู่ในสารละลายก็มาเกาะที่ขั้วหมดเลยด้วยครับ เหมืองซึ่งก็คือการนำเอาหินดิน แร่มาป้อนสู่การผลิต (สเกลขนาดใหญ่เป็นหมื่นตันต่อวัน) แต่โรง refine ใ้ช้ก้อนโลหะไม่กี่ตันต่อวัน (จากหลายแหล่ง) ความละเอียด ปราณีตย่อมต่างกันคับ ปล.ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆ ฮ่าๆๆ จากคุณ : J_online เขียนเมื่อ : 27 ก.พ. 55 23:31:58

ความคิดเห็นที่ 53 ทำเหมืองทอง ตอนนี้ 0.7 ppm ก็น่าจะคุ้มทุนละ แต่การ process ต้องนำไปแต่งที่ฮ่องกงนี่ครับ จากคุณ : ผมเพื่อนเต้ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 01:41:51

ความคิดเห็นที่ 54 กะรัต/หน่วย %ความบริสุทธิ์ เฉดสีที่ได้    ประเทศที่นิยม 24 K         99.99%    ทอง                สวิส จีน ฮ่องกง อินโดนีเซีย 23.16 K    96.50%    เหลืองทองเข้ม   ไทย....................... 22 K         91.70%    เหลืองทอง        อินเดีย มาเลย์ สิงคโปร์ 21 K         87.50%    เหลืองทอง        กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง 18 K              75%    เหลือง             อิตาลี สวิส ฝร่งั เศส ญี่ปุ่นอเมริกา 14 K          58.30%    เหลือง             สหรฐัอเมริกา อังกฤษ เยอรมัน 10 K          41.60%    เหลือง             สหรฐัอเมริกา อเมริกาเหนือ 9 K           37.50%    เหลืองปนเขียว   อังกฤษ 8 K           33.30%    เหลืองซีด         เยอรมัน อิตาลี กรีซ จากคุณ : ton_na_999 เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 03:03:48

ความคิดเห็นที่ 55 ขอบคุณมากๆเลยครับ พอดีสนใจเรื่องทองๆอยู่เหมือนกัน ทองคำมีคุณสมบัติที่เด่นอีกอย่างนะคับ ถ้ามันมีขนาดเล็กลงมาก เป็นอนุภาคนาโน สีมันจะเปลี่ยนเป็นสีแดงครับ หรือ สมบัติเชิงแสงเปลี่ยนไปนะคับ ตัวอย่างเช่น Lycurgus Cup แต่สาเหตุนั้น ผมกำลังตามหาอยุ่ครับ จขกท. พอจะทราบมั้ยครับเรื่องนี้?? (ถ้าลึกไปก็ขออภัยด้วยนะครับ) ^_^ จากคุณ : BlueBicycle เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 03:25:44 A:171.4.214.152 X: TicketID:292452

ความคิดเห็นที่ 56 #55 .......... ขอบคุณมากครับ สำหรับความรู้ที่แนะนำมา ผมลองไปหาข้อมูลเพิ่มเติมตามที่ว่าไว้พบว่าน่าสนใจมากครับ ...... กับเทคโนโลยีนาโนทองคำ ทองคำแบบก้อนใหญ่ มีสีเหลือง อันเนื่องมาจากทองคำ ดูดกลืนแสงสีน้ำเงิน ที่อยู่ในช่วงปลายของสเปกตรัมคลื่นแสง ที่มองเห็นได้ แต่ถ้าย่อขนาดทองคำ ให้เล็กลงไปเรื่อยๆ จนมีขนาดอนุภาคเล็กกว่าความยาวคลื่นแสงที่มากระทบมากๆ จะทำให้ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “เซอร์เฟจ พลาสมอน เรโซแนนซ์ (surface plasmon resonance, SPR)” ซึ่งจะทำให้อนุภาคทองคำ เปลี่ยนไปดูดกลืนแสงสีเขียว (ความยาวคลื่นประมาณ 520 นาโนเมตร) แทน ซึ่งจะส่งผลให้อนุภาคนาโนของทองคำ มีสีแดงทับทิม (ruby red) !! อย่างไรก็ตามถ้าควบคุมให้อนุภาคนาโนทองคำ กลับมารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ก็จะทำให้ทองคำเปลี่ยนไป เป็นสีอื่นได้ตั้งแต่สีชมพูจนถึงสีม่วง ซึ่งปรากฏการณ์นี้เอง สามารถนำทองคำนาโน ไปประยุกต์ใช้ในการเป็นไบโอเซ็นเซอร์ ตรวจจับสารชีวภาพ ชนิดต่างๆ หรือนำไปใช้ทางด้านออปโตอิเล็กทรอนิกส์ เซอร์เฟจ พลาสมอน เรโซแนนซ์ เป็นคลื่นความหนาแน่นของประจ ุที่เกิดจากการสั่นของอิเล็กตรอนอิสระ ที่มีลักษณะการสั่นพร้อมเพรียงกัน เป็นปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นบริเวณรอยผิวต่อของโลหะกับสารไดเล็กทริก เช่น ระหว่างทองหรือเงินกับอากาศหรือสารละลาย โดยที่ขนาด  ยอดคลื่น และความกว้าง ของสเปกตรัมพลาสมอนเรโซแนนต์ของวัสดุต่างๆ จะขึ้นอยู่กับขนาด รูปร่าง ประเภทของวัสดุ และสภาพแวดล้อมรอบๆวัสดุนั้น โลหะชนิดอื่น นอกเหนือไปจากทองคำ ก็สามารถแสดงปรากฏการณ์เชิงแสง ในลักษณะเดียวกันนี้ได้เช่นกัน เช่นอนุภาคนาโนของเงิน จะมีสีเหลืองเข้ม แทนที่จะเป็นสีเงินวาวที่เราคุ้นเคย อย่างไรก็ตามโลหะส่วนใหญ่ จะมีความถี่เรโซแนนต์ อยู่ในช่วงใกล้รังสียูวีซึ่งอยู่นอกสเปกตรัม ของช่วงแสงที่มองเห็น นอกจากนี้อนุภาคนาโน ของโลหะเกือบทุกชนิด ไม่สามารถคงตัวอยู่ในรูปอนุภาคนาโน ได้นานในสภาวะแวดล้อมตามปกติ ทำให้เราไม่ค่อยพบปรากฏการณ์นี้ในโลหะชนิดอื่นๆ อ้างอิง : http://www.nano.kmitl.ac.th/index.php/caterogy-nanotech/178-riddle-of-nanotechnology จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 08:36:42

ความคิดเห็นที่ 57 อนุภาคนาโนทองคําสังเคราะห์ไดโดยอาศัยปฏิกิิริยาที่ต้องใช้แสง (Photochemical synthesis) โดยการใช้ Irgacure-2959 (1-[4-(2-hydroxyethoxy)phenyl]-2-hydroxy-2-methyl-1-propane-1-one  หรือ I-2959)  และสารละลาย HAuCl4 (hydrogen tetrachloroaurate)  เป็นสารตั้งต้น เมื่อถูกแสง I-2959 จะแตกตัวให้ ketylradical ซึ่งทําหน้าที่ีรีดิวซ์ Au3+ ที่ได้จากสารละลาย HAuCl4 ใหเป็น Au0 ซึ่งจะเกิดเป็นอนุภาคนาโนทองคําต่อไป ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นแสดงได้ดังรูป ................. แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 22:04:25 แก้ไขเมื่อ 28 ก.พ. 55 10:40:24 จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 08:52:01

ความคิดเห็นที่ 58 ประโยขน์ของอนุภาคนาโนทองคำ ........ เทคโนโลยีีชวภาพ : ไบโอเซนเซอร               มีการนําอนุภาคนาโนทองคํามาประยุกต์ใช้ทําเซ็นเซอรที่สามารถตรวจจับเซลล์มะเร็ง โดยนําอนุภาคนาโนทองคํามาฉาบด้วยโปรตีนที่จําเพาะเจาะจงและนําไปใช้ค้นหาโรคที่ต้องการได้ นอกจากนี้ยังสามารถช่วยกําจัดเซลล์มะเร็งและให้สาย DNA ยึดเกาะ เพื่อใช้ในการตรวจวิเคราะห์ยีนไดดังรูป จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 08:56:02

ความคิดเห็นที่ 59 #44 เคยทราบมาว่าถ้าเป็นทอง 99.99%  มันจะอ่อนตัวเกินไป  ไม่เหมาะที่จะนำมาทำเป็นเครื่องประดับครับ --------------------------- ช่วงนี้เป็นอะไรไม่รู้  เห็นทองแล้วมันรู้สึกบอกไม่ถูก  มันสวยจัง ไปเดินดูทองที่ร้านมา  เห็นทองแท่ง 1 กิโลฯแล้วอยากได้จัง ^ ^ จากคุณ : siLvan เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 10:47:57

ความคิดเห็นที่ 60 ประโยขน์ของอนุภาคนาโนทองคำ (ต่อ) ........ ++ การตรวจสอบลายนิ้วมือ มีการนําอนุภาคนาโนทองคําที่ละลายในตัวทําละลายอินทรีย์ เช่น ปิโตรเลียมอีเทอร ไปใช้ในการพัฒนาการตรวจสอบรอยนิ้วมือให้เร็วและง่ายขึ้นเนื่องจากในสภาวะที่เป็นกรดพื้นผิวของอนุภาคนาโนทองคําซึ่งมีประจุลบสามารถเกาะติดกับไขมันที่ติดมากับลายนิ้วมือซึ่งมีประจุบวกได้ จึงทําให้เห็นลายนิ้วมือได้ชัดเจนและมีความคงตัวมากขึ้น ++ ตัวเร่งปฏิิกิรยา การที่ทองคํามีขนาดเล็กลงทําให้พื้นที่ิผวของนาโนทองคํามีมากขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิิรยาโดยทําให้เกิดปฏิกิิริยาเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่าอนุภาคนาโนทองคํา สามารถเร่งปฏิกิิรยาได้ที่อุณหภูมิตํ่าๆึจึงนิยมใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิิรยาในการสังเคราะห์อนุภาคนาโนชนิดอื่น เช่น ลวดนาโนซิลิคอนลวดนาโนสังกะสีออกไซด์ ใช้เป็นตัวเร่งปฏิกิิรยาการบ่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลเช่น ไวนสาเก ทําให้ใช้เวลาในการบ่มสั้นลงเป็นต้น จากคุณ : Kaokrabi Deawdaay เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 10:54:19

ความคิดเห็นที่ 61 ขอบคุณมากครับ ที่เอาความรู้ดีๆมาแชร์กัน จากคุณ : noterin เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 10:56:49

ความคิดเห็นที่ 62 เยี่ยมเลยครับ จากคุณ : โย่ _เชียงใหม่ เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 12:41:36

ความคิดเห็นที่ 63 ขอนอกเรื่องนิดหนึ่ง เหมืองทองคำระแวกบ้านผมจังหวัดเลย ทำบนภูเขา ได้ทำลายภูเขาเป็นลูกๆ เสียระบบนิเวศมาก และมีสารปนเปื้อนไซยาไนด์เกินมาตรฐาน ในแม่น้ำลำคลอง ท้องทุ่งนาชาวบ้านที่อยู่พื้นที่ด้านล่าง ปัจจุบันชาวบ้านไม่สามารถจับสัตว์น้ำกินได้ และไม่สามารถใช้น้ำลำคลองได้ แต่ก็ไม่สาามารถบอกได้ว่าเพราะเกิดจากเหมืองทองรึเปล่า เพราะทางเหมืองยืนยันว่าได้มีระบบป้องกันอย่างดี ได้มาตรฐาน และจะมีแผนที่จะขยายพื้นที่เหมืองไปอีกหลายไร่ เป็นปัญหาที่ยังไม่มีทางออกครับ... จากคุณ : นั่งมองทะเล (นั่งมองทะเล) เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 14:16:06

ความคิดเห็นที่ 64 วิธีดูทองแบบง่ายๆ  หากใครไปซื้อทองหรือไปเลี่ยมพระ  ก็เอาที่ฝนเล็บมาถูดู  ต้องนิ่ม  และต้องมีสีที่ไม่ต่างจากพื้นผิวมากนัก   เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมันสูงขึ้น  บางทีร้านทองที่ไม่ละเอียดอาจโดนทองปลอมหรือทองไมครอนหนาๆ  เพราะเป่าไฟแล้วยังเหลือง  ดังนั้นต้องเช็คหลายวิธีด้วยกัน  ทั้งถูให้ลึกขึ้น  ทดสอบกับกรดกำมะถัน  (ห้ามใช้กรดเกลือ) มิฉะนั้นทองจะละลายกลายเป็นน้ำสีล้มเลยทีเดียว  ส่วนความนิ่มแข็งถ้าคนที่ชำนาญก็สามารถรู้เปอร์เซนต์ทองได้อย่างแม่นยำ จากคุณ : PTKNC เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 17:52:27

ความคิดเห็นที่ 65 ขอชื่นชมจขกท.มากมาย เพิ่งมีเวลามานั่งอ่านจริงๆจัง เห็นความตั้งใจของจขกท.มากๆเลย แถมได้ทบทวนตารางธาตุอีก ลืมไปนาน ชอบมากค่ะ จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 20:21:06

ความคิดเห็นที่ 66 ลงชื่อไว้ว่าอ่านถึงตอนนี้ กลับจากไปทำธุระต่างจังหวัดจะมาอ่านต่อค่ะ จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 22:01:23

ความคิดเห็นที่ 67 คห.63 ครับ พูดถึงภูทับฟ้าใช่ไหมครับ การทำเหมืองคือการทำลายครับ แน่นอนโลหะ หิน ดิน ปูน กรวด ทราย ทุกเม็ดมาจากการทำเหมือง ถ้าไม่มีการระเบิดก็สามารถขุดตักได้ แต่ถ้าเป็นแร่โลหะส่วนใหญ่แล้วจะอยู่ในชั้นหิน ต้องทำการระเบิดมา แล้วบดย่อยขนาดให้เล็กลงจนถึงขนาดของโลหะชนิดนั้น (ระดับไมครอนเมตร) แต่ถ้าการทำลายนั้นก่อให้เกิดมลพิษ หรือทำลายสภาพแวดล้อม มากเกินกว่าที่ยอมรับได้ตามกฎหมาย (ตาม EIA) เหมืองแห่งนั้นควรหยุดหรือปิดไปเพื่อแก้ไขให้ถูกต้อง เรื่องไซยาไนด์ผมขอไม่ออกความเห็นเพราะผมก็ไม่ทราบข้อเท็จจริง แต่ถ้าพูดถึงว่าชาวบ้านไม่สามารถจับสัตว์น้ำกินได้ ผมคิดว่าถ้าเป็นอย่างนั้น หมายถึงไม่มีสัตว์น้ำใช่ไหมครับ เพราะปลาเป็นสัตว์น้ำที่ไวต่อสารไซยาไนด์มาก ที่ผมเคยทราบมาว่าทางเหมืองเขาจัดทำบ่อเลี้ยงปลาห่างจากบ่อเก็บกากแร่ไม่ถึง 100 เมตร ปลายังมีชีวิตอยู่ได้ (ประมาณปีที่แล้ว) ปล.ผมไม่ใช่นักวิชาการอะไร แต่ผมเรียนมาทางด้านการทำเหมืองน่ะครับ (วิชาชีพผมถ้าไม่อยากให้มีเหมืองในประเทศ แล้วผมจะอยู่ที่ไหน T_T) จากคุณ : J_online เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 22:06:18

ความคิดเห็นที่ 68 #1 บอกว่า ทองเพียงประมาณ 2 บาท เราสามารถยืดออกเป็นเส้นลวดได้ยาวถึง 8 กิโลเมตร #2 บอกว่า ทองคำบริสุทธิ์หนัก 1 ออนซ์สามารถดึงเป็นเส้นลวดยาวได้ถึง 80 กิโลเมตร 1 ออนซ์ = 28.3495231 กรัม ทองคำแท่ง 1 บาท เท่ากับ 15.244 กรัม 1 ออนซ์ = 28.3495231/15.244 = 1.85971681 บาท ประมาณ 2 บาท แทนค่าจะได้ #1  ทองเพียงประมาณ 2 บาท เราสามารถยืดออกเป็นเส้นลวดได้ยาวถึง 8 กิโลเมตร #2  ทองคำบริสุทธิ์หนัก 1.85971681 บาท สามารถดึงเป็นเส้นลวดยาวได้ถึง 80 กิโลเมตร จากคุณ : npn เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 05:03:51

ความคิดเห็นที่ 69 เมื่อ 10 ปีก่อนได้ไปเทียวที่โรงกษาปณ์ของออสเตรเลียที่เมื่องเพริธ (ออสเตรเลียตะวันตก) ซึ่งเขามีการแสดงหลอมทองคำแท่งให้ดู คนบรรยายก็เป็นคนที่หลอมทองนี่แหละ แกบอกว่าทองคำแท่งนี้ถูกหลอมแล้วหลอมอีกวันละ5-6 ครั้ง (รอบการแสดง) ซึ่งแต่ละครั้งปริมาณทองคำจะหายไปนิด ๆ กลายไปไอระเหยอยู่ในห้อง ติดกับเบ้าเซรามิคที่ใช้หลอมบ้าง ซึ่งส่วนที่ติดกับเบ้าเซรามิคนั้น เขาจะเก็บรวบรวมเบ้าเซรามิคนั้นส่งไปที่เมลเบิร์น หรือซิดนีย์เพื่อนำทองคำส่วนนี้กลับมาอีก เพราะค่าใช้จ่ายหักลยกับมูลค่าทองคำที่ได้กลับมามันคุ้มค่าที่จะทำ ตัวถ้วยเซรามิคนั้นสามารถใช้งานได้ 3-4 ครั้งก็หมดสภาพใช้หลอมต่อไปอีกไม่ได้ ทองคำแท่งที่หลอมนั้นมีขนาดกว้าง x ยาวเืกือบเท่าอิฐมอญ แต่หนาแค่ 1 เซนติเมตร ซึ่งพอหลอมเสร็จ เทลงในพิมพ์แล้ว ให้ดูได้อย่างเดียว ห้ามแตะต้อง ถ้าอยากจับทองคำแท่งด้วยมือ เขามีทองคำแท่งอีกแท่งหนึ่งใหญ่กว่าที่แท่งที่หลอม อยู่ในห้องที่มีกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และอยู่ในกล่องพลาสติกใสอีกที มีช่องให้มือล้วงเข้าไปจับ / ยกได้ แต่เอาออกจากกล่องไม่ได้ จากคุณ : Mr. SJ เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 08:34:50

ความคิดเห็นที่ 70 # 68 8 กิโลเมตร ทั้ง #1 #2 ครับ จากคุณ : eager2be1 (eager2be1) เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 09:55:30

ความคิดเห็นที่ 71 ขอบคุณมากๆๆครับ จขกท. สุดยอด ยกนิ้วให้เลย! ถ้าผมสงสัยอะไรอีกจะแวะมาถามอีกนะครับ ^_^ จากคุณ : BlueBicycle เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 17:44:08 A:202.28.27.2 X: TicketID:292452

ความคิดเห็นที่ 72 ขอถามหน่อยครับ ทองแท่งหนึ่งก้อนนี้มีน้ำหนักประมาณเท่าไหรครับ(แท่งที่เก็บไว้ตามห้องนิรภัยของธนาคารใหญ่ๆ) จากคุณ : The_Last_Shadow เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 20:38:22

ความคิดเห็นที่ 73 คิดว่าหน่วยแปลกๆครับ แรกๆเรียกว่า ออนซ์ หลังๆ มี ทรอยออนซ์ และยังมี ทรอยเอานซ์ : ใช้ในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษ เช่น อังกฤษ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย เท่าที่ฟังในรายการทีวีต่างๆอย่ากให้เรียก ทรอยออนซ์ มากกว่า ออนซ์ ถ้าเป็นไปได้อยากให้แก้ช่วงแรกๆเพื่อความถูกต้องอะครับ ปล.เป็นประโยชน์มากเลยขอบคุณครับ จากคุณ : Nioka เขียนเมื่อ : 29 ก.พ. 55 22:50:53

ความคิดเห็นที่ 74 ราคาดิ่งเหวเลย อ่อนจริงๆ จากคุณ : eager2be1 (eager2be1) เขียนเมื่อ : 1 มี.ค. 55 08:41:19

ความคิดเห็นที่ 75 ทองประโยชน์สุดยอดจริงๆ แต่คนเราเอามาเก็บเก็งกำไรเนอะ จากคุณ : mintykitty เขียนเมื่อ : 2 มี.ค. 55 01:26:10

ความคิดเห็นที่ 76 ที่ทองคำในรูปไม่วาวเพราะ เป็นทองผสมหรือเปล่าครับ จากคุณ : โอปอrnm เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 02:22:07

ความคิดเห็นที่ 77 ... เข้ามาดู จากคุณ : Mr. Fusion เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 09:11:45

ความคิดเห็นที่ 78 ลงชื่ออ่านต่อค่ะ จากคุณ : mangpongja เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 12:43:00

ความคิดเห็นที่ 79 อ่านกระทู้นี้แล้วก็วิ่งไปเอาแหวนทองมาดูเล่น คลำไปคลำมา ก็ทองล่ะวะ วาวเชียว...... จากคุณ : มาช้าแต่มาแล้ว เขียนเมื่อ : 3 มี.ค. 55 21:09:58

ความคิดเห็นที่ 80 ทองคำเจอปรอท เมื่อไรโดนกินเรียบ เคยทำปรอทวัดไข้แตก ตัวปรอทสัมผัสกับทอง ปรอทกินทองเปลี่ยนเป็นสีขาว ต้องไปเสียเงินไล่ปรอทอีก   ถึงเข้าใจคำโบราณว่า ปรอทกินทอง.(  เอามาแชร์ครับ ) จากคุณ : ตะพุ่นหญ้าช้าง เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 07:28:16

ความคิดเห็นที่ 81 ขอบคุณสำหรับกระทู้ที่มีประโยชน์ๆ ค่ะ จากคุณ : H. sapiens เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 20:16:08

ความคิดเห็นที่ 82 ทองคำเจอปรอท เมื่อไรโดนกินเรียบ เคยทำปรอทวัดไข้แตก ตัวปรอทสัมผัสกับทอง ปรอทกินทองเปลี่ยนเป็นสีขาว ต้องไปเสียเงินไล่ปรอทอีก   ถึงเข้าใจคำโบราณว่า ปรอทกินทอง.(  เอามาแชร์ครับ ) จากคุณ : ตะพุ่นหญ้าช้าง   เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 07:28:16   --------------------------------------------------------------------- เขาไล่ปรอทอย่างไร  ครมีความรูั้ตรงนี้ ขยายผลหน่อยค่ะ  อยากรู้ จากคุณ : ตัวกลมๆผมม้า เขียนเมื่อ : 4 มี.ค. 55 23:55:34

ความคิดเห็นที่ 83 คนเราดูๆไปก็ไร้สาระน่ะ  อยู่ๆก็ทึกทักเอาว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้มีค่า จากคุณ : Baritoreca เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 02:04:29

ความคิดเห็นที่ 84 คห.82 1. กลั่นในเครื่องกลั่น ปรอทจะระเหยเป็นไอ แล้วกลั่นเป็นปรอทบริสุทธิ์ กลับไปใช้ได้อีก ส่วนที่เหลือเป็นโลหะมีค่าที่ต้องการ 2. ไล่ปรอทฉบับง่ายๆเลย คือ เผาครับ (ระวังไอระเหยนะครับ) ปล.โลหะผสมระหว่างทองกับปรอทเรียกว่า Amalgam จากคุณ : J_online เขียนเมื่อ : 5 มี.ค. 55 16:53:29