Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
โอ้วว.... รถไฟความเร็วสูงไทยคิดให้ดีก่อนเจ๊ง ติดต่อทีมงาน

สัปดาห์ที่แล้ว พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รัฐมนตรีช่วยคมนาคม ที่ดูแลเรื่องรถไฟ ให้สัมภาษณ์หลังหารือกับ นายเฉินเจี้ยน รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์จีน เรื่องโครงการ “รถไฟความเร็วสูง” โดยบอกว่า รถไฟความเร็วสูงสายแรกของไทย กรุงเทพฯ–เชียงใหม่ จะตอกหมุด เริ่มก่อสร้างได้ภายในปี 2555 นี้ อุปสรรคที่จะทำให้โครงการนี้หยุดชะงักคือการเปลี่ยนรัฐบาล

ผมฟัง พล.ต.ท.ชัจจ์ แถลงแล้วก็งงๆ เพราะ คุณชัชชาติ สิทธิพันธ์ุ รัฐมนตรีช่วยคมนาคมอีกคน ซึ่งร่วมหารือกับ นายเฉินเจี้ยน ด้วยกัน กลับบอกว่า สองฝ่ายตกลงกันจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาหนึ่งชุด เพื่อศึกษาความเป็นไปได้ด้านเทคนิคการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ–หนองคาย และ กรุงเทพฯ–เชียงใหม่ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน แต่ไม่มีการตกลงร่วมลงทุนก่อสร้างกับจีน

ที่ต้องตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษา คุณชัชชาติ บอกว่า เบื้องต้นพบว่าการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง 2 เส้นทางมีปัญหามาก อาจต้องมีการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินใหม่ เพราะรถไฟความเร็วสูงใช้รัศมีการเลี้ยวกว้างประมาณ 3 กม. แต่รถไฟธรรมดาใช้รัศมีการเลี้ยวแค่ 400 เมตร นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องสถานีรถไฟบางซื่อคับแคบ การสำรวจผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมตลอดเส้นทางก็ยังไม่ได้ทำ

เส้นทางแรก กรุงเทพฯ–เชียงใหม่ ระยะทาง 700 กม. ฝ่ายไทยจะลงทุนเอง ใช้เงินก่อสร้าง 250,000 ล้านบาท ส่วนเส้นทาง กรุงเทพฯ–หนองคาย ระยะทาง 600 กม. ใช้เงินก่อสร้าง 200,000 ล้านบาท ใครสร้างยังไม่ชัดเจน มีจีนและญี่ปุ่นสนใจที่จะทำ

เรื่องรถไฟความเร็วสูงนี้ ผมเคยคุยกับ รัฐมนตรีชัชชาติ  ตอนที่ท่านมารับตำแหน่งใหม่ๆว่า ต้องคิดให้ดี คุ้มหรือไม่คุ้ม จะสร้างมา บรรทุกผู้โดยสาร หรือสร้างมา บรรทุกสินค้า เพราะ รถไฟความเร็วยิ่งสูง ค่าก่อสร้างก็ยิ่งแพง ทำให้ค่าโดยสารและค่าบรรทุกสินค้าแพงตามไปด้วย อาจไม่คุ้มค่าการลงทุน

ผมได้ยกตัวอย่าง รถไฟความเร็วสูงชินกันเซน ของญี่ปุ่น ซึ่งวิ่งด้วยความเร็ว 200-250 กม.ต่อชั่วโมง ค่าโดยสารแพงเท่าเครื่องบิน แต่สะดวกกว่าเครื่องบินตรงที่ขึ้นลงใจกลางเมือง ไม่ต้องเสียเวลานั่งรถไปสนามบินทีละ 2 ชั่วโมง

ดังนั้น  ผู้โดยสารที่สามารถนั่งรถไฟความเร็วสูงได้ จึงเป็นผู้โดยสารที่มีฐานะ  และนั่งเครื่องบินเป็นประจำอยู่แล้ว กับนักธุรกิจที่ต้องอาศัยความรวดเร็วในการเดินทาง ไม่ใช่ผู้โดยสารประเภทนักท่องเที่ยว หรือชาวบ้านธรรมดาทั่วไป

เหมือนอย่าง รถไฟความเร็วสูงเวียดนาม ที่ต้อง ล้มเลิกโครงการ เพราะคำนวณออกมาแล้ว ฐานะรายได้ของคนเวียดนาม ไม่มีปัญญานั่งรถไฟความเร็วสูงราคาแพงได้ สร้างเมื่อไรก็เจ๊งเมื่อนั้น มีคนรวยนั่งได้ไม่กี่คน ก็ต้องเลิกฝัน

ขนาด ประเทศจีน  ที่มีเศรษฐกิจใหญ่อันดับ 2–3 ของโลก ประกาศอย่างอหังการจะสร้างรถไฟความเร็วสูงให้ได้ 13,000 กม. ภายในปี 2012 คือปีนี้ ปรากฏว่าสร้างได้ไม่ถึง 6,000 กม.ด้วยซ้ำ สัปดาห์ที่แล้ว  กระทรวงรถไฟจีน  ก็ประกาศ  ระงับโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงที่เหลือทั้งหมด 23 สาย  รวมทั้งรถไฟความเร็วสูง 9 สาย ที่จะเริ่มก่อสร้างในปีนี้ก็ต้องยกเลิก เพราะมีหนี้ท่วมหัว รายได้ไม่พอ ไม่มีเงินที่จะก่อสร้างอีกต่อไป

รถไฟความเร็วสูงหลายสิบสายที่จีนเปิดให้บริการไปแล้ว ก็ไม่ได้กำไรอย่างที่คิด อย่างสาย  ปักกิ่ง–เซี่ยงไฮ้ ที่ลงทุนไปนับล้านล้านบาท วันนี้ก็ขาดทุนบักโกรก ต้องลดความเร็วลงจาก 350 กม.ต่อชั่วโมง ลงมาต่ำกว่า 300 กม.ต่อชั่วโมง

ผมก็ได้แต่สะกิด นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไว้ตรงนี้ การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจะต้องคิดให้รอบคอบ คุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ ผู้โดยสารเป็นใคร มิฉะนั้น ก็จะกลายเป็นโครงการ “ก่อหนี้” เพื่อ “หาเสียง” แบบเดียวกับ ประเทศกรีซ สุดท้ายประเทศก็มีหน้ีก้อนโต จนล่มจมในที่สุด เมืองไทยวันนี้เพิ่มหนี้อีกไม่กี่แสนล้านบาท  เพดานหนี้  ก็จ่อคอหอยประเทศแล้ว.

ที่มา http://www.thairath.co.th/column/pol/thai_remark/241443

ภาพจาก http://mw2.google.com/mw-panoramio/photos/small/26971591.jpg

 
 

จากคุณ : หนุ่มเมืองใต้
เขียนเมื่อ : 28 ก.พ. 55 10:13:22




ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com