Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com  


 
เปิดใจ รับ ความรู้ใหม่ๆ กันดีกว่าครับ{แตกประเด็นจาก X11799895} ติดต่อทีมงาน

เปิดใจ รับ ความรู้ใหม่ กันดีกว่าครับ

ผมเจอ เจ้าพ่อ แห่งความคิดนี้ อีกคนนึงแล้ว เค้ารวบรวมไว้ครบแล้ว

The Theory of Everything
by Franklin Hu

http://franklinhu.com/theory.html

แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 55 22:01:47

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 21:36:00


ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 1

จากนี้ คือ คำแปลในบทต่างๆ ของในเวปนั้น

แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 55 21:39:23

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 21:37:16

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 2

ทฤษฎีของทุกสิ่งที่อย่างย่อ

ฟิสิกส์ไม่ซับซ้อน ในการนี​​้เอกสารหนึ่งหลายปรากฏการณ์ทางกายภาพที่เราสังเกตไม่ได้อธิบายจะอธิบายในรูปแบบตามกลไกหนึ่งที่เรียบง่าย นี้ไม่ได้เป็นหลักฐานการแนวคิดเหล่านี้ แต่กำหนดเวทีสำหรับการแสดงวิธีปรากฏการณ์ที่ซับซ้อนเช่นแรงโน้มถ่วงแม่เหล็กไฟฟ้าสถิตและมีการเชื่อมโยงทั้งหมดเข้าด้วยกันในรูปแบบเดียวที่มีความสวยงามเช่นนั้นก็ต้องเป็นจริง เอกสารนี้มีเพียงสรุป สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดดูที่ทฤษฎีของฉันที่ http://franklinhu.com/theory.html

1 จักรวาลสร้างขึ้นจากอะไร
จักรวาลเป็นพื้นฐานที่ทำขึ้นมาจาก 2 อนุภาค อนุภาคเหล่านี้เป็นอิเล็กตรอนและโพซิตรอน ทั้งหมดอนุภาคที่สามารถสังเกตได้ในจักรวาลมีการรวมกันของเหล่านี้เท่านั้น 2 อนุภาคบาง นี่คือเหตุผลที่เราไม่เคยเห็นอนุภาคที่มีประจุเป็นเศษส่วน มันก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

2 พฤติกรรมของอิเล็กตรอนและโพสิตรอน
อิเล็กตรอนและโพสิตรอนเป็นอนุภาคที่มีขนาด จำกัด ซึ่งทำหน้าที่เหมือนระฆังในการที่เมื่อพวกเขาจะหลงพวกเขาแหวนออกมาด้วยน้ำเสียงที่เฉพาะเจาะจงหรือความถี่ ความถี่ของอิเล็กตรอนและโพสิตรอนจะเหมือนกัน แต่จะออกจากเฟสจากคนอื่นโดย 180 องศา

3 วิธีที่น่าสนใจกำลังทำงาน
เนื่องจากคลื่นจากอิเล็กตรอนและโพสิตรอนจะออกจากเฟสนี้หมายความว่าเมื่อคลื่นจากอิเล็กตรอนมีคุณสมบัติตรงตามคลื่นจากโพซิตรอนคลื่นยกเลิกและสร้างพื้นที่ของความดันต่ำระหว่างพวกเขา นี้จะสร้างแรงจากสถานที่น่าสนใจระหว่างพวกเขา . หากคลื่นจากอิเล็กตรอนมีคุณสมบัติตรงตามคลื่นอิเล็กตรอนจากที่อื่น, พวกเขาเพิ่มขึ้นและสร้างพื้นที่ของความดันที่สูงขึ้นระหว่างพวกเขา นี้จะสร้างแรงของการขับไล่ มันได้รับการแสดงการทดลองและทางคณิตศาสตร์ที่ใช้บังคับต่อไปนี้กฎหมายที่ 1 / r ^ 2 และสอดคล้องกับพฤติกรรมของแรงไฟฟ้​​าสถิต สถานที่น่าสนใจนี้ / เขม่นที่เกิดจากการปฏิสัมพันธ์เฟสเป็นแรงพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดกองกำลังที่ไม่ติดต่อ

4 พื้นที่เติมอะไร?
เนื่องจากอิเล็กตรอนและโพสิตรอนจะดึงดูดให้คนอื่นพวกเขาทันทีรูปแบบคู่ในช่องว่าง ในความเป็นจริงทั้งหมดของพื้นที่ที่จะสมบูรณ์เต็มไปด้วยคู่อิเล็กตรอน / โพซิตรอนเหล่านี้และรูปแบบนี้สื่อผ่านที่คลื่นที่สร้างโดยความถี่จังหวะของโพสิตรอนและอิเล็กตรอนจะถูกส่ง รูปแบบนี้สิ่งที่ได้รับการอธิบายคลาสสิกเป็นอากาศธาตุสร้างขึ้นจากอนุภาค

5 อะไรโปรตอนมีอะไรบ้าง
โปรตอนจะทำจริงขึ้นของ 2 โพสิตรอนและอิเล็กตรอน ใบนี้โปรตอนที่มีประจุบวก 1 มันเป็นความแตกต่างจากอิเล็กตรอนตั้งแต่มันถูกสร้างขึ้นจาก 3 อนุภาคอิเล็กตรอนและถูกสร้างขึ้นมาเพียงไม่เกินจาก 1

6 มวลคืออะไร?
เนื่องจากอนุภาคแต่ละอากาศธาตุถูกสร้างขึ้นจากค่าบริการที่บวก / ลบรูปแบบเหล่านี้ dipoles เหมือนแม่เหล็กเล็ก ๆ ไดโพลเหล่านี้มักจะติดกันเหมือนแม่เหล็ก มันต้องใช้พลังงานในการดึงอนุภาคเหล่านี้ออกจากกันอากาศธาตุ มวลเป็นจริงวัดของวิธีการที่ยากก็คือการผลักดันและวัตถุแม้ว่าอนุภาคอากาศธาตุโดยทำลายพันธะระหว่างอนุภาคอากาศธาตุ ชอบผลักดันวัตถุผ่านกากน้ำตาลขนาดใหญ่ของวัตถุที่ยากขึ้นก็คือการผลักดันวัตถุผ่าน โปรตอนที่ถูกประกอบขึ้นจาก 3 เป็นวัตถุที่ใหญ่กว่าที่ร่างกายและซับซ้อนกว่าอิเล็กตรอน ในความเป็นจริงก็จะใช้เวลา 1800 ครั้งเป็นพลังงานมากที่จะผลักดันโปรตอนผ่านอากาศธาตุกว่าที่มันไม่ที่จะผลักดันอิเล็กตรอนเดียวผ่านอากาศธาตุ นี้จะอธิบายสิ่งที่เราหมายถึงโดยมวลและทำไมโปรตอนและอิเล็กตรอนมีความแตกต่างของมวลขนาดใหญ่เช่น

7 ความเฉื่อยคืออะไร?
ในฐานะที่เป็นวัต:-)้ายผ่านอากาศธาตุที่พวกเขาต้องใช้พลังงานในการสลายพันธะในด้านหน้าของพวกเขา แต่เป็นวัตถุที่ผ่านพันธบัตรจะกลับเนื้อกลับตัวหลังวัตถุและจริงดันมาไว้ข้างหน้าเช่นถั่วติดอยู่ระหว่าง 2 รอบแม่เหล็ก ด้วยวิธีนี้เมื่อวัตถุถูกใส่ลงไปในการเคลื่อนไหวจะอยู่ในการเคลื่อนไหวเพราะพลังงานที่ใช้ในการย้ายมาไว้ข้างหน้าจะถูกส่งกลับทันทีที่กลับไปเป็นอากาศธาตุที่อยู่เบื้องหลังวัตถุปิดขึ้น นี้จะอธิบายกฎข้อที่หนึ่งของนิวตัน

8 อะไรอะตอมมีอะไรบ้าง
อะตอมที่เกิดขึ้นออกมาจากโปรตอนที่มีประจุบวก 1 โครงสร้างของโพสิตรอนและอิเล็กตรอนเป็นเช่นนั้น 2 โพสิตรอนอย่างใกล้ชิดสามารถใช้รวมกับอิเล็กตรอนเดียว แต่ไม่ได้ 2 เช่นโปรตอนดึงดูดอิเล็กตรอนอิสระค่า -1 อิเลคตรอนไม่โคจรประจุบวกก็จะติดอยู่เพียงแค่บนโปรตอนเหมือนแม่เหล็กสองอาจติดกัน ในอะตอมที่มีขนาดใหญ่, อิเล็กตรอนใช้สถานที่ของพวกเขาไปพร้อมกับโปรตอนจับคู่ของพวกเขาในลักษณะของรูปแบบ checkboard เนื่องจากความต้องการสมมาตร, อะตอมโดยทั่วไปจะจับอนุภาคอากาศธาตุเป็นเมทริกซ์ของมัน เราตระหนักอนุภาค imbedded เหล่านี้เช่นนิวตรอน

9 ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีอย่างไร
ในฐานะที่เป็นโปรตอน / อิเล็กตรอน / นิวตรอนรวมกันเป็นอะตอมพวกเขาแบบรูปทรงเรขาคณิตที่เฉพาะเจาะจงที่สอดคล้องกับการจัดเรียงมีเสถียรภาพมากที่สุด โดยทั่วไปอะตอมรูปทรงแปดด้านกับจุด pointy รูปทรงเหล่านี้แสดงชิ้นส่วนเฉพาะของอะตอมในรูปแบบพอร์ตเชื่อมต่อสำหรับอะตอมอื่น ๆ อะตอมนั้นสามารถเชื่อมโยงเข้าด้วยกันทางร่างกายเช่น tinkertoys ในมุมที่เฉพาะและจุดแข็งของพันธะ

10 ทำให้เกิดสเปกตรัมของแสงคืออะไร
เมื่อคุณรวมพลังอะตอมจะผลิตแสงของความถี่ที่เฉพาะเจาะจงมากแทนวงกว้างของความถี่ เหตุผลว่าทำไมมันไม่นี้เป็นเพราะพื้นที่ถูกสร้างขึ้นจากอนุภาคและอนุภาคภายในพื้นที่เท่านั้นที่สามารถเคลื่อนย้ายในระยะทางคงที่สอดคล้องกับความกว้างของอนุภาคอากาศธาตุ ดังนั้นอิเล็กตรอนจะไม่สามารถอยู่หลายจำนวนเต็มจาก 1, 2, 3 ... ระยะทางที่ห่างจากโปรตอน ดังนั้นรัฐด้านพลังงานที่จะสามารถในการถูก จำกัด มากและเพื่อให้แสงที่ผลิตจากอิเล็กตรอนใหญ่รอบ ๆ โปรตอนยัง จำกัด มากและสิ้นสุดขึ้นการผลิตชุดแคบมากของคลื่นความถี่

11 ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างมวลและพลังงานอะไร?
ปล่อยพลังงานทั้งหมดของอะตอมเนื่องจากทั้งการก่อตัวหรือการทำลายพันธะระหว่างพันธบัตรโพซิตรอน / อิเล็กตรอนภายในอนุภาคอากาศธาตุ เรื่องปกติ (โพซิตรอนและอิเล็กตรอน) สามารถผลิตได้ดูเหมือนออกจากไม่มีที่ไหนเลยกับการประยุกต์ใช้ในปริมาณที่เพียงพอของพลังงาน ในความเป็นจริงโพซิตรอนและอิเล็กตรอนได้เสมอในพื้นหลังของอากาศธาตุ ไม่มีการสร้างมนต์ขลังของเรื่องคือ ทั้งจะถูกแปลงเป็นมวลเป็นพลังงานเมื่อโพซิตรอนทำปฏิกิริยากับอิเล็กตรอน มันก็จะถูกแปลงเป็นอนุภาคอากาศธาตุที่มันซ่อน undetectable ในพื้นหลัง มวลและพลังงานที่อนุรักษ์เสมอ

12 ทำไม E = mc ^ 2?
ปรากฎว่าพลังงานที่จำเป็นในการทำลายพันธะอากาศธาตุต้องการให้คุณเร่งโพซิตรอนและอิเล็กตรอนกับความเร็วของแสง ปริมาณของพลังงานที่จำเป็นดังต่อไปนี้กฎหมายพลังงานจลน์ของ E = 1/2 mv ^ 2 เมื่อ v = ความเร็วเท่ากับความเร็วของแสง C ดังนั้นพลังงานที่จำเป็นในการทำลายพันธะเป็น 1/2mc ^ 2 สำหรับโพซิตรอน + 1/2mc ^ 2 สำหรับอิเล็กตรอนซึ่งนิดจะเพิ่มขึ้น E = mc ^ 2 จากการอนุรักษ์พลังงานจากจุดยืนเมื่อพันธบัตรจะกลับเนื้อกลับตัวโดยโพซิตรอนและอิเล็กตรอนเกิดอนุภาคอากาศธาตุ, พลังงานที่ปล่อยออกกลับเข้ามาในสภาพแวดล้อมที่ยังเป็น E = mc ^ 2

13 ทำให้เกิดสนามไฟฟ้าของโลกอย่างไร
โครงสร้างของโปรตอนและอิเล็กตรอนที่แตกต่างกันเป็นอย่างมากเนื่องจากโปรตอนคือ 1 ค่าใช้จ่ายและค่าใช้จ่ายอิเล็กตรอน -1, คุณคาดหวังว่าค่าใช้จ่ายของพวกเขาสมบูรณ์จะยกเลิกการออก แต่เนื่องจากโปรตอนและอิเล็กตรอนมีโครงสร้างแตกต่างกันเพื่อให้อิเล็กตรอนหรือเพราะถูกผูกไว้อย่างหลวม ๆ กับอะตอม, ลมโปรตอนสละได้เปรียบกว่าเล็กน้อยอิเล็คตรอนและค่าใช้จ่ายของพวกเขาไม่สมบูรณ์ยกเลิกการออก ใด ๆ ที่จำนวนเงินที่มากพอของมวลลงท้ายด้วยคลื่นเสียค่าใช้จ่ายบวกเล็กน้อยออกมาจากมัน ผลกระทบสะสมของค่าการกระจัดนี้เล็กน้อยกว่าขนาดของวัตถุขนาดของโลกที่มีขนาดใหญ่ ลมนี้ขึ้นสร้างมหาศาลสนามไฟฟ้าสถิตในเชิงบวกที่ระดับพื้นดิน นี้สนามไฟฟ้าเป็นแหล่งที่มาในกิจกรรมที่พายุฝนฟ้าคะนองและยังเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสนามแม่เหล็กโลก

14 อะไรทำให้เกิดแรงโน้มถ่วง?
แรงโน้มถ่วงที่เกิดจากเพียงแค่แรงไฟฟ้​​าสถิต ถ้าคุณคิดว่า asymmentry (10 ^ -40) เล็ก ๆ อยู่ระหว่างโปรตอนและอิเล็กตรอนและเสียค่าใช้จ่ายที่คุณใช้กฎหมายในลักษณะที่ Columbs ไปข้างหน้าตรงที่คุณสามารถบัญชีสำหรับแรงที่เราเรียกว่าแรงโน้มถ่วง นี่คือแรงอย่างเต็มที่ทั้งหมดที่น่าสนใจที่เป็นไปตามสมการแรงโน้มถ่วง

15 สสารมืดคืออะไร?
เนื่องจากทุกพื้นที่เต็มไปด้วยอนุภาคอากาศธาตุซึ่งมีขึ้นของมวลปกติก็ลงท้ายร่วมจำนวนมหาศาลเพื่อใช้บังคับในปัจจุบันแรงโน้มถ่วงในอวกาศ แต่เนื่องจากมันเป็นทุกที่แรงดึงในทุกทิศทางที่มีประสิทธิภาพเป็นกลางอากาศธาตุผลงานที่จะแรงโน้มถ่วง วิธีเดียวที่แรงโน้มถ่วงจากอากาศธาตุสามารถรู้สึกที่อยู่ในพื้นที่ของพื้นที่ซึ่งเป็นที่แน่นกว่าคนอื่น ๆ พื้นที่หนาแน่นจะทำหน้าที่เป็นถ้ามันมีปริมาณที่เท่ากันของสสารที่มองเห็นเป็นความแตกต่างในความหนาแน่นระหว่างสองพื้นที่ ดังนั้นสสารมืดเป็นจริงที่เพิ่งทำขึ้นจากอากาศธาตุหนาแน่น

16 สสารมืดไม่ป้วนเปี้ยนเรื่องปกติท​​ำไม?
มันเป็นที่สังเกตว่าสสารมืดมีแนวโน้มที่จะสะสมรอบ ๆ เรื่องที่มองเห็นได้ปกติ เหตุผลนี้เป็นเรื่องปกติท​​ี่จะสร้างแรงโน้มถ่วง ตั้งแต่อากาศธาตุเป็นอย่างมากเช่นมวลปกติจะถูกดึงดูดให้แหล่งที่มาของแรงโน้มถ่วงใด ๆ และถูกบีบอัดโดยมัน ดังนั้นทุกที่ที่คุณมองเห็นมวลปกติคุณจะเห็นผลของการบีบอัดและอากาศธาตุหนาแน่นอยู่รอบ ๆ

17 ทำไมไม่แขวนสสารมืดรอบจุดศูนย์กลางของกาแลคซี่?
จะได้รับการปฏิบัติที่ขณะที่สสารมืดมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นไม่ได้อยู่ในพื้นที่ของความหนาแน่นของสารสูงเช่นศูนย์กลางของกาแลคซี เหตุผลที่มีจะทำอย่างไรกับความสม่ำเสมอ ที่ใจกลางของกาแลคซีที่มีจำนวนมากของมวลผลิตสนามโน้มถ่วงสม่ำเสมอสวยในทุกทิศทางคือ ตั้งแต่สนามดึงในทุกทิศทางผลกระทบของความหนาแน่นใด ๆ ที่คุณอาจได้รับจะถูกทำให้เป็นกลางยัง สถานที่ที่ดีที่สุดเพื่อดูว่าสสารมืดที่อยู่ในพื้นที่ที่มีประชากรค่อนข้างเบาบางที่มีแหล่งที่มาระบุโน้มถ่วง นี้ผลิตความสัมพันธ์ผกผันระหว่างความหนาแน่นเกือบเรื่องจริงและผลงานที่ทำให้สสารมืด

18 ทำให้เกิดอำนาจแม่เหล็กอะไร?
สนามแม่เหล็กเป็นเพียงการจัดตำแหน่งของอากาศธาตุ ไดโพลอากาศธาตุถูกจัดขึ้นแบบสุ่มเมื่อไม่มีสนามแม่เหล็กเป็นปัจจุบัน แต่จะมีการจัดทั้งหมดลงในทิศทางเดียวเมื่อสนามแม่เหล็กเป็นปัจจุบัน การจัดตำแหน่งนี้จะทำได้โดย combing ของเขตข้อมูลโดยการส่งผ่านอิเล็กตรอน นี้คือการเชื่อมต่อพื้นฐานระหว่างค่าใช้จ่ายการย้ายและการก่อตัวของสนามแม่เหล็ก คุณจะได้รับแรงผลักแม่เหล็กเมื่อเขตข้อมูลที่มีความมุ่งเน้นในทิศทางเดียวกันในการโต้ตอบและคุณจะได้รับสถานที่น่าสนใจเมื่อเขตข้อมูลที่มุ่งเน้นในทิศทางที่ตรงข้าม กลไกที่น่าสนใจ / replusion พื้นฐานยังคงเป็นไฟฟ้าสถิต

19 ทำให้เกิดสนามแม่เหล็กโลกอย่างไร
เขตไฟฟ้าสร้างโลกทะเลเคลื่อนที่ของอากาศแตกตัวเป็นไอออน นี้อากาศแตกตัวเป็นไอออนดำเนินการค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นตัวนำไฟฟ้า เนื่องจากกระแสเจ็ทส่วนใหญ่จะย้ายตะวันตกไปทางทิศตะวันออกนี้เป็นเหมือนลวดพันรอบโลกกับปัจจุบันซึ่งย้ายตะวันตกไปตะวันออก ดังกล่าวในปัจจุบันจะสร้างแม่เหล็กที่มีขั้วสนามแม่เหล็กที่มุ่งเน้นในขณะที่เรากำลังสังเกต ดังนั้นบรรยากาศการเคลื่อนไหวจะสร้างสนามแม่เหล็กโลก มีหลักฐานแสดงให้เห็นว่าเมื่อลมเปลี่ยนจากทิศตะวันออกไปทางทิศตะวันตก, ที่ว่านี้ทำให้เกิดขั้วที่จะพลิก

แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 55 22:42:23

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 21:40:36

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 3

ผมขอยกเรื่องเด่นๆ เช่น ข้อโต้แย้ง ทฤษฎี สัมพัท๓พ เกี่ยวกับ การเปลี่ยนแปลงความถี่ ของนาฬิกาอะตอมว่า เกิด จาก แรงโน้มถ่วง หรือความเร็ว

หรือ

มันเป็นเรื่องของการรบกวนทางประจุไฟฟ้าในสนามไฟฟ้า ในตำแหน่งต่างๆที่ นาฬิกาอะตอม ตั้งอยู่กันแน่

What Causes Time Dialation? 
 
 Why should time slow down in the presence of a gravitational field?
This is a fundamental question. It has been described mathematically,
but not in an intuitive mechanical sense. I have been working on a
neutrino aether theory which may help explain the mechanical reasons
why this happens. In my theory, all of "empty" space is actually
filled with an ordered checkboard array of matched protons and
electrons. I am calling these matched protons/electrons "neutrinos"
for lack of any other suitable terminology to describe a dipole
binding of proton/electron, but may not actually be the same as what
is commonly known or accepted as a neutrino or neutron. In any case,
if space were filled with these neutrally charged particles, they
would all exhibit an attraction to a strong electrostatic force. My
theory postulates that gravity is simply a positive electric charge on
the Earth such that the Earth acts as a large positively charged
sphere is space. I have many posts discussing the details of how this
can work and how the Earth and Moon don't go crashing into each other
(search frankli...@yahoo.com). If this is true, then the density of
the aether will be higher in a higher gravitational fields due to
compression forces. Just like water pressure in the deep sea is higher
than on the surface. With this higher density means that any
mechanical process from point A to point B will have to traverse more
aether particles than it would in a lower density area. The increased
number of particle interactions effectively increases the amount of
time (in an absolute sense) that it takes for something (like the
ticking of an atomic clock) to happen. Thus, clocks in a high gravity
field tick slower than one in a lower gravity field. This is a simple
and intuitive mechanical explanation that shows that rate that time
passes is a function of the local environment.

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 21:45:37

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 4

หากจะบอกว่า

1 ทฤษฎีสัมพัทธ์เฉพาะว่า ใน 2 กรอบ กรอบที่เคลื่อนที่เวลาช้ากว่า

2 ทฤษฎีสัมพัทธ์ทั่วไปว่า ใน 2 กรอบ กรอบที่โน้มถ่วงสูงเวลาช้ากว่า

ดังผลการทดลองฮาเฟล-ตีตติ้ง ใช้นาฬิกาอตอม-ละเอียดสูง-วัดเป็นนาโนวินาที

ทั้ง เคลื่อนที่ ทั้ง แรงโน้มถ่วง มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงความถี่ ของ นาฬืกา อะตอม จริงหรือ

หากยังอ้างอิง ผิวโลก หรือ ภาวะของบรรยากาศโลก ในการเทียบความเร็วต่างๆ มันยังไม่สะอาดพอที่จะบอกว่าไม่มีตัวแปรอื่น

หรือ บอกได้ เพียวๆ ว่า การเปลี่ยนแปลงความเร็ว ไม่เกี่ยวกับแรงอื่นใน ขณะนั้น ทำให้ นาฬิกาอะตอมช้าลง เพราะยังอยู่ในสนามแรงโน้มถ่วงที่ยังเอามาอ้าง

หากยังบอกไม่ได้ว่า อะไรคือแรงโน้มถ่วง แต่จะมุ่งบอกว่ามันทำให้นาฬิกาเดินช้าลง เฉยๆมันก็กระไรอยู่

ผมสงสัย แค่ 2 เรื่องนี้ คุณคิดว่า ไม่มีตัวแปรอื่น แล้วเหรอครับ

ซึ่งหากมองในมุม แรงโน้มถ่วงคือแรงดึงดูดระหว่างประจุแบบหลักการไฟฟ้าสถิตย์ ที่ดึงดูดมวลสารได้ การเคลื่อนที่ในอากาศที่มีบรรยากาศ ที่มีเมฆ ที่มีประจุสะสม เครื่องบินก็จะมีภาวะไฟฟ้าสถิตย์อยู่รอบๆเครื่องบินเหมือนกัน แล้วคิดว่าเรื่องไฟฟ้าสถิตย์ ซึ่งเป็นเรื่องพื้นฐานในการแลกเปลี่ยน ประจุในระดับอะตอม มันจะไม่มีผลกับนาฬกาที่อาศัย อะตอมในการทำงานหรือครับ

แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 55 21:59:29

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 21:54:17

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 5

เปิดใจแล้วครับ แต่หัวมันไม่ไปจริง ๆ ต้องขออภัย ฮา

จากคุณ : workbench
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 21:57:34

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 6

ไม่ยากเกินเข้าใจหรอกครับ มันง่ายมาก

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:00:07

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 7

ยอมแล้ว

จากคุณ : แ ต ง ก ว า *
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:00:33

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 8

แต่ เจ้าพ่อคนนี้ เป็นอีกคนที่หาใครรู้จักไม่ .... โนเบล จัดไป 10 ปี 555+

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:03:15

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 9

แม้แต่แตงกวายังยอม ไม่ต่อสู้ขัดขืน

จขกท.แน่มากครับ

จากคุณ : Kuroro Lucifer
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:04:40

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 10

เค้าเป็นคนเอเซีย ด้วยนะครับ

 
 

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:05:26

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 11


By Franklin Hu

Click here to check out the Seattle PC Postcards Screen Savers
Interested in Hot Wheels, collectable toys, politics, Beannie Babies? - click here
Click here to get a great grammar checker.
See my grand Theory of Everything that explains gravity, magentisim, and the electrostatic force!
See my latest mad scientist theory of gravity!
See my elegant theory of how atoms are put together.
See how I put together a SunGlow greenhouse.
See a tour of my Rialta RV
See my Freedom Walking Frame idea to help stroke/paralysis victims walk again.
See what every elementary student needs to know about math.
See a spreadsheet of ionization energies up to krypton. 
 ใครว่างๆ เอาไปศึกษา แบบเต็มๆ ได้เลยครับ 
วิทยาศาสตร์ จะไม่ปิดกั้น คำอธิบายอื่นๆ ในการอธิบายปรากฏการณ์ ครับ

แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 55 22:11:38

แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 55 22:11:17

แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 55 22:10:01

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:09:03

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 12

The Cubic Atomic Model

โมเดลอะตอมของเค้าเข้าใจง่ายดีครับ อยากให้ชมกัน

http://franklinhu.com/buildatm.htm

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:21:16

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 13

#12 แนวคิดน่าสนใจครับ

ผมเคยเจอ semi-cubic model ที่ไม่สนใจ electron
แต่อธิบายโครงสร้างของนิวเคลียสเท่านั้น โดยใช้ subunit เป็น
proton และ deuteron ก็ทำนายได้แม่นยำไม่แพ้กัน
(ขออภัยจำที่มาไม่ได้ครับนานมาแล้ว)

จากคุณ : Pomzazed
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:38:17

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 14

พี่ครับ พี่เล่น Google translator เพียวๆเลย จัดบ้างก็ได้ครับ

โดยเฉพาะข้อที่พี่ highlight ไว้นี่ ทำเอาผมเซ็งเลยนะครับ
---------------------------------------------------------------
14 ทำให้เกิดแรงโน้มถ่วงอะไร?
---------------------------------------------------------------

จากคุณ : WindMaster
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:40:36

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 15

โทษ ครับ จะค่อยๆ แปลให้ตามความเข้าใจ ถ้า ไม่ ถูกใจ น้องเกิ้ล ลองไปอ่าน eng ในต้นฉบับครับ

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:41:37

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 16

ยอมตรง คห 2 นี่แหละ

ไม่น่าอ่านเลย ไปอ่านที่ลิงค์ยังงน้อยกว่า

จากคุณ : น้ำนอง
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:42:22

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 17

ผมเองหวังดี แต่คงไม่ดีแล้วที่จะเอาแบบที่แปลมาให้อ่าน

เพราะมันยิ่ง งง แต่ ผมเองอ่านแบบงงๆ แต่ก็เข้าใจว่ามันจะสื่ออะไร

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:44:01

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 18

แต่ระดับ คนหว้ากอ อ่าน eng เข้าใจกว่าให้น้องเกิลช่วยแปลอยู่แล้ว ใช่ป่าว 555+

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:45:41

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 19

The closest thing we have from mainstream science is Einstein's explanation of gravity. This always has to do something with rolling a bowling ball on a sheet of rubber. The main problem with this analogy is that it relies on the force of gravity to explain gravity. This analogy assumes the presence of a gravitational downward force to cause the ball to warp the rubber sheet. If you put this ball and sheet on the space shuttle with no gravity - suddenly this doesn't work any more
--------------------------------------------------------------------------------------------
แค่ท่อนนี้ผมก็ว่าเขาเข้าใจผิดแล้วมั้งครับ จริงๆ ไม่มีใครรู้ว่าความเข้าใจแบบไหนถูก แต่ในความคิดของผม ผมมองข้ามไปถึงมิติที่ 4

มองง่ายๆ ว่า ถ้าเอาบอลกลมๆ ไปไว้ในทะเล ต่อให้บอลลูกนั้น ลอยอยู่กึ่งกลางทะเลพอดีๆ เนื่องจากความถ่วงจำเพาะมันพอดีกัน กระแสการไหลของน้ำทะเลรอบๆ ก็ปั่นป่วนไป

การมีมวลในอวกาศที่เขาบอกว่า ไม่เกี่ยวกับ rubber sheet  แสดงให้เห็นว่าเขาคิดไปไม่ถึง ความโค้งงอของ space มุมมองของเขาเห็นภาพ rubber sheet เพียงแผ่นเดียว ซึ่งผมเคยได้ตอบไปในกระทู้ล่างๆ ว่า จริงๆ แล้ว rubber sheet อยู่ทุกทิศทางรอบมวล

จากคุณ : WindMaster
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:46:59

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 21

เอ่อ อ่านที่แปลไทยแล้วยิ่งงงอะครับ #2
หากเป็นไปได้อ่านตัวต้นฉบับเข้าใจกว่าครับ

จากคุณ : Pomzazed
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:47:15

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 22

ผม เข้าใจ คห 19 ครับ

แต่ ผมว่าแรงดึงดูดระหว่างประจุน่าจะอธิบายปรากฏการณ์ได้ทั้งหมดทั้งใน ระดับ อะตอมไป จนระดับ จักวาล

หรืออธิบายปรากฏการณ์พายุบนดวงจันทร์ ที่เค้าบอกว่าไม่รู้เกิดได้ไง ที่แท้ก็ไฟฟ้าสถิตย์ นี่เอง

แม้แต่เรื่อง ผีๆ แม้แต่เรื่องการเคลื่อนที่ของมวลต่อมวลที่ไม่ใช่โลหะ หรือใช้แรงแม่เหล็กไฟฟ้า หรือแม่เหล็ก ธรรมชาติ ไม่สามารถทำให้ ฉนวน เคลื่อนที่ได้อย่างเช่น การดึงดูดน้ำ ของไฟฟ้าสถิตย์ เป็นต้น

แก้ไขเมื่อ 07 มี.ค. 55 23:00:19

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 22:57:51

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 23

อ่านบทความของคุณ Franklin Hu แล้ว

และอ่านกระทู้ก่อนหน้า  รวมทั้งกระทู้นี้..แล้ว


มีความเห็นว่า  คุณ Franklin Hu  กับ คุณ think4223   มีลักษณะความคิดคล้ายกัน
คือ
จินตนาการ มากกว่า การวิเคราะห์ข้อมูล

ประเด็นหลัก ที่กล่าวถึง เรื่องผลกระทบของประจุ ต่อ นาฬิกา
แสดงให้เห็นว่า
ทั้งสองท่าน ยังไม่เข้าใจ คุณสมบัติทางไฟฟ้า
และท่าน Franklin Hu  ก็ไม่เข้าใจ(หรือมองข้าม) เรื่องมวลด้วย

จากคุณ : sb*star
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 23:40:08

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 24

จินตนาการ ต้องมีหลักการและเหตุผลรวมอยู่ด้วย ถ้าพึ่งแต่จินตนาการเป็นหลัก แล้วก็เลือกเชื่อในสิ่งผิดๆ ก็ไม่มีทางหาคำตอบเจอ

ถ้าแรงต่างๆ เกิดแค่ไฟฟ้าสถิตย์ ก็ไม่ต้องเรียน ฟิสิกส์กันแล้วจบกันแค่นั้น

นักวิทย์จริงๆ ที่ขบคิดปัญหาเหล่านี้ ผ่าน แนวคิดผิดๆ แบบนั้นไปหมดแล้วครับ เหลือแต่พวกที่ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์ จินตนาการแค่นี้ เทียบกับ อาเธอร์ ซี คลาก ยังไม่ได้เลย

จากคุณ : WindMaster
เขียนเมื่อ : 7 มี.ค. 55 23:54:07

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 25

ความรู้จาก wiki เกี่ยวกับไฟฟ้าสถิตย์

http://en.wikipedia.org/wiki/Electrostatics

สิ่งที่เรารู้มานาน แต่ เราอาจจะมัวหลงทางหาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง เลยไม่เจอว่าจริงๆมันอยู่กับเรามาตั้งนานแล้ว

 
 

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 00:01:07

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 26

พันธบัตร
bond
พันธะ

งงครับ

นึกว่าเศรษฐศาสตร์ในจักรวาลแห่งฟิสิกส์

จากคุณ : กุ้ยเหลียง
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 00:07:49

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 27

คห 23 24

นาฬิกาอะตอม แต่ไม่เกี่ยวอะไรกับการแลกเปลี่ยนประจุระหว่างอะตอม เลย หรือครับ

อะตอมขั้นพื้นฐานทำไม ผมถึงไม่สนใจ มวล มากกว่าแรงระหว่างประจุ

สิ่งนั้นคือ โมเดลของอะตอมไฮโดรเจน ที่อิเล็กตรอน ขนาดประจุเท่ากัน กับโปรตรอน แต่คนละขั้ว

** คำว่าเท่ากันของประจุ แต่ที่มวลต่างกันถึง ประมาณ 1800 เท่า

ความแตกต่างระหว่างประจุเพียงเล็กน้อย สามารถดึงดูดมวลน้ำให้เลี้ยวเบนจากแนวการตกตามปกติได้

ในแบบที่ถ้าเราจะออกแรงกับมวลน้ำ ด้วยวิธีอื่นเพื่อให้น้ำเลี้ยวเบนแนวการไหลทั้งที่มันกำลังไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำได้แบบนั้น อาจต้องใช้พลังงานมากกว่า หรือขั้นตอนมากกว่า

ผมว่าคุณเองก็อาจจะละเลยสิ่งที่ธรรมชาติบอกตั้งแต่ระดับอะตอม ที่เบาที่สุดและมากที่สุดในจักวาล

อย่าเพิ่งบอกว่าสิ่งที่เราคิดมัน จะเป็นแค่จิตนาการ เพราะมันยังต้องการ การพิสูจน์ว่ามันเป็นแค่จิตนาการ จริงหรือไม่

ไม่ต่างอะไรกับ เรื่องการย้อนเวลาโดยการเดินทางเร็วใกล้แสง หรือการหากราวิตรอน

หรือคำอธิบายที่หาไม่ได้จาก แรงแม่เหล็กไฟฟ้าที่สร้างจากการไหลของอิเล็กตรอนในตัวนำ

โจมตีกันเข้าไป

อย่าลืมว่าสิ่งที่วิทยาศาสตร์สายหลักยังอธิบายไม่ได้ บางอย่างมันก็อยู่ในระดับจินตนาการนะครับ

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 00:25:01

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 00:15:03

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 00:11:27

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 28

คูณ think4223 กำลังล้มไปแล้วครับ

ล้มไปฝั่งความฝันหมด

ถ้าคุณใช้ คิดว่าตอบคำถาม คุณก็ไม่ต้องเรียน วิทยาศาสตร์เลยครับ

ไฟฟ้าสถิตย์มีคุณลักษณะอย่างไรบ้าง

สิ่งสำคัญที่คุณจะต้องรู้ การอ้างไฟฟ้าสถิตย์ แล้วมันถ่ายเทอย่างไร? ไฟฟ้าสถิตย์ มีการถ่ายเถ

แต่แรงดึงดูดมันไม่ได้ถ่ายเท แรงไฟฟ้าใดๆ เลย ไฟฟ้าสถิตย์มีการสะสมพลังงาน

ฟ้าผ่าก็เป็นไฟฟ้าสถิตย์ แล้ว นักบินอวกาศมันไม่โดนไฟดูดตายเรอะ

ไม่ต้องบอกว่า อยู่ในอวกาศ ไฟฟ้าลง ground ไม่ได้นะครับ

จากคุณ : WindMaster
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 00:29:19

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 29

อยากได้การทดลองสนับสนุน model แฮะ ถึงจะยังไม่ได้ทำ ก็น่าจะเสนอวิธีการทดสอบด้วย
เพราะถ้ายกตัวอย่างในจินตนาการมาอย่างเดียวคงฟังดูแห้งๆ ไปหน่อยน่ะคับ

จากคุณ : ชโรนนท์
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 00:31:18

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 30

อีกอย่าง ผมไม่แนะนำให้ยัด google translate ทั้งดุ้นนะ แปลเองน่าจะดีกว่า แบบรวบรัดก็ได้ แล้วก็ใส่ลิงต้นฉบับประกอบ
หรือถ้าขี้เกียจแปลก็เอาต้นฉบับมาลงก็ได้คับ เผื่อจะมีคนช่วยแปลด้วย อ่านของที่ google แปลแล้วมันหงุดหงิดจริงๆ น่ะคับ แหะๆ

จากคุณ : ชโรนนท์
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 00:34:15

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 31

ผมไม่คัดค้านจินตนาการนะครับ แต่จินตนาการที่ไม่พิสูจน์ผมว่ามันไร้ค่าครับ

ผมไม่คัดค้านการเสนอแนวคิด แต่ตราบใดที่ยังไม่มีการลงมือพิสูจน์เพื่อสนับสนุนแนวคิดเลย มันจะต่างอะไรกับการที่ผมบอกว่าอนุภาคแฮรรี่พอตเตอร์เป็นที่มาของทุกแรงแม้แต่ไฟฟ้าสถิตย์แท้จริงแล้วก็ไม่ได้เกิดจากประจุล่ะครับ

แต่พูดกันแรงๆ เลยคือแนวคิดของคุณคุณไปค้นมาแล้วก็คงพบว่ามันไม่ได้เทพอะไรมากมายนัก คนที่จินตนาการไว้แบบนี้มีเยอะมากพอตัว แต่ทว่ายังไม่มีเลยแม้แต่คนเดียวที่สามารถเอาแนวคิดนี้ออกมาเปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงได้แบบตัวเลขต่อตัวเลข มันก็เท่านั้น

แนวคิดที่แตกต่างและอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นได้ดีกว่านี้มีอีกเยอะ แต่มันก็ต้องถามว่าสมมติฐานพวกนี้มันสอดคล้องกับข้อเท็จจริงหรือเปล่าอย่างไรบ้าง ทฤษฎีที่เค้าตั้งกันมาตอนนี้ก่อนหน้านี้มีที่ล้มเหลวหลายล้านสมมติฐานนะครับ

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 00:56:45

จากคุณ : Mariel
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 00:52:44

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 32

คห 28 ไฟฟ้าสถิตย์ถ่ายเทประจุได้ โดยไม่ต้องมีกราวด์ก็ได้ครับ เพระเป็นเรื่องความต่างประจุระหว่างมวลสารที่ต่างกัน ก็สามารถถ่ายเทประจุกันได้

การถ่ายเทประจุ จะเกิดขึ้นเมื่อมีความไม่เป็นกลางทางไฟฟ้า เกิดขึ้น ระหว่างมวล ที่อยู่รอบๆ

ถ่ายเทประจุ เกิดขึ้นได้ทั้งบนโลกและในอวกาศ

ความไม่เป็นกลางทางไฟฟ้า เกิดได้ทั้งระดับการเสียดสีหรือการได้รับรังสีความร้อน หรือความต่างอุณหภูมิของมวลสาร

ในอวกาศไฟฟ้าสถิตย์ ไม่ก่อให้เกิดฟ้าผ่าระหว่างนักบินหรือกับโลก เพราะความต่างประจุไม่ได้มาก ขนาดที่เวลาถ่ายเทประจุ จะเกิดพลังงานสูงแบบฟ้าผ่า บนผิวโลกครับ

ทุกขณะก็มีสนามไฟฟ้าต่างๆ รวมทั้งไฟฟ้าสถิตย์ อยู่ในทุกๆที่ เพียงแต่ มันต่างอยู่ในภาวะ สมดุลย์เป็นกลางทางไฟฟ้าอยู่ จึงแสดงผลออกมาน้อย เมื่อไหร่ที่มีการทำให้ มวลสารประจุไม่เป็นกลางการถ่ายเทประจุถึงจะเกิดขึ้น

ไฟฟ้าสถิตย์มีหลายระดับเช่นกันตั้งแต่เล็กๆน้อยๆเช่นดูดเศษกระดาษได้ จนถึงฟ้าผ่า เพราะงี้อย่าเหมารวมว่าไฟฟ้าสถิตย์ ต้องเป็นฟ้าผ่า หรือ มีแรงกระทำสูงเสมอไป

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 01:42:48

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 33

คห 31 มันไม่ใช่จินตนาการอย่างเดียวครับ มันเป็นการพยายามอธิบายปรากฏการณ์

แล้วที่ผมถามก็ไม่มีใคร ตอบว่าทำไมถึงใช้แรงไฟฟ้าแบบอื่นในการเคลื่อนมวลที่ เป็น ฉนวนไม่ได้

มีแต่พยายามดิสเครดิตโดยหาว่ามันเป็นแค่จิตนาการ ผมอยากได้คำอธิบายปรากฏการณ์ในแบบวิทยาศาสตร์สายหลัก ที่กำลังหาอยู่ว่า แรงดึงดูดระหว่างมวลคืออะไร

เท่าที่เราเห็นมวลเคลื่อนที่เข้าหากันได้ด้วยการแลกเปลี่ยนประจุตามรูปแบบการเกิดไฟฟ้าสถิตย์

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 01:49:21

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 34

คุณ think4223 ผมหมายถึงคุณอย่าใช้เป็นข้ออ้างครับ

คุณอ่านข้อความของผมไม่แตกฉานเอง ไฟฟ้าสถิตย์ต้องมีการถ่ายเทประจุครับ ฟ้าแลบ นั่นก็ไฟฟ้าสถิตย์ครับ แต่ระบบแรงดึงดูดจากไฟฟ้าสถิตย์ผมไม่เคยเห็นมีคนโดนแรงดึงดูดดูดตาย

คุณอ่านข้อความไม่แตกฉานก็คิดว่าผมต้องตอบว่า ไฟฟ้าต้องลง ground

สุดท้าย ระบบไฟฟ้าสถิตย์ของคุณก็เป็นจินตนาการที่บกพร่องครับ

จากคุณ : WindMaster
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 01:58:44

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 35

คุณลองไปทบทวนเรื่องไฟฟ้าสถิตย์ให้ดีก่อนนะครับ

อย่าตัดตอนมาสั้นๆ อ่านหลายๆ รอบ หาจุดบกพร่องของเรื่องไฟฟ้าสถิตย์ให้เจอก่อน

จากคุณ : WindMaster
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 02:02:38

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 36

คุณ WindMaster  ดู คลิป คห 32 ยังครับ

คนอยู่บนผิวโลกสัมผัสกับ โลกไม่ทางใดก็ทางหนึ่งการแลกเปลี่ยนประจุโดยรวมมวลสารของสิ่งต่างๆสมดุลในตัวเองอยู่แล้ว ยกเว้นจะมีการกระตุ้นแบบต่างๆ

คนโดนฟ้าผ่าตายคือผลของการถ่ายเทประจุ ขนาดใหญ่ แต่คนไม่ได้มีประจุห่าง จาก โลกมากดังที่ก้อนเมฆที่มี ระยะห่าง หรือ gap ทำให้เกิดการ discharg ขนาดใหญ่

ผมว่าคุณก็ลองทำความเข้าใจ ไฟฟ้าสถิตให้ดีก่อนดีกว่าครับ เพราะถามว่าทำไม คนไม่โดนแรงดึงดูดตาย ผมก็บอกได้เลย ว่ามันเป็นการแลกเปลี่ยน เพื่อคงสภาพเป็นกลางตลอดเวลา

การที่คนรู้สึกถึงไฟฟ้าสถิต เช่นการจับโลหะในห้องเย็นๆเป็นการแลกเปลี่ยนประจุ ไปยังอีกมวลที่ประจุต่างกันที่ระยะการสัมผัสที่ใกล้ที่สุด

แต่ในระดับคนกับโลกทั้งมวล 2 มวลแลกเปลี่ยนประจุกันอยู่แล้วอย่างต่อเนื่อง

อยากให้ดูภาพน้ำทีกำลังไหลลงมา แต่โดนดึงให้เลี้ยวเพราะใช้แรงไฟฟ้าสถิตนั้นคือ ระดับประจุที่ใกล้กว่าจะแลกเปลี่ยนประจุระหว่างกันกับมวลที่อยู่ใกล้ๆหากแรงในการแลกปเลี่ยนมากพอที่จะเบี่ยงเบนการเคลื่อนที่ไปตามกระแสหลักของการถ่ายเทประจุระหว่างมวล ในภาวะปกติเช่นโลกกับน้ำที่ไหลลงมา โดนขัดทิศทางการตกโดยแรงไฟฟ้าสถิต ที่อยู่ใกล้กว่า

 
 

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 02:23:15

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 37

ผมดูแล้วครับ และนั่นแหล่ะที่ทำให้คุณเข้าใจผิดไปยกใหญ่เลย

การถ่ายเทประจุของวัตถุ ไม่ส่งผลอะไรเพราะวัตถุไม่มีความรู้สึก

แต่สำหรับสิ่งมีชีวิต การถ่ายเทประจุ จะก่อให้เกิดปฏิกิริยาที่เรียกว่า ไฟฟ้าช๊อต

แค่ clip เพียงอันเดียว เป็นแค่ ความรู้เบื้องต้นของไฟฟ้าสถิตย์เท่านั้นครับ

ไปทบทวน ความรู้เรื่องไฟฟ้าสถิตย์ให้มากกว่านี้ดีกว่าครับ จะได้เข้าใจมากขึ้น

จากคุณ : WindMaster
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 02:38:23

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 38

บ่นๆๆๆ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย ภาษาก็แย่

เราว่าไปเรียบเรียงให้ดีก่อนโพสดีกว่านะ งงมากๆ

ยอมด้วยคน T^T~

จากคุณ : mint_la
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 02:58:37

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 39

ไฟฟ้า ไม่ว่าไฟฟ้ากระแส หรือไฟฟ้าสถิตย์ ต่างก็มีขั้ว

ขั้วต่างกัน ดูดกัน
ขั้วเหมือนกัน ผลักกัน

แรงดึงดูดมีผลักกันด้วยไม๊ล่ะเจ้าคะ

รึจะบอกว่า ข้าวเหนียว ส้มตำ ไก่ย่าง ต่างมีแรงดึงดูดระหว่างกัน
แต่มีแรงผลักกับ  ทุเรียน

จากคุณ : แ ต ง ก ว า *
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 07:17:44

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 40

เท่าที่อ่านๆดู ผมว่า จขกท เห็นตัวอย่างของแรงเนื่องจากไฟฟ้า แล้วเหมาเอาว่า ทุกสิ่งอันในเอกภพที่มันดูดกันได้ เป็นเพราะแรงนี้ทั้งสิ้น

ผมว่าใครๆเขาก็อยากคิดแบบนี้นะครับ มันง่ายดี เขาจะแยกมันออกมาว่า เฮ้ย บางอย่างมันดูดกันเพราะแรงโน้มถ่วงนะเฟร้ย ให้เมื่อยทำไมล่ะครับ

จากคุณ : Ontjung
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 07:39:30

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 41

building blocks of the universe consist only of the positron and electron.
http://franklinhu.com/theory.html

จักรวาลประกอบด้วยโพสิตรอน-อิเล็กตรอน...
เอ่อ..อ่านตรงนี้ไม่ทราบคุณหู(Hu)จบฟิสิกส์สถาบันไหนมา
โพสิตรอน-อิเล็กตรอนเจอกันไม่ได้เพราะเป็นปฏิสสาร(antimatter)
นักฟิสิกส์ปัจจุบันคิดว่าสสาร-ปฏิสสารควรเท่ากัน
จริงๆจักรวาลมีสสารมากกว่าปฏิสสารมากๆ

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 09:04:38

จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 07:44:12

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 42

คห 39 ขั้ว + - ในการไหลของกระแส กับ ขั้วในการถ่ายเทประจุต่างกัน ตรงที่ การไหลกระแส ต้องผ่านตัวนำไฟฟ้า ยกเว้นการส่งรูปแบบคลื่นวิทยุ หรือกระแสสลับในอากาศหรืออวกาศ

แต่การถ่ายเทประจุมันถ่ายเทโดยการเหนี่ยวนำ ซึ่งหากทั้ง 2 มวล ที่ประจุต่างกัน เวลาถ่ายเทประจุ มันจะถ่ายเทได้ทั้ง + ไป - - ไป + โดยการถ่ายเทสามารถทำผ่าน space ใดๆ ไม่ต้องใช้ตัวนำ

และ การไหลของกระแส เป็นการส่งกำลังขับเคลื่อนอิล็กตรอนให้เดินทางไป ไม่ใช่กระบวนแลกเปลี่ยนเพื่อให้ประจุ ระหว่างมวลเกิดความสมดุลย์กัน หรือเป็นกลางทางไฟฟ้าแก่กันอย่างไฟฟ้าสถิตย์

ไม่ว่ามวลสารใดต่างก็ประกอบด้วยอะตอม และสามารถแลกเปลี่ยนอิเล็กตรอนกันได้ในภาวะที่มวลสารนึงนั้นเกิดความไม่เป็นกลางทางไฟฟ้า

แตงกวา ก็ไม่ต้องประชดผม ด้วยชื่อมวลสารที่ต่างกันหรอกครับ ชื่อ ไม่มีความหมาย ในระดับมวลสารอยู่แล้ว

คห 40 มันจะแยกมันจะรวมแรง ผมก็ไม่ว่า แต่ในเมื่อยังหาสิ่งที่อธิบายด้วยสิ่งที่เราคาดหวังว่าจะเจอ เช่น กราวิตรอนยังไม่ได้ ทำไมจะไม่สนใจ แรงกระทำระหว่างมวลของไฟฟ้าสถิตย์ดูบ้าง เพราะมันอาจเป็นสิ่งเดียวกัน ก็ได้

คห 41 นั่นมันที่เค้าคิด มันต่างจากที่ผมคิดว่า ทุกอย่างเริ่มต้นคือ อะตอม ไฮโดรเจน อิเล็กตรอน 1 โปรตรอน 1 ต่างขั้วกัน โดยสเกลมวลต่างกัน 1800 เท่า

แล้วทุกอย่างก็กำเนิดมาจากพื้นฐานนี้

ในระดับสเกลโลก กับ ตัวคน ในมุมมองเรื่องประจุของโลก คนก็ไม่ต่างอะไรกับ ฝุ่นผง ที่โดนไฟฟ้าสถิตย์ของโลกดูดให้ติดตรึงเอาไว้ แม้ฝุ่นนี้จะพยายาม กระโดด แต่ก็ไม่พ้นแรงดึงดูดในการแลกเปลี่ยนประจุของโลกที่แปรปรวนทางสนามไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากตัวแปรต่างๆ และโลกอยู่ใน space ตัวนำยิ่งยวดที่ไฟฟ้าสถิตย์ ใช้ในการเดินทางของอิเล็กตรอน โดยไม่ถูกลดทอน

ถึงตอนนี้ ทุกๆมวลสารต่างรักษาภาวะเป็นกลางอยู่ โดยดึงประจุของโลกมาทำให้เป็นกลางอยู่เสมอ หากมวลสารเกิดภาวะสูญเสียความเป็นกลางทางไฟฟ้าไป

คนและสิ่งรอบๆตัวในตอนนี้แม้แต่ตึกสูงๆ ก็ถูกทำให้เป็นกลางอยู่

เมื่อเป็นกลางต่อกันกับสิ่งรอบๆก็ไม่มีอะไรดูดเข้าหากัน

ศึกษาคลิป คห 32 ก่อนละกันครับ

เช่น น้ำที่ไหลลง โดยที่แท่งพลาสติก เป็นกลางทางไฟฟ้า น้ำก็จะยังไหลลงไปแบบเดิม

แต่หากในระดับมวลสารที่คนกำลังถือแล้วคนหรืออะไรทำให้ประจุ ไม่เป็นกลางเกิดขึ้น การแลกเปลี่ยนก็จะเริ่มขึ้น

เช่น มวลน้ำที่ไหล กับ แผ่นพลาสติก ไม่ใช่ น้ำถูกดึงดูดไปหาแผ่นพลาสติกอย่างเดียวนะ แต่ทั้ง 2 มวลที่ต่างประจุกันนั้น จะเคลื่อนที่เข้าหากัน หากไปทดลองในอวกาศ

ทุกท่านที่ว่า มา ยังไม่มีใครตอบผมเช่นกัน ว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้ มวลที่ไม่ใช่ ตัวนำหรอ เช่น เหล็ก แม่เหล็ถาวร หรือ แม่เหล็กไฟฟ้า ดึงดูด สิ่งที่เป็น ฉนวน เช่น พลาสติก กระดาษ น้ำ ให้เปลี่ยนทิศทางในการตกไปหามวลโลกได้ ตามสิ่งที่พวกคุณเรียกกันว่าแรงโน้มถ่วง หรือ แรงดึงดูด ที่ตั้งคำว่า กราวิตรอน เอาไว้แต่ยังหาไม่เจอเลยแม้เซิร์นจะทดลองชนอนุภาคไป

หากตอบตรงนี้ไม่ได้ คำอธิบายที่เห็นชัดที่สุดก็คือแรงดึงดูดจากการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าระหว่างมวล ที่มีประจุต่างกัน ดังที่เกิดจากไฟฟ้าสถิตย์เป็นผู้กระทำ

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 08:45:12

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 08:31:05

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 08:23:12

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 08:21:45

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 43

คห 31 ผมไม่ได้มาบอกว่า เทพ อะไรครับ

ผมแค่มาบอกว่า เรากำลังหลงทางหาสิ่งที่ไม่มีหรือเรากำลังละเลยสิ่งที่มีอยู่หรือไม่ ด้วยแนวคิดนี้เท่านั้น เอง

เห็นคนถูกใจอาจแสดงว่า คนคิดจะคิดว่ามัน เทพ แค่ไหนหรือ

ไม่เลย ผมบอกแล้วมันง่ายมาก หากจะลองคิดในมุมนี้

และมันง่ายมากอาจจะไม่ใช่การคิด ง่ายๆ แต่อาจเพราะธรรมชาติไม่ได้คิดมากแบบที่เราคิดครับ

ความรู้ใหม่ๆแนวคิดใหม่ๆจะล้มไม่ล้ม ก็เรื่องของแนวคิด แต่จะมีสักกี่คนที่คิดว่า มันเป็นไปได้ หรือจะพิสูจน์ได้มากน้อยแค่ไหน

ผมอยากให้มีการทดลองต่างๆ ดังนี้อยู่เหมือนกัน

1 นาฬิกาอะตอมภายใต้ภาวะสนามไฟฟ้าสถิตย์ มีผลต่อการเดินของนาฬิกาได้หรือไม่

2 ในอวกาศ ลูกบอล 2 ลูกขนาดต่างกัน มวลต่างกัน ในภาวะปกติจะดูดเข้ากันหรือไม่ และหาก ทำให้บอลอีกลูกนึงมีประจุไม่เป็นกลาง บอล 2 ลูกนี้จะดูดเข้าหากันหรือไม่

3 ทำอย่างไร ที่จะใช้พลังงานน้อย ที่สุด ในการเบี่ยงเบนการไหล แนวตรงของน้ำ ที่กำลังตกอย่างอิสระ โดยไม่ใช้หลักไฟฟ้าสถิตย์

4 ทำอย่างไร ที่จะเคลื่อน มวลสารที่เป็นฉนวนไฟฟ้า ในแนวขนานกับพื้นโลก ให้ได้มากที่สุด โดยไม่ใช้หลักการ action reaction ทางกลไกการขับเคลื่อนใดๆ คือใช้หลัการที่ระดับของการไหลของอิเล็กตรอนเท่านั้น

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 08:57:57

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 08:56:14

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 08:54:26

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 44

ครับ...
เคยเห็นความเห็นของคุณบ่นเรื่องว่า ทำไมเงียบกันจัง
ผมก็เคยตอบไปแล้วว่า สำหรับตัวผม ผมเห็นว่าความเห็นของคุณมันไม่ตรงกับสิ่งที่ผมรู้มาเยอะ
ในส่วนที่ใช้จินตนาการล้วน ผมก็ไม่บังอาจกล่าวว่ามันไม่น่าจะจริง แต่ถ้าในจินตนาการนั้น มาอ้างฟิสิกส์พื้นฐานง่ายๆแบบไม่ถูกต้อง ผมก็เห็นด้วยลำบากล่ะครับ

แรงที่ทำให้เกิดการเบี่ยงเบนทิศของน้ำ เป็นแรงทางไฟฟ้า แล้วไงครับ
แรงที่ทำให้ลูกบอลสองลูกในอวกาศ ดูดเข้าหากัน เป็นแรงทางไฟฟ้า แล้วไงครับ
คุณใช้แรงทางไฟฟ้าเคลื่อนมวลได้แล้วไงครับ

มันไม่ได้บอกอะไรเลยว่าแรงที่ทำให้โลก ดวงจันทร์โคจรรอบกัน เป็นแรงทางไฟฟ้า
ถ้ามีการแลกเปลี่ยนประจุจริงๆ ทำไมเราตรวจจับไม่ได้ มวลของทั้งสองนี่มหาศาล ประจุไฟฟ้าที่ใช้มันก็ควรมหาศาลด้วยมิใช่หรือครับ
ไม่ต้องไปอ้างวัตถุดาราศาสตร์อันอื่นให้เมื่อยตุ้ม เอาแค่คู่โลก ดวงจันทร์ก่อนเลย

จากคุณ : Ontjung
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 09:14:42

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 45

คุณแตงกวา แย้งประเด็นเรื่อง แรงดูด กับแรงผลัก
ไม่ใช่ประเด็นชนิดของมวลสาร

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 09:49:38

จากคุณ : Ontjung
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 09:47:23

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 46

Ontjung

ขยายสเกลครับ

ในอวกาศ space คือ space เดียวกัน มวล 2 มวล ที่ว่า ก็ มีมวลต่างกันแรงระดับประจุ ก็แปรผันกับขนาดมวลที่จำนวนอะตอมมากขึ้นตามลำดับด้วย

บอกสั้นๆแค่นี้ครับ

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 09:48:55

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 47

ยานอวกาศสำรวจดวงจันทร์ มีพลังงานจำกัด

เที่ยวขากลับ มันพลังงานแค่นิดหน่อย ในการผลักตัวเองจากวงโคจรของดวงจันทร์
ให้เข้าสู่รัศมีแรงดึงดูดของโลก จากนั้นก็อาศัยแรงดึงดูดของโลก ในการนำพากลับสู่พื้นโลก

ถ้านักบินอวกาศคำนวณการใช้แรงพลาด เขาก็จะหมดโอกาสกลับเข้าสู่วงโคจรโลก
แต่อาจจะถูกดวงอาทิตย์ดูดให้ตกสู่ดวงอาทิตย์แทน หรืออาจจะตกกลับสู่ดวงจันทร์เหมือนเดิมก็ได้


ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับประจุไฟฟ้าอะไรเลย

นักวิทยาศาสตร์เขาคำนวณแรงที่ต้องใช้จากกฏสามข้อของนิวตันเลย
ซึ่งพิสูจน์มาแล้ว

แต่แน่นอนว่า ไม่มีใครรู้ว่า แรงดึงดูดมันคืออะไรกันแน่ มันมาจากไหน ทำไมต้องมี
แต่ที่แน่ๆมันไม่ใช่แรงไฟฟ้า ไม่ใช่แรงจากประจุ

เพราะถ้าเป็นแรงจากประจุไฟฟ้า มันต้องมีขั้ว มันต้องถูกผลักให้เบี่ยงเบนได้ด้วยสนามไฟฟ้า หรือสนามแม่เหล็ก

ซึ่ง แรงดึงดูด ไม่ได้แสดงคุณสมบัติพื้นฐานเหล่านั้นเลย

จากคุณ : แ ต ง ก ว า *
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 09:48:57

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 48

คห 45 ถุกแล้ว ครับ

มันคือแรงดึงดูดระหว่างประจุไฟฟ้าที่ไม่เป็นกลางระหว่างมวลนี้แหละครับ

ที่อยากให้เปิดใจ ว่าแท้จริงมวลเคลื่อนข้ากันได้ ก็เพราเรื่องแค่นี้เองครับ

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 09:51:25

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 49

ขยันกันจังเลยท่านๆ

ผมแค่อ่านความเห็นแรกๆก็เหนื่อยซะแล้ว เลยไม่ได้ร่วมวงสนทนาด้วย ฮ่าๆ

จากคุณ : ECOS (thelegendofm)
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 09:56:10

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 50

#46
ก็ใช่ไงครับ มวลเยอะ ใช้แรงมาก ประจุที่ใช้ตามทฤษฎีคุณก็ต้องมากตาม...

ตามคุณแตงกว่าบอก แรงโน้มถ่วง มันแห้งแล้งมาก ตรวจจับผลของมันไม่ได้เลย นอกจากผลของมันที่มีต่อมวลตามสูตรนิวตัน

ต่อมาก็พบว่า ในสเกลที่ไกลห่างจากสามัญสำนึก มันก็มีผลต่อทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งสิ่งที่ไม่มีมวล ไม่มีประจุ เค้าถึงพยายามอธิบายกันอีกหลายทฤษฎี

ซึ่ง พวกนักวิทย์ เค้าก้าวข้าม ประจุไฟฟ้าพื้นๆไปนานแล้ว ตัวอย่างตามที่คุณแตงกวายกมานั่นเอง

จากคุณ : Ontjung
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 09:58:05

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 51

คุณ ECOS ..
ตัวอย่างของการเรียนจาก google วิกิ อย่างเดียว โดยไม่ได้ผ่านการเรียนวิทยาศาสตร์ในห้องเรียนมาก่อน
ไม่ได้บอกว่าเรียนจาก google ไม่ดีนะครับ แต่พื้นฐานต้องมีมาก่อน
จะผิดจะพลาดอะไรมันก็อยู่ในวงจำกัด เวลาใครจะแนะนำอะไรมันก็ไม่เหนื่อยครับ

ที่ผมแจมด้วย เพราะเข้าใจความรู้สึกอยากรู้ของเขา
ผมก็เคยตั้งกระทู้ถามแบบจัมไมในเรื่อง Paradox แฝดเหมือนกัน นานๆเข้าผมยังไม่เก็ทก็เลิกก่อน ...เกรงใจ.... 555

จากคุณ : Ontjung
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 10:07:47

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 52

ทุกคนมีความรู้สึกอยากรู้ครับ คุณ Ontjung

ผมก็อยากรู้เรื่องมากมาย แต่ในลักษณะของ think4223 ตอนนี้ เขาเลยคำว่าอยากรู้ไปแล้วครับ เขาอยู่อยู่ในส่วนของคำว่า "เชื่อ" ส่วนนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วแก้ไขยากครับ เพราะมันห่างจากคำว่า "เข้าใจ" หรือ "เรียนรู้"

ตัวอย่างก็คล้ายๆ กับธูปสั่นเองได้นั่นแหล่ะ

จากคุณ : WindMaster
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 10:15:45

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 53

คห 47 คืองี้ครับ

ใช้แรงหนีแรงดึงดูดระหว่างประจุนิดหน่อย เพื่อหลุดจาพสนามประจุของดวงจันทร์ ที่กระทำกับยาน เช่นเดียวกันทุกๆมวลต่างแสดงระดับประจุที่พร้อมจะดึงดูดมวลสารประจุที่ต่างกัน ในระดับขนาดมวลอื่นๆได้เช่นกัน

ก็ไม่แปลกหากยานมันเคว้างคว้างไปในอวกาศ แล้วเลยแนวเส้นทางที่ จะทำให้ได้ระยะพอที่ จะเกิดการแลกปเลี่ยนประจุระหว่างยานกับโลก แล้วยานมันจะโดนดูดโดยมวลประจุขนาดใหญ่อย่างดวงอาทิตย์แทน แต่ต้องดูเรื่องระยะห่างประกอบกับขนาดสเกลมวลด้วย

ห่างไปแรงกระทำของอิเล็กตรอนไม่เข้มพอที่จะยึดเหนี่ยวให้มวลดึงเข้าหากัน การเคลื่อนที่ไปในอวกาศก็จะเป็นแนวตรงรักษาสภาพเดิมต่อไป

หากคุณมองว่ามันไม่ใช่แรงเดียวกัน คุณก็หากราวิตรอนต่อไป

แต่หากคิดว่าใช่ ลองทดลองดูในระดับสเกลเล็ก เพราะมันขยายไปสเกลใหญ่ แค่ไหนก็จะให้ผลแบบเดียวกัน

ส่วนหลังจากที่ยาน เคลื่อนที่พ้นแรงดึงดูดระหว่างประจุของยานกับดวงจันทร์ไปแล้ว

เมื่อเข้าสู่สถาวะอวกาศ ที่ระยะห่างการแลกเปลี่ยนประจุของยานกับดาวห่างกันเกิน หรือบางเบาเกินเหมือนเรา ขยับหวีให้ห่างออกจากเศษกระดาษมากไป

มันก็ไม่ดูดแล้ว พอหมดแรงดูดระหว่างประจุยานก็จะเคลื่อนที่ไปในอวกาศโดยการรักษาสภาพการเคลื่อนที่ทั่วไปในอวกาศที่ไมมีแรงต้าน

นั่นคือการรักษามุมที่จะเข้าปะทะกับแรงดึงดูดระหว่างประจุของโลก ที่มันมุ่งหน้าไป

พอเข้าใกล้ ชั้นบรรยกากาศโลกมากขึ้น ตามที่การเคลื่นที่ วางมุมการเดินทางไว้

ที่ระยะนึงระหว่างมวลโลกกับยาน ผลของการแลกเปลี่ยนประจุจะเริ่มเกิดขึ้นอีกครั้ง โดยเริ่มจากเบาบางไปยังแรงขึ้นตามระยะทางที่สั้นลง ระหว่างมวล

เหมือนเราขยับเศษกระดาษเข้าใกล้หวี ยิ่งใกล้มากกระดาษก็จะยิ่งถูกดึงไปหาหวีเร็วขึ้น

เป็นการดึงดูด ระหว่างมวลยานกับมวลโลกเข้าหากัน แต่ในระดับสเกลมวลห่างกันขนาดนี้ และระยะห่างที่มวลยานจะเริ่มแลกเปลี่ยนประจุกับโลกอีกครั้ง จะดูเหมือนโลกอยู่กับที่ แต่ดาวเทียมวิ่งไปหาครับ

สำหรับการโคจรของยานก็อาศัยแรงดึงดูดระหว่างประจุ ที่เกิดขึ้นกับยาน แล้วใส่ความเร็วที่มากพอจะไม่ทำให้แรงดึงดูดระหว่างประจุดึงเข้าไปหามวลโลกในทางดิ่งได้ ยานก็จะไม่ตกลงมาครับ

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 10:21:49

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 54

คห 50 ในสภาวะ เป้นกลางทางไฟฟ้า ไม่มีการแลกเปลี่ยน ประจุ เลยหาไม่เจอเลยไงครับ

แต่พอกระตุ้น มวลพลาสติก จึง แสดงให้เก็นว่ามันดูด มวลน้ำได้

นี่แค่ บนผิวโลกนะแล้วสเกลโลกมวลขนาดดวงดาว แรงประจุมันจะแรง และส่งไปไกลขนาดไหนก็ลองนึกเอา 93 ล้านไมล์ ถึงโลกก็สบายๆ ในตอนนี้

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 10:24:50

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 55

คห 52 ผมก็บอกแล้ว ว่าถ้ามันไม่มี ตัวแปรอื่นใดๆจริงๆ มันจะอธิบายทางด้วยหลักการถ่ายเทประจุไฟฟ้า แบบไฟฟ้าสถิต ขยับเคลื่อนมวลได้ครับ

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 10:28:54

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 56

ผมมาคุยเพื่อแลกเปลี่ยนและโต้แย้งกันด้วยเหตผล

ไม่ใช่มาบอกว่าสิ่งนี้ถูกต้องแล้ว

แต่ผมอธิบายในรูปแบบที่ผมคิดส่วนคุณ จะเชื่อตามที่เค้าบอกกล่าวกันมาในวิยาศาสตร์กระแสหลักในตอนนี้

หรือเชื่อว่า ยังหากราวิตรอนไม่เจอ ผมก็ไม่ได้ว่าทับถมอะไรครับ หากันต่อไป

พิสูจน์กันต่อไป ทั้งที่ผมคิดและ คุณคิด

แฟร์ๆ ดีมั้ย

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 10:31:47

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 57

ผมพยายามอ่าน ทำความเข้าใจ แต่เพราะทำงานไปด้วย ก็เลยอ่านแบบข้าม ๆ ก็เลยไม่ค่อยเข้าใจประเด็น

แต่ตั้งประเด็นนิดเดียวก่อน ว่าถ้ามีการแลกเปลี่ยนประจุกัน การแลกเปลี่ยนนั้น ๆ ทำกับทุกคู่ หรือว่า ทำเฉพาะคู่ เพราะจากคห.ที่ 54 จขกท.บอกว่า แรงประจุแรง ส่งไปได้ไกล แล้วมันส่งไปหาทุกมวลเลยหรือไม่

อย่างสมมตินักเรียนนั่งเรียนในห้องเรียน 50 คน ทุกคนส่งประจุไปหาทุกคนด้วยหรือไม่ หรือว่า ส่งแลกเปลี่ยนเฉพาะกับตัวโลก (เกิดแรงดึงดูด) หรือว่าทุกคนดึงดูดกันด้วย

จากคุณ : Lpg_Horse
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 10:35:58

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 58

จขกท เขาเชื่อของเขาไปแล้ว

ใครจะมาพูดแย้งยังไง เขาไม่สนใจหรอกครับ แย้งยังไงไป เขาก็ไปหาคำอธิบายในแบบของเขามาได้แหละ

จากคุณ : Naibruda
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 10:39:14

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 59

คห 58 ก็เหมือนกับที่คนอื่นไม่สนใจแนวคิดนี้พูด อธิบายยังไงก็ไม่ฟังเช่นกัน

ผมรู้แบบที่พวกคุณรู้ว่าแล้ว มันยังมีประเด็นให้สงสัย ผมเลยต้องหาความรู้ใหม่ ที่พออธิบายปรากฏการณ์ได้ แบบที่ความรู้เดิมให้ไม่ได้

อย่างเรื่องการทำให้มวลสาร เช่นน้ำเคลื่อนตัวไป โดยไม่เป็นไปตามแนวแรงดึงดูดเดิมของมันตามที่ควรจะเป็น

ตัวแปรที่เพิ่มขึ้นคือ การเปลี่ยนยแปลงระดับประจุของ แท่งพลาสติดที่เข้าไปใกล้ มวล น้ำนั้น

ผมว่าแค่นี้คุณก็น่าจะรู้แล้วว่าจะต้องศึกษาอะไร ในเมื่อไฟฟ้ากระแสแบบหลัก ไม่สามารถทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนั้นได้

เลยทำความเข้าใจใหม่ทางกลศาสตร์ควันตัมที่มองเรื่องประจุและมวลตั้งต้นของ ไฮโดรเจน

คุณจะคิดยังไงก็ได้ แต่เปิดใจอ่านข้อสังเกตผมหน่อยละกัน

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 11:10:54

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 11:10:07

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 10:55:37

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 60

คห 57 ลอง ดู คลิป 32 ครับ หากเราอยู่บนพื้นฐานประจุของโลกเราก็อยุ่ภายใต้ แรงดึงดูดระหว่างประจุโลกเป็นหลักตลอดเวลา

ซึ่งมีประจุสูงมากกว่าตัวเรายิ่งนัก เมื่อเทียบกับมวลใกล้ๆอย่างเพื่อนคนอื่นๆ ระดับประจุ ดูแล้วแทบไม่ตางกันกับคนอื่นๆ

เมื่อระดับไม่ต่างกันก็ไม่แสดงออกต่อกัน แต่หากเพื่อนคนใดไปทำให้ประจุเปลี่ยนแปลงหรือ มีความเปลี่ยนแปลงทางประจุที่คนๆนั้นก็จะเกิดการแลกเปลี่ยนประจุเกิดขึ้น เพื่อรักษาสภาพความเป็นกลางอีกครั้ง

บางครั้งที่เจอคือหากเราเอามือไปแตะเค้า ก็อาจรู้สึกเหมือนโดนช๊อต มันคือการปรับระดับประจุระหว่างมวลที่ใกล้กว่าโดยการสัมผัสถึงอีกมวล

แต่เมื่อเทียบกับระดับประจุหลักที่โลกกระทำคู่ไปกับมวลทั้ง 2 ที่ประจุต่างกันกำลังแลกเปลี่ยนกันอยู่ก็ไม่มากพอที่จะทำให้ 2 คน นั้นดูดเข้าหากันในแนวนอน ที่ขนานกับ พื้นผิวโลก ครับ

ซึ่งตัวแปรเหล่านี้อยู่ที่ระดับประจุบริเวณนั้นๆ และฉนวนหรือเสื้อผ้าที่สวมใส่อันส่งผลกับ ประจุรอบๆที่อยู่ในอากาศ หรือชั้นบรรยากาศ ครับ

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 11:12:22

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 11:09:50

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 61

โธ่ถัง... พอจะเข้าใจแล้ว

คุณแค่เรียก "แรงดึงดูด" ด้วยศัพท์ใหม่ว่า "ประจุ" แค่นั้นเอง

โดยที่ทุกอย่างเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แค่เปลี่ยนชื่อเรียกเท่านั้น

ไม่เชื่อลองเอาที่คุณเขียนโพสต์มานั้น เปลี่ยนคำว่าแรงจากประจุไฟฟ้า เป็นแรงดึงดูดระหว่างมวลดู
นั่นคือสิ่งที่นิวตันค้นพบมาหลายร้อยปีก่อนแล้ว

แน่นอนว่า เรายังไม่รู้จักแรงนี้ดีมากเท่าไหร รู้แค่คุณสมบัติของมันคร่าวๆ

อีกสัก 100 ปีข้างหน้า แรงดึงดูดระหว่างมวลนี้ อาจได้ชื่อแบบทางการชื่อใหม่
ว่า แรงทิงนองนอย-เยียยมะลือเกรย ตามชื่อ นักวิทยาศาสตร์ไทย-เขมร ที่เป็นผู้ค้นพบ
สมการที่บรรยายแรงนี้ได้อย่างละเอียดยิบ ก็เป็นได้

ส่วนตอนนี้คุณจะเรียกว่า แรงประจุไฟฟ้าระหว่างมวล หรือแรงABC อะไรก็ได้ตามสะดวกของคุณ

จากคุณ : แ ต ง ก ว า *
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 11:20:16

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 62

คห 61 ครับ ไม่ต้องหา กราวิตรอน อะไรแล้ว

แรงดึงดูด หรือแรงโน้มถ่วง ก็คือแรงดึงดูดระหว่างประจุนี่เองครับ

จากที่ผมเสนอไว้คือ แรงเดียวต่างสเกลไงครับ

ผมก็ยกตัวอย่างมาให้ดูให้คิด ก็หวังจะให้คุณๆเข้าใจว่ามันคือแรงเดียวกันนี่แหละ

ไม่ใช่แค่เปลี่ยนชื่อหรอก เพราะ เราไม่คิดว่ามันจะเป็นแรงเดียวกันมาก่อน ตะหากละ

แตงกวาก็ยัง เป็นแตงกว่า จริงๆ ผมพูดมามากมาย เพราะอยากให้เห็นผลของประจุที่กระทำกับมวลสาร เพื่อบอกว่า นี่แหละ ที่ต้องศึกษา และนี่แหละคำตอบของแรงโน้มถ่วง ระหว่างมวล ระหว่างดวงดาว และอื่นๆ

ปัจจุบันเราก็เรียกมันด้วยชื่อต่างๆ ทั้งชื่อไทย ชื่อ eng อยู่แล้วแต่ไม่สำคัญสำหรับผมครับ

ที่สำคัญกับผมและอยากให้หลายๆคนเข้าใจ คือเราคิดมากไปเองมากกว่าที่ธรรมชาติมันคิด มันบอกเราตั้งแต่ อะตอมของไฮโดรเจนที่เราผ่าไปถึงตั้งนานแล้ว

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 11:31:36

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 11:27:46

ความคิดเห็นที่ 63 ติดต่อทีมงาน

จริงๆแล้ว มุมมองที่่เราพูดถึง คือมุมมองของแรงโน้มถ่วงนะครับ ซึ่งตัวกลศาสตร์เอง ยังอธิบายอะไรไม่รัดกุมมากนักในเอกภพเลยครับ ถ้ามันเป็นเพราะกระแสไไฟ้าสถิตจริงๆ ทำไมกระแสไฟฟ้าสถิตถึงทำให้เกิดนส์ความโน้มถ่วงได้หล่ะครับ กระแสไฟฟ้าสถิตแรงพอที่จะเลี้ยวเบนแสงได้เลยหรอครับ แล้วทำไมกระแสไฟฟ้าสถิตจะต้องมีมากขึ้น ตามแนวสนามแม่เหล็ก ทำไมดวงอาทิตย์ถึงไม่ดึงดาวพุธเข้าไปหามัน แต่กลับทำได้แค่ทำให้ดาวพุธมีวงโคจรที่ส่ายหล่ะครับ แล้วถ้าเป็นไฟฟ้าสถิตจริงๆ ทำไมดาวถึงหมุนครับ สสารทุกอย่างมีสมบัติเป็นคลื่นได้เช่นกันนะครับ ตามสมการของเดอบรอย มีผลด้วยหรอครับ แล้วแรงแม่เหล็กหรอืไฟฟ้าสถิตจะต้องมีแรงผลักกัน ทำไมถึงไม่มีเลยอ่ะครับ บนผิวโลก ยกเว้นกับเราทำมันขึ้นมาโดยใช้ก้อนแม่เหล็กเอง แล้วในหลุมดำมีจุดศูนต์กลางเท่านั้น ที่เป็นจุดดึงดูดสสาร ทำไมมันถึงไม่ดูดขอบฟ้าเหตุการณ์ให้ถอยหล่นเข้าหาตัวมันเองอ่ะครับ อย่างรู้อ่ะครับ ^^

จากคุณ : นักท่องเวลา
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 11:47:57 A:101.109.129.60 X: TicketID:350738

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 64

แค่คำว่า แรงเดียวต่างสเกล ก็ผิดอีกแล้วครับคุณ

ทีแรกคุณกล่าวอ้างว่า ไฟฟ้าสถิตย์

ตอนนี้คุณเปลี่ยนเป็นคำว่า ประจุ

ไฟฟ้าสถิตย์กับประจุ ที่คุณกล่าวถึงมันคนละแรงกันเลย แต่คุณเรียกว่าแรงเดียวต่างสเกล

มันเป็นการพยายามโน้มข้อความเข้าข้างตัวเองมากไปครับ

ผมไม่ได้ตอบเพราะผมเชื่อ ไอสไตน์ หรือ นิวตัน แต่ผมตอบเนื่องจากผมเข้าใจเรื่อง ไฟฟ้าสถิตย์และความเป็นไปได้ของมัน ไม่มีนักวิทยาศาสตร์คนไหนมองข้ามมันหรอก แต่เขาศึกษาจนพบว่ามันไม่ใช่

ส่วนที่คุณคิดว่าใช่นั่นน่ะ มีคนตอบไปแล้วว่า แค่คิดเองเฉยๆ เอามาเป็นคำตอบไม่ได้

---------------------------------------------------------------------------------------
สมมุติว่า ผมคิดว่า จริงๆ แสงทั้งหมดมาจากดวงจันทร์

แล้วใครจะบอกอะไรผมก็ไม่ฟัง ผมบอกว่า ดวงจันทร์ไม่เคยดับ อ้างไปต่างๆ นาๆ
สุดท้ายผมจะบอกว่า แล้วคุณเคยไปดวงจันทร์แล้วเหรอ จบตรงนี้

แบบนี้ไม่ใช่เหตุผลครับ เป็นแค่ความเพ้อฝัน

จากคุณ : WindMaster
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 11:51:41

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 65

#63 เขาเปลี่ยนคำว่าไฟฟ้าสถิตย์เป็นคำว่า ประจุ ไปซะแล้วครับ

จากคุณ : WindMaster
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 11:52:30

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 66

อ่านยากจัง

ถามจขกทก่อนว่า แนวคิด คล้ายๆกับว่า
บอล2ลูก ที่เป็นกลาง
ได้ย้ายประจุในลูก
กลายเป็น

1+++---   ดูดกับ 2+++--- แบบนี้เปล่า

ถ้าแบบนี้เป๊ะๆ ก็คือ มันถูกอธิบายได้โดยโมเดลปกติอยู่แล้ว

ผมยังไม่เข้าใจโมเดลของจขกทอะนะครับ
แต่เสนอวิธีแย้งว่า

มีมวลใดหรือเปล่า ที่ดูดกันได้
แต่ ไม่มีประจุแน่ๆ แบบที่จขกทว่ามา
โมเดลที่จขกท จะเอามาอธิบายไม่ได้

ทั้งนี้ คือ ต้องเข้าใจโมเดลที่จขจกทว่ามาก่อน

ทีนี้ถ้า สมมติ มวลทุกมวล ก็สามารถมีประจุได้ แบบตามโมเดลจขกทว่ามา
ทีนี้คงจะพิสูจน์ยากหละครับ ว่าตกลงแล้ว แรงมาจากประจุ หรือจากมวล จริงๆ

หรือเป็นแค่การมองต่างมุมเฉยๆ มองข้ามช็อต หรือมองลงรายละเอียด
หรืออะไร

ผมว่าจขกทน่าจะเริ่มจาก โมเดลง่ายๆก่อน ให้หลายๆคนได้เข้าใจได้ตรงกันก่อน
แล้วก้ค่อยยกตัวอย่างใหญ่ ซัก2 3อัน
ค่อยๆมาอภิปรายกัน

แต่ที่แน่ๆคือ ตัวโมเดลต้องตอบ เงื่อนไขง่ายๆ ชัดๆ ให้ได้ก่อน

ก่อนจะไปพุดถึงอะไรใหญ่ ที่อาจจะมีปัจจัยอะไรอย่างอื่นอีกตั้งเยอะ
และจะไปกันใหญ่

จากคุณ : aLITTLEspaceAround7day
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 12:04:35

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 67

คห 65 อย่าสนใจชื่อเลยครับ หลักการมันคือเรื่อง การแลกปลี่ยนประจุ ตามหลัการของไฟฟ้าสถิตย์ นั่นหละคับ

มันเป็นสิ่งเดียวกัน เหมือนที่ผมบอกว่า แรงโน้มถ่วง แรงดึงดูดระหว่างมวลเป็น มันสิ่งเดียวกันกับ การแลกเปลี่ยนประจุ ครับ

คห 64 คุณก็เกินไปเรื่องประจุบนดวงจันทร์ผมโพสไปแล้ว

http://www.pantip.com/cafe/wahkor/topic/X11795671/X11795671.html

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 12:09:12

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 68

คห 66 ให้ ลงไปดู ระดับ อะตอม ไฮโดรเจนครับ

อิเล็กตรอน กับ โปรตรอนมีประจุขนาดเท่ากัน

แต่คนละขั้ว

โดยที่ประจุเท่ากันนั้น อยู่ในภาวะที่มวลอิเล็กตรอนน้อยกว่าโปรตรอน 1800 เท่า

การมีอยู่ของมวลสารใดๆ ส่วนใหญ่จึงเกิดจาการมีโปรตรอนมากเท่าไหร่

ด้วยเพราะมวลส่วนมากของอะตอมอยู่ในโปรตรอนนั้น

แต่เมื่อมองระดับประจุแล้ว หากมวลต่างกันจริงแต่ ประจุเท่ากัน

ซึ่งขยายสเกลขึ้นมาในระดับมวลสารขนาดใหญ่ขึ้น

ประจุ ในชั่วขณะของมวลสารนั้น จึงมีผลมากกว่า ในการออกแรงกระทำต่อกันกับมวลสารอื่นที่อยู่ห่างใน space

มากว่าขนาดความต่างของมวลสารกระทำต่อกัน กับมวลที่อยู่ห่างกันใน space นั้นครับ

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 12:17:15

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 69

ว่าจะค้านคุณแตงกวาเรื่องชื่อ

ผมเห็นว่า เขามองว่ามันเป็นแรงทางไฟฟ้าเต็มๆเลยล่ะครับ
ซึ่ง ลองสังเกตดูว่า ไม่ว่าเราจะอ้างหลักฐานอะไรเขาจะไม่สนใจเลย หรือไม่ก็ดีเฟนด์โดยยกทฤษฎีต่างๆมายำรวมกัน เอาแต่เนื้อหาที่ support ความคิดเขามาใช้ประโยชน์

อธิบายแบบเขา มองผ่านๆพอได้ แต่พิจารณาลึกลงไปในเรื่องคุณสมบัติของแรงชนิดต่างๆ คุณสมบัติของมวล คุณสมบัติของประจุไฟฟ้า มันหลวมเยอะจนหลายท่านไม่รู้จะเริ่มอธิบายอย่างไรดี

เป็นที่มาของอาการ เงียบ ไปทั้งกระทู้ในตอนแรกๆ... เหมือนเกี่ยงกันว่า เอ็งก่อนดิ เอ็งก่อนดิ ยังไงยังงั้น

สรุปทั้งหมดที่เจ้าของกระทู้กล่าวมาคือ แรงดึงดูด แรงที่คิดกันว่าเป็นแรงโน้มถ่วงแบบนิวตั้น แบบไอนสไตน์ แบบควอนตัม มันก็คือแรงเนื่องจากไฟฟ้าสถิตย์นั่นเอง ใช่ไหมครับ

จากคุณ : Ontjung
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 12:18:22

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 70

คห 69 สรุปทั้งหมดที่เจ้าของกระทู้กล่าวมาคือ แรงดึงดูด แรงที่คิดกันว่าเป็นแรงโน้มถ่วงแบบนิวตั้น แบบไอนสไตน์ แบบควอนตัม มันก็คือแรงเนื่องจากไฟฟ้าสถิตย์นั่นเอง ใช่ไหมครับ

ครับ ตามนั้น ดูที่มาที่ไปจาก คห 68 ด้วยครับ

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 12:20:27

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 71

Ontjung คุณ Get แล้ว ละ

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 12:22:28

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 72

ไปใหญ่แล้ว โอ้ววววว นักวิทยาศาสตร์ไทย

จากคุณ : mint_la
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 13:13:10

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 73

โชดดีชมัดไม่ได้เรียนวิทย์ฯ  
พยายามอ่าน  เพราะคิดว่าไม่มีพื้นฐานอาจจะเข้าใจ
แต่ ... ปวดหัว ปวดตับ ปวดใจ ปวดขมอง

กลับไปอ่านทฤษฏีการจัดวางและวัดแสงดีฝ่า  เผื่อรูปเขียนจะได้เงินล้านกะเขามั่ง ^^

จากคุณ : gift is a present
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 13:24:13

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 74

ผมก็ยังไม่มั่นใจหรอกว่าจะถูก

เพราะมันยังทำได้แค่พยายามอธิบายตามหลักการ

ผมก็จะพยายาม หาข้อบกพร่องของแนวคิดนี้ต่อไป

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 13:29:11

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 75

เห็นมั๊ยล่ะ หนูก็ว่าแล้วว่า เขาแค่เปลี่ยนชื่อเรียกเท่านั้นแหละ

ไม่ว่าคุณจะเรียกว่า แรงไฟฟ้าสถิตย์ แรงประจุระหว่างมวล การแลกเปลี่ยนประจุ หรือแรง ABC อะไรก็ได้
แต่นิวตันเรียกสิ่งเดียวกันนี้ว่า แรงดึงดูดระหว่างมวล

จบ

ปล. คำว่า ประจุ ของเขา มันแค่พ้องเสียงคำว่า ประจุไฟฟ้าที่เรารู้จักกัน
ไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรสอดคล้องกับคำว่าประจุไฟฟ้าที่เรารู้จักกันเลยเจ้าค่ะ
ขั้วบวกขั้วลบก็ไม่มี ถูกผลักให้เบี่ยงเบนโดยสนามไฟฟ้าสนามแม่เหล็กก็ไม่มี
แรงผลักดัน ทางไฟฟ้าก็ไม่มี อะไรๆที่ประจุไฟฟ้าควรมีก็ไม่มี
สรุปว่า มันก็แรงดึงดูดระหว่างมวลนั่นแหละ เพียงแต่เขาเรียกชื่อซะใหม่
ให้มันพ้องเสียงกับปริมาณทางฟิสิกส์เพื่อให้มันฟังดูแนบเนียน ดูเข้าเค้าเท่านั้นเอง

จะเรียกว่าแรง ABC ก็ได้ ก็มีค่าเท่ากัน แต่นิวตันเรียก แรงดึงดูดระหว่างมวล แค่นั้นเอง จบข่าว

จากคุณ : แ ต ง ก ว า *
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 13:37:03

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 76

ไม่ไม่ใช่ มันไม่ใช่แรงดึงดูด แ ต ง ก ว า * ยังไม่ get

แ ต ง ก ว า * ยังไม่เปิดใจรับความคิดใหม่

จากคุณ : WindMaster
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 14:44:26

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 77

ผมเห็นด้วยกับการมีแนวคิดใหม่ๆ แหวกแนว จะได้ไม่หยุดอยู่กับที่

แต่ผมก็ยังมองความเป็นไปได้ไม่ออกว่า ผมยืนอยู่บนโลกนี้ได้อย่างไรด้วยแรงจากไฟฟ้าสถิตย์ เพราะผมกับโลกสัมผัสกันอยู่ตลอด ประจุในตัวผมจึงเท่ากับโลก ผมไม่น่าจะโดนโลกดูดไว้เพราะขั้วเดียวกัน

ถ้าเป็นระดับดวงดาวที่อยู่ไกลกัน ยังพอเป็นไปได้ว่า เพราะอยู่ไกล อวกาศเป็นฉนวนด้วย จึงหมดสิทธิ์ถ่ายโอนประจุระหว่างกัน ดาวแต่ละดวงจึงมีประจุต่างกันไป ถ้าประจุสะสมมากเกินไปก็อาจเกิดฟ้าผ่าระหว่างดวงดาว ซึ่งผมเชื่อว่ายังไม่มีปรากฎการณ์นี้ให้เห็น

แนวคิดคล้ายๆนี้ที่ผมเคยบอกว่าเคยอ่านในหนังสือชัยพฤกษ์วิทยาศาสตร์ ในหนังสือเขาไม่ได้ปฏิเสธแรงดึงดูดระหว่างมวล แต่เขาพยายามอธิบายการหมุนของกาแลคซี่โดยใช้แรงแม่เหล็กไฟฟ้าแทนที่จะอธิบายด้วยสสารมืดที่เรารู้กันอยู่ว่าคลุมเครือ(จนได้ชื่อว่ามืด)

โดยในเนื้อหาจะเปรียบเทียบว่า กาแลคซี่ทำตัวเสมือนไดนาโม ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาคิดเช่นนั้น เพราะ ตอนอ่านยังเด็กอยู่ และถึงตอนนี้ก็ลืมไปแล้วจำได้แค่ที่เล่ามา

จากคุณ : ช่างบ้านนอก
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 16:06:42

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 78

ผมคิดว่าถ้าจะให้เลิกเถียงกันได้ สิ่งที่คุณต้องทำคือ

เขียนสมการ หรือกฏออกมาเป็นสิ่งที่จับต้องได้มากกว่าคำพูด เช่นสมการที่อธิบาย หรือกฏแบบที่นิวตันเคยตั้งกฏของนัวตัน

แบบนี้มันก็ดูแถไปเรื่อยๆน่ะครับ

จากคุณ : Shineokung
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 16:48:21

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 79


ขอติชมหน่อยนะ

เอาชมก่อน...คือ อยากชม จขกท ว่า ขยันคิด  และใจเย็นมาก ในการอธิบายความคิดให้เพื่อนๆ

และ ติ ต่อท้ายนิด ว่า คุณ จมอยู่ในจินตนาการของคุณมากไปหน่อย
คุณจึงไม่พยายามหาความรู้เพิ่ม ในสิ่งที่เพื่อนหลายคนพูดถึง
คือ
คุณสมบัติของไฟฟ้า
คุณรู้เรื่องประจุ(บ้าง)  และรู้เรื่องไฟฟ้าสถิตย์(เนื่องจากมองเห็นผลของมัน)
คุณต้องทำความเข้าใจด้วยว่า
ประจุ  กับ ไฟฟ้าสถิตย์ มันสัมพันธ์กันอย่างไร
อิเลคตรอน(และ โปรตอน) กับประจุ  มันสัมพันธ์กันอย่างไร

มวลของโปรตอน ที่มากกว่า อิเลคตรอน 1800 เท่า  
มวลคืออะไร ?

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 18:02:40

จากคุณ : sb*star
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 18:00:49

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 80

เห็นด้วยกับ #51 และ #52 ครับ
และคุณ WindMaster ตอบสาเหตุที่ผมไม่ได้ร่วมวงไว้เรียบร้อยแล้ว

จริงๆผมเอง ไ่ม่สิ ผมกับเพื่อนผมก็มีทฤษฏีเกี่ยวกับแรงแปลกๆอยู่อันนึง ซึ่งมีกำเนิดมาจากนิยาย(แฟนตาซีอีกต่างหาก)ของผมเอง
ทั้งหมดเริ่มจากผมแค่ต้องการให้อนุภาคชนิดเดียวกัน "ดูดกัน" และตรงข้ามกัน "ผลักกัน" ดูง่ายๆ แต่ไม่ง่ายเอาซะเลย
เพราะมันจะก่อปัญหาอย่างร้ายแรงเกี่ยวกับสนามรอบๆมัน

ผมกับเพื่อน(ซึ่งมันเก่งกว่าผมเยอะ) พัฒนาแบบจำลองสนามชนิดใหม่ขึ้นมา ซึ่งไม่น่าตรงกับแบบจำลองใดๆหรืออะไรก็ตามที่มีอยู่ในจักรวาลเท่าที่ผมทราบ
นั่นก็แค่หลักในนิยาย
แต่เพื่อนผมมันดันเอาไปคิดต่อ และพบว่ามันดูจะทำอะไรได้เยอะกว่าที่คิดเอาไว้มากๆเลย
จนถึงตอนนี้เพื่อนผมมัน proof สมการออกมาจากแบบจำลองนี้ได้เหมือนสัมพัทธภาพพิเศษเป๊ะๆ
แถมมีแนวโน้มว่าแบบจำลองนี้สนับสนุนแนวคิดเทนเซอร์ ซึ่งใช้ในมิติระดับสูงอีกด้วย

ที่สำคัญกว่านั้นคือ ดูๆแล้วในแบบจำลองนี้ แรงทั้ง 4 เป็นเพียงผลการรวมกันของอนุภาคประหลาดที่ว่าันั่น ซึ่งในเงื่อนไขอื่น(จักรวาลอื่น)สามารถเกิดอันตรกิริยาที่มีสมบัติต่างออกไปได้
แบบจำลองสนับสนุนสนามฮิกซ์ แต่ไม่สนับสนุนการมีอยู่ของกราวิตอน(เพราะสังเกตไม่ได้) แต่คลื่นโน้มถ่วงสามารถมีจริงได้
ตัวอันตรกิริยาของอนุภาคสนับสนุนกฎความไม่แน่นอนไปในตัว(แบบจู่ๆ้ก็โผล่มา เกินคาดมากเลย)
บลาๆๆ

ผมไม่ได้บอกว่าแบบจำลองนี้เลอเลิศนะ มันอาจเป็นความฟลุ๊กต่อเนื่องก็ได้ จะมีอะไรผิดก็ยังไม่รู้
ตอนนี้เพื่อนผมมันเตรียมเอาแบบจำลองนี้ทำเป็น thesis ป.โทฟิสิกส์ อีกปีสองปีคงมี paper ออกมา

ผมบ่นตรงนี้ไปทำไม?
แค่อยากบอกคุณ think4223 ว่าแนวคิดใหม่หรือนอกกรอบมีได้เสมอ เพียงแต่ไม่ใช่ว่าคุณดึงๆข้อมูลต่างๆจากหลายๆที่มารวมกัน
และคุณคิดว่ามันเวิร์ก โดยยัง "ไม่ผ่านการ proof ทางคณิตศาสตร์" มันก็ยังเป็นแค่ิแนวคิด ไม่ใช่ทฤษฏีทางฟิสิกส์ด้วยซ้ำไป
การเล่นกับฟิสิกส์มูลฐานน่ะเป็นเรื่องยาก และฟิสิกส์มูลฐานไม่จำเป็นต้องมีการเปรียบเทียบว่าไอ้นี่เปรียบเหมือนไอ้นั่น หรือไอ้โน่นเปรียบเหมือนอะไร
ตัวแบบจำลองที่พัฒนาขึ้นมาต่างหากที่จะเป็นตัวบอก สมการที่คุณได้ออกมามันจะบอกเองว่ามันเข้าท่าหรือไม่โดยไม่ต้องเปรียบเทียบให้งงอะไรเลย

ไว้ว่างๆผมจะเอาแนวคิดนั่นมาพูดถึงบ้างก็แล้วกัน พอดีผมก็ยังไม่ได้เข้าใจมันดีพอ ณ ตอนนี้

 
 

จากคุณ : ECOS (thelegendofm)
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 18:17:42

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 81

หวังว่าคุณ think4223 จะมาถึงตรงนี้ได้ เืมื่อคุณได้สมการมา ทีนี้จะทำอะไรได้อีกมาก
ไปจนถึงแบบจำลองคอมพิวเตอร์เลยล่ะ

อันนี้หน้าตาสมการแนวคิดใน #80 ของเพื่อนผม

 
 

จากคุณ : ECOS (thelegendofm)
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 18:18:56

ความคิดเห็นที่ 82 ติดต่อทีมงาน

กระทู้แรกๆมีแต่ผมเถียง     คนมาแจมเยอะแระ   สนุกกันมั้ยครับ

จากคุณ : Meredith R. McKay
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 18:21:48

ความคิดเห็นที่ 83 ติดต่อทีมงาน

ทฤษฎีใหม่ต้องอธิบายทฤษฎีเก่าได้  เช่น แบบทฤษฎีสัมพัทธภาพ สามารถอธิบาย กลศาสตร์นิวตัน ได้อย่างครบถ้วน ว่าเกิดขึ้นในกรณีความเร็วต่ำกว่าแสงมากๆ

หรือ ทฤษฎี Wave–particle duality    อธิบาย ปรากฎการณ์โฟโต้อิเล็กทริก หรือการแทรกสอดของอิเล็กตรอนได้

จากคุณ : Meredith R. McKay
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 18:27:46

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 84

สำหรับผมมันคือแนวคิดเพียวๆครับ

ผมไม่เก่งคณิตศาสตร์คงยากจะเขียน เป็นสมการให้อ่านเข้าใจง่าย

เอาเป็นว่าอ่านหลักการกันไปก็แล้วกันครับเชื่อไม่เชื่ออธิบายไม่อธิบายเหตการณ์ ได้หมดไม่หมดก็ ลองดูครับ

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 18:46:06

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 85

จริงๆ ผมก็ดูคลิปที่สอนเกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนประจุ ของการเกิดไฟฟ้าสถิตย์

ก็พอทำให้นึกออกไปยังเรื่องราวต่างๆรอบๆตัวว่า สามารถจะนำปรากฏการณ์ พื้นฐานของธรรมชาตินี้ ไปอธิบายปรากฏการร์ต่างๆ ที่เรายังบอกไม่ได้บ้าง

สำหรับ แตงกวา แรงดึงดูดระหว่างมวล นี่แหละต้นเหต แรงโน้มถ่วง ที่ถามหากัน

แล้ว ระหว่างมวลมันดึงดูดด้วยกระบวนการใดกันเล่า ซึ่งตรงนี้ตะหากที่สำคัญ

แท้จริงกระบวนการนั้น คือการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้ากันระหว่างมวลที่ต่างประจุกันนั่นเอง

ที่ทำให้ มวลเคลื่อนเข้าหากันได้ แล้วเราก็เรียกมันว่า แรงโน้มถ่วงระหว่างมวล

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 18:54:49

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 18:53:39

ความคิดเห็นที่ 86 ติดต่อทีมงาน

ถ้า โลกและดวงจันทร์ ต่างก็มีประจุไฟฟ้า และดึงดูดกันแบบไฟฟ้าสถิตย์ แบบที่ คุณ think4223 ว่ามา

1. ตามทฤษฎีแม่เหล็กไฟฟ้าของMaxwell บอกว่า อนุภาคที่มีประจุไฟฟ้าเคลื่อนที่เป็นแนวโค้ง จะมีการศูนย์เสียพลังงาน และปลดปล่อยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา และวงโคจรของดวงจันทร์จะแคบเรื่อยๆและจะเข้าชนโลกในที่สุด

ในขณะที่ทฤษฎีDiracบอกว่า อิเล็กตรอนประพฤติตัวเป็นคลื่นนิ่งโคจรรอบนิวเคลียส (ซึ่งในปัจจุบันก็พบว่าอิเล็กตรอนประพฤติตัวแบบคลื่นได้) จึงไม่สูญเสียพลังงาน    

แต่โลกและดวงจันทร์ นั้นประพฤติตัวเป็นคลื่นแบบอิเล็กตรอน ได้จริงหรือ  ทำไมจึงไม่มีการสูญเสียพลังงานเนื่องจากการแผ่รังสีแม่เหล็กไฟฟ้า

2. ทฤษฎีคุณ  think4223 อธิบายว่าอย่างไร ว่าแสงมีการโค้งรอบวัตถุมวลมากๆได้อย่างไร   ตรงนี้มีการพิสูจน์แล้วว่า แสงมีการโค้งได้จริง

จากคุณ : Meredith R. McKay
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 19:32:22

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 87

ยินดีที่ได้อ่านครับ

บอกตรงๆว่าผมก็มีแนวคิดคล้ายๆ เจ้าของกระทู้
ว่า อิเล็คตรอน นี่แหละมันคือ key ของแรง ที่ไม่ใช่แรงนิวเคลียร์

จากคุณ : น้ำนอง
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 20:15:45

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 88

กระบวนการที่มวลดูดมวลนั้น จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครชี้ชัดลงไปได้แจ่มแจ้ง
ซึ่งก็มีทฤษฎีมากมายถูกเสนอออกมา แต่ก็ยังไม่มีอันไหนที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการ
แม้แต่เรืองอนุภาค graviton นี่ก็ยังไม่ได้รับการพิสูจน์สักเท่าไหร่

ทฤษฎีของ จขกท. ออกมาบอกว่า มันคือการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้า

ซึ่งฟังแล้วก็แหม่งๆ มีข้อสงสัยโต้แย้งมากมาย

อย่างที่คุณข้างบนนี้ถามว่า แสงเลี้ยวโค้งเข้าหามวลขนาดใหญ่ๆเนี่ย มันแลกเปลี่ยนประจุกันยังไงมิทราบ

แล้วหนูถามมาหลายรอบว่า ประจุของคุณเนี่ย มันมีขั้วรึป่าว มันดูดกัน ผลักกันด้วยรึป่าว รึว่าดูดอย่างเดียว
มันเบี่ยงเบนได้ด้วยสนามไฟฟ้า/สนามแม่เหล็กรึป่าว วานช่วยบอกหน่อยนะเจ้าคะ

ถ้ามันไม่มีคุณสมบัติข้างต้น รบกวนขอให้เลิกเรียกมันว่า ประจุไฟฟ้าซะที เพราะมันไม่ใช่คุณสมบัติของประจุไฟฟ้าเลย
คุณจะเรียกมันว่า อนุภาคABC หรือ แรงXYZ หรือ สนามQWERTY หรือคลื่นZXCV หรืออะไรก็ได้ แต่ไม่ใช่ประจุไฟฟ้า ไม่ใช่ไฟฟ้าสถิตย์

เลิกใช้คำพูดที่ชวนให้สับสนกับสิ่งที่มันมีอยู่แล้วเสียทีเจ้าค่ะ

หรือถ้าคุณคิดว่า มันเป็นตัวเดียวกัน ก็รบกวนช่วยแจงให้ละเอียดว่า ประจุของคุณ กับประจุไฟฟ้าที่เราเรียนๆกันมา
มันมีคุณสมบัติเหมือนกัน และต่างกันตรงไหนบ้าง ทำไมถึงคิดว่าเป็นตัวเดียวกัน

จากคุณ : แ ต ง ก ว า *
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 20:17:13

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 89

คห 85
ถามมาว่า.........แล้ว ระหว่างมวลมันดึงดูดด้วยกระบวนการใดกันเล่า ?
(คุณแตงกวาตอบไปแล้ว ใน คห 88)

ถามคุณ think4223 กลับว่า
......ระหว่าง อิเลคตรอน และโปรตอน (หรือ ประจุลบ กับ ประจุบวก) มันดึงดูดกันด้วยกระบวนการอะไร ?
__________________________

คห 88
เท่าที่อ่าน จขกท บรรยายมา
พอสรุปได้ว่า  จขกท หมายถึงประจุไฟฟ้า จริงๆ
เนื่องจาก จขกท เห็นผลของแรงดึงดูดระหว่างประจุ(ลบ และ บวก) ได้ชัดเจน(จากการทดลอง)
และสรุปเอาว่า มีแรงชนิดนี้เพียงอย่างเดียวเป็นพื้นฐานของแรงดึงดูดอื่นๆ

จากคุณ : sb*star
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 21:58:01

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 90

^
^
^

ตามนั้นครับ เจ้าของกระทู้อ้างคลิปการทดลองแรงเนื่องจากไฟฟ้าสถิตย์เสมอมา ติดต่อกันหลายกระทู้แล้วครับ

จากคุณ : Ontjung
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 22:46:01

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 91

ผมว่าคุณแตงกวาพูดได้ตรงประเด็นมากๆ โดยเฉพาะใน #88

การที่คุณอ้างว่า "ประจุไฟฟ้า" เดิม กับ "ประจุไฟฟ้า" ที่คุณนิยามมันเป็นตัวเดียวกัน แปลว่ามันต้องมีคุณสมบัติเดียวกันด้วยนะครับ

ถ้ามันไม่ได้มีคุณสมบัิติเดียวกัน ไม่ผลักกัน ไม่เลี้ยวเบน ก็แปลว่าคุณพบอนุภาคใหม่ แต่ดันไปตั้งชื่อซ้ำกับของเดิมเท่านั้นเอง ต่อให้อนุภาคใหม่นั้นมันทำงานเหมือนการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้า มันก็ไม่ใช่ประจุไฟฟ้านะครับ (ซึ่งถ้านับเรื่องมันทำงานยังไง มีการแลกเปลี่ยนอนุภาคเหมือนไฟฟ้ามั้ย ถ้าไม่ทดลองก็ไม่มีใครรู้ซะด้วย เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีใครเคยสามารถวัดการแลกเปลี่ยนอนุภาคระหว่างโลกกับดวงจันทร์ในระดับคงที่สม่ำเสมอจนเป็นแรงดึงดูดได้มาก่อนเลย)

แต่ถ้า จขกท. คิดว่าจิงๆ แล้วแรงระหว่างมวลเป็นแรงจากประจุไฟฟ้าตัวเดิมที่เรายังคำนวนไม่ได้ คุณก็ต้องพิสูจน์สมการที่สามารถคิดแรงได้โดยมันแปรผันตาม Property บางอย่างของประจุไฟฟ้าเดิม เพราะถ้าแรงเสี้ยวเล็กๆ ที่เรียกว่าแรงระหว่างมวล มันเกิดจากประจุไฟฟ้าเดิม มันก็ต้องคำนวนได้จากประจุไฟฟ้าเดิมโดยไม่สนใจว่าวัตถุนั้นจะมีมวลเท่าไหร่หน้าตาเป็นไงใช่มั้ยล่ะครับ เพราะมวลไม่มีผล มีแต่ประจุเท่านั้นที่มีผล

แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 23:58:16

จากคุณ : Mariel
เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 23:55:57

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 92

ไม่กี่ปีก่อน ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าผลของแรงดึงดูดนั้นมีผลเท่ากับความเร็วแสง อันนี้ก็เกิดความเร็วการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าแล้ว จขกท เหมือนจะชอบเรื่องวิทยาศาสตร์นอกกรอบ
คนเราจะคิดนอกกรอบได้ ความรู้ พฐ ต้องแน่นซะก่อนนะ ไม่งั้นมันดูเพ้อๆอะครับ

จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 02:31:49

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 93

คห 92 อิเล็กตอน ในกระบวนการแลกเปลี่ยน มันเดินทาง ผ่าน space เร็วเกือบเท่าแสงนะครับ

อิเล็กตรอน ของธาต หนักเช่น ยูเรเนี่ยม เวลาหลุดจากวงโคจรรอบนิวเคลียสนั้น เร็วเกือบเท่าแสง

ความเร็วที่อะตอมบางสารหลุด ออกจากวงโคจรเร็วแค่ไหน อ้างอิงจากนี่ครับ

Electrons can have a wide range of speeds. A slow case: we know that electrons move when there is a current flow in a wire, but the speed at which the electrons themselves move in the wire - the so-called electron drift velocity - surprises most people. For example, for a copper wire of radius 1 mm carrying a steady current of 10 Amps, the drift velocity is only about 0.024 cm/sec! On the fast side: the Bohr model of the hydrogen atom has the (bound) electron zipping around the nucleus at about 2 million meters/sec. And on the very fast side, some examples are: beta particles, which are emitted by some radioactive materials; and the innermost electrons of atoms of elements having large atomic number, such as Uranium. In these cases, the electrons are traveling at very nearly the speed of light. (about 300 million meters/sec). [from http://newton.dep.anl.gov/askasci/phy99/phy99092.htm ]

and the innermost electrons of atoms of elements having large atomic number, such as Uranium. In these cases, the electrons are traveling at very nearly the speed of light. (about 300 million meters/sec)

หากการแลกเปลี่ยนประจุของมวลสาร คือแรงดึงดูดระหว่างมวล ดังนั้นแรงดึงดูดระหว่างมวลจึงเร็ว ใกล้แสงครับ

คห 91 และ คห 86 ข้อ 2 ยอมรับกันตรงนี้ไหมว่า แสง เป็น ทั้ง อนุภาค และคลื่อนแม่เหล็กไฟฟ้า

คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็คือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า มีความยาวคลื่น ไม่ว่าจะระดับ คลื่นวิทยุความถี่ต่ำ จนถึงคลื่นแสงหรือไปจนถึงแกมม่า ก็มีคุณสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

หากความถี่มันตรงกัน และเฟสมันหักล้างกันมันก็ ลดทอนเชิงกำลังกันได้ แต่โอกาสเกิดได้น้อยมาก

มันก็แค่ความเป็นไปได้นึงเท่านั้น อ้างอิง

http://helios.gsfc.nasa.gov/qa_gp_ls.html

15.Magnetic Fields and Light

I recently read that the magnetic fields found in pulsars are strong enough to change the vacuum index of refraction. Does this mean that it is possible to use magnetic fields to bend light? I thought that the vacuum index of refraction couldn't be changed. How does this mechanism work?

**Yes, the vacuum index of refraction can change. This is a consequence of quantum field theory, where virtual electron-positron pairs result from vacuum fluctuations. These e-p pairs cause a virtual polarization of the vacuum, which can then change the index of refraction.

Recent work also shows that a strong magnetic field can affect the vacuum polarization through its effect on the e-p pairs. This then changes the vacuum index of refraction. This of course then implies that light rays can be bent by the influence of the magnetic field.

I do not know of any experimental verification of this effect.

Dr. Randy Jokipii
(November 2003)

งานล่าสุดยังแสดงให้เห็นว่าสนามแม่เหล็กที่แข็งแกร่งสามารถส่งผลกระทบต่อโพลาไรซ์สูญญากาศผ่านผลกระทบต่อคู่ EP นี้แล้วการเปลี่ยนแปลงดัชนีสูญญากาศของการหักเห นี้แน่นอนแล้วก็หมายความว่า แสง สามารถดัดโค้งโดยอิทธิพลของสนามแม่เหล็ก

แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 55 09:41:32

แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 55 09:30:45

แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 55 09:20:51

แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 55 07:55:57

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 07:54:26

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 94

ยังต้องศึกษาสมบัติของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าอีกนะครับ
เขาพูดถึงการเลี้ยวโค้งของแสง(คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า)

จากคุณ : Ontjung
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 09:19:31

ความคิดเห็นที่ 95 ติดต่อทีมงาน

มีลิงค์มั้ยครับ

แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 55 09:55:21

จากคุณ : Meredith R. McKay
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 09:52:30

ความคิดเห็นที่ 96 ติดต่อทีมงาน

อ้อๆ เห็นล่ะๆๆ

จากคุณ : Meredith R. McKay
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 09:56:21

ความคิดเห็นที่ 97 ติดต่อทีมงาน

คำอธิบายด้านบน ยังไม่ได้อธิบายถึงการโค้ง รอบมวลน่ะครับ

แสงหักเห เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงดรรชนีการหักเหของสุญญากาศ ไม่ได้การันตีว่าแสงมันจะโค้งรอบมวลน่ะครับ

อ้อแล้วยังไม่ได้ตอบคำถาม ข้อที่1 ของผมน่ะ

จากคุณ : Meredith R. McKay
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 10:00:28

ความคิดเห็นที่ 98 ติดต่อทีมงาน

อันนี้แสงโค้ง เพราะมี gradient ของ refractive indices

จากคุณ : Meredith R. McKay
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 10:07:53

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 99

ตกลงคุณแตงกวา 'ไม่ยอม' แล้วใช่ไหมครับ

จากคุณ : หมอเถื่อน
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 12:36:47

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 100

ไม่นับเกือบเท่าสิครับ นับที่มันเท่า ไม่งั้นนิวตริโน เองก็เกือบเท่าแสง แต่มันไม่ใช่ความเร็วแสงครับ

จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 16:42:46

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 101

ตอนนี้ ผมยกให้แสง เร็วที่สุดอยู่นะ

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 18:44:10

ติดต่อทีมงาน
ความคิดเห็นที่ 102

คห 98 จริงๆแล้วแสงเองก็โค้งได้ในหลายๆตัวแปร แต่ใน ตัวแปรอวกาศคงต้องหากันต่อไป

แก้ไขเมื่อ 09 มี.ค. 55 18:56:31

จากคุณ : think4223
เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 18:49:50


ข้อความหรือรูปภาพที่ปรากฏในกระทู้ที่ท่านเห็นอยู่นี้ เกิดจากการตั้งกระทู้และถูกส่งขึ้นกระดานข่าวโดยอัตโนมัติจากบุคคลทั่วไป ซึ่ง PANTIP.COM มิได้มีส่วนร่วมรู้เห็น ตรวจสอบ หรือพิสูจน์ข้อเท็จจริงใดๆ ทั้งสิ้น หากท่านพบเห็นข้อความ หรือรูปภาพในกระทู้ที่ไม่เหมาะสม กรุณาแจ้งทีมงานทราบ เพื่อดำเนินการต่อไป



Pantip-Cafe | Pantip-TechExchange | PantipMarket.com | Chat | PanTown.com | BlogGang.com