ความคิดเห็นที่ 1 สมัยพระนเรศวรเข้าใจว่าเป็นกองทหารสหประชาชาติเลยทีเดียว นอกจากญี่ปุ่นแล้วก็ยังมีชาติอื่นๆ อีกเข้าใจว่าบางกลุ่มบางชาติก็เป็นทหารรับจ้าง ใครจ้างมาก็ไปรบให้ ลองเอาคำถามนี้ไปถามในห้องประวัติศาสตร์น่าจะได้รับคำตอบมากกว่านี้ จากคุณ : อากิระ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 13:13:53 A:125.27.61.137 X: TicketID:107410

ความคิดเห็นที่ 2 ***     ในสมัยที่ "สมเด็จพระเนรศวร" ทรงออกรวบรวมไพร่พลเพื่อทำสงครามประกาศเอกราชจากพม่านั้น  เป็นช่วงเวลาหลังจากยุค "เซนโกกุ" ของญี่ปุ่นได้จบสิ้นลงไปไม่นานนักครับ  กล่าวคือในปี "ค.ศ.1600" นั้นได้เกิดสงครามกลางเมืองครั้งใหญ่ขึ้นในญี่ปุ่น  โดยความขัดแย้งนั้นได้บานปลายจนเกิดเป็นขั้วอำนาจสองฝั่งอันได้แก่กองทัพฝ่ายตะวันตกซึ่งมี "อิชิดะ มิตสึนาริ" เป็นแกนนำกับกองทัพฝ่ายตะวันออกซึ่งมี "โตกุกาว่า อิเอยาสึ" เป็นหัวหอก (โรนินชื่อดังอย่าง "มิยาโมโตะ มูซาชิ" ก็ได้เข้าร่วมในสงครามครั้งนี้ด้วยในตำแหน่งทหารเลว)       และพอสงครามจบลงด้วยชัยชนะของ "โตกุกาว่า" ซึ่งได้สถาปนาตนเองขึ้นมาเป็นโชกุนของญี่ปุ่น  ทำให้บรรดาไดเมียวเจ้าแคว้นต่าวๆของฝ่ายตะวันตกที่เคยเข้าร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่กับ "มิตสึนาริ" ถูกฝ่าย "โตกุกาว่า" ตามไล่เช็คบิลกันอย่างถ้วนหน้า  ทำให้เหล่าขุนศึกและซามูไรจำนวนมากต้องผันตัวกลายเป็นโรนิน(ซามูไรไร้นาย)  ซึ่งโรนินพวกนี้บางส่วนก็หลบลี้หนีภัยสงครามมารับราชการเป็นทหารอาสาใน "กรุงศรีอยุธยา" นั่นเองครับ (โรนินที่คนไทยน่าจะรู้จักกันดีคือ "ยามาดะ นางามาสะ" ซึ่งมารับราชการที่อยุธยาจนได้ตำแหน่งเป็นถึง "ออกญาเสนาภิมุข" ) (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน แก้ไขเมื่อ 08 มี.ค. 55 23:54:45 จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 13:51:42

ความคิดเห็นที่ 3 ลองถามอากู๋ดู ได้ตามเวบนี้นะครับ http://www1.mod.go.th/heritage/nation/military/volunteer/index1.htm จากคุณ : Water Boy เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 13:59:31

ความคิดเห็นที่ 4 ทหารอาสาต่างชาติของอยุธยา มีทั้ง จีน ญี่ปุ่น ทหารเปอร์เซีย อาเมเนีย แขกมัวร์ จาม เขมร มาลายู โปรตุเกส ฝรั่งเศส ฮอลันดา ฯลฯ สมัยอยุธยาก็เหมือนกรุงเทพตอนนี้แหละครับ ต่างกันแค่เมื่อก่อนมาลงหลักปักฐานอาศัยอยู่กันเป็นชุมชนเลย ไม่ได้แค่มาท่องเที่ยว แลกกับการเป็นกองกำลังสนับสนุนยามสงครามแทนการจ่ายค่าวีซ่า จากคุณ : Charlesano เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 14:15:35

ความคิดเห็นที่ 5 ช่วงนั้นที่ญี่ปุ่นมีภัยสงครามยุคเซนโคคุ ประสบภาวะอดอยากแร้นแค้นทั่วหย่อมหญ้าเหล่าโรนิน ที่ตกยากจึงลี้ภัยหลบร้อนมาพึ่งเย็น ณ แผ่นดินสุวรรณภูมิหวังมาพึ่งพิงพระบรมโพธิสมภารของ กษัตริย์โยเดีย โดยอาสาเป็นทหารขายชีวิตฝีมือแลกกะปลาส้มและสาโท ซึ่งต่อมาได้กลายเป็น ซูชิและสาเกที่เรารู้จักกันถึงทุกวันนี้แล ดังนั้นเราจึงควรให้กระทรวงวัฒนธรรมยื่นฟ้องUNสิทธิบัตรภูมิปัญญาบรรพบุรุษไทยให้ลูกหลาน ภาคภูมิในความยิ่งใหญ่ของเรา จากคุณ : Kuroro Lucifer เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 14:49:42

ความคิดเห็นที่ 6 ข้างบนนี่จริงรึเปล่า เชื่อไป 50% แล้วนะ จากคุณ : direct3dx เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 14:56:24

ความคิดเห็นที่ 7 #5 เอาเรื่องที่รับแบบการเผา  ถ้วยชาม สังคโลก ไปด้วย จากคุณ : himajin006 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 15:05:11

ความคิดเห็นที่ 8 ญี่ปุ่นเอาเทมปุระมาจากโปรตุเกส ซูชิและสาเกจากอยุธยา อาหารอีกหลายชนิดจากจีน แต่มีการปรับปรุงพัฒนาให้เข้ากับรสนิยมของคนญี่ปุ่น จนกลายเป็นวัฒนธรรมญี่ปุ่นไป จากคุณ : ..... เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 15:20:26 A:115.87.178.120 X: TicketID:327013

ความคิดเห็นที่ 9 จากคห. ๕ จริงหรือเปล่าเนี่ย ผมอ่านถึง คห. ๘ ผมเชื่อเกิน ๕๐% แล้วนะ จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 15:35:31

ความคิดเห็นที่ 10 ซูชิจากอุบลราชธานี เราดูในกบนอกกะลา อิอิ จากคุณ : ปอจ๋าจ้ะ เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 15:43:55

ความคิดเห็นที่ 11 ^ ^ ^     เรื่อง "ซูชิ" ได้รับอิทธิพลมาจากอาหารในอาเซี่ยนนี่เป็นเรื่องจริงครับ  โดยซูชิสมัยแรกๆจะไม่มีข้าวเหมือนทุกวันนี้แต่ใช้ปลาไปหมักกับข้าวเรียกว่า "ฟูนะซูชิ"  แต่ที่ไม่จริงคืออาหารแนวนี้มีมาก่อนที่บรรดาโรนินชาวญี่ปุ่นจะลี้ภัยสงครามมารับราชการที่กรุงศรีอยุธยาในสมัย "พระนเรศวร" อีกครับ (ความจริงคือแนวความคิดนี้แพร่หลายจากแถบอาเซี่ยนไปยังจีนและค่อยไปญี่ปุ่นครับ)  ส่วนเ้รื่อง "สาเก" นั้นไม่จริงเลยครับเพราะญี่ปุ่นรับเอาวัฒนธรรมการ "หมักข้าวให้เป็นเหล้า" มาจากชาวจีนเป็นเวลานมนานหลายร้อยปีก่อนหน้านั้นแล้วครับ **รูปของ "ฟูนะซูชิ" ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นต้นกำเนิดของ "ซูชิ" ที่เห็นกันในปัจจุบันนี้ครับ  โดยประเทศไทยเราจะเรียกเมนูแนวๆนี้ว่า "ปลาส้ม" นั่นเอง (แต่รสชาติและขั้นตอนการหมักจะไม่เหมือนกัน)** (May the Spoil be wiuth you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 15:59:08

ความคิดเห็นที่ 12 ก็เห็นอยุธยามีหมู่บ้านญี่ปุ่นเป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วยหนิ จากคุณ : Moonui เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 16:09:05

ความคิดเห็นที่ 13 มีเรือสำเภาญี่ปุ่นเข้ามาค้าขาย ตั้งแต่สมัยพระราชบิดาสมเด็จพระนเรศวรแล้ว และมีพวกนักรบ(ตาม คห.ข้างบนเล่าไว้) โดยสารเรือมาด้วย แต่ไม่ได้ติดต่อหรือส่งทหารมาช่วยแบบรัฐ ต่อ รัฐ แต่เป็นไปในรูปบุคคลเข้ามาอาสารับราชการเป็นรายๆ ไปจ๊ะ จากคุณ : kanetp007 เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 16:15:11

ความคิดเห็นที่ 14 ...เหล้าของริวกิวต้องใช้ข้าวจากไทย จากคุณ : LegalisM เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 16:58:16

ความคิดเห็นที่ 15 เรื่องของเรากับชาวญี่ปุ่น ที่อยุธยา จบไม่สวยครับ ชาวญี่ปุ่นก่อการกบฏ จนถูกขับออกจากอยุธยา นับแต่นั้น ชุมชนชาวญี่ปุ่นก็ล้างลงไป ครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 16:59:26

ความคิดเห็นที่ 16 ครับ จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 18:32:52 A:14.207.209.151 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 17 พอมาถึงสมัยพระนารายณ์มหาราชทรงไม่โปรดคนญี่ปุ่น จึงมีนโยบายกำจัดและกวาดล้างคนญี่ปุ่นจนญี่ปุ่นก่อการกบฏ จนมาถึงพระเพทราชาถูกทหารซามูไรญี่ปุ่นบุกถึงห้องว่าราชการจับเหล่าขุนนางไทยและถึงตัวพระเพทราชาเอาดาบฟันจนเลือดตกเป็นทาง สุดท้ายก็โดนเหล่าแม่ทัพไทยกวาดล้าง เป็นอันสิ้นสุดไป จากคุณ : harvardวิทยาคม เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 18:42:18

ความคิดเห็นที่ 18 ซูชิ เอามาจากปลาส้ม แต่เพราะหมักไม่ทัน เลยใช้ข้าวหุงกับน้ำส้มสายชูซะเลย สาเก เอามาจากกระแช่ ตอนนี้ สาเกยังต้องสั่งข้าวหอมมะลิไทยไปทำเลย ทั้งสองอย่างนี้มาจากริวกิว ที่สมัยนั้นเป็นคู่ค้ารายใหญ่กับอยุธยา แต่เรื่องเครื่องชามสังคโลก ไม่ใช่นะ ญี่ปุ่นเรียนรู้การเผาจากจีนโดยตรง นานมากแล้ว จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 8 มี.ค. 55 19:18:35

ความคิดเห็นที่ 19 สมัยอยุธยาก็มีทหารไทยรบให้พม่า สมัยบุเรงนองก็มีทหารไทยเป็นราชองค์รักษ์ เฝ้าประตูเมือง เป็นทหารม้า บางพวกก็อพยพจากไทยไปพึ่งบรมโพธิสมภารกษัตริย์พม่า กรุงศรีอยุธยาแตก ทหารในกองทัพพม่าส่วนหนึ่งก็เป็นคนไทยจากตอนเหนือที่ถูกเกณฑ์เข้าเป็นทหารในกองทัพพม่า จากคุณ : เบื่อเหลือทน เขียนเมื่อ : 9 มี.ค. 55 19:42:18

ความคิดเห็นที่ 20 สมัย ละโว้ ก็มี ลูกโชกุล มาเรียน ตั้งหลาย คน ยุคนั้น เมือง ละโว้โด่งดัง มาก ^^ จากคุณ : GulpLITOL เขียนเมื่อ : 10 มี.ค. 55 02:41:42