ตอบทีหลายประเด็นหน่อยนะครับ
ผมไม่เห็นด้วยนะว่า Gripen ไม่มี AWAC แล้วจะสู้ Su-30 MKM ไม่ได้ ที่คิดแบบนั้นเพราะเรื่องเรดาร์กับจรวดหรือเปล่าครับ ???
เรื่องเรดาร์มี 2 ตัวหลัก ๆ ที่ต้องดูครับ
1. Max Detection Range
ระยะการตรวจจับสูงสุดของเรดาร์ Gripen ไม่ใช่ 120 km นะครับระยะจริงมันมากกว่านั้นครับ ส่วนจะเท่ากับเครื่องบินรุ่นไหนลอง
ไปหาข้อมูลกันเอาเอง นอกจากนั้นยังติดตั้งระบบ Internal Jammer ซึ่งใช้งานได้ทันทีในทุกภาระกิจ โดยระบบของ Gripen
เป็นแบบที่สามารถกำหนดทิศทางได้ ทั้งนี้การ Jammer ส่วนใหญ่จะทำให้ Max Detection Range ของเรดาร์ศัตรูลดลง
ไปประมาณ 10-20% ครับ
2. Radar cross section
ถ้าขนาด Su-35 ซึ่งเดิมเคยมี RCS ขนาด 15 m^2(ปรับปรุงจนอยู่แถว ๆ 4 m^2) ยังทำเป็น Low Offservtion ได้แล้วทำไม
Gripen จะจัดเป็น Low Offservtion ไม่ได้ ??? และเท่าที่ทราบ Gripen C/D ปรับปรุงเรื่องนี้มาแล้วครับ
ถ้าจะดู RCS ต้องดูครับว่า เขาวัดจากมุมไหน ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านข้าง ด้านบน หรือด้านล่าง ซึ่งเครื่องบินแต่ละแบบจะมีค่าพวกนี้ต่างกัน ตัวอย่างเช่น F-18E/F
เขาคุยว่า RCS ลดลงเป็น 0.1 m^2 ก็ต่ำจนถือว่าเป็น Low Offservtion ได้ แต่ก็เฉพาะด้านหน้า ด้านอื่น ๆ ยังไม่ต่างจากเดิมมากนัก
แล้วตอนนี้เครื่องบินจากค่ายยุโรปเองทั้ง Eurofighter,Rafale และ Gripen ก็มี RCS 0.1 m^2 ด้านหน้าเป็นมาตราฐานแล้วครับ
จากข้อมูลทั้ง 2 ประเด็นนี้เคยมีการคำนวณกันไว้แล้วครับว่า Gripen กับ Su-30 MKM จะเห็นกันบนฟ้าในระยะใกล้ ๆ กันคือประมาณ 100-110 Km
ถึงแม้นว่า Gripen จะมีเรดาร์ที่ไม่แรงและทำงานไม่เร็วเท่า Su-30 MKM แต่ก็มี RCS ที่น้อยกว่า ที่เหลือก็วัดกันเรื่อง Tactic ในการรบทางอากาศต่อไปครับ
ต่อกันที่เรื่องจรวด BVR ต้องเข้าใจก่อนนะครับว่าไม่ว่าจะเป็น R-77 หรือ AIM-120 ต่างก็เจอข้อจำกัดของเทคโนโลยีคล้าย ๆ กันคือ
ระยะยิงกับความเร็วของจรวดแปรผกผันกัน // จรวดยิ่งเร็วยิ่งใช้พลังงานมาก ในขณะที่เชื้อเพลิงมีจำกัด
แรงต้านอากาศ // ในเพดานบินต่ำมีแรงต้านสูง
ขนาดเรดาร์ในตัว // ที่จำกัดพอ ๆ กัน
ซึ่งทุกปัจจัยทำให้ผมพอจะสรุปได้ว่า R-77 และ AIM-120 พอ ๆ กัน และในการใช้งานจริงระยะยิงที่บอกว่า 100 Km นั้นคือมีปัจจัยเยอะครับเพื่อให้คุณทำอย่าง
นั้นได้ไม่ว่าจะเป็น
1. คุณต้องยิงจรวดที่ระดับ 60,000 ft เพื่อให้แรงต้านอากาศน้อย แต่ก็มี O2 เพียงพอต่อการเผาไหม้ของจรวด ถ้ายิงที่เพดานบินต่ำ ๆ จรวดจะไปได้ไม่ไกลเพราะแรงต้านของอากาศ
2. ความเร็วสัมพันธ์ระหว่างเป้าหมายกับเครื่องที่ทำการยิง ถ้าคุณยิ่งบินเข้าหาเป้าหมายเร็ว จรวดก็ยิ่งไปไกลขึ้น แต่ในทางกลับกัน อีกฝ่ายก็ยิงคุณได้ง่ายขึ้นเช่นกัน
สรุปว่า
การรบทางอากาศมันมีอะไรมากกว่า Spec. ที่เราเห็นครับ เทคโนโลยีในยุคเดียวกันก็จะมีประสิทธิภาพพอ ๆ กัน ผล แพ้-ชนะ มันอยู่ที่นักบินผู้ที่ดึงเอาความสามารถนั้น
ออกมาใช้ มากกว่าเครื่องบินหรืออุปกรณ์ และผมเชื่อว่ามันจะเป็นอย่างนี้ต่อไปอีกนานเท่านาน