ความคิดเห็นที่ 1 ปีนึงมากี่รอบเนี่ย กระทู้แบบนี้ น่าจะลองตั้งว่า ตั้งแต่เล่นหว้ากอมา คุณเห็นคำถามประมาณนี้ กี่ครั้ง จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 11:23:34

ความคิดเห็นที่ 2 บางอย่าง นึกไม่ออก จะพิสูจน์ ได้อย่างไร เช่น  "ทหารยิงประชาชน"    "ไอ้ปื้ดยิงดาบยิ้ม"     คือมันไม่มี clip vdo ออกจากปากกระบอกปืนผุ้ต้องสงสัย วิ่งไปใส่หัวเป้าหมาย เลยนึกไม่ออกว่า ใครล่ะ ที่เป็นคนยิง  เพราะถ้าไม่เห็นกันจ๊ะๆ   มันก็จัดฉากกันได้ จากคุณ : Spirited Away เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 11:24:05

ความคิดเห็นที่ 3 ^ n ครั้งครับ ฮ่าๆ "ไม่เชื่อต้องพิสูจน์" จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 11:24:42

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่เชื่อต้องพิสูจน์ และไม่ไปลบหลู่ "คน" ที่เชื่อ  ครับ จากคุณ : ginosty เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 11:32:22

ความคิดเห็นที่ 5 ไม่เชื่ออย่าลบหลู่   เห็นด้วย    เพราะถ้าลบหลู่ อาจจะถูกคนที่เชื่อทำร้าย    เราไม่เชื่อแต่ก็เอาตัวรอดให้ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ใครเชื่อก็ปล่อยเขาไป ไม่เชื่อต้องพิสูจน์   ไม่เห็นด้วย    การพิสูจน์ต้องเสียเงินเสียเวลา หรือบางทีเสี่ยงอันตราย    การไม่เชื่อเป็นเรื่องปกติ  จะไม่พิสูจน์ก็ได้  ไม่ใช่หน้าที่ของคนไม่เชื่อที่จะต้องไปพิสูจน์    ถ้าใครสงสัยอยากรู้จริงๆ ก็พิสูจน์ไป    ถ้าใครอยากให้คนอื่นเชื่อเหมือนตัวเองก็พิสูจน์ไป จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 11:36:07

ความคิดเห็นที่ 6 พิสูจน์ = ลบหลู่ จากคุณ : nai_per เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 11:42:07

ความคิดเห็นที่ 7 มันก็แล้วแต่กรณีๆไปครับ ถ้าเพื่อนนาย A ถามนาย A ว่าแฟนสาวยังบริสุทธิ์อยู่ไหม นายAเริ่มยั๊วะๆแล้วเพราะแฟนโดนลบหลู่ เพื่อนบอกว่าไม่เชื่อขอพิสูจน์ เพื่อนนาย A อาจจะโดนนาย A ยิงตายคาที่ได้ เข้าข่ายไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ถ้าเพื่อนนาย B บอกนาย B ว่าแฟนสาวไปมีกิ๊กกับหนุ่มอื่นในร้านอาหาร นาย B รู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่เพื่อนบอก และยังไม่อยากปักใจเชื่อ นาย B จึงแอบย่องติดตามแฟนสาวของตัวเองไปเพื่อพิสูจน์ว่าแฟนสาวของตัวเองมีกิ๊กจริงหรือไม่ พบว่าแฟนสาวของตัวเองนั้นไปประชุมกับลูกค้าในร้านอาหารเท่านั้น เข้าข่ายไม่เชื่อต้องพิสูจน์ จากคุณ : TENS เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 11:53:14

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่เชื่อ ก็ช่างมัน จากคุณ : รอเธอโสด เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 11:53:45

ความคิดเห็นที่ 9 "ไม่เชื่อ ก็อย่าไปลบหลู่ดูกถูกความคิด ความเชื่อของคนอื่น" ควรจะต้องศึกษาให้เข้าใจก่อนว่าทำไมเขาถึงเชื่อแบบนั้น และความเชื่อนี้มาจากไหน ดีไม่ดีอย่างไร ควรชี้แจงให้เขาเ้้้ข้าใจอย่างง่ายๆ ท้ายที่สุดเขาจะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่ระดับสติปัญญาของเขา ไม่ใช้ไปบอกว่า ไอ้นี่:-)งมงาย ฟวาย กรูไม่เชื่อหรอก แน่จริงมาหักคอกรูเดะ แล้วมันจะได้อะไร? นอกจากความสะใจของฝ่ายเดียว.... จากคุณ : tkung13 เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 12:00:00

ความคิดเห็นที่ 10 ไม่เชื่อก็เฉยๆ ถ้าอยากรู้ก็พิสูจน์เอา ก็แค่นั้น ตัวเรายังไม่สามารถบังคับความคิดคนข้างๆเราได้เลย พ่อแม่พี่น้องญาติโกโหติกา ยังเชื่อกันคนละอย่าง ผัวเมียนอนข้างกันยังเชื่อกันคนละอย่าง แล้วจะเอาอะไรอีก ความเชื่อนะมันบังคับกันได้ที่ไหน แต่ถึงจะไม่เชื่อเราก็ต้องให้เกียรติฝ่ายที่เขาเชื่อด้วยจึงจะควร แค่นี้สังคมก็สงบแล้ว จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 12:19:42

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่เชื่อ ต้องจ่ายสด จากคุณ : มิวกำลังจะครองโลก เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 12:50:20

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าความเชื่อนั้นไม่ได้ละเมิดเราก็ไม่สนใจจะพิสูจน์ แต่ความเชื่อส่วนใหญ่ที่มีปัญหาเรื่องการลบหลู่ คือความเชื่อที่ละเมิดคนอื่นโดยใช้ความกลัวเป็นพื้นฐานน่ะซี ให้นึกถึงคนบ้าไปทุบพระพรหม แล้วโดนรุมกระทืบตายสิครับ คนบ้าทำลายทรัพย์สิน(ลบหลู่?) แต่คนเชื่อทำลายชีวิต(ฆ่าคนตาย) สุดท้ายแล้วไหว้พระพรหมเพื่ออะไร เพื่อความดี หรือเพื่อสนับสนุนความชั่วอย่างการฆ่าคนตาย? ตราบใดที่สังคมเรายังเป็นบ้านป่าเมืองเถื่อน ก็รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี ไว้เรามีอาวุธมีอำนาจปกป้องตัวเองได้ ค่อยไปคิดพิสูจน์ก็ไม่สาย(มั๊ง?) จากคุณ : ความจริงที่คนป่าไม่อยากฟัง (....4จุด) เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 13:11:59

ความคิดเห็นที่ 13 เขาไม่อยากรู้หรอก เขาอยากรักษาความเชื่อต่างหาก ถ้าอยากรู้นะ เออตอนนี้ไม่เจอผีซักที ไปหาดูสิบบ้านเฮี้ยนดีกว่า มันต้องอย่างนี้ที่เรียกว่าอยากรู้ จากคุณ : imanust_261204 เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 13:18:27

ความคิดเห็นที่ 14 สำหรับผม ไม่เชื่อแล้วต้องลบหลู่ด้วย   และ เชื่อไม่เชื่อก็ต้องพิสูจน์ จากคุณ : Santa_Baby เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 13:45:17

ความคิดเห็นที่ 15 ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ คำนี้ เค้าใช้ในกรณีที่ โรงเรียนพาเด็ก200คน ไปเข้าค่ายในป่า แล้วเครื่องขยายเสียงเกิดอู้อี้ ปรับแก้ไม่ได้ แต่พอคุณครูปักธูปลงพื้น ก็หาย สามารถดำเนินกิจกรรมต่อได้ แต่การร่วมสนุก ช่วงหนึ่งมีทีมตุ๊ดแต่ว ออกมาเต้น คืนนั้นคนที่เต้นยั่วสุดๆ ปรากฏว่าโดนผึ้งต่อย ไข้ขึ้นแล้วเห็นผี ต้องไปหาพระพรมน้ำมนต์ แถมในค่ายมีคนเอาหน้ากากผีมาใส่เล่น เลยเจอผู้หญิงเดินตาม ต้องไปกราบพระเช่นกัน ปล.ค่ายลูกเสือในป่า นักเรียนหลายคน เห็นผู้หญิงคนเดียวกัน ใส่กางเกงขาสั้น (เสื้อก็บอกสีตรงกัน) จากคุณ : NipponJ เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 14:20:03

ความคิดเห็นที่ 16 คำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่เป็นคำพูดของคนที่ไม่มีความสามารถพอที่จะคิดหาข้อเท็จจริงเท่านั้นแหละครับ พวกเขาไม่รู้จักว่า สิ่งต่างๆที่ได้รับรู้นั้น มันมีหลายมิติหลายด้าน ไอ้คำว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่นี่แหละครับสามารถพิสูตรได้ว่าคนๆนั้นเป็นคนฉลาดพอจะยื่นอยู่อย่างมั่งคงแข็มแข็งของสังคมที่หลอกลวงนี่ได้รึเปล่า จากคุณ : promlikit เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 14:47:47

ความคิดเห็นที่ 17 ถูกทุกข้อ ขึ้นอยู่กับสถาณะการณ์ มันโง่มาก ที่คิดว่าหลักการข้อเดียวใช้ได้ทุกกรณี แก้ไขเมื่อ 21 มี.ค. 55 15:03:07 จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 15:00:33

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ แต่ต้องพิสูจน์ จากคุณ : bbee_blue เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 15:04:44

ความคิดเห็นที่ 19 ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ นั้นแหละถูกแล้วสำหรับบ้านเมืองนี้ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน เรื่องทุบพระพรมลองไปอ่านบางคห.ในกระทู้เก่าๆดูเจริญทางจิตใจจริงๆ แล้วลองคิดดูว่าเหตุแบบนี้มันจะเกิดในประเทศเจริญทางวัตถุอย่างอเมริกาหรือญี่ปุ่นไหม http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums/http/www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y4211361/Y4211361.html จากคุณ : tabuya เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 15:55:47

ความคิดเห็นที่ 20 "ไม่เชื่อ อย่านับถือ" *-* จากคุณ : นะโมจัง เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 16:05:55

ความคิดเห็นที่ 21 ผิดคาดนะครับเนี่ย ผมนึกว่าส่วนใหญ่จะตอบข้อ 3 จากคุณ : McLovin เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 19:54:00

ความคิดเห็นที่ 22 การพิสูจน์ไม่ใช่การลบหลู่ มันอยู่ที่เจตนา การแสดงออก มารยาท และการเปิดใจรับสิ่งที่เกินไปจากกรอบความรู้ของตนของทั้งสองฝ่าย อย่างเช่น ผีมีจริงหรือไม่ การพิสูจน์ไม่ใช่การลบหลู่ คนพิสูจน์ก็พิสูจน์ไป อย่าเพิ่งไปด่าฝ่ายตรงข้าม นักวิทย์ก็ไปพิสูจน์ด้วยมารยาทที่ดี ชาวบ้านก็อย่าเพิ่งไปหาว่าเค้ามาจับผิดล่วงเกิน ถ้าพิสูจน์ยังไม่ได้ ไม่ได้หมายความว่าไม่มี นักวิทย์อาจยังมีเครื่องมือไม่ดีพอ ถ้าพิสูจน์ได้แน่ๆว่าไม่จริง คนเชื่อก็ต้องเปิดใจยอมรับว่าเราอาจผิดไปก็ได้ จากคุณ : Akrat เขียนเมื่อ : 21 มี.ค. 55 22:08:54

ความคิดเห็นที่ 23 ไม่เชื่อก็เฉยๆสิครับ จะไปสนใจทำไม ไม่คิดพึ่งพาอาศัย ใครจะเชื่อก็เชื่อไป เราก็แค่ยืนหยัดยืนยันว่าเราไม่เชื่อ ก็แค่นั้นไม่ต้องไปแดกดันกระแหนะกระแหนใคร ส่วนใครจะมาระรานที่เราไม่เชื่อเราก็ยืนหยัดและรักษาสิทธิของเรา จากคุณ : rdo เขียนเมื่อ : 22 มี.ค. 55 00:18:33

ความคิดเห็นที่ 24 การไม่เชื่อ ถ้าไม่ลบหลู่ก็ต้องพิสูจน์ด้วย ถ้าไม่เชื่อแล้ว ไม่ทำอะไร ไม่พิสูจน์ยังตะแบงไป นัั่นแหละลบหลู่ จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 55 08:06:22

ความคิดเห็นที่ 25 ป.ล.   แต่การพิสูจน์ ต้องพิสูจน์รอบด้านนะคือบูรณาการ ไม่ใช่พิสูจน์แบบศรีธนญชัย จากคุณ : ไม่คิดมาก เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 55 08:08:57

ความคิดเห็นที่ 26 ผมว่าตรรกะ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่มันดูแปลกๆ นะ ในเมื่อคนที่เชื่อ ชอบมาพูดถึงความเชื่อของตนเองใส่คนอื่น หรือชักชวนคนอื่นให้เชื่ออยู่ยิกๆ แต่คนที่ไม่เชื่อ ตอบกลับไปว่าไม่เชื่อ หรือบอกให้ลองพิสูจน์ยังงี้ยังงั้น หรือถามว่าทำไมคุณไม่ได้ดีอย่างที่บอกให้เชื่อ ให้ดูหน่อยแล้วถึงจะเชื่อ ดันกลายเป็นคำว่าลบหลู่ไปแทน สังเกตุดูว่า หลายๆ ครั้ง ประเด็นที่ถูกหาว่าลบหลู่นั้นเกิดจากการที่ฝ่ายไม่เชื่อบอกให้ หาอะไรมาพิสูจน์เท่านั้น ไม่ได้เป็นประโยคเชิงท้าทาย หรือดูถูกอะไรเลย (เหมือนประโยคคำถามมากกว่า) แต่ฝ่ายที่เชื่อมักจะเรียกสิ่งนั้นว่าลบหลู่ จากคุณ : ลบลู่คุง (CaTacLysMz) เขียนเมื่อ : 23 มี.ค. 55 14:51:33