 |
ที่มา : Bangkokbiznews.com
เปิดงานวิจัยอันตรายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ระบุตัวการใหญ่ "เสามือถือ"
ข้อมูลประกอบการจัดทำข้อวินิจฉัยกรณี / ความเป็นไปได้ในผลกระทบต่อสุขภาพจากเสาสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่
โดย สุเมธ วงศ์พานิชเลิศ
สถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม (สบท.)
1. ในสังคมปัจจุบัน คลื่นวิทยุ (หรือคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า) ได้กลายเป็นสิ่งจำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวันของมนุษย์อย่างหลีกเลี่ยงได้ยากไม่ว่าประเทศใดในโลก
ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาวิจัยโดยนักวิทยาศาสตร์ในโลกนับจากช่วงทศวรรษ 1980 ในด้านความเสี่ยงของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าต่อสุขภาพของมนุษย์ ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นมากเช่นกัน โดยพบว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (ตั้งแต่ 0 Hz ถึง 300 GHz) สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพมนุษย์ได้ หากรับคลื่น (exposure) แรงเกินควร และ/หรือเป็นเวลานานเกินไป
จึงเป็นที่มาขององค์กรที่เรียกว่า The International Commission on Non-Ionizing Radiation Protection (หรือ ICNIRP) เพื่อสอดส่องดูแลประเด็นดังกล่าว โดยภารกิจสำคัญส่วนหนึ่ง คือ การกำหนดเกณฑ์ปลอดภัย หรือ ขีดจำกัด (ค่าสูงสุด) การแผ่คลื่นในย่านความถี่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นหลักเกณฑ์ที่ใช้ตามประกาศ กทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และมาตรการกำกับดูแลความปลอดภัยต่อสุขภาพของมนุษย์ ตั้งแต่ 4 พฤษภาคม 2550
2. ทั้งนี้ ขีดจำกัดคลื่นความถี่ต่ำๆ (ELF) ที่รับว่าไม่เป็นภัยต่อมนุษย์ ได้แก่ ความแรงสนามแม่เหล็กไม่เกินประมาณ 2 mG (หรือ 0.2 µT) ซึ่งอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไปเป็นแหล่งแผ่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในระดับต่างๆ (ณ บริเวณตัวเครื่อง) คือ:
- โทรศัพท์ไร้สาย (Cordless Phone) ประมาณ 28 mG - โทรศัพท์มือถือ (Mobile Phone) ประมาณ 43 mG - เครื่องรับโทรทัศน์/เครื่องคอมพิวเตอร์ ประมาณ 56 mG - เตาไมโครเวฟ ประมาณ 2,000 mG ฯลฯ
(รวบรวมจาก National Council on Radiation Protection, California Department of Health เป็นต้น)
ฉะนั้นประชาชนและผู้บริโภคจึงควรรับทราบ และไม่ควรอยู่ใกล้กับอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านจนเกินไปโดยไม่จำเป็น
3. ผลกระทบจากการดูดซึมคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เห็นได้ว่าไม่จำกัดแค่คลื่นความถี่สูง (RF) อย่างโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมากเป็นพิเศษเท่านั้น แต่ยังรวมถึงคลื่นความถี่ต่ำๆ ELF (อย่างกระแสไฟฟ้า 50 Hz) ซึ่งมีการศึกษาวิจัยเชิงระบาดวิทยา (Epidemiological) ตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 1980 เป็นต้นมา
โดยมีทั้งฝ่ายที่พบว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แม้ในระดับต่ำๆ มีผลกระทบจริง และฝ่ายที่สรุปว่าผลการศึกษายังไม่ชัดเจนพอหรือไม่มีเลย
4. อย่างไรก็ดี นักวิทยาศาสตร์ต่างเห็นตรงกันว่า หากเด็กได้รับคลื่นแม่เหล็กเกินกว่า 0.4 µT (4 mG) เป็นเวลานานๆ มีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว (leukemia) ถึง 2 เท่าตัว
The International Agency for Research on Cancers (IARC) ได้เห็นพ้องในข้อสรุปว่า
คลื่นแม่เหล็กในย่านความถี่ต่ำ (อาทิ ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าตามบ้าน) อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็ง (carcinogenic agent) ชนิดหนึ่ง
รวมทั้งในเอกสาร Electrosmog in the environment (SAEFL 2005) ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเผยแพร่แก่ประชาชนโดย Swiss Agency for the Environment, Forest and Landscape รัฐบาลประเทศสวิสเซอร์แลนด์ก็ได้ประกาศชัดเจนว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเป็นมลพิษทางสิ่งแวดล้อมชนิดหนึ่ง
ความเห็นข้างต้นอยู่ในทิศทางเดียวกันกับข้อสรุปงานวิจัยโดย Childhood Cancer Research Group, University of Oxford ในปี 2005 ความว่า
เด็กกลุ่มที่เกิดจากมารดาซึ่งอาศัยอยู่ใกล้กับสายไฟฟ้าแรงสูงภายในระยะห่างไม่เกิน 200 เมตร มีอัตราความเสี่ยงเป็น leukemia สูงขึ้นร้อยละ 70 เทียบกับกลุ่มที่มารดาอยู่ห่างจากสายไฟฟ้าแรงสูงเกินกว่า 600 เมตรขึ้นไป (Draper G et al, 2005)
5. Professor Dr. Robert O. Becker แห่ง State University of New York, Upstate Medical Center และ Louisiana State University Medical Center ผู้ซึ่งเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล Nobel Prize สาขาแพทย์ศาสตร์ ถึง 2 ครั้ง เนื่องจากผลงานวิจัยด้านคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ากับการแพทย์ ได้สรุปถึงกระทบต่อสุขภาพของคลื่นความถี่ต่ำมาก (ELF) ไว้ว่า ถึงแม้คลื่นจะมีความเข้มในระดับต่ำมากๆ แต่หากได้รับอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ก็สามารถกระทบต่อระบบควบคุม (DC Control System) ในสมองมนุษย์ (Becker, RO, 1990;2004) ทำให้เกิดอาการต่างๆได้ เช่น ปวดหัว หน้ามืด คลื่นเหียน สับสน อ่อนเพลีย ความจำเสื่อม ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ชักกระตุก ฯลฯ
6. ภายหลังจากการเปิดให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ด้วยคลื่นวิทยุ RF ในย่านความถี่ไมโครเวฟตั้งแต่กลางทศวรรษ 1980 จนเป็นที่นิยมแพร่หลายอย่างมากในเวลาถัดมา ทำให้เกิดประเด็นผลกระทบจากคลื่นโทรศัพท์เคลื่อนที่ต่อสุขภาพมนุษย์ จนกลายเป็นที่มาของงานศึกษาวิจัยมากมายตามมา การร้องเรียนปัญหาด้านสุขภาพจากผู้บริโภค และการศึกษาวิจัยส่วนมากจะพุ่งเป้าที่ประเด็นการใช้โทรศัพท์ฯในช่วงแรกๆ
แต่ในเวลาต่อมา การร้องเรียนเกือบทั้งสิ้นจะมาจากผู้พักอาศัยอยู่ใกล้กับเสาแผ่สัญญาณ(หรือเสาอากาศ) บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Mobile Phone Antenna, หรือ Mast, หรือ Base Station) ซึ่งผู้อยู่อาศัยใกล้เสาฯไม่อยู่ในวิสัยที่จะควบคุม หรือป้องกันตัวเองได้ จึงแตกต่างกับประเด็นการใช้ที่แต่ละผู้ใช้สามารถจะเลือกใช้อย่างไร และเพียงใดได้
7. ดังนั้น มาตรการในการคุ้มครองผู้บริโภค จึงมีลักษณะคล้ายคลึงกับกรณีบุหรี่ กล่าวคือ มาตรการสำหรับผู้ใช้โทรศัพท์ฯ (ผู้สูบบุหรี่) กลุ่มหนึ่ง และสำหรับผู้อยู่ใกล้เสาอากาศ (ผู้สูบบุหรี่มือสอง) อีกกลุ่มหนึ่ง
8. ผลกระทบต่อสุขภาพจากคลื่นโทรศัพท์เคลื่อนที่ นอกเหนือจากอาการที่มาจากคลื่นความถี่ต่ำ (ELF) ต่างๆดังกล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังรวมไปถึงอาการที่สำคัญๆ ดังเช่น - Brain tumors (เนื้องอกในสมอง) - Acoustic neuroma (มะเร็งประสาทใกล้บริเวณหู) - Parkinson - Alzheimer - Cancers (มะเร็งต่างๆ) ฯลฯ
จากคุณ |
:
qqrt
|
เขียนเมื่อ |
:
26 มี.ค. 55 00:01:23
A:125.24.249.245 X: TicketID:353351
|
|
|
|
 |