ความคิดเห็นที่ 1 ผิดห้องป่าว จากคุณ : เข้ามาครองโลก เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 06:55:14

ความคิดเห็นที่ 2 ผิดห้องหรือคะ  ก็ขอโทษด้วยค่ะ พอดีเห็นมีเด็กนักเรียนเล่นห้องนี้เยอะ ก็เลยเอาเเชร์ เผื่อมีใครสนใจว่าเด็กที่อื่นเรียนกันขนาดไหน จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 07:15:07

ความคิดเห็นที่ 3 ขอบคุณครับ ที่นำระบบการศึกษาของประเทศที่พัฒนาแล้วมาแบ่งปัน จากคุณ : Luftwaffe เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 07:15:32

ความคิดเห็นที่ 4 เรียนที่เยอรมันดีกว่า เขาเรียนกันเพียงครึ่งเช้า ครึ่งบ่ายให้ค้นคว้าหาดาวในห้องสมุดเอาเอง เรียนแบบนี้ถึงระดับอุดมศึกษา ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 07:17:07

ความคิดเห็นที่ 5 มันก็เหมือนสมัยที่ผมเรียนที่ไทยน่ะ ที่ บด.2 ตารางเรียนก็แบบนี้แหละ  เช้า 4 หรือ 5 คาบ เพราะต้องแบ่งกันพักเที่ยง(โรงอาหารไม่พอ) บ่าย 2-3 คาบ  แต่ทีนี้วันจันทร์โรงเรียนผมเรียน รด. ทำให้เรียนแค่ครึ่งวัน คาบวันจันทร์ เลยเอามาเฉลี่ยวันอื่น กลายเป็นวันอื่น เรียนภาคบ่าย 3 คาบ จากคุณ : Maki Roll เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 07:43:35

ความคิดเห็นที่ 6 สมัยผมเรียน 7 คาบรวด  ตั้งแต่บ่ายโมงถึงทุ่มครึ่ง จากคุณ : Serial_Nuber เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 07:55:44

ความคิดเห็นที่ 7 ทำไมการขี่จักรยานไป รร. ต้องมีใบอนุญาตด้วย ? จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 08:10:37

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องส่วนตัวแบบนี้ เอาใส่บล็อกส่วนตัวดีกว่า ใครสนใจก็คลิกเข้าไปดูได้ คลิกเมื่อไหร่ก็มีให้ดู แต่ถ้าเอาใส่กระทู้หน้าหลัก นอกจากผิดคอนเซ็ปท์ของห้องแล้ว มันยังโดนกระทู้ใหม่ดันให้เลื่อนตกไปตามกาลเวลา รู้ว่าอยากโชว์ แต่โชว์ให้ถูกกาละเทศะจะเหมาะกว่า กฏมีไว้เพื่อแหก ..เอ้ย มีไว้เพื่อปฏิบัติตาม จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 08:29:08

ความคิดเห็นที่ 9 7 ไว้หาที่จอดดิท่าน จากคุณ : donutpla2 เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 08:31:44

ความคิดเห็นที่ 10 แอบนึกชม คห. เป็นตัวของตัวเอง แม้คห.ส่วนตัวผม จะไม่เหมือนกัน ผมมองว่า การโพสนี้ คนอื่นจะได้รับรู้ข้อมูลข่าวสารบ้าง เปรียบเทียบประเทศ 2 ประเทศที่แพ้สงคราม II และปัจจุบันก้าวหน้าเป็นประเทศชั้นนำ แต่ระบบการเรียน การสอนของ 2 ประเทศต่างกันอย่างสิ้นเชิง 1) เยอรมันสอนเด็กให้รักการเรียน สนุกกับการเรียน เขา"บังคับ" เรียนเพียงครึ่งวัน อีกครึ่งวัน เด็กจะมีจิตสำนึกรักการค้นคว้า ใฝ่หาความรู้ต่อยอดกันเอง 2) ญี่ปุ่นสอนด้วยการบังคับชั่วโมงเรียนวันละ 7 คาบ ท่าจะแย่แน่ๆ หัวสมองเด็กไม่ใช่แบ็ตเตอรี่ อัดไฟมากๆ แบ็ตฯยังระเบิด จึงไม่น่าแปลกใจเลย ที่คนญี่ปุ่น สังคมญี่ปุ่น"มีความเครียดครอบงำ" ระบบซีเนียริตี้ครอบงำครองใจคนญี่ปุ่น ก้มหัวคารวะเคารพผู้อาวุโส จริงอยู่ นั่นเป็นประเพณีที่ดี ดูน่ารัก แต่การก้มหัว งกๆ ครับๆ ค่ะๆ มันไม่ได้ช่วยส่งเสริม ปลูกฝังให้รู้จักคิดด้วยเอง ได้แต่ทำตามกันไป ผมนิยมชมชอบเทคโนโลยี่ของญี่ปุ่นว่า พัฒนาก้าวหน้าเร็ว บางเรื่องเกินหน้าฝรั่ง แต่บางเรื่องญี่ปุ่น ยังไม่ใช่ตัวอย่างที่ดีนัก จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 08:53:37

ความคิดเห็นที่ 11 ข้อสุดท้ายผิดละมั้ง ผมเห็นในการ์ตูนเด้กกลับไปเอาหนังสือดึกๆดื่นๆเกือบทุกเล่ม เด็กญี่ปุ่นเขาต้องกวดวิชาทุกวันไม่ใช่หรือครับ แก้ไขเมื่อ 05 เม.ย. 55 09:18:25 จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 08:54:33

ความคิดเห็นที่ 12 เขาเรียน วิทย์ คณิต กันกี่ชั่วโมงครับ จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:02:06

ความคิดเห็นที่ 13 ถ้าพี่ฮานะ ไปโพสในบล๊อคผมก็คงไม่รู้หรอกครับ ว่าเค้าเรียนกันแบบนี้ อะ คงคิดว่า การปั่นจักรยาน ใครอยากปั่นก็ปั่นไปได้เหมือนเด็กไทย นึกว่าทานข้าวเที่ยง เที่ยงจริงๆ เหมือนเรา คิดว่าเรียนวันละ 5-6 คาบ ไม่คิดว่าจะถึง 7 คาบ และคิดว่าคงเข้าเรียนแปดโมงเหมือนเรา จากคุณ : ผมเป็นภูมิคุ้มกันอาหมวยบกพร่อง เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:19:22

ความคิดเห็นที่ 14 อันนี้ ของ ร.ร. SOD จากคุณ : เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการโผ เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:34:26

ความคิดเห็นที่ 15 จขกท.ครับ ขอบคุณมากครับสำหรับการบอกเล่าเก้าสิบ ญี่ปุ่นนี่คล้ายไทยเลยนะผมว่า ปล.จขกท.ต้องทำใจนะครับ ว่าห้องนี้คนเล่นเยอะ เพราะฉะนั้นมันก็เต็มไปด้วยคนหลายประเภท  คนบางคนก็ดี แต่บางคนมันก็ทำตัวเป็นขยะ เกรียนคีย์บอร์ดก็เพียบ จากคุณ : Davinciza เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:36:49

ความคิดเห็นที่ 16 มาดูระบบการศึกษาของไทยและเด็กไทยกันบ้าง ตอนนี้ที่คอนโดเราวุ่นวายมาก เพราะว่าเป็นช่วงปิดเทอม เด็กที่อยู่ต่างจังหวัดก็จะเข้ามาเช่าหออยู่เพื่อเรียนกวดวิชา เตรียมสอบเข้ามหาลัย แต่ที่เราเริ่มงงๆชีวิต ว่า ตอนนี้การศึกษาไทยต้องการอะไรจากเด็กกันแน่ คือ อายุของเด็กที่เข้ามาเรียนเริ่มน้อยลงๆๆ มีแม้กระทั่งเด็กอนุบาล ที่พ่อแม่พามาเช่าห้องอยู่เพิ่อให้ลูกไปเรียนกวดวิชาพวกความสามารถ ทักษะต่างๆ เพื่อให้ลูกเตรียมสอบเข้า ป.1 โรงเรียนชื่อดังได้ ล่าสุด เราได้มีโอกาสคุยกับคุรแม่ท่านหนึ่งที่หอบลูกระดับ ป.5 เข้ามาเรียนพิเศษเตรียมสอบเข้าม.1 โรงเรียนในกรุงเทพ และได้ตามคุณแม่ท่านนั้นไปที่ห้อง สิ่งที่เราเห็นคือ เด็ก ป.5 ที่ต้องเรียนพิเศษตั้งแต่แปดโมงถึงสองทุ่ม และวิชาที่เรียนกับเนื้อหาที่เรียน (เค้าให้เราดูค่ะ เพราะเค้าอยากได้อาจารย์มาช่วยสอนพิเศษลูกเค้าเพิ่ม) เนื้อหาที่เราดูมาคร่าวๆ คือ คณิตศาสตร์ (เด็กเรียนฟังก์ชั่นเอ๊กโพเนนเชียล พาราโบลา และ ตรีโกณมิติ) ภาษาไทย (กลอนสี่สุภาพ โคลงสี่สุภาพ วสันตดิลกฉันท์ อินทรวิเชียรฉันท์ หลักภาษาขั้นกลาง) ภาษาอังกฤษ (tense ทั้ง 12 prefix infix suffix การเขียนเรียงความภาษาอังกฤษ) ฟิสิกส์ (การเคลื่อนที่วิถีโค้ง สมการและกฏสามข้อของนิวตัน) เคมี (ตารางธาตุทั้งหมด อะตอม สมการการแลกเปลี่ยนอิเล็กตรอน สมการเคมี) ชีววิทยา (ไฟลัมทั้งหมด การเดินทางของอาหาร วงจรชีวิต ระบบลำเลียงอาหารของพืชและสัตว์) สังคม (เศรษฐศาสตรื์เบื้องต้น กฏหมายเบื้องต้น โลกและภูมิศาสตร์ู) ทั้งหมดที่ว่ามานี่ เด็ก ป.5 เรียน นะคะ เพื่อเอาความรู้ทั้งหมดที่เรียนตอนปิดเทอมนี่ ไปอ่านซ้ำตอนเปิดเทอมอีกหนึ่งปี และไปสอบเข้า ม.1 โรงเรียนดังๆในกรุงเทพ และหนังสือที่เด็กใช้ ไม่ใช่ของเด็กประถมนะคะ แต่เป็นกวดวิชาระดับ ม. ต้น เราขอบอกว่าเเค่เปิดอ่านผ่านๆ เราก็เหนือ่ยเเล้วอ่ะ อะไรมันจะขนาดนั้นนะ ชีวิต ตามที่คุณแม่บอกเรานะ คือ การที่ลูกเค้าเข้าโรงรียนดีๆได้ สังคมจะดี การเรียนจะดี ซึ่งจะนำไปสู้การเข้ามหาลัยดีๆ และมีงานดีๆทำไปด้วย เอาตัวรอดในตอนโตได้ และโรงเรียนดีๆที่ว่า เค้าสอบวิชาทั้งหมดที่ว่ามาทั้งหมด ความคิดหวังดีของคุรแม่เราเข้าใจนะ แต่ลูกเค้าเเลเหมือนไม้ขาดน้ำอ่ะ บอกไม่ถูกเหมือนกัน เค้าอยากให้ลูกเค้าได้ดี เค้าบอกว่า เด็กคนอื่นทนไม่ได้ สอบไม่ผ่าน ก็จะหล่นไปอยู่ตามโรงเรียนชายขอบ และ ก็ตกหล่นจากระบบการศึกษาไป แต่เรางงๆว่า ทำไมเด็กต้องเรียนมากมายขนาดนี้ เราเองก็เป็นครูนะ ถึงจะมือใหม่หัดขับก็เถอะ เเต่ตามมาตรฐานกระทรวง มันไม่ได้ต้องการให้เด็กรู้มากขนาดนี้ พราะวัยขนาดนี้ เค้าต้องการการเล่นบ้าง แถมวุฒิภาวะบางประการ ประสบการณ์ชีวิตก็ยังน้อย ทำให้เค้าไม่สามารถเชื่อมโยงเนื้อหาเข้าด้วยกันได้ แต่เนื้อหาที่ลูกเค้าต้องเรียนเพื่อไปสอบอ่ะ มันเป็นเนื้อหาของ ม. 1-3 เป็นส่วนใหญ่ บางส่วนเป็นเนื้อหา ม.ปลาย ด้วย ถึงจะมีการบอกว่า เดี๋ยวเด็กสอบเข้าไป ก็ต้องเรียนเนื้อหาพวกนี้อยู่แล้ว มันคนละเรื่องกัน นะ เวลา 1 ปี ระหว่าง ประถมปลายกับ ม.ต้นมันต่างกันอย่างมหาศาล แล้วทำไมต้องยัดเยียดเด็กขนาดนี้ด้วย ชาติไทยมันจะไม่พัฒนา เพราะเด็กที่คำนวณฟังก์ชั่นเอ็กโพเนนเชียล ก็แตกอะตอมเป็นตั้งแต่ ป. 5 หรอก แต่จะพัฒนาเพระาเด็กที่โตสมวัยมากกว่านะ จากคุณ : คนภูธรGO ONนครบาล 24 เม.ย. 52 http://topicstock.pantip.com/family/topicstock/2009/04/N7786804/N7786804.html เด็กไทยต้องเรียนบ้าเลือดขนาดนี้เรยเรอะ!!!!!!!!!!!!.................. จากคุณ : ก็...ว่ากันไป เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:46:17 A:171.97.33.40 X: TicketID:326785

ความคิดเห็นที่ 17 ชุดนักเรียน ม.ปลาย ไทยน่ารักกว่าอะ อิอิ ผิดห้องจริงๆนะครับ ไม่ควรมาตั้งห้องนี้เลย ถึงจะมีหลายเสียสนับสนุนก็เหอะ แต่งานนี้ผมเห็นด้วยกับคุณแตงกว่านะ จากคุณ : MAXReal เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:48:07

ความคิดเห็นที่ 18 kaizen จากคุณ : Sudjarid_sai เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 09:54:23

ความคิดเห็นที่ 19 ถ้าจะให้ตรงห้อง คงต้อง โพสที่ ห้องไกลบ้านครับ แต่ผมไม่ค่อยเข้าห้องนั้นอาจไม่ได้อ่าน ก็ได้  ระบบการศึกษาไทย ตอนนี้ผมว่าล้มเหลว เพราะการจัดการศึกษาแบบทุกวันนี้ ที่ให้มีการสอบ O-net และเอาเกรดตอนเรียนมาคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยนั้น ก็โดยข้ออ้างว่า จะทำให้การกวดวิชาหมดไป  แล้วไง ตอนนี้กวดวิชาเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ การสอนในห้องล้มเหลวไม่เป็นท่า ไม่รู้ครูกั้กไว้หรืออย่างไร ทำไม ไม่กวดวิชาก ถึงสอบไม่ได้ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:03:39

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าเล่นหว้ากอมานานพอ จะรู้ว่า คุณ Hana* มีเรื่องราวดี ๆ จากญี่ปุ่นมาให้เราอ่านเสมอ ๆ ไอ้พวกไล่ไปที่อื่น หัดเปิดะโหลกรับข้อมูลดี ๆ บ้าง เห็นความเป็นไปของสังคมที่พัฒนาแล้วบ้าง อย่างป้าแตงกวาน่ะ มาด่ากระทู้นี้ทำไม? ทำไมไม่ไปด่ากระทู้ "ต้องมีกำลังพลแค่ไหน กับเทคโนโลยีอะไรบ้าง จึงจะพอต้านการรัฐประหารไหว" ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้ก่อให้เกิดความรู้ใด ๆ เลยด้วยซ้ำ ไม่ก่อให้เกิดการพัฒนาใด ๆ ป้าแตงกวาเองก็เขียนในกระทู้นั้นเองด้วยซ้ำ รู้ว่ามัน "เล่นเป่ายิ้งฉุบ" กัน หรือป้าแตงกวาจะกลัวว่า ... การที่ประชาชนคนไทยได้เห็นความเป็นไปที่ดี ๆ ของต่างชาติ แล้วจะรู้ทันว่า แท้จริงแล้วการศึกษาไทยนั้นออกแบบโดยกลุ่มที่คอยกดขี่ประชาชน เพื่อไม่ให้ฉลาด ไม่ให้รู้ทัน ไม่ให้พัฒนา เดี๋ยวประชาชนจะไม่เชื่อฟัง ... อย่างนั้นหรือ ... ? (ขออภัยคุณ Hana* ด้วยครับ บางทีมันเหลืออด) จากคุณ : เศียรนาคา ... เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:13:49 A:125.24.21.125 X: TicketID:255126

ความคิดเห็นที่ 21  ผมเองก็สงสัยเช่นกันความว่าระบบการศึกษาของประเทศไทยนั้นต้องการอะไรจากตัวผู้เข้ารับการศึกษากันแน่ ให้เด็กเอาแต่เรียนๆ ท่องจำๆๆ อย่างวิชา คณิตศาสตร์ หรือ วิทยาศาสตร์ นี่มันเอาแต่ให้เด็กจำแต่สูตรจำแต่วิธีแก้โจทย์ แต่ไม่ได้สอนให้เด็กเกิดจินตนาการ ได้รู้และเข้าใจที่มาของสูตร และ หลักการอย่างแท้จริง เพื่อการพัฒนาและต่อยอด แถมทุกๆปีก็ยังจับเอาวิชาอะไรแปลกๆมาใส่ เทอมสองเทอม แล้วก็เลิกได้ ภาระมันไม่ได้ตกอยู่กับผู้เข้ารับการศึกษาแต่เพียงอย่างเดียว ครูผู้สอนเองก็ต้องรับภาระด้วย และไหนจะข้อสอบที่มีการชี้แจงว่า"จะทำให้การเรียนพิเศษ/กวดวิชาลดลง" แล้วเป็นยังไงล่ะครับ เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ ยิ่งกว่าดอกเห็ด แถมเนื้อหาในข้อสอบมันก็บ้าบอคอแตกอะไรก็ไม่รู้ เอาความรู้ที่เราไม่เคยจะได้เรียนไม่เคยจะได้แตะมาออก แถมข้อสอบเองก็ผิดพลาดทุกปี แต่พอมาร้องเรียนก็โดนบอกว่า"มันเป็นข้อสอบที่นักวิชาการเป็นผู้ออกไม่มีทางที่จะมีข้อผิดพลาดได้" เฮ้อ = =" จากคุณ : nadashiko เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:47:56

ความคิดเห็นที่ 22 20 "ถ้าเล่นหว้ากอมานานพอ จะรู้ว่า คุณ Hana* มีเรื่องราวดี ๆ จากญี่ปุ่นมาให้เราอ่านเสมอ ๆ" เครดิตเก่าๆไม่ได้ช่วยให้กระทู้นี้เป็นวิทยาศาสตร์ขึ้นมานะครับ และสำหรับท่านที่บอกว่าถ้าโพสห้องอื่นตัวเองก็ไม่ได้อ่านก็ควรดูว่าตัวเองอยู่ที่ห้องอะไรด้วย ถ้าอยากอ่านเรื่องอื่นก็ไปอ่านที่ห้องนั้น ไม่ใช่ว่าเอาเรื่องหมวดอื่นมาอยู่ห้องวิทย์ สำหรับผมกระทู้คุณHana*จะตั้งหรือไม่ตั้งก็แล้วแต่อยู่แล้วไม่บ่นไม่ลบเพราะก็เห็นตั้งมานานปกติก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับวิทย์อยู่แล้วยกเว้นตอนแผ่นดินไหว ในเมื่อเจ้าตัวรู้ว่าผิดห้องแต่อยากตั้งก็ทนกันไป อย่างน้อยก็นานๆทีตั้งที จากคุณ : donutpla2 เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 10:51:43

ความคิดเห็นที่ 23 ชุดนักเรียน เหมือนแอร์โฮสเตสเลย จากคุณ : วิวเฟรโด้โกเมส ซานวาดอซานเชส เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 11:38:51

ความคิดเห็นที่ 24 ดูรูป และเนื้อหาแล้ว อย่างน้อยก็ได้วิชาคณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศึกษาศาสตร์ จิตวิทยา และ ภูมิศาสตร์ หรือคุณไม่ได้เลย จากคุณ : Sudjarid_sai เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 12:04:15

ความคิดเห็นที่ 25 ขอเสนอให้ย้ายไปห้องเฮฮาครับ จากคุณ : Humandroy เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 12:19:44

ความคิดเห็นที่ 26 ส่วนตัวผมชอบระบบการศึกษาของเยอรมันที่สุดนะครับ เค้าพัฒนาผู้เรียนจนบรรลุจุดสูงสุด คือมีความรับผิดชอบต่อตัวเอง ต่อสังคม ต่อผู้อื่น เเละผู้เรียนมีความรู้อันสามารถใช้ประโยชน์ได้สูงสุด ทั้งยังคิดอย่างมีเหตุผลมีหลักวิทยาศาสตร์ ทำงานเป็นทีม เคารพกฎของส่วนรวม สรุปคือเค้าพัฒนาผู้เรียนเเบบรอบด้านครบองค์ประกอบ ซึ่งเเตกต่างจากการศึกษาไทยที่เน้นคะเเนนเอาคะเเนนเป็นหลักเเล้วคะเเนนมาจากไหน มาจากงาน80% สอบความรู้20% ความรู้ที่จะใช้จริงๆก็ใช้ในช่วงสอบเเข่งขัน ซึ่งมีประโยชน์หรือไม่ตอบคือไม่ โรงเรียนในไทยเราเป็นระบบหลายมาตราฐาน โรงเรียนดีก็กวาดเอาเเต่คนเก่งๆไปรวมกัน เเล้วปล่อยคนที่ความสามารถไม่ถึงเกณฑ์ไปกองรวมกัน พวกดีก็ดีชนะการเเข่งขันระดับชาติเเต่พวกที่ไม่ดีไปกองกันก็เน่าสิครับ เเล้วก็กลายเป็นปัญหาประชากรไม่มีคุณภาพ สังคมเละเทะ สรุปคือการให้เด็กประถมมีความรู้ระดับมัธยมต้นหรืออาจจะมัธยมปลายด้วยซ้ำมันจะมีประโยชน์มั้ยครับ มันไม่เป็นประโยชน์อะไรเลยสมมุตินะครับเด็กเรามีควมรู้มากขนาดที่คำนวณปริมาตรผกผันหรือเข้าใจสมการคลื่นของชโรดิงเงอร์ตั้งเเต่ประถมเเต่ไร้จริยะธรรม ไร้ความรับผิดชอบ มันมีประโยชน์อะไรครับ อีกข้อหนึ่งที่สำคัญคือมีความรู้เเบบนนกเเก้วสักเเต่ท่องเอาไประยุกต์ไม่ได้มันตายมั้ยครับ ตายนะครับเหมือนข้อสอบO-NET คะเเนนดิ่งลงเหวขณะที่โรงเรียนกวดวิชาผุดเป็นดอกเห็ดทำไมมันสวนทางล่ะครับ เเสดงว่าระบบการศึกษาไทยมันล้มเหลวผู้เรียนวิเคราะห์อะไรไม่เป็น ประยุกต์ไม่เป็น นี่เเหละครับปัญหา เเน่นอนครับพวกเด็กก็จะบอกว่าเอาอะไรมาออกไม่เคยเรียนเเต่พวกครู่ก็จะบอกว่าเป็นข้อสอบที่ต้องคิดหลายชั้นบ้างล่ะข้อสอบเเนนวอ้มบ้างล่ะสารพัด เเล้วทำไมไม่เอานักเรียนกับครูหรือคนออกหลักสูตรมาคุยกันล่ะครับว่าจะเอยังไงจะพัฒนาด้านไหนเอาให้ชัดเจนประเทศจะได้พัฒนาไม่ใช่พัฒนาเเต่ส่วนน้อย เเต่คะเเนนเฉลี่ยระดับประเทศร่วงลงเหวปล่อยให้ประเทศที่ตามหลังเราเเซงหน้าเราไปเเบบไม่ติดฝุ่นเเบบนี้ ขอโทษที่ต้องบ่นนะครับมันเหลืออดจริงๆไปดูงานประเทศพัฒนาเเล้วหลายประเทศเเล้วมาดูประเทศเรามันหดหู่ใจโลกเค้าก้าวหน้าเเค่เราก้าวเอาหน้าลงเหว เเล้วเราจะเป็นศูนย์กลางอาเซียนได้ยังไง จากคุณ : commander เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 12:25:00 A:101.108.112.62 X: TicketID:352621

ความคิดเห็นที่ 27 บางคนไปด่าเค้าว่าอยากโชว์แล้วมีใครถามถึงคุณเรื่องเครื่องบินมั้งมั้ย เห็นส...ไปทุกที จากคุณ : เก้าอี้เสริม เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 12:41:05

ความคิดเห็นที่ 28 พอเห็นภาพ ระบบของประเทศที่เน้นเตรียมเอ็นต์ กับไม่เน้นเตรียมเอ็นต์ จากคุณ : evillcore เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 13:37:40

ความคิดเห็นที่ 29 ขอบคุณ จขกท. ครับ.. ปกติผมไม่ให้กีบใครง่ายๆ.. ยิ่ง 3กิีีบนี่นับครั้งได้.. จากคุณ : paefah เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 13:40:51

ความคิดเห็นที่ 30 ลูกสาวเป็นลูกครึ่งรึปล่าวครับ หรือไทยแท้แต่อยู่ญี่ปุ่น จากคุณ : tottui เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 13:52:27

ความคิดเห็นที่ 31 คห 16 ผมว่าปัญหามันอยู่ที่โรงเรียนแล้วล่ะครับ จากคุณ : chetM เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 17:02:56

ความคิดเห็นที่ 32 คคห.11 การ์ตูนก็คือการ์ตูน ไปยามวิกาลเผลอๆถูกจับข้อหาบุกรุก โดนพักการเรียนเอาได้นะ ขอตอบรวมๆนะคะ  เท่าที่อ่านๆดู รู้สึกว่าระบบการศึกษาของไทยคล้ายคลึงกับญี่ปุ่นอยู่เหมือนกัน ของเยอรมันเรียนเเค่ครึ่งวันเองหรือคะ เเสดงว่าเด็กมีความรับผิดชอบสูง ที่นี่ให้เรียนครึ่งวัน อีกครึ่งวันคงได้เล่นกันเป็นที่สนุกสนาน โรงเรียนญี่ปุ่นก็คัดเด็กค่ะ  ถ้าเอกชน ก็จะมีเด็กเรียน(จะช่วยสร้างชื่อเสียงตอนสอบเข้ามหาลัย ใครสอบเข้าโทได ได้มากกว่ากัน)กับเด็กกิจกรรม(ก็พวกกีฬาฟุตบอล เบสบอล คนเล่นเก่งๆไม่ต้องสอบเข้า เรียกตัวเข้าเรียนพร้อมกับยกเว้นค่าเล่าเรียนให้ด้วย) โรงเรียนเทศบาลก็เเบ่งตามคะเเนนผลการเรียนตอนม.ต้น เด็กเก่งก็จะไปสอบโรงเรียนนี้ เด็กที่เรียนรองลงมาหน่อยก็จะไปสอบเข้าโรงเรียนนั้น  โรงเรียนดังก็เเย่งกันเข้าเหมือนกัน ต้องขออภัยด้วยที่ตั้งกระทู้ผิดที่ผิดทาง โอกาสหน้าจะมาพร้อมด้วยจำนวนชั่วโมงเรียนวิชาวิทย์(เคมี ฟิสิกส์ ชีวะ) เเละจำนวนชั่วโมงเรียนวิชาคณิต พร้อมทั้งตารางการสอบ ม.4ช่วง3เดือนเเรก สอบกันหนักทีเดียว พอดีลูกจะเรียนสายวิทย์ด้วย คงจะได้มีเรื่องมาเล่าให้คนที่สนใจได้อ่านอีกค่ะ จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : 5 เม.ย. 55 21:46:10