ความคิดเห็นที่ 1 เท่ากันคะ น้ำตาลเท่ากัน แคลลอรี่ก็เท่ากัน จากคุณ : แพนดี้ี้ เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 11:49:07 A:124.122.17.177 X: TicketID:159640

ความคิดเห็นที่ 2 ปริมาณน้ำตาลที่ร่างก่ายได้รับเท่ากันครับ แต่รสชาติความหวานที่ลิ้นสัมผัสได้ไม่เท่ากัน จากคุณ : ZHEZA_N1 เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 11:52:08

ความคิดเห็นที่ 3 เข้าใจว่า ถ้ากินเข้าไปช้อนนึง ความเข้มข้นของตัวมันเนี่ย ค่อนข้างสูง.. ระบบดูดซึมก็จะดูดได้เร็ว.. แต่ถ้าผสมน้ำ มันเจือจาง ระบบดูดซึมกว่าจะดูดซึมได้หมดมันคงนานกว่า.. แล้วมันก็คงเจือจางเกินไปกว่าที่ร่างกายจะรู้สึกอะไรน่ะครับ.. เดานะ.. จากคุณ : paefah เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 11:52:58

ความคิดเห็นที่ 4 มันเท่ากันอยู่แล้วครับ เพียงแต่มันเจือจางกว่า เพราะแก้วบิ๊กกัลฟ์มันก็ใหญ่อยู่คงไม่ดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว 1 แก้วกินได้สัก 2 ครั้ง แต่ถ้าให้กินน้ำหวานปกติเราคงไม่กินแค่ 1 ช้อนชาแน่ๆ จากคุณ : Wizzard เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 11:55:42

ความคิดเห็นที่ 5 เท่ากัน 100% ครับ จากคุณ : Daimon in the rough เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 12:28:58

ความคิดเห็นที่ 6 ไม่ต่างกัน ทานด้วยปัญญา อย่าทานเพราะตัณหา จากคุณ : มีดแรกไม่พลาดเป้า เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 12:58:40

ความคิดเห็นที่ 7 เท่ากันสิครับ ลองคิดง่ายๆว่า น้ำหวาน 1 ช้อนนั้นมันไปไหนครับ? คือถ้าไม่มีอะไรมาหักล้างสลายน้ำตาลไปเป็นอย่างอื่น ยังไงมันก็ยังอยู่ในนั้นแหละครับ จากคุณ : nopex เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 13:20:38

ความคิดเห็นที่ 8 ผมเป็นเบาหวาน เหมือน เจ้าของกระทู้ คำถามของ จขกท เป็นคำถามที่ดี กิน glucose เท่ากัน 1 ชช. แตกต่างกันที่ dilute ด้วยน้ำ หรือ concentrated มากหรือน้อย จขกท กังวลว่า 2 อย่างนี้ คือ "กิน pureๆ กับ เจือจาง" มีผลต่างกันอย่างไร ? มาดูที่ค่า GI และ GL ก่อน 1) ค่า GI  Glycemic Index  น้ำตาล=เท่ากัน GI เป็นดัชนีที่เทียบกับ glucose คือ 100 อาหารอื่นๆ ค่า GI ก็ลดลงตามส่วน --ตัวเลข GI บ่งชี้ว่า กินเข้าไปแล้วทำให้ Blood glucose level วูบวาบ หรือ ค่อยๆ ขยับ 2) ค่า GL  หรือ Glycemic Load  ค่าตัวนี้บ่งชี้ว่า --อาหารที่กินเข้าทำให้ ระดับ Blood Glocose level สูงขึ้นเท่าไร ต่อ 1 กรัม ในที่นี้จะเห็นว่า จขกท กินน้ำตาล 1 กรัม เท่ากัน ******() ดังนั้น ระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มสูงขึ้นเท่ากัน แต่ในขณะเดียวกัน เมื่อคำนึงถึง ระดับน้ำตาลในเลือดที่จะเพิ่มขึ้น.. วูบวาบ หรือไม่ ? ระดับน้ำตาลที่เพิ่มขึ้นวูบวาบ .... เป็นตัวกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ทำให้กระตุ้นความหิวง่าย ตัวนี้มันขึ้นกับค่า GI  แต่เนื่องจากเป็น "น้ำตาล" ตัวเดียวกัน ค่า GI จึงเท่ากันไม่ว่ากินเจือจาง หรือ เข้มข้น .....*** รูป GI มาก ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มวูบวาบ (ต่อ) ตกลงมีความแตกต่างไหมล่ะ ?? ระหว่างกินเจือจาง กับ เข้มข้น จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 13:27:53

ความคิดเห็นที่ 9   (ต่อ) ตกลงมีความแตกต่างไหมล่ะ ?? ระหว่างกินเจือจาง กับ เข้มข้น  / น้ำตาล-เข้มข้น VS  น้ำตาล-เจือจาง  มีผลกับการดูดซึม...ช้าหรือเร็ว ครับ ผลการทดลอง เขาว่าอย่างนี้ 3.Effect of concentration on absorption rates. Nagano('02a)and Orni('09)using comparatively dilute solutions of several sugars,obtained results demonstrating that the total amount absorbed increased as the solution became more concentrated, CREDIT จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 13:34:24

ความคิดเห็นที่ 10 (ขออนุญาต เล่าซ้ำอีกสักที) จขกท อาจทดลองอิทธิพลของ GI  มีผลกระตุ้นกับ Insulin  ดังนี้ มื้อกลางวันให้กิน GI=Low เช่น กินเกาเหลาชามเดียว -- ห้ามกินข้าวเลย คุณจะอยู่ท้องไปถึงมื้อเย็น ไม่รู้สึกโหย ... ทั้งๆที่ดูซิครับ เมนูมีแค่ เกาเหลาชามเดียว (ค่า GI = 0) วันต่อมาให้ลอง กินเกาเหลา 1 ชามเท่ากัน แต่วันนี้ล่อข้าวเปล่าสักถ้วย ประมาณบ่ายแก่ๆ ผมเคยลองไม่ถึงบ่าย 2 โมง เกิดอาการหิว อาการโหย จะเป็นลม ไม่มีแรง ต้องรีบหาอะไรกิน ที่เป็นอย่างนี้เพราะ ข้าวเปล่า มี CARB มันมี GI สูง มันเข้าไปทำให้ระดับ glucose ในกระแสเลือด วูบวาบ ส่งผลไปกระตุ้น Insulin ซึ่งเป็นโฮโมนตัวการกระตุ้นความหิว ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 13:40:48

ความคิดเห็นที่ 11 การรับปริมาณน้ำตาลถือว่าเท่ากันไม๊ครับ >>>>>>>> สรุป การรับปริมาณน้ำตาล=เท่ากัน แต่มีผลต่อระดับน้ำตาลในกระแสเลือด=ไม่เหมือนกัน จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 13:42:52

ความคิดเห็นที่ 12 ไม่เท่ากัน เพราะน้ำตาลเปลี่ยนสภาพไปเมื่อผสมกับน้ำ น้ำหวานเข้มข้น 1 ช้อน จะอยู่สภาพของน้ำตาลโมเลกุลคู่ ( Disaccharides ) สูตรเคมี C12H22O11 เมื่อผสมกับน้ำ H2O จะเปลี่ยนสภาพเป็น น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ( Monosaccharides ) C12H22O11 + H2O จากคุณ : จะเป็นใครก็ชั่งมัน เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 16:01:57 A:219.104.137.163 X: TicketID:247238

ความคิดเห็นที่ 13 เมื่้อ C12H22O11 + H2O ==> C6H12O6 + C6H12O6 C6H12O6 เป็น น้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว ( Monosaccharides ) หรือที่เรารู้จักกัน ก็คือ กูลโคส ซึ่งดูดซึมได้ดีกว่า น้ำตาลโมเลกุลคู่ ( Disaccharides ) (น้ำหวานเข้มข้น) ซึ่งดูดซึมได้ยากและขับถ่ายทิ้งไป สรุป ไม่เท่ากัน จากคุณ : จะเป็นใครก็ชั่งมัน เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 16:05:33 A:219.104.137.163 X: TicketID:247238

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณ คุณ จะเป็นใครก็ชั่งมัน มาให้ความรู้เรื่อง Disaccharides เป็นผลจากการ disolved in water ซึงผมไม่รู้มาก่อน คิดว่า dilute แค่ทำให้เจือจาง จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 16:36:30

ความคิดเห็นที่ 15 แนะนำให้จิบน้ำใส่ยาอุทัยทิพย์แทนนะคะ จากคุณ : Living Extreme เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 18:47:50

ความคิดเห็นที่ 16 "น้ำ"หวานมันก็น่าจะ C12H22O11 + H2O เหมือนน้ำผสมน้ำหวานไม่ใช่หรอ แค่เข้มข้นสูง ปล.คุ้นๆว่าสารอินทรีย์ ละลายน้ำ จะจับเป็นวงแหวน ใช่รึเปล่า? จากคุณ : Gilia เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 20:08:55

ความคิดเห็นที่ 17 ในแง่เนื้อสาร เท่ากันครัน แต่ในแง่ความเข้มข้น ไม่เท่ากันครับ จากคุณ : pinestand เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 22:54:48

ความคิดเห็นที่ 18 คิดเหมือนกันครับ แต่ถ้าเปลี่ยนเป็น ความเค็ม หรือปริมาณโซเดียม จะให้ผลเหมือนกันมั้ย เป็นประโยชน์สำหรับคนเป็นโรคไต หรือความดันนะครับ จากคุณ : praphrut608 เขียนเมื่อ : 10 เม.ย. 55 23:26:47

ความคิดเห็นที่ 19 สงสัย โพสของคุณ จะเป็นใครก็ชั่งมัน น่ะครับ การละลายน้ำไม่น่าจะทำลายพันธะของน้ำตาลโมเลกุลคู่นิครับ ปกติ เราจะใช้เอนไซม์ ในร่างกายเราในการทำลายพันธะให้เป็นน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยว และดูดซึมได้ตามปกติ ซึ่งก็จะได้ว่า น้ำตาลทรายในช้อน (โมเลกุลคู่, ซูโครส) ละลายน้ำก็น่าจะยังเป็นโมเลกุลคู่อยู่น่ะครับ ถ้าผิดพลาดรบกวนบอกผมด้วยนะครับ น้อมรับการแก้ไขครับ :) ตอบคำถาม จขกท ผมให้คำตอบว่าเท่ากันครับ ถึงความเข้มข้นจะไม่เท่ากัน แต่เนื้อสารเท่ากันครับ :) รักษาสุขภาพด้วยนะครับ จากคุณ : SmileWider เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 00:47:24

ความคิดเห็นที่ 20 ได้รับน้ำตาลเท่ากัน แต่ผสมน้ำดูดซึมช้ากว่า ร่างกายเผากลูโคสทัน น้ำตาลในเลือดไม่ขึ้นวูบวาบ จากคุณ : เขียนบน iPhone (4s with siri) เขียนเมื่อ : 11 เม.ย. 55 15:31:44

ความคิดเห็นที่ 21 การละลายน้ำ ไม่ทำให้พันธะโมเลกุลเปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็นเกลือหรือน้ำตาล มันเพียงแต่ทำให้ขนาดของกลุ่มสสารเล็กลง แตกกระจายไปแทรกระหว่างโมเลกุลของน้ำ จนไม่สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า จากคุณ : *Cookies* เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 09:10:44

ความคิดเห็นที่ 22 ในฐานะที่ผมเป็นเบาหวาน + ชอบออกกำลังกาย การออกกำลังกาย .. ร่างกายจะใช้ glucose ในเลือดมาเป็นพลังงาน บางครั้ง และ หลายครั้ง ที่ผมออกกำลังหนักเพลินไปหน่อย ทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดลดต่ำกว่าปกติ ที่เรียกว่า Hypoglycemia วัดระดับน้ำตาลในเลือดต่ำกว่า 87 mg/dl (ตัวเลขนี้ คือ ระดับน้ำตาลของผมเริ่มออกอาการ ... ไม่ดี ) คนอื่นๆจะอยู่ที่ระดับอื่นๆ ทั่วๆไป คือ ระดับต่ำกว่า 80 ลงไปถึงต่ำสุดคือ 50 mg/dl เป็นระดับที่เป็นอันตราย สมองส่วน Hypocampus สมองส่วนความจำ ขาดน้ำตาล คนที่เกิดอาการ Hypoglycemia นี้ จะต้องรีบ load น้ำตาลเข้าไปทันที อาจจะอมลูกอม / กิน CARB ฯลฯ ของผมวิ่งเข้า 7/11 ยกมือบอกน้องคนขาย "เปาหมูสับ 2 โค๊ก 1" แป๊ปเดียว อาการขาอ่อน เป็นลม ก็ฟื้นคืนชีพ กลับมาสดชื่นเหมือนเดิม ครับ (ต่อ) หลังจากนั้น ผมเริ่มค้นหาข้อมูล อะไรเป็นตัวโหลดน้ำตาลในเลือดได้เร็ว จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 09:46:00

ความคิดเห็นที่ 23 ผมชอบตัวเลข .. คอยวัดระดับน้ำตาล เมื่อร่างกายมีอาการผิดปกติ ดังเช่น Hypoglycemia ของผมอยู่ที่ระดับ 87 mg/dl สังเกต ระดับ FBS ผมคุมได้(ดี) เกือบเท่าระดับคนปกติ คือ 107 mg/dl เป็นผลจากการออกกำลัง การออกกำลังกายเป็นผลดีกับคนเป็นเบาหวานมาก หมายเหตุ อย่าดูตัวเลข Date / Time ผมเปลี่ยนแบ็ตฯ ลืมตั้งเวลา ครับ แก้ไขเมื่อ 12 เม.ย. 55 09:51:05 จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 09:49:57

ความคิดเห็นที่ 24 (ต่อ) หลังจากนั้น ผมเริ่มค้นหาข้อมูล อะไรเป็นตัวโหลดน้ำตาลในเลือดได้เร็ว หลังจากนั้น ผมมานั่งคิดว่า 1) การที่พยาบาลให้อมลูกอม VS 2) ผมกิน CARB คือ แป้งขัดขาวที่ทำซาละเปา ผมพบด้วยตัวเองว่า กินเปา 2 (CARB) + โค๊ก ... ออกฤทธิได้ผลดีเป็นที่พอใจ (จ่ายตัง 42 บาท ครับ) ต่อมา ผมก็คิดต่อไปอีกว่า ... อะไรเป็นตัวบ่งชี้ว่า "กินเปา" หรือ "กินนั่นนี่" จะเพิ่มระดับในเลือดได้ ==> เร็วหรือช้า ?? คำตอบคือ ค่า GI หรือ Glycemic Index เป็นตัวบ่งชี้ว่า ระดับน้ำตาลในเลือด"จะเพิ่มเร็วหรือช้า" ขึ้นกับค่า GI ค่า GI ยิ่งสูง ระดับน้ำตาลในเลือดจะเพิ่มเร็ว ............ Ref อาหารที่มี GI สูงจะถูกดูดซึมได้เร็วกว่า และเป็นเหตุให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นสูงกว่าอาหารที่มี GI ต่ำ อาหารที่มี GI ต่ำ http://www.dcfl.in.th/Articles-Glycemic-Index.php (ต่อ) แล้วผมก็ซักถามตัวเองต่อไปว่า ระดับน้ำตาลขึ้นสูงแล้ว มันสูงขึ้นเท่าไรล่ะ ตรงนี้สำคัญสำหรับ คนเป็นเบาหวาน จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 10:03:18

ความคิดเห็นที่ 25 (ต่อ) แล้วผมก็ซักถามตัวเองต่อไปว่า ระดับน้ำตาลขึ้นสูงแล้ว มันสูงขึ้นเท่าไรล่ะ ตรงนี้สำคัญสำหรับ คนเป็นเบาหวาน พอผมซักต่อ จึงพบว่า ระดับน้ำตาล Blood sugar level จะขึ้นสูงเท่าไร ตัวนี้จะต้องดูค่า GL Glycemic Load ของอาหารชนิดนั้นๆ ตัวอย่างที่จะอธิบายได้ดี คือ  .... Potato VS Sweet Potato มันฝรั่ง vs มันเทศ   สอง-มัน มี CARB เหมือนกัน แปลว่า มี Glycemic Load เท่ากัน แต่ sweet Potato มีค่า GI ต่ำกว่า การเติมน้ำตาลในกระแสเลือดเป็นไปอย่างช้าๆ ในเวป ในหนังสือลดน้ำหนัก ในหนังสือเพาะกาย เขาจึงแนะนำให้กิน Sweet Potato เพราะกินแล้ว GI ต่ำกว่า มันจะอิ่มนาน ไม่ไปกระตุ้น Insulin ที่เร่งความหิว ไงครับ High Glycemic Index Foods Are Linked to Health Problems What researchers have learned is that high glycemic index foods generally make blood sugar levels higher. In addition, people who eat a lot of high glycemic index foods tend to have greater levels of body fat, as measured by the body mass index (BMI). High BMIs are linked to obesity, heart disease, and diabetes. http://diabetes.webmd.com/glycemic-index-good-versus-bad-carbs จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 10:13:00

ความคิดเห็นที่ 26 ประเด็นคำถามของ จขกท   เป็นคำถามต่อยอดจาก potato vs sweet potato ขึ้นไปอีกชั้น "น้ำตาลเข้มข้น vs น้ำตาลเจือจาง ซึ่งมี น้ำตาล-เท่ากัน"  มีผลต่างกันอย่างไร ? จะเห็นได้ว่า "สองน้ำ-ตาล" มี Glycemic Load เท่ากัน แถมมี GI เท่ากัน ดูเผินๆ น่าจะตอบว่า มีผลเหมือนกัน   แต่ถ้าดูให้ลึกกว่านั้น ก็ต้องมองว่า ตัวไหนจะ absorp ได้เร็วกว่ากัน จึงจะส่งผลให้น้ำตาลในกระแสเลือด-เพิ่มได้เร็วกว่า ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 10:18:43

ความคิดเห็นที่ 27 ที่ผมค้นได้ ตามลิ้ง คห. 9  Rate of Absorption ขึ้นอยู่กับความเข้มข้น น้ำตาลเข้มข้น จะดูดซึมได้เร็วกว่า   แต่ คห. 13 แย้งว่า น้ำตาลผสมน้ำ จะเปลี่ยนโครงสร้างเป็น น้ำตาลโมเลกุลคู่ ( Disaccharides ) (น้ำหวานเข้มข้น) ซึ่งดูดซึมได้ยากและขับถ่ายทิ้งไป ซึ่งผมไม่มีความรู้เรื่องการเปลี่ยนแปลงนี้ จึงขอรับไว้ค้นหาต่อไป จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 12 เม.ย. 55 10:24:04