ความคิดเห็นที่ 1 คำว่า ไม่จำเป็น กับคำว่า ไม่ต้อง คนละความหมายนี่ครับ ถ้าเขาบอกว่า ควรทานอะไร ที่มากกว่าที่คุณทานเสริมอยู่ แล้วร่างกายดีขึ้น คุณจะทานไปทุกอย่างเลยไม๊ล่ะครับ อาหารเสริม ที่ดีกับร่างกายมีเป็นพันๆชนิดครับ ด้วยเหตุผล และเงื่อนไข เดียวกันนั่นแหละ การเสริม กับ เติมขาด คนละความหมาย...นั่นเอง อย่าเอามาปนกันครับ จากคุณ : ก็...ว่ากันไป เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:18:53 A:58.9.108.170 X: TicketID:326785

ความคิดเห็นที่ 2 อาหารเสริม เข้าใจว่า ถูกบัญญัติใหม่เป็น ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อแยกแยะ และ ไม่ให้สับสน หรือ เกิดการลวงความเข้าใจผู้บริโภคว่า เป็นอาหาร เพราะ หากคนทานคิดว่าเป็นอาหาร ก็จะคิดว่าเป็น อาหาร แล้วไม่ทานอาหารตามปกติ ซึ่งจะเป็นผลทำให้ขาดสารอาหารหลักๆ ตัวอื่นๆ นั่นเอง จากคุณ : ก็...ว่ากันไป เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:23:06 A:58.9.108.170 X: TicketID:326785

ความคิดเห็นที่ 3 แล้วทำไมต้องบอกว่าไม่จำเป็นล่ะครับ  ขนาดหมีแพนดาที่เชียงใหม่ยังให้กินวิตามินเลย  แต่ทำไมพอคนบอกว่าไม่จำเป็นต้องกิน  เอาไว้กินตอนที่ขาดอาหาร จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:25:11

ความคิดเห็นที่ 4 ผมไม่ค่อยกินผัก ชอบกินเนื้อเยอะๆ ข้าวหน่อยๆ ชอบผลไม้นิดหน่อย แนะนำอาหารเสริมด้วยครับ จากคุณ : ปลาๆงูๆ เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:26:55

ความคิดเห็นที่ 5 ผิวสวยผมสวย มันออฟชั่นเสริม ผิวกังหน้ากาก ก็ไม่ตายมีชีวิตอยู่ได้ ถ้าเงินเหลือเยอะจนถมทะเลได้ไปซื้อมากินก็ไม่มีปัญหาหรอก แต่บางคนซื้ออาหารเสริมมากินจนละเลยอาหารหลัก มันก็ไม่ดีจริงไหม งั้นคุณลองบอก"ข้อเสีย"ของการไม่ทานอาหารเสริมมาซิว่าเป็นยังไงมั่ง ถ้ามันมีอะไรมากกว่า ผิวสวย ผมสวย หน้าใส กล้ามโต ก็จะได้ไปหามากินมั่ง คนแก่ญี่ปุ่น 100 ปี ทานผักทานปลา ไม่เห็นต้องพึ่งวิตามินเลย คนสมัยก่อนไม่มีวิตามินเสริม ทำไมอยู่กันได้ล่ะ ยกตัวอย่างแบบนี้ได้เหมือนกัน จากคุณ : Disorder เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:27:09

ความคิดเห็นที่ 6 ผมพูดถึงผมสวยผิวสวยเ้พราะมันมองเห็นได้ ไม่ได้อุปทาน  แต่ข้อดีจริง ๆ เป็นเรื่องความคิดความจำ ความกระปรี้กะเป่า  ร่างกายสดชื่น อยู่ได้  กับ อยู่ดี ไม่เหมือนกัน ไม่ใช่ว่ามีชีวิตและหายใจได้  มันก็ดีเหมือน ๆ กันหมดทุกคน ถ้าต้องแก่ มันก็ต้องแก่อย่างมีคุณภาพ ร่างกายแข็งแรง  ความคิดความจำแจ่มใส  ไม่ใช่ว่าถ้าได้กินข้าวแล้วหายใจได้  ก็พอแล้ว   ตรงนี้จึงควรกินพวกวิตามินและอาหารเสริมไว้บ้าง จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:32:50

ความคิดเห็นที่ 7 ิวิตามินยิ่งกินเยอะ สุขภาพเงินในกระเป๋ายิ่งไม่ดี ตอนนี้เลยเอาสุขภาพกายพอได้ สุขภาพใจเต็มร้อย ที่สำคัญสุขภาพเงินมีใช้จ้า จากคุณ : สตอเบอรี่ในกล่องไม้ เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:33:49

ความคิดเห็นที่ 8 ไม่จำเป็นต้องกินวิตามินเสริมหรอกแค่เพียงกินผักและผลไม้เยอะๆก็ช่วยให้ผิวสวยผมสวยได้ จากคุณ : can't buy my love เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:36:47

ความคิดเห็นที่ 9 อืม มีเรื่องน่าสนใจอย่างนึง  คือ พอพูดถึงวิตามินอาหารเสริมแล้วจะต้องนึกถึงคำว่า "แพง" จริง ๆ เป็นเพราะเราอยู่กับการโหมโฆษณาของผลิตภัณลวงโลกต่าง ๆ  ที่มีราคาแพง  ทำให้เราเชื่อว่ามันต้องแพง แต่ถ้าเลือกซื้ออันที่มันเป็นตัววิตามินที่ใช้ทางแพทย์ที่ขายเป็นยาจริง ๆ ไม่แพงหรอก จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:41:25

ความคิดเห็นที่ 10 ใครมันจะไปกินครบ 5 หมู่ ผมกินข้าวเช้าที่บ้าน อยู่หมู่ 5 กลางวัน กินแถวทีทำงาน อยู่หมู่ 3 เย็นกลับมากินที่บ้าน หมู่ 5 วันนึงกินแค่ 2 หมู่เอง ไม่ครบ 5 หมู่ จากคุณ : karawara เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:41:34

ความคิดเห็นที่ 11 เอาเฉพาะวิตามิน  มีทั้งหมดกี่อย่าง ถ้าต้องกินครบหมด  ต้องกินเท่าไหร่ ผักหญ้าราคาถูก  วิตามินหลากหลายในผักแต่ละชนิด ถ้ากินผักได้มากพอ  ก็ได้วิตามินพอ  ก็ไม่จำเป็นต้องกิน ก็ถูกของหมอแล้วนี่คะ วิตามินไม่ใช่ของถูก ถ้าไปสร้างค่านิยมว่า  กินวิตามินเม็ด  กินอาหารเสริม  แล้วดีต่อสุขภาพมากกว่ากินอาหารปกติให้ครบ 5 หมู่ คนไทยก็คงจนลงไปอีก  เพราะต้องดิ้นรนหาเงินมาซื้อวิตามิน แล้วอีกหน่อยพออายุมากเข้า  ต้องหาเงินมารักษาตับ เพราะตับพังอีก หมอกับนักโภชนาการ  แค่บอกว่า ไม่จำเป็น  ไม่ได้ห้ามกินเสียหน่อย  จะไปเคืองอะไรเค้านักหนาคะ จากคุณ : วัลยา เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:42:29

ความคิดเห็นที่ 12 เราก็บุคลากรทางการแพทย์คนนึง กินวิตามินเสริมด้วย 555 การกินครบ 5 หมู่ แต่ปริมาณที่กินล่ะ ได้เพียงพอมั้ย กินผักวันละถ้วย 2 ถ้วย ถามว่ากินกันไ้ด้ครบมั้ย และผักผลไม้ทุกชนิดก็มีปริมาณสารอาหารที่แตกต่างกัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกินได้ครบทุกสารอาหาร ในปริมาณที่ร่างกายต้องการ การไม่กินเสริม จะเป็นอะไรมั้ย มันก็ไม่เป็นหรอกค่ะ แต่ถ้าอยากให้เห็นผลบางอย่างเร็ว การกินเสริมมันก็จะเห็นผลเร็วขึ้น จากคุณ : มามั่ว เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:43:20

ความคิดเห็นที่ 13 คำว่ากิน ครบ ห้าหมู่ คุณ ไข่อุ้ง หมายถึงอะไรละ กิน เนื้อ -แป้ง 90% กินผัก 10% ไหม ถ้าแบบนั้น คุณบอกกิน วิตะมิน แล้วรู้สึก ว่า จำเป็นก็ถูกแล้วละ หมอเขาพูดถูกแล้ว แต่คุณไม่เข้าใจเองมากกว่า คำว่า "ครบ" 5 หมู่ คือน่าจะหมายถึง ครบ100% เนื้อ 100% ผัก100% แป้ง% คือทุกอย่างมี สมมาติ เท่าๆ กัน ก็ไม่จำเป็นต้องกินอาหารเสริมกระมังครับ จากคุณ : lazarn เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:46:43

ความคิดเห็นที่ 14 ไม่จำเป็น หมายถึง ไม่กิน ก็ไม่ส่งผลกระทบจนเกิดความเสียหายกับร่างกาย โดยทั่วไป อาหาร ๕ หมู่ จะมีสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย เพียงพออยู่แล้ว  แต่การกินให้ครบ และได้สารอาหารเพียงพอ ในปัจจุบัน ไม่ใช่เรื่องง่าย  วิตามินเสริม จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:55:38

ความคิดเห็นที่ 15 การกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ตามธงโชนาการคือสิ่งที่สอนกันผิดๆ มาโดยตลอด และสิ่งนี้ เองที่ทำให้คนไทยเป็นเบาหวานกันขนาดหนักในปัจจุบัน ยังไม่รวมโรคเกี่ยวกับระบบ ไหลเวียนโลหิตอีกเป็นจำนวนมาก การกินที่ถูกต้องคือคาร์โบไฮเดรตต้องน้อยที่สุด Low Carbohydread คือสิ่งที่ทำให้เรา สุขภาพดีเพราะ Carb คือตัวการร้ายที่ทำให้ระบบการหลั่งอินซูลินเราปั่นป่วนและเข้าสู่ วัฏจักรของการหิวซ้ำซ้อน ข้าวขัดสี แป้ง น้ำตาล สิ่งเหล่านี้ควรเลิกกินหรือลดให้น้อยที่สุด เพราะมันคือตัวการร้าย ทำลายสุขภาพ จากคุณ : มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เขียนเมื่อ : วันเนา 55 09:57:09

ความคิดเห็นที่ 16 ถูกทั้ง2ฝ่ายครับ อาหารเสริมจะมีประโยชน์มาก กับคนที่ออกกำลังกาย สม่ำเสมอ และคนที่รู้สึกอ่อนเพลีย ต้องการบำรุง แต่คนที่พักผ่อนน้อย เค้าก็บอก แก้โดยการกินอาหารหลักเยอะๆ จากคุณ : ตู้ฝูเว่ย เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:01:59

ความคิดเห็นที่ 17 อ้อ ไข่อุงเพิ่งรู้เหมือนกันว่าแป้งไม่ต้องกินมาก  ก็ถูกสอนมาว่า ต้องกินแป้งให้มากที่สุดเพราะมันให้พลังงาน  ไม่กินก็ไม่มีพลังงาน   #13   กินเท่ากันทุกหมู่ได้ไงเล่า  กินไขมันเท่ากะข้าวก็ตายพอดี  ก็นักโภชนาการมั่วเอาทั้งนั้นไง  เหมือนไข่อุงก็เคยตั้งกระทู้ทีนึงแล้วว่าเรื่องแคลเลอรี่ของอาหารก็มั่วนิ่ม   ไม่มีใครบอกได้หรอกว่า 5 หมู่นั่น  ต้องกินวันละกี่ช้อน กี่ถ้วย ที่ไข่อุงบอกว่าการกินวิตามินจำเป็น  ไม่ได้หมายถึงว่า ไม่ได้กินแล้วจะตายไม่มีแรงทำงาน   แต่ไข่อุงหมายถึงว่า ในโลกยุคใหม่นั้น คนเราควรมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรง  ดูดีทั้งภายนอกภายใน  โลกสมัยใหม่มันน่าจะหมดยุคแห่งความอัตคัตแร้นแค้นเหมือนคนรุ่นพ่อรุ่นแม่ได้แล้ว คนสมัยก่อนอายุ 40 ฟันก็หลอเกือบหมดปากแล้วเพราะไม่มีหมอฟัน  อายุ 60 หลังก็ลอเป็นกุ้งเพราะไม่มีแคลเซียมให้กิน   จะเอายังงั้นเหรอ ความจำเป็นของไข่อุงหมายถึง  คนรุ่นใหม่ ต้องหล่อ สวย แข็งแรงดูดีทั้งภายนอกภายใน  เข้าใจเป่า จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:06:43

ความคิดเห็นที่ 18 แม้จะหมั่นไส้ แต่ก็ต้องเห็นด้วย เรื่องอาหาร แพทย์ทางเลือกที่รู้จัก เค้าจะไม่กินคาร์โบไฮเดรตเลย แต่ว่าตอนเด็ก มักถูกพ่อแม่สอนให้กินข้าวเยอะ ตอนนี้คงไม่ต้องแล้วเพราะไม่ได้อัตคัตขาดแคลน แล้ววันๆก็ไม่ไเ้ใช้แรงงานมากมายอะไร จากคุณ : nohaha เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:13:35

ความคิดเห็นที่ 19 ข้าวเจ้าที่เรากินอยู่ทุกวันนี้นี่แหละตัวการร้ายของสารพัดโรคเลยหละครับ โดยเฉพาะ โรคเบาหวาน เพราะแป็งมีค่า GI มากเกือบเทียบเท่าน่ำตาลกลูโคสเลย โดยเฉพาะแป้ง และข้าวขัดสี (ขัดขาว) พวกนี้ยิ่งร้ายหนัก เพราะเมื่อกินไปแล้วจะย่อยแล้วเปลี่ยนเป็น น้ำตาลเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้อินซูลินพุ่ง น้ำตาลในเลือดพุ่ง แล้วเราก็ จะเข้าสู่วัฏจักรการหิวซ้ำซ้อน ถามว่าคนสมัยก่อนกินข้าวเจ้ามาโดยตลอดก็ไม่เห็นจะเป็น อะไร นี่เป็นความเชื่อที่ผิดถนัดเลย เพราะข้าวขัดขาวพวกนี้ ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า "ข้าว เจ้า" มีเฉพาะเจ้านายและราชวงศ์ชั้นสูงเท่านั้นที่มีสิทธิในการกินข้าวแบบนี้ ถ้าเป็นคนทั่ว ไปในสมัยก่อนเขาจะกินข้าวที่ไม่ขัดสีหรือข้าวหมูข้าวหมาอย่างที่ปัจจุบันเรียกกันนั่นแล ซึ่งข้าวที่ไม่ถูกขัดสีหรือขัดสีน้อยจะมีกากใยมาก เมื่อกินเข้าไปแล้วจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาล ได้ช้ากว่าเพราะต้องใช้เวลาย่อยนาน จึงทำให้อินซูลินและน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งมากนัก อีกประการคนสมัยก่อนต้องทำนา ทำการเกษตร ไม่ได้สุขสบายเหมือนในปัจจุบัน เขา จึงต้องการพลังงานมากกว่าเรา ซึ่งข้าวเจ้า ข้าวขัดสี และแป้งสาลีให้หลังงานมากเมื่อนำ ไปเทียบกับอาหารชนิดอื่นที่น้ำหนัก 100 กรัม มันจะให้พลังงานประมาณ 350 กิโลแค- ลอรี่เลยทีเดียว ซึ่งวันหนึ่งๆ คนต้องการแค่ 2,000 เท่านั้นเอง ลองนึกดูสิว่าวันหนึ่งคุณ กินข้าวมากมายขนาดไหน พลังงานที่เหลือถ้าไม่ออกกำลังกายออก ก็สะสมกลายเป็น ไขมันแล้วก็อ้วน ยังมีอีกเยอะครับ คุณไข่อุงลองไปอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ http://www.lowcarb-thailand.com/ อยากสุขภาพดีเลิกกินข้าวเสียเถิดครับ อย่ายึดติดกับค่านิยมเดิมๆ แล้วกลับกลายเป็น ว่ากันมาทำร้ายตัวเองในยามบั้นปลายของชีวิต จากคุณ : มะกอกสามตะกร้าปาไม่ถูก เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:20:59

ความคิดเห็นที่ 20 ตั้งแต่มนุษย์ใช้ไฟปรุงอาหาร ความสามารถในการดำรงชีวิตก็ต่ำลง จากคุณ : nai_per เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:23:17

ความคิดเห็นที่ 21 ทำไมคนมีความรู้ชอบเสี้ยมสอนว่า"ถ้ากินอาหารครบ 5 หมู่ก็ไม่ต้องกินอาหารเสริมใด ๆ" >>>>>>>>>> ถูกใจประโยคนี้จริงๆ ทุกครั้งที่ผมเห็นกระทู้ห้องสวนลุม ที่มีคำตอบนี้ "กินอาหารให้ตรบห้าหมู่" ก็พอแล้ว ผมจะถาม (กวน โอย) ทันทีว่า อาหาร 5 หมู่ ที่นกแก้ว นกขุนทองท่องบ่นกันนี่นะ --มีอะไรบ้าง --ที่ว่ากินให้ครบ นั่น กินอย่างไร อะไรแค่ไหน ถึงจะครบ ผมเห็นคนที่พูด เป็นใบ้ ทุกที ไม่เคยมีใครออกมาแถลงรายละเอียดสักคน ผมถึงบอกว่า อะไรก็ตามที่เขาลือ เขาบอก เราควรจะเจาะลึกสักนิด ไม่ใช่ท่องจำกันโดยไม่เข้าใจจริง นอกจากนี้ ผมตั้งข้อสังเกตว่า คนเราพอแก่ตัวลง ร่างกายผลิต"สาร-จำเป็น" ไม่พอเพียงเหมือนตอนวัยรุ่น .... ถามว่า คนจะขาด "สาร-จำเป็น" ได้หรือไม่ ? ตอบคือ แน่นอนครับ พออายุมากเข้า เรากินแต่อาหารห้าหมู่ เราจะขาดสารจำเป็นบางตัวและหลายตัว เพราะเหตุนี้ บทบาทของอาหารเสริมจึงมีความจำเป็น ตัวอย่างที่ผมยกมาพูดคือ CoQ10  Coenzyme Q10 ที่เป็นสารจำเป็นต่อชีวิต ใครไม่เชื่อผม เพราะไม่ชอบผม ก็ขอให้แอบอ่านข้อมูลเรื่อง CoQ10 จากเวปต่างๆ ได้ทั่วไป ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:26:11

ความคิดเห็นที่ 22 ใครก็ได้ช่วยแนะนำวิตามินเสริมให้ที กินอะไรดีที่ง่ายที่สุด จากคุณ : ปลาๆงูๆ เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:34:23

ความคิดเห็นที่ 23 http://www.pharmacy-ss.com/forums/index.php?topic=22.0 อ่านแล้วครับ เราสามารถพบ Co-Q10 ได้ ในอาหารประเภทเนื้อสัตว์ เช่น ปลาซาร์ดีน ปลาแซลมอน เครื่องในสัตว์ ไข่ ถั่วเปลือกแข็ง ข้าวกล้อง และงา ส่วนการใช้ปริมาณมากๆ ไม่ว่ากินหรือฉีด จะใช้ในเชิงการรักษา หรือ เป็นคุณสมบัติทางยา นอกจากนี้ ยังมีข้อระมัดระวัง ในการกิน หรือ ฉีดเข้าสู่ร่างกาย ด้วย ไม่ได้มีตรงไหน ระบุว่า ... สาร-จำเป็น แม้แต่ คำเดียวเลยนี่ครับ จากคุณ : ก็...ว่ากันไป เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:43:02 A:58.9.108.170 X: TicketID:326785

ความคิดเห็นที่ 24 ...ผมเป็นคนนึงที่ทานอาหารเสริมเป็นประจำเกือบทุกวัน(ถ้าไม่ลืม) เหตุผลที่ทานเนื่องจากผมเป็นมังสวิรัติมาประมาณ 2ปี แต่ผมทานไข่และนมนะครับ แล้วก็ทานอาหารเสริมมาโดยตลอด เพราะแรกๆที่ไม่ได้ทานเนื้อสัตว์ รู้สึกว่าร่างกายจะไม่ค่อยมีแรงเหมือนเมื่อก่อน ผิวเริ่มคล้ำ พูดง่ายๆคือโทรมลงไปหน่อย ผมจึงตัดสินใจซื้ออาหารเสริมมาทาน โดยตอนแรกก็คิดเหมือนกันว่ามันแพง แต่เมื่อเรามาลองแบ่งเป็นวันๆแล้ว มันก็ไม่ได้ต่างจากความสิ้นเปลืองจากอาหารขยะในแต่ละวัน เช่นน้ำอัดลม ขนมกินเล่น สาหร่ายทอด ฯลฯ...ผลที่ได้(ไม่ใช้อุปทาน) ทานอาหารเสริมไปสักระยะก็เริ่มเห็นผล ร่างกายสดชื่น มีแรง ไม่ล้ามากเหมือนเมื่อก่อน ดีขึ้นจริงๆ...อาหารเสริมที่ผมมทานก็พวก โปรตีนเม็ด วิตตามินรวม วิตตามินบีรวม วิตตามินซี100mg ที่ทานหลักๆเลย แคลเซียมไม่ทานเพราะดื่ในมเกือบทุกวัน...แต่การทานก็มีเว้นนะครับ ทานสามวันติดหยุดสองวันหรือวันนึง ประมาณนั้น...เดือนนึงตกประมาณ 1000บาท +- นิดหน่อย ไม่ได้สูงอะไรเลยเพราะลดอาหารไม่มีประโยชน์ลงลดการออกไปดื่มกับเพื่อนก็อยู่ได้สบาย ฮ่าๆๆ...ประสบการณ์ส่วนตัวเล่าสู่กันฟํงครับ ^^" จากคุณ : โอวัลตินปาท่องโก๋ เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:46:54

ความคิดเห็นที่ 25 #21 นอกจากนี้ ผมตั้งข้อสังเกตว่า คนเราพอแก่ตัวลง ร่างกายผลิต"สาร-จำเป็น" ไม่พอเพียงเหมือนตอนวัยรุ่น .... ถามว่า คนจะขาด "สาร-จำเป็น" ได้หรือไม่ ? ข้อห้ามใช้ ห้ามใช้ในผู้ป่วยที่แพ้ Coenzyme Q10 หรือส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ ข้อควรระวัง - ระวังการใช้ในผู้ป่วยทางเดินน้ำดีอุดตัน - ระวังการใช้ร่วมกับยาลดไขมันในเลือด (ระดับ Coenzyme Q10 ในเลือดจะมีระดับต่ำในผู้ป่วยที่มีระดับไขมันในเลือดสูง) และ HMG-CoA reductase inhibitors อาจมีผลยับยั้งการสร้างของ Coenzyme Q10 โดยธรรมชาติ เนื่องจาก HMG-CoA reductase ช่วยในการสร้าง Coenzyme Q10 - ระวังการใช้ร่วมกับยาลดระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากยาอาจไปยับยั้งผลของ Coenzyme Q10 ที่ได้รับเข้าไป - ระวังการใช้ในผู้ป่วยเบาหวาน เพราะอาจจะทำให้ลดความต้องการ insulin - ระวังการใช้ในผู้ป่วยที่ตับและไตทำงานผิดปกติ เพราะอาจจะเกิดการสะสมของ Coenzyme Q10 ในเลือด " สาร-จำเป็น ? " จากคุณ : ก็...ว่ากันไป เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:48:40 A:58.9.108.170 X: TicketID:326785

ความคิดเห็นที่ 26 คุณปลาๆงูๆ  ไม่ค่อยกินผัก  ก็เลือกอาหารเสริมพวกไฟเบอร์นะคะ ไวตามิน  ก็พวกไวตามินซีและแคลเซี่ยมค่ะ  ที่จริงถ้าไม่มากไป ไวตามินรวมอีกเม็ดก็ดีค่ะ จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:49:52

ความคิดเห็นที่ 27 สรุปกระทู้ นี้ ขายอาหารเสริม หรือนี่ อ้อ มิน่าล้อกอิน แปลกๆ 555+ จากคุณ : lazarn เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:54:51

ความคิดเห็นที่ 28 ความคิดเห็นที่ 3 แล้วทำไมต้องบอกว่าไม่จำเป็นล่ะครับ ขนาดหมีแพนดาที่เชียงใหม่ยังให้กินวิตามินเลย แต่ทำไมพอคนบอกว่าไม่จำเป็นต้องกิน เอาไว้กินตอนที่ขาดอาหาร ถ้าพูดแบบตรงๆนะครับ หมีแพนด้า น่ะ ตัวเงิน ตัวทอง ของสวนสัตว์ เชียงใหม่เลย จะเสริม จะเติม อะไร ก็ทำไปเถอะครับ แต่คนธรรมดา ชาวบ้านร้านตลาด ถ้าดัดจริตมากินวิตะมินเยอะๆ แล้วหารายได้ ไม่เก่ง เหมือนหมีแพนด้า เผลอๆ เดี๋ยวอาหารครบ 5 หมู่ จะยังไม่มีทานเลย อย่าเอาลูกชาวบ้านธรรมดา ไปเปรียบกับ หมีแพนด้า เลยครับ ค่าของชีวิต ถ้ามองแบบไม่เสแสร้ง ต้องบอกว่า ...ต่างกันเยอะ อาหาร 5 หมู่ เป็นภาพรวมๆ สำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย แต่ไม่ได้หมายความว่า ไม่มีรายละเอียด อื่นๆ ถ้าไม่ได้แกล้งมึน หรือ ลืมที่เรียนๆมา เขามีรายละเอียดเกี่ยวกับประเภทและปริมาณ ที่เหมาะสม ในแต่ละวัย ด้วยนี่ครับ จากคุณ : ก็...ว่ากันไป เขียนเมื่อ : วันเนา 55 11:26:52 A:58.9.108.170 X: TicketID:326785

ความคิดเห็นที่ 29 แต่การกินอาหารเสริม ก็ต้องระวัง เรื่องนิ่วในกรวยไต หากกินในปริมาณ โดสมากเกิน ควรดื่มน้ำเยอะๆ เพื่อขับส่วนเกิน ไปทางปัสสาวะ ให้มากที่สุด จากคุณ : ตู้ฝูเว่ย เขียนเมื่อ : วันเนา 55 11:27:20

ความคิดเห็นที่ 30 ความคิดเห็นที่ 22     ใครก็ได้ช่วยแนะนำวิตามินเสริมให้ที กินอะไรดีที่ง่ายที่สุด จากคุณ : ปลาๆงูๆ เขียนเมื่อ : วันเนา 55 10:34:23   ************* ง่ายสุดก็พวกวิตามินรวม เอถึงซิงค์(วิตามินและแร่ธาตุ)  มีขายหลายยี่ห้อครับ   ร้านขายยาที่คิดราคาไม่แพง  ราคาอยู่ที่ 170-190 บาทครับ (ในห้างมักจะเกือบ 300)     ไม่ถึง 200 กินได้ 1 เดือนครับ   แต่คนเราโดนพวกอาหารเสริมต้มตุ๋นโฆษณาจนเชื่อแล้วว่าถ้ากินอะไรเสริมมันต้องแพง จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 11:48:49

ความคิดเห็นที่ 31 คิดเอาเองนะ คนสมัยก่อน ทำสวนครัวเองหลังบ้าน จะแกงผัดอะไร ก็ไปเก็บมา ไปตลาดสมัยก่อนก็ บ้านๆ ชาวบ้านทำสวนเก็บมาขาย วัตถุดิบสด ใหม่ตลอด ปัจจุบัน ไปซื้อที่ supermarket หรือซื้อเค้ากินตามร้าน กว่าผัก ผลไม้ จะมาถึงมือเรา ปากเรา กี่วันแล้วนี่ 3-7 วัน มันจะสดได้ยังไง วิตามิน คุณภาพเหลือหรือไม่ กานขนส่ง มาแบบโดนร้อนในเข่งมาเลย จะดีไหม แต่ยอมรับว่าธุรกิจผลืตภัณฑ์เสริมอาหาร มันการค้ามากไปจรืงๆ คือแพงเวอร์ ตอนนี้โลกมันเปลี่ยนไป ทำความเข้าใจกับเรื่องนี้ดีๆ จะมีคำตอบให้ชีวิต และการดูแลสุขภาพแบบไม่ต้องไปเจ็บป่วย หาหมอใดๆ เป้าหมายคือตอนอายุมากๆ แล้วยังเดินหลังตรง ตามองชัด หููฟังชัด ความจำปกติ ฟันกระดูกแข็งแรง ผิวพรรณดีค่ะ ขอให้ทุกท่าน look younger, live longer จากคุณ : Blue Baleen เขียนเมื่อ : วันเนา 55 12:00:24

ความคิดเห็นที่ 32 ส่วนที่บอกว่า จำเป็น-ไม่จำเป็นนั้น ต้องคิดก่อนว่า  จำเป็น-ไม่จำเป็น  ถูกตัดสินโดยใคร ทำไมต้องให้ผู้รู้มาตัดสินว่า จำเป็น ไม่จำเป็น ทำไมไม่ให้ร่างกายเราตัดสินครับ  ว่าจำเป็น-ไม่จำเป็น     ต้องถามตัวเองครับ ว่าอยากมีชีวิตแบบไหนตอนแก่ ถ้าเอาแค่ว่าของเป็นคนที่แก่แล้วกินข้าว  หายใจได้  ก็ไม่จำเป็น แต่ถ้าอยากแก่แล้วยังแข็งแรงสดชื่น  ก็จำเป็นครับ จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 12:00:43

ความคิดเห็นที่ 33 ใครมีตังค์อยากกินก็ซื้อ ส่วนคนไม่มีตังค์อยากกินก็ต้องดิ้นรนหน่อย ไม่ก็อด เอาจริงๆอาหารเสริมมันก็เป็นแค่ส่วนเสริม ไม่ขาดก็ไม่ตาย อยากผิวดีกินน้ำเยอะๆกินมะเขือเทศเยอะๆก็ดีได้เหมือนอาหารเสริมน่ะแหละ คนเราถ้ารู้จักหาอะไรมาทดแทน อยากได้วิตามีซีก็กินฝรั่งแทนก็ไม่จำเป็นต้องไปหาอาหารเสริมนี่คะ จากคุณ : คิดว่าชื่อนี้คงไม่ซ้ำ เขียนเมื่อ : วันเนา 55 12:02:11

ความคิดเห็นที่ 34 จะไม่จริงได้ยังไงล่ะครับ อาหารเสริมมีมาเมื่อไหร่ ไม่ถึงร้อยปีด้วยมั้ง มนุษย์กินโน่นกินนี่มาตั้งแต่หลายหมื่นปีก่อนจะมีมันก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ผมเองก็ไม่กิน ไม่คิดจะกินด้วยแหละ เพราะผมก็พอรู้่ว่าวันๆนึงควรจะกินอะไรบ้าง จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : วันเนา 55 12:09:23

ความคิดเห็นที่ 35 ถ้าอาหารเสริมเม็ดละ 50สตางค์ กระปุกละ 20 บาท ก็จะกินก็ได้ ไม่เดือดร้อนต่อชีวิตเท่าไหร่ แต่เงินเดือน 9,500 จะซัดอาหารเสริมขวดละ 2,000 มันก็กระไรอยู่นะ คนอีกมากมายก่ายกอง ที่เขาไม่ต้องกินอาหารเสริม เขาก็สุขภาพดีได้นะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : วันเนา 55 12:33:28

ความคิดเห็นที่ 36 #34  ก็เพราะไม่กินไงถึงคิดงี้   ลองหามากินสิ  เอาแบบที่วงการแพทย์ยอมรับนะ  ไม่ใช่ไปซื้อเอนไซน์อะไรมา จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 12:39:11

ความคิดเห็นที่ 37 #33   มะเขือเทศ 20 บาท ได้5-6 ลูกเอง   แพงกว่าวิตามินนะ จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 12:40:06

ความคิดเห็นที่ 38 ทำให้ผมเสียตังไม่สำเร็จหรอกน่าท่าน ผมจะกินมันก็ต่อเมื่อแพทย์แนะนำเท่านั้นแหละ ประเทศเราไม่ใ่ช่ประเทศที่ต้องนำเข้าอาหาร ทุกหมู่มีครบหาได้อยู่แล้ว ผมทำอาหารกินเองยิ่งสบายใหญ่ จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : วันเนา 55 13:20:27

ความคิดเห็นที่ 39 5 หมู่กากสราด  อาหารเสริมเมพขิง  โอเคยังคับ? จากคุณ : ไม่งงครับ ไม่งง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 13:28:31

ความคิดเห็นที่ 40 5 หมู่กินเอาอิ่ม  อาหารเสริมกินเอาหล่อ  โอมะล่ะ จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 13:34:07

ความคิดเห็นที่ 41 #38  แพทย์แต่ละคนก็คิดไม่เหมือนกัน  อ่านงานวิจัยมาต่างกัน   แพทย์บางคนตั้งแต่จบมาไม่รู้อ่านอะไรเพิ่มเติมรึเปล่าก็ไม่รู้  จะไปเอามาตรฐานอะไรไม่ได้หรอก   หมอบางคนก็บอกให้กินวิตามินเป็นกำ ๆ หมอบางคนก็ให้สวนทวาร  หมอบางคนก็ไม่ให้กินอะไรเลย จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 13:35:50

ความคิดเห็นที่ 42 คุณ TinyNu   พอจะแนะนำได้มั้ยว่าต้องบริโภค Q10  แบบใด  เพราะมีขายเยอะเหลือเกิน  ไม่รู้จะเลือกแบบไหน จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 13:40:32

ความคิดเห็นที่ 43 กินของสด สะอาด หลากหลาย ออกกำลังกายเป็นประจำ ดีที่สุด ไปตรวจร่างกายเป็นประจำ ให้รู้ว่าตัวเองขาดอะไร ก็กินเสริมเข้าไปคะ มีอะไรมากเกินก็งดสิ่งนั้นค่ะ แต่จะกินอาหารเสริมก็คิดด้วยคะ ว่าที่กินเข้าไปนั้น มันดูดซึมได้รึเปล่าด้วยคะ จากคุณ : โลกนี้ไม่มีอะไรเลย เขียนเมื่อ : วันเนา 55 13:43:08

ความคิดเห็นที่ 44 เอาอย่างนี้มั้ยครับ ถ้ากลัวขาดแร่ธาตุอาหารจริงๆ ลองวิเคราะห์แบบนี้ดู ทำไดอารี่อาหารของทั้งวัน นับจำนวนวัตถุดิบรวมทั้งวัน เช่น ข้าวกล้อง2ถ้วย ผักสลัด2ถ้วย น้ำมัน 2ชต เนื้อไก่ 2ขีด ... เอาข้อมูลใส่เว็บ ของ อย.สหรัฐ  http://nutritiondata.self.com/ นับจำนวนรวมของ %DV แร่ธาตุกับวิตามิน ทั้งวัน ถ้าตัวใหนไม่ถึง100 กลัวขาดแคลนก็ไปหาซื้่อมากินเสริมเอา จะดีกว่าไปซื้ออาหารเสริมมากินแบบสุ่มๆ การเปิดเว็บไปอ่านข้อมูลอาหารเสริมส่วนใหญ่จะเห็นสรรพคุณมันวิเศษมาก เนื่องจากผู้เขียนข้อมูลด้านนี้ มักจะมีผลประโยชน์กับตัวอาหารเสริมนั้นๆครับ ถ้าอยากอ่านจริงๆควรจะมาจากงานวิจัยที่น่าเชื่อถือได้ ในตัวอย่างเป็นของข้าวกล้อง1ถ้วยครับ แก้ไขเมื่อ 14 เม.ย. 55 14:10:19 จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย เขียนเมื่อ : วันเนา 55 14:06:08

ความคิดเห็นที่ 45 เอาแบบสั้นๆนะ ก็พิจารณากันเอาก็แล้วกันนะครับว่าจะเชื่อ หมอและนักโภชนาการ หรือจะเชื่อ ไข่อุง ก.เชื่อหมอและนักโภชนาการ ข.เชื่อไข่อุง จบ... จากคุณ : meddy hao เขียนเมื่อ : วันเนา 55 15:36:25

ความคิดเห็นที่ 46 ไม่ต้องเชื่อใครครับ   เชื่อร่างกายตัวเอง   ลองไปหามากิน  ถ้าร่างกายไม่มีไรเปลี่ยนแปลง  ก็เชื่อหมอไป   ถ้ากินแล้วร่างกายสดชื่นขึ้น   ก็ขอให้เอาดอกไม้ธูปเทียน  บายศรี มาสักการะไข่อุง จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 15:38:52

ความคิดเห็นที่ 47 #46 ^ ^ นั่นแหละครับ เชิญตามสบายครับ ใครจะเชื่อใครเชื่ออะไรก็เชิญตามสบาย ตามแต่สติปัญญาที่มี สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม กระทำอะไรไว้ก็ย่อมได้รับผลของการกระทำนั้น รับผิดชอบตัวเอง เลือกที่จะเชื่อจะทำอะไรแล้วก็ต้องยอมรับผลของมันด้วย ธรรมชาติจะทำการคัดเลือกสิ่งที่เหมาะสมไว้เอง อย่ามาร้องไห้ฟูมฟายทีหลัง ตอนที่โดนธรรมชาติคัดออกก็แล้วกัน จากคุณ : meddy hao เขียนเมื่อ : วันเนา 55 15:48:08

ความคิดเห็นที่ 48 คงจะลืมกันไปว่าสมัยก่อน อาหารการกินของเราค่อนข้างหลากหลาย บ้านนึงทำกับข้าวทีแต่ละวันไม่ซ้ำชนิดกัน หรืออาหารกลางวันที่โรงเรียนของเด็กๆ เองก็ตาม ดังนั้นการจะได้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่จึงไม่ใช่เรื่องยาก แต่มาในรูปแบบของการสะสมวันละนิดละหน่อย ไม่ได้มาทีเดียวครบเป๊ะ ทุกวัน แต่ปัจจุบัน คนเราทานอะไรเดิมๆ ง่ายๆ ผัดกระเพราก็ผัดกระเพราทุกวัน ไม่มีความหลากหลายทางสารอาหาร การเข้ามาทำตลาดของผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจึงเริ่มขึ้น สุดท้ายถ้าชีวิตของเรารู้สึกว่าขาดแคลนวิตามินบางอย่างก็ทานไปเถอะครับ ปอลิง คำว่า 'ไม่จำเป็น' กับ 'ไม่ต้อง' ดูคล้ายกัน แต่ความหมายต่างกันนะ จากคุณ : นายฮ้อย แห่ง หงซิ่ง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 16:25:51

ความคิดเห็นที่ 49 ไม่กินข้าวแล้วมันไม่อิ่มอะครับ จากคุณ : MAXReal เขียนเมื่อ : วันเนา 55 16:38:40

ความคิดเห็นที่ 50 คุณ ไข่อุงเข้าใจผิดล่ะครับ ถ้ากินอาหารครบ5 หมู่ก็ไม่มีความจำเป็นต้องกินอาหารเสริม ถูกต้องที่สุด แต่มันเกิดปัญหาว่า คนมักกินอาหารไม่ครบ RDA จริงๆไม่ว่าด้วยสาเหตุใดๆ จากคุณ : jinandjoy เขียนเมื่อ : วันเนา 55 18:24:27

ความคิดเห็นที่ 51 แล้วเราจะรู้ได้ยังไง ว่าเราขาดอะไร   ลองถามตังเอง ตัวเองก็ตอบว่าไม่รู้เหมือนกัน   ดังนั้นผมขอดำรงชีวิตแบบเดิมๆไปก่อนครับ ปล   ประโยค  ถ้ากินอาหารได้ครบ 5 หมู่ ก็ไม่จำเป็นต้องกินอาหารเสริมใด ๆ  ไม่ได้มีนัยยะมาจากชีวะวิทยาเท่านั้น  แต่ได้คำนึงถึง  เศษฐศาสตร์ สังคม และที่ตั้งภูมิประเทศด้วย  เป็นประโยตที่ใช้ได้กับคนทั่วไปที่มีการดำรงชีวิตแบบสามัญชนทั่วไป ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของสังคม อาจจะมีบางคนที่ไม่เข้าข่ายนี้ก็ได้ แต่เป็นส่วนน้อย จากคุณ : precham เขียนเมื่อ : วันเนา 55 18:26:28

ความคิดเห็นที่ 52 จะแดกไปทำไมครับอาหารเสริม กินอิ่มสะอาด ไม่กินของแช่เย้นของใส่สารกันบูด สารปรุงแต่งเยอะๆ ก้อยุ่ได้ อยู่ได้คืออยุ่ได้ อะไรจะสำคัญกว่าอยู่ได้ จากคุณ : kraab เขียนเมื่อ : วันเนา 55 18:52:14 A:1.47.65.95 X: TicketID:351527

ความคิดเห็นที่ 53 ต้องคำนวนแคลลอรี่ในอาหาร สำหรับแต่ละคน  ไม่เท่ากัน จากคุณ : แปดเทพอสูร เขียนเมื่อ : วันเนา 55 20:02:05

ความคิดเห็นที่ 54 จำเป็นต้องกิน เพราะในปัจจุบัน อาหารหลายชนิดในอุตสาหกรรมอาหารถูกสกัด คัด แยก สารอาหารเฉพาะเป็นแยกเป็นชนิดออกมา ขายเป็น วิตามิน หรือพวกผลิตภัณฑ์อาหารเสริมนั่นเอง ส่วนที่เหลือจากกระบวนการจะนำมาแปรรูปเป็นเดนอาหารให้เราได้กินกัน ตัวอย่างเช่นนม นมตามร้านรถเข็น กับนมบรรจุกล่อง คุณค่าทางอาหารต่างกันลิบลับ ตามกฏการอนุรักษ์พลังงานว่าด้วยสมดุลเอนโทรปีแห่งจักรวาล ของพระบิชอฟคิวเบย์ สสารทั้งหมดในจักรวาลไม่มีทางอุบัติกำเนิดใหม่ขึ้นได้เอง เป็นเพียงการไหลเวียนเปลี่ยนถ่าย กันไปมาเท่านั้น ดังนั้นการมีอยู่ของผลิตภัณฑ์อาหารเสริมย่อมต้องมีการสูญเสียสารอาหาร จากแหล่งกำเนิด พูดง่ายๆภ้าไม่มีตังซื้อผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ก็ไม่มีทางได้สารอาหารครบถ้วนจากวัตถุดิบ อาหารในกระบวนการอุตสาหกรรมอาหาร จากคุณ : Kuroro Lucifer เขียนเมื่อ : วันเนา 55 20:08:14

ความคิดเห็นที่ 55 เป็นคนที่ชอบกินผัก(ซึ่งเป็นแหล่งวิตามินต่าง ๆ) เวลากินข้าวแล้วไม่มีผักเคียงมันรู้สึกแปลก ๆ เรียกว่าเวลากินข้าวต้องมีผักเคียงแทบทุกมื้อ แต่ตอนนี้ก็ยังกินอาหารเสริมอยู่เลยค่ะ(เป็นพวกวิตามินรวม, กับน้ำมันปลา, แคลเซียมและน้ำมันกระเทียม) เหตุผลเพราะตอนเช้าไม่ได้กินข้าวเช้า แค่กาแฟก็พอ (ไม่ได้ต้องการลดน้ำหนักอะไรนะ แต่ตั้งแต่เกิดเรื่องใจน็อคเมื่อ 18 ก.ค. 2553 เป็นต้นมากลายเป็นว่าตอนเช้าไม่รู้สึกหิวข้าวน่ะ แค่กาแฟก็เอาอยู่แล้ว) จากคุณ : JC2002 เขียนเมื่อ : วันเนา 55 20:39:02

ความคิดเห็นที่ 56 คห 41 ...  แพทย์แต่ละคนก็คิดไม่เหมือนกัน  อ่านงานวิจัยมาต่างกัน   **แพทย์บางคนตั้งแต่จบมาไม่รู้อ่านอะไรเพิ่มเติมรึเปล่าก็ไม่รู้**  จะไปเอามาตรฐานอะไรไม่ได้หรอก   >>>>>>>>>> 555 ผมอ่านคห. ของไข่อุงแล้วนับถือ เป็นคนตรงไปตรงมาจริงๆ ผมเตือนเสมอ เมื่อได้ยินใครอ้าง "หมอบอก" ๆๆ คนพวกนี้ไม่รู้จักคิด หรือ ขี้เกียจคิด หมอก็เป็นคนเหมือนกัน เราก็เหมือนหมอ ทำไมเราจะเปิดรับข้อมูลข่าวสารไม่ได้ หมอเกือบทุกคน ....ตื่นเช้าขึ้นมาก็เจอแต่ "ความทุกข์" คนไข้มานั่งเล่าความทุกข์ให้ฟังทั้งวัน บางคนและหลายคนเลิกงาน กุลีกุจอรีบไปเปิดคลีนิค เจอแต่คนไข้ ... มีทุกข์ หนักบ้างเบาบ้าง ถามจริงๆ เถอะครับ มีหมอสักกี่คนที่กลับถึงบ้านแล้ว ยัง่สนใจอยากอ่านหนังสือวิชาการหนักๆ บ้างครับ ไมมีครับ ส่วนใหญ่จะล้าจากการทำงานหนักทั้งวัน หมอน้อยคนนักที่จะสนใจ update ข้อมูลครับ เลิกความคิดที่จะต้องให้ใครบอกเสียเถิด เราอ่าน เราได้ข้อมูลอะไรใหม่ๆ พิจารณาด้วยเหตุผล คิดเองได้ครับ ยกเว้นข้อมูลเฉพาะ ที่ต้องอาศัยความรู้มาร่วมพิจารณาแล้วตัดสิน หาข้อสรุป อย่างนี้ก็จำเป็น ต้องให้บุคคลากรเฉพาะทาง เป็นคนพิจารณา ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : วันเนา 55 20:58:25

ความคิดเห็นที่ 57 ประเด็นที่ผมพูดคือ "ถ้ากินอาหารครบ 5 หมู่ก็ไม่ต้องกินอาหารเสริมใด ๆ" มันจริงหรือ? ผมว่า ... ไม่จริง (ขอพูดเฉพาะ CoQ10) แม้ในอาหาร 5 หมู่ ตามธรรมชาติจะมี CoQ10 ในอาหารเหล่านี้ เช่น เนื้อสัตว์ เนื้อแดง พืช ผัก ไข่ ตลอดจนข้าว ถั่วเหลือง ฯลฯ แต่เงื่อนไขมันมีอยู่ว่า ...ในร่างกายจะต้องมี"สารอื่น" เป็นตัวประกอบคอยช่วยพระเอก ในระดับที่มากพอเพียง ... ร่างกายจะสังเคราะห์ผลิต CoQ10 จากอาหารเหล่านั้นได้ สารอื่นที่ว่า คือ .. Vit B (หลายเบอร์ อยากรู้ต้องค้นเองบ้าง จะได้ขลัง) Vit C , และแร่ธาตุอื่นๆ อีกเล็กน้อย โรงงานที่เป็นแหล่งผลิตที่สำคัญ คือ ตับ ร่างกายมนุษย์มีประสิทธิภาพในการผลิต CoQ10 ได้เต็มที่ถึงอายุ 20 ปีโดยประมาณ จะค่อยๆลดประสิทธิภาพการผลิตลงเรื่อยๆ จนเหลือ ca 60% เมื่ออายุมากขึ้นถึงระดับหนึ่ง (เท่าไรผมทิ้งให้ค้นเอง จะได้ไม่ต้องเถียงแบบ wording ) ดังนั้น จะเห็นได้ว่า แก่เฒ่าเพราะอยู่มานานเทาไรก็ตาม ร่างกายคนเรายังผลิต CoQ10 ได้อย่างน้อย 60% ของวัยหนุ่มสาว เมื่อไรก็ตามที่ร่างกายไม่ผลิต CoQ10 คือ ผลิตน้อยลงเรื่อยเกิดภาวะ CoQ10 deficiency จนถึงระดับหนึ่ง วงจรชีวิตก็ขาดพลังงานหล่อเลี้ยง ... และ ตาย ในที่สุด ถาม ... คุณ ก็...ว่ากันไป ว่า ... CoQ10 คือ สาร-จำเป็น ต่อชีวิต หรือไม่ ? เหตุผลอย่างนี้ คุณ ก็...ว่ากันไป  ยังต้องให้ใครบอก ...ก็บอกมา ผมจะวิ่งไปตามท่านมาบอกคุณ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : วันเนา 55 21:19:01

ความคิดเห็นที่ 58 There are two major factors that lead to deficiency of CoQ10 in humans: reduced biosynthesis, and increased utilization by the body. Biosynthesis is the major source of CoQ10. Biosynthesis requires at least 12 genes, and mutations in many of them cause CoQ deficiency. CoQ10 levels can also can be affected by other genetic defects (such as mutations of mitochondrial RNA, ETFDH, APTX and BRAF, genes that are not directly related to the CoQ10 biosynthetic process) while the role of statins is controversial.[19] Some chronic disease conditions (cancer, heart disease, etc.) are also thought to reduce the biosynthesis and increase the demand for CoQ10 in the body, but there are no definite data to support these claims. Toxicity is not usually observed with high doses of CoQ10. A daily dosage up to 3600 mg was found to be tolerated by healthy as well as unhealthy persons.[20] However, some adverse effects, largely gastrointestinal, are reported with very high intakes. The observed safe level (OSL) risk assessment method indicated that the evidence of safety is strong at intakes up to 1200 mg/day, and this level is identified as the OSL.[21] http://en.wikipedia.org/wiki/Coenzyme_Q10#CoQ10_deficiency_and_toxicity ********** Supplementation benefits http://en.wikipedia.org/wiki/Coenzyme_Q10#Supplementation_benefits ********** What are the health benefits of Co-enzyme Q10? http://wiki.answers.com/Q/What_are_the_health_benefits_of_Co-enzyme_Q10 ******** CoQ10 is absolutely essential for life http://www.nowfoods.com/Products/FAQs/M008939.htm จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : วันเนา 55 21:21:42

ความคิดเห็นที่ 59 อาหารเสริม มันก็คือเอาอาหารธรรมดามาสกัดเอาสารบางตัวออกมาไม่ใช่หรือ??? จากคุณ : oryze เขียนเมื่อ : วันเนา 55 21:34:29

ความคิดเห็นที่ 60 ใช่คุณ คห 59  เป็นสารอาหารเม็ด ๆ ที่เพิ่มบางตัวลดบางตัวแล้วจับมาอยู่รวมกัน ^^ จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : วันเนา 55 22:05:49

ความคิดเห็นที่ 61 ผมยังยืนยันว่ากินครบห้าหมู่ไม่จำเป็นต้องทานอาหารเสริม แต่ถ้าทำไม่ได้ควรทานเพิ่มเติม และคนส่วนใหญ่ทำไม่ได้ เพราะงานการที่ทำทุกวันจะไปหาอะไรที่มันหลากหลายได้ ลองถามตัวเองสัก7วัน3มื้อว่าอยากกินอะไรบ้าง ตอบแบบไม่ซ้ำกันยังยากเลย ยิ่งให้มาจัดให้สมดุลยากกว่าเยอะ ยกเว้นรวยจัดจ้างโภชนากรมาทำอาหารเลย สรุปใครใคร่กินกิน ใครไม่มีปัญญากินก็ไม่ต้องกิน ทุกอย่างมันมีต้นทุนหมด โลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ถามว่าควรทานอะไร พวกวิตามินและเกลือแร่รวมเป็นตัวเลือกที่ดี โปรตีนเม็ด ถ้ากินเนื้อสัตว์ปริมาณพอสมควรแล้วไม่จำเป็น ผมเองมั่นใจกินโปรตีนเกิน3ขีดต่อวันแน่ๆ พวกวิตามินเฉพาะทาง แนะนำให้แพทย์สั่งดีกว่า บางตัวกินมากไปเป็นพิษอีก ส่วนสารแปลกๆเป็นOptionalแล้ว จากคุณ : Megrim เขียนเมื่อ : วันเนา 55 22:26:35

ความคิดเห็นที่ 62 #59 ประมาณว่าทำให้มันเข้มข้นขึ้นไง  แต่มันก็ไม่ได้สมบูรณ์เหมือนที่อยู่ในธรรมชาติหรอกนะ  ก็สกัดได้แต่ตัวที่พอสกัดได้  แต่ที่สำคัญคือ ความเข้มข้นที่ถ้าจะกินจากธรรมชาติไม่รู้ต้องกินกี่เข่ง ขอบคุณ คุณ TinyNu ที่ช่วยชี้แจงครับ  สรุปว่าถ้ากิน Q10 ไปเรื่อยก็จะเป็นอมตะ  ไม่แก่ไม่ตาย   เดี๋ยวจะรีบไปซื้อให้แฟนกินครับ  แฟนจะได้เนื้อแน่น  เต่งตึงจนอายุ 75 จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 22:46:34

ความคิดเห็นที่ 63 #57 เมื่อไรก็ตามที่ร่างกายไม่ผลิต CoQ10 คือ ผลิตน้อยลงเรื่อยเกิดภาวะ CoQ10 deficiency จนถึงระดับหนึ่ง วงจรชีวิตก็ขาดพลังงานหล่อเลี้ยง ... และ ตาย ในที่สุด ขอถามนะครับ เคยมีรายงานการเสียชีวิต โดยระบุว่า เนื่องจาก ภาวะ CoQ10 deficiency มาแล้วกี่ราย เอาเฉพาะ ในประเทศไทยก็ได้ครับ จากคุณ : ก็...ว่ากันไป เขียนเมื่อ : วันเนา 55 22:52:09 A:58.9.108.170 X: TicketID:326785

ความคิดเห็นที่ 64 #61  เห็นด้วยครับ  ผมคิดว่า อย่างน้อย ๆ ควรกินพวกวิตามินรวมเกลือแร่เสริม วันละเม็ด เขาคำนวนไม่ให้เกินปริมาณที่ได้รับต่อวันอยู่แล้ว  ไม่ควรไปซื้อวิตามินบางตัวมากินเป็นกำ ๆ     ส่วนพวกเคมีตัวอื่นก็ต้องศึกษาให้มาก ๆ   ตรงนี้แม้แต่หมอเองก็ไม่เคยพูดเหมือนกันซักคน เพราะต้องศึกษาเยอะ ********แต่ผมแย้งนิดนึงตรงที่ว่าไม่มีใครกินได้ครบ 5 หมู่จริง  คือ ผมอยู่ต่างจังหวัด  กินแต่พวกข้าวกล้อง  ผัก ปลาสด ๆ ทำกินเองทุกมื้อ     ก็ยังรู้สึกว่าต้องกินพวกโปรตีนเม็ดบวกวิตามินแร่ธาตุเสริม  กินแล้วร่างกายมันสดชื่นขึ้น จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเนา 55 22:52:50

ความคิดเห็นที่ 65 #63  อย่าไปจับผิดคำพูดเลยครับ  คนเราถ้าแก่ตัวไปถึงจุดหนึ่งก็ตาย  ไม่มีใครไปผ่าศพอาม่าอายุ 98  เจาะเลือดไปวิเคราะห์ฮอร์โมนอะไรหรอก   คนอายุ 75 ขึ้น  ไม่ว่าจะตายเพราะอะไร ก็บอกว่าเสียชีวิตเพราะโรคชราทั้งนั้นแหละครับ เขาคงจะหมายความประมาณว่า ถ้าร่างกายหยุดผลิต Q10 เมื่อไหร่ก็ตายมั้งครับ ส่วนจะเป็นใครที่ตายเพราะเรื่องนี้มั่ง คงไม่มีใครไปค้นหา จากคุณ : ไม่คิดมาก (ไข่อุง) เขียนเมื่อ : วันเนา 55 22:57:53

ความคิดเห็นที่ 66 มันไม่ใช่การจับผิดคำพูดครับ แต่เนื้อความ หรือ สารที่สื่อออกมา มันเป็นแบบนั้น ถ้าคำกล่าวนี้ เป็นจริง วงการแพทย์ ต้องตื่นตัวแล้วล่ะครับ เพราะ ถ้าสาเหตุการเสียชีวิต มาจาก เรื่อง ภาวะ CoQ10 deficiency เป็นความจริง เกิดพบโดยทั่วไป แล้วก็เป็นสาเหตุการเสียชีวิต จริงๆ โดยหยุดยั้งได้ ด้วยการทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ว่า นั่นหมายถึง เราต้องมารณรงค์กันเลยนะครับ แบบ....เกลือ เสริมไอโอดีน นั่นไง แล้วภาครัฐ ก็อนุมัติงบสนับสนุน ทั้งใแง่การประชาสัมพันธ์ความรุ้ และ ในภาคปฏิบัติ เพราะ มันเป็น...สิ่งจำเป็น เหมือนวัคซีน ที่ฉีดให้ทารก แรกเกิด จนครบอายุ ในฐานะ สิ่งจำเป็นต่อสุขภาพอนามัยของประชากร รัฐอุดหนุนทั้งนั้น เป็นพันเป็นหมื่นล้านบาท นะครับ แล้วก็เป้นเรื่องที่สอดคล้องกับ แนวทางขององค์การอนามัยโลกด้วย จากคุณ : ก็...ว่ากันไป เขียนเมื่อ : วันเนา 55 23:17:43 A:58.9.108.170 X: TicketID:326785

ความคิดเห็นที่ 67 เห็นด้วยกับ #66 จากคุณ : ม้าไม้เมืองทรอย เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 00:23:57

ความคิดเห็นที่ 68 เห็นด้วยกับ #66 เช่นกัน ในเมื่ออ้างว่า Q10 เป็นสารที่จำเป็นสำหรับร่างกาย แปลว่าถ้าขาดก็ทำให้ถึงตายได้ ดังนั้นก็น่าจะมีบันทึกหรืองานวิจัยที่ยืนยันออกมาว่า ถ้าขาด Q10 สามารถทำให้เสียชีวิตได้จริง ๆ เหมือนขาด สารอาหารอื่น ๆ ถ้าบอกว่าเพราะตายเพราะโรคชรา เลยไม่มีคนไปตรวจอะไรจริง ๆ แล้วเรารู้ได้ไงว่า Q10 จำเป็นจริง ๆ แล้วถ้าการขาด Q10 เป็นสาเหตุหนึี่งของโรคชราจริง ๆ ก็ควรจะมีงานวิจัยออกมาบ้างว่าการได้รับ Q10 จากภายนอก สามารถยืดอายุไขของคนได้ จากคุณ : MoMelyz เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 01:11:01

ความคิดเห็นที่ 69 แหง่มๆ เหมือนถูกพาดพุง เราเป็นเภสัชฯ เวลามีคนถาม เรื่องอาหารเสริม เราก็ไม่เคยห้ามกินนะ เราจะตอบว่าถ้า ไม่มีปัญหาเรื่องเงิน กินแล้วสบายใจ สบายกาย ก็กินเถอะ แต่อย่ากินเกินที่ระบุไว้ก็พอ ปล.แต่เราเองหญิง 30+ กินแคลเซียม กับวิตตามินซี บ้างถ้าไม่ลืม จากคุณ : ขาวฟู เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 02:52:59

ความคิดเห็นที่ 70 ความต้องการสารอาหารและวิตามินของแต่ละคนมันไม่เท่ากัน แล้วจริงๆแล้วการกินให้ครบ 5 หมู่ ก็ต้องให้มันหลากหลายด้วย ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่กินอะไรซ้ำซากๆ เอาง่ายไว้ก่อน ได้ 5 หมู่จริง แต่เชิงปริมาณอาจจะไม่ได้ อาหารแต่ละอย่างก็มีองค์ประกอบต่างกัน การปรุงต่างกัน ความสามารถในการย่อยและดูดซับของแต่ละคนก็ต่างกัน metabolism อีกสาระพัด ประชากรส่วนใหญ่ผมว่า ไม่จำเป็นหรอก ไอพวกอาหารเสริม ไอของที่คิดว่าดีกับสุขภาพ แต่ถ้ากินมากเกิน มันก็ไม่ดีนะ มากไปน้อยไป มันไม่ดี สามารถเป็นพิษได้ กินมากไปร่างกายก็พยายามกำจัดออกไปจากร่างกาย กลายเป็นทำงานหนักกว่าเดิมเข้าไปอีก เสียเงินไป เพื่อให้ร่างกายทำงานหนักขึ้นมันก็ไม่ดีใช่มะ แต่สำหรับบางกลุ่มที่มีปัญหาอาจจะจำเป็นต้องได้รับสารอาหารเพิ่ม ก็ต้องพิจารณากันไปเป็นเคสๆนะ จากคุณ : วะฮะฮ่า เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 09:31:55 A:76.208.69.145 X: TicketID:277153

ความคิดเห็นที่ 71 ความเห็นเยอะมาก ผมตาลาย ขอแสดงความคิดเห็นผมแล้วกัน ผมรู้จักและเข้าใจอาหารเสริมมานานพอควร แต่ไม่ถึงขั้นผู้เชี่ยวชาญนะครับ -อย่างแรกเราต้องยอมรับความจริงว่า คนเราไม่สามารถทานอาหารให้ครบได้จริงๆ ต่อให้พยายามทานได้ก็มีเรื่องเป็นปัญหาเช่น ความยากลำบากในการหาอาหาร ราคาค่าอาหาร ส่วนเกินที่ได้รับจากอาหาร(แป้ง ไขมัน แคลอรี่) ฉะนั้นอาหารเสริมจึงเริ่มเข้ามามีบทบาท -อย่างที่สอง การได้รับสารอาหารไม่ครบ ขาดสารอาหาร การได้รับสารอาหารไม่ครบ มันไม่ทำให้เราป่วยหรือตายกันชัดเจน แต่สิ่งที่มีผลคือ ความสมบูรณ์พร้อมของร่างกายในระยะยาว  เรื่องนี้มีหลายปัจจัย เช่น กรรมพันธุ์ ความเป็นอยู่ การกิน การออกกำลังกาย การพักผ่อน แต่จะขอพูดถึงในส่วนการกินก็แล้วกัน การสร้างร่างกายก็เหมือนกันการสร้างบ้าน ถ้าวัสดุในการสร้างบ้านไม่ดีหรือไม่พอ มันก็สามารถสร้างได้ แต่บ้านที่ได้ก็ไม่ดีเท่ากับการที่มีวัสดุเพียงพอ ร่างกายก็เช่นกัน การที่ร่างกายได้รับสารอาหารครบน่าจะเป็นเรื่องที่ดีกว่า แต่มีอีกแนวคิดนึงที่ผิดคือ แก่แล้ว ร่างกายไม่เจริญเติบโตแล้ว กินธรรมดาๆอะไรก็ได้   ความเป็นจริงร่างกายสร้างเซลล์ใหม่ทุกวัน ร่างกายสร้างสิ่งทดแทนส่วนที่สึกหรอ ถ้าได้รับสารอาหารไม่พอก็จะเกิดการขาดสารอาหาร  มันไม่ป่วยหรือตายให้เห็นทันที แต่มันจะมีผลระยะยาว ยกตัวอย่าง แคลเซียม  คนคิดว่ากินไปก็ไม่สูง โตขึ้นเลยหยุดกิน แล้วค่อยมากินตอนแก่(ซึ่งสายไปแล้ว) แคลเซียมก็มีสมดุลของมัน ถ้าแคลเซียมในเลือดน้อย มันจะไปดึงเอาแคลเซียมในกระดูกมาใช้ เป็นเหตุให้กระดูกบาง กระดูกพรุน  พอแก่ตัวลงร่างกายสร้างกระดูกยาก ที่กินเข้าไปไม่สร้าง มันแก้ปัญหาไม่ได้แล้ว เพิ่ม-ตอนแก่แม้จะสายแต่ก็ต้องกินเพื่อป้องกัน กินเพื่อให้ร่างกายนำไปใช้ ฉะนั้นคนที่คิดว่า ไม่มีสารอาหารเข้าไปร่างกายก็แค่ไม่สร้าง คิดผิดแล้วครับ ร่างกายมันมีอะไรมากกว่านั้น -สุดท้าย  ผมอยู่ฝ่ายแนะนำให้กินอาหารเสริมนะ แต่ชีวิตจริงผมแทบไม่ได้กินเลย(ขี้เกียจกิน) อาหารเสริมในโลกนี้มีมากมาย ผมเองก็ไม่เชียร์ให้กินทุกอย่างเช่นกัน อาหารเสริมที่ผมเห็นว่าจะเป็นต้องกินมีหลักๆอยู่ 3 อย่าง คือ โปรตีน  วิตามินรวม  แคลเซียม ตัวรองๆพวก Q10 โอเมก้า แร่ธาตุต่างๆ ฯลฯ หากใครอยากได้อะไรเพิ่มจะหามากินก็ได้ ส่วนสารสกัดอื่นอะไรต่างๆผมไม่ค่อยแนะนำเลยครับ มันมีหลายตัวเกิน ซึ่งหลายๆอย่างนั้นก็มีวิตามินเป็นพื้นฐานใส่สารสกัดนิดเดียว แต่ถ้าใครจะกินเพิ่มก็ไม่ว่า ผมแค่แนะว่าอย่าไปตามมันมาก ประมาณนี้แหละ แก้ไขเมื่อ 15 เม.ย. 55 09:55:30 จากคุณ : DARKSNIPER เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 09:52:58

ความคิดเห็นที่ 72 http://www.good-d.net/index.php?mo=59&action=page&id=441654 หนังสือเรื่องนี้คือ เมื่อคุณหมอไม่รู้จักอาหารเสริมบำบัดโรค ความตาย อาจกำลังครอบงำคุณ. เรื่องที่จริงซ๊อกโลก ความตายที่มากับยา ใบสั่งยาอาจฆ่าคุณ ... นพ.เรย์ ดี สแตรนด์ (Ray D. Strand, M.D.) แพทย์ผู้เชียวชาญ และผู้แต่งหนังสือ เมื่อคุณหมอไม่รู้จักอาหารเสริม ความตายอาจ กำลังครอบงำคุณ และ ใบสั่งยา อาจฆ่าคุณ ทำการวิจัยเกือบ 10 ปี พบว่าคุณประโยชน์ของ "สารอาหารบำบัด" ที่มีคุณภาพสูง สามารถช่วยให้ร่างกายมีสมรรถภาพต่างๆ คือ ทำไมต้องทานอาหารเสริม ทุกวันนี้คนเราเจอกับมลภาวะตั้งแต่ อากาศที่หายใจ อาหารที่รับประทาน น้ำที่ดื่มทุกวัน ก่อให้เกิดปัญหาอนุมูลอิสระสะสมในร่างกายเป็นประจำทุกวันแบบไม่รู้ตัว หนำซ้ำอาวุธที่มนุษย์มีไว้ต่อต้านอนุมูลอิสระจากธรรมชาติก็ร่อยหรอลงไปทุกที จะหาผักผลไม้ปลอดสารพิษได้จากที่ไหน? แร่ธาตุในดินที่ลดลงไปเรื่อยๆ จะทำให้ผลไม้มีคุณค่าเพียงพอได้อีกกี่ปี? เศรษฐกิจซบเงินซื้อผลไม้ก็ดูจะกลายเป็นของฟุ่มเฟือยสำหรับบางครอบครัว หลากหลายปัญหาที่ทำให้มนุษย์เป็นโรคเสื่อม ทั้งเกิดจากภายนอกและจากภายในคือความเครียดจากการทำงานก็ก่อให้เกิดปัญหากับ ระบบร่างกายเช่นเดียวกัน วันนี้อาจจะยังแข็งแรงอยู่ แต่ทุกอย่างมันกำลังก่อร่างสร้างตัวอยู่ในร่างกายของคุณนั่นเอง เมื่อใดเม็ดเลือดขาวแพ้ เมื่อนั้นก็จะแสดงอาการออกมา สารอาหารบำบัดหรือที่ในบ้านเราเรียก กันว่า "ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร" นั้นดูหลายคนจะขยาดและอยากวิ่งหนีเมื่อได้ยินคำนี้เพราะทราบว่าต้องเสีย เงิน... จริงๆ แล้วมันเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในการป้องกันและแก้ไขเราจากโรคเสื่อมต่างๆ ที่มีอันดับการตายเป็นอันดับ 1 - 10 อยู่ทุกๆ ปี เช่น โรคหัวใจ, โรคมะเร็ง, โรคไขข้อ, โรคหลอดเลือดอุดตัน, โรคเบาหวาน ฯลฯ อีกสารพัด สาเหตุหลักที่เกิดโรคพวกนี้ขึ้นก็เพราะ "เซลอ่อนแอ" หรือ "เซลขาดอ็อกซิเจน" เพราะสู้รบกับอนุมูลอิสระไม่ไหวนั่นเอง จึงเป็นสาเหตุที่เราต้องมอง "สารอาหารบำบัด" เพื่อป้องกันโรคเสื่อมที่สะสมอยู่ในร่างกาย ทำไมต้องใช้สารอาหารบำบัด ? นพ.เรย์ ดี สแตรนด์ (Ray D. Strand, M.D.) แพทย์ผู้เชียวชาญ และผู้แต่งหนังสือ เมื่อคุณหมอไม่รู้จักอาหารเสริม ความตายอาจ กำลังครอบงำคุณ และ ใบสั่งยา อาจฆ่าคุณ ทำการวิจัยเกือบ 10 ปี พบว่าคุณประโยชน์ของ "สารอาหารบำบัด" ที่มีคุณภาพสูง สามารถช่วยให้ร่างกายมีสมรรถภาพต่างๆ คือ 1. เพิ่มภูมิต้านทานโรค 2. เพิ่มศักยภาพให้ Antioxidant สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันความเสื่อม ความชรา และมะเร็ง 3. ลด ความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคลมปัจจุบัน มะเร็ง ข้ออักเสบ ความเสื่อม ต้อกระจก อัลไซเมอร์                 พาร์กินสัน ภูมิแพ้ หืด โรคปอด โรคจากความเสื่อมเรื้อรัง 4. ช่วยรักษาโรคที่มีความเสื่อมเริ้อรัง จากข้อมูลในหนังสือของคุณหมอเรย์ ดี สแตรนด์ ได้มีข้อมูลยืนยันว่า นักศึกษาแพทย์ได้เรียนทางด้านโภชนาการ หรือเรื่องสารอาหารน้อยมาก แค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น จากการเรียนแพทย์ถึง 6 ปี ส่วนใหญ่จะเรียนแต่เรื่องยากับการผ่าตัด    ดังนั้นคุณหมอ 95% ในโลกนี้จะไม่มีความรู้เรื่องของอาหารเสริมเลย และจะบอกกับท่านว่า "ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ก็พอแล้ว" ส่วนเหตุผลที่ควรจะทาน ให้ตอบคำถามเหล่านี้ดู ถ้า...คุณตอบว่า ใช่...! ในข้อใดข้อหนึ่ง คุณสมควรทาน "สารบำบัด" 1. คุณไม่ได้กินอาหารดีๆ มีประโยชน์ทุกมื้อ เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืช ผัก และผลไม้สดอินทรีย์ (ไร้สารพิษ 100%) เต้าหู้           สาหร่ายทะเล ปลา และอาหารทะเลไร้สารพิษ เป็นต้น 2. คุณไม่ได้ทานผักครบ 5 สีทุกมื้อ หรือทานผักผลไม้ครบ 2 กิโลกรัมทุกวัน (หรือ 80% ใน 1 วัน) 3. คุณทานอาหารเป็นประเภททอด ปิ้ง ย่าง ผัด เป็นส่วนใหญ่ และใช้ความร้อนกับน้ำมันพืชเกิน 60 องศาเซลเซียส              (ก่อให้ เกิดอนุมูลอิสระมหาศาลตั้งแต่กระบวนการทำอาหาร จนถึงรับประทานเข้าไป)       4. คุณไม่ได้ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้งขึ้นไป 5. คุณอยากมี "สุขภาพดี 120 ปี ไม่มีป่วย" หรืออยากมีสุขภาพดี ดูดี อ่อนกว่าวัย 10 - 30 ปี 6. คุณไม่อยากเป็นเหมือนคนทั่วไป ที่มีความเจ็บป่วย พิการ ดูเหมือนเป็นเรื่อง "ธรรมดา" ที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เช่น * อายุ 40 ปี เริ่มมีโรค เริ่มพบแพทย์ * อายุ 50 ปี มีโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ต้องกินยาตลอดชีวิต * อายุ 60 ปี ต้องนอนโรงพยาบาล เป็นมะเร็ง หรือผ่าตัด เสียเงินอีกหลายแสนบาท * อายุ 70 ปี ต้องนอนโรงพยาบาลนาน 2 - 3 เดือน หรือนอน ICU * อายุ 80 ปี พิการ อัมพาต นอนบนเตียงตลอดชีวิต หรือตาย จริงๆ แล้วคุณสามารถป้องกันได้ทั้งหมด ด้วยการดูแลเซลให้แข็งแรงอยู่เสมอ กระตุ้นเม็ดเลือดขาวให้คอยต่อต้านอนุมูลอิสระ ไม่ให้ส่วนไหนของร่างกายอ่อนแอ แต่จะทำได้ "สารอาหารบำบัด" จึงจำเป็น เหตุผลในการเลือกกินผลิตภัณฑ์ "สารอาหารบำบัด" ของคนทั่วไป 5 อันดับแรก 1. ดีต่อสุขภาพ 25.5 % 2. แข็งแรงไม่เจ็บป่วยง่าย 24.0 % 3. มีภูมิต้านทานโรค 12.5 % 4. มีประโยชน์ต่อร่างกาย 9.0 % 5. ไม่อยากอ้วน/ควบคุมน้ำหนัก 4.0 % การรักษาผู้ป่วยด้วยอาหารเสริมได้ผลดีในสหรัฐอเมริกา นายแพทย์ เรย์ ดี.แสตรนด์ เป็นแพทย์ชาวสหรัฐอเมริกา ก่อนหน้านี้คุณหมอเรย์ ก็เหมือนหมอทั่วไป ที่ไม่เชื่อถือในคุณประโยชน์ของอาหารเสริม เมื่อคนป่วยมาถามว่า สมควรกินอาหารเสริมหรือไม่ คุณหมอเรย์ ก็ตอบอย่างไม่ลังเลว่า อย่ากินเลย เสียเงินเปล่าๆ อาหารที่เรากินเข้าไปทุกวันก็มีสารอาหารมากพอแล้ว ต่อมาคุณลิซ ภรรยาของคุณหมอเรย์ ล้มป่วยด้วยโรค เนื้อเยื่อแข็ง หรือ Fibromyalgia อาการที่คุณลิซเป็นคือ เหนื่อยมาก จนไม่สามารถแม้จะก้าวขาเดิน เจ็บปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทั้งภูมิแพ้ ไซนัส และปอดก็ติดเชื้อด้วย คุณหมอเรย์ ได้ ระดมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รักษาคุณลิซ ซึ่งเป็นภรรยาสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่า อาการของคุณลิซ ยิ่งทรุดลงเรื่อยๆ ถึงขนาดลุกห่างจากเตียงไม่ได้ อาการหอบและภูมิแพ้ยิ่งกำเริบหนักมากยิ่งขึ้น ความพยายามของคุณหมอเรย์ ผู้เป็นสามีถึงทางตัน ไม่มีทางเยียวยารักษาคุณลิซ ผู้ภรรยาได้อีกแล้ว โชคดี เพื่อนบ้านได้มาเยี่ยม และได้แนะนำคุณลิซ ให้รับประทานอาหารเสริม คุณลิซก็หมดหนทางแล้ว จึงปรึกษาคุณหมอเรย์ ผู้สามีว่า สมควรรับประทานอาหารเสริมดังกล่าวหรือไม่ คุณหมอเรย์ ซึ่งไม่เคยเชื่อถืออาหารเสริมมาก่อนได้บอกกับภรรยาว่า จะกินก็กินไปเถอะ เพราะไม่มีอะไรจะเสียมากกว่านี้แล้ว คุณลิซผู้ภรรยาได้ เริ่มกินอาหารเสริม ซึ่งระบุว่า มีสารอาหารประเภทวิตามินต่างๆ และ เบต้าแคโรทีน น่าประหลาดใจ หลังจากที่คุณลิซกินอาหารเสริมดังกล่าวเพียง 3 วัน อาการก็เริ่มดีขึ้น และดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ปรากฎการณ์ดังกล่าว สร้างความดีใจและสร้างความสับสนให้คุณหมอเรย์ ผู้สามีเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะเขาไม่เคยเชื่อมาก่อนเลยว่า อาหารเสริมจะมีคุณค่าทำให้คนป่วยหายป่วยได้ ในฐานะที่เป็นแพทย์ คุณหมอเรย์ ยัง ไม่ปักใจเชื่อในคุณค่าอาหารเสริม เขาจึงโทรศัพท์ไปหาคนป่วยที่เขาเคยรักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน แต่รักษาไม่หาย ให้กลับมารักษาใหม่ ซึ่งคนไข้ก็กลับมารับการรักษาใหม่ ในการรักษารอบใหม่ คุณหมอเรย์ ได้ ให้อาหารเสริมกับคนไข้ทุกคน ผลปรากฎว่า คนไข้ที่เคยรักษาไม่หาย แต่เมื่อให้อาหารเสริมควบคู่กับยาแผนปัจจุบัน อาการของคนไข้ทุกคนดีขึ้น จนถึงหายจากอาการป่วยไข้ที่เป็นมาแรมปี เมื่อได้ข้อสรุปว่า อาหารเสริมสามารถช่วยคนป่วยให้หายป่วยได้จริงๆ คุณหมอเรย์ จึง เริ่มศึกษา ค้นคว้า ทดลอง หาสารอาหารที่อยู่ในอาหารเสริมว่ามีส่วนเกี่ยวพันกับสุขภาพของคนเราอย่างไร อย่างจริงจัง โดยใช้เวลาในการศึกษาวิจัยถึง 7 ปี ในที่สุดก็ได้พบว่า อาหารเสริมที่สกัดจากพืชหรือสัตว์โดยปราศจากเคมี จะช่วยให้ผู้ป่วยหายป่วยได้จริง และคนปกติหากรับประทานอาหารเสริมเป็นประจำ ก็จะทำให้สุขภาพแข็งแรง ไม่เกิดการเจ็บป่วยง่ายๆ คุณหมอเรย์ จึงสรุปว่า ผู้ที่รับประทานอาหารเสริมที่มีสารอาหารสูง จะได้ประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้ 1. เพิ่มภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ทำให้ร่างกายต่อสู้กับโรคหรือเชื้อโรคต่างๆ ได้ 2. เพิ่มศักยภาพให้กับระบบต่อต้านอนุมูลอิสระ 3. ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด 4. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคลมปัจจุบัน 5. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง 6. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคข้อต่ออักเสบ ความเสื่อมเฉพาะจุด และโรคต้อกระจก 7. ลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ พากินสัน หอบหืด ปอด และโรคที่เกิดจากความเสื่อมของอวัยวะ     ชนิดเรื้อรังอื่นๆ 8. พัฒนาการรักษาโรคที่เกิดจากความเสื่อมเรื้อรังได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขอขอบคุณเรื่องราวแบบย่อๆ  ของคุณหมอเรย์ ดังกล่าว ปรากฎอยู่ในหนังสือชื่อ "เมื่อคุณหมอไม่รู้จักอาหารเสริมบำบัดโรค....ความตายอาจ...กำลังครอบงำคุณ" เนื้อหาในหนังสือทั้งหมดเขียนโดย คุณหมอเรย์ และแปลเป็นภาษาไทย โดย พรหมพัฒณ ธรรมะรัต จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 15:33:14

ความคิดเห็นที่ 73 ผมอยู่ฝ่ายไม่กินอาหารเสริมนะ ผมว่า ฝ่ายกินเสริม มีเหตุผลใช้ได้เลย แต่ ผมว่ามันแพงไปน่ะ ปลูกผักกินเองดีก่า สนุกด้วย จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 15:34:58

ความคิดเห็นที่ 74 โห ขอบคุณจริง ๆ ครับ  กระทู้นี้มีประโยชน์มาก คิดไว้ไม่มีผิด  เชื่อหมอมากไม่ได้หรอก จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 15:37:12

ความคิดเห็นที่ 75 #73  อย่างที่ผมบอกไป อย่างน้อย ๆ ก็กินพวกวิตามินแร่ธาตุบ้าง  เดือนละไม่ถึง 200 ไม่แพงหรอก จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 16:06:22

ความคิดเห็นที่ 76 #72 ต่อมาคุณลิซ ภรรยาของคุณหมอเรย์ ล้มป่วยด้วยโรค เนื้อเยื่อแข็ง หรือ Fibromyalgia อาการที่คุณลิซเป็นคือ เหนื่อยมาก จนไม่สามารถแม้จะก้าวขาเดิน เจ็บปวดตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ทั้งภูมิแพ้ ไซนัส และปอดก็ติดเชื้อด้วย คุณหมอเรย์ ได้ ระดมทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รักษาคุณลิซ ซึ่งเป็นภรรยาสุดความสามารถ แต่ดูเหมือนว่า อาการของคุณลิซ ยิ่งทรุดลงเรื่อยๆ ถึงขนาดลุกห่างจากเตียงไม่ได้ . . ความพยายามของคุณหมอเรย์ ผู้เป็นสามีถึงทางตัน ไม่มีทางเยียวยารักษาคุณลิซ ผู้ภรรยาได้อีกแล้ว โชคดี เพื่อนบ้านได้มาเยี่ยม และได้แนะนำคุณลิซ ให้รับประทานอาหารเสริม . . คุณลิซผู้ภรรยาได้ เริ่มกินอาหารเสริม ซึ่งระบุว่า มีสารอาหารประเภทวิตามินต่างๆ และ เบต้าแคโรทีน น่าประหลาดใจ หลังจากที่คุณลิซกินอาหารเสริมดังกล่าวเพียง 3 วัน อาการก็เริ่มดีขึ้น และดีขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับมาใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ ข้างบนนี่ ถ้า เป็นรายการที่ออกอากาศ ทางทีวี คงต้องได้ยินเสียง ตามมาว่า " พระเจ้า...จอร์จ ..มันยอดมาก " แน่ ๆ : ) ใครอยากเชื่อ ก็เชื่อไป ละกันครับ เพราะ ถ้าอาหารเสริมมันวิเศษขนาดนั้น มันจะไม่ต่างจาก... ยาสารพัดโรค แล้วนะครับ มาดูความเห็น ในอีกด้าน ที่ไม่ปฏิเสธ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร แต่เชื่อว่า ให้ข้อคิดที่ ค่อนข้างเป็นกลาง โปรดอ่านด้วยวิจารณญาน ละกันครับ อาหารเสริมสกัดเม็ด ได้ผลดีจริงหรือ? อาหารตามธรรมชาติ...ทางเลือกสำหรับคนรักสุขภาพ (ไทยโพสต์) ในปัจจุบันนั้นอาหารเสริมสกัดเม็ดประเภทผักและผลไม้ เปิดตัวขึ้นท่ามกลางกระแสคนรักสุขภาพอย่างมากมาย แต่หากลองคิดกลับกัน การรับประทานผักและผลไม้ที่มีอยู่ตามธรรมชาตินั้น ก็น่าเป็นทางเลือกที่ดีและช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรงได้ อย่างไรก็ตาม ลองไปฟังมุมมองของผู้รับประทาน คุณหมอและนักโภชนาการเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารเสริมสกัด กับการรับประทานอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาติ ว่าอย่างไหนจะส่งผลดีต่อสุขภาพมากกว่ากัน นายยุทธนา นารี อายุ 32 ปี พนักงานบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง (ผู้ที่มีประสบการณ์ตรงในการรับประทานอาหารเสริมสกัดเม็ด) กล่าวว่า ตนรับประทานอาหารเสริมสกัดจากผักและผลไม้มานานประมาณ 6 เดือนแล้ว และรับประทานอยู่ 2 ชนิด ตัวแรกเป็นอาหารเสริมสกัดที่อยู่ในรูปของแคปซูล โดยมีสารสกัดของผักและผลไม้อยู่ด้วย ตัวที่ 2 เป็นอาหารเสริมจำพวกซุปไก่สกัด โดยยุทธนากล่าวว่า หลังจากที่รับประทานอาหารเสริมสกัด 2 ตัวนี้เข้าไปแล้วทำให้ตนเองรู้สึกกระชุ่มกระชวย พอตื่นเช้ามารู้สึกมีแรงที่จะไปทำงานมากขึ้น ในอนาคตยุทธนากล่าวว่า อาจจะลองหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่สามารถรับประทานแทนข้าวมาลองรับประทานดู เพราะตนเองต้องทำงานหนัก จึงไม่มีเวลาเลือกรับประทานอาหารที่ปรุงครบถ้วนด้วยสารอาหารจากผักผลไม้ตามธรรมชาติ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องเลือกรับประทานอาหารเสริมสกัดเม็ดเหล่านี้ ขณะที่ นพ.ภาณุวัฒน์ พุทธเจริญ แพทย์สถาบันการแพทย์ผสมผสานตรัยยา รพ.ปิยะเวท กล่าวว่า การเลือกรับประทานอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาตินั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะผักและผลไม้ในธรรมชาติ เช่น แอปเปิ้ล มีส่วนประกอบของวิตามินและเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายอยู่ในจำนวนที่ค่อนข้างมาก และให้พลังงานโดยตรงต่อผู้รับประทานมากกว่าอาหารเสริมสกัดเม็ด เพราะวิตามินเสริมสกัดเม็ดนั้น บางครั้งไม่ได้สกัดจากสารอาหารในธรรมชาติโดยตรง แต่ส่วนหนึ่งมาจากวิธีการสังเคราะห์และต้องใช้สารเคมีในการสังเคราะห์ด้วย พูดง่าย ๆ ว่าอาหารที่มีอยู่ตามธรรมชาตินั้นมีประโยชน์ต่อผู้บริโภคมากที่สุด สำหรับผู้ที่รับประทานอาหารเสริมสกัดเม็ดแล้วกล่าวว่าดีต่อร่างกาย ทำให้รู้สึกกระชุ่มกระชวย สดชื่นนั้น คุณหมอกล่าวว่า ก็อาจจะมีทั้งที่รับประทานแล้วได้ผลดีจริง เช่น ฤทธิ์ของยานั้นมี 100% แล้วผู้ที่รับประทานสามารถดูดซึมสารอาหารได้ 40-50% ก็ถือว่าได้ผลดี แต่การที่จะนำไปใช้ในร่างกายได้จริงนั้น คุณหมอกล่าวว่าค่อนข้างวัดได้ยาก นอกจากจะได้รับการรับรองจากแพทย์ที่เป็นผู้ให้อาหารเสริมสกัดเม็ดเหล่านี้เอง หรือส่วนหนึ่งมาจาก "ฤทธิ์ของยาหลอก" หรือพูดง่าย ๆ ว่าตัวยานั้นไม่ได้ทำให้เกิดผลแต่เป็นเรื่องจิตใจมากกว่า ที่บอกว่าเมื่อรับประทานอาหารเสริมสกัดเม็ดเหล่านี้แล้วบอกว่าได้ผลดีนั่นเอง ขณะเดียวกันการจะบอกว่า การเลือกรับประทานอาหารเสริมสกัดเม็ดสกัดดีหรือไม่นั้น คุณหมอกล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการพิจารณาว่าร่างกายของเรานั้นจำเป็นต้องได้รับสารอาหารเหล่านี้หรือไม่ แต่ถ้าให้แนะนำ ควรเลือกรับประทานอาหารจากธรรมชาติจะดีที่สุด แต่ในกรณีที่บางรายจำเป็นต้องได้รับอาหารเสริมก็สามารถรับประทานได้ แต่ควรดูว่าอาหารเสริมสกัดเหล่านี้ได้รับการควบคุมมาตรฐานจาก อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศหรือไม่ แต่ถ้าผ่าน อย.แล้ว ก็จำเป็นต้องดูว่าสารอาหารที่สกัดมานั้นสกัดมาจากธรรมชาติหรือไม่ เพราะถ้าสกัดมาจากสารอาหารธรรมชาตินั้น ก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของผู้รับประทานน้อยลง และที่สำคัญต้องไม่รับประทานเกินขนาด ส่วนผลเสียหรือผลข้างเคียง สำหรับการรับประทานอาหารเสริมสกัดเม็ดนั้น คุณหมอกล่าวว่า ถ้าเป็นผลเสียในระยะเฉียบพลัน อาจส่งผลให้ผู้รับประทานมีอาการอ่อนเพลีย มีอาการแพ้ รู้สึกมึนงง แน่นท้อง วิงเวียนศีรษะ เป็นต้น หรืออาจท้องเสียอ่อน ๆ ได้ ส่วนผลเสียในระยะยาวนั้น ถ้าหากรับประทานเกินมาตรฐานที่ร่างกายต้องการก็จะทำให้ร่างกายทำงานหนัก เพราะอวัยวะต่าง ๆ ต้องขับสารส่วนเกินเหล่านี้ออกมา จึงส่งผลให้ทั้งตับและไตทำงานหนักนั่นเอง ขณะที่ น.ส.นฤมล วัฒนาโสภณ นักโภชนาด้านอาหาร รพ.กล้วยน้ำไท 1 กล่าวว่า การเลือกรับประทานอาหารเสริมสกัดเม็ดนั้น สามารถทำได้ถ้ากำลังทุนทรัพย์เพียงพอ แต่อย่างไรก็ตาม ควรอ่านฉลากในการรับประทานให้ครบถ้วนก่อนรับประทาน เช่น ในหนึ่งวันควรรับประทานไม่เกินกี่เม็ด เป็นต้น นอกจากนี้หากผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวานและโรคไต ควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานอาหารเสริมสกัดเม็ดที่อยู่รูปเม็ดและในรูปน้ำที่บรรจุกระป๋อง เพราะทั้ง 2 โรคนี้มีข้อจำกัดในการรับประทาน อย่างไรก็ตาม นักโภชนาการสาวกล่าวว่า หากเลือกได้ก็ควรเลือกรับประทานอาหารที่มาจากธรรมชาตินั้นจะดีที่สุด เพราะในผักและผลไม้นั้นจะมีกากใยและเส้นใยของอาหาร จะช่วยทำให้ผู้ที่รับประทานได้รับประโยชน์จากอาหารที่รับประทานมากกว่าการรับประทานอาหารเสริมสกัด เพราะในอาหารเสริมสกัดไม่มีกากใยอาหาร ท้ายนี้นักโภชนาการกล่าวว่า หากเรารับประทานผักและผลไม้เป็นประจำอยู่แล้ว รวมถึงดื่มน้ำ 1 แก้วหลังจากรับประทานอาหาร บวกกับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องรับประทานอาหารเสริมสกัดเม็ดเหล่านี้แต่อย่างใด http://health.kapook.com/view26140.html จากคุณ : ก็...ว่ากันไป เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 16:14:33 A:115.87.130.71 X: TicketID:326785

ความคิดเห็นที่ 77 พวกนักโภชนาการอะไร พูดจาเหมือนนกแก้วนกขุนทอง  ไม่เชื่อหรอก จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 16:32:01

ความคิดเห็นที่ 78 #72 ต่อมาคุณลิซ ภรรยาของคุณหมอเรย์ ล้มป่วยด้วยโรค เนื้อเยื่อแข็ง หรือ Fibromyalgia มาทำความเข้าใจ เกี่ยวเกี่ยวกับโรคนี้กัน โดยขอยกเอาบทสรุป มาดูกันเลย Fibromyalgia บทสรุป ไฟโบรมัยอัลเจีย เป็นกลุ่มอาการปวดเรื้อรัง ทั่วร่างกาย ที่พบบ่อยในผู้หญิง วัยกลางคน ร่วมกับอาการอ่อนล้าและความผิดปกติของการนอนหลับ ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน และยังไม่มีการรักษาที่ได้ผลดีที่สุดในปัจจุบัน แม้ว่าจะมีความก้าวหน้าในการศึกษาเกี่ยวกับไฟโบรมัยอัลเจียมากขึ้น ก็ตาม การรักษาจึงต้องบูรณาการทั้ง การรักษาทางร่างกาย จิตใจ และสังคม ด้วยการให้ความรู้ การให้ยาต่างๆ ร่วมกับการรักษาที่ไม่ใช่ยา เพื่อมุ่งบรรเทาอาการต่างๆ ลดความทุกข์ทรมาน และเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย ผศ. นพ. วิชิต ศุภเมธางกูร เวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ถ้าใครสนใจ รายละเอียด (ยาวมาก) ดูตามลิงค์ นะครับ http://www.med.tu.ac.th/uploads/article/vichit.pdf เขียนขึ้นมา ด้วยการอ้างอิงจากหนังสือ 81 เล่ม หรือ 81 Refernces คำถาม : ทำไมแพทย์ทั่วโลก จนป่านนี้แล้ว ยังไม่รู้เลยหรือว่า โรคนี้น่ะ รักษาได้ง่ายๆ ด้วย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่มี วิตะมินรวม และ เบต้าแคโรทีน ...แค่นั้นเอง ? จากคุณ : ก็...ว่ากันไป เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 16:36:58 A:115.87.130.71 X: TicketID:326785

ความคิดเห็นที่ 79 เขาจะหายไม่หายมันก็เรื่องของเขาครับ  ประเด็นคือ ต่อให้ไม่หายก็ไม่ได้หมายความว่าอาหารเสริมคนธรรมดากินแล้วไม่มีประโยชน์ซะหน่อย ถ้าเราป่วยก็รักษาไปตามอาการ แต่ไม่ใช่ว่าจะไปฝากทุกอย่างไว้กับแพทย์   เคยมีครั้งนึงแม่ผมหายใจไม่ค่อยสะดวก ไปหาหมอนอนให้น้ำเกลือในโรงพยาบาลเป็นอาทิตย์   สุดท้ายสรุปว่าหมอวินิฉัยโรคผิดตั้งแต่แรก  ที่รักษามาทั้งหมดไม่เกี่ยวกะโรคที่เป็นเลย  ที่หายเพราะมันหายของมันเอง  ฮาจริง ๆ จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 17:34:50

ความคิดเห็นที่ 80 คุณไข่อุง มีแนะนำผลิตภัณฑ์เสริมอาหารตัวใหนมะ อยากลองดูเหมือนกัน จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 22:24:59

ความคิดเห็นที่ 81 ขออนุญาตุพูดเรื่องกระเทียมเม็ดนะคะ อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงนะ คือปกติก็เป็นคนที่ชอบกระเทียมสดอยู่แล้ว แต่กินที่นี่บางครั้งก็ต้องระวัง เพราะคนที่นี่ไม่ชอบกลิ่นกระเทียม ถ้าจะไปข้างนอกจะไม่กิน เลยเลี่ยงโดยการกินกระเทียมเม็ด(จริง ๆ แบบน้ำมันในแค็ปซูลแบบเจลอ่อนน่ะ) เวลามีอาการเจ็บคอ เหมือน ๆ จะเป็นหวัด(โดยเฉพาะหน้านี้หน้าสปริง ที่นี่จะมีเกสรดอกไม้เยอะ และถือว่าเป็นหน้าแพ้เกสรดอกไม้สำหรับผู้คนที่นี่เลย จะเกิดอาการน้ำมูก คัดจมูก เจ็บคอ บางคนเป็นหนักถึงกับมีไข้อ่อน ๆ ด้วยซ้ำไป) พอกินกระเทียมเม็ดดักไว้มันหายจริง ๆ ไม่ได้มีความรู้เรื่องโภชนาการมากมายอะไรนะ อันนี้พูดถึงประสบการณ์ตรงว่ามันช่วยได้จริง ๆ ปกติจะกินวันละเม็ดสองเม็ด แต่ถ้าเมื่อไหร่มีอาการเจ็บคอจะกินอย่างน้อยสามเม็ดตอนเช้า และกินดักไว้ก่อนนอนอีกเลย มันช่วยได้จริง ๆ น่ะ ก็ไม่รู้ว่ามีสารอะไรเป็นตัวช่วยนะ จากคุณ : JC2002 เขียนเมื่อ : วันเถลิงศก 55 23:19:18

ความคิดเห็นที่ 82 จขกท.พูดเหมือนคนขายอาหารเสริมเลยนะครับ จากคุณ : ReHeat เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 11:40:19

ความคิดเห็นที่ 83 ถ้ากินครบจริงๆ และออกกำลังกายเป็นประจำก็ไม่ต้องใช้อาหารเสริมหรอกครับ ปู่ผมตอนนี้จะ 90 แล้ว ยังขี่มอไซค์เองได้อยู่เลย เดินเหินปกติ ถ้าจะไปบอกให้ปู่กินอาหารเสริมปู่คงถามว่ามันคืออะไร ตั้งแต่เกิดมาอั๊วะกินอาหารแบบปกติก็ยังแข็งแรง ลื้อแถอะในอนาคตจะอยู่จนเก้าสิบแล้วยังแข็งแรงเหมือนอั๊วะอ๊ะป่าว ผมก็เป็นอีกคนที่ไม่เชื่อเรื่องอาหารเสริมถ้าหากวว่าเรากินถูกสุขลักษณะอยู่แล้ว จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 13:52:42

ความคิดเห็นที่ 84 เกิดมาไม่เคยกินอาหารเสริมเลย ก็ยังอยู่ดีกินดี แข็งแรง ไม่เคยต้องเข้า รพ. คุณคิดว่า"จำเป็น"ต้องกินอาหารเสริมไหม จากคุณ : Dequardo เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 14:19:33

ความคิดเห็นที่ 85 #80 ลองคิว10 เหมือนลุงทินก็ดีครับ  แต่ถ้าไม่มีเงินก็กินวิตามินรวมไปก่อนก็ได้ ไม่กี่บาท #82  คนขายอาหารเสริมก็ไม่ได้โกหกทั้งหมดครับ  เขาแค่พูดความจริงไม่หมด  ส่วนไข่อุงพูดแต่ความจริงจนสิ้นไส้  ไข่อุงเองก็ไม่มีอะไรจะขายครับ  เคยเร่ขายตัวแต่ไม่มีใครเอาครับ #83  คนจะเป็นแบบปู่ต้องมี DNA ที่แข็งแรงตั้งแต่เกิดครับ  ซึ่งเป็นคนส่วนน้อย  หรือคุณจะหวังให้ตัวเองโชคดีถูกหวยถึงจะมีอายุยืน #84  คงไม่ได้อ่าน คคห. ของผมข้างบน  การที่ไม่ป่วยไข้  คือ อยู่ได้  ครับ  แต่จะอยู่ดีมีคุณภาพแค่ไหนมันอีกเรื่องนึง  คนผิวไม่สวยผมไม่สวย  ร่างกายเหี่ยวย่น สมองมึน ๆ งงๆ  ไม่มีเรี่ยวแรงก็ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาลเหมือนกันนะครับ จากคุณ : ไข่อุง เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 17:43:49

ความคิดเห็นที่ 86 ครบห้าหมู่เป็นคำพูดภาษาบ้านๆ ถ้าภาษาวิชาการหน่อยก็คือให้ครบตาม RDI ซึ่งถ้าคนธรรมดากินตามนั้น ก็ครบถ้วนแล้วตามที่ร่างกายต้องการ กินมากกว่านั้น ก็ออกเป็นขี้เป็นเยี่ยวซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะเกินความจำเป็นของร่างกาย สารอาหารบางตัวขับออกจากร่างกายได้ช้า รับมากเกินไปก็กลายเป็นผลเสียซะอีก ส่วนจะกินเสริมเพราะคิดว่าจะหน้าตาดี หรือคิดว่ารักษาโรค ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง จากคุณ : PUFF เขียนเมื่อ : 16 เม.ย. 55 23:28:57