ความคิดเห็นที่ 1                 ธรรมชาติเรา มนุษย์เรา สารพันธุกรรมเรา ไม่ได้สมบูรณ์แบบ การถ่ายทอดจากพ่อ-แม่ ไม่ได้มา 100% เด๊ะๆ เนื่องจากกระบวนการความผิดพลาดต่างๆในการคัดลอกสารพันธุกรรมระหว่างเซลล์แบ่งตัว                 หมู่เลือดเช่นกันครับ                 หมู่เลือดที่ควรจะเป็นอาจมีความแรงน้อยกว่าที่ควร (เหมือนนิโกรใช่ว่าจะดำโทนเดียวกันหมด)       จะเป็นเนื่องจากการกลายพันธุ์หรือเหตุการณ์บางอย่างครับ ทำให้ผลการตรวจหมู่เลือด                   โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตรวจหมู่เลือดแบบคร่าวๆที่ไม่ได้มีกระบวนการที่เป็นไปตามหลักวิชาการ       (เช่นการเอาสไลด์มาทดสอบหมู่เลือดคร่าวๆ) อาจให้ผลไม่ตรงกับความเป็นจริงได้ สิ่งนั้นคือ..... หมู่เลือดย่อยครับ ในที่นี้เราจะพูดถึงหมู่เลือดย่อยของเลือดในระบบ ABO หรือที่เรียกว่า ABO subgroup จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 14:40:24

ความคิดเห็นที่ 2 มาดูอันแรกหมู่ย่อยของหมุ่เลือด A ครับ          จากภาพคือโครงสร้างของแอนติเจน A ซึ่งจะเห็นได้ว่าแอนติเจน A ของหมู่เลือด A นั้นแตกต่างจากแอนติเจน H ของหมู่เลือด O ตรงที่มีน้ำตาลตัวนึงเข้าไปเกาะเพิ่มใช่ไหมครับ (อ่านเพิ่มเติมที่กระทู้ก่อนหน้า)          คราวนี้ไอ้ตัวนี้แหละแอนติเจน A ของเราเนี่ย ในคนบางคนที่เป็นกรุ๊ป A หรือ AB น่ะครับ มันแสดงออกมาบนผิวเม็ดเลือดแดงน้อยกว่าคนที่มีกรุ๊ป A หรือ AB ทั่วๆไป ทำให้การทดสอบแบบคร่าวๆเนี่ย มันตรวจได้ว่าเป็น negative โดยเฉพาะการตรวจบนสไลด์ ซึ่งไม่สามารถอ่านผลการทดสอบที่ weak (การออกผล weak ต้องอ่านภายใต้กล้องจุลทรรศน์) การตรวจบนสไลด์ไม่ใช่วิธีที่เรียกว่า final นะครับ จำไว้ ใครมาตรวจให้ท่านนั่นคือผลเบื้องต้นเท่านั้น           ทำให้อ่านผลผิดไปว่าเป็นหมู่เลือดอื่น ทำให้อาจอ่านผลเป็น B ในกรณีที่หมู่เลือดจริงคือ AB หรืออ่านผลเป็น O ในกรณีหมู่เลือดจริงเป็น A .... จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 14:43:58

ความคิดเห็นที่ 3 คราวนี้รู้ไหมครับว่าน้ำยาตรวจหมู่เลือดต่างๆ มีสีที่ใช้ที่เป็นค่อนข้างสากลด้วย - น้ำยาตรวจหมู่เลือด A ที่ทำมาจาก anti-A นั้นมีสีน้ำเงินหรือฟ้าครับ - น้ำยาตรวจหมู่เลือด B ที่ทำมาจาก anti-B นั้นมีสีเหลืองครับ - น้ำยาตรวจหมู่เลือด AB ที่ทำมาจาก anti-AB (ไม่เหมือนกันนะครับ anti-A+anti-B กับ anti-AB) นั้นมีสีออกชมพูครับ ส่วนน้ำยาอื่นๆ ก็อาจมีสีที่แตกต่างตามผู้ผลิตครับ - น้ำยาตรวจหมู่เลือด D (Rh) ที่ทำมาจาก anti-D มีสีออกใส (แต่ของบางที่ใช้สีเขียว) และรู้หรือไม่อักษรหมู่เลือดบนถุงเลือดนะครับ มันก็จะมีโค้ดสีด้วย แต่คนละระบบกับน้ำยานะครับ แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 55 14:54:37 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 14:52:44

ความคิดเห็นที่ 4 ข้อกำหนดของถุงเลือดเป็นมาตรฐานสากลครับ ถ้าไม่ทำที่ background ของหมู่เลือด ก็ต้องทำที่ตัวอักษร จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 14:53:56

ความคิดเห็นที่ 5 หมู่ย่อยของ A ที่พบได้มากและไม่ได้ทำความเข้าใจยากนักคือ A1, A2, A3 และ Ax ครับ ........... หมู่ย่อย A1 ก็คือที่ชาวหมู่เลือด A ส่วนใหญ่เป็นกันครับ หมู่ย่อย A1 จะมีความแรงของแอนติเจนสูงสุดครับ นั่นคือหมายความว่าแอนติเจน H (ซึ่งคือตัวตั้งต้นของแอนติเจน A) ถูกเติมน้ำตาลกลายเป็น A จะเกือบหมดครับ ดังนั้นถ้าเอาน้ำยาที่เรียกว่า Anti-H (ซึ่งเป็นภูมิต้านต่อแอนติเจน H) หยดลงไปปุ๊บ จะไม่ให้ผลบวกครับ เพราะแอนติเจน H เกือบทั้งหมดเปลี่ยนเป็น A แล้ว แล้วเราจะแยกพวก A1 ออกจาก A อื่นๆได้อย่างไร ประการแรกคือ หมู่เลือด A1 ให้ผลบวกที่แรงมากกับน้ำยา Anti-A (ที่เราเห็นเป็นน้ำยาสีฟ้าตอนตรวจหมู่เลือด) ประการสองคือ หมู่เลือด A1 ทำปฏิกิริยากับ Anti-A1 (เป็นน้ำยาสีเขียวเวลาตรวจหมู่เลือด ใช้ใน รพ.ขนาดใหญ่และศูนย์บริการโลหิต) ซึ่ง Anti-A1 นี้สกัดได้จากถั่ว Dolichos biflorus ในขณะที่หมู่เลือด A อื่นๆ ไม่ทำปฏิกิริยา ประการที่สามคือ น้ำเลือดของคนหมู่เลือด A1 ทำปฏิกิริยากับเม็ดเลือดแดงที่มีแอนติเจน B แน่นอน ประการที่สี่ จากความรู้ในวรรคหนึ่งของหมู่ย่อย A1 จะพบว่าแอนติเจน H ของคนหมู่เลือด A1 ถูกเปลี่ยนไปเป็นแอนติเจน A เกือบหมดเลยใช่ไหมครับ ดังนั้นหมู่เลือด A1 จะไม่ทำปฏิกิริยากับน้ำยา Anti-H (เป็นน้ำยาสีน้ำตาลเวลาตรวจหมู่เลือด ใช้ใน รพ.ขนาดใหญ่และศูนย์บริการโลหิต จากที่เคยฝึกงานมันจะไม่ถูกนำมาใช้หากไม่พบการตรวจหมู่เลือดที่มีปัญหา) ในประชากรประมาณ 80% ที่มีหมู่เลือด A หรือ AB จะสามารถให้ผลบวกกับ Anti-A1 ได้ จะจัดว่าเป็นคนที่มีหมู่เลือด A1 หรือ A1B ซึ่งในกลุ่มนี้ไม่มีปัญหาเรื่องผลตรวจเลือดไม่ตรงแน่นอน (หากไม่ได้เป็น human error) จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 14:57:30

ความคิดเห็นที่ 6 กระทู้นี่ละเอียด เกินความรู้ผมจริง ขอบคุณมากครับ ได้เวลาศึกษาแล้ว จากคุณ : One X (stlive) เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 15:15:46

ความคิดเห็นที่ 7 คราวนี้ A1 ไม่ใช่ตัวปัญหาครับ ปัญหาคือ A2 โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอดีตที่น้ำยาตรวจหมู่เลือดยังคุณภาพไม่เท่าสมัยนี้ คนหมู่เลือด A หรือ AB จำนวนมากเป็น A2 ครับ ทำให้ผลตรวจเลือดบางทีออกมากลายเป็น O หรือ B ได้ตามลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการ screening ด้วยสไลด์ ทั้งๆที่จริงๆหมู่เลือดเขาคือ A2 หรือ A2B ตามลำดับครับ แล้วอะไรทำให้ A2 มันมีปัญหาล่ะครับ ปัญหาของ A2 คือมันใหญ่ครับ ถ้าม้วนก็จะยับ.............ไม่ใช่แระ ปัญหาของ A2 คือมันมีความแรงของแอนติเจน A น้อยกว่า A1 อยู่ 25-30% ครับ ส่งผลให้การตรวจหมู่เลือดแบบคร่าวๆ อาจให้ผล weak จนผู้ที่ขาดความชำนาญแปลผลเป็น negative ได้ ถ้าพูดง่ายๆนั่นก็คือ แอนติเจน A มีน้อย ทำให้น้ำยา Anti-A นั้นจับกับแอนติเจน A ได้น้อยครับ การจับกลุ่มตกตะกอนของเม็ดเลือดแดงก็เลยน้อยตาม (แต่เท่าที่ทราบหากเทคนิคเหมาะสมน้ำยา anti-A ที่ผลิตโดยสภากาชาดไทยตอนนี้น่าจะตรวจแอนติเจน A ในคนหมู่ A2 ได้ครอบคลุมเกือบทั้งหมดนะครับ ยกเว้นคนที่มีแอนติเจน A น้อยตริงๆ) ดังนั้นเวลาทำ cell grouping .นห้องปฏิบัติการที่เอาเม็ดเลือดแดงของชาวหมู่เลือด A2 มาตรวจสอบกับน้ำยา anti-A ส่วนใหญ่มักจะให้ผลเป็นหมู่ A ครับ (ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไรหากมาตรฐานการตรวจเลือดมีเท่านี้) แต่การตรวจเลือดเพื่อบ่งชี้หมู่เลือดในห้องปฏิบัติการต้องทำอย่างน้อยสองวิธีครับ ดังนั้นต้องมีการทำ serum grouping โดยนำเอาน้ำเลือดของชาวหมู่เลือด A2 มาทำปฏิกริยากับ A cell, B cell และ O cell มาตรฐานครับ ชาวหมู่เลือด A2 และ A2B จำนวนหนึ่ง (ประมาณ 8% และ 22-35% ตามลำดับ) จะมีการสร้าง anti-A1 ขึ้นมาด้วยครับ (เหอะๆ) ทำให้ผลการตรวจสอบเป็นไงครับ ผลก็คือทำปฏิกิิริยากับเม็ดเลือดแดง A cell มาตรฐานนะสิครับ ทั้งๆที่ในเลือดคนหมู่ A มันจะมี anti-B ซึ่งควรจะจับได้กับ B cell เท่านั้น (ซึ่งส่วนมากมักเตรียมจาก A1 เพราะมีมาก) ผลก็คือมันจะกลายเป็นผลแบบเดียวกับคนหมู่เลือด O ซึ่งน้ำเลือดจับได้ทั้ง A cell และ B cell ทำให้ผลการตรวจหมู่เลือดผิดจากความเป็นจริงครับ ............ แล้วทำไงล่ะถึงพิสูจน์ A2 ได้ ประการแรก ... เม็ดเลือดแดง A2 ส่วนใหญ่ทำปฏิกิริยากับ anti-A แต่ไม่ทำปฏิกิริยากับ anti-A1 ครับ ดังนั้นน้ำยาสีฟ้าให้ผลบวก แต่เขียวจะให้ผลลบ ประการสอง ... เม็ดเลือดแดง A2 มันมีความแรงแอนติเจน A น้อยใช่ไหมครับ ดังนั้นมันจะต้องเหลือแอนติเจน H ซึ่งเป็นสารตั้งต้นให้มันอยู่เยอะพอควร (ความแรง A น้อยกว่า A1 อยู่ 20-30% ดังนั้นความแรง H ก็น่าจะแรงกว่า A1 อยู่ในทางกลับกัน)                      ดังนั้นพวกเม็ดเลือดแดง A2 นี้จะทำปฏิกิิริยากับ anti-H ครับ ถ้าเทียบความแรงก็คือจะทำปฏิกิริยาอ่อนๆถึงปานกลาง แต่ไม่แรงเท่า anti-A ดังนั้นหากอยู่ๆ คุณได้รับการตรวจว่าเป็น group O แต่โดยทางทฤษฎีที่เรียนมาคุณบอกเป็นไปไม่ได้ที่จะ้เป็น O ลองไปหาแพทย์ที่ รพ. ใหญ่ๆดูครับ เผื่อจะ้เป็นหมู่นี้ เพราะเจอได้เยอะ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 15:20:10

ความคิดเห็นที่ 8 คราวนี้หมู่เลือด Ax หมู่นี้แอนติเจนอ่อนกว่า A2 มากครับ แต่พบได้น้อยมาก หมู่เลือด Ax จะไม่ทำปฏิกิริยากับ anti-A จากคนหมู่เลือด B ครับ แต่จะทำปฏิกิริยากับ anti-AB ของคนหมู่เลือด O (แต่ปัจจุบันน้ำยาโมโนโคลนัลที่ใช้สามารถตรวจได้ค่อนข้างครอบคลุ่มแล้ว) (ทำให้ในอดีตหรือการทำสไลด์ก็จะพบว่าได้ผลเป็นหมู่เลือด O) คนหมู่เลือด Ax เนื่องจากความแรงของแอนติเจน A อ่อนมากครับ ทำให้แอนติเจน H เหลืออยู่มาก ส่งผลให้น้ำยา anti-H สามารถให้ผลบวกที่แรงในคนหมู่เลือด Ax ครับ คนหมู่เลือด Ax มีการสร้าง anti-A1 ที่แรงกว่า A2 ครับ ดังนั้นเกือบทุกรายน้ำเลือดของเขาจะทำให้ A cell มาตรฐานตกตะกอนได้ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 15:42:08

ความคิดเห็นที่ 9 ทีแรกว่าจะพูดถึง subgroup B แต่ว่าดูไปดูมาโอกาสพบน้อยมากๆๆๆๆ เลยครับ แล้วมีข้อแม้เล็กน้อยยิบย่อย จึงไม่ขอพูดแล้วกัน เหอะๆ ครั้งหน้าผมจะพูดเรื่องการหลั่งแอนติเจน A, B, H ออกมาในสารคัดหลั่งครับ (รู้หรือไม่ว่าเราสามารถตรวจหมู่เลือดจากน้ำลาย น้ำอสุจิ น้ำเมือกได้ด้วย แต่ไม่ใช่ทุกคน) จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 15:43:58

ความคิดเห็นที่ 10 ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ ... ที่ คห.5 มี Subgroup A3 ด้วยใช่มั้ยครับ จากคุณ : ***** เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 15:47:48 A:118.175.88.15 X: TicketID:223134

ความคิดเห็นที่ 11 ออที่ข้ามการพูดถึง A3 ไปเพราะว่ามันมีศัพท์เทคนิคเยอะครับ แม้ว่ากระบวนการมันจะหลักการเดียวกับ subgroup A อื่นๆ ก็คือแอนติเจนออกมาน้อย ตอนผมฝึกงานผมเคยเจอ A3 หนนึง (พี่เขาเอามาให้ทำ ไม่ใช่เคสคนไข้ แต่เป็นเหมือน quality assurance project ของแล็บเขา) A3 นี่ผลของ anti-A กับเม็ดเลือดแดงจะมีลักษณะเฉพาะที่เรียกว่า mix field ครับคือมีการจับกลุ่ม แต่มีการจับกลุ่มเล็กๆฝอยๆ ไม่แรงเหมือน A1 หรือ A2 ครับ ทำให้สังเกตลำบาก แต่ถ้าถามว่าแอนติเจนแรงแค่ไหน ก็ยังแรงกว่า Ax ครับ เนื่องจากความแรงของแอนติเจน A น้อยลง ก็ทำให้ความแรงของแอนติเจน H สูงขึ้นครับ ส่งผลให้ทำปฏิกิริยากับ anti-H ไ้ด้แรงกว่า A2 ครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 15:56:01

ความคิดเห็นที่ 12 ออไหนๆก็พูดแล้ว ในกระทู้ก่อนหน้าผมเคยพูดถึงหมู่เลือด O Bombay ไปแล้วถูกไหมครับ O Bombay เกิดจากการที่แอนติเจน H ไม่มีการสร้างครับ ทำให้ไม่มีแอนติเจน H ในคนๆนั้น ส่งผลต่อมาก็คือคนๆนั้นสร้าง anti-H ขึ้นมาในร่างกาย ทำให้เขาไม่สามารถรับเลือดหมู่ใดๆได้เลยในระบบ ABO เพราะแม้กระทั่งเลือดหมู่ O ก็มีแอนติเจน H ที่ร่างกายเขาต่อต้านครับ ............. คราวนี้จะมีศัพท์อีกคำเรียกว่า Parabombay ครับ คำว่า -para ก็คล้ายๆก็แปลว่าไม่ได้เป็นจริงๆนั่นแหละครับ คือคนพวกนี้จะมีหมู่เลือด A, B หรือ AB ครับ แต่บังเอิญว่าการสร้างแอนติเจน H ของเขาเนี่ยต่ำกว่าคนปกติ ทำให้สารตั้งต้นที่ใช้ในการสร้างแอนติเจน A หรือ B เนี่ย น้อยลงไปด้วยครับ ทำให้แอนติเจน A หรือ B เขาเนี่ยจะอ่อน แต่จะอ่อนคนละแบบกับพวก subgroup A, B นะครับ เพราะพวก subgroup A, B พวกนี้จะมีแอนติเจน H สูง (เนื่องจากไม่เปลี่ยนเป็นเอหรือบี) ทำให้พวก Parabombay เนี่ยมีการสร้าง anti-H ออกมาอ่อนๆด้วย ส่งผลให้น้ำเลือดของพวก Parabombay จับ O cell มาตรฐานตกตะกอนอ่อนๆครับ พวก Parabombay เราจะ assign หมู่เลือดเป็น Ah และ Bh ครับ แสดงให้เห็นว่ามี H น้อยกว่าปกติ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 16:02:59

ความคิดเห็นที่ 13 ขอบคุณครับ จากคุณ : ***** เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 16:03:56 A:118.175.88.15 X: TicketID:223134

ความคิดเห็นที่ 14 อ่านแล้วเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็เหมือนจะงง 555 แล้วโอกาสที่จะตรวจพลาดจากหมู่เลือดย่อยพวกนี้มีมากแค่ไหนหรอครับ จากคุณ : MoMelyz เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 16:09:25

ความคิดเห็นที่ 15 ^ ^ ถ้าตรวจแบบสไลด์ test ที่เขาตรวจกัน free ตามนิทรรศการ งาน รร. อะไรแบบนี้โอกาสพลาดมีครับ แตา่ถ้าตรวจในโรงพยาบาล ตอนนี้น้ำยาตรวจได้พัฒนาคุณภาพไปมากแล้วทำให้ลดโอกาสพลาดลงเหลือน้อยมากครับ ส่วนใหญ่ A2 ก็จะพบเป็น A ตั้งแต่แรก (ในงาน routine ปกติของ รพ.ทั่วไปเขาไม่ใช้ anti-A1 กับ anti-H ครับ) แต่ก็ยังเจอได้นานๆครั้งครับ ตรวจมาส่วนมากก็จะเป็น subgroup A2 นั่นแหละครับ พวกที่เคยตรวจได้ O จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 16:14:27

ความคิดเห็นที่ 16 กระจ่างครับ อธิบายเข้าใจง่ายมากเลย จากคุณ : donutpla2 เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 16:48:23

ความคิดเห็นที่ 17 อาจารย์ไปช่วยงานวิจัยที่โรงพยาบาล หรือไปเป็นนักเรียนคะ..อิอิอิ ค่ะ..EX พ่อ group AB แม่ group A แล้วทำไม ลูกตรวจเลือดด้วย slide test ผลออกมาเป็น group O ไปได้ เถียงกันใหญ่ ไม่ใช่ลูกชู้นะ ที่แท้ ลูกแค่เป็น group A2 หรือ A3 หรือ Ax น่ะเอง ถูกต้องมั้ยคะ..... จากคุณ : เลอรักษมีค่ะ เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 17:08:11 A:27.130.33.242 X: TicketID:351649

ความคิดเห็นที่ 18 กระทู้มีคุณภาพ เก็บเข้าคลังกระทู้ได้เลย มางานประชุมวิชาการที่เชียงใหม่หรือเปล่าครับ จากคุณ : amscmu เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 17:17:48

ความคิดเห็นที่ 19 ขอถามคุณจุลสี แล้วการให้เลือดข้ามกรุ๊ปของคนที่แอนติเจน/แอนติบอดี้ ต่ำกว่าคนส่วนใหญ่จะเป็นยังไง จากคุณ : bakasama เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 17:43:57

ความคิดเห็นที่ 20 คห.18 ปีนี้ไม่ไปครับ เคยไปมาแล้วที่ดิเอ็มเพรสสามปีก่อน ผมเป็นอนุกรรมการอยู่เหมือนกัน ............. คห.19 ในกรณีของ subgroup A การให้เลือดจะมีปัญหาในกรณีที่เป็นพวกที่มี anti-A1 ในเลือดครับ ทำให้เม็ดเลือดแดงอัดแน่น (PRC) หมู่ A ที่ส่วนใหญ่เป็น A1 ใช้ไม่ได้ครับ ต้องเลี่ยงไปให้ PRC หมู่ O แทนครับ คนพวกนี้มักจะมีปัญหาตอนให้เลือดเพราะว่าประวัติมักมีหมู่เลือดไม่ตรงกับที่ตรวจได้ก่อนให้เลือด (งานธนาคารเลือดถ้าเลือกได้จะไม่เชื่อหมู่เลือดที่มีในประวัติครับ จะตรวจใหม่ทุกครั้งที่ให้เลือด ต่อให้เลือกไม่ได้ก็จะมานั่งตรวจย้อนหลังครับ) ส่วนกรณีของพวก Parabombay Ah และ Bh ตามทฤษฎีแล้วก็มักจะให้เลือดตรงหมู่ครับ โดยหมู่ Ah ไม่น่ามีปัญหามากเพราะว่าแอนติเจน H ในเลือดของหมู่ A ส่วนใหญ่ไม่เหลือแล้ว ส่วนในกรณี Bh จะมีปัญหาเล็กน้อยครับเพราะว่าในหมู่เลือด B นั้นจะมี H เหลืออยู่มากกว่า A เล็กน้อย ความแรงของ H ในหมู่เลือดจากมากไปน้อยคือ O > A2 > A2B > B > A1 > A1B แต่ทั้งนี้ทั้งหมดที่กล่าวมาต้องดูที่หน้างานและดุลยพินิจของแพทย์เจ้าของไข้อีกทีครับ แก้ไขเมื่อ 24 เม.ย. 55 18:50:48 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 18:48:52

ความคิดเห็นที่ 21 โอ้ววว ไม่นึกเลยว่าการให้เลือดในคนมันจะซับซ้อนมากขนาดนี้ (แต่ในน้องหมา มีถึง 8 กรุ๊ปด้วยกัน แถมในแต่ละตัวมีได้หลายกรุ๊ป) แล้วสมัยก่อนที่การตรวจยังไม่ชัดเจนเท่าสมัยนี้ เวลาให้เลือดแล้วผิดกรุ๊ปนี่ทำยังไงคะ? จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท (ปฏิจจสมุปบาท) เขียนเมื่อ : 24 เม.ย. 55 20:54:59

ความคิดเห็นที่ 22 กระทู้ดี มีสาระครับ ก่อนหน้านี้ไม่ได้เล่นหว้ากอไปซักพัก ไปตามอ่านกระทู้แรกซะเพลินเลย ก็เลยสงสัยคล้ายๆ คห.21 ครับ ว่าสมัยก่อนที่ยังไม่มีการค้นพบอะไรมากมายเหมือนเดียวนี้ เขามีวิธีการตรวจหมู่เลือดกันยังไงครับ (เอาเลือดมาผสมกันดู หรือ ยังไงหรอครับ) หรือว่าก่อนจะมีอะไรแบบนี้เขายังไม่มีการให้เลือดกัน ปล.ว่าแล้วช่วงนี้ก็ยังไม่ได้บริจาคเลือดเลยนี่นา (ผมหมู่ AB ปกติผมบริจาคเกล็ดเลือดครับ ด้วยความรู้จากกระทู้นู้นทำให้เข้าใจอะไรขึ้นเยอะ) จากคุณ : Jet_XP เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 03:56:22

ความคิดเห็นที่ 23 ^ ^ สมัยก่อนดั้งเดิมเลยมีหมอชาวเยอรมันชื่อแลนสไตเนอร์ครับ ลองเอาเลือดของคนไข้แต่ละคนเนี่ยมาผสมกันดู โดยเอาเม็ดเลือดของนาย A ผสมกับน้ำเลือดของนาย B อะไรทำนองนี้อะครับ ทำไปเรื่อยๆก็พบว่า เฉ้ย เลือดบางคนทำให้เลือดอีกคนตกตะกอน แต่ในขณะที่เลือดบางคนไม่ทำให้เลือดอีกคนตกตะกอน ในตอนสมัยนั้นความรู้ทางวิทยาภูมิคุ้มกันยังไม่มากครับ แลนสไตเนอร์ก็เลยแบ่งหมู่เลือดของคนออกเป็นสามหมู่ครับคือ เอ บี และ โอ ส่วนหมู่เลือดเอบีถูกค้นพบภายหลังจากนั้นครับ แล้วไอ้แลนสไตเนอร์เนี่ยก็ได้พบหมู่เลือดระบบ Rh ครับหลังจากนี้ โดยลองเอาเม็ดเลือดแดงของลิง Rhesus ฉีดเข้ากระต่ายแล้วก็พบว่าน้ำเลือดของกระต่ายเนี่ยสามารถทำให้เม็ดเลือดแดงของคนส่วนใหญ่ตกตะกอนได้ครับ เลยตั้งชื่อสารนี้ว่า anti-Rh จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 06:43:18

ความคิดเห็นที่ 24 เป็นความรู้ที่อ่านไม่ยากจริง ๆ แหละค่ะ แต่  อ่านให้เข้าใจตลอดรอดฝั่งเนี่ยะ  ยากค่ะ ^^ ขอบคุณมาก จากคุณ : gift is a present เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 08:36:14

ความคิดเห็นที่ 25 มาเก็บความรู้ ไว้เล่านิทานให้ลูกฟังก่อนนอน ขอบคุณค่ะ จากคุณ : แม่หนูไอวี่ (พ่อศรีเรือนคับผม) เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 12:49:52

ความคิดเห็นที่ 26 อยากกลับไปหาหนังสือมาอ่านใหม่เลย ขอบคุณค่ะ จากคุณ : Zery (Zery) เขียนเมื่อ : 25 เม.ย. 55 14:57:22

ความคิดเห็นที่ 27 มิน่า ผมหมู่เลือด AB เมีย O  ลูก 2 คนไม่มี AB เลย จากคุณ : than.tham เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 15:56:14

ความคิดเห็นที่ 28 ขอบคุณมากครับ ตอนแรกนึกว่าจะอ่านไม่ไหว แต่อ่านง่ายมากๆเลยคับ จากคุณ : war_wit เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 20:21:25

ความคิดเห็นที่ 29 คห.27 กรณีนี้ถือว่าปกติครับ เพราะหากหมู่เลือดถูกต้องจริง คนหมู่ O มีลูกกับคนหมู่ AB จะไม่มีทางได้ AB ครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 20:46:50

ความคิดเห็นที่ 30 ออมีภาพแถมครับ นี่คือน้ำยาตรวจหมู่เลือดครับ ถ่ายมานานแล้วครับตั้งแต่ตอนเรียน ป.ตรี แก้ไขเมื่อ 26 เม.ย. 55 20:50:14 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 26 เม.ย. 55 20:49:36

ความคิดเห็นที่ 31 ลืมๆไปเยอะแล้ว 17 ปี  ได้กลับมาฟื้นความทรงจำซักหน่อย Ax ในกล้อง mix field ด้วยหรือเปล่า เลยนั่งนึกย้อนตอนฝึกงาน  เจอส่งให้ทำ cross matching แบบมาเรื่อยๆจน tube เต็มโต๊ะ จากคุณ : ย้ง (suanplu) เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 10:22:05

ความคิดเห็นที่ 32 ขออนุญาตแตกไปถามเรื่องจำนวนกรุ๊ปที่มาบริจาคหน่อยนะคะ จริงๆ แล้วต้องการกรุ๊ปเอบีมากที่สุดถูกหรือเปล่าคะ? จากคุณ : ปฏิจจสมุปบาท เขียนเมื่อ : 28 เม.ย. 55 16:47:41

ความคิดเห็นที่ 33 แวะมากด เก็บเข้าคลังค่ะ จากคุณ : moonface เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 01:47:50