ความคิดเห็นที่ 1 รถไฟสายแรกของญี่ปุ่นนั้นถูกสร้างขึ้นในปี คศ. 1872 เป็นเส้นทางระหว่างเมืองโตเกียวกับโยโกฮาม่า ดำเนินการสร้างและบริการโดย Japan Government railways หรือ JGR โดยมีประเทศอังกฤษให้คำปรึกษา รางที่ใช้เป็นรางกว้าง 1.067 เมตร หรือรางขนาดแคบคล้ายแบบบ้านเรา  หัวรถเป็นแบบหัวรถจักรไอน้ำซึ่งนำเข้ามาจากอังกฤษ (ในขณะที่ไทยสร้างรถไฟสายแรกจากกรุงเทพฯไปนครราชสีมาสร้างเสร็จ(บางส่วน) และเปิดใช้งานในปีพศ. 2439 หรือปี คศ.1896) บุคคลผู้นี้คือนาย Briton Edmund Morell หัวหน้าวิศวกรคนแรกของ JGR ผู้ได้รับการยกย่องว่าเป็นบิดาแห่งระบบรถรางในญี่ปุ่นครับ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 14:30:40 จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:55:49

ความคิดเห็นที่ 2 หลังจากได้สร้างรถไฟสายแรกไปแล้ว ทางรัฐบาลญี่ปุ่นก็มีความพยายามที่จะขยายเส้นทางรถไฟออกไป โดยต้องการให้ดำเนินการโดยรัฐ แต่เนื่องจากจากปัญหาหลายประการรวมทั้งด้านการเงินทำให้การขยายเส้นทางเป็นไปอย่างล่าช้า ดังนั้นรัฐบาลญี่ปุ่นจึงอนุญาตให้เอกชนมาสร้างและขยายทางรถไฟต่างๆ โดยบริษัทแรกที่เข้ามาสร้างคือ Nippon railways ซึ่งการขยายเส้นทางก็เป็นไปอย่างรวดเร็วดังคาด จากนั้นก็มีเอกชนเจ้าอื่นๆเข้ามาร่วมขยายทางรถไฟอีกหลายสาย ภาพนี้เป็นหัวจักรไอน้ำอันแรกที่ญี่ปุ่นนำมาใช้นะครับ จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 11:59:14

ความคิดเห็นที่ 3 การขยายทางรถไฟดำเนินไปเรื่อยๆ มีทั้งที่สร้างโดยรัฐและเอกชน โดยในปี คศ. 1889 ทางรถไฟสาย Tokaido ที่เชื่อมระหว่างโตเกียวและโอซาก้าก็สร้างเสร็จ ซึ่ง Tokaido main line นี่เองนับเป็นทางรถไฟที่สำคัญที่สุดของประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลยก็ว่าได้ (แต่ปัจจุบันเส้นทางเดิมถูกแทนที่ด้วยรางที่ทันสมัยกว่าหมดแล้ว) จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:02:38

ความคิดเห็นที่ 4 ในปี คศ. 1906 มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในระบบรถไฟ สืบเนื่องจากการออกพระราชบัญญัติ Railway Nationalization คือการแปรรูประบบรางจากเอกชนมาเป็นของรัฐ ทำให้ระบบรางผนวกรวมกันเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ของรัฐ เพื่อให้รัฐสามารถบริหารจัดการได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น โดยการดำเนินการเสร็จสิ้นในปี คศ. 1907 รวมระยะรางที่ซื้อมาจากเอกชน เป็น 4,525 กิโลเมตร แต่เนื่องจากการผนวกรวมรางนั่นเอง ก็เป็นเหตุให้รัฐมีค่าใช้จ่ายสูงมากจนไม่มีงบเพียงพอที่จะขยายเส้นทางเพิ่มในพื้นที่ห่างไกล รัฐจึงได้ร่าง พรบ. ใหม่ที่อนุญาตให้เอกชนมีสิทธิ์ในการนำเนินกิจการรถรางเบา หรือ Light railway ในปีคศ. 1910 สำหรับการนำหัวรถดีเซลมาใช้นั่นเริ่มในปีคศ. 1929 ซึ่งนำเข้ามาจากเยอรมัน Light rail train ก็หน้าตาประมาณนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 12:15:53 จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:14:03

ความคิดเห็นที่ 5 หัวจักรดีเซล Class DD13 ครับ จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:16:50

ความคิดเห็นที่ 6 การพัฒนาระบบรถไฟเป็นไปด้วยดี ในปี 1931 ญี่ปุ่นมีระยะทางของรางทั้งหมด 14,574 กิโลเมตร จนกระทั่งปีคศ. 1938 ประเทศญี่ปุ่นเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง ทำให้ระบบรถไฟต่างๆถูกทหารเข้าควบคุมดูแล และมีการแปรรูปรางเอกชนที่เหลือมาเป็นของรัฐอีกครั้ง มีการรื้อรางรถไฟออกไปจำนวนมากเพราะการขาดแคลนแร่เหล็ก รางคู่บางส่วนถูกรื้อเหลือเพียงรางเดี่ยวและบางเส้นทางถึงกับถูกรื้อออกทั้งหมด อีกทั้งมีการลดการให้บริการทางรถไฟลงมากเพื่อนำไปใช้ทางทหาร นอกจากนี้ ผลพวงของสงครามยังทำให้ทางรถไฟจำนวนมากได้รับความเสียหายอย่างหนัก อย่างไรก็ตามมันก็ยังกลับมาเปิดให้บริการได้อย่างรวดเร็ว ภาพสมัยก่อน ทหารจะไปรบก็นั่งรถไฟกัน จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:23:50

ความคิดเห็นที่ 7 หลังสงครามจบลง ญี่ปุ่นตกอยู่ในสภาวะข้าวยากหมากแพง แต่การเดินทางรถไฟนั้นเป็นที่ต้องการมาขึ้นในขณะที่รถไฟที่มีให้บริการเหลือเพียงไม่มาก ทำให้ความหนาแน่นของผู้โดยสารสูงเกินจะรับได้ ซึ่งขณะนั้นสหรัฐอเมริกาที่ได้เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นก็ได้จัดการปฏิรูปการรถไฟญี่ปุ่นให้เป็นบริษัทมหาชนเสีย เรียกว่า การรถไฟแห่งประเทศญี่ปุ่น  (Japanese National Railways: JNR) ก่อตั้งเมื่อปี 1949 การปฏิรูปนี้ทำให้การก่อสร้างซ่อมแซมระบบรถไฟต่างๆเป็นไปอย่างรวดเร็ว และมีการเปลี่ยนแปลงระบบของตัวรถไฟอีกอย่างคือการเปลี่ยนไปใช้ไฟฟ้าแทนดีเซล โดยมีการติดตั้งสายนำไฟฟ้าไปตามเส้นทางหลักต่างๆ และยกเลิกการใช้รถจักรไอน้ำทั้งหมด โลโก้ของ JNR จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:35:25

ความคิดเห็นที่ 8 ส่วนนี่รถ Kodama limited express (คันขวา ส่วนคันซ้ายคือ Shinkansen 0 series) เป็นรถไฟที่ใช้ไฟฟ้ายุคแรกๆของ JNR ผลิตตั้งแต่ปี 1958 ซึ่งทำ Maximum speed ได้ถึง 160 km/h แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 21:46:52 จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:42:47

ความคิดเห็นที่ 9 ขอบคุณมากครับ จากคุณ : One X (stlive) เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:44:44

ความคิดเห็นที่ 10 เมื่อการเดินทางโดยรถไฟกลับสู่ภาวะปกติ ผู้คนก็เริ่มถามหาถึงการขนส่งที่สะดวกและรวดเร็วกว่ารถไฟแบบเดิมๆ ซึ่งรางรถไฟแบบแคบไม่สามารถทำความเร็วได้มากเท่าไหร่ (ขณะนั้นทางรถไฟแทบทั้งหมดยังเป็นรางแคบอยู่) อีกทั้งสภาพภูมิประเทศที่เต็มไปด้วยภูเขา มีทางคดเคี้ยวมาก ทำให้การเดินทางโดยรถไฟธรรมดาไม่ทันใจ ด้วยเหตุนี้เองจึงมีคนปิ๊งไอเดียการสร้างรถไฟความเร็วสูง หรือที่เราเรียกกันว่า "ชินคันเซ็น" จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 12:56:25

ความคิดเห็นที่ 11 การที่โครงการชินคันเซ็นปรากฏออกมาเป็นรูปร่างได้ ต้องยกความดีความชอบให้นาย Hideo Shima วิศวกรใหญ่ และนาย Shinji Sogo ประธานคนแรกของ JNR เพราะในช่วงแรกของการเสนอโครงการรถไฟความเร็วสูงหรือชินคันเซ็นนั้นมีเสียงต่อต้านออกมาพอสมควรถึง เรื่องอนาคตของการขนส่งว่าจะเข้าสู่ยุคขนส่งทางอากาศและรถไฟก็จะตกยุคไปในที่สุด แต่นาย Shinji Sogo ได้ยืนกรานในแนวคิดรถไฟความเร็วสูงนั้นและสามารถผลักดันจนเป็นที่สำเร็จ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นนับเป็นชาติแรกที่มีการสร้างรถไฟความเร็วสูงแบบใหม่นี้ ภาพ 0 Series Shinkansen ชินคันเซ็นรุ่นแรกสุด จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:03:27

ความคิดเห็นที่ 12 รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมติโครงการในปี 1958 สำหรับการก่อสร้างทางรถไฟความเร็วสูงในสาย Tokaido shinkansen ที่เชื่อมระหว่างโตเกียวและโอซาก้า ระยะทาง 515 กิโลเมตร ซึ่งเป็นคนละเส้นกับ Tokaido main line เดิม แต่จะขนานกันไป โดยเป็นการวางระบบรางใหม่ทั้งระบบเป็นรางคู่ขนาดมาตรฐานหรือ 1.435 เมตร พร้อมทั้งยกระดับเส้นทางใหม่นี้ ญี่ปุ่นจำเป็นต้องกู้เงินธนาคารโลกมาเป็นทุนก่อสร้างเส้นทางนี้ถึง 80 ล้าน ดอลล่าสหรัฐ แต่ภายหลังพบว่ามีการคำนวนงบที่ผิดพลาด ทำให้ค่าใช้จ่ายสูงขึ้นถึงสองเท่าตัว นาย Shinji Sogo จึงลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ เส้นทาง Tokaido Shinkansen ครับ เป็นเส้นสีส้มทึบ ไม่ใช่เส้นประนะครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 00:33:03 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 09:47:03 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 09:47:03 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 09:39:24 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 13:14:03 จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:07:50

ความคิดเห็นที่ 13 ปีคศ. 1964 ทางรถไฟ Tokaido shinkansen ก็สร้างแล้วเสร็จ โดยรถรุ่นแรกที่นำมาวิ่งคือ shinkansen 0 series ซึ่งมีความเร็วในการใช้งานจริงสูงสุดอยู่ที่ 210 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยรถรุ่นนี้ถูกใช้เรื่อยมาจนปลดระวางไปในปีคศ. 2008 ทางรถไฟความเร็วสูงสายใหม่นี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีผู้โดยสารถึง 100 ล้านคนภายในเวลาไม่ถึง 3 ปี และมีผู้โดยสารรวม 1,000 ล้านคนในปี 1976 ช่วงนั้นจึงนับเป็นยุคทองของการรถไฟญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ภาพ 0 Series Shinkansen ในพิพิธภัณฑ์ จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:17:36

ความคิดเห็นที่ 14 เยี่ยมครับ จากคุณ : Depth In The Ocean เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:20:16

ความคิดเห็นที่ 15 สุดยอด จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:21:38 A:119.46.176.222 X: TicketID:357460

ความคิดเห็นที่ 16 ชอบมากๆครับ ได้ความรู้ดี แสดงว่าญี่ปุ่นมีรถไฟมาก่อนบ้านเราใช่ไหมครับ เห็นคนชอบพูดกันว่าบ้านเรามีรถไฟมาก่อน จากคุณ : พี_พีจัง เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:21:48

ความคิดเห็นที่ 17 จากความสำเร็จดังกล่าวทำให้มีการต่อขยายทางรถไฟสาย Sanyo shinkansen จากโอซาก้าไปยัง ฮิโรชิม่า และฟุคุโอกะ ซึ่งสร้างเสร็จในปีคศ. 1975 นอกจากการวางเส้นทางชินคันเซ็นแล้วในช่วงนั้นรัฐบาลยังมีผลักดันให้ก่อสร้างรางเพิ่มเติม สำหรับทางรถไฟอีกส่วนใหญ่ที่ยังเป็นรางเดี่ยว แต่แผนการขยายและก่อสร้างทางรถไฟเพิ่มเติมนั้นหยุดชะงักลง เนื่องจากการรถไฟใช้จ่ายเงินอย่างมหาศาลไปกับการวางระบบรางใหม่สำหรับรถไฟความเร็วสูง รวมไปถึงการโกงกิน และการใช้จ่ายในเรื่องไม่จำเป็น จนกระทั่งปี 1987 การรถไฟมีหนี้สินถึง 280 ล้านดอลล่าสหรัฐ และสามารถกล่าวได้ว่าการรถไฟต้องจ่ายเงินไป 147 เยนเพื่อที่จะได้รายได้มาแค่ 100 เยน ค่าโดยสารพุ่งสูงขึ้นจนเกินกว่าค่าครองชีพจะรับไหว ผู้โดยสารค่อยๆหดหายลง หรือนี่จะเป็นจุดจบของระบบรถไฟในญี่ปุ่น? ยังหรอก... จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:31:14

ความคิดเห็นที่ 18 แล้วจะทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหา?  ในปีคศ. 1987 นั่นเอง รัฐสภาญี่ปุ่นมีมติให้ แปรรูปการรถไฟอีกครั้งไปเป็นของเอกชน โดยแตกเป็นบริษัท 6 ย่อยตามภูมิภาคเช่น JR-Central, JR-West, JR-East ฯลฯ  โดยเรียกรวมๆกันว่า Japan Railways Group หรือ JR Group  การแปรรูปเป็นเอกชนนี่เองทำให้แต่ละบริษัทมีอิสระในการดำเนินการมากขึ้นและที่สำคัญคือเกิดการแข่งขันระหว่างองค์กร โดยการเปลี่ยนแปลงเริ่มจากการลดจำนวนคนงาน และพัฒนาสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น  จนทำให้ในปลายปี 1987 มีผู้โดยสารเพิ่มขึ้น 3.2% จากปี 1986 ผู้คนก็หันกลับมาสนใจการเดินทางด้วยรถไฟอีกครั้ง ภาพนี้แสดงขอบเขตการดูแลของ JR แต่ละภาค แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 01:15:06 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 01:13:23 จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:42:07

ความคิดเห็นที่ 19 แถมอีกอันเพื่อความชัดเจนครับ จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 13:50:13

ความคิดเห็นที่ 20 นอกจาก JR Group จะประกอบไปด้วยบริษัทเดินรถตามภูมิภาคแล้ว ยังประกอบไปด้วยอีกสามบริษัทย่อยคือ JR Freight ดูแลเกี่ยวกับการขนส่งสินค้า ซึ่งก่อตั้งขึ้นพร้อมกับ 6 บริษัทแรก และอีกสองอย่างคือ Railway Technical Research Institute (RTRI) และ JR Information Systems ซึ่ง RTRI นี่นับเป็นส่วนสำคัญอย่างมากกับการพัฒนารถไฟในญี่ปุ่นในช่วงหลัง เนื่องจากเป็งองค์กรที่ดำเนินการวิจัยและพัฒนาทุกสิ่งที่เกี่ยวกับรถไฟ ตั้งแต่การพัฒนาความปลอดภัยไปจนถึงการออกแบบรถไฟความเร็วสูงในอนาคต เช่น Maglev และ รถไฟที่สามารถใช้ได้ทั้งรางแคบและรางมาตรฐาน ตัวอย่างรถไฟเปลี่ยนขนาดรางได้ Gauge Change Train รุ่น GCT01-201 ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา สามารถวิ่งได้บนราง 1,067 mm ถึง 1,435 mm จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:03:44

ความคิดเห็นที่ 21 จากการทำงานอย่างเป็นเอกภาพระหว่าง JR Group ทำให้รถไฟในญี่ปุ่นฟื้นตัวขึ้นมาใหม่และยิ่งใหญ่กว่าเดิม ทั้งคุณภาพ การบริการและความเร็ว จนก้าวขึ้นเป็นแนวหน้าในการพัฒนาระบบรถไฟของโลกในทุกวันนี้ ปีนี่ก็เป็นปีครบรอบ 140 ปี ของรถไฟญี่ปุ่น และครบรอบ 25 ปี ของ JR Group แล้ว (และ 116 ปีรถไฟไทย) ถ้าเราลองมองดูดีๆ เราจะเห็นว่าประวัติศาสตร์มันมีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายๆกับรถไฟของประเทศไทยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการเริ่มต้นที่ได้รับการช่วยเหลือจากต่างชาติ การใช้รางแบบแคบ หรือการเผชิญกับภาวะขาดทุนย่อยยับ แต่เค้าสามารถผ่านไปได้ในขณะที่เรายังอยู่ที่เดิม หนึ่งในสิ่งสำคัญที่ทำให้เกิดความแตกต่างคือการ “วิจัย” ที่ทำให้ญี่ปุ่นสามารถสร้างอค์ความรู้จนพัฒนาต่อได้ด้วตนเอง และอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือความตั้งใจจริง ที่จะทำเพื่อประเทศชาติครับ ผมก็หวังว่าสักวัน ไทยเราจะมีใช้อย่างเค้าเช่นกัน แม่ว่าวันนี้เราจะตามหลังเค้าอยู่ 50 ปี ก็ตาม เดี๋ยวจะมีคนหาว่าเป็นกระทู้ประวัติศาสตร์ ตั้งผิดห้องอีก ขอแทรกเกร็ดความรู้หลายๆอย่างเกี่ยวกับระบบรถรางในญี่ปุ่นไว้ตอนท้ายนี้ และจะขอเน้นเกี่ยวกับรถไฟความเร็วสูงนะครับ จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:13:00

ความคิดเห็นที่ 22 ก่อนอื่นขอแนะนำถึงสายของรถชินคันเซ็นที่วิ่งพล่านกันทั่วประเทศญี่ปุ่นก่อน โดยญี่ปุ่นมีเส้นทางชินคันเซ็นสายหลักดังนี้คือ 1. Tokaido Shinkansen เส้นทางจากโตเกียวสู่โอซาก้า ระยะทาง 515 km เปิดใช้งานในปี 1964 สายแรกและสายยอดนิยมที่มีคนขึ้นเยอะที่สุดคือ 151 ล้านคนต่อปี 2. Sanyo Shinkansen เส้นทางจากโอซาก้าต่อจาก Tokaido ไปตอนใต้ของประเทศ ระยะทาง 553 km เปิดใช้งานครบในปี 1975 3. Nagano Shinkansen วิ่งจากใกล้ๆโตเกียวไปยังเมืองนากาโน่  ระยะทาง 117 km เปิดใช้งานในปี 1997 สายนี้กำลังต่อขยายไปทางตะวันตก 4. Joetsu Shinkansen อันนี้เชื่อมกับกลางๆเส้น Nagano ไปจบที่เมือง Niigata ระยะทาง 269 km เปิดใช้งานปี 1982 5. Tohoku Shinkansen เป็นเส้นที่วิ่งจากโตเกียวขึ้นทางเหนือไปที่อาโอโมริ ระยะทาง 674 km (ยาวที่สุด) เปิดใช้งานครั้งแรกปี 1982 และก่อสร้างต่อเรื่อยมาจนเสร็จในปี 2010  6. Kyushu Shinkansen เป็นสายที่ต่อจาก Sanyo อีกทีไปยังเกาะคิวชูด้านใต้สุดของ 4 เกาะหลัก ระยะทาง 256 km ก่อสร้างเสร็จเมือปี 2011 ที่ผ่านมา จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:16:14

ความคิดเห็นที่ 23 เกี่ยวกับระบบราง รู้หรือไม่ว่าระบบทางส่วนใหญ่ในญี่ปุ่นนับเป็นแบบรางแคบ 1.067 เมตร ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางระหว่างเมืองหรือรถวิ่งในเมือง (ส่วนไทยใช้แบบ 1.000  เมตรพอดี) ส่วนระบบรางมารตฐาน 1.435 เมตร มีใช้กันในรถไฟความเร็วสูงทำให้ได้ Top speed ที่มากขึ้น (และเนื่องด้วยความเร็ว เพื่อป้องกันอันตรายจากสิ่งที่อาจขึ้นมาเพ่นพ่านบนราง รางชินคันเซ็นทั้งหมดจึงเป็นรางแบบยกระดับหรือกั้น ไม่มีถนนตัดผ่าน) แต่รางแคบของญี่ปุ่นก็ไม่ได้ช้าอืดอาด แต่สามารถทำความเร็วได้ถึง 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยทีเดียว แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 14:30:05 จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:23:06

ความคิดเห็นที่ 24 จาก คห 18 "การแปรรูปเป็นเอกชนนี่เองทำให้แต่ละบริษัทมีอิสระในการดำเนินการมากขึ้นและที่สำคัญคือเกิดการแข่งขันระหว่าองค์กร โดยการเปลี่ยนแปลงเริ่มจากการลดจำนวนคนงาน และพัฒนาสิ่งที่มีอยู่เดิมให้ดีขึ้น" ไทยเราต้องทำแบบนี้ให้ได้ก่อนครับ จากคุณ : nat1234 เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:28:42

ความคิดเห็นที่ 25 จากตอนแรกที่กล่าวไปว่า ชินคันเซ็นรุ่นแรกหรือ 0 Series ก็สามารถวิ่งได้ถึง 210 km/h แล้ว แต่ไม่จบแค่นั้นเพราะของมันต้องพัฒนา ชินคันเซ็นได้ถูกพัฒนาต่อไปอีกมากมายหลายรุ่นจนกล่าวไม่หมด จึงขอยกรถรุ่นเด็ดๆมาให้ดูแค่สองรุ่น N700 Series Shinkansen เริ่มสร้างในปี คศ 2005 และนำมาใช้งานในปี 2007 บนเส้นทาง Tokaido, Sanyo และ Kyushu ผลิตโดย Hitachi, Kawasaki Heavy Industries, Kinki Sharyo, Nippon Sharyo สามารถทำความเร็วสูงสุดบนรางสาย Sanyo ที่ความเร็ว 300 km/h และ 260-270 km/h บนเส้นทางอื่น จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:33:37

ความคิดเห็นที่ 26 รูปภายในตู้โดยสาร สำหรับชั้นที่นั่งธรรมดาครับ ซึ่งปกติรถไฟแบบนี้ จะมีคนเข็นสินค้าขายตลอด หรือจะเป็นตู้หยอดเหรียญก็มี จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:36:48

ความคิดเห็นที่ 27 E5 Series Shinkansen รุ่นนี้เป็นสุดยอดตัวท็อปใหม่ล่าสุด เริ่มสร้างในปี 2009 และเพิ่งนำมาออกวิ่งเดือนมีนาคมปีที่ 2011 ผลิตโดย Hitachi และ Kawasaki เป็นรุ่นที่ญี่ปุ่นเค้า proudly present มาก เดินไปสถานีไหนก็ติดโปสเตอร์โฆษณารถไฟนี่เต็มไปหมด อย่างรูปเปิดกระทู้ก็คือคันขวาสุด รุ่นนี้สามารถ Design มาให้ทำ Top speed บนรางจริงได้ถึง 320 km/h (แต่ตอนนี้ยังวิ่ง max แค่ 300) วิ่งบนสาย Tohoku และที่พิเศษกว่าชาวบ้านเค้าคือที่นั่งมี 3 ระดับ แบ่งเป็น Ordinary seat, Green seat และ Gran seat (เหมือนชั้น 3 ชั้น 2 ชั้น 1 บ้านเรา) ซึ่งปกติชินคันเซ็นอื่นๆจะไม่มี Gran seat ซึ่งหรูสุดยอดนั่นเอง ทั้งขบวนมีแค่ 18 ที่นั่งเท่านั้น (ส่วน Green คือหรูธรรมดา เก้าอี้ใหญ่กว่าปกติ) จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:39:17

ความคิดเห็นที่ 28 ภาพตัวอย่างโปสเตอร์ E5 Series Shinkansen ชื่อจริงๆของมันก็คือ HAYABUSA จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:41:11

ความคิดเห็นที่ 29 ููความคิดเห็นที่ 24 ^^ ^^ ^^ จะทำแล้วครับอยุ่ประเทศไม่ได้แล้วครับ เค้าหาว่าขายชาติครับ แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 14:54:20 จากคุณ : JackOnell เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:42:06

ความคิดเห็นที่ 30 ขอบคุณจขกท ที่ทำให้ห้องนี้ยังน่าเข้า จากคุณ : หมึกสด เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:42:14

ความคิดเห็นที่ 31 จบเรื่องรุ่นไปแล้ว ขอกล่าวถึงข้อมูลทางเทคนิคของชินคันเซ็นซักเล็กน้อย รถไฟชินคันเซ็นนั้นให้พลังงานไฟฟ้าจากสายไฟเหนือรถที่มีตลอดความยาวราง โดยใช้ไฟกระแสสลับ 25,000 Volt 50 Hz ก็ถือว่ากิน Volt สูงกว่ารถปกติมาก ซึ่งรถแบบรางแคบวิ่งทั่วไปของเค้าจะใช้ไฟประมาณ 1,500 Volt DC ไปจนถึง 20,000 Volt AC ขึ้นอยู่กับชนิดและประเภท รางที่ใช้ก็คือรางมารตฐาน 1.435 เมตร ความเร็ว ณ ปัจจุบันก็ ทะลุ 250 km/h ไปกันเกือบหมดแล้ว แต่ถ้าวัดความเร็วเฉลี่ยตั้งแต่เริ่มยันจบจากโตเกียวไปโอซาก้า แวะหยุดสามสถานี จะอยู่ที่ประมาณ 160 km/h ส่วนแบบหยุดแค่ต้นทางและปลายทางบนสาย Sanyo สามารถทำความเร็วเฉลี่ยได้ถึง 250 km/h เจ้า HAYABUSA อีกรูปครับ... จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:44:28

ความคิดเห็นที่ 32 แค่ Green car ก็เหนือกว่า First class แล้ว นี่ยังมี Gran seat อีกจะขนาดไหน จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:50:47

ความคิดเห็นที่ 33 มาช่วยปาด รถธรรมดาความเร็วแป๊ปๆ ก็แตะ 100kph แล้วครับ จากคุณ : catstevens เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:56:50

ความคิดเห็นที่ 34 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 15:01:42 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 15:01:28 จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 14:59:42

ความคิดเห็นที่ 35 ขึ้นมาเมื่อต้นเดือน จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:03:53

ความคิดเห็นที่ 36 นอกจากเรื่องความเร็วแล้ว ชินคันเซ็นยังยอดเยี่ยมในด้านความปลอดภัยและความตรงต่อเวลา ซึ่งนับแต่มีชินคันเซ็นมา ผู้โดยสารรวม 7,000 ล้านคน ยังไม่เคยเกิดเหตุรถไฟชนกันเลย และยอดผู้เสียชีวิตจากการชนกันหรือตกรางเป็น 0 (แต่มีผู้เสียชีวิต 1 รายเนื่องจากโดนประตูหนีบและสัมภาระหล่นทับ) อุบัติเหตุที่รุนแรงที่สุดของชินคันเซ็นคือการตกรางเนื่องจากแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2004 ทำให้ 8 ตู้ขบวนจาก 10 หลุดออกจากรางแต่ไม่มีผู้เสียชีวิต และเดี๋ยวนี้ญี่ปุ่นก็ได้พัฒนาความปลอดภัยมากขึ้นโดยมีระบบตรวจจับแผ่นดินไหวที่รุนแรงและหยุดรถโดยอัตโนมัติ แม้ไม่มีอุบัติเหตุรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตแต่ก็มีหลายคนมาฆ่าตัวตายโดยโดดไปให้รถไฟชน (เป็นวิธีฆ่าตัวตายที่พบบ่อยที่ญี่ปุ่น) N700 ไม่หวั่นแม้วันหิมะตก จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:04:13

ความคิดเห็นที่ 37 ทำไมรถไฟญี่ปุ่นเค้าขายชาติกันบ่อยจังครับ ขายกันยังไงเจริญขึ้นๆแบบนี้น่ะ จากคุณ : MIGGERS เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:05:31

ความคิดเห็นที่ 38 ป้ายบอกเวลา จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:07:12

ความคิดเห็นที่ 39 สำหรับความตรงต่อเวลา ก็มีสถิติที่น่าสนใจจากการเก็บข้อมูลการวิ่งของชินคันเซ็น 160,000 เที่ยว เก็บข้อมูลในปี 2003 พบว่าโดยเฉลี่ยชินคันเซ็นจะมีความคลาดเคลื่อนจากตารางเวลาไม่เกิน 6 วินาที !!!!! โดยสถิตินี้รวมข้อมูลการล่าช้าจากอุบัติเหตุและภัยพิบัติต่างๆไว้แล้ว!!!!!!! ซึ่งข้อมูลที่เก็บใบปี 2003 นี้ก็พัฒนาจากทีเก็บข้อมูลในปี 1997 ที่มีความล่าช้าเฉลี่ยอยู่ที่ 18 วินาที จากข้อมูลพวกนี้ ก็ทำให้เราเห็นว่ารถไฟญี่ปุ่นนั้นเร็วเพียงใด แต่เขาไม่หยุดอยู่แค่นั้น มีอีกสิ่งที่จะเหนือกว่าชินคันเซ็นทั่วไปอีก สิ่งนั้นก็คือ รถไฟ Maglev ! ซึ่งเรื่องนี้ ไว้ผมจะเขียนในกระทู้หน้านะครับ สำหรับวันนี้ขอจบไว้เพียงเท่านี้ครับ หากมีข้อผิดพลาดตรงไหนรบกวนบอกด้วยนะครับ และขอขอบคุณทุกท่านที่มาติดตามอ่านกันนะครับ ^^ อ้างอิง: http://en.wikipedia.org/wiki/History_of_rail_transport_in_Japan http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_Government_Railways http://en.wikipedia.org/wiki/Japanese_National_Railways http://en.wikipedia.org/wiki/Japan_Railways_Group http://www.rtri.or.jp/rd/division/rd79/yamanashi/english/ http://www.railway.co.th/home/srt/about/history.asp แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 15:25:15 แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 15:18:49 จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:10:22

ความคิดเห็นที่ 40 ขออนุญาตปาด พร้อมลิงค์จากสุดยอดเซียนรถไฟของห้องบลู คุณ NumAromDee นะครับ ^@^ เพราะรักถึงอยากเข้าใจ... รถไฟญี่ปุ่น ตอน ชินคันเซนร้อนร้อน มาแล้วจ้า... ^@^ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/10/E7101392/E7101392.html ^@^ เพราะรักถึงอยากเข้าใจ.. รถไฟญี่ปุ่น ตอน ขอตอบเรื่องการใช้รถไฟกันอีกซักตอนนะครับ ^@^ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/11/E7204227/E7204227.html ^@^ เพราะรักถึงอยากเข้าใจ... รถไฟญี่ปุ่น ตอน รวมมิตรคำถามเรื่องรถไฟ ตอบได้เท่าที่รู้ ไม่มีกั๊ก... ^@^ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/11/E7182969/E7182969.html ^@^ เพราะรักถึงอยากเข้าใจ... รถไฟญี่ปุ่น ตอน ตั๋วรถไฟ เอาใจไม่ยากหรอก... ^@^ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/10/E7073951/E7073951.html ^@^ เพราะรักถึงอยากเข้าใจ... รถไฟญี่ปุ่น ตอน เรื่อง(ไม่)ยุ่ง ของรถไฟในโตเกียว ภาค 2 ^@^ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/10/E7052803/E7052803.html ^@^ เพราะรักถึงอยากเข้าใจ... รถไฟญี่ปุ่น ตอน รถไฟฟ้าในโตเกียว ยุ่ง! เยอะ! แต่ไม่ยากอย่างที่คิด ^@^ http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/09/E7049329/E7049329.html แก้ไข-1 เพิ่มลิงค์นี้ครับ ^@^ เพราะรักถึงอยากเข้าใจ... รถไฟญี่ปุ่น ตอน ชินคันเซนร้อนร้อน มาให้ชมกันต่อ ภาค 2 แล้วจ้า http://topicstock.pantip.com/blueplanet/topicstock/2008/10/E7121635/E7121635.html แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 15:14:52 จากคุณ : Sweet Broken Hearted Machine เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:11:48

ความคิดเห็นที่ 41 นอกจากรถแล้วคนก็สำคัญครับ คนขับในรูปที่เห็นผมทึ่งมากเลย เพราะว่า ตลอดเส้นทางกว่า 1 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเข้าสถานี ออกสถานี ผ่านทางแยก จุดตัด แกจะทำสัญญาณมือตลอด เข้าใจว่าเป็นมาตรฐานในการทำงาน ไม่มีว่า ไม่มีใครอยู่แล้วแกจะอู้่เลย พอถึงบางสถานีแกก็สปริงตัวถอยเก้าอี้วิ่งไปเปิดหน้าต่าง ชะโงกหัวดู โบกมือสามทีกลับมานั่งใหม่ ขยับเก้าอี้คืนที่ในเวลา 1 วินาที ทำสัญญาณมืออีกรอบ แล้วรถก็พุ่งปรื้ดออกไปใหม่ ความมีระเบียบนี่ยอมรับเลย อยากให้คนไทยทำได้ซักครึ่ง แต่อย่างว่าครับ เรื่องอะลุ้มอะล่วยนี่แหละคือน้ำใจคนไทย หาที่ไหนไม่ได้ มันก็ได้อย่างเสียอย่าง จากคุณ : catstevens เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:12:37

ความคิดเห็นที่ 42 ^ ครับ อย่างตอนผมนั่งอยู่ในขบวน เวลามีพนักงาน JR จะเข้าหรือออกจากตู้โดยสารนั้น เขาจะหันกลับมาโค้งให้ตลอดเลยครับ ผมนับถือคนญี่ปุ่นมากจริงๆในเรื่องนี้ จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:15:22

ความคิดเห็นที่ 43 ขอบพระคุณมาก  ๆ นะคะ จากคุณ : biebie999 เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:16:49

ความคิดเห็นที่ 44 เรื่องแข่งความเร็วผมว่าเฉยๆ นะครับ แต่แ่ข่งเรื่องตรงต่อเวลาเนี่ย ผมยกให้ญี่ปุ่นเลย จากคุณ : catstevens เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:17:27

ความคิดเห็นที่ 45 แปะรูปเพิ่มเติม ระบบรถไฟในเขตโตเกียวทั้งในเมืองและรอบนอก ได้แต่คิดว่าอีกกี่สิบปี ไทยจะมีถึงครึ่งของที่ญี่ปุ่นมี เพราะมันสะดวกสบายเหลือเกิน จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:17:47

ความคิดเห็นที่ 46 งานทุกอย่างย่อมมีจุดเริ่ม และอุปสรรค แต่ของเราแค่เริ่มคิดว่าจะทำ ก็เจออุปสรรคแล้ว 555 ไม่คุ้มบ้าง แพงบ้าง เวอร์บ้าง โกงบ้าง ขาดทุนแน่ๆบ้าง ของเค้าทั้งพัฒนาเองด้วย ทั้งต้นทุนทั้งเวลา มิมากกว่าเราเหรอ มิขาดทุนมากกว่าเราเหรอ ((แล้วทำมัยรถไฟฟ้าสารพัดสายในกรุง พอเอกชนทำ เค้ากำไร)) ทั้งๆที่คู่แข่งเยอะไปหมด แถมค่าโดยสารก็ไม่ถูก ค่าก็่สร้างก็ไม่ถูก จากคุณ : สายน้ำที่ไหลกลับ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:17:51 A:65.49.14.51 X: TicketID:276688

ความคิดเห็นที่ 47 ไงก็ขอขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่สละเวลามาทำกระทู้ด้วยนะครับ แล้วก็รอกระทู้รถไฟ Maglev ที่ย่อโตเกียว-โอซาก้า เหลือชั่วโมงเดียวนั่นอยู่นะครับ จากคุณ : Sweet Broken Hearted Machine เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:17:57

ความคิดเห็นที่ 48 ...ขอบคุณสำหรับความรู้ที่นำมาให้นะคะ เฮ้ออออออออออออออออออออออออออออออออออออออ รฟท. จากคุณ : เสียงจากบ้านนา เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:28:59

ความคิดเห็นที่ 49 ขายชาติๆๆๆๆๆๆ คนญี่ปุ่นขายชาติ ดูสิ เอารถไฟของชาติ ไปขายให้กับเอกชนจนหมดเลยทั้งประเทศ ค่ารถไฟ เป็นของเอกชนแล้วแพงๆๆๆๆๆๆๆ คนทั่วไปขึ้นไม่ได้ๆๆๆๆๆ ของไทยไงครับ รักชาติมากๆๆๆๆๆๆๆ ไม่เคยคิดจะแปรรูปเลย ขอให้คนไทยเจริญๆ จากคุณ : กบกินกะลา เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:29:10

ความคิดเห็นที่ 50 keyword ของการพัฒนาคือ "แปรรูปการรถไฟอีกครั้งไปเป็นของเอกชน" ครับ จากคุณ : เถ้าลอย เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:30:34

ความคิดเห็นที่ 51 รฟท.มีพนักงานไม่ถึงหมื่นคน คนแค่หยิบมือเดียว รัฐจะแปรรูปก็ให้มันกล้าๆ หน่อย ปล.แต่คนเสียประโยชน์บานเลย ที่ดินรฟท.รวมกัน ผมว่ามูลค่าแตะล้านล้าน แล้วส่วนใหญ่มันที่กลางเมือง ค่าเช่าปีนึงก็เก็บ (เข้ากระเป๋า) กันไม่ไหวแล้ว จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:33:03

ความคิดเห็นที่ 52 ญี่ปุ่นมีรถไฟก่อนไทยนิดหน่อย แต่สมัยนานมากแล้ว รถไฟไทยมีการจัดการที่ดีกว่าญี่ปุ่นก็เลยทำให้ญี่ปุ่นมาดูงานกิจการรถไฟบ้านเรา สุดท้ายก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ จากคุณ : คุณก้อง เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:33:07

ความคิดเห็นที่ 53 บ้านเราพอจะทำเป็นเอกชนก็บอกขายชาติ ถ้าไม่ขายชาติแล้วได้รถกากๆอย่างรถไฟไทยวันนี้ล่ะก็ ขายแ-่งไปเหอะ มันไม่แย่กว่านี้หรอก ปล.เหม็นฉี่สุดๆอะ แม้แต่รถด่วนพิเศษก็กากกว่ารถทัวร์บริษัทห่วยๆแล้ว จากคุณ : เหมา ม่วน เม่า เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:33:39

ความคิดเห็นที่ 54 เอ..การรถไฟเราก้อมีประวัติที่ยาวนานนะ (ลองทำแบบญี่ปุ่นมั่ง) จากคุณ : สุดโหดโคตรโรแมนติค เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:40:08

ความคิดเห็นที่ 55 จัดเต็มไป 3 Give สำหรับข้อมูลดีๆของจขกท.ครับ ส่วนตัวผมเคยนั่งรถไฟฟรี จากเชียงใหม่ สู่กรุงเทพมหานคร เมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา รถไฟออกจากเชียงใหม่ 6.45 น. (6 โมงเช้า 45 นาที) มาถึงรังสิต (สถานีที่ผมลง นั่งไปถึงหัวลำโพงไม่ไหวแล้ว) ตอน 2 ทุ่มครึ่ง (สองทุ่มครึ่ง) สิริรวมเวลาเดินทางทั้งสิ้น 13 ชั่วโมง 45 นา่ที หรือ 14 ชั่วโมง!!!!!!!! เหนื่อยมวากกกกก - -' ถ้าเมืองไทยเรามีรถไฟความเร็วสูงแบบชินคันเซ็น ไม่ต้องเร็วเท่ารถไฟของจีนก็ได้ วิ่งจากกทม.ไปเชียงใหม่ ด้วยค่าตั๋วที่ถูกกว่าสายการบินโลวคอสต์ เช่น นกแอร์ แอร์เอเชีย เล็กน้อย ผมยินดีใช้บริการครับ เพราะมันปลอดภัยที่สุดแล้ว จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:42:13

ความคิดเห็นที่ 56 เพิ่มเติมอีกนิด ที่นู่นเค้ามีการแต่งตั้งแมวเป็น Station Master กันด้วย อยู่ที่ Wakayama ถ้าใครไปเที่ยว Osaka แวะไปเยี่ยมด้วยนะ ครั้งก่อนไม่ได้ไปเสียดายจริงๆ http://www.wakayama-kanko.or.jp/world/english/things/experience/list01/detail017.html http://en.wikipedia.org/wiki/Tama_%28cat%29 จากคุณ : Sweet Broken Hearted Machine เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 15:55:24

ความคิดเห็นที่ 57 เคยไปเที่ยวญี่ปุ่นครั้งนึง แล้วได้นั่งชินคันเซ็นด้วย ถ้ามีขึ้นในประเทศไทย คงจะดีไม่น้อยล่ะครับ  จากคุณ : อ๊อบบี้ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 16:31:29

ความคิดเห็นที่ 58 #คคห 8 รถไฟในพิพิธภัณฑ์ของเค้าดูดี ทันสมัย และใหม่กว่าของปัจจุบันในไทยมาก จากคุณ : ก็แค่ผู้ชายที่เชื่อในความฝัน เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 16:31:36

ความคิดเห็นที่ 59 ดูเส้นทางรถไฟแล้ว หือ ครอบคลุม และสะดวกสบายมาก ๆ เลย แอบอยากให้บ้านเรา สะดวกสบายแบบเขาจริง ๆ ไม่ต้องรอรถสองแถว รถเมล์ ที่คำนวนเวลามาไม่ได้ จอดหยุดไม่ตรงป้าย ฝนตก ขึ้นลงไม่สะดวก แต่ชาตินี้ ไม่มีหวังแล้ว ถ้าไปต่างจังหวัด เราเป็นคนกลัวรถทัวร์ เสียด้วย เคยมีประสบการณ์ วิ่งลงทางลาดเขา และยางรถทัวร์แตก เราเลยกลัวรถใหญ่ขับเร็ว .............. จากคุณ : Lunar_Eclipse (Moonlight-Eclipse) เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 16:34:13

ความคิดเห็นที่ 60 ไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนา ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก จากคุณ : Pixar เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 16:59:31

ความคิดเห็นที่ 61 มันแปลกตรงที่รัฐทำ แล้วมันไม่มีกำไร แต่พอเอกชนทำกำไรมา นี้แหละครับ ทั่งๆที่ค่าสร้าง ค่าบำรุงมันก็เท่ากัน 5555555555555 แก้คำผิด แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 17:42:08 จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 17:06:03

ความคิดเห็นที่ 62 ประเทศไทยเป็นชาติที่ 2 ในเอเซีย ต่อจากญี่ปุ่นที่มีระบบ รางรถไฟ แต่ ณ.ปัจจุบัน หน้าอนาถมากไร้การพัฒนา โดยสิ้นเชิง ถอยหลังเข้าคลองอย่างเดียว จากคุณ : ตี๋อุบล เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 17:18:18

ความคิดเห็นที่ 63 ค.ห. 54 ฮือ ฮือ ฮือ เราชอบความมีวินัยของคนญี่ปุ่นมาก ไม่ดูถูกความฝันของคนอื่นด้วย จากคุณ : czarnol เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 17:20:50

ความคิดเห็นที่ 64 "ยังไม่เคยเกิดเหตุรถไฟชนกันเลยและยอดผู้เสียชีวิตจากการชนกันหรือตกรางเป็น 0 " OMG!!!!! สุดยอดครับ จากคุณ : Serial_Nuber เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 17:26:51

ความคิดเห็นที่ 65 ญี่ปุ่น :แข่งกันเปล่า เลือกเลยนาย จะแข่งกับคันไหน ไทย :..................... จากคุณ : ~ Ramamax ~ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 17:46:57

ความคิดเห็นที่ 66 ^ เห็นแล้วน้ำตาจะไหล   จากคุณ : ผมแอบชอบคุณ!! เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 18:42:52

ความคิดเห็นที่ 67 ห้า ห้า จากคุณ : erer เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 18:51:41 A:113.53.173.149 X: TicketID:354549

ความคิดเห็นที่ 68 ประเทศในเอเชีย ที่มี รถไฟเป็น แห่งแรก คือ อินเดีย ... อังกฤษ มาสร้างให้เหมือนกัน ไม่ต้องน้ำตาไหล การระบบรถไฟ ญี่ปุ่น ยัง สู้ เยอรมัน อังกฤษ ไม่ได้เลย ถ้าได้เห็นแล้วจะ หนาวกว่านี้ จากคุณ : ตามนั้น เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 18:52:14 A:184.105.146.9 X: TicketID:350466

ความคิดเห็นที่ 69 ไอ้ตรงหัว ที่มันมีรอยต่อ เค้าเอาไว้ทำอะไรหรอครับ ทำให้เป็นเนือเดียวเลยไม่ได้หรอ หรือมันมีให้ทำอะไร ?? จากคุณ : caelum เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 18:53:00

ความคิดเห็นที่ 70 เป็น joint สำหรับเวลาต่อพ่วงขบวนครับ เวลาวิ่งปกติก็ปิดเอาไว้ จากคุณ : ลาบราดอร์สีดำ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 19:01:06

ความคิดเห็นที่ 71 ผมว่าระบบรถไฟตอนนี้ จีน น่าจับตาที่สุดนะ โดยเฉพาะรถไฟความเร็วสูง แต่ก็เห็นจุดอ่อนชัดๆไปแล้ว คือเรื่องของความปลอดภัย จากคุณ : pinspin เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 19:05:07

ความคิดเห็นที่ 72 ขอบคุณครับ ยาวดีแหะ ยังอ่านไม่จบเลย - -" ของไทยเรา ถ้าแปรรูปเป็นเอกชนเมื่อไหร่ เดี๋ยวก็เข้าโหมดการเมืองอีก โดนด่ากันอีก ถ้าทำความเข้าใจกับประชาชนไม่ได้ หรือถ้ายังมีกลุ่มไหนเตะแข้งเตะขากันเอง ก็ยากครับ บ้านเรา คนเก่งๆ เยอะนะ ขนาดคนที่ทะเลาะๆ กันเอง ผมว่าก็เก่งทั้ง 2-3 ฝ่ายแหละ แต่ไม่เชื่อถือในอีกฝ่าย อยากแต่จะทำเอง แทนที่จะได้ใช้ความเก่ง ก็มัวแต่มาทะเลาะกัน เฮ้ออ จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 19:55:09

ความคิดเห็นที่ 73 เกร็ดเล็น้อย มากๆ HAYABUSA (はやぶさ: 隼) เป็นเหยี่ยวประจำถิ่นของญี่ปุ่นครับ จากคุณ : praphrut608 เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 20:33:43

ความคิดเห็นที่ 74 ความคิดเห็นที่ 52 [ถูกใจ] [แจ้งลบ] ติดต่อทีมงาน ญี่ปุ่นมีรถไฟก่อนไทยนิดหน่อย แต่สมัยนานมากแล้ว รถไฟไทยมีการจัดการที่ดีกว่าญี่ปุ่นก็เลยทำให้ญี่ปุ่นมาดูงานกิจการรถไฟบ้านเรา สุดท้ายก็อย่างที่เห็นนั่นแหละครับ ********************************************************************* นิดหน่อยนี่  24 ปีเชียวนะ..      แล้วขอหลักฐานหน่อยว่าญี่ปุ่นมาดูงานเพราะไทยเรามีการจัดการที่ดีกว่า  (สงสัยจะจำเค๊ามาพูดต่อ)   ********************************************************************* จากคุณ : nokun เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 20:54:14

ความคิดเห็นที่ 75 ขอบคุณมาก อยากได้รถไฟฟ้าความเร็วสูงไวๆ   อยากนั่งไปเที่ยว  เชียงใหม่  แล้วกลับ  กทม เคยเห็นคลิปใน Youtube  ตอนรถไฟฟ้าความเร็วสูงวิ่งผ่านมันเร็วมากกก  ยังกะกระสวยอวกาศ  คนยืนดูมันขบวนมันหายไปในเสี้ยววินาที              ปี 2020 จะได้ใช้มั้ยเนี่ย . จากคุณ : เมกาวาตี เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 20:55:42

ความคิดเห็นที่ 76 พึ่งไปญี่ปุ่นมาและได้นั่ง JR ครับ ระบบโครงข่ายเค้าสุดยอดจริงๆ ทั้งที่ได้รับรถไฟมาไล่เลี่ยกับเรา จากคุณ : เทสองครั้งเรียกว่าโต๊ะ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 20:58:18

ความคิดเห็นที่ 77 อันนี้ตอนนั่งชินคันเซ็นครับ ไปเกือบๆถึง เขาโอวาคุดานิ (ต้องนั่งรถไปนานพอสมควร ผมจำสถานีที่ขึ้นไม่ได้ น่าจะชิสุโอกะครับ) จากคุณ : เทสองครั้งเรียกว่าโต๊ะ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 21:09:53

ความคิดเห็นที่ 78 #68 ประเทศไหน ๆ เค้าก็ยอมรับระบบรถไฟของญี่ปุ่น สถิติอุบัติเหตุและเรื่องตรงเวลานั่นคือของจริง รถไฟเยอรมันเป็นยังไงไม่ทราบ แต่ยกเอาของอังกฤษ ณ ปัจจุบันมาเทียบกับญี่ปุ่น ณ ปัจจุบัน อยากจะหัวเราะให้ฟันร่วง HST ของอังกฤษ ยังให้ HITACHI ผลิตให้อยู่เลย จากคุณ : :: AdvanceTactics :: เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 21:15:54

ความคิดเห็นที่ 79 สำหรับชินคันเซน ผมว่าเจ้านี่สวยสุดแล้ว จากคุณ : :: AdvanceTactics :: เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 21:17:42

ความคิดเห็นที่ 80 เห็นแล้วก็ระเหี่ยใจ เค้ามีรถไฟเงาวิ๊งๆวิ่งแรงนั่ง ราคาไม่แพงมาก จากคุณ : sex เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 21:27:34 A:49.48.120.202 X: TicketID:165031

ความคิดเห็นที่ 81 ขอแย้ง ท่าน จขกท.ในรูปรถไฟฟ้าสีครีม-น้ำตาลแดงใน คห.8นะครับ มันไม่ใช่รถไฟในภาพกระทู้เลยนะครับ  ในภาพแรกขบวนที่2ต่อจากรถจักรไอน้ำคือรถดีเซลรางKIHA81(キハ 81)ต่างหากครับ จากคุณ : JR Fan club (JR Fanclub) เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 21:35:53

ความคิดเห็นที่ 82 ซึ่งรถดีเซลรางKIHA81สมัยก่อนให้บริการเป็นรถด่วนพิเศษในเขตตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในพื้นที่ให้บริการของJR-East บริษัทเขาจึงนำภาพถ่ายมาเรียงกันให้เห็นว่า รถด่วนพิเศษแต่ละยุคเป็นอย่างไรบ้าง แสดงให้เห็นถึงการพัฒนาที่แท้จริงครับ........^^ ภาพในคห.8เป็นรถด่วนไฟฟ้ารุ่น181系 ให้บริการระหว่าง โตเกียว-โอซาก้าในขณะนั้นครับ รถไฟรุ่นนี้ทำความเร็วได้สูงสุดคือ160km/hครับ และเป็นจุดกำเนิดของShinkansenรุ่น0系ขบวนแรกครับ จากคุณ : JR Fanclub เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 21:45:49

ความคิดเห็นที่ 83 จริงๆ แล้ว SRT บ้านเราควรเอา JR ของญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างในการปฏิรูปองค์กร แบ่งเป็นภูมิภาคอย่างชัดเจน (เป็นบริษัทลูก โดยมีบริษัทใหญ่ดูแลส่วนกลาง) ก็เหมือนกับการกระจายอำนาจลงสู่แต่ละพื้นที่ เพื่อความสะดวกในการบริหารและตัดสินใจ นั่นย่อมเกิดการแข่งขันกันเองด้านประสิทธิภาพของเส้นทาง ขบวนรถ และการให้บริการ แน่นอนว่าวิธีนี้สามารถแก้ปัญหาการขาดทุนซ้ำซ้อนด้วย เพราะเมื่อแยกบริษัทลูกแล้ว การพัฒนาระบบรางในท้องถิ่นเฉพาะจะมากขึ้น ระบบรางจะมีการใช้งานสูงขึ้น แก้ไขเมื่อ 30 เม.ย. 55 21:48:13 จากคุณ : Westinghouse เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 21:46:19

ความคิดเห็นที่ 84 สุดยอดจริงๆครับ ห้าสิบกว่าปีก่อนนี่เราตอนนี้ยังเทียบไม่ติดเลย นึกแล้วเศร้า เห็นว่าหลายปีก่อน ชินกันเซ็นที่ใช้มายี่สิบกว่าปี ปลดประจำการแล้วเอาไปตั้งในพิพิธภัณ ทั่วโลก ผมนึกในใจว่าเอามาบริจาคให้เราใช้ดีกว่ามั้ง จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 21:46:51

ความคิดเห็นที่ 85 ขอบคุณครับ คุณ JR Fanclub เห็นมันเหมือนกันเลยนึกว่าอันเดียวกันครับ พลาดไปหน่อย จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 21:48:32

ความคิดเห็นที่ 86 ฟิ้วววว จากคุณ : z3th05 เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 22:16:46

ความคิดเห็นที่ 87 ^ หิมะกระจาย ชอบมากครับ จากคุณ : SmokedSalmon เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 22:26:58

ความคิดเห็นที่ 88 ผมว่าการแปรรูปมันอยู่ที่ความตั้งใจของคนแปรรูป ถ้าแปรรูปให้เกิดประโยชน์กับประชาชนหน่ะ ทำได้นะ แต่ว่า ถ้าแปรรูปแล้วประโยชน์ตกกับกระเป๋าบางคนมันน่าคิด ส่วนตัวผมว่า ที่ดินของการรถไฟถือเป็นทรัพย์สมบัติของชาติจะแปรรูปไปทำไมครับ ให้สัมปทานทางวิ่งไปซิ ใครอยากเข้ามาหากินหรือบริการกับประชาชนและขนสินค้า ก็ให้รับสัมปทานจะกี่ปีว่าไป แล้ววิ่งบนที่การรถไฟที่มีสายทางทั่วประเทศ จะแบ่งอย่างไรลองทำดู หรือว่า การรถไฟลงทุนทำราง แต่การเดินรถให้เอกชนเช่าวิ่งแข่งกัน ผมว่าแปรรูปแบบนี้น่าจะโอเคนะ แต่ถ้าตั้งเป้าจะขายเลยเนี่ย แล้วถ้าผลออกมา คือการผูกขาดโดยบริษัทหรือกลุ่มทุนหล่ะ ดูตัวอย่างอย่างญี่ปุ่น เค้าแปรรูปออกมา ก็ยังตั้งเป็นบริษัทหลายๆ บริษัท แข่งขันกันในที แม้ว่า จะไม่ได้แข่งโดยตรง แต่ว่า แต่ละจุดที่วิ่งไป คือแต่ละเกาะที่มีประชากรมากพอควร เช่นวิ่งระหว่างเมือง ถ้าคุณไม่แน่จริง ประชาชนของเค้าก็เลือกเครื่องบินได้ เพราะถึงอย่างไร มันก็ต้องไประหว่างเกาะอยู่แล้ว แต่ของเรา หากเราแปรรูปแบบนี้ ต้องคิดดูเหมือนกันว่า ของเราไม่ได้เป็นเกาะ ลักษณะเมืองของเราไม่ได้เป็นเมืองใหญ่ๆ เดี่ยวๆ เหมือนเขา สมมุตืแปรรูปสายเหนือ อีสาน ใต้ ตะวันออก แน่นอน ตะวันออกสั้นกว่า แต่คนบอกผมอยากวิ่งแค่พัทยา เพราะเป็นเหมืองใหญ่เมืองท่องเที่ยว แต่ถ้าจะว่ิงถึงระยอง คนน้อยหน่อย ขนสินค้าเยอะ แต่ต้องลงทุนทำศูนย์กระจายสินค้า ซึ่งสินค้าหลากหลายเกิ้น เช่น พวกปิโตรเลียม ปิโตรเคมีต่างๆ คุณสมบัติหลากหลาย ไม่คุ้ม จะวิ่งถึงตราด ก็ไม่เอาคนน้อย หรือวิ่งลงใต้ ผมบอกว่า โอเคนะวิ่งถึงภูเก็ต แต่จะให้วิ่งถึงยะลา ด้วยเหรอ ขอคิดดูก่อน อาจจะวิ่งถึงสงขลาหาดใหญ่ แต่ไกลนะไม่คุ้ม หรือวิ่งไปเหนือ ต้องเจาะภูเขา แพงนะ ไหวเหรอ ไปอิสาน ของแค่สั้นๆ เอาแค่โคราชได้มั้ย จะให้วิ่งถึงมุกดาหาร อะไร จะไหวเหรอ เป็นต้น ขณะที่เครื่องบิน บินลำหนึ่งแค่ร้อยกว่าคน อาทิตย์หนึ่งบินอาจจะไม่ต้องครบทุกวันก็ได้ ตรงนี้คือปัญหา การลงทุน ระบบราง ต้องวิ่งสม่ำเสมอ เพราะว่า ลงทุนหนัก อย่าง สนามบิน ทำสนามบินอย่างเดียว เครื่องถ้าไม่บินไป แค่ปิดสนามบิน แต่ระบบราง ถ้ารถไฟไม่วิ่งไป มันก็สนิมกินหมด เสียค่าใช้จ่ายมากในการดูแลครับ แถมถ้าใช้ระบบไฟฟ้า ให้สายไฟฟ้าวิ่งไป ถ้าไม่วิ่ง พวกมาขโมยไปอีก อย่างเมืองไทย ระเบียบวินัยย่อหย่อน ถ้าไม่สร้างยกระดับ พวกเราเอารถเครื่อง รถอีแต๋น หรือพวกรถขายขายของวิ่งผ่าน ก็วุ่นอีก ขนาดญี่ปุ่นเค้ายังต้องสร้างยกระดับเลยครับ ปล.ผมไม่ได้ต่อต้านอะไรเลยนะครับ อยากให้มีมาก ๆ เลย แต่ต้องคิดเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่ว่าแปรรูปไปปรากฎว่า โดนผูกขาดแทนที่จะได้ใช้ถูก ๆ กลับกลายเป็นแพงหูฉี่ไปอีก จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 22:34:14

ความคิดเห็นที่ 89 3 คำในบทความนี้ที่จะทำให้รฟท.ตามชาวโลกทัน 1. ลาออกเพื่อแสดงความรับผิดชอบ 2. แปรรูปเป็นเอกชน 3. ลดจำนวนคนงาน และพัฒนาสิ่งที่มีอยู่ให้ดีขึ้น จากคุณ : BonaPart เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 22:53:46

ความคิดเห็นที่ 90 โลกมันก้าวเร็วเกินไป เราต้องไปอย่าง slow city จากคุณ : ใจความในโฆษณาบอกมา (SiAMTH) เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 23:00:33

ความคิดเห็นที่ 91 MAGLEV ทดสอบไปแล้ว 500km/h จากคุณ : ผ่านมาแถวนี้ เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 23:09:06

ความคิดเห็นที่ 92 คนตั้งกระทู้ เค้ามาเม้นให้ความรู้ แต่คนตอบกระทู้บางคนเนี่ย... ศึกษาเรื่องรถไฟไทยมาดีมากพอแค่ไหนแล้วก็ไม่รู้ มาถึงก็..... พอมีคนมาให้รายละเอียดแล้วเถียงเค้าไม่ได้ หรือหาอะไรมาด่าต่อไม่ได้ ก็พิมพ์เป็นอยู่คำเดียว "สหภาพ" จากคุณ : แฮมมึน เขียนเมื่อ : 30 เม.ย. 55 23:59:20

ความคิดเห็นที่ 93 พนักงานอัดกระป๋อง  จากคุณ : ถั่งโถมโหมแรงใจ เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 00:19:20

ความคิดเห็นที่ 94 ไม่ขออะไรมาก  ขอแค่ 100 กม./ชม. ตรงเวลา แล้วก็ห้องน้ำสะอาดก็พอ ผมก็ไม่รู้ว่า ไอ้ความเร็วสูงนั้น ถึงเวลาจริงๆจะมีซักกี่คนที่ใช้ คุ้มทุน ต้องตอ่รถอีก เดี๋ยวนี้ รถตู้ รถทัวร์ มีไปทุกมุมของตำบล อำเภอ ราคาถูกและสะดวงไม่ต้องต่อ เพราะรถไฟส่วนมากว่าตรงๆ คนจนทั้งนั้น รถชานเมือง ระหว่างจังหวัด ตี 4 ตี5 แม่ค้า หิ้วเข่ง นอนปูกระดาษ นสพ.กันเกลื่อนพื้น ห้องน้ำอึทีลงข้างทาง ไม่ขออะไรมาก แค่ ไปขอซื้อตู้เก่าๆของญี่ปุ่นเมื่อ20-30ปีก่อนมาวิ่งก็ได้ จากคุณ : หางแหลม เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 00:24:05

ความคิดเห็นที่ 95 แปรรูปไปแล้ว ค่าดดยสารมันไม่แพงอย่างที่คิดหรอก แต่ถ้าแพงแล้วยังมีคนขึ้นก็น่าคิด แต่ถ้าแพงเกินไปผมไม่ขึ้นละคนนึง ยอมเสียเวลา นั่งของเดิม ดีกว่าครับ จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 00:26:00

ความคิดเห็นที่ 96 ดูโฆษณาล่าสุดของไอ้การรถไฟ  ที่มีไอ้หนุ่มหน้าหนวดทะเลาะกับแฟนเพราะตนเองเป็นคนรีบร้อนไม่มีเวลา จุดขายรถไฟมันกลายเป็นว่าช้าแล้วดีซะงั้น ไม่รุ้คิดได้ไง ดูแล้วงงมาก นั่งรถไฟไป แดดเมษาลมร้อนอย่างกะผีบ้า พระเอกทำนั่งชิวยิ้ม ผู้โดยสารคนอื่นนั่งเชียร์ จากคุณ : หางแหลม เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 00:27:34

ความคิดเห็นที่ 97 ญี่ปุ่นมีรถไฟมาก่อนเรา 24 ปี เพราะฉะนั้น อีก24ปีข้างหน้า เราจะมีเท่าเขาในปัจจุบันใช่ไหม(มองโลกในแง่ดีสุดๆ) ว่าแต่จุดเปลี่ยนของรถไฟญี่ปุ่นคือการเข้ามาของอเมริกา และที่สำคัญคือ ความคิดของผู้บริหารที่คิดจะก้าวไปข้างหน้าตลอดเวลา โอมันช่างแตกต่าง จากคุณ : Boyerz เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 01:25:45

ความคิดเห็นที่ 98 ประเทศไทยล่ะ!? จากคุณ : jubchay เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 01:26:19

ความคิดเห็นที่ 99 ชอบคันนี้เป็นพิเศษ เลยมาแปะไว้ จากคุณ : เดินผ่านแล้วแอบดู เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 01:35:00

ความคิดเห็นที่ 100 ขอบคุณมากครับ มองเขาแล้วหันมามองเรา ก็เหนื่อยใจ รถไฟเรามีปัญหาหลายๆอย่างครับ สหภาพ รฟท.ก็ส่วนหนึ่ง การตัดสินใจของรัฐบาลก็อีกส่วนหนึ่ง ดันไปส่งเสริมรถยนต์ซะมาก แก้ไขปัญหาจราจร ด้วยการสร้างถนนเพิ่ม คนก็เลยยิ่งใช้รถเพิ่ม แล้วมันก็ไปแออัดอยู่กลางเมืองนั่นแหละ ญี่ปุ่น ก็อย่างที่เห็น ขนส่งมวลชนดี ทั่วถึง ก็ไม่ต้องไปมองอย่างอื่นแล้ว อเมริกา แก้ไขด้วยการกระจายความเจริญ คนไปสร้างตัวชานเมืองกันมาก ก็เอาความเจริญตามไป ทั้งงาน ทั้งสาธารณูปโภค อังกฤษ ใครเข้าเมืองหลวงเก็บตังซะ แล้วเพิ่มรถโดยสารประจำทาง ก็ลดไปได้เยอะ จีน สร้างเมืองใหม่มันซะ คนก็กระจายกันไปเอง แล้วเตรียมสร้างขนส่งมวลชนไว้ให้ เกาหลีใต้ หักดิบสุด รถติดกลางเมืองดีนัก เอาถนนออกเสียเลย แล้วทำเป็นแม่น้ำแทน รถก็หายติด สภาพแวดล้อมก็ดีขึ้น ที่จริงเราทำแค่กระจายความเจริญ ทำขนส่งมวลชนให้ดี แก้ง่ายกว่าของประเทศอื่นตั้งเยอะ ทำกันไม่ได้ อย่างว่า แต่ละพวกที่เข้าไปเป็นรัฐบาล แม้จะทะเลาะกัน แต่ต่างตั้งใจเข้าไปกิน มากกว่าพัฒนาประเทศ =___=" จากคุณ : หมาข้างถนนคนบ้าการ์ตูน เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 02:51:35

ความคิดเห็นที่ 101 Tohoku shinkansen ถ่ายเมื่อปี2010 ก่อนเกิดเเผ่นดินไหว  ยังเสียดายช่วงเวลาเก่าๆ ถ้าไม่มีเเผ่นดินไหวเเละโรงไฟฟ้าระเบิด ญี่ปุ่นน่าจะผ่านวิฤตเศรษฐกิจไปได้ จากคุณ : Hana* เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 04:59:01

ความคิดเห็นที่ 102 ในช่วงแรกๆของรถไฟบ้านเรา ก็มีการเปิดให้เอกชนมาร่วมเดินรถเช่นกันครับ ตัวอย่างเช่นทางรถไฟสาย คลองสาน-มหาชัย, บ้านแหลม-แม่กลอง, ท่าเรือ-พระพุทธบาท, ธนบุรี-ลาดหลุมแก้ว (ตลาดระแหง) แต่เมื่อภายหลังเกิดการเปลี่ยนแปลงเพื่อรวมเอากิจการรถไฟมาเป็นของรัฐ (และสายต่างๆของพวกเอกชนหมดสัมปทานลง) ก็เลยกลายเป็นของรัฐหมดแลครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 07:31:13