ท่านคิดว่าการล่มสลายของยุคสมัยหรืออาณาจักรในยุคที่กสิกรรมเป็นหลักนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกในยุ
|
 |
รบกวนเรียนถามความเห็นครับว่า ท่านคิดว่าการล่มสลายของยุคสมัยหรืออาณาจักรในยุคที่กสิกรรมเป็นหลักนั้น เกิดขึ้นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกในยุคนั้นหรือไม่ ?
อย่างที่เราทราบกันดีว่า มีงานวิจัยหลายชิ้นได้โยงความเกี่ยวข้อง ระหว่างการพินาศราชวงศ์หรือยุคสมัย เข้ากับการเปลี่ยนแปลงสภาวะภูมิอากาศโลก โดยอาศัยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ (เช่นการวัดปริมาณออกซิเจน 18 ในแก่นไม้, ขนาดวงปีต้นไม้, ปริมาณฝุ่นไทเทเนียมในหนองน้ำ หรือ ฯลฯ) ซึ่งงานวิจัยหลายชิ้นก็นำเสนอว่า ในทุกๆการเปลี่ยนแปลงยุคสมัยของอาณาจักรกสิกรรมขนาดใหญ่ โดยเฉพาะจีนนั้น จะเกิดขึ้นพร้อมกับการลดลงอย่างเป็นนัยสำคัญของอุณหภูมิซีกโลกเหนือครับ ตัวอย่างเช่น 1. ราวๆ 600 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง ค.ศ. 150 เศษๆนั้น ถูกเรียกว่า The Roman Warm Period ครับ มันเป็นยุคสมัยแห่งความอบอุ่นที่ยาวนานเกือบ 800 ปี ยุค Roman Warm Period นั้น ทำให้อารยธรรมในยุโรปใต้เริ่มเติบโตขึ้นครับ เพราะความอบอุ่นที่เพิ่มมากขึ้นจนการตั้งถิ่นฐานกระทำได้สะดวก เช่นเดียวกับในจีน ที่แม้ยุคสมัยแห่งความอบอุ่นนี้จะตรงกับยุคชุนชิว-จั้นกั๋ว อันเป็นยุคสงคราม แต่มันก็ทำให้ประชากรจีนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด เนื่องจากอากาศที่เหมาะสมกับการเกษตรกรรม น้ำท่าอุดมสมบูรณ์ และการเกิดของเครื่องมือเหล็ก จนถึงราวๆ 200 ปี ก่อนคริสตกาล เมื่อแคว้นฉินรวมแผ่นดินได้ จีนก็มีประชากรเกือบ 20 ล้านคนครับ
2. Dark Age Cold Period เป็นยุคที่หนาวเย็นในช่วงระหว่างปี 200-700 ครับ (อุณหภูมิเฉลี่ยต่ำกว่าช่วงอบอุ่นก่อนหน้าที่เรียกว่า The Roman Warm Period 2-3 องศา) ซึ่งเจ้า Dark Age Cold Period นี่เอง ที่ทำให้จีนเข้าสู่ยุคมืด เพราะหลังปี ค.ศ.150 อุณหภูมิเฉลี่ยก็เริ่มเย็นลงครับ มันมาพร้อมกับความแปรปรวนทางภูมิอากาศและความแห้งแล้ง ทำให้ราชสำนักตงฮั่นอ่อนแอลง เกิดกบฏบ่อยขึ้น จนนำมาซึ่งการล่มสลายของราชวงศ์ฮั่นในที่สุด จีนก็เข้าสู่ยุคสงคราม (สามก๊ก) นานหลายสิบปี แม้ราชสำนักจิ้นจะสามารถรวบรวมประเทศได้อีกครั้งในช่วงปี 280 แต่จีนก็อ่อนแอลงไปมาก ประชากรเหลือเพียงครึ่งเดียวจาก 140 ปีก่อน (สมัยตงฮั่น) พื้นนารกร้าง เศรษฐกิจล่มสลาย Dark Age Cold Period นั้นเกิดขึ้นอย่างยาวนานและอย่างต่อเนื่องครับ ทำให้จีนเหนือก็ต้องเผชิญกับภัยแล้งและความหนาวเหน็บ การเพาะปลูกฟื้นฟูประเทศของราชสำนักจิ้นกระทำได้ยากลำบาก อีกทั้งความหนาวอย่างรุนแรงนี้เอง ทำให้ชนเร่ร่อนในทะเลทรายทางเหนือต้องอพยพลงมาทางใต้ เพื่อแสวงหาพื้นที่อบอุ่นในการเลี้ยงสัตว์ครับ จากการอพยพนี้เองส่งผลให้พวกอู่หูต้องเข้ารุกรานจีน (ในยุคที่วุ่นวายพอดี) และทำให้จีนเข้าสู่ยุคสงครามอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง 400 ปี
Dark Age Cold Period เอง อาจจะเป็นเหตุผลที่อธิบายว่า ทำไมจักรวรรดิขนาดใหญ่ 2 แห่ง ที่มีประชากรมากที่สุดในโลกอย่าง จีนและโรมัน ที่รุ่งเรืองขึ้นมาในยุคใกล้ๆกัน (ทั้งสองอารยธรรมได้ผลประโยชน์จาก The Roman Warm Period ที่ยาวนาน 800 ปี ทำให้ประชากรเพิ่มขี้นมหาศาล) จะพบจุดจบในช่วงเวลาไล่เลี่ยกันด้วยการรุกรานของอานารยชน (เพราะอานารยชนเหล่านี้ถูกสภาพอากาศที่ทารุณในช่วง Dark Age Cold Period ขับไล่ลงมาในเขตอบอุ่นกว่านั่นเอง)
3. หลังจากยุคสมัยแห่งความวุ่นวายนาน 400 ปี จีนก็เป็นปึกแผ่นอีกครั้งในสมัยราชวงศ์ถัง ซึ่งจากกราฟจะเห็นว่า ในช่วงปลายยุคราชวงศ์เหนือใต้-ราชวงศ์สุย-ต้นราชวงศ์ถัง นั้น อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้นมาช่วงหนึ่ง สลับกับหนาวเย็นเป็นช่วงๆ ซึ่งก็ส่งผลให้อารยธรรมจีนสามารถฟื้นตัวกลับมาได้อีกครั้ง ในช่วงระหว่าง ค.ศ. 600-750 ครับ แต่ทว่า พอเข้าสู่ ศตวรรษที่ 9 อันเป็นศตวรรษสุดท้ายของราชวงศ์ถังนั้น หลักฐานทางประวัติศาสตร์และทางวิทยาศาสตร์ให้ผลการทดลองที่ตรงกันว่า จีนต้องเผชิญกับสภาวะหนาวเหน็บ การลดลงของอุณหภูมิในจีนเหนือส่งผลต่อภัยแล้งที่ถี่ขึ้น (ในขณะที่จีนใต้ได้รับผลกระทบน้อยกว่า) ส่งผลให้เกิดการอพยพของประชากรจากจีนเหนือลงใต้อย่างมโหฬาร และจากความอดอยากนี้เองทำให้ราชสำนักถังอ่อนแอลง เกิดกบฏชาวนารุนแรงขึ้นและถี่ขึ้น ในบันทึกประวัติศาสตร์รัชกาลจักรพรรดิถังอี้จง ในกวานจงและเหอหนานเกิดภัยแล้งติดต่อกันนับสิบปี จนเมื่อถึงปลายศตวรรษที่ 9 ถึงคิวของหวงเฉาก่อกบฏ ชะตากรรมของถังก็อับแสงลงในที่สุด อากาศหนาวเย็นลงจนสิ้นสุดศตวรรษที่ 9 ก็เริ่มอุ่นขึ้นทีละน้อยทีละน้อย
4. ในช่วงต้นศตวรรษที่ 10 ถึงต้นศตวรรษที่ 13 นั้น เรียกกันว่า Medieval warm period เป็นยุคที่อากาศอบอุ่นครับ ในกรีนแลนด์อุ่นจนพวกไวกิ้งไปตั้งถิ่นฐานเพาะปลูกกันได้เลย (อุ่นกว่าปัจจุบันที่บอกกันว่าโลกร้อนอีก) ในจีนก็เช่นเดียวกัน อากาศในจีนเหนืออบอุ่นและชื้นมาก จนสามารถทำไร่ส้มไปทางเหนือได้ไกลถึงเหอเป่ย ความอบอุ่นและชุ่มชื้นนี้เองทำให้ราชสำนักซ่งร่ำรวยจากการเกษตรกรรม การค้าและประชากรจีนก็เพิ่มสูงทะลุประวัติศาสตร์ไปได้ถึงเกิน 100 ล้านคนครับ แต่พอเริ่มเข้าสู่ศตวรรษที่ 13 Medieval warm period นั้นจบลงพร้อมกับความหนาวเย็นและแห้งแล้งในจีนเหนือ ตรงนี้เองเป็นสาเหตุที่ทำให้อาณาจักรต้าจินของชาวหนี่เจินนั้นอ่อนแอลง (จริงๆก็เริ่มเห็นผลมาแต่ปลายศตวรรษที่ 12 แล้ว) เพราะการเพาะปลูกย่ำแย่ ไร่ส้มก็หายไปจากจีนเหนือ ประชากรในจีนเหนือลดลงเรื่อยๆ จนกองทัพมองโกลเข้าโจมตีต้าจิน จักรวรรดิต้าจินก็อ่อนแอจนไม่อาจจะยืนหยัดต้านทานมองโกลได้อีกครับ
5. การเสื่อมของราชวงศ์หมิง เกิดขึ้นพร้อมๆกับการเกิด LIA (Little Ice Age) ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 16 พอดี และผลของมันก็ส่งผลกระทบรุนแรงมากในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 จนทำให้ราชวงศ์หมิงล่มสลายลง จากบันทึกทางประวัติศาสตร์สมัยหมิงนั้น ช่วงต้นศตวรรษที่ 17 (ปลายรัชกาลว่านลี่ไปจนสิ้นรัชกาลฉงเจิน) จีนเหนือต้องเผชิญกับสภาวะแห้งแล้งติดต่อกันแทบทุกปีครับ ตัวอย่างเช่น ในซานตงช่วงระหว่างปี 1599-1610 นั้น เผชิญภัยแล้งติดต่อกันถึงสิบปี, ในเหอหนานต้องเผชิญกับภัยแล้งและแมลงศัตรูพืชระบาดครั้งใหญ่หลายรอบในช่วงปี 1590-1640, โรคระบาดครั้งใหญ่ในจีนเหนือช่วงปี 1620-1630 ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนี้ เป็นแรงขับดันที่รุนแรงทำให้เกิดกบฏชาวนาไปทั่วทุกหย่อมหญ้า โดยแม้ราชสำนักหมิงจะพยายามแก้ไขสถานการณ์อย่างหนักในรัชกาลฉงเจิน (จักรพรรดิฉงเจินเป็นจักรพรรดิที่ทรงงานหนักมาก พระองค์ทรงอักษรวันละ 8-9 ชั่วยาม และออกว่าราชการไม่เคยขาดเลยตลอดรัชกาล) แต่กลับกู้ประเทศชาติหรือแก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย จนหลี่จื้อเฉิงสามารถตีปักกิ่งแตกในที่สุด ความอดอยากและแห้งแล้งอย่างหนักในช่วง 50 ปีแรกของศตวรรษที่ 17 นี้เอง ที่ทำให้พอกองทัพแมนจูเข้าด่านมา กองกำลังต้าหมิงเดิมหรือกลุ่มฐานอำนาจทั้งหลายในจีนเหนือก็ไม่มีกำลังพลหรือทรัพยากรจะต้านพวกแมนจูได้ครับ พวกเขาแตกพ่ายและล่มสลายอย่างรวดเร็ว (ในขณะที่ราชสำนักหมิงในจีนใต้ ยังสามารถยืนต่อสู้ได้อีก 20 กว่าปี)
6. การเสื่อมของราชวงศ์ชิง เกิดขึ้นพร้อมๆกับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิโลกในช่วงปี 1800-1840 ซึ่งเป็นระยะเวลาที่ LIA นั้นรุนแรงอีกรอบครับ ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศอย่างรุนแรงในจีน (หลังจากที่สภาวะ LIA นั้นทรงๆตัวมา เกือบร้อยปี ในช่วงกลางรัชกาลคังซีจนถึงปลายรัชกาลเฉียนหลง) ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดภัยธรรมชาติอย่างรุนแรงบ่อยครั้งในจีนเหนือและใต้ ส่งผลให้ราชสำนักชิงเก็บภาษีไม่ได้ ประชาชนอดอยาก ไร่นาล่มจม และผนวกกับการคุกคามของลัทธิจักรวรรดินิยมในช่วงหลังจากปี 1840 เป็นต้นมา ทำให้สถานการณ์ของต้าชิงนั้นกู่ไม่กลับอีกต่อไป
จากหลักฐานทั้งหมดนี้ มันพยายามชี้ให้เห็นว่า การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศนั้น ส่งผลต่อการสิ้นราชวงศ์หรือยุคสมัยไม่น้อยเช่นกัน โดยเฉพาะอาณาจักรที่ต้องพึ่งพิงเกษตรกรรมอย่างหนักหน่วงเช่นในสมัยโบราณครับ
ซึ่งทุกท่านคิดว่า มันเป็นเหตุผลเพียงด้าน หรือว่าเป็นเหตุผลหลักของการล่มสลายของชาติ
ขอบพระคุณครับผม
จากคุณ |
:
digimontamer
|
เขียนเมื่อ |
:
30 เม.ย. 55 13:10:08
|
|
|
|