ความคิดเห็นที่ 1 - - จากคุณ : เดอะฟักทองอินเตอร์ เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 10:13:56

ความคิดเห็นที่ 2 งงกับหัวข้อ และเนื้อในของกระทู้ จากคุณ : leo_attack เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 10:17:50

ความคิดเห็นที่ 3 แบทเทิลชิฟ มันเวอร์ -_-" จากคุณ : คนหลังเขา (นายดีเค_คนหลังเขา) เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 10:18:42

ความคิดเห็นที่ 4 ค่อนข้างงงกับหัวข้อ = = จากคุณ : nadashiko เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 10:27:09

ความคิดเห็นที่ 5 O.O" จากคุณ : Air_graphic เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 10:32:20

ความคิดเห็นที่ 6 เอ่อ.... ไทยไม่เคยมีเรือประจัญบานนะครับ -__-"" จากคุณ : Maverickx5 เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 10:33:57

ความคิดเห็นที่ 7 เรือประจันบาน >>>> เหมือนป้อมปราการลอยน้ำ แข็งแกร่ง แต่ช้า และตกยุคไปแล้วครับ เรือพิฆาต >>>> เหมือนสุนัขล่าเนื้อ คล่องแคล่ว ฉับไว พร้อมขย้ำเหยื่อได้ทุกสถานการณ์ แต่ไม่อึดและแข็งแกร่งเท่ากับเรือประจันบาน เรือบรรทุกเครื่องบิน >>>> เหมือนกับกองทัพทั้งกองลอยน้ำได้ เพียบพร้อมด้วยศาสตราวุธ กำลังพล ยุทโธปกรณ์ แต่การป้องกันอ่อน ต้องอาศัยเรือพิฆาต และเรืออื่นๆช่วยคุ้มกัน จากคุณ : เก็บขวดขายเลี้ยงชีพ เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 10:35:53

ความคิดเห็นที่ 8 ประเทศไทยเราไม่เคยมีเรือประจัญบานครับ... รายละเอียดคือ จขกท. ต้องแยกประเภทเรือก่อนครับ ว่าเรือรบมีประเภทอะไรบ้าง คร่าวๆหน้าจะมีในอินเตอร์เน็ทลองหาดู  ถ้าถามความทนทางระหว่างเรือประจัญบานในอดีตกับเรือพิฆาตในปัจจุบัน เรือประจัญบานก็ต้องอึดกว่าอยู่แล้วครับ แต่ถ้าโดนอาวุธต่อต้านเรือผิวน้ำแบบที่ใช้ในปัจจุบันอึดแค่ไปนก็ไม่รอดนะ 555 จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 10:37:03

ความคิดเห็นที่ 9 เฮ่อ จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 10:46:36

ความคิดเห็นที่ 10 เราไม่เคยมีเรือประจัญบาน แต่เราเคยมีเรือใต้น้ำนะเออ แต่เนื่องจากผู้นำวิสัยทัศน์ตื้นเขิน ไม่พิจารณาภูมิประเทศทำให้เกิดโศกนาฏกรรมเกยตื้นที่อ่าวไทย ชนปะการังจมทั้งกอง สร้างความอัปยศให้กองทัพ จึงปลดประจำการกองเรือใต้น้ำออกจากกองทัพนับแต่นั้นมา จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 11:25:27 จากคุณ : Kuroro Lucifer เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 11:24:58

ความคิดเห็นที่ 11 ไทยเรามี aircraft carrier ชั้นนิมิกซ์ ก่อนสหรัฐอเมริกาอีกครับ ประกอบเสร็จแล้ว ๑๐ ลำ ตอนนี้จอดอยู่ในฐานทัพลับครับ จากคุณ : Ice-man เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 11:30:27

ความคิดเห็นที่ 12 เราไม่เคยมีเรือประจัญบาน แต่เราเคยมีเรือใต้น้ำนะเออ แต่เนื่องจากผู้นำวิสัยทัศน์ตื้นเขิน ไม่พิจารณาภูมิประเทศทำให้เกิดโศกนาฏกรรมเกยตื้นที่อ่าวไทย ชนปะการังจมทั้งกอง สร้างความอัปยศให้กองทัพ จึงปลดประจำการกองเรือใต้น้ำออกจากกองทัพนับแต่นั้นมา จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน จากคุณ : Kuroro Lucifer       เอ่อ เรืออะไรละครับนั่น ถ้าหากเป็นกองเรือดำน้ำที่เราเคยมีไว้ในประจำการนั้น เรือดำน้ำทั้ง 4 ลำของไทยที่เคยมีไว้ในประจำการ    ไม่เคยมีประวัติการถูกโจมตีจนอับปางเลยแม้แต่ลำเดียวเลยนะครับ   เรือดำน้ำในกองเรือดำน้ำนั้นอยู่รอดปลอดภัยจนกระทั้งครบกำหนดปลดระวาง เรือหลวงมัจฉาณุ (ลำที่สอง) ประเภท : เรือดำน้ำ ระวางขับน้ำ : น้ำหนักบนผิวน้ำ 374.5 ตัน น้ำหนักขณะดำ 430 ตัน ขนาด : ความยาวตลอดลำ 51 เมตร ความกว้างสุด 4.1 เมตร สูงถึงหลังคาหอเรือ 11.65 เมตร กินน้ำลึก : กินน้ำลึก 3.6 เมตร อาวุธ : ปืนใหญ่ 76 มม. 1 กระบอก ปืน 8 มม. 1 กระบอก ตอร์ปิโด 45 ซม. 4 ท่อ เครื่องจักร : เครื่องจักรใหญ่ชนิดดีเซล 2 เครื่อง ๆ ละ 8 สูบ กำลัง 1,100 แรงม้า เครื่องไฟฟ้ากำลัง 540 แรงม้า (ใช้เดินใต้น้ำ) ความเร็ว : ความเร็วมัธยัสถ์ 10 นอต รัศมีทำการ : รัศมีทำการ 4,770 ไมล์ ทหารประจำเรือ 33 คน (นายทหาร 5 พันจ่า-จ่า 28) เรือนี้ต่อที่อู่ บริษัท มิตซูบิชิ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อ พ.ศ.2479 มีอยู่ 4 ลำด้วยกัน คือ เรือหลวงมัจฉาณุ เรือหลวงวิรุณ เรือหลวงสินสมุทร และ เรือหลวงพลายชุมพล วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2479 วางกระดูกงูพร้อมกับ เรือหลวงวิรุณ วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2479 ลงน้ำพร้อมกับ เรือหลวงวิรุณ วันที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2479 เรือหลวงมัจฉาณุ (ลำที่สอง) และเรือดำน้ำอีก 3 ลำ ออกจากน่านน้ำประเทศญี่ปุ่น เดินทางมายังประเทศไทย โดยไม่มีเรือพี่เลี้ยง ซึ่งแสดงถึงความสามารถของทหารเรือไทย วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2481 เดินทางมาถึงประเทศไทย วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ขึ้นระวางประจำการ เมื่อครั้งกรณีพิพาทอินโดจีนฝรั่งเศส หลังจาก เรือหลวงธนบุรี และเรือตอร์ปิโด ถูกเรือฝรั่งเศส ยิงจมแล้ว เรือหลวงมัจฉาณุ เรือหลวงวิรุณ เรือหลวงสินสมุทร และเรือหลวงพลายชุมพล ได้ไปลาดตระเวนเป็น 4 แนว อยู่หน้าบริเวณฐานทัพเรือเรียมของอินโดจีนฝรั่งเศส ใช้เวลาดำอยู่ใต้น้ำทั้งสิ้นลำละ 12 ชั่วโมง ขึ้นไป นับเป็นการดำที่นานที่สุด ตั้งแต่ได้เริ่มมีหมวดเรือดำน้ำมาจนกระทั่งได้ถูกยุบเลิกไป วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 ปลดระวางประจำการ เรือหลวงวิรุณ เรือนี้เป็นเรือพี่น้องของ เรือหลวงมัจฉาณุ สร้างแห่งเดียวกัน โดยสัญญาเดียวกัน วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2479 วางกระดูงู วันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2479 เรือลงน้ำ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2481 เดินทางมาถึงประเทศไทย วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ขึ้นระวางประจำการ วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 ปลดระวางประจำการ เรือหลวงสินสมุทร เรือนี้เป็นเรือพี่น้องของ เรือหลวงมัจฉาณุ สร้างแห่งเดียวกัน โดยสัญญาเดียวกัน วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2479 วางกระดูงูพร้อมกับ เรือหลวงพลายชุมพล วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 เรือลงน้ำพร้อมกับ เรือหลวงพลายชุมพล วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2481 เดินทางมาถึงประเทศไทย วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ขึ้นระวางประจำการ วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 ปลดระวางประจำการ เรือหลวงพลายชุมพล เรือนี้เป็นเรือพี่น้องของ เรือหลวงมัจฉาณุ สร้างแห่งเดียวกัน โดยสัญญาเดียวกัน วันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2479 วางกระดูงู วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2480 เรือลงน้ำ วันที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2481 เดินทางมาถึงประเทศไทย วันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2481 ขึ้นระวางประจำการ วันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2494 ปลดระวางประจำการ เครดิต/ข้อมูลเพิ่มเติม http://www.navy.mi.th/submarine/html/data/web4.html   *แก้ไขตัวอักษร แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 12:44:55 จากคุณ : nadashiko เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 11:48:33

ความคิดเห็นที่ 13 ที่เรามีเป็นชั้น Yamato ต่างหาก  ปัจจุบันปลดประจำการแล้ว ทดแทนด้วยMacross class จากคุณ : คนถามยังไม่คิดคนตอบจะคิดทำไม (ลิงจุ่น) เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 11:53:57

ความคิดเห็นที่ 14 นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า จะพูดอะไร ถ้ารู้ไม่จริงระวังหน้าแหก... เอ๋หรือเขาหน้าโบกซีเมนต์มาแล้ว แย้งแค่ไหนตูข้าก็จะปล่อยข่าวลือ จะด่าต่อไป เพราะตูข้าอคติเว้ยยยย ยี้ ฮ้า จากคุณ : Maverickx5 เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 12:14:45

ความคิดเห็นที่ 15 #10  จะสื่อถึงอะไรครับ จากคุณ : ล็อกอินผิดพลาด เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 13:09:20

ความคิดเห็นที่ 16 เอ่อ ทำไมผมอ่านหัวกระทู้แล้วไม่งงเหมือนคนอื่น ล่ะครับ ผมอ่านหัวกระทู้ตีออกเป็น 2 คำถาม ดังนี้ 1. ปัจจุบันไทยเรามีเรือประจันบาญ แบบเรือ มิซซูรี่ หรือไม่ 2. ถ้าข้อ 1 มี  แล้วยังใช้อยู่รึเปล่าครับ จากคุณ : ตาบอย เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 13:30:00

ความคิดเห็นที่ 17 ที่เรามีใกล้เคียงสุดๆก็น่าจะเป็น รล.ธนบุรี แต่เป็นเรือปืนหนัก ไม่ใช่เรือประจัญบาน อาวุธ • ปืน 200 มม. แท่นคู่ 2 แท่น • ปืนใหญ่ 75/51 มม. 4 กระบอก • ป.ต.อ. 40/62 มม.แท่นคู่ 4 กระบอก ระวางขับน้ำเต็มที่ 2,350 ตัน ความยาว: 77 เมตร ความกว้าง:13.41 เมตร ความเร็วสูงสุด/ต่ำสุด:15.8/12.2 นอต เทียบกับเรือประจัญบานแล้วนับว่าห่างชั้นกันเยอะ เช่น ระวางขับน้ำเรือประจัญบานมีตั้งแต่ 10,000ตันขึ้นไป รล.ธนบุรีแค่ 2,350ตัน ปืนใหญ่เรือประจัญบาน มีขนาด 12-16นิ้ว แท่นคู่ และแท่น 3กระบอกอย่างต่ำๆก็ 2-3แท่น รล.ธนบุรีมีปืน 10นิ้วแท่นคู่ 2แท่น ...นับว่าห่างไกลจากเรือประจัญบานมากเลยทีเดียว *เพิ่มเครดิต รูปภาพและข้อมูลจาก วิกิพีเดียครับ **แก้ไขข้อมูลปืนเรือของรล.ธนบุรี เป็นขนาด 7.9นิ้ว ไม่ใช่ 10นิ้วครับ แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 18:47:09 แก้ไขเมื่อ 01 พ.ค. 55 18:41:29 จากคุณ : sanchai0045 เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 18:30:16

ความคิดเห็นที่ 18 ไม่มีและไม่เคยมีครับ เรามีแต่ frigate เป็น class ที่รองลงมาจาก destroyer อีกที เรือประจัญบาน ถ้าจะว่าอึดกว่าก็ใช่ แต่อย่างที่รู้กันครับ ตัวอย่างมีให้เห็นชัดๆ ไม่ว่า bismarck เอย yamato เอย โคตรเรือประจัญบานทั้งนั้น ต่อให้เกราะหนาแค่ไหน ปืนใหญ่แค่ไหน แต่สุดท้ายสิ่งที่กุมความได้เปรียบก็คือกำลังทางอากาศ ปรัชญาอีกอย่างหนึ่งที่ตายตัวก็คือ การตั้งรับ ยังไงก็ไม่อาจเอาชนะการรุกได้ ทำลาย มันง่ายกว่า ป้องกัน เยอะครับ ดังนั้นแทนที่จะเน้นเรื่องใหญ่ยาวเกราะหนาแต่เชื่องช้า ก็สู้ให้มันรวดเร็ว คล่องตัว ล่องหน เพื่อจะได้ไม่ต้องโดนโจมตีเสียแต่ทีแรก เพราะถ้าลองว่าโดนโจมตีแล้ว ให้เกราะหนาแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องรอวันจม ปืนใหญ่ ก็มีบทบาทน้อยลง ด้วยเพราะโดนแทนที่ด้วย เครื่องบิน จากเรือบรรทุกเครื่องบินที่สร้างความเสียหายได้มากกว่ากันมากมาย ระยะที่ไกลกว่า เชื่อถือได้มากกว่า ยืดหยุ่นกว่า ไหนจะ มิสไซล์ ที่ขึ้นมามีบทบาทมากขึ้น จนเรือลำเล็กๆ เกราะบางๆ ใช้มิสไซล์แม่นๆ ไม่กี่ลูกก็จมเรือระดับเรือประจัญบานได้แล้ว ปัจจุบัน ถ้าพูดถึงกองเรือ ผมว่าความสำคัญมันเทไปทางเรือบรรทุกเครื่องบินเกือบหมด โดยจะมีเรือดำน้ำ ICBM เป็นสูตรขี้โกง อันนั้นเว้นไว้ไม่ต้องพูดถึงก็ได้ (555) ส่วนเรือผิวน้ำ ก็จะมีเรือพิฆาตพร้อมระบบ Aegis นี่แหละ ที่พระเอกสุดแล้วมั้ง เรือดำน้ำอาจจะไม่ได้มีการพูดถึงมาก เพราะมันเป็นเรือที่ต้องพึ่งพา initiative หรือการช่วงชิงความได้เปรียบในการลงมือก่อน รวมทั้งอาศัยความเป็น stealth ตามธรรมชาติของมัน มันไม่เหมือนเรือผิวน้ำที่เอาไว้ต่อตีโดยตรงกับภัยทั้งผิวน้ำและบนฟ้า แต่ในเชิงยุทธวิธีแล้ว ถ้าสภาพน่านน้ำที่มีอยู่มันเอื้ออำนวย การไว้ ก็ถือว่ามีหมากให้เล่นมากขึ้นในยามศึกสงคราม สำหรับเรือดำน้ำ ยิ่งเรือดำน้ำปัจจุบันเองก็ติดอาวุธได้เยอะแยะ ไม่ใช่จำกัดแต่ตอร์ปิโด ติดแท่น VLS ก็ยิงได้เกือบหมด จากคุณ : art_sarawut เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 18:51:13

ความคิดเห็นที่ 19 คืออย่างนี้ครับ - เรือบรรทุกเครื่องบิน (ไม่มีประจำการ) - เรือบรรทุกเฮลิคอร์ปเตอร์ (เรือหลวงจักรีฯ) - เรือประจัญบาน (ไม่มีประจำการ) - เรือพิฆาต (ไม่มีประจำการ) - เรือฟรีเกต ( ชั้น นเรศวร,ชั้น พระพุทธยอดฟ้า,ชั้น เจ้าพระยา ฯลฯ) อยากรู้เพื่มเติมตาม ลิงค์นี้เลยครับ http://www.thaiarmedforce.com/rtnthrbridge/254-thebridge3.hlmi จากคุณ : ตูละเซ็ง! เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 19:32:48 A:118.173.194.148 X: TicketID:350702

ความคิดเห็นที่ 20 ถ้าแต่ก่อนเรามี ยุคนั้นฝรั่งเศสคงเกรงใจเรากว่านี้ จากคุณ : Napoleonic เขียนเมื่อ : วันแรงงาน 55 21:23:40

ความคิดเห็นที่ 21 ผมเข้าใจว่า ต้นเอง คงจะสับสน (อีกแล้ว) กับการใช้คำผิด ในความเข้าใจของต้นเอง คงจะเข้าใจว่า เรือประจัญบาน คือเรือรบที่ติดปืนใหญ่เยอะๆ รอบๆ ลำ แบบเรือสมัยสงครามโลกใช่ไหม แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ครับ แล้วต้นเอง ก็คงจะสับสน (อีกครั้ง) ว่า เรือพิฆาต คือเรือรบสมัยปัจจุบัน  ที่ติดปืนใหญ่ขนาดกระจุ๋มกระจิ๋มแค่กระบอกสองกระบอก แล้วก็มีอาวุธจรวดนำวิถี  จริงๆ แล้ว ก็ไม่ใช่อีก เรือรบ เขาแบ่งประเภทกันตามน้ำหนักตัวเหมือนการแบ่งรุ่นนักมวย   ในสมัยก่อนยุคสงครามโลก ก็ง่ายๆ ตรงตัว เหมือนนักมวยรุ่นใหญ่กว่า ก็จะมีหมัดหนักกว่า แต่ก็อาจจะอืดอาดกว่าได้   เรือประจัญบานมิสซูรี่ ตอนที่สร้างเสร็จใหม่ๆ สมัยนั้น จัดเป็นเรือประจัญบานขั้นเทพ เรียกว่า Fast Battleship เป็นเรือที่วิ่งได้เร็ว ยิงได้เร็ว เหมือนไมค์ ไทสัน ตอนยังรุ่งๆ พอเวลาผ่านไป  ประเภทเรือก็ยังแบ่งตามขนาดเหมือนเดิม  แต่อาศัยว่าอาวุธสมัยใหม่มีตัวช่วย คือ จรวดนำวิถี  ทำให้เรือขนาดเล็กก็สามารถติดตั้งอาวุธที่มีพลังทำลายรุนแรงได้เหมือนเรือขนาดใหญ่   แต่ก็ยังเสียเปรียบเรือขนาดใหญ่กว่า ตรงที่เวลาออกทะเลแล้วจะสู้คลื่นลมแรงได้น้อยกว่าเท่านั้นเอง   ซึ่งเรือรบขนาดใหญ่สุดที่ยังมีใช้งานจริงในตอนนี้ เป็นเรือประเภท Battlecruiser มีขนาดใหญ่กว่าเรือลาดตระเวณแต่เล็กกว่าเรือประจัญบาน จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 01:43:41

ความคิดเห็นที่ 22 เรือรุ่นสงครามโลก ที่เรายังใช้งานอยู่ มีอยู่ 1 ลำ คือ ร.ล. ปิ่นเกล้า  เป็นเรือของอเมริกัน ประเภท Destroyer escort (ตามที่อเมริกันเรียก)  ชั้น (Class) Cannon หรือประเภท Frigate (ตามที่อังกฤษเรียก) ชื่อเดิม USS HEMMINGER (DE-746) เราได้รับมาจากอเมริกันเมื่อปี พ.ศ. 2502 ระวางขับน้ำ ปกติ ๑,๒๔๐ ตัน เต็มที่ ๑,๙๓๐ ตัน ติดปืนใหญ่ขนาด 3 นิ้ว แท่นเดี่ยว 3 แท่น ความจริงเรือลำนี้มีโครงการจะปลดประจำการไปแล้ว  แต่เลื่อนออกไปก่อน จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 06:25:24

ความคิดเห็นที่ 23 ช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2  ไทยเร่งขยายขนาดกองทัพเรือแบบก้าวกระโดด  จากเรือรบแบบที่ค่อนข้างทันสมัย (ในเวลานั้น) ที่มีอยู่แล้ว 2 ลำ คือ ร.ล. รัตนโกสินทร์ และ ร.ล. สุโขทัย ต่อจากประเทศอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ. 1925-30 ก็สั่งเรือดำน้ำ จากญี่ปุ่น อีก 4 ลำ แล้วเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1938 จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 06:50:01

ความคิดเห็นที่ 24 ร.ล. ธนบุรี และ ร.ล. ศรีอยุธยา  จากญี่ปุ่น  ปี ค.ศ. 1938 จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 06:51:50

ความคิดเห็นที่ 25 เรือตอร์ปิโด ชั้น ร.ล. ตราด จำนวน 9 ลำ จากอิตาลี ปี ค.ศ. 1936-37 แก้ไขเมื่อ 02 พ.ค. 55 06:56:17 จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 06:54:39

ความคิดเห็นที่ 26 เรือ Sloop ร.ล. ท่าจีน และ ร.ล. แม่กลอง จากญี่ปุ่น ปี ค.ศ. 1937 จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 07:03:50

ความคิดเห็นที่ 27 เรือลาดตระเวณเบา ขนาดระวางขับน้ำ 5900 ตัน ชั้น ร.ล. ตากสิน และ ร.ล. นเรศวร  สั่งต่อจากอิตาลี เมื่อปี ค.ศ. 1938 สเป็คในตอนแรก ติดตั้งใหญ่ขนาด 6 นิ้ว แท่นคู่ 3 แท่น ปืนใหญ่ 3 นิ้ว แท่นเดี่ยว 6 แท่น ถ้าต่อเสร็จแล้ว จะมีอานุภาพเทียบเท่ากับ เรือลามอตต์ปิเกต์ของฝรั่งเศสเลย  แต่เสียดายที่สงครามโลกเริ่มขึ้นเสียก่อน อิตาลีเลยไม่ต่อให้เราจนเสร็จ  กลับเอาไปดัดแปลงเป็นเรือลาดตระเวณต่อสู้อากาศยาน โดยปรับเปลี่ยนขนาดและจำนวนของปืนใหญ่เสียใหม่  แต่ด้วยความขาดแคลนวัสดุ  จนสงครามเลิกเรือชุดนี้ก็ยังสร้างไม่เสร็จ (ภาพจาหนังสือ Conway's All the World's Fighting Ships 1922-1947 หน้า 298) จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 07:26:19

ความคิดเห็นที่ 28 เรามีเจ็ดประจัณบานครับ จากคุณ : I love Alpha เขียนเมื่อ : 2 พ.ค. 55 21:16:28