ความคิดเห็นที่ 1 เป็นกำลังใจให้ครับ จากคุณ : risingforce เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 15:11:23 A:58.11.7.144 X: TicketID:316963

ความคิดเห็นที่ 2 เอาใจช่วยอยู่ครับ ผมกำลังวางเเผนทำกินเอง 1 ไร่เเบ่งเป็นเเปลงย่อย 4 เเปลงละ 1 งาน วนกันปลูก แถวบ้านผมเป็นนาปรังที่เห็นปัญหาหลักๆคือข้าวดีด เยอะมาก แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 15:22:51 จากคุณ : ต้นกลเรือ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 15:11:32

ความคิดเห็นที่ 3 www.เฟซบุค.com/media/set/?set=a.252956391417961.62628.143471139033154&type=3&l=8df970de8b ถ้าต้นฉบับ จากสถาบันวิจัยข้าวนานาชาติ ก็ http://books.irri.org/9712200299_content.pdf เผื่อจะเอาหลักวิชาในนี้ไปปรับปรุงครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 15:21:13 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 15:20:36 จากคุณ : bbiggy เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 15:19:12

ความคิดเห็นที่ 4 ชาวนา เป็นอาชีพที่ความเสี่ยงสูงมาก 1 ฝนผิดฤดู ฝนแล้ง หรือฝนตกหนัก น้ำท่วม 2 ศัตรูพืช ... ชาวนาจะต้องรู้เท่าทันมากๆ ใส่ยาผิดแค่ 1 วันหรือ 2 วันสิ่งที่ปลูกมา หายะนะทันที ชาวไร่ที่ปลูกถั่ว เขา ฉีดยากันแทบจะทุกอาทิตย์ เพราะถ้าผิดวันแมลงลง พังทั้งพื้น 3 ยา ปุ๋ย  ปีที่น้ำดี แมลงไม่กวน ยากับปุ๋ย ก็ใช้ไม่มาก ปีที่น้ำน้อยวัชพืชจะเยอะ หรือปีที่แมลงระบาด ต้องจัดทั้งยา และปุ๋ย ฮอโมน 4 ปีที่ได้ผลผลิตดี ก็มักจะเจอสินค้าล้นตลาด 5 ปีที่ สินค้าขายดี ปีต่อๆมา คนจะแห่กันไปทำ จากคุณ : นายโอ้นโต้น เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 15:37:08

ความคิดเห็นที่ 5 เป็นกำลังใจให้กันครับ  อันนี้ของผมไม่รู้ปีนี้จะยังไงเหมือนกัน จากคุณ : ขอชื่อที่รักจ๋า ณ พันทิป เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 15:41:10

ความคิดเห็นที่ 6 ขอขอบคุณrisingforce ,คุณต้นกลเรือ ,คุณbbiggy ครับ จากคุณ : เลาะริมทุ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 15:41:31

ความคิดเห็นที่ 7 มาเป็นกำลังใจครับ บ้านสวนผมที่ปากพนังปลูกฟักทองครับ เพิ่งเก็บขายไปได้ 9 ตัน ยังเหลือที่ไม่ได้ที่เก็บไม่ได้ประเมินคราวๆอีก 2-3 ตัน พอได้กำไรกะเขาบ้าง สวนอื่นๆก็ปลูกมะนาว + พริก + ส้มโอ กับอื่นๆจิปาถะ เพิ่งจะฟื้นตัวได้หลังน้ำท่วมซัมเมอร์ปีที่แล้ว จากคุณ : เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการโผ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 15:59:27

ความคิดเห็นที่ 8 ขอขอบคุณนายโอ้นโต้น ,คุณ ขอชื่อที่รักจ๋า ณ พันทิป ใช่ชาวนาเป็นอาชีพที่เสี่ยงสุดๆ เสี่ยงฝน,เสี่ยงแล้ง,เสี่ยงโรคแมลง,เสี่ยงราคาฯลฯ ขอขอบคุณ เคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยการโผ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 16:14:49 แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 16:13:45 จากคุณ : เลาะริมทุ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 15:59:44

ความคิดเห็นที่ 9 เห็นเค้าใช้น้ำหมักป้าเช็งไปฉีดกัน ลองทำดูสิ ถูกด้วย ไม่ต้องใช้เคมีมากด้วย ปล.เราไม่เคยลอง จากคุณ : ไม่ยอม เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 16:14:48

ความคิดเห็นที่ 10 ผมกำลังทำน้ำหมัก ผด.2 จากหอยเชอรี้ ผลไม้ กากน้ำตาลและน้ำครับ ผมจะไม่เผาตอซัง แต่จะราดด้วยน้ำหมักครับ ขอบคุณ ไม่ยอมครับ ขอขอบคุณ ผลึกความคิด แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 16:22:41 จากคุณ : เลาะริมทุ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 16:18:14

ความคิดเห็นที่ 11 ไม่เคยทำนา จากเหตุการณ์นี้ ได้ข้อคิดว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ลงทุนทำนาเสี่ยงมาก ไม่ควรทุ่มหมดหน้าตักในครั้งเดียว ต้องเหลือไว้บ้างเผื่อพลาด ล้มแล้วจะได้ลุกขึ้นได้ ยังมีเงินเหลือสำหรับลงทุนในครั้งต่อไป จากคุณ : ผลึกความคิด เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 16:20:34

ความคิดเห็นที่ 12 ทำไปนานๆเก่งๆ จะรู้วิธีหลีกเลี่ยงแมลงศัตรูพืชพวกนี้ครับ (แต่ต้องศึกษา หาความรู้ด้วย ไม่ใช่ทำไปวันๆ) วิธีกำจัดแมลงก็มีหลายวิธี ศึกษาดีๆ เพราะบางวิธีต้นทุนสูงมาก บางวิธีต้นทุนต่ำ แต่กำจัดไม่ได้ 100% บางวิธีต้องใช้เวลามาก เป็นต้น จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 16:22:50

ความคิดเห็นที่ 13 นาปีปีนี้จะปลูกข้าวมะลิ 105 ครับ คงประมาณเดือนกรกฏาคมจึงจะตกกล้าครับ แต่ต้องการข้าวปลูกนาปรัง กข.41หรือกข.41 ประมาณ 2 กระสอบ(50 กิโลกรัม) ครับ หลังจากนี้จะขอศึกษาหาความรู้ไว้สู้ศึกนาปีต่อครับ ขอขอบคุณ คุณนิสิตด้วยครับ แก้ไขเมื่อ 03 พ.ค. 55 16:29:54 จากคุณ : เลาะริมทุ่ง เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 16:28:32

ความคิดเห็นที่ 14 คนเราเมื่อเจอปัญหา หรือเจอสิ่งที่ไม่คาดคิด แล้วต้องฆ่าตัวตายกันทุกคน ผมว่าป่านนี้คนคงหายไปจากโลกนี้หมดแล้วนะครับ และชาวนาเองก็คงไม่ทั้งหมดที่ต้องฆ่าตัวตายเมื่อเจอปัญหาเช่นนี้ และพวกเขาก็เจอซ้ำซากๆ ครับกับเรื่องดินฟ้าอากาศ ภัยธรรมชาติ หรือภัยจากแมลงศัตรูพืช ฯลฯ ผมเองโดนทั้งธรรมชาติและผู้คนหลอกมานักต่อนัก(อย่าให้ผมพูดเลยครับ) แต่ก็ไม่ท้อครับ ถือว่าได้เรียนรู้บทเรียนไป ทำใจให้ได้แล้วเดินหน้าต่อไป วางแผนการทำการเกษตรให้เหมาะสมครับ การปลูกพืชชนิดเดียวในพื้นที่17 ไร่(พื้นที่ทั้งหมดที่ท่านมี) ก็เหมือน การวางไข่ทั้งหมดในตะกร้าใบเดียวความเสี่ยงมันก็ต้องสูงเป็นธรรมดาครับ ลองเพาะปลูกแบบผสมผสานดูครับ อาจแบ่งทำนาข้าว 10 ไร่ ที่เหลือลองมองหาพันธ์พืชชนิดอื่นมาปลูกผสมผสานกันไป และตัวที่ผมว่าน่าสนใจและศัตรูพืชน้อยที่สุด(เท่าที่ผมเพาะปลูกมา) คือไผ่ ครับ เพียงแต่เลือกสายพันธ์ ที่เหมาะสมกับตลาดในท้องถิ่นและวัตถุประสงค์ของท่าน ท่านอาจไม่รู้ว่า ตลาดต้นพันธ์ กิ่งพันธ์ นั้น มูลค่ามากมายมหาศาลเพียงใด ขอยกตัวอย่าง ง่ายๆ นะครับ สมมุติว่าท่านปลูกไผ่ หนึ่งกิ่ง ใช้เวลา ประมาณ 8-15 เดือน ก็ได้เห็นหน่อ 4-5หน่อ เพื่อให้ท่านไว้ลำ ทั้งหมด หรือจะเก็บหน่อขายบางส่วน หลังจากนั้น ลำไผ่ที่ท่านปล่อยให้ขึ้นลำ สามารถ ชำกิ่งเป็นกิ่งพันธ์เพื่อขยายพันธ์เอง หรือจำหน่าย ในราคา ตั้งแต่ 100บาท ลดหลั่นลงมาจนถึง 40 บาทได้ หนึ่งลำ สามารถแยกเหง้าหรือชำกิ่ง ได้ มากกว่า 10 ต้น ครับ สมมุติว่าท่านปล่อยให้หน่อที่เกิดขึ้นเป็นลำทั้งหมด ได้ ประมาณ 5-6 ลำ ท่านก็สามารถสางกอ ตัดลำมาชำ ได้ 5 ลำและ5 เหง้า เหลือไว้ หนึ่งลำ ให้ยืนต้นเป็นลำต่อไป(แต่สามารถตัดส่วนกลางของลำขึ้นไปมาชำได้อีก 5ลำไผ่+5เหง้า +หนึ่งยอดของลำที่เราปล่อยไว้ น่าจะได้กิ่งพันธ์ ไม่ต่ำกว่า 30-40 กิ่ง ขายกิ่งละ 40 บาทพอนะครับ(แต่บางพื้นที่พ่อค้าคนกลางขายกันกิ่งละ 100บาท นะครับ-ก็เป็นไปตามกลไกตลาดครับ เราทำกิ่งพันธ์ขาย พ่อค้าคนกลางเขารับซื้อก็ต้องบวกกำไรในการขายเป็นธรรมดาครับ) ท่านก็ได้เงิน 1600 บาท นี่เพียงแค่การเริ่มต้นปลูก เพียง 1 กิ่ง ในพื้นที่ ไม่เกิน 2*2 เมตร ถ้าท่านเริ่มในพื้นที่สัก 1 ไร่ ประมาณ 400 กิ่ง ท่านลองเอา 400 คูณเข้าไปซิครับ เงินไม่น้อยนะครับ และแม้ว่าขายกิ่งพันธ์ไม่หมด ท่านก็ยังเอากิ่งพันธ์ไว้ขยายพื้นที่ในการปลูกออกไป เพื่อเก็บหน่อขายจะทำแบบหน่อในฤดูหรือนอกฤดู ก็แล้วแต่ว่าพื้นที่ของท่านมีน้ำเพียงใด  หรือไม่อยากขายหน่อก็ปล่อยขึ้นลำทำกิ่งพันธ์ หรือขายลำไผ่ก็ได้ อย่างไรก็ตามไม่ใช่ว่าไผ่ ทุกสายพันธ์ (ในโลกนี้มีประมาณ 1500 สายพันธ์ครับ) จะทำเช่นนี้ได้นะครับ ต้องเลือกสายพันธ์ให้เหมาะสมครับ ผมปลูกไผ่เป็นงานอดิเรกช่วงเสาร์อาทิตย์ มา3-4 ปีแล้ว ปลูกหลายสายพันธ์ ทั้งเพาะจากเม็ด และกิ่งชำ ได้ความรู้และประสบการณ์พอควร  เพลินๆไป ไม่ได้ขายกิ่งพันธ์นะครับ แค่ลองๆชำกิ่งเพื่อไปปลูกเพิ่ม ก็มีคนแวะมาดูสวนแล้วขอแบ่งไปกิ่งละ 100 บาท ไม่กี่สิบกิ่งครับ ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่า ถ้าผมจะเอาดีทางนี้ มันก็ยังมีช่องว่าให้เติบโตได้ เพียงแต่ว่าตอนนี้งานประจำก็เอาเวลาไปหมดแล้ว จะได้เข้าสวนแค่เสาร์อาทิตย์   ก็เลยไม่ได้ชำไว้ขายครับ  แต่รู้ว่า ถ้าผมทำการตลาดบ้าง เปิดการขายบ้าง ก็จะต้องขายได้หลายตังค์ครับ แต่งานอดิเรกผม ทำให้ผมได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับ การเกษตร และมูลค่าของตลาดกิ่งพันธ์ และได้ข้อสรุปว่า การทำการเกษตรเพื่อขายผลผลิตอย่างเดียวนั้น จะไม่มีความมั่นคงยั่งยืน ต้องเจอภัยธรรมชาติมากมาย อีกทั้งแม้ว่าถ้าบังเอิญเจอปีที่ดีๆ ก็ยังไม่วายเจอพ่อค้าคนกลางกดราคาอีก จนผมได้เรียนรู้ว่า ถ้าจะทำการเกษตร แบบดั้งเดิม คงเห็นเงินล้านยาก ยกเว้นว่าจะหาทางเพิ่มมูลค่าสินค้าทางการเกษตรให้ได้ คือทำการตลาดให้เป็น หรือไม่ก็เป็นพ่อค้าสินค้าการเกษตรเลย  อันนี้รวยแน่ๆ..55 หรือถ้าท่านไม่แน่ใจในมูลค่าของตลาดกิ่งพันธ์โดยเฉพาะไผ่ ลองไปดูตลาดกิ่งพันธ์แถวปราจีนบุรี ดูก่อนก็ได้ครับ ผมไม่ได้อยู่ปราจีน ผมอยู่อุบลฯ ครับ เดี๋ยวจะหาว่ามีส่วนได้เสียกับคำแนะนำนี้ สวนไผ่ที่มหาสารคาม หรือขอนแก่นและจังหวัดใหล้เคียงมหาสารคาม ก็ประสพความสำเร็จ(ขายหน่อ ขายลำ ขายกิ่งพันธ์)หลายสวนครับ ลองค้นหาและไปดูงานก่อนก็ได้ครับ แต่ถ้าอยากดูงานสวนผม ก็แวะไปอุบลได้ครับ เสาร์อาทิตย์ ปลูกไผ่ที่สวน วันธรรมดาก็มาแอบเข้าในห้องนี้โดยเฉพาะ กระทู้ของเล่น ของ คห.3  พรรคนี้หายไปเลยไม่ค่อยเห็นกระทู้ของเล่น เลยนะครับท่าน bbiggy อย่าท้อแท้จนถึงขั้นให้ คำว่า ฆ่าตัวตาย มาเฉียดใกล้ ความคิดของท่านครับ คนเราต้องเดินหน้าต่อไป ลองพิจารณาดูนะครับ จากคุณ : Nolimitniramit เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 16:38:39

ความคิดเห็นที่ 15 เป็นกำลังใจให้ครับ  จากคุณ : โปรแกรมเมอร์ฝึกหัด เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 16:59:21

ความคิดเห็นที่ 16 สู้ สู้ ครับ. จากคุณ : คนปลูกข้าว เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 17:05:26

ความคิดเห็นที่ 17 มีใครเคยปลูกข้าวแบบกางมุ้งมั๊ยอ่ะ เห็นปลูกอย่างอื่นเค้าก็กลางมุ้งกัน ข้าวจะทำแบบนั้นได้รึป่าวนะ จากคุณ : arakball เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 17:44:52

ความคิดเห็นที่ 18 ปรสิตและโรคระบาด เป็นปัญหาใหญ่ของการกสิกรรมทั้งหมดครับ การป้องกันย่อมดีกว่าการแก้ไขเยียวยา จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 17:45:55

ความคิดเห็นที่ 19 มาเป็นกำลังใจให้กระดูกสันหลังของชาติทุกคนเลยนะครับ สู้ๆนะครับ ไม่ได้พวกท่าน เราอาจต้องอดตายไปแล้วครับ จากคุณ : [Radio Edit] เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 18:02:37

ความคิดเห็นที่ 20 ผมว่าปลูกข้าว เล่นหุ้น ค้าขาย... อะไรก็เสี่ยงทั้งนั้น ยิ่งเรื่องที่ไม่ถนัดยิ่งเสี่ยงสูง จึงควรลงทุนในสิ่งที่ถนัด อย่างเป็นครูอาจสอนพิเศษ หรืออยากปลูกข้าว เพราะราคาดี ควรเริ่มจากน้อย-ค่อยๆเรียนรู้ ไปดูว่าคนอื่นเค้าทำยังไง แล้วค่อยขยาย จากคุณ : ชื่อนี้ได้มั้ยฮะ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 18:33:46

ความคิดเห็นที่ 21 หาความรู้จากประสบการณ์คนอื่นเยอะๆครับ อย่ามัวเรียนรู้เอง  มันจะเจ๊งตายซะก่อน จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 19:02:22

ความคิดเห็นที่ 22 มาเป็นกำลังใจให้ครับ เมื่อก่อนผมคิดว่าการปลูกข้าว ทำนา เป็นเรื่องง่าย แต่พอได้พูดคุยกับ ลุก ป้า น้า อา ทำให้รู้ว่าการทำนายากมาก สู้ ๆ ครับ จากคุณ : Tomato_Rezz เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 19:41:13

ความคิดเห็นที่ 23 ผมชอบ work instruction ของชาวนาท่านนี้มาก แนะนำให้ท่านดูเอาไว้เป็นแบบอย่างของความสำเร็จ   คุณดูจบแล้วคุณจะอึ้ง  ... จากคุณ : Zaytsev เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 20:23:33

ความคิดเห็นที่ 24 สังเกตจากที่บอกว่า ชาวนาข้างเคียงลงพันธุ์ข้าว 90 วันเกี่ยว ในช่วงนี้ ส่วนของคุณลงพันธุ์ 120 วัน (ห่างกันประมาณ 1 เดือน) ของชาวนาอื่นเก็บเกี่ยวได้ทันก่อนเพลี้ยลง และช่วงนี้เป็นช่วงทำนาปรัง แสดงให้เห็นว่า การทำนา และอาชีพชาวนา ไม่ใช่แค่รู้หลักวิชาการ การปรับปรุงพันธุ์พืช และอื่นๆ แต่เพียงอย่างเดียว แต่เขาต้องอาศัยการทดลอง การสืบทอด และความรู้ในธรรมชาติของแต่ละช่วงวัน / เดือน /ปี เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย โดยการทดลองมาหลายชั่วอายุคน และบอกเล่า แนะนำสืบทอดกันมาในกลุ่มชาวนา วิธีแก้ไขและเตรียมรับมือที่ดีที่สุดสำหรับปีหน้า นอกจากการศึกษาทุกสิ่งที่แนะนำกันมาแล้ว ลองพูดคุยกับคนเฒ่าคนแก่ที่ทำนาอยู่ก่อน รวมถึงชาวนาในละแวกนั้นดูไหมคะ ถามให้เยอะๆ พูดคุยให้เยอะๆ เสาร์-อาทิตย์ คุณไม่ต้องไปทำงานประจำอยู่แล้ว ตอนเย็นๆ วันธรรมดา ก็น่าจะพอได้ ลองคุยกับเขาดู เผื่อว่าจะรู้ทางหนีทีไล่ และไม่ถึงขั้นหมดตัวไปก่อนที่จะทดลองจนรู้วิธีแก้ไขป้องกันด้วยตัวเองเพียงอย่างเดียว ที่บ้านเกิดทำนาค่ะ จากคุณ : มรกตนาคสวาท เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 20:47:57

ความคิดเห็นที่ 25 แค่ที่นาทำนาปรังได้นี่ก็สวรรค์แล้วครับ ได้ไม่ได้ก็ไม่สำคัญเท่านาปี จากคุณ : ฉันมันตัวเปล่า เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 20:59:40

ความคิดเห็นที่ 26 ในคลิป คนค้นคน ชาวนาเงินล้าน  ให้ความรู้ว่า เพลี้ยลงแปลงนา เพราะชาวนาส่วนใหญ่ใช้ยากันเยอะจนแมลงมันดื้อยา   และการนำน้ำเข้านาเร็วเกินไป  และเก็บน้ำเป้นเวลานาน  เพลี้ยจะอาศัยช่วงนี้ในการจริญเติบโต คุรลุงท่านนี้มีวิธีแก้ครับ   แนะนำให้ดูคลิป จนจบ  แล้วท่านจะยิ้มอย่างมีความสุขแบบลุงเค้า จากคุณ : Zaytsev เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 21:07:19

ความคิดเห็นที่ 27 สู้ๆๆค่ะ พ่อกับแม่ก็เปลี่ยนอาชีพมาเยอะมากเหมือนกันค่ะ ทำนาก็หนึ่งในนั้น สู้ๆๆนะคะ จากคุณ : nuanapa เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 21:22:46

ความคิดเห็นที่ 28 ...เอาใจช่วยนะครับ บ้านผมอยู่นครปฐม เจอชาวนาหลายๆ คน ปีนี้เค้าขายได้ราคากันทั้งนั้น แถมได้ข้าวต่อไร่ มากด้วย... จากคุณ : เจ็บเพื่อเข้าใจ เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 21:47:12

ความคิดเห็นที่ 29 ปัญหาของ จขกท คือ ไม่เข้าใจวิธีคิด คิดจะได้ข้าวราคาแพง ลักษณะเหมือนชาวบ้านที่เลี้ยงปลาดุกอุย เพราะคิดว่า ราคาปลาดีกว่า ปลาดุกด้าน ถ้าเข้าใจที่ผมบอก ทำนาคราวต่อไป คุณก็ทำ 99 วัน ตามคนอื่น จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 3 พ.ค. 55 22:03:32

ความคิดเห็นที่ 30 เพลี๊ย  แถบอีสาน   ถ้าทำนาปีน่าจะไม่ค่อยพบนะครับ     เห็นที่บ้านทำนาปรังครั้งแรก ก็บ่นว่า ทำไมถึงมีเพลี๊ย ไม่เหมือนนาปี จากคุณ : precham เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 08:59:24

ความคิดเห็นที่ 31 ชั่วโมงบินยังน้อยครับ ทำไปอีกสัก 5 ปีครับแล้วจะจับทางได้ถูก จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 09:06:21 A:115.67.64.119 X: TicketID:283347

ความคิดเห็นที่ 32 ขอขอบคุณทุกท่านครับ โดยเฉพาะในคลิป คนค้นคน ชาวนาเงินล้าน คุณลุงเขาตีโจทย์แตก เข้าใจปัญหา ทำให้การทำนาประสบความสำเร็จ       ผมจะนำแง่คิดที่ได้ไปปรับปรุงแก้ไข นาปีปีนี้ผมจะนำมาเล่าให้ทุกท่านฟังอีกที่ครับ จากคุณ : เลาะริมทุ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 09:15:15

ความคิดเห็นที่ 33 มีท่านใดรู้บ้างครับ ข้าวนาปรังพันธุ์กข.41กับกข47หาซื้อได้ที่ไหน จากคุณ : เลาะริมทุ่ง เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 09:18:16

ความคิดเห็นที่ 34 ชาวนาภาคกลาง กับชาวนาภาคอีสาณ อย่าเอาไปเปรียบเทียบกันครับ เพราะน้ำกับดิน(ธาตุอาหารพืช)ฯลฯ  ต่างกัน  ชาวนาภาคกลางรวยเงินล้านเป็นเรื่องธรรมดา ส่วนชาวนาภาคอีสาณรวยหนี้เงินล้านเป็นเรื่องธรรมดา ลองเรียนรู้จากคนท้องถิ่นแล้วต่อยอดความคิดให้ได้ ครับ ขอให้สนุกกับการปลูกข้าวครับ จากคุณ : Nolimitniramit เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 09:28:12

ความคิดเห็นที่ 35 ความคิดเห็นที่ 33     มีท่านใดรู้บ้างครับ ข้าวนาปรังพันธุ์กข.41กับกข47หาซื้อได้ที่ไหน จากคุณ : เลาะริมทุ่ง   เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 09:18:16     เคยดูรายการ ฉันจะเป็นชาวนา http://www.youtube.com/watch?v=mPjAJVzEx-Y ดูผ่านๆ จำได้ ว่าคุณอุ้ม ไป ที่ โครงการ ของในหลวง มีพันธ์ข้าว จำไมได้ว่ากี่พันกี่หมื่นชนิด ผมว่า พันธ์ที่ ท่านบก กข41  47 อะไรนี่  มีแน่นอนครับ ไปขำคำแนะนำ http://www.thairice.org/ สู้ต่อไปครับ ไม่มี ชาวนา คนไทย คงต้องซื้อข้าว แพงๆ แน่ๆ จากคุณ : lazarn เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 09:28:54

ความคิดเห็นที่ 36 เป็นกำลังให้ครับ กับกระดูกสันหลังของชาติ ที่รัฐบาลทุกสมัยดีแต่พูด แต่ไม่เคยช่วยเหลืออย่างจริงจัง จากคุณ : james_shadow เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 09:53:17

ความคิดเห็นที่ 37 อ่านจากไทยรัฐประมาณอาทิตย์ก่อน เค้าว่าควรปลูกแบบเว้นระยะ(หรือปลูกสลับ)เพื่อกำจัดวัฒจักรเพลี้ยกระโดด แต่เพราะชาวนาต้องเร่งปลูกข้าวส่งตามนโยบายรับจำนำ ปีละให้ได้3ครั้งหรือไงเนี่ย สุดท้ายเลยกลายเป็นผลเสียไปมากกว่า จากที่จะดินดี ผลผลิตดี เลยกลายเป็นมีแต่ปัญหา ขอโทษนะคะที่ข้อมูลไม่แน่น แต่ประมาณเนี้ยอ่ะค่ะ ถ้าคุณเป็นคนทำไร่ทำนาน่าจะเข้าใจที่เราพยายามบอกเพราะน่าจะเคยฟังพวกนี้มา ลองเอาที่เค้าแนะนำไปพิจารณาดูมั๊ยคะ? จากคุณ : BigSom เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 21:43:59

ความคิดเห็นที่ 38 ชาวนาจะอยู่ภาคไหน ก็รวยได้ จนได้ ทั้งนั้นแหละครับ ถ้าทำนาไม่ถูกต้อง ชาวนาภาคกลางที่มีหนี้สินมหาศาลก็มี ชาวนาอีสานที่ร่ำรวยก็มี แต่ก็จริงที่หากอยู่ภาคกลาง โอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่า เพราะปัญหาน้อยกว่า ดูรายการโทรทัศน์ ชาวนาภาคอีสาน ที่ทำนาแล้วประสบความสำเร็จมีไม่น้อย ลองศึกษาดูครับ แต่ถ้าอยู่ในพื้นที่ ที่มีปัญหามากๆ น้ำน้อยมากๆ ก็มีโอกาสสำเร็จยาก ข้าวหอมมะลิภาคอีสาน ขายได้ราคาดีมาก ขายจำนวนไม่มาก แต่ได้ราคาดี ก็เป็นทางเลือกหนึ่งครับ ... จากคุณ : นิสิต เขียนเมื่อ : วันฉัตรมงคล 55 19:38:08

ความคิดเห็นที่ 39 ถ้าปลูก กข.47 แนะนำ กข.41 ดีกว่าครับ ราคาดีกว่า แห้งกว่า และอีกหลายปัจจัย แต่ถ้าปลูกช่วงน้ำหลากก็แนะนำข้าว พันธุ์เมล็ดยาวครับ 039 , กข.43 อะไรพวกนี้น่ะ ครับ พวกข้าวพวง ข้าวชัยนาท สุพรรณ 51 อะไรพวกนี้ไม่แนะนำเท่าไร ตอบในฐานะ พ่อค้าข้าวเปลือกที่เคยรับซื้อข้าวเปลือกอยู่ อยุธยา กับที่ สระบุรี แต่เลิก มาซักพักแล้ว แล้วครับ ปล. ผมรู้แต่ข้าวปรังนะ ข้าวปี ไม่รู้จริงๆ ปล2. ปทุม CEO ก็ดีนะครับ ข้าวชัยนาท ทั้งหลายไม่แนะนำครับ ความชื้น มันเยอะ โรงสี หรือ ท่าข้าว ไม่ชอบครับ เพราะเวลาเอาไปทำมันจะเป็นขี้นกง่าย เละน่ะครับ ดูมันแห้ง แต่ความชื้นภายในเยอะมาก พวกพ่อค้าจะกดราคา ไม่ซื้อ หรือถ้าซื้อราคา ก็ไม่ดีเอาซะเลย จากคุณ : goddestiny (goddestiny) เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 16:47:09

ความคิดเห็นที่ 40 แนะนำให้เข้าไปเป็นสมาชิกเวป เกษตรพอเพียงค่ะ มีสมาชิกทำเกษตรทุกอย่าง ทำด้วยใจรัก แบ่งปันข้อมูลกันตลอดเวลา พันธุ์ข้าวก็ถามที่นั่นได้ค่ะ หรือลองโทรไปที่ กรมวิชาการเกษตร ดูนะคะ จากคุณ : ajanhot เขียนเมื่อ : 7 พ.ค. 55 05:04:57

ความคิดเห็นที่ 41 ทุ่งนาแปลงไกล้เคียง เร่งปลูกข้าวให้ได้ 3 รอบ การตัดวงจรเพลี้ยคงลำบาก ผมต้องตากดินรอไปก่อน เพราะผมทำแค่ 2 รอบ ชาวนาละแวกนี้ใช้ยาฆ่าแมลงกัน หนักมาก กุ้ง ปู ปลา ไม่มีเหลือครับ ที่เหลือก็คือหอยเชอรี ที่ระบาดหนัก สุดท้ายก็ต้องใช้สารเคมีกันอีก จากคุณ : เลาะริมทุ่ง เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 09:17:03