การกระทำของ โปแลนด์-โรมาเนีย-นาโต้ ไม่ได้ผิดอะไร รัสเซียไม่มีสิทธิจะโวยวาย หรือโจมตี เพราะติดตั้งในบ้านเขาเอง รัสเซียจะเดือดร้อนทำไม
แต่การที่ nato ใช้ ABM (anti-ballistic missile) ในเชิงก้าวร้าวแบบนี้ มันก็ไม่เหมาะ เพราะอะไร
การใช้ ballistic missile ต้าน ballistic missile
ระบบสมดุลนี้มีมาตั้งแต่สงครามเย็นและคงยังใช้อยู่ โดยการที่ us-russia หรือ us-china หรือ china-russia เป็นต้น ใช้กองกำลัง ballistic missile เช่น IRBM ICBM SLBM เป็นต้น และland-attack cruise missile (LACM) ที่ติดnuclear warheads มาป้องปรามซึ่งกันและกัน โดยถ้าชาติใดเริ่มโจมตีก่อน ชาติที่โดนโจมตี ก็จะโจมตีกลับ เรียกว่า second strike capability ซึ่งการใช้ ยุทธศาสตร์ก็ใช้ได้ดี แต่ us กำลังจะทำลายสมดุลตรงนี้ จริงๆแล้ว จะว่าus อย่างเดียวก็ไม่เต็มปาก อีก2 ประเทศก็ทำเหมือนกัน แต่ us มักเริ่มต้นก่อน อะไรคือการทำลายสมดุล
1. ABM (anti-ballistic missile)
ถ้าจะแบ่งเป็นความเร็ว และคุณค่าที่ใช้ทำลาย ballistic missile นั้นๆ แล้วก็แบ่งได้เป็น 3 แบบ
1.1.Strategic missile defense
ใช้เพื่อทำลายพวก ICBM,SLBM ที่มีความเร็วประมาณหรือมากว่า 7.5 km/s ถ้าเป็นของรัสเซียคือ A-135 system ถ้าเป็น us และจีน ใช้ Ground-Based Midcourse Missile Interception
1.2.Theater missile defense
ใช้เพื่อทำลายพวก ที่มีพิศัยที่ 300-3500 km เช่น SRBM ,MRBM,IRBM เป็นต้น มีความเร็วประมาณหรือมากว่า 3.0 km/s ถ้าเป็นของรัสเซียคือ S-400 Triumf. ถ้าเป็น us ใช้ THAAD (Terminal High Altitude Area Defense )
1.3.Tactical missile defense
ใช้เพื่อทำลายพวก ที่มีพิศัยที่ 300 km ลงมา ที่มีความเร็วประมาณหรือมากว่า 1.5 km/s ถ้าเป็นของรัสเซียคือ S-300V. ถ้าเป็น us ใช้ MIM-104 Patriot
ถ้าจะแบ่งตามการTrajectory phaseของ ballistic missile ก็แบ่งได้เป็น 3 แบบ
1.4.Boost phase หรือตอนที่ ballistic missile กำลังขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นวิธีที่ดี แต่ขอยกตัวอย่าง SLBM อย่าง JL2 ที่มี ความเร็วBoost phase 7.9-11.2 km/s ความเร่งมากว่า= 0.0438 -0.0622 km/s2 ซึ่ง มีแต่ laser เท่านั้นที่จะทำลายได้ แต่ปัญหาอีกอย่าง คือจะตรวจเจอ และทำลายทันได้อย่างไร เพราะมีเวลา น้อยกว่า 180s
1.5.Mid-course phase ถือเป็นความหวัง เรียกอีกอย่างว่า Ground-Based Midcourse Defense (GMD) มันถูกออกแบบ เพื่อทำลาย ICBM และ SLBM แบบ MIRV โดยเฉพาะด้วยหัวรบแบบ KKV (kinetic kill vehicle) ในทางทฤษฎีถือว่ามีประสิทธิภาพสุด ในการจัดการกับ ICBM และ SLBM แบบ MIRV และในความเป็นจริงก็ถือว่าเป็นระบบเดียวที่ จัดการ ICBM และ SLBM แบบ MIRV ได้ แต่ต้องใช้ radar ที่มีประสิทธิภาพมากๆ และ missile ต้องมีกำลังสูง สามารถตามICBM และ SLBM ได้
1.6.Terminal phase ทำลายหัวรบ ช่วงนำกลับ ทางทฤษฎีทำลายได้ทุกชนิดยกเว้น ICBM และ SLBM เท่านั้น แต่มีข้อเสียที่สำคัญ เพราะระบบต้องทำลายให้ได้ ภายใน30 s หรือน้อยกว่า โอกาสสำเร็จเลยต่ำเมื่อเจอกับ ballistic missile รุ่นใหม่ที่มีความเร็ว เร็วกว่าเดิม
ถ้าพิจารณา aBM แล้วก็ไม่เชิงทำลายสมดุล เพราะ abm ยังไม่ 100% หมายถึงโอกาสพลาดเป้ามีสูง และแบบนี้ ทำไมรัสเซียกังวล ที่ทำลายสมดุล ก็คือ us เอา radar ไปติดตั้งชายแดน คอยตรวจจับการยิง ballistic missile ทุกชนิดของรัสเซียที่ยิงมาจากดินแดนรัสเซีย ถ้าทำแบบนี้ รัสเซียยิงเมื่อไร us ก็จะมีเวลา มากในการจัดการกับ ballistic missile นั้นๆ-ของรัสเซีย แล้วแบบนี้รัสเซียก็เหมือนโดนมัดมือมัดเท้า เท่ากับว่า เป็นการทำลายสมดุลเชิงป้องปราม
แต่อย่างไรก็ตาม การพัฒนา abm ที่มีประสิทธิภาพยัง ไม่เท่ากับที่ us พัฒนา X37B หรือที่เรียกว่า orbital unmanned spacecraft หน้าที่มันคือ บรรทุกอาวุธ แล้ว ลอยอยู่ในอวกาศ สามารถโจมตีเป้าหมายบนโลก ได้ทันที และไม่มีอะไรป้องกันได้ เพราะมีเวลาตรวจับ และทำลายแค่ 30s หรือน้อยกว่าเท่านั้น ซึ่งการที่ us ทำอย่างนี้ เท่ากับบีบให้จีนทำตาม