ความคิดเห็นที่ 1 จากสองกระทู้ก่อนหน้านี้เป็นการกล่าวถึงแอนติเจนหรือหมู่เลือดในระบบ ABO นะครับ ซึ่งหมู่เลือดในระบบ ABO เป็นหมู่เลือดที่มีความสำคัญทางคลินิกมากที่สุด และหากเกิดปฏิกิริยาต่อต้านก็เกิดการต่อต้านที่รุนแรงที่สุดเหมือนกัน คำศัพท์ที่ต้องการให้รู้ว่าและจำให้ขึ้นใจในการอ่านเนื้อหาเกี่ยวกับงานทางธนาคารเลือดคือ                                      "แอนติเจน" และ "แอนติบอดี" นิยาม...นะครับไม่ยาก ...แอนติเจน คือ สิ่งที่เหนี่ยวนำให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เข้าสู่ร่างกายเราแล้วทำให้เกิดการตอบสนองทางภูมิคุ้มกัน มันคือ แอนติเจน หมดครับ โดยทั่วไปเราจะเรียกสิ่งเหล่านั้นว่าเป้น non-self ครับคือสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเรา ส่วน แอนติบอดี คือ สารที่หลั่งออกมาในระบบภูมิคุ้มกันเพื่อจับกับแอนติเจนครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:13:37

ความคิดเห็นที่ 2 ที่เราชอบพูดกันว่าคนนนั้นหมู่เลือด A+ คนนั้นเป็น O- อะไรเหล่านี้ ตัวเครื่องหมายข้่างหลังนั่นแหละครับเป็นตัวบ่งชี้ของหมู่เลือดระบบ Rh จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:14:35

ความคิดเห็นที่ 3 เข้ามากางมุ้งรอ จากคุณ : Adung เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:16:30

ความคิดเห็นที่ 4 คราวนี้เขาค้นพบหมู่เลือดระบบ Rh ตั้งแต่เมื่อไร แล้วได้อย่างไรล่ะครับ ก่อนหน้านี้มีการค้นพบหมุ่เลือดระบบ ABO ไปแล้ว แต่ก็ยังพบว่าถึงแม้จะมีการให้เลือดตรงหมู่กันอย่างไรก็ตาม ยังพบการต่อต้านของเลือดได้ในคนไข้อยู่เรื่อยๆ เรื่องมันมาถึงบิดาแห่งเวชศาสตร์การธนาคารเลือดครับ ตาหมอ "แลนด์สไตเนอร์" เนี่ยพบว่า มีคนไข้ของแกรายหนึ่งครับ ท้องแล้วลูกของคนไข้ตายครับ จากนั้นคนไข้เสียเลือดมาก ก็เลยให้เลือดสามี (ซึ่งมีหมู่เลือดในระบบ ABO ตรงกัน) ปรากฏว่าก็เกิดปฏิกิริยาต่อต้านขึ้นครับ ตาหมอ "แลนด์สไตเนอร์" พบว่ามีการสร้างแอนติบอดีต่อสารๆหนึ่งที่อยู่ในเลือดสามีครับ แต่ไม่รู้ว่าคืออะไร จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:18:33

ความคิดเห็นที่ 5 ตาหมอ "แลนด์สไตเนอร์" ได้สงสัยแต่ไม่ได้ทำอะไรครับ แกไปทดลองเล่นของแกต่อ เพราะ แกเป็นผุ้เชียวชาญด้านภูมิคุ้มกันวิทยาและเวชศาสตร์การธนาคารเลือด แกไปเอาเม็ดเลือดแดงของลิง Macacus rhesus ครับ เอาเม็ดเลือดแดงของลิง Rhesus นี่แหละครับ ไปฉีดใส่กระต่าย แล้วก็ปรากฏว่ากระต่ายสร้างแอนติบอดีออกมาครับ แล้วแกก็เอาแอนติบอดีที่กระต่ายสร้างขึ้นมาเนี่ย มาลองทำปฏิกิีริยากับเม็ดเลือดแดงของคนครับ พบจำนวนเม็ดเลือดแดงของคนไข้จำนวนมากจับกลุ่มตกตะกอนเมื่อผสมกับแอนติบอดีที่ได้จากกระต่ายนี่ครับ แกก็ลองอีกรอบโดยทำกับหนูบ้าง แล้วเอาแอนติบอดีจากหนูมาปฏิกิริยากับเม็ดเลือดแดงของคนแบบเดียวกัน ก็ได้ผลแบบเดียวกันครับ แกเลยตั้งชื่อว่า anti-Rh ครับ แล้วเรียกแอนติเจนบนเม็ดแดงของคนที่ทำปฏิิกริยากับ anti-Rh นี่ว่า Rh+ ครับ .... แต่เรื่องยังไม่จบครับ เพราะการศึกษาทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:23:35

ความคิดเห็นที่ 6 ปรากฏว่าจากการศึกษาภายหลังครับพบว่าหมู่เลือดในระบบ Rh นั้นไม่ได้มีแค่ Rh+ ครับ แต่ประกอบด้วยแอนติเจน 50 กว่าชนิดครับ แต่ใน 50 กว่าชนิดนี้มีแอนติเจนเพียง 5 ชนิดเท่านั้นที่มีความสำคัญทางคลินิกมาก .......... ท้าวความไปที่ในระบบ ABO ครับ แอนติเจนในระบบ ABO มีอะไรบ้างครับ 1. แอนติเจน A พบในหมู่เลือด A, AB 2. แอนติเจน B พบในหมู่เลือด B, AB 3. แอนติเจน H พบในหมู่เลือด O ............ ของ Rh ก็เหมือนกันครับ ห้าสหายที่มีความสำคัญทางคลินิกคือ D, C, E, c, e ครับ ........... ที่เราพูดกันปัจจุบันว่าตาคนนี้หมู่เลือด A Rh+ หมู่เลือด O Rh- ตรงความหมา่ยของ Rh+ และ Rh- เขาดูตรงไหนครับ เขาใช้ Rh หมู่ไหนตัดสิน?????                                     เขาใช้แอนติเจน D ครับ                       คนหมู่เลือด Rh+ ก็หมายความว่ามีหมู่เลือด D ครับ                       คนหมู่เลือด Rh- ก็หมายความว่าไม่มีหมู่เลืิอด D ครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:29:20

ความคิดเห็นที่ 7 ถามว่าหมู่เลือดในระบบ Rh ต่างจากหมู่เลือดในระบบ ABO อย่างไร คำตอบก็บอกว่าต่างกันมากมายครับ ข้อที่ 1 หมู่เลือดในระบบ ABO นั้น แอนติเจนมีลักษณะเป็นไกลโคโปรตีนหรือเป็นโปรตีนที่ประกอบด้วยน้ำตาลนั่นเอง ดังภาพ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:32:47

ความคิดเห็นที่ 8 แต่หมู่เลือดในระบบ Rh นั้น ตัวแอนติเจนเป็นโปรตีนครับ โครงสร้่างเป้นเหมือนตัวขนส่งบนผิวเม็ดเลือดแดง จากภาพจะแสดงให้เห็นภาพของแอนติเจน D, C, E, c และ e ครับ ดังภาพ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 55 19:34:49 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:34:02

ความคิดเห็นที่ 9 ข้อที่ 2 ครับ ภูมิต้าน (แอนติบอดี) ของหมู่เลือดในระบบ ABO เป็นภูมิต้านชนิดที่มีมาแต่กำเนิด (innate) คือ จะมีการสร้างเมื่ออายุ 6 เดือนครับ โดยพบว่าสิ่งที่กระตุ้นการสร้างแอนติบอดีของระบบ ABO คือพวกอาหารและเชื้อโรคในสิ่งแวดล้อนนั่นเองครับ แต่อย่างไรก็ดีการสร้างแอนติบอดีนั้นจะไม่สร้างต่อต้านตัวเอง ถูกไหมครับ ดังนั้นคนหมู่เลือด A ก็จะไม่มีแอนติบอดี A (ไปอ่านกระทู้ก่อนหน้าแล้วกัน) แต่ว่า หมู่เลือดในระบบ Rh นั้น เป็นภูมิคุ้มกันแบบรับมา (acquired) ครับ นั่นคือดั้งเดิมแล้วร่างกายจะไม่มีการสร้างแอนติบอดีในระบบ Rh เลย เช่นคนมีหมู่เลือด DCe ก็จะไม่มีแอนติบอดีต่อ c และ E ครับ แต่จะมีการสร้างเมื่อมีการกระตุ้นครั้งแรกครับ ----------------------------------- ดังนั้นนี่เป้นสาเหตุว่าทำไมผุ้หญิงที่มีหมู่เลือด Rh negative (ไม่มีแอนติเจน D) จึงสามารถมีครรภ์แรกให้ลูกที่มีหมู่เลือด Rh positive (มีแอนติเจน D) ได้ แต่พอครรภ์สองกับทำให้ผู้หญิงมีอันตรายและเด็กอาจถึงแก่ชีวิต ..... นั่นสามารถอธิบายได้ว่า "การมีครรภ์แรกเป็นการทำให้ร่างกายของผุ้หญิงได้รับ non-self ครั้งแรกนั่นเองครับ ทำให้การกระตุ้นภูมิยังไม่เกิด จึงไม่มีแอนติบอดีต่อลูกคนแรก หรือ มีก็น้อยแล้วจะเป้นช่วงใกล้คลอดแล้วครับ แต่ครรภืที่สองร่างกายมีภูมิเรียบร้อยแล้ว..........ว่าง่ายๆ คล้ายๆการฉีดวัคซีนนั่นเองครับ" การกระตุ้นครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นได้จากอะไรบ้างครับ 1) ได้รับบริจาคเลือด 2) ตั้งครรภ์ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:42:51

ความคิดเห็นที่ 10 ข้อสาม .....แอนติบอดีส่วนใหญ่ของระบบ ABO จะเป็น IgM ซึ่งเป็นแอนติบอดีขนาดใหญ่ครับ ผ่านรกไม่ได้ แต่แอนติบอดีในระบบ Rh นั้นเป็น IgG ซึ่งเป็นแอนติบอดีขนาดเล็ก ผ่านรกได้ครับ ......... เออแล้วไงล่ะ ...... เคยสังเกตไหมว่าแม่มีหมู่เลือด ABO คนล่ะหมู่กับเราเลย แล้วแม่มีแอนติบอดีโดยกำเนิดของระบบ ABO อยู่แล้วด้วย แต่ทำไม เราไม่เป็นอะไรเลย หรือ เป็น แต่เป็นน้อยมาก ... เพราะแอนติบอดีในระบบ ABO เป็น IgM ครับผ่านรกไม่ได้ ทำให้ anti-A, anti-B ไม่สามารถผ่านรกมายังทารกได้ แต่แอนติบอดีในระบบ Rh เป็น IgG ครับผ่านรกได้สบายจึงทำอันตรายทารกได้ครับ .... แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 55 20:14:33 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:46:59

ความคิดเห็นที่ 11 เห็นข้อแตกต่างแล้วนะครับ ............ คราวนี้ในคนๆหนึ่งจะมีหมู่เลือด Rh ที่มีความสำคัญทางคลินิกอยู่สามหมู่ครับ คือ 1. หมู่ D ประกอบด้วยแอนติเจน D และ - (คือไม่มี D) 2. หมู่ C ประกอบด้วยแอนติเจน C และ c 3. หมู่ E ประกอบด้วยแอนติเจน E และ e โดยยีนที่ควบคุมการสร้าง D, C, E เป็นยีนเด่น ส่วนยีนที่ควบคุมการสร้าง -, c, e เป็นยีนด้อยครับ ดังนั้นเราจะเห็น pattern ของหมู่เลือดในระบบ Rh ของแต่ละคน (หากมีการตรวจละเอียด) เป็น DCe, DCE, CE, ce, DcE อะไรแบบนี้ครับ หรือในตารางนั่นเอง จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:50:46

ความคิดเห็นที่ 12 คราวนี้ถ้าไม่มีปัญหาเรื่องการให้เลือดอะไรน้อยคนที่จะทราบหมู่เลือด Rh ครับทั้งสามหมู่ครับ (ยกเว้นคนที่เรียนเวชศาสตร์การธนาคารเลือด จะมีคาบนึงให้ screen หมู่เลือดตัวเองในระบบต่างๆ ได้เป็น pattern เลย) แต่แอนติเจนที่ทุกคนต้องโดนตรวจคือ แอนติเจน D ครับ ที่เป็นตัวบอกว่า Rh positive หรือ negative ครับ การที่คนๆไหนจะมีผล Rh negative นี่ต้องยืนยันกันวุ่นวายครับ เพราะ มีเกณฑ์การตรวจเป็นมาตรฐานสากลชัดเลย ไม่ได้ทำบนสไลด์แล้วอ้อ Rh+ อ้อ Rh- ไม่ใช่นะครับ การตรวจว่า Rh + หรือ - นั้นก็จะใช้สองวิธีครับ คืิอ cell grouping กับ serum grouping แบบที่เคยเล่าไปแล้ว คราวนี้ใน cell grouping เราก็จะใช้ anti-D ผสมกับเม็ดเลือดแดงของคนไข้ครับ เพื่อตรวจหา หากคนนั้นมีหมู่เลือด Rh + (ซึ่งตรวจเฉพาะ D) ก็จะออกผลว่า Rh positive ไม่มีอะไรมากมาย แต่หากคนๆนั้นผลเป็น Rh - เมื่อไร ต้องมีการยืนยันผลโดยดูภายใต้กล้องจุลทรรศน์ทันทีครับ ว่ามีผลแบบ weak หรือเปล่า แล้วถ้ายังไม่เห็นการเกาะกลุ่มอีก ต้องไปทำยืนยันผลด้วยวิธีที่เรียกว่า Coomb's test อีก (แต่ไม่ขอพูดถึง) จึงจะออกได้ครับ จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:58:02

ความคิดเห็นที่ 13 จบครับ มีอะไรถามมา จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 19:58:21

ความคิดเห็นที่ 14 เคยมีกรณีลูกคนแรกเป็นอันตรายรึเปล่า? จากคุณ : นิว ชะลาล่า เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 20:03:11

ความคิดเห็นที่ 15 ส่วนใหญ่ในปัจจุบันเขาจะมีการให้ Immunoglobulin ต่อแอนติเจน D ให้แม่ที่มีหมู่เลือด Rh - ครับ ที่เรียกว่า Rho D immunoglobulin เพื่อที่ว่าเมื่อเลือดของลูกหรือโปรตีนของลูกที่มีแอนติเจน D เข้ามาในเลือดแม่ปุ๊บ immunoglobulin ก็จะทำลายแอนติเจน D ที่ได้รับมาก่อนที่มันจะทำให้แม่ตอบสนองทางภูมิคุ้มกันครับ วิธีนี้ในปัจจุบันใช้กันเยอะครับ .......... ส่วนตอบคำถาม คห.14 ครับ ผมไม่ใช่ Clinician ครับ แต่หากไม่มีการกระตุ้นภูมิคุ้มกัน ก็จะไม่มีแอนติบอดีครับ แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 55 20:19:29 แก้ไขเมื่อ 04 พ.ค. 55 20:18:10 จากคุณ : CuSO45H2O เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 20:17:38

ความคิดเห็นที่ 16 ตอนเรียน อาจารย์บอกโยนตำรามัธยมทิ้งไป ของจริง cross mach โลด จากคุณ : ยองเจียงใหม่ เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 22:38:22

ความคิดเห็นที่ 17 ตอนมัธยมมีเขียนไว้เหมือนกัว่าหมู่ O ให้เลือดได้ทุกกลุ่มจึงเป็นคนชอบเผื่อแผ่-*- ขอบคุณครับเดี๋ยวเซฟเก็บเข้าคลังไว้ด้วยเพราะผมยังเอาไปอธิบายต่อไม่ได้^^ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 23:16:52

ความคิดเห็นที่ 18 นายได้กิฟจากเราเยอะมากแล้วอะ 5555 จากคุณ : One X (stlive) เขียนเมื่อ : 4 พ.ค. 55 23:21:25

ความคิดเห็นที่ 19 หมู่เลือด Rh ยิ่งสำคัญมากขึ้นในยุคโลกาภิวัติ โรคที่ไม่ค่อยเจอในคนไทย ก็จะพบในชาวต่างชาติที่มาไทย หมอไทยก็ต้องจำมากขึ้น หมายๆโรคไม่เคยต้องท่อง เพราะมีแต่ชาวต่างชาติ จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 6 พ.ค. 55 08:47:32