 |
M16A1 safe--->semi--->auto
M16A2 , M4carbine safe--->semi--->burst
AK47 safe--->auto--->semi
โหมดการยิงก็ต่างกันแล้ว และซ่อมการบำรุงอาก้าจะทำได้ดีและสะดวกกว่าในกรณีที่เกิดอาการกระสุนแจม
น้ำหนักไม่ต่างกันมาก แต่จะเห็นความต่างชัดเจนในเรื่องการโหลดลูกเต็มแมกกาซีน อาก้าจะหนักกว่า แต่แก้ได้ด้วยสายสะพายเส้นหนาๆ นิ่มๆ จะกระจายน้ำหนักปืนไปได้มาก
สะดวกมากเวลาออกลาดตระเวน , เข้าค้นในในอาคารหรือที่แคบๆ
การทำงานของอาก้าไม่มีอะไรมาก ใส่แมกกาซีน ปลดเซฟ ขึ้นลำ แล้วคืนคันเซฟกลับมาที่เดิม (หากปืนเข้าโหมดเซฟอยู่จะขึ้นลำไม่ได้) กรณีที่ยิงหมดแมกแล้วลูกเลื่อนจะไม่ค้างรังเพลิง เพราะตัวปืนมันค้างรังเพลิงไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว
ตอนหลังมีพี่ที่รู้กันเอาแมกกาซีนแบบสั้น 20นัดมาให้ ยิงหมดแมกลูกเลื่อนจะค้าง แต่พอถอดเอาแมกออกลูกเลื่อนก็จะดีดกลับมาอยู่ที่ตำแหน่งเดิม (แล้วจะทำมาทำไม...)
การถอดประกอบเพื่อทำความสะอาดลูกเลื่อน , รังเพลิง ใช้เวลาไม่เกินสิบนาทีสำหรับคนที่ชำนาญ และคิดว่าไม่เกิน15นาทีสำหรับมือใหม่
ส่วนตระกูล AR ผมว่าหลายๆคนน่าจะรู้มามากแล้วนะครับ M16A1 , A2 และ M4Carbine การทำงานเหมือนกัน ต่างกันเพียงแค่โหมดการยิงและลำกล้องครับ และM4 ก็เปลี่ยนพานท้ายเพื่อให้สั้นลง
ขอลบรูปนะครับ
แก้ไขเมื่อ 06 พ.ค. 55 11:12:10
จากคุณ |
:
โอม (ชนบทสุดๆ)
|
เขียนเมื่อ |
:
6 พ.ค. 55 10:25:19
|
|
|
|
 |