ความคิดเห็นที่ 1 เมฆ  คือ อากาศที่ ไอน้ำอิ่มตัว จนมันแยกออกมาจับตัวกันเป็นละอองน้ำ ละอองน้ำ ขนาดเล็กมาก  และแขวนลอยอยู่ในอากาศได้ ถ้าละอองน้ำ เกิดในระดับผิวดิน  เราก็เห็นเป็นหมอก ถ้าไอน้ำอิ่มตัวมากๆ  มันก็จะกลายเป็นละอองน้ำมาก มากจนจับตัวกันเป็นหยดน้ำขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อใหญ่จนเกินขนาดหนึ่ง   ก็แขวนลอยในอากาศไม่ได้ ค่อยๆตกลงต่ำ   ระหว่างตก ก็ชนกับละอองน้ำอื่นแล้วรวมตัวกัน รวมกันมากๆ ก็กลายเป็นหยดน้ำ ตกลงมา เราเรียกว่าฝน ฝนจึงมาจาก เมฆที่หลุดเข้าไปในเขตที่อากาศเย็นจัด  (ไอน้ำจึงอิ่มตัวมากขึ้น) เมฆส่วนอื่นๆ มันก็อยู่อย่างเดิมได้ ละอองน้ำ  มันไม่มีสี ที่เราเห็นเป็นสีขาว  เพราะมันสะท้อนแสงสว่างออกมา ถ้าเมฆหนามาก  ส่วนที่อยู่ข้างบนจะบังแสงจนลงถึงด้านล่างน้อย ส่วนที่แสงน้อย  เราก็จะเห็นเป็นสีเทา  หรือเทาดำ ความจริงมันก็ยังขาว  แต่สว่างน้อยกว่าส่วนขอบที่แสงออกมามากกว่า เมื่อเมฆดำ คือเมฆหนา  คือส่วนบนจะอยู่สูง สูงเข้าไปในเขตที่อากาศเย็นมาก และส่วนนั้น จะเป็นจุดที่เริ่มเกิดฝน จากคุณ : sb*star เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 23:17:58

ความคิดเห็นที่ 2 ฝนตกเกิดจาก น้ำโดนความร้อนของแสงจากดวงอาทิตย์หรือความร้อนอื่นใดที่ใช้ในการต้มน้ำ จนทำให้ระเหยกลายเป็นไอน้ำ ลอยขึ้นไปในอากาศ เมื่อไอน้ำมากขึ้นจะรวมตัวกันเป็นละอองน้ำเล็กๆ ปริมาณของละอองน้ำยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆก็จะรวมตัวกันเป็นเมฆฝน พอมากเข้าอากาศไม่สามารถพยุงละอองน้ำเหล่านี้ต่อไปได้ น้ำก็จะหล่นลงมายังผืนโลกให้เราเรียกขานกันว่าฝนตก วัฏจักรของน้ำที่เกิดขึ้น เป็นอย่างนี้มาตลอดตั้งแต่โลกใบกลมของเราเกิดขึ้นมา และคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆชั่วกัปกัลป์ ฝนที่ตกลงมานั้นเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของวัฏจักรของอุทกวิทยา ซึ่งน้ำจากผิวน้ำในมหาสมุทรระเหยกลายเป็นไอ ควบแน่นเป็นละอองน้ำในอากาศ ซึ่งรวมตัวกันเป็นเมฆ และในที่สุดตกลงมาเป็นฝน ไหลลงสู่แม่น้ำ ลำคลอง ไปสู่ทะเล มหาสมุทร และวนเวียนเช่นนี้เป็นวัฏจักรไม่สิ้นสุด จากคุณ : Xtra เขียนเมื่อ : 8 พ.ค. 55 23:21:26 A:110.169.181.32 X: TicketID:358701

ความคิดเห็นที่ 3 ตอบแบบสั้น ง่าย และได้ใจความ (มั้ง) ไอน้ำปกติมันจะเสียดสีกันตอนที่ระเหยครับ ขณะที่ก่อตัวเป็นเมฆด้วย ซึ่งทำให้มันมีประจุและผลักกัน พวกมันเลยรักษาระยะห่างกันในระดับนึง และไม่รวมกันเป็นหยดน้ำ จะให้รวมกันเป็นหน้าที่ของความกดอากาศต่ำ ซึ่งจะลากเมฆมารวมกันและอัดมันเข้าไป เมื่อความชื้นถูกอัดพวกมันก็ชนกันเองและใหญ่ขึ้นได้ หรือบางทีถูกลมจากความกดอากศต่ำดูดขึ้นไปข้างบน (ศัพท์วิชาการเรียกว่า Updraft) พอใหญ่เข้าจนหนักเกินกว่าลมนั่นจะพยุงอยู่ได้มันก็เลยร่วงมาเป็นฝน พอตกๆไปซักพักความชื้นลด อากาศเย็นลง ความกดอากาศต่ำสลายตัว มันก็เลยหยุดกระบวนการรวมหยดน้ำลงครับ รอให้มีความกดอากาศต่ำแหล่งใหม่ลากมันไปรวมกันอีกที จบ! ถ้าเอาแบบละเอียดมันจะยาวโคตรๆๆๆๆ เลยทีเดียว = = จากคุณ : ECOS (thelegendofm) เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 01:35:12

ความคิดเห็นที่ 4 ไม่รู้จะเป็นอย่างนี้ไหมนะครับ เข้าใจว่าสูงขึ้นไปอากาศจะเบาบางและเย็นลง  เมื่อเมฆลอยไปถึงก็จะลอยอยู่ในระดับนั้น  จากอากาศที่เย็นเมฆจะค่อยเกาะรวมกันควบแน่นเป็นเม็ดน้ำ  เมฆส่วนไหนลอยขึ้นไปก่อนก็มีเวลาควบแน่นก่อนตามอุณหภูมิข้างบน  ก้อนไหนหนักมากจนอากาศพยุงไม่ไหวก็ตกลงมาเป็นฝน  ส่วนที่ควบแน่นยังไม่พอก็รอไว้ก่อน  จะเป็นอย่างนี้ไหมครับ จากคุณ : บุญถิ่น เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 04:44:44

ความคิดเห็นที่ 5 ตกมาซักพักนึง มันจะลดลงต่ำกว่าจุดอิ่มตัว ต้องรออิ่มใหม่ค่อยควบแน่นตกลงมาใหม่ จากคุณ : หว่างฮั่น2011 เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 12:33:50

ความคิดเห็นที่ 6 ขอบคุณทุกท่านมากๆครับ จากคุณ : ChocoboQ เขียนเมื่อ : 9 พ.ค. 55 21:36:53

ความคิดเห็นที่ 7 โอ้ว กระทู้นี้ทำให้ผมเข้าใจเมฆและฝนมากขึ้น คิดมาตลอดว่าฝนตกมาจากฐานเมฆ จากคุณ : อิฐมอญ เขียนเมื่อ : 10 พ.ค. 55 17:24:01