ความคิดเห็นที่ 1 คงยากครับ    พวกพคท.ส่วนใหญ่อยู่ในป่า   ซึ่งชัยภูมิดีมาก     เราเข้าไปตีได้ยากลำบาก     ถึงจะตีแตกได้แต่เราก็คงเสียหายมหาศาล และถึงแม้ตีฐานแตกหมด     เรื่องมันก็จะกลายเป็นพคท.หลบลงใต้ดิน   เปิดสงครามกองโจรแย่งชิงมวลชนต่อไป จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 22:56:09

ความคิดเห็นที่ 2 สบายๆตบเด็กเลยอ่า เพิ่งไปซ้อมรบมาจาก สมรภูมิเวียดนาม ลาว เขมรมา ทหารพรานและหน่วยรบสมัยนั้น ฝีมือขนาดญวนยังทึ่ง จากคุณ : ฉันมันตัวเปล่า เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:00:35

ความคิดเห็นที่ 3 พคท.จะเอาชนะเราอย่างไร ในเมื่อไม่มีทั้งปืนใหญ่ รถถัง เครื่องบิน จากคุณ : amstaff เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:06:13

ความคิดเห็นที่ 4 ต่อให้ไม่มีนโยบาย 66/23 รัฐบาลไทยเราก็ยังมีตัวช่วยอยู่ครับ นั่นคือการเยือนจีนของนายกคึกฤทธิ์เมื่อตอนปี 2519 ซึ่งทำให้ไทยได้ประโยชน์หลายอย่าง หลังจากนั้น พคท ก็เริ่มอ่อนแอลงแล้วครับ เพราะผลจากการค่อยๆตัดท่อน้ำเลี้ยงจากจีนนั่นแหละ ส่วนอเมริกาหลังจากโดนนักศึกษาไล่ออกจากไทยตั้งแต่ปลายปี 19 อเมริกาก็ไม่ค่อยอยากจะยุ่งแถวนี้เท่าไหร่แล้ว นอกจากอาวุธที่เราได้มาจากอานิสงค์ของสงครามเวียดนาม ในขณะที่ฝ่ายรัฐบาลไทยก็เริ่มอ่อนล้า ขณะเดียว พคท ก็อ่อนแอ แต่ก็ยังสู้หลังชนฝา นโยบาย 66/23 มันเลยเกิดขึ้นเพื่อให้สถานการณ์เข้าสู่ภาวะสงบให้เร็วที่สุด จะได้ไม่เสียหายกับทั้งสองฝ่ายไปมากกว่านี้ แต่ถ้าไม่มีตัวช่วยทั้งหมดที่ว่านี้ สมมุติจีนแดงยังหนุน พคท สุดกำลัง อเมริกาช่วยรัฐบาลไทย (เฉพาะอาวุธและเงินทุน) ผมกล้าพูดได้เลยว่า ฝ่ายรัฐบาลไทยจะเหนื่อยจนสุดพรรณา เพราะการต่อสู้ด้วยอาวุธต่อให้ฆ่านักรบประชาชนจนหมด ฝ่าย พคท ก็ยังมีสื่อโฆษณาชวนเชื่อที่สามารถปลุกระดมชาวบ้านในชนบทให้เข้าร่วมได้อีก (พื้นที่เขตปลดปล่อยกระจายอยู่ทุกภาคก่อกวนได้ทุกเวลา) แถมจะสร้างความเกลียดชังของคนชนบทที่มีต่อคนในเมืองได้ดีอีกด้วย (ดูเขมรแดงเป็นตัวเอย่าง) ผมว่าท้ายที่สุดแล้วมันจะกลายเป็นสงครามกลางเมืองที่แย่งชิงมวลชนและพื้นที่อย่างยืดเยื้อครับ ต่อให้ตอนตอนนั้นมีนโยบาย 66/23แล้ว แต่ถ้าจีนแดงหนุนหลัง พคท เต็มที่ มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรครับ (อเมริกามาเป็นรอบสองก็ไม่ดีขึ้น) เราโชคดีครับ ที่ตอนนั้นพอเสียอินโดจีนให้คอมมิวนิสต์ อเมริกาเผ่นกลับบ้าน รัฐบาลคึกฤทธิ์คิดได้ว่าเราตัวคนเดียวควรจะเจริญสัมพันธ์กับจีนแดงซะ (ไม่นั้นไทยกลายจะกลายเป็นรายต่อไปแน่ๆ) ถึงแม้จะมีพวกกลุ่มฝ่ายขวาที่ไม่ค่อยพอใจต่อนโยบายนี้มากนัก แก้ไขเมื่อ 11 พ.ค. 55 23:19:59 จากคุณ : hijack02 เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:11:19

ความคิดเห็นที่ 5 แล้วอย่างภาคใต้ตอนนี้ถ้าเอา 66/23มาปัดฝุ่นใช้อีกที ทำพร้อมกับตัดท่อน้ำเลี้ยงให้ไปเรื่อยๆจะเป็นอย่างเดียวกันมั้ย จากคุณ : amstaff เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:19:41

ความคิดเห็นที่ 6 #2 อยากรู้เรื่องตลกร้ายอะไรมั้ยครับ ทหารที่กลับจากลาวไปเป็น ผกค. ในไทยเยอะแยะครับ เอางี้ดีกว่าตั้งแต่วันเสียงปืนแตก ปี 2508 รบกับ ผกค. มากี่ปี ผกค.มีแต่ขยายเขตงานเรื่อยๆ หลังเหตุการณ์ ปี 2519 ยิ่งไม่ต้องถาม นักศึกษาแห่เข้าป่าเพียบ จนเคยมี ผกค. ท่านนึงกล่าวว่าเรายังนึกไม่ออกว่าเราจะแพ้ยังไง เขตงานเขาค้อลูกเดียวใช้เวลากี่ปีว่าจะยึดได้ กว่า 10 ปีครับ เฉพาะเขาค้อลูกเดียวใช้เวลา 10 ปี สูญเสียเท่าไหร่ แล้วคิดดูว่า ผกค.มีทั่วประเทศ ถ้าจีนยังสนับสนุนอย่างเต็มที่ กอปรกับอินโดจีนตกอยู่ในมือคอมมิวนิสต์รับรองครับ เรียบร้อยโรงเรียน คอมมิวนิสต์แน่นอน ฐานใหญ่ๆหลายฐานของ ผกค. ไม่เคยแตกครับ ได้ขึ้นไปดูก็เมื่อเขาวางอาวุธกันหมดแล้ว จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:34:35

ความคิดเห็นที่ 7 ในภาพแถวล่างสุดมีทั้ง m16 และ  m1คาร์บิ้น เขาไปเอามาจากไหนครับ จากคุณ : amstaff เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:54:45

ความคิดเห็นที่ 8 คอมมิวนิสต์ ถ้าไม่ปฏิเสธศาสนา ป่านนี้ครองโลกไปแล้ว จากคุณ : kaiwe เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:57:27

ความคิดเห็นที่ 9 รัฐออกจะใจดีส่งนวพล กระทิงแดง ลูกเสือชาวบ้าน บีบนักศึกษา ชาวบ้านไปเป็นแนวร่วม เสริมกำลังให้เพียบดีนะกลับตัวทัน ไม่งั้นละก็ หึหึ จากคุณ : Kuroro Lucifer เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:57:59

ความคิดเห็นที่ 10 ความคิดเห็นที่ 7     ในภาพแถวล่างสุดมีทั้ง m16 และ  m1คาร์บิ้น เขาไปเอามาจากไหนครับ จากคุณ : amstaff   เขียนเมื่อ : 11 พ.ค. 55 23:54:45 ส่วนใหญ่ก็ยึดมาจากเจ้าหน้าที่รัฐนั่นแล จากคุณ : Mr.Warut เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 00:48:16

ความคิดเห็นที่ 11 ...ปัญหาเกิดที่จุดใดก็ต้องแก้ที่จุดนั้น การใช้กำลังไม่แก้ปัญหา เพราะต้นตอของปัญหามันมาจากการใช้กำลังตั้งแต่ต้น เกลียดใครไม่ชอบหน้าใคร ก็กล่าวหาว่าเขาเป็นคอมมิวนิสต์ ครูฆ่าศิษย์ ญาติฆ่าญาติ พี่ฆ่าน้อง เพราะฝ่ายหนึ่งเป็นคนของรัฐกับอีกฝ่ายเป็นชาวบ้านตาดำ ๆ เกิดเป็นเรื่องปรกติ หากใช้กำลัง ประเทศไทยจะกลายเป็นคอมมิวนิสต์ไปจริง ๆ เพราะรัฐบาลที่เกิดมาจากคำว่าประชาธิปไตย ดันไปบังคับให้ประชาชนของตัวเองต้องเป็นคอมมิวนิสต์ ...ไหนจะคำกรอกหูที่ว่า "ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป" แถมท้ายในยุคนั้นด้วย ซึ่งแท้จริงมีไม่กี่คนหรอกที่เป็นคอมมิวนิสต์ด้วยใจจริง ทว่าที่เหลือแทบทั้งหมดเป็นคอมมิวนิสต์เพราะต้องการเอาชีวิตรอด ไปเยี่ยมญาติที่ต่างจังหวัด ลุงเราชี้ไปที่บ้านหลังหนึ่ง "บ้านหลังนั้นไงที่พี่ฆ่าน้องตัวเอง ฝ่ายพี่เป็นตำรวจ ส่วนฝ่ายน้องต้องสงสัยแต่ไม่ได้เป็นจริง ถึงอย่างนั้นก็ยังโดนยิงทิ้ง" จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 01:03:02

ความคิดเห็นที่ 12 #8 ประเทศคอมมิวนิสต์ทุกประเทศ ทุกวันนี้ ให้มีศาสนาได้นะครับ  แนวคิดปฏิเสธศาสนา ในช่วงแรกเกิดจาก ศาสนา ไปมีอิทธิพลต่อชีวิตประจำวันในแง่หลอกลวงทำให้เกิดความงมงายบ้าง หรือมีอิทธิพลต่อการปกครองบ้าง  ซึ่งถ้าไปศึกาษาประวัติศาสตร์ จะเห็นว่า แม้แต่ศาสนาพุทธในประเทศไทย ก็เคยทั้งมีอิทธิพลสูง กว่าเจ้าแผ่นดิน จนโดนกดลงให้พระเจ้าแผ่นดิน เป็นผู้แต่งตั้ง พระสังฆราช มาดูแลสงฆ์   เหมือนกับนิกายโรมันแคโทลิก ที่เคยยิ่งใหญ่กว่ากษัตริย์ ในยุโรปมาก่อน แล้วด้วยเหตุเดียวกัน ก็ทำให้ได้รับการต่อต้านจากผู้ปกครองเช่นกัน   ทุกเรื่องมีมูลเหตุ แต่ที่เราได้รับการสั่งสอนมาเช่นนี้ก็เพื่อต่อต้านคอมมิวนิสต์ครับ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 01:11:30

ความคิดเห็นที่ 13 ^like จากคุณ : ฟหกด เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 01:19:23 A:171.96.16.149 X: TicketID:250855

ความคิดเห็นที่ 14 แต่เท่าที่ผมเคยรู้มาตอนนั้นเราแย่มากๆเลยน่ะครับ เลยครึ่งประเทศกลายเป็นเขตคอมมิวนิสต์ตอนนั้นโอกาสที่ไทยจะกลายเป็นคอมมิวนิส์สูงมาก เพราะ ผกค ใช้นโยบายต่างๆเพื่อดึงมวลชนมาเป็นพวกตัวเองเช่นการโจมตีรัฐบาล สถาบัน (เอ๊ะทำไมคล้ายปัจจุบันเลย) ซึ่งรัฐบาลแก้ปัญหาแทบไม่ได้เลย ประกอบกับช่วงนั้นนักศึกษาหนีเข้าป่าเป็นจำนวนมาก แต่สิ่งที่ช่วยให้ไทยรอดพ้นจากการเป็นประเทศ คอมมิวนิสต์ ก็คือ จีน โดยการเยือนครั้งประวัติศาสตร์ ระหว่าง นายกรัฐมนตรีไทย ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช กับ ประธานาธิบดีเมาเจ๋อตุง ซึ่งตอนนั้นรัฐบาลไทยภายใต้การนำของ  ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้รับการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่ที่สุด แม้แต่ผู้นำประเทศมหาอำนาจอื่น ยังไม่มีการต้อนรับขนาดนั้น(ในสมัยนั้น) ซึ่งทางรัฐบาลไทย ขอให้จีนยกเลิกการสนับสนุน ผกค ในไทย โดยไทยตอบแทนด้วยการสนับสนุน เขมรแดง ซึ่งเป็นคอมมิวนิสต์สายจีน ซึ่ง สู้อยู่ กับ คอมมิวนิสต สายรัชเซีย หลังจากนั้น ผกค ในไทยจึ่งเริ่มอ่อนแอลง จนมีนโยบาย  66/23  ตามที่เจ้าของกระทู้ว่ามา ประเทศไทยจึงไม่มี ผกค อีกต่อไป จากคุณ : DOGFIGTH เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 01:20:33

ความคิดเห็นที่ 15 ปี 2523 ตอนนั้น พคท อ่อนกำลังไปมากแล้่ว ทางรัฐบาลต้องการสิ้นสุดสงครามแบบเบ็ดเสร็จจึงได้ทำ 66/23 ออกมา ส่วนที่สมมุติว่าหากจีนหนุนหลังอยู่ พคท.ก็ต้องมาดูมวลชนของ พคท. ด้วยว่าเข้มแข็งแค่ไหน แต่เข้าใจว่าตอนนั้น แกนนำ พคท. เริ่มแตกคอกันแล้ว การทำป่าล้อมเมืองคงจะยากครับ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 04:41:29 จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 04:34:54

ความคิดเห็นที่ 16        คอมฯ  หมดไปไม่ใช่เพราะ ๖๖/๒๕๒๓ ครับ แต่เพราะคอมฯ อ่อนกำลังและคอมในไทย ก็ขัดกันเอง ไม่ได้เปนคอมฯ อุดมการณ์จริง  ผมเกิดในดง คอมฯ ในสวนยางบ้านผม คอมฯ มากางเตนท์เป็นปีๆ (เค้าบอกว่าไม่ต้องมาทำแล้วนะสวนยาว เดี๋ยวเค้าดูแลให้เอง) ทางการทำไรไม่ได้ โรงพักนาโยง หางตัวจังหวัดตรัง 10 กิโล ติดถนนเพชรเกษม คอมฯบุกทีไร ได้ปืนไปทุกที เรามีทั้ง OV- 10 มาช่วย ยิงพลุส่องสว่างแต่ก็ ทำไรคอมฯ ไม่ได้ซักคน            ตอนนั้นเรามีชาวบ้านมาช่วยทางการ มีทั้ง อส. ทั้ง หน่วยต่อต้าน คอมฯยังไม่เคยกลัว รอง ผบ. ร.๑๕ พัน ๔ ก็โดนคอมฯ ยิงแสกหน้า ที่บ้านหนองยวน คารถจี๊ปเราก็ยังทำไรคอมไม่ได้ เพราะเค้าไม่กลัว            ถีบลงเขา  เผาลงถัง ก็แล้ว ยังไม่สามารถทำอะไรได้ (ถ้าใครไม่เชื่อ ผมมีรายชื่อคนที่โดนถังแดงครับ) คล้ายๆ กับ 4 ศพที่หนองจิก เมือไม่กี่เดือนที่ผ่านมา สมัยนั้นไม่มีสื่อไหนกล้า มีแค่ สส.พัทลุง ท่านนึง (อ่ำ รองเงิน) ที่กล้านำไปพูดในสภา ปล. สรุปว่า แถวบ้านผมตอนนั้น คอมฯกับทหาร เก็บมะนาวต้นเดียวกันครับ โดยทหารไม่รู้ว่านั่นคือคอม แต่พวกเรารู้ อาวุธและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ไม่สามารถแยกแยะคอมฯ กับประชาชนได้ครับ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 06:51:35 จากคุณ : บองหลา เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 05:09:44

ความคิดเห็นที่ 17 เจอ BB iPad  iPhone Karaoke Android เข้าไปสมัยนี้ คงไม่อยากอยู่ป่าแล้วมั้ง ขอย้ายเข้ามาทำงานในเมืองกันหมด อิอิ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 07:16:02

ความคิดเห็นที่ 18 ขนาดโซเวียต จีน ยังทนความเย้ายวนของแสงสีค่ายเสรีนิยมไม่ไหว จนถึงได้เปิดประเทศแบบทุกวันนี้ จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 08:35:35 A:171.7.217.61 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 19 ลัทธิคอมฯมันจะไปชนะความโลภของคนได้ยังไง ดูเจ้าลัทธิเองนั้นประไร ท้ายสุดก็แพ้เพราะอำนาจเงิน จากคุณ : internetsmile เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 08:43:32

ความคิดเห็นที่ 20 อยากจะบอกว่าสิ่งที่ทำให้โซเวียตต้องล่มสลายนั่นก็คือ แมคโดนัล คนมอสโกติดกันงอมแงม จากคุณ : hijack02 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 09:06:40

ความคิดเห็นที่ 21 ก็ดีแล้วไงครับที่ภาครัฐไม่แพ้คอมฯ ดูรอบๆบ้านเราที่โดน ทฤษฎีโดมิโน่ เข้าไปกับดูเราในปัจจุบันเอาก็แล้วกันหากไทยไม่ สะดุดขาตัวเองกัดกันเอง พัฒนาไปไกลกว่านี้อีก แม้แต่จีน-รัสเซีย ตัวพ่อ-ตัวแม่แห่งลัทธิคอมฯ ยังเปิดประเทศรับทุนนิยมเลย จากคุณ : Dr.jakz7 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 09:10:00

ความคิดเห็นที่ 22 อุดมการณ์มันสู้ผลประโยชน์ไม่ได้หรอกครับ คอมมิวนิสท์สมัยนั้น ที่พลาดเพราะแตกคอกันเองด้วย ถึงจะอ้างความเท่าเทียมกัน แต่สุดท้ายต่างคนก็อยากเป็นผู้ปกครอง มากกว่าผู้ถูกปกครองอยู่ดี จากคุณ : Niceguy_C3 เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 09:47:02

ความคิดเห็นที่ 23 พคท เป็นเพียงภาพลวงตา แต่เวียดนาม น่ะของจริง ถ้าไม่ได้จีน ช่วยไว้ ตอนนี้ดาราไทยอาจจะเป็น ลูกครึ่งไทย+เวียดนาม เพราะนโยบายกลืนชาติแล้วก็ได้ จากคุณ : FootLong เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 12:06:44

ความคิดเห็นที่ 24 ไทย  ก็ จะเป้น    สงครามเวียดนาม แห่งที่สอง.. ... รบกันไปเรื่อยๆ นโยบาย ุ 66 / 23 นั้นละ. ช่วยให้กลับมา ปรองดองกัน.. และเราก็ไปเยือนจีน บ้าง หลังเราถูก อเมริกัน  หลอกมาตลอด  ว่า จีนเป็น คอมมิวนิตส์.. ไม่ควรไปคบด้วย    แต่   ไอ้กัน นั้น ละ   มันไปก่อนเลย  หลัง แพ้สงครามเวียดนาม ..... ที่เราให้ ไปกันมันยืม สนามบิน บินไปบอมม์ เขา    และ  ทหารไทย รับจ้างไป เวียดกง ไม่รู้ว่า   เขา   ยังโกรธเรา อยู่ หรือ ป่าว. จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 12:47:08

ความคิดเห็นที่ 25 ถ้าท่านเหมาไม่เสียไปก่อน ไม่แน่การเจรจาอาจไม่เป็นผล ดีที่ท่านเติ้งหัวก้าวไกลเข้าใจ ศก ด้วย จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 16:40:32

ความคิดเห็นที่ 26 #24 ผู้นำไทยสมัยนั้นเป็นใครกันครับหนังสือหนังหาไม่เรียนกันหรือโง่ให้ไอ่กันหลอกว่าจีนเป็นคอมมิวนิสต์ แย่นะครับประเทศไทยมีผู้นำโง่ๆ จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 17:49:50

ความคิดเห็นที่ 27 ความคิดของโนบุนากะเป็นจริงแล้ว"เงินทองทำให้กระแสของโลกเปลี่ยนไป" จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 20:44:09

ความคิดเห็นที่ 28 มีหลายคนคิดว่า 66/2523 คือนโยบายที่เอาชนะคอมได้อย่างเด็ดขาด ผมจะบอกว่าไม่ใช่ปัจจัยหลักครับ แสดงว่าหลายๆคนในนี้ไม่เข้าใจว่าคอมฯคืออะไร พคท แพ้เพราะอะไร พคท แพ้จาก "ภายใน" มาตั้งแต่ช่วงปี 2522 แล้ว (ตอนที่เวียดนามเข้ายึดพนมเปญ) เพราะว่าตอนนั้นพรรคฯเริ่มทะเลาะกันเองเรื่องทฤษฎี กับเรื่องยุทธศาสตร์การปฎิวัติ นโยบาย 66/2523 ส่วนหนึ่งมาจากพวกนายทหารยังเติร์กยุคนั้นด้วยซ้ำไป (ส่วนหนึ่งมาจากตอนที่ป๋า้เปรมเป็นแม่ทัพภาค 2 ด้วย เอาประสบการณ์ตรงมาออกแบบนโยบาย) คนที่ทำให้นายทหารพวกนั้นเข้าใจคอมฯก็คือ ประเสริฐ ทรัพย์สุนทร กับ ผิน บัวอ่อน อดีตกรรมการกลาง พคท ทั้งคู่ สหายพวกนี้ขัดแย้งกับพรรคก็เลยออกมาเคลื่อนไหวนอกพรรค เอาสิ่งที่ัตัวเองคิดแต่พรรคไม่ยอมรับมาให้นายทหารเรียนกัน ลูกศิษย์คนสนิทของประเสริฐก็คือชวลิต ยงใจยุทธ 66/2523 เริ่มก่อตัวตั้งแต่พลเอกเกรียงศักดิ์เป็นนายกแล้วครับ คือเริ่มมาพร้อมๆกับความขัดแย้งภายใน พคท ถ้าไม่มีความขัดแย้งภายใน พคท จนสหายส่วนหนึ่งออกมา นโยบาย 66/2523 คงเกิดช้ากว่านี้มาก และคงไม่มีหน้าตาอย่างที่เห้นกัน ผมอาจโชคดีที่ทำวิจัยเรื่องนี้โดยตรง ได้ไปสัมภาษณ์ทั้ง ธง แจ่มศรี, สหายปรีชา (สายลุงปรีชา คอมฯเหลืองตอนนี้), ไปสัมภาษณ์ชวลิต แล้วก็คนอื่นๆอีก เลยได้ข้อมูลน่าสนใจเยอะ จากคุณ : นายอึเหม็น เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 21:11:27

ความคิดเห็นที่ 29 ผมเกิด  แถวถิ่น อีสานใต้  แต่โตไม่ทันยุคนั้น  แต่มีคุณอาที่เข้าร่วมคอมมิวนิสท์  คนที่รู้จักกับอาผม บอกผมว่าอาเป็นคนฉลาดมีความคิดอ่านที่เป็นของตนเอง เคยบวชพระและได้รับการส่งเสริมให้ไปศึกษาต่อถึงในกรุงเทพ แต่วาสนาไม่พอ เป็นวัณโรครักษาไม่หาย จนตัดใจมาตายที่บ้าน พอกลับบ้านมามีคนบอกว่าที่อุบลเขารักษาวัณโรคเก่ง ท่านจึงไปรักษาและหายขาด ท่านจึงแต่งงานและไม่ไปใหนอีกเลย พอมีกลุ่มนักศึกษาที่หนีเข้าป่ามาจากกรุงเทพ เข้ามาพูดเผยแพร่อุดมการณ์  ท่านก็เข้าร่วมด้วยอย่างเต็มตัว จากนั้นท่านก็ถูกยิงตายคาบ้าน ทั้งที่ลูกเมียยังอยู่ในบ้าน  ปล่อยให้เมียเลี้ยงลูกคนเดียว 4 คน  ลุงข้างบ้านก็เคยเล่าให้ฟังว่า ตนเองก็เคยถูกชักชวนเข้าขบวนการ แต่แกบอกว่าแกเห็นว่า ขนาดข้าวปลาอาหาร  คอมมิวนิสท์ยังต้องขอบริจาคจากชาวบ้านเลย  แล้วจะมีปัญญาไปสู้รบชนะรัฐบาลอย่างไร แกเลยไม่เข้าร่วม ปล คนข้างบ้านอีกครอบครัว  ลูกเป็นครู แต่แกเข้าคอมมิวนิสท์  ก็ฆ่าตัวตาย เพราะมีข่าวลือว่าจะมีการเก็บแก  แกเลยชิงฆ่าตัวตาย เพื่อให้พ่อแม่ได้บำนาญ แก้ไขเมื่อ 12 พ.ค. 55 21:17:48 จากคุณ : precham เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 21:15:22

ความคิดเห็นที่ 30 อีกอย่าง นายทหารระดับสูงๆในยุคนั้นไม่ได้มอง พคท ว่าขี้กลากนะครับ (หมายถึงพวกสหายระดับนำ กับพวกกรรมการกลางพรรค) เขามองแบบให้เกียรติมาก พวก พคท ระดับสูงๆจะมีธรรมชาติอย่างหนึ่งคืออุดมการณ์สูงมาก ความคิดทางการเมืองสูง ชี้นำได้สูง คือพูดง่ายๆว่าพวกระดับนำของ พคท ไม่ได้เป็นกันง่ายๆเลยโดยเฉพาะกรรมการกลาง มันมีขั้นตอนการกรองคนเยอะมาก ทดสอบความคิดเยอะมาก ทดสอบอุดมการณ์การปฎิวัติกันมาก ความคิดคนพวกนี้เลยน่ากลัว.. ดังนั้น นายทหารที่เข้าใจหลายๆคนยุคนั้นก็เลยไม่เอาทหารนำการเมืองไง เพราะมันไม่มีทางชนะ ต่อให้อาวุธทันสมัยขนาดไหนก็ครองใจมวลชนไม่ได้ แต่การเมืองมันทำได้ มันมีเงื่อนไขของมัน มันมีชี้นำ นายทหารสาย 66/2523 ยุคนั้นก็เลยเปลี่ยนมุมมองต่อ พคท ใหม่ เยอะเลย ไม่งั้นมันแพ้ในระยะยาวจริงๆ.. ตอนจับกรรมการกลาง พคท ครั้งใหญ่เมื่อปี 2530 พวกนายทหารระดับสูงๆขอเรียกพบส่วนตัวกันเลยครับ คุยกันเองมากๆ ให้เกียรติมาก (เรียกท่านเลยนะครับ แล้วก็อำนวยเรื่องทุกอย่างหลังถูกจับให้หมดเลย อันนี้ผมคุยจากชวลิตตอนไปสัมภาษณ์แกทำวิจัย) แล้วก็แลกเปลี่ยนความคิดกันเป็นเดือนๆตอนอยู่ในคุก แอบมาหาบ่อยๆ มาคุยเรื่องการเมืองกัน คุยเรื่องนโยบายประเทศกัน จากคุณ : นายอึเหม็น เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 21:18:14

ความคิดเห็นที่ 31 ยุทธศาสตร์ผิด รบยังไงก็แพ้ครับ ถ้ายุทธศาสตร์ถูก ทำให้ฝ่ายตรงข้ามล้มเลิกความตั้งใจได้ก็จะชนะ เหมือนตอนที่อเมริกาถอนกำลังจากเวียตนามเพราะคนอเมริกันไม่อยากรบอีกต่อไป ปัญหาภาคใต้ก็เหมือนกันต้องเปลี่ยนยุทธศาสตร์ จากคุณ : meezaa เขียนเมื่อ : 12 พ.ค. 55 21:32:20

ความคิดเห็นที่ 32 ลืมอะไรไปหรือเปล่า ตอนนั้น จีนเองก็อ่อนกำลังลงมากเช่น การจากถูกโดดเดี่ยว และการไม่ลงรอยกับโซเวียต กำลังของจีนนั้นอ่อนลงไปมาก เมื่อเทียบกับโซเวียต นั่นคือภาพระดับโลก ถึงขนาดอเมริกันเอง ก็ละความสนใจจากจีนไปเลย (จะว่ากันไปอเมริกัน ยังรู้สึกเป็นมิตรกับจีน มากกว่าโซเวียตในช่วงนั้น) เพราะจีนก็ง่อยเปลี้ยไปเยอะ กอรปกับการเปลี่ยนแปลงการเมืองในจีนเอง ซึ่งเป็นช่วงรอยต่อ แม้เติ้งจะเข้ามาแต่เป็นยุคแรก ๆ ของเติ้ง ซึ่งมุ่งทะเลาะเบาะแว้งกับไต้หวัน และเตรียมความพร้อมเรื่องฮ่องกง ซึ่งใช้เวลานานมาก อย่าว่ากระนั้นเลย แม้แต่โซเวียตเองก็เถอะ ความเสื่อมมันเริ่มมาก ยุโรปตะวันออก เริ่มออกอาการ เยอรมันตะวันออกเริ่มเอาไม่อยู่ต้องรวมกับเยอรมันตะวันตกในที่สุด หลายประเทศในยุโรปตะวันออก หันหลังให้คอมมิวนิสต์ มีการโค่นล้มอย่างกว้างขวาง หลังจากนั้น เพียงไม่นาน แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 08:29:49 แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 08:29:03 จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 08:11:53

ความคิดเห็นที่ 33 ส่วนตัวผมว่า จีนนั้น อ่อนกำลังไปเอง เพราะเศรษฐกิจภายในก็ยอบแยบ ความเจริญของเกาหลีใต้ (ตอนนั้นถ้าพอจำได้ แม้กระทั่งโอลิมปิกก็เป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ)  กับการเสื่อมถอยของเกาหลีเหนือ เป็นภาพให้คนจีนแผ่นดินใหญ่รู้แล้วว่า อุดมการณ์นั้น กินไม่ได้ คนจีน เมื่อเกิดความอดอยากตายมหาศาล พรรคคอมมิวนิสต์จีนนั่งเฉยๆ แทบไม่อยู่ การจะออกไปรบนอกพื้นที่ส่งอาวุธให้ประเทศก็ยากลำบาก ตัวเองแทบไม่มีจะกินอยู่แล้ว เขมรแดง ก็จำนนต่อเวียดนามที่โดนหนุนหลังโดยโซเวียต (ขณะที่ต่อมาเขมร ซึ่งได้รับการหนุนหลังจากเวียดนาม และโซเวียด พยายามบุกไทย แต่ไทยก็ได้จีนนี่แหละที่ส่งอาวุธให้ และบุกที่พรมแดนทางตอนเหนือ จนกองทัพเวียดนามต้องถอยฉากออกไป) การที่ไทยหันหน้าเข้ามาหา โดยหันหลังให้ไต้หวัน เป็นสิ่งที่จีน แทบจะกระโดดเข้ามาจูบปากไทยในทันที เพราะนอกจากเสมือนเป็นสัญลักษณ์ให้หลายๆ ประเทศรู้แล้วว่า จีนกำลังเปลี่ยนนโยบาย และแทนที่จะเอาเงินไปทุ่มด้านการสู้รบ ส่วนะไทยเองก็ได้ประโยชน์มหาศาลทั้งด้านการเมือง การหทารยุติการสู้รบ และเศรษฐกิจ บริษัทไทย (ไทยเชื้อสายจีนนั่นแหละ) เป็นบริษัทต่างชาติบริษัทแรกในโลก หลังจากจีนเป็นคอมมิวนิสต์ ที่เข้าไปลงทุนในจีนด้านการเกษตรผลิตอาหารให้เพียงพอต่อความต้องการของชาวจีน บรรเทาความอดอยากลง คนจีนเริ่มรู้สึกว่ากินดีอยู่ดีขึ้น และทำให้จีนรู้จักคำว่าเศรษฐกิจแบบทุนนิยมสมัยใหม่เป็นครั้งแรก (อันที่จริง จีนค้าขายเก่งจะตายและทุนนิยมซะยิ่งกว่าใครอีก)  และเปลี่ยนให้จีนกลายเป็นยักษ์ทางเศรษฐกิจ (ซึ่งอันที่จริงความสามารถทางการค้าก็อยู่ในสายเลือดอยู่แล้ว) เทียบเท่าทุกวันนี้ ซึ่งใช้เวลาซักยี่สิบสามสิบปีเท่านั้น (อันที่จริงผมว่า ประมาณสามสี่ปี หลังจากนั้น จีนก็ทะยานทางเศรษฐกิจชนิดที่โลกตะวันตกก็ค่อนขอดว่าจะจริงแค่ไหน ซึ่งนับจากนั้น จีนแทบจะไม่ได้หยุดยั้งการเจริญเติบโตเลย จีนน่าจะเริ่มต้นพัฒนาเศรษฐกิจทางภาคตะวันออก จากแถบๆ  เซี่ยงไฮ้ เสิ่นเจิ้น ซึ่งอยู่ตรงข้ามฮ่องกง ทั้งๆ อันที่จริงย่านเศรษฐกิจสำคัญของจีนนับแต่ยุคโบราณ คือ เทียนจิน หรือที่เราเรียกว่า เทียนสิน นั่นเอง) ขณะที่ชนชั้นสูง คือ ราชวงศ์ไทย ก็เริ่มเสด็จเยือนจีนอยากเป็นทางการ เป็นการสานสัมพันธ์จากทางพระราชวงศ์ไทย ถึงบรรดาผู้นำจีน สมเด็จพระเทพรัตนฯ เสด็จเยือนจีนครั้งแรก สร้างสัมพันธุ์ที่ดีอย่างสูงยิ่ง บรรดาผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์ต่างกล่าวขานกันถึงความรู้สึกที่ดีกับไทยอย่างมาก ถึงขนาดประธานเติ้งฯ ได้มีการเชื้อเชิญในเสด็จเยือนในครั้งต่อ ๆ มาอีกหลายครั้ง (การเสด็จเยือนครานั้น ทางการจีนได้มีการต้อนรับอยากเยี่ยมยอด เปรียบได้กับการต้อนรับบุคคลสำคัญของโลก แม้กับประเทศเล็ก ๆ อย่างไทย) กอรปด้วยพระจริยวัตรงดงาม ทรงให้ความสำคัญกับประวัติจีน ที่มาของจีน สร้างความรู้สึกที่ดีกับจีนเป็นอย่างมาก และนั่นทำให้สัมพันธ์ไทย จีน ก่อตัวอย่างแนบแน่น ฉะนั้น การสนับสนุนการสู้รบของพรรคคอมมิวนิสต์ในไทย ที่เคยได้รับการหนุนหลังจากจีน จึงเสมือนการปิดฉากลงไปโดยปริยาย เพราะไม่มีประโยชน์อันใดที่จะทำให้มิตรภาพระหว่างไทยจีน ต้องสั่นคลอนอีกต่อไปแล้ว ฉะนั้น ต้องยอมรับว่า ยุทธศาสตร์การทูตในครานั้น เหนือกว่าอุดมการณ์ทางการเมืองและการทหารเป็นอย่างมาก และทำให้ทั้งไทยและจีนได้ประโยชน์มาจนถึงปัจจุบัน ไทยยุติเรื่องปัญหาคอมมิวนิสต์สายจีนได้ ในขณะที่จีนได้ประโยชน์ทั้งด้านการทูตระหว่างประเทศ การค้าอย่างมหาศาล แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 08:48:46 จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 08:28:24

ความคิดเห็นที่ 34 จะว่าไปอุดมการณ์คอมมิวนิสต์ที่แท้จริงมันก็เอาเรื่องเงินๆ ทองๆ มาพูดนั่นแหล่ะ (มีผู้พูดว่า ถ้าพูดถึงคอมมิวนิสต์ มันคือทฤษฎีทางเศรษฐกิจแบบหนึ่ง มันก็เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ  ทอง ๆ นั่นแล) ถ้าประชาชนมีความกินดีอยู่ดี เรื่องพวกนี้ปลุกระดมไม่ขึ้นหรอก ถ้าเขามีงานทำ ใครมันจะนั่งรบราฆ่าฟัน ไปทำงานหาเงินเลี้ยงปากท้องกันดีกว่า ฉะนั้น เมื่อมีคนปลุกระดมเรื่องพวกนี้แล้วมันจุดติด แสดงว่าเศรษบกิจมันไม่ดี (หรืออาจจะดีเกินจนว่างมาก) จึงมีเวลามาสร้างความปั่นป่วน ผมว่าคล้ายๆ ภาคใต้ตอนนี้ ถ้าหากความเป็นอยู่เขาดีขึ้น ไม่มีการเหยียดหยามกันเรื่องเชื้อชาติ ความแข็งแกร่งของท้องที่ที่จะเกิด (อย่างดูเรื่องเสื้อเหลือง เสื้อแดง เอาจริงๆ ผมว่า มันก็เรื่องเงิน ๆ ทองๆ นั่นแหละเป็นต้นตอว่ามะ) แต่ถ้าเราทำให้พี่น้องมุสลิมสามจังหวัดรู้สึกว่า ไทยช่างแตกต่างจากเพื่อนบ้านเหลือเกิน ทำไมเศรษฐกิจฝั่งโน้นดีกว่า คนมาเลย์ได้รับการยกย่องมากกว่า แถมคนไทยก็ชอบไปดูถูกว่าเขาเป็น "แขก" เป็นมุสลิม บลาๆ ๆ ๆ ๆ ๆ มันจะเกิดความน้อยเนื้อต่ำใจ (กลับกันนะ คนจีนที่นั่นก็เดือดร้อน เพราะว่า คนมาเลย์ไปยกตนเองให้สูงกว่าคนจีน คนอินเดีย ตรงนี้เหมือนหนามยอกเอาหนามบ่ง กอรปกับบางพวกได้รับการปั่นหัวให้พื้นที่ตรงนั้น เป็นพื้นที่เฉพาะชาวมุสลิม คาดว่าได้รับเพราะไปเรียนจากพวกหัวรุนแรงในย่านอาหรับ ยิ่งไปกันใหญ๋ ผมว่า ปัญหาของคนเกิดได้หลัก ๆ สามอย่าง คือ เรื่องเงิน เรื่องความเชื่อ กับเรื่องเชื้อชาติ นอกนั้น ไม่มีอะไร ดูเอาเถอะตอนนี้มีความคิดว่า คนเหนือคือชาวล้านนา คนอีสาน คือชาวลาว ผมว่า ไปกันใหญ่ อีกหน่อย คนใต้ก็คือคนมาเลย์ คราวนี้ หล่ะยุ่งกันไปหมด) เหมือนที่เราชอบไปดูถูกว่า ลาว เขมร เวียดนาม พม่า ฯลฯ หรือแม้แต่ในอดีตเราก็ดูถูกคนจีน อันนี้เป็นเรื่องที่เราต้องพยายามปลูกฝัง คนไทยชอบดูถูกคนเพราะว่าเขาไม่มีเงิน ต้องทำอาชีพที่เราถือว่าต้อยต่ำเช่นแรงงาน เมื่อก่อนคนจีนใช้แรงงานก็ดูถูก ตอนหลังคนจีนรวยแล้ว กลายเป็นว่า มีลูกควรให้แต่งกับคนรวย (จีน) จะได้สบาย เช่นกัน ตอนดูถูกคนลาว (จริงๆ ดูถูกคนอีสาน ทั้งๆ ที่เขาก็เป็นคนไทยเช่นเรา) เพราะในอดีตเขาอาจจะทำอาชีพคนงานในโรงงาน คนรับใช้ บลาๆ ๆ ทำให้ดูถูกเขา ต่อมาเราดูถูกคนพม่า เพราะคนพม่าทำงานแรงงาน เฉกเช่นกับเขมร เพราะมาขอทาน จริงๆ ของพวกนี้เป็นองค์ประกอบของสังคม เราขาดแรงงานไม่ได้ เพราะว่า ถ้าเราไม่มีแรงงานก็ไม่มีคนทำงานในสิ่งที่เราทำไม่ได้ อย่างในประเทศยุโรปอเมริกา แรงงาน มีรายได้ไม่ได้น้อยไปกว่าพวกทำงานออฟฟิศ ทำให้ ไม่ค่อยมีปัญหาในเรื่องพวกนี้ (แต่อันที่จริงก็ยังมีอยู่ เพียงแต่แรงงานเป็นกลุ่มใหญ่ได้เงินมากพอ จึงทำให้หุบปากพวกคนทำงานออฟฟิศ หรือเจ้าของกิจการไปได้ เพราะว่า ถ้าขาดแรงงานพวกนี้ก็ไม่มีใครทำงานให้ ต้องทำเอง) จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 08:41:00

ความคิดเห็นที่ 35 ปัญหาภาคใต้สมัยก่อนโน่น ทำได้สำเร็จเพราะมีผู้นำดี ทุกส่วนทำตามหน้าที่ตามมอบหมาย นักการเมืองก็หน้าเดิมแต่ไม่เข้ามาก้าวก่ายแบบสมัยนี้ งานด้านหน้าก็ทำกันไป คนไปสัมภาษณ์ทำวิจัยก็จะได้รู้ตามนั้น แต่งานด้านหลังบ้านก็โหดจริง ทหารที่ลงภาคสนามสมัยนั้นเข้าใจนิสัยแขกเป็นอย่างดี จึงรู้ว่าต้องโหดต้องทุบให้หนักขนาดไหน ถึงจะยอมแบบราบคาบ แต่ตอนนี้ระบบการเมืองไทยเปลี่ยนไป ไม่มีทางทำอะไรได้สำเร็จแบบแต่ก่อนแล้วละ จากคุณ : อั๊ั๊ย-ยะ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 10:49:02 A:58.11.197.175 X: TicketID:344914

ความคิดเห็นที่ 36 มีท่านผู้รู้อธิบายได้กว้างๆและละเอียดพอสมควรแล้วว่า นโยบาย 66/2523 นี่ไม่ใช่ประเด็นหลักในการแก้ปัญหาเลย มันมีปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศที่เยอะกว่านั้นมาก การที่จีนเริ่มหยุดให้การสนับสนุน พคท. ไม่ใช่แค่ผู้นำเราไปพบและเจรจาเท่านั้นแต่มันมีปัจจัยที่มากกว่านั้นอีกโดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของชาติมหาอำนาจขนาดนั้น และเคยอธิบายกว้างๆไปและขี้เกียจพิมพ์ จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:43:34

ความคิดเห็นที่ 37 นโยบาย66/2523ไม่ใช่ประเด็นหลักใน"ชัยชนะ" แต่เป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้คนป่าทั้งหมด"วางปืน" และกลับมาเป็นคนไทยพัฒนาชาติไทยนะครับ ถ้าไม่มีนโยบายนี้ออกมา เราจะต้องเสียเงินเสียกำลังพลเสียเวลาในการไล่ต่อสู้กับคนป่าที่เค้าไม่มีทางออก นอกจากต้องสู้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะตายไปอีกไม่รู้กี่ปีกี่ปี ป่านนี้อาจจะยังไม่จบก็ได้ พื้นที่ครึ่งประเทศนะครับคุณ ชนะเด็ดขาดแล้วประเทศเป็นแบบไหนกันลองคิดกันดูนะครับ  เหมือนตอนปฎิวัติปี49หนะ ชนะเด็ดขาดแล้วไง ปัญหาแทนที่จะจบกลับเพิ่มทวีคูณ จนวันนี้ได้แบ่งคนไทยออกเป็น2ฝ่ายไปตลอดกาลแล้ว เหมือนภาคใต้เราตอนนี้แหละ เค้าไม่มีทางชนะเราหรอกแต่เราก็ไม่มีทางชนะเค้าเด็ดขาดเช่นกัน เป็นดินแดนของไทยที่ยังไม่สิ้นเสียงปืนไปตลอดกาล จากคุณ : yamaha111 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 14:24:18

ความคิดเห็นที่ 38 ส่วนใหญ่รวมถึงสวนมาก คนไทยเป็นแค่ระดับแนวร่วมคอมมิวนิสต์ น้อยถึงน้อยที่สุดถึงจะได้เป็นสมาชิกพรรค แล้วแกนนำเป็นคนชาติไหน หรือว่าเวียดนามหรือชาติอื่น งั้นแสดงว่ากระแสเวียดนามก็มาก่อนแล้ว (เคยอ่านจาก ถดแขม์แลเขมร) งั้นแสดงว่านักศึกษาไทยสมัยนั้นเข้าป่าไปเป็นลูกน้องต่างชาติ ใช่ไหมครับ จากคุณ : ช่าง (ช่างตีเหล็ก) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 19:46:12

ความคิดเห็นที่ 39 ครับ ปวศ ของ พคท เองมีรากมาจากคนจีนและคนเวียดนามในไทยนี่แหละครับ พวกสมาชิกพรรคยุคแรกๆก็คือคนจีนกับเวียดนามครับ พอจีนปฎิวัติชนะเมื่อปี 1947 ก็เลยห่างหายไปจาก พคท บ้าง (สมัยแรกยังไม่เรียกว่า พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย เรียกว่า พรรคคอมมิวนิสต์สยาม) ส่วนสายเวียดนามเองก็ต้องไปใส่ใจปลดปล่อยประเทศตัวเองมากกว่า ช่วงหนึ่งก็เลยเถียงกันว่าจะเอาอย่างไรกับพรรคคอมมิวนิสต์สยาม สุดท้ายสายเวียดนามก็ถอนตัวออกไป เหลือแต่สายจีน ตอนสมัชชา พคท สองครั้งแรกนี่นะครับ กรรมการพรรคส่วนใหญ่คือคนจีน คนไทยน้อยมาก แล้วก็ไม่ได้ขยายงานอะไรออกไปเท่าไหร่ด้วย มีแนวร่วมส่วนใหญ่ก็พวกโรงเรียนคนจีนสมัยก่อน หนังสือพิมพ์จีน กุลีจีน อะไรพวกนี้มากกกว่า คนไทยแท้ๆยังไม่เข้ามา พอซักช่วงปี 2482 2483 รัฐบาลปราบพวกนี้เยอะ ก็หายๆกันไปบ้าง แต่พอหลังสงครามโลกก็มีการแก้กฎหมายกัน ให้ พคท สามารถเคลื่อนไหวทางการเมืองได้บ้าง (ช่วงสงครามโลก พคท มีบทบาทมากนะครับ คนของ พคท จับมือกับเสรีไทยลับๆช่วยสู้ญี่ปุ่น ปวศ ตรงนี้ไม่ค่อยมีคนรู้เยอะ) แต่พอมาปี 2495 รัฐบาลปราบเหี้ยน (กบฎสันติภาพ) พวกนักคิด ปัญญาชนฝ่ายซ้าย พวก พคท ก็เลยต้องหนีเข้าป่าไปเลย ดังนั้น พคท จึงไปอยู่ตามชนบทก็ตอนหลัง 2495 นี่แหละครับ คนไทยแท้ๆที่เข้ามาเป็นกรรมการกลาง พคท ก็ช่วงๆนี้แหละฮะ พวก อุดม ศรีสุวรรณ  ธง แจ่ม ศรี วิรัต องคถาวร (คนนี้เปลี่ยนสัญชาติจากจีน) อะไรพวกนี้ แล้วตอนสมัชชาพรรคครั้งที่สามก้มีมติว่าให้ต่อสู้ด้วยกำลังอาวุธ แล้วก็ส่งคนไปเรียนทฤษฎีการเมือง ทฤษฎีทางการทหาร และทฤษฎีปฎิวัติที่ประเทศจีนกับโซเวียต (แยกกันไป แต่ไปจีนมากกว่า) แล้วก็กลับมาจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ และก็ทำงานมวลชนไปด้วย ระยะยนี้เริ่มรับสมาชิกพรรคที่เป็นคนไทยแท้ๆแล้วครับ เน้นพวกกรรมกรกับชาวนาเป้นหลักเลย (ตามทฤษฎีปฎิวัติชนชั้นของเหมาอิสต์-เลนินนิสต์เป๊ะๆ) ทำงานกันตามชนบท จัดตั้งสาย "จัดตั้ง" กันเป้นระบบ ให้ความรู้ทางการเมืองแก่สมาชิกพรรค เช่น ทฤษฎีมาร์กซิส ทฤษฎีปฎิวัติประชาชาติ ประชาธิปไตย ทฤษฎีเศรษฐศาสตการเมืองแบบสังคมนิยม ทฤษฎีการปฎิวัติด้วยอาวุธ ทฤษฎีการจัดตั้งมวลชน ฯลฯ เปิดเป็นโรงเรียนเลยคับ ประมาณนี้ครับ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 23:52:23 จากคุณ : นายอึเหม็น เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:02:37

ความคิดเห็นที่ 40 พวกนักศึกษา พคท ถือว่าเป็น "ชนชั้นนายทุนน้อย" ครับ ถือว่าเป้นแนวร่วมมากกว่าแต่ไม่ใช่ชนชั้นปฎิวัติ พวก นศ ที่เข้าป่าไป พคท ถือว่าเป็นแนวร่วมที่สำคัญ สามารถไปช่วยเหลือในแง่การต่อสู้ทางความคิดแล้วก็สนับสนุนงานวัฒนธรรมได้ นศ ที่เข้าป่าพวกแรกไม่ใช่พวกหลัง 6 ตุลา ครับ แต่เป็นพวก นศ ธรรมศาสตร์ ยุค 2495 ที่หนีเข้าไปพร้อมๆกับพวกปัญญาชนตอนนั้น แต่ก็ยังไม่เยอะเท่าหลัง 6 ตุลา ครับ นศ ไม่ใช่ลูกน้องต่างชาติอย่างที่เข้าใจ ตรงกันข้าม นศ พวกนี้ถือว่าเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์พรรคกันใหญ่เลย ไปวิจารณ์พรรคว่าเดินตามตูดจีนทุกอย่าง ทุกเรื่อง ไม่เป็นตัวของตัวเอง แถมยังมีลักษณะเผด็จการด้วย (พรรคฯจะเรียกว่า ประชาธิปไตยรวมศูนย์ ซึ่งเป้นทฤษฎีเหมือนกัน) เถียงกันไปมาซักพักป่าก็แตก เรียกว่าช่วง วิกฤติศรัทธา คือเสื่อมศรัทธาต่อแนวคิดสังคมนิยม รายละเอียดเยอะครับ เอาคร่าวๆแค่นี้แหละ ผมขี้เกียจไปค้นงานเก่าๆของตัวเอง แหะๆ จากคุณ : นายอึเหม็น เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:11:32

ความคิดเห็นที่ 41 อาจจะเรียกว่าเค้า "ตาสว่าง" ก็ได้ครับ เพราะคนที่ไปไม่ใช่คนโง่เลย และปัจจุบัน หลายคนกลายเป็นนายทุนเองเสียด้วยซิ ฮึฮึ จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:43:33

ความคิดเห็นที่ 42 สิ่งหนึ่งที่ช่วยต้านคอมมิวนิสต์ให้ไทยได้อย่างมากก็คือ   พระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะตั้งแต่2495มาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเริ่มต้นเสด็จไปเยี่ยมประชาชนทั่วทุกจังหวัด     คอยทรงงาน  แก้ปัญหาต่างๆให้ประชาชนที่ยากไร้  นำความเจริญเข้าไปให้   ทำให้ทรงเข้าไปอยู่ในหัวใจของประชาชน ซึ่งพอประชาชนยึดมั่นกับราชวงศ์แล้วก็ยากที่คอมมิวนิสต์จะแทรกซึมเข้าไปได้ ยิ่งสมัยนั้นมีการโฆษณาชวนเชื่อว่าคอมมิวนิสต์เป็นระบบทาส   ไม่นับถือศาสนา   ไม่มีพระมหากษัตริย์ ประชาชนที่จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ก็ยิ่งปฏิเสธคอมมิวนิสต์ และการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวช่วยเข้าไปพัฒนาที่ห่างไกล     ก็ยิ่งเป็นการตัดการแทรกซึมของคอมมิวนิสต์ไปได้อีก เพราะคนเราลงว่ากินอิ่ม   นอนหลับ  มีงานทำ    ไม่ยากจนข้นแค้น  มีคุณภาพชีวิตที่ดี    ใครจะไปหาเรื่องเดือดร้อนใส่ตัว    ไปหาเรื่องต่อต้านให้มันยุ่งยาก         อุดมการณ์สำคัญแค่ไหนก็ตาม   ปากท้องก็ย่อมสำคัญกว่า จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 01:37:30

ความคิดเห็นที่ 43 คห ข้างบนครับ ผมแนะนำให้อ่านหนังสือเรื่อง "การเมืองไทยสมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ภายใต้ระเบียบโลกของสหรัฐอเมริกา พ.ศ.2491-2500" ของ ณัฐพล ใจจริง เป็นงาน ป.เอก รัฐศาสตร์ จุฬา ตอนปี 2552 .. แล้วคุณจะรู้ว่าสิ่งที่คุณว่ามาเป็นเป้นมายังไงกันแน่ .. งานชิ้นนี้ได้รับการยอมรับจากวงวิชาการสายรัฐศาสตร์+ประวัตศาสตร์มากครับ จะกลายเป็นเป็นตำรามาตรฐานใช้เรียน ป.ตรีแล้ว ครับ .. จากคุณ : นายอึเหม็น เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 11:06:29

ความคิดเห็นที่ 44 ขอขอบคุณทั้งคุณ นายอ฿เหม็น และ zodiac28 ทำให้ได้เห็นการวิพาก ในมุมนที่ต่างกัน อยากจะให้ทั้งสองคน ศึกษาเรื่องราวจากมุมที่ต่างกันนี้ครับ อย่าพึ่งไปสรุปว่าอะไรถูกอะไรผิด เพราะมันอาจเป็นจริงทั้งคู่จากมุมมองที่ต่างกัน  เมื่อตอนเป็นเด็กผมก็เชื่อในมุมมองเดียว ต่อมาพออาจประวัติศาสตร์มากเข้า จากผลงานศึกษาของหลายๆท่าน จึงได้พบว่า มันมีทั้งประวัติศาสตร์แต่าง ประวัติศาสตร์ตามข้อเท็จจริง และประวัติศาสตร์อันเกิดจากมุมมองและทัศนคติของแต่ละบุคคล     หรือแม้แต่ว่าบุคคลนั้น อยู่ในช่วงประวัติศาสตร์นั้นเอง ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า สิ่งที่เข้าได้รับรู้มานั้นเป็นเรื่องจริง จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 12:48:55

ความคิดเห็นที่ 45 เอาเป็นว่าผลลัพท์ออกมาเป็นปัจจุบันก็บอกอะไรบางอย่างได้ครับ จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 09:24:16