ความคิดเห็นที่ 1 กระทั่งในปัจจุบัน การต่อต้านภัยคุกคามจากเรือดำน้ำ ก็ยังนับเป็นภารกิจที่ท้าทายของกองเรือทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ชาติที่ความอยู่รอดทางเศรษฐกิจและอธิปไตยของชาติขึ้นอยู่กับการเดินเรือ เฉกเช่นสหรัฐอเมริกา ซึ่งได้ผลักดันให้เกิดการผสมผสานระหว่างอาวุธและยุทธวิธี เพื่อต่อสู้ ป้องกันภัยจากเรือดำน้ำ และทำให้สหรัฐฯ กลายเป็นชาติที่ก้าวหน้าในการทำสงครามต่อต้านเรือดำน้ำ (ASW) มากที่สุด โดย ASW ในยุคใหม่ จะเน้นที่การร่วมกันของ เรือผิวน้ำ อากาศยาน รวมไปถึงเรือดำน้ำ ในการค้นหาและจำแนกเรือดำน้ำศัตรู เพื่อที่จะทั้งหลีกเลี่ยงการโจมตีจากเรือดำน้ำ หรือแม้แต่เพื่อทำลายเรือดำน้ำของศัตรูให้หมดไปจากเขตปกป้องของฝ่ายเรา เผื่อจะให้เห็นภาพของ ASW ในปัจจุบัน เราจำเป็นต้องเข้าใจถึงความสำคัญของ Platforms และ Sensors ที่มีในปัจจุบัน ภาพ: Dokdo Class LPH กับ SH-60F Seahawk, Landing Platform เป็นแนวคิดที่ก้าวหน้าในการต่อต้านเรือดำน้ำ โดยได้เพิ่มทั้งระยะทางและระยะเวลาในการค้นหาเรือดำน้ำ ทำให้กองเรือมีโอกาสจะตรวจพบเรือดำน้ำได้มากยิ่งขึ้น จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:00:53

ความคิดเห็นที่ 2 อากาศยาน: มีจุดเด่น คือ สามารถปฏิบัติการได้ครอบคลุมพื้นที่กว้างด้วยความเร็วสูง ขนถ่ายอาวุธได้รวดเร็ว อากาศยานยังมีข้อดีอีก ตรงที่สามารถหลีกเลี่ยงการตรวจจับจากเรือดำน้ำได้ (ถึงตรวจเจอก็ไม่อยากยุ่งด้วย-จขกท.) เครื่องบินตรวจการณ์ทางทะเลของไทย ได้แก่ Lockheed P-3T Orion ซึ่งกองทัพเรือนำเข้าประจำการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2539 P-3T มีระบบตรวจการณ์ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น Radar, Sonobuoy, MAD, ESM (แต่ละระบบอธิบายภายหลัง) และจากการที่เราเพิ่งส่งเจ้า P-3T ไปปรับปรุงมา ทำให้คาดว่าเจ้านี่จะสามารถประจำการต่อไปได้อีกอย่างน้อย 10 ปี (อ่านมาอีกที-จขกท.) จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:02:41

ความคิดเห็นที่ 3 เรือผิวน้ำ: มีจุดเด่นในแง่ความคงทน มีระยะในการปฏิบัติการยาวนาน สามารถติดตั้งเซ็นเซอร์และอาวุธได้มากและหลากหลาย เรือผิวน้ำยุคใหม่ ยังมีความสามารถในการลำเลียงเฮลิคอร์ปเตอร์ ทำให้สามารถทำภารกิจ ASW ได้สมบูรณ์ในตัวเอง อีกทั้งเรือผิวน้ำยังเป็นฐานสำหรับควบคุมบัญชาการสำหรับภารกิจต่อต้านเรือดำน้ำอีกด้วย ในช่วงสงครามโลก เนื่องจากทรัพยากรมีจำกัด การใช้ทรัพยากรจึงต้องมีการวางแผนให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด เรือสำหรับคุ้มกันกองเรือ/ต่อสู้เรือดำน้ำ จึงนิยมใช้เป็นเรือขนาดเล็กลงมา เช่น เรือคอร์เวต ซึ่งจะประหยัดในการผลิตจำนวนมาก และจะได้ปล่อยให้เรือขนาดใหญ่ราคาแพง เช่น เรือพิฆาต ไปทำหน้าที่ต่อสู้กับเรือรบด้วยกันเอง ซึ่งหลักนิยมในการใช้เรือขนาดเล็ก (คอร์เวต/ฟริเกต) สำหรับ ASW นี้ ยังคงมีอยู่ในปัจจุบัน (ทร.ไทย ก็มีเรือชุดรัตนโกสินทร์ เป็นต้น) ภาพ: เรือฟริเกตชั้น Oliver Hazard Perry ซึ่งถูกสร้างตั้งแต่ทศวรรษ 1970s จุดมุ่งหมายเพื่อต่อสู้กับเรือดำน้ำของอดีตสหภาพโซเวียต ระหว่างสงครามเย็น จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:04:14

ความคิดเห็นที่ 4 เรือดำน้ำ (โดยเฉพาะ Nuclear Submarine): จากความได้เปรียบในแง่ความคงทน และความสามารถในการซ่อนเร้นจากการตรวจจับ ทำให้เรือดำน้ำเอง ได้กลายมาเป็นเครื่องจักรที่มีบทบาทในการต่อต้านเรือดำน้ำด้วยกันเอง เรือดำน้ำในปัจจุบัน ได้มีการติดตั้งระบบตรวจจับที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ESM, Active/Passive Sonar, Radar หรือแม้แต่การค้นหาด้วยสายตา (Visual Sensor) ภาพ: เรือ USS San Francisco (SSN 711) ซึ่งเป็นเรือในชั้น Los Angeles จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:14:10

ความคิดเห็นที่ 5 Passive Sonar: ระบบตรวจจับนี้ มีหลักการทำงานคือ ระบบจะคอยดักจับเสียง/ความสั่นสะเทือน ที่เกิดจากแหล่งกำเนิด เมื่อเรือดำน้ำฝ่ายตรงข้ามเคลื่อนที่ บริเวณรอบลำตัว/ใบพัด/หรือตัวเครื่องยนต์เองจะก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนส่งออกไปโดยรอบ Passive Sonar จึงไม่จำเป็นต้องส่งสัญญาณใดๆ ออกไป เพียงแต่รอรับสัญญาณนี้เท่านั้น จึงทำให้ระบบมีข้อดีในการซ่อนจากการตรวจจับ อย่างไรก็ตาม Passive Sonar ก็จะเกิดปัญหาเมื่อเจอกับเรือที่เงียบมากๆ เช่น เรือดำน้ำที่ใช้แบตเตอร์รี่ ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดสัญญาณใดๆ ออกมา (เรือสมัยใหม่แทบทุก class จะค่อนข้างเงียบ เช่น German Type 209 หรือ Swedish Gotland class เป็นต้น) ระยะตรวจจับของ Passive Sonar ขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัย เช่น ตัวแหล่งกำเนิด ว่ามีความเงียบมากแค่ไหน สัญญาณระบบกวนก็มีผลต่อการดักฟังของระบบ ในท้องทะเลมักปรากฏว่ามีเสียงรบกวนอยู่เสมอๆ เสียงจากผิวน้ำที่แทรกลงมาใต้น้ำ ยิ่งระยะการตรวจจับนั้นสั้นลง ในกรณีที่อยู่ในพื้นที่ที่มีการจราจรทางน้ำคับคั่ง Passive Sonar อาจไม่สามารถแยกแยะความต่างระหว่างเป้าหมายกับเรือสินค้าได้เลย และจากระยะที่ยิ่งไกล เสียงก็จะยิ่งมีการสูญเสียพลังงานไปให้แก่สภาพแวดล้อมมาก จำเป็นต้องแก้ไขโดยใช้เครื่องรับที่มีประสิทธิภาพ แต่โดยรวมแล้ว Passive Sonar ในเรือดำน้ำ ถือว่ามีระยะการตรวจจับที่ค่อนข้างไกล ในสภาวะที่เหมาะสม อาจจับความเคลื่อนไหวได้ไกลกว่า 50 NM ภาพ: จะเป็นการติดตั้ง Passive Sonar ของเรือดำน้ำ Virginia Class ซึ่งในเรือดำน้ำทั่วไปอาจติดตั้งเซ็นเซอร์แค่สองจุด คือ ส่วนลากต่อจากหาง (Towed Array-ลดจุดบอด) และอยู่ที่ส่วนหัว (Hull Array-ร่วมกับ Active Sonar) แต่ในเรือชั้นนี้ จะมีการเพิ่ม Hydrophone ในจุดต่างๆ เพื่อให้การตรวจจับมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 11:22:53 จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:21:45

ความคิดเห็นที่ 6 Passive Sonar ยังสามารถติดตั้งได้บนเรือผิวน้ำ หรือ Sonobuoy แบบ Passive ซึ่งสามารถทิ้งได้จากบนเครื่องบิน อย่างไรก็ตาม Passive Sonar จากเรือผิวน้ำ Passive Dipping Sonar หรือ Passive Sonobuoy ก็มีข้อเสียเปรียบเรือดำน้ำเรื่องระยะตรวจจับซึ่งน้อยกว่า อันเนื่องมาจากเสียงรบกวนบริเวณผิวน้ำ ซึ่งมากกว่าบริเวณใต้น้ำนั่นเอง (ระยะตรวจจับเหลือแค่ไม่กี่ NM) อีกข้อดีหนึ่งของ Sonar แบบ Passive คือ ความสามารถในการแยกแยะเป้าหมาย ว่าเสียงนั้นมาจากแหล่งกำเนิดเสียงใด *ภาพใหญ่เกิน ขอลบออกนะครับ แก้ไขเมื่อ 13 พ.ค. 55 11:50:21 จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:24:54

ความคิดเห็นที่ 7 Active Sonar: หลักการทำงานคือ อาศัยการส่งคลื่น ซึ่งเรียกกันว่า Ping ออกไปรอบตัว เมื่อคลื่นกระทบกับวัตถุก็จะมีการสะท้อนกลับมา ยังอีกส่วนหนึ่งซึ่งเรียกว่าเครื่องรับ ซึ่งก็จะคอยจับสัญญาณที่สะท้อนกลับ และคำนวณระยะห่างระหว่าง Sonar และเป้าหมาย ระยะตรวจจับของ Active Sonar ขึ้นกับความแรงในการส่งสัญญาณของ Sonar, การสูญเสียกำลังส่งให้กับสภาพแวดล้อม การสะท้อนกลับของวัตถุ, สัญญาณรบกวน, รวมถึงความสามารถในการประมวลผลของระบบ Sonar ด้วยข้อจำกัดหลายอย่าง ทำให้ระยะในการตรวจจับของ Active Sonar นั้นสั้นมาก คือประมาณ 0-5 NM เท่านั้น อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการถูกตรวจจับได้โดย Passive Sonar ของเรือดำน้ำ โดยระยะที่ถูกตรวจจับได้ จะมากกว่าประมาณ 2-5 เท่า Active Sonar อาจให้ตำแหน่งของวัตถุใต้น้ำที่แน่นอนได้ แต่ก็ไม่สามารถจำแนกได้ว่าวัตถุนั้นคืออะไร (สัญญาณที่กลับมาไม่แตกต่างกัน) แต่อย่างไรก็ตาม Active Sonar ก็มีแง่ดีในความสามารถตรวจจับเรือดำน้ำที่เงียบมากๆ ได้ ภาพ: เครื่องบิน Z-9 ของ กองทัพเรือแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ซึ่งมีทั้ง Dipping Sonar และ Pulse-Compression Radar ในภารกิจต่อต้านเรือดำน้ำ (ASW) จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:29:28

ความคิดเห็นที่ 8 Radar: วิธีการดั้งเดิมที่ใช้ในการค้นหาเรือดำน้ำ เมื่อเรือดำน้ำโผล่ขึ้นเหนือผิวน้ำ หรือส่งกล้อง Periscope ขึ้นมา อากาศยานสามารถจะใช้เรดาร์ตรวจจับการสะท้อนของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากวัตถุผิวน้ำเหล่านี้ได้ ซึ่งระยะในการตรวจจับของเรดาร์ จะน้อยกว่าระยะสายตา (ลองคำนวณ เครื่องบินน่าจะบินสูง 2000 feet กล้องโผล่เหนือน้ำ 1 Feet ระยะสายตาคือ 104 Km) ซึ่งเอาจริงๆ แล้ว โอกาสน้อยมากๆ ที่เรือดำน้ำจะโผล่ขึ้นมา หรือใช้กล้อง Periscope หากเรือรู้ว่ากำลังถูกค้นหาอยู่ อีกทั้งเรือดำน้ำยังมีเทคโนโลยี ESM ที่สามารถแจ้งเตือนได้เมื่อถูกตรวจจับโดยเรดาร์ ซึ่งระยะตอบโต้การตรวจจับ จะไกลกว่าระยะตรวจจับเสมอ ภาพ: P-8A Poseidon ยิงตอร์ปิโด MK 54 สำหรับฝึก, P-8A เป็นเครื่องบินสำหรับภารกิจ ASW ของนาวีสหรัฐฯ มีเรดาร์ตรวจการณ์ทางทะเล แบบ APY-10 สามารถยิงตอร์ปิโดหรือทิ้ง Sonobuoy ได้ อีกทั้งยังมีระยะทำการที่ไกล ปฏิบัติการ ASW ได้นาน (ค้นหาได้ต่อเนื่อง ประมาณ 4 ชม.) จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:33:49

ความคิดเห็นที่ 9 การตรวจจับด้วยสายตา: อันนี้ผมไม่ได้เอาฮานะ แต่มันทำได้จริงๆ เรือหรือเครื่องบินอาจใช้กล้องเพื่อมองหาเรือดำน้ำ กล้อง Periscope ที่ยื่นขึ้นเหนือน้ำ อาจถูกมองเห็นได้ในระยะไกล (แต่ขอโทษ ตัวกล้องมันส่องหาเราได้เป็นไมล์) การฝึกฝนและทักษะของลูกเรือ เป็นกุญแจสำคัญสำหรับการมองหาเรือดำน้ำ ลองดูภาพละกัน ว่ากล้อง Periscope ที่เห็นจากในน้ำเป็นอย่างไร ถ้าโชคดี (มากๆ) เราน่าจะหาเจอ จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:36:54

ความคิดเห็นที่ 10 การใช้ไฟค้นหาจากเครื่องบิน วิธีการดั้งเดิมตั้งแต่สมัยสงครามโลก (มีโอกาสน้อยที่จะได้ผลในปัจจุบัน) ซึ่ง ณ ตอนนี้ เราอาจใช้เทคโนโลยีที่เรียกว่า Forward looking infrared (FLIR) ในการช่วยค้นหาได้ แต่ผลลัพธ์ก็ไม่แตกต่างกันมากนัก (คือ ตรวจพบได้ในระยะไม่กี่ NM) จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:39:05

ความคิดเห็นที่ 11 วิธีการอื่นๆ เช่น Magnetic Anomaly Detector ซึ่งเป็นการตรวจสอบสนามแม่เหล็กของโลกโดยอากาศยาน วัตถุขนาดใหญ่ เช่น เรือดำน้ำ จะทำให้สนามแม่เห็นของโลกเปลี่ยนแปลงไป ซึ่งหากเราพบความผิดปกตินี้ ก็จะทำให้ทราบตำแหน่งเรือดำน้ำได้ โดยวิธีนี้จะได้ผล เมื่อเครื่องบินบินที่ระยะไม่เกิน 1-2,000 Feet จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:41:26

ความคิดเห็นที่ 12 อุปกรณ์อีกชนิดซึ่งถูกใช้ใน ASW ก็คือ Sonobuoy ซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการขยายระยะการตรวจจับด้วย Sonar Sonobuoy มีทั้งแบบที่เป็น Active และ Passive สามารถปล่อยจากเรือผิวน้ำ หรือปล่อยจากเครื่องบินได้ ระยะการตรวจจับของชนิด Active ก็ค่อนข้างสั้น คือประมาณ 0-5 NM ทำให้การใช้ Sonobuoy จะต้องใช้ในปริมาณมากๆ อีกทั้ง Sonobuoy ยังมีข้อจำกัดในเรื่องของแบตเตอร์รี่ (2.5-6 ชม. แถมใช้ได้ครั้งเดียว) การใช้จึงต้องทำอย่างรอบคอบ ในภารกิจคุ้มกันเรือบรรทุกเครื่องบิน หรือ High Value Units อื่นๆ พื้นที่ทางทะเล จะถูกแบ่งออกเป็นสี่เหลี่ยมกว้าง 25 NM โดยภายในจะประกอบไปด้วย เรือฟริเกต และ Nuclear Submarine ซึ่งคอยดักฟังเรือดำน้ำด้วย Passive Sonar อีกทั้งยังมีเรือรบอีกจำนวนหนึ่ง เครื่องบินปีกตรึง เฮลิคอร์ปเตอร์ ซึ่งทำหน้าที่อิสระในการค้นหาเรือดำน้ำอยู่โดยรอบ หากอยู่ในสถานการณ์ที่ล่อแหลม กองเรืออาจตัดสินใจทิ้ง Sonobuoys เป็นแนวป้องกัน เพื่อคอยตรวจจับเรือดำน้ำ แต่ในกรณีที่ไม่จำเป็นมาก Dipping Sonar จากเฮลิคอร์ปเตอร์ ก็อาจเป็นทางเลือกที่ประหยัดกว่าการใช้ Sonobuoy ภาพ: การบรรจุ Sonobuoy บนเครื่อง P-3 และการทิ้ง Sonobuoy เพื่อสร้างแนวป้องกัน จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:44:03

ความคิดเห็นที่ 13 จากทั้งหมดนี้ ก็น่าจะพอเห็นภาพแล้วนะครับ ว่าภารกิจต่อต้านเรือดำน้ำ ไม่ใช่งานที่ทำกันได้ง่ายๆ เลย แค่การค้นหาเรือดำน้ำให้พบ ซึ่งเป็นด่านแรกของ ASW ก็ต้องใช้ทั้ง ทักษะ “ดวง” (ฟังไม่ผิดครับ) และยุทโธปกรณ์ แทบทั้งหมดที่มีจึงจะบรรลุเป้าหมาย เรือดำน้ำถือว่ามีแต้มต่อในด้านระยะตรวจจับที่ไกลกว่า ทำให้มักเป็นฝ่ายเลือกได้ว่า จะโจมตีเป้าหมาย หรือหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัย ณ จุดนี้ ผมยังนึกไม่ออกว่า ด้วยเทคโนโลยีที่มีในปัจจุบัน เราจะเอาอะไรไปต่อกรกับเรือดำน้ำ ที่แม้แต่สหรัฐฯ ซึ่งมีเทคโนโลยีที่เหนือกว่า ยังต้องหันไปพึ่งเรือดำน้ำด้วยกัน ในการปกป้องทะเลจะภัยใต้น้ำนี้ หากถึงเวลาที่ประเทศเราถูกเรือดำน้ำคุกคามจริงๆ แม้เราจะเอาเรือที่มีทุกลำออกค้นหาแล้วปรากฏว่าคว้าน้ำเหลว ผลลัพธ์นี้ ก็ไม่ได้เกินกว่าการคาดการณ์ของผมไปสักเท่าไร... จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:48:38

ความคิดเห็นที่ 14 กองเรือประมงไทย ได้พัฒนาวิธีตรวจจับเรือดำน้ำในบริเวณอ่าวไทย ด้วยการใช้อวนลากหน้าดิน ฮิฮิ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:53:50

ความคิดเห็นที่ 15 *จบแล้วครับ ขออภัยที่บางภาพใหญ่เกิน ภาพที่เกินมากๆ ผมจึงถือโอกาสลบออกไป หากมีโอกาสตั้งกระทู้อีก จะพยายามคุมให้อยู่ที่ 800*600 หรือกว้างไม่เกิน 1000 นะครับ* เพิ่มเติม: Anti-submarine Warfare: en.wikipedia.org/wiki/Anti-submarine_warfare Sonar: en.wikipedia.org/wiki/Sonar ESM: en.wikipedia.org/wiki/Electronic_warfare_support_measures Line of sight: www.tscm.com/rdr-hori.pdf YouTube: ASW: Coordinated Anti-Submarine Warfare - Part 1, 2 จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 11:55:14

ความคิดเห็นที่ 16 ขนาดกองเรือบรรทุกเครื่องบินของสหรัฐ ที่คุยว่าเครื่องมือเจ๋งที่สุดในโลก ยังเคยโดนเรือดำน้ำจีนโผล่ขึ้นมาเล่นจ๊ะเอ๋ ให้ตกใจกันเล่นแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวเลย จากคุณ : สายลมในม่านหมอก เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 12:29:58

ความคิดเห็นที่ 17 ขอบคุณสำหรับขอมูลครับ ส่วน14จะเอาฮาไปถึงชาติไหน จากคุณ : auonline เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 12:32:41

ความคิดเห็นที่ 18 ขอบคุณสำหรับกระทู้ดีๆมีสาระความรู้ครับ จากคุณ : unicorn-k เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 13:58:40

ความคิดเห็นที่ 19 ทำไมประเทศเรา ไม่มีซักลำเรยล่ะ....!!! จากคุณ : คิดนานแล้วก่อนที่จะพิมพ์ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 14:06:02

ความคิดเห็นที่ 20 ตรงที่ใช้ FLIR ช่วยตรวจหากล้อง Periscope นั้นก็เป็นจริงส่วนหนึ่งครับ แต่อีกส่วนที่สำคัญคือ FLIR หรือ IRDS (Infra-Red Detection System) จะช่วยให้นักบินสามารถมองเห็นรอยทางความร้อนที่เกิดจากอุณหภูมิที่ต่างกันของตัวเรือและสิ่งแวดล้อม หรือความร้อนที่เกิดจากการระบายน้ำร้อนออกจากตัวเรือดำน้ำเมื่อเรือลอยลำขึ้นครับ (โดยเฉพาะพวก Nuclear Submarine) จากคุณ : มนุษย์ถ้ำ เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 15:00:23

ความคิดเห็นที่ 21 "อ่าวไทยมันตื้น"!!!!  ใช้เรือดำน้ำไม่ได้ เค้าว่ามางั้น จากคุณ : BangRon TUN เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 15:37:42

ความคิดเห็นที่ 22 ภาพขวามือใน#12 มาจากเกมdangerous waterแน่เลย เล่นเกมนี้แล้วรู้เลยว่าเรือดำน้ำได้เปรียมกว่าจริงๆแต่ถ้าโดนยิงทีก็บายๆ จากคุณ : lozenge เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 15:49:59 A:125.24.6.123 X: TicketID:355498

ความคิดเห็นที่ 23 ้ถ้ากองเรือบรรทุกเครื่องบินมีการตรวจจับที่มากมายขนาดนี้ เป็นไปได้ไหมครับว่าครั้งที่เรือดำน้ำจีนไปโผล่ข้างๆเรือบรรทุกเครื่องบินลุงแซมนั้น จริงๆแล้วโดนตรวจจับได้ แต่ไม่กระโตดกระตากเพื่อเป็นการลวงเป้าหมาย เพราะดูแล้วมันมีเครือข่ายการเฝ้าระวังเยอะมาก หรือว่าเรือดำน้ำจีนมีอะไรที่พิเศษ หรือเทคนิคใดรึเปล่าครับ จากคุณ : ขอบฟ้าบูรพา เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 16:16:45

ความคิดเห็นที่ 24 ต้องเชิญคุณริว จิตสัมผัส ครับ 555 ตรวจด้วยจิต จากคุณ : sea_true เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 18:02:27

ความคิดเห็นที่ 25 ทะเล บอลติกก็ไม่ได้ลึกมากไปกว่าอ่าวไทยเท่าไรนะครับ แต่แถวนั้น เรือดำน้ำ วิ่งกันให้ขวั่ก มีทั้ง โซเวียต สวีเดน ฟินแลนด์ เยอรมัน และก็น่าจะมี อเมริกาด้วย ตอนสงครามโลกครั้งที่สอง ก็มีสงครามเรือดำน้ำ ไม่แพ้ในทะเลเหนือและ ในมหาสมุทรแอตแลนติกนะครับ จากคุณ : สายลมในม่านหมอก เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 18:09:42

ความคิดเห็นที่ 26 เพราะอย่างนี้ เราถึงต้องมีเรือดำน้ำ เพื่อไว้ฝึกปราบเรือดำน้ำ เพราะเมื่อไม่มีเรือดำน้ำ ก็หมายความว่าเราไม่รู้จักเรือดำน้ำ พอเกิดสงครามจริงๆ ทหารของเราคุ้นเคยกับเรือดำน้ำน้อย ก็จะไม่สามารถปราบเรือดำน้ำข้าศึกได้อย่งมีประสิทธิภาพ การฝึกทางทหารหลายครั้งที่ผ่านมา ทหารเรือแทบจะไม่ได้ฝึกกับเรือดำน้ำเลย แต่ถ้าเรามีเรือดำน้ำ เราก็จะได้ฝึกปราบเรือดำน้ำกับของจริง ไม่ใช่เป้าจำลอง จะได้มีความรู้ ความเคยชินกับเรือดำน้ำ จากคุณ : มนุษย์ดาวอังคาร เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 18:18:20

ความคิดเห็นที่ 27 เอามาฝากอีกระบบ ระบบสุ่ม.... มันก็เหมือนสุ่มจริงๆนั้นแหละครับ ระบบง่ายๆครับ พอโซนาร์ตรวจจับวัตถุใต้น้ำได้แล้ว บนเรือก็จะประเมินว่าเป้าหมายน้ำใช่เรือดำน้ำหรือไม่ และก็จะประเมินตำแหน่งที่เรือดำน้ำเคลื่อนตัวไป จะตรงหรือไม่ตรง ใช่หรือไม่ใช่ขึ้นอยู่กับฝีมือ และทำการยิงระเบิดหลายๆลูก กระจายกันไปเพื่อทำลายเรือดำน้ำ อาจจะมีลูกหนึ่งลูกใดโดนเรือดำน้ำก็ได้ จากคุณ : มนุษย์ดาวอังคาร เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 18:48:59

ความคิดเห็นที่ 28 ส่วนอาวุธปล่อยนำวิถี ASROC ( ตอร์ปิโด ASROC ) จะมีระบบดีกว่าของเรือชั้นเจ้าพระยา โดยทำการติดตั้งบนเรือหลวงพุธยอดฟ้่าฯ  และเรือหลวงพุธเลิศหล้าฯ มีความแม่นยำกว่ามาก เพราะ ASROC เป็นตอร์ปิโดแบบนำวิถี และทำงานร่วมกับโซนาร์ของเรือรบ ซึ่งโซนาร์ของเรือชั้น knox มีประสิทธิภาพดีพอสมควร จากคุณ : มนุษย์ดาวอังคาร เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 19:06:28

ความคิดเห็นที่ 29 ความคิดเห็นที่ 23 ้ถ้ากองเรือบรรทุกเครื่องบินมีการตรวจจับที่มากมายขนาดนี้ เป็นไปได้ไหมครับว่าครั้งที่เรือดำน้ำจีนไปโผล่ข้างๆเรือบรรทุกเครื่องบินลุงแซมนั้น จริงๆแล้วโดนตรวจจับได้ แต่ไม่กระโตดกระตากเพื่อเป็นการลวงเป้าหมาย เพราะดูแล้วมันมีเครือข่ายการเฝ้าระวังเยอะมาก หรือว่าเรือดำน้ำจีนมีอะไรที่พิเศษ หรือเทคนิคใดรึเปล่าครับ ----------------------------------------------------------------- เป็นไปไม่ได้ มันคือหน้าตา และขวัญกำลังใจ ลองคิดตาม กองเรือบรรทุกฯ มีเรือกี่ลำ อุปกรณ์พวก passive ทั้งหลาย มักใช้ไม่ได้ผล ระบบประมวนผลทำงานได้ไม่ดี เมื่อมีความถี่ มากๆ ลองคิดดูมีใบจักรกี่ใบ ความถี่ของเรือดำน้ำข้าศึก อาจเข้าใกล้ ความถี่เรือ ลำใดลำหนึ่งของตน อุปกรณ์พวก active ทั้งหลาย ก็ไม่ไดผล ถ้ากัปตันเรือดำน้ำนั้นรู้จักภูมิประเทศดีพอ รวมกับการออกแบบเรือดำน้ำดีพอ แต่นี้ก็ไม่ได้หมายความว่า ถ้ามีเรือไม่กี่ลำ เรือดำน้ำจะเข้าไปใกล้ไม่ได้ //ช่วง2 week ก่อน วันที่ 26 09 2008 destroyer Atago แล่นอยู่ในน่านน้ำ ญี่ปุ่น captain ของเรือ มองผ่านกล้องส่องทางไกล ที่ประมาณระยะ กิโลกว่า เขาเห็นอะไรบางสิ่ง  อยู่เหนือน้ำ  แล้วเขา พูดว่า นั้นมัน periscope หรือเปล่า เขาถาม เจ้าหน้าที่ sonar ส่ง pinged ไป เพื่อให้เรือ ลำนั้น ลอยเหนือน้ำ ตามกฎ ไม่งั้นยิง แต่เรือดำน้ำลำนั้น ก็หายไป เรือลำนั้นคือ Type 09-1 Han Class attack submarine ที่เก่า และล้าสมัย ถ้ามาเจอ Type 093 Shang class สงสัย periscopeชน เรือพิฆาติ ก่อนมั้ง captain ถึงรู้ว่ามีเรือดำน้ำอยู่แถวนั้น http://www.canada.com/vancouversun/news/editorial/story.html?id=1931596c-f0e4-4945-a3da-42f3735da197// พูดง่ายๆ ถ้าต้องเจอกับเรือดำน้ำที่มีประสิทธิภาพสูง และกับกัปตันที่มีความสามารถ เรือดำน้ำก็น่ากลัวมาก กลับกัน ถ้าใช้เรือดำน้ำโบราณ กัปตันมือใหม่ ...แบบนี้ก็เป็นเป้าให้ depth charges แค่นั้น **รู้หรือไม่ว่า กัปตันเรือดำน้ำจีน ส่วนมากมาจาก คนที่จบด้านวิศวะเรือดำน้ำ จากมหาลัยดัง มากกว่า รร.นายเรือ จากคุณ : red_c (Hongse_c) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 19:43:54

ความคิดเห็นที่ 30 ปี2006 เรือดำน้ำจู่โจมชั้นซ่งของจีน โผล่กลางกองเรือบรรทุกเครื่องบิน Kitty Hawk ของสหรัฐในระยะแค่ 5 ไมล์ ซึ่งอยู่ในระยะยิงหวังผลของตอร์ปิโด และขีปนาวุธประจำเรือดำน้ำครับ http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2006/11/X4877729/X4877729.html จากคุณ : สายลมในม่านหมอก เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 20:23:02

ความคิดเห็นที่ 31 ถ้าตอนแรกกองทัพเรือได้เรือดำน้ำมือ2มาก็คงจะดี เพื่อที่จะได้ไว้ฝึกให้เกิดความชำนาญก่อนซื้อแบบมือ1 และเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบและปกป้องประเทศได้เพิ่มขึ้น จากคุณ : Weeravit99 เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:22:53

ความคิดเห็นที่ 32 เรือดำน้ำ =  เรือล่องหน   ความยากคือจะทำอย่างไรถึงจะหาเรือดำน้ำได้เจอ.....  คิดเล่น ๆ ถ้าเรามี Passive Sonar อยู่ใต้น้ำทั่วอ่าวไทยได้ เราก็อาจจะไม่จำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ แต่เราก็จะเป็นชาติแรกของ โลกที่ทำอย่างนั้นครับ  และก็คงต้องลงทุนมหาศาลอย่างแน่นอน จากคุณ : LogiEng เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 21:52:03

ความคิดเห็นที่ 33 1 NM ไกลแค่ไหนครับ จากคุณ : เลือนลางร่ำไร เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 22:05:52

ความคิดเห็นที่ 34 คนที่บอกว่า ออกตัวก่อนว่าไม่เก่ง ไม่รู้มาก เห็นเป็นกระทู้แนะนำเยอะเลย จากคุณ : One X (stlive) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 22:29:22

ความคิดเห็นที่ 35 Nautical mile = 1.8 km จากคุณ : jaycee เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 22:30:09

ความคิดเห็นที่ 36 คนที่บอกว่า ออกตัวก่อนว่าไม่เก่ง ไม่รู้มาก เห็นเป็นกระทู้แนะนำเยอะเลย จากคุณ : One X (stlive) เขียนเมื่อ : 13 พ.ค. 55 22:30:20

ความคิดเห็นที่ 37 ถ้ามีเงินพอ ก็ต้องวางเครือข่ายโซน่า คอยฟัง แต่ก็อาจจะโดนอวนประมงไทย ลากไปหมด จากคุณ : suw เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 10:04:39

ความคิดเห็นที่ 39 ตอนนี้ u-206 จะเป็นไงมั่งน้า กลายเป็นเศษเหล็กไปแล้วมั้ง เสียดายคอดๆ จากคุณ : 400mhz เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 13:21:50 A:171.7.171.250 X: TicketID:335254

ความคิดเห็นที่ 40 นึกถึงการ์ตูนเรื่อง silent service เลย จากคุณ : Roger A. เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 13:45:18

ความคิดเห็นที่ 41 ใน PLAN เรือ และเครื่องบินทุกลำ จะเชื่อมต่อข้อมูลผ่านC4IS (command, control, communication, computer, and intelligence simulator system) กับ 1.uavและ เครื่องบินที่เป็น AWACS(airborne warning and control system ) AEW(airborne early warning ) และELINT (electronic intelligence ) เป็นต้น 2.เครื่องบิน อย่าง J10a J11 J11b เป็นต้น 3.เรือรบอย่าง ชั้น 052b 052c เป็นต้น 4.ระบบดาวเทียมทางทหาร-สอดแนมต่างๆ 5.Beidou satellite navigation system เพื่อแบ่งปัน บริหาร ตรวจสอบ ข้อมูลแบบทันทีทันใด โดยผ่านทางศูนย์ ควบคุมสั่งการผ่าน command ตามกองเรือ แบ่งเป็น 3 กองเรือ 1. North Fleet (Qingdao) 2. East Fleet (Ningbo) 3. South Fleet (Guangzhou) โดยศูนย์ใหญ่ที่ PLA Central Command ใน Beijing ด้วยระบบดังกล่าวจะทำให้เรือดำน้ำ มีข้อมูลเพียงพอในการปฎิบัติงาน แม้จะอยู่ใน mode passive      และยังมีข้อดีอีกอย่างคือ อุปกรณ์ในระบบ passive จะทำงานร่วมกับระบบคอมพิวเตอรความเร็วสูง (super com) ที่ศูนย์บัญชาการตามที่กล่าวมา เพื่อประมวลผล ความถี่ที่ได้ว่าเป็น เรือชนิดใด ชื่อ ชั้นอะไร โดยข้อมูลจะเก็บใว้ที่ ศูนย์บัญชาการ และมีจำนวนข้อมูลมหาศาล และทันสมัยอยู่เสมอ **ระบบนี้ ยังสามารถใช้กับเรือโจมตีเร็ว อย่าง Type 022 ใน mode passive ใน ‘wolf pack’ operational ดังนั้นแล้ว ถึงมีเรือดำน้ำ หรือ ทุ่นลอย passive จำนวนมาก ก็ตาม แต่ถ้าไม่มีระบบ C4IS ,super com และฐานข้อมูลความถี่จำนวนมากแล้ว ก็ไม่มีประโยชน์อะไร จากคุณ : Hongse_c เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 16:32:15

ความคิดเห็นที่ 42 . จากคุณ : ravio เขียนเมื่อ : 14 พ.ค. 55 19:49:13

ความคิดเห็นที่ 43 สาระดีดี ขอบคุณน๊า จากคุณ : glock26gen4 เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 10:10:38

ความคิดเห็นที่ 44 ผมว่าเรือดำน้ำ USA คงเข้านอกออกในน่านน้ำจีนจนทะลุปรุโปร่งแล้วล่ะครับ แต่ไม่ลอยลำเย้ยให้ต้องมานั่งขอโทษขอโพย หรือเสี่ยงต่อการถูกยิงเพราะการอยากอวดโชว์พาว ความเป็นมืออาชีพในสายงานมันผิดกัน การตรวจจับเรือดำน้ำทำได้ยาก และสิ้นเปลืองงบประมาณมาก ถ้าจะป้องกันไม่ให้ซ่งเข้าประชิด ต้องใช้เงินมหาศาล ยามสงบคงไม่มีใครเขาจัดเต็มหรอกครับ ถ้าอยากพิสูจน์ว่า ซ่ง หรือเรืออื่นแน่แค่ไหนโดยไม่ต้องประกาศสงครามกัน คงต้องจัดประลองเล่นแมวจับหนูกัน ถ้ามีการจัดเต็มเรื่องการค้นหาเรือดำน้ำ จีนจะกล้าเข้าใกล้หรือเปล่า... จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 10:23:11

ความคิดเห็นที่ 45 นึกถึงฮีโร่จีนหวางเหว่ยเลยแฮะ ไม่มีความเป็นมืออาชีพ เล่นเสี่ยงแบบเด็กๆ บังเอิญว่าตัวตายเพราะ"ธรรมชาติ"โดยแท้ แถมลากเอาคนอื่นเขาเสี่ยงตายไปด้วย ไม่มีใครเขาอยากเอาเครื่องบินตัวเองไปเสี่ยงเคาะกระบาลใครหรอก จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 10:25:10

ความคิดเห็นที่ 46      การปฎิบัติการเรือดำน้ำ ลักษณะเชิงรุกในยามสงบ แบบในกรณี ปี 2006 นั้นได้เห็นบ่อย ทั้งกรณีจีน ทำกับ us และ ญี่ปุ่น หรือus เข้าน่านน้ำ หรือสะกดรอยเรือจีน เขาไม่ได้ทำเพราะความอยากอวด Song ก็เช่นกัน กัปตัน ก็เป็นคนเหมือนคุณ กว่าเขาจะเป็นกัปตัน รดน. ได้ ส่วนใหญ่ต้องจบจาก ป.ตรี หรือโท ด้านวิศวะเรือดำน้ำ หรือที่เกี่ยวข้อง ชีวิตเขาก็มีค่า และยังไม่นับลูกเรืออีก ก็มีค่าเช่นกัน เขาก็ไม่อยากเสี่ยง แต่ทำเพราะความจำเป็น ทำไมต้องทำ จะบอกให้จะได้รู้ 1.เพื่อเก็บข้อมูลความถี่ ของเรือแต่ละลำโดยเฉพาะ เรือใหม่ของ ข้าศึก ด้วยอุปกรณ์ในระบบ passive เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูล สำหรับระบบพิสูจน์ฝ่าย ที่จะส่งไป command ตามกองเรือต่างๆ ที่จริง ผมจะบอกให้ ที่จริงเขาก็ไม่อยากเข้าไปหรอกมันเสี่ยง แต่จะไปขอเก็บตัวอย่างความถี่ของ us us ก็คงไม่ให้ เลยต้องเข้าไปเอาเอง วิธีนี้ไม่ใช่แค่เรือดำน้ำทำกันเท่านั้น เครื่องบินประเภทAWACS(airborne warning and control system ) AEW(airborne early warning ) และELINT (electronic intelligence ) ก็ทำกัน โดยทำการบินตามใกล้เขตแดน อย่างญี่ปุ่นโดนบ่อย หรือใกล้กองเรือข้าศึก เพื่อเก็บ ทดสอบ ประเมินระบบ Sensor ต่างๆ ของข้าศึก ถ้าไม่ทำอย่างนี้ จีนจะรู้ไหมว่า AESA ของเครื่องบินญี่ปุ่นไม่ค่อยดีเท่าไร เป็นต้น เครื่องบินประเภทนี้ บินทุกวัน ทั้ง us และจีน ต่างก็ทำ เป็นเรื่องปกติ ไม่งั้นจะรู้หรือ sensor ของใคร เป็นอย่างไร 2.ทดสอบประสิทธิภาพตัวเรือ กำลังคน กัปตัน และขีดจำกัด ซ้อมรบบ่อยแค่ไหน ก็ไม่เท่ากับเข้าสู่สภาวะการณ์จริง ลองคิดถ้าSong หรือHan 403 ไปเข้าไป ไม่ทำ วันนั้น วันนี้จะมีหลุมดำอย่าง Yuan และ Qing หรือ ?? 3.มหาอำนาจ อย่างจีน หรือus เขาลงทุนเท่าไรกับกองเรือดำน้ำ ว่างๆ ไม่มีสงครามจะให้ทำไร จะให้ฝึก ยังไงก็ไม่เหมือนจริง หรือจะให้มาเล่น pantip ก็ไม่แน่อาจมี ดังนั้นแล้วเขาก็ต้องการวิธีที่จะพัฒนาตนเอง ก็แค่นั้น จากคุณ : Hongse_c เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 13:33:12

ความคิดเห็นที่ 47 แล้วทำไมต้องโผล่โชว์ตัวด้วยล่ะครับ หรือว่าจะลองดูว่า โผล่กล้องแล้วจะเห็นมั๊ย อย่างเนี้ยเหรอครับ จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 13:59:22

ความคิดเห็นที่ 48 คือผมว่า พวกเราก็คงรู้กันอยู่ว่า ถ้าจัดระบบป้องกันเต็มที่ยามสงคราม โอกาสที่เรือดำน้ำลำนึง เข้าใกล้กองเรือของแต่ละฝ่ายมันยาก เรือ USA ก็อาจจะเข้าไปโดนของจีนได้ง่ายๆเหมือนกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันเป็นยามสงบ คงไม่มีใครเอา ฮ ไปหย่อนบุยทิ้งทุ่นกันเต็มที่ เพื่อหาสิ่งที่มันอาจมี หรือไม่มีอยู่ ผมเลยรู้สึกแปลกนิดๆ ที่เอาเรื่องเรือจีนมาโผล่ใกล้คิตตี้ฮอว์กมาคุยราวกับว่า มันจะทำอย่างนั้นได้แน่ๆยามสงคราม การตอบโต้จีนด้วยการทำอย่างเดียวกัน แม้ว่าอาจจะทำได้สบายๆ แต่ถ้าทำแล้วบางทีอาจดูเหมือนเด็กๆข่มกัน ไม่ได้ดูถูกจีนนะครับ เพราะว่าเรือ USA ก็น่าจะเข้าใกล้กองเรือจีนได้ยากเช่นกันยามสงคราม จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 14:16:03

ความคิดเห็นที่ 49 ในกรณีนั้น (2006) ห่างกันตั้งหลาย10กิโล  ครับ โผล่ นั้น ก็ไม่ได้เย้ยอะไร สื่อแค่เล่นข่าว การโผล่ของ รดน. อาจเป็นไปได้หลายกรณี เช่นอุปกรณ์บางอย่างเสียหาย โดยเฉพาะพวก communications and datalinks ต่าง ที่ใช้ติดต่อกับ ดาวเทียม อุปกรณ์พวกนี้เสียหายได้ง่าย โดยเฉพาะเจอกับ shock waves ของ deep charge ซึ่ง shock waves จะไม่สามารถทำอะไรตัวเรือได้ แต่อาจทำให้อุปกรณ์ sensor เสียหาย นี่เป็นกรณีหนึ่ง หรือโผล่เพื่อแสดงความเป็นมิตร ในกรณีถูก sensor active ของ us ตรวจจับได้ จึงต้องโผล่ นี่ก็เป็นไปได้___แต่ปกติจะหนี หรือโผล่เพื่อรอให้เรือ หรือฮ. ของฝ่ายตนมาสนับสนุนสเบียง หรือกรณีอื่นๆ จากคุณ : Hongse_c เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 14:28:14

ความคิดเห็นที่ 50 คุณ Hongse_c ครับ เป็นไปได้มั้ยครับ ที่วันนั้นไม่มีเรือดำน้ำสหรัฐคุ้มกันไป จาก: http://en.wikipedia.org/wiki/Valiant_Shield http://en.wikipedia.org/wiki/United_States_Fleet_Activities_Yokosuka ผมดูแล้วก็งงเหมือนกันที่ Fleet นี้ในญี่ปุ่นไม่มีเรือดำน้ำคุ้มกัน เต็มที่ก็เห็นมีแค่เรือ Aegis ชั้น Arleigh Burke-class ซึ่งโซน่าร์เทพ ก็คงไม่ช่วยอะไรถ้าเจอรด.ดีเซล-ไฟฟ้า ปล.ผมไม่ค่อยเข้าใจวิธีจัด Task Force ของ US Navy เท่าไรนัก (โดยเฉพาะกองเรือแปซิฟิกซึ่งใหญ่มาก) ถ้าช่วยอธิบายจะขอบคุณมากครับ จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:08:43

ความคิดเห็นที่ 51 ขอบคุณมากๆ สำหรับความรู้นะครับ จากคุณ : noname เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 17:49:21 A:27.130.204.2 X: TicketID:331844

ความคิดเห็นที่ 52       จากรูป a รดน. ลำขวาใช้passive sonar ตรวจจับ ความถี่ของ รดน. ลำซ้าย เส้นสีน้ำเงิน แสดงความถี่ที่เกิดจาก รดน.ลำซ้าย แต่ไม่ได้มีแค่ความถี่ของ รดน.ลำซ้ายแล้ว ยังมีความถี่ของ ocean surface noise(เส้นสีน้ำเงิน) และ shipping noise (เส้นสีแดง) ที่รวมเอาเรือรบ เรือทุกประเภทที่อยู่บริเวณนั้น      จากรูป b active sonar เรือรบส่งคลื่นความถี่ (เส้นสีแดง) และจับเอา ความถี่สะท้อนกลับ echo (เส้นสีน้ำเงิน) แต่ไม่ได้มีแค่ echo ของรดน.เป้าหมายเท่านั้น ยังมี shallow−water environment ความถี่ของสภาวะแวดล้อม อยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็น passive หรือ active ก็มีปัญหาเหมือนกันคือ สัญญานรบกวน ค่าที่บอกคุณภาพของความถี่ที่ใช้ได้ คือ signal-to-noise ratios       ถ้าใช้คอมพิวเตอร และโปรแกรม บันทึก ช่วงความถี่ช่วงหนึ่ง ตัดให้แคบ และทำการเปรียบเทียบกับความถี่ กับbackground noise มาเทียบกับเวลา เพื่อเอาความถี่ที่เป็นขยะออกไป ก็จะได้ความถี่ของเรือเป้าหมายจริงๆ ซึ่งเรียกระบบนี้ว่า LOFAR (LOw Frequency Analysis and Ranging)พัฒนาปี1950s ซึ่งจะเป็นการเพิ่มsignal-to-noise ratios ต่อมาเมื่อรดน.พัฒนามากขึ้น จำกัด/ควบคุมความถี่ต่างๆ ที่เกิดบนเรือ และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วต่ำ ทำให้การตรวจสอบด้วย passive กระทำได้ค่อนข้างยาก       และต่อเมื่อได้นำเทคนิคนี้ไปตรวจสอบ/วิเคราะ ความถี่ที่เกิดขึ้นขณะของแข็ง(ลำตัวเรือดำน้ำ) ขณะเคลื่อนที่ผ่านของไหล Boundary Layer โดยเฉพาะตอนที่เป็น turbulent water flow (มักเกิดจาก shock waves จากdeep charge ) ทำให้รดน. ที่ว่าเงียบ และเคลื่อนที่ช้าแล้ว ก็ยังถูกตรวจจับได้      แต่ปัจจุบัน รดน.มีความเงียบมากขึ้นโดยเฉพาะพวก SSG เช่น Yuan และQing เป็นต้น นั้นได้ออกแบบตัวเรือออกแบบตามหลัก hydro-dynamically sleek profile ที่ก้าวหน้าขึ้น และควบคุมการเกิด turbulent water flow ได้(ในระดับหนึ่ง) ซึ่งรดน.แบบนี้นั้น เงียบทั้งขณะอยู่กับที่ และยังเงียบอยู่แม้ต้องเคลื่อนที่ จากคุณ : red_c (Hongse_c) เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 19:16:01

ความคิดเห็นที่ 53 รดน.คุ้มกัน มีคำถาม รดน.คุ้มกัน กองเรือขนาดใหญ่ได้จริงหรือ ตามข้างบน จะมีคลื่นขยะ(ที่ไม่ต้องการ)ให้ระบบคอมพิเตอร วิเคราะ มากมายแค่ไหน นี่เป็นคำถาม ? แต่อย่างไรก็ตาม กองเรือขนาดใหญ่ ก็ยังจำเป็นต้องใช้ รดน.คุ้มกัน อยู่ดี จริงๆ แล้วน่าจะบอกว่าใช้ รดน. ลาดตระเวนมากกว่า แต่us มีแต่ SSN เท่านั้น แล้วเสียงค่อนดัง เมื่อเทียบกับ SSG ของจีน SSGจีน รู้ภูมิประเทศดี SSN us ก็รู้ภูมิประเทศดีเช่นกัน แต่ในการหา รดน. ที่เงียบๆ และกัปตันมีความสามารถสูง มันไม่ง่าย ให้ส่ง เครื่องบินทำ ASW เต็มระบบ ก็ใช่ว่าจะหาได้ ดังนั้น ภารกิจลาดตระเวนของ SSN us จึงเน้นหา SSN ของจีนซะมากกว่า นี่เป็นจุดอ่อน (จริงๆแล้วจุดอ่อนนี้จะไม่มีเลย ถ้าจีนไปปฏิบัติการที่แถวบ้าน us) ดังนั้น การค้นหา รดน. ในกองเรือus จึงเน้นที่ใช้ เรือพิฆาติ กับ active sonar เป็นหลัก ถ้าเจอ ค่อยให้ SSN usไล่ล่า แต่อย่างไรก็ตาม us ได้ใช้ระบบ C4IS ของตน ติดตามรดน.จีน ทุกลำ ตั้งแต่ออกจากท่าเรือ และตามเรือเติมเสบียงด้วย ซึ่งถ้าไม่หลุด(ตามติด) รดน.จีนทุกลำจะไม่คาดสายตา ดาวเทียม เครื่องบินของ us ซึ่งเป็นวิธีที่ดีมาก แต่มันไม่ง่าย.. จากคุณ : red_c (Hongse_c) เขียนเมื่อ : 15 พ.ค. 55 19:28:59

ความคิดเห็นที่ 54 #53 ...รดน.คุ้มกัน มีคำถาม รดน.คุ้มกัน กองเรือขนาดใหญ่ได้จริงหรือ ตามข้างบน จะมีคลื่นขยะ(ที่ไม่ต้องการ)ให้ระบบคอมพิเตอร วิเคราะ มากมายแค่ไหน นี่เป็นคำถาม ?... -------------------------- ขอลองตอบคร่าวๆเผื่อใกล้เคียง ถ้าข้างบนเป็นคำถามที่ต้องการคำตอบ SSN อยู่ข้างหน้าไปไกลมากใน moving haven ซึ่งลดเสียงขยะที่คุณว่าไปได้เยอะ และกองเรือระดับน้้น + SSN ช่วงเวลาส่วนใหญ่อยู่ในน้ำลึกที่มี convergence zone หรือ duct ของเสียงใต้น้ำ SSN ใช้การ sprint + drift sub ฝ่ายตรงข้ามถ้าไปเข้าหรือดักรอที่ arc ด้านหน้า จะต้องใช้ความเร็วสูง ปล เรื่อง shallow water ต้องแตกไปอีกหลายประเด็นในรายละเอียด จากคุณ : บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 20:25:53 A:49.48.17.143 X: TicketID:352260

ความคิดเห็นที่ 55 แก้คำผิด #54 sub ฝ่ายตรงข้ามถ้าไม่เข้าหรือดักรอที่ arc ด้านหน้ากองเรือ จะต้องใช้ความเร็วสูง ปล เรื่อง shallow water ต้องแตกไปอีกหลายประเด็นในรายละเอียด + ยากจริงๆ (และก็ยากสำหรับ sub ที่ซุ่มรอหรือจะลาดตระเวนรอเองด้วย) จากคุณ : บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 20:28:55 A:49.48.17.143 X: TicketID:352260

ความคิดเห็นที่ 56 ผมความรู้ไม่มาก คุณข้างบนอธิบายที่ พิมมาทีครับ จากคุณ : Hongse_c เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 21:15:15

ความคิดเห็นที่ 57 รู้แค่หางอึ่งของ USN เหมือนกันครับ... ตอบจากการไม่ค้นคว้านะ ช่วง sprint ใช้ความเร็วสูงไปข้างหน้าเพื่อต่อระยะ จะเหมือนกับ blind คือจับเสียงคอนแทคไม่ได้อะไรเลยเพราะเสียงที่เกิดจากตัวเอง+การแทรกผ่านมวลน้ำกลบ passive sensor หมด จากนั้นก็ drift ต่อโดยใช้ passive array รอบลำเรือคอยฟังเสียงไม่ว่าจะ surface หรือ เสียงจาก sub ฝ่ายตรงข้าม ปล SSN เปลี่ยนความลึกได้เสมอในน้ำลึกเพื่อดักเสียงในระดับความลึกต่างๆ โดยเฉพาะใน convergence zone ที่คลื่นเสียงจากฝ่ายตรงข้ามอาจถูกได้ยินถึงขั้นจากอีกฝั่งของมหาสมุทรเลยทีเดียว towed array sonar ก็เลือกใช้ประกอบได้ moving haven ลองเสริช submarine haven ดู ใน moving haven หนึ่งๆของ SSN เรือผิวน้ำหรือเรือดำน้ำของฝ่ายเดียวกันไม่ควรเข้าไป เพราะจะก่อให่้เกิด friendly attack ที่เหลือปล่อยเป็นตวามลับของชุมชนชาว sub เขาดีกว่า หากทุกคนเผยในรายละเอียดลงลึกมากเกินไป เดี๋ยวพวกเค้าไม่เหลืออะไรไว้รบกัน อาวุธที่ร้ายกาจที่สุดของเรือดำน้ำก็คือทำให้ความมีอยู่ (presence) ของตัวเองเป็นความลับ และความลับนี้ก็รวมถึงวิธีการทำงานด้วย ซึ่งถ้าไม่จำเป็นจริงๆฝ่ายเดียวกันก็ไม่น่าจะควรรู้ ถ้ารู้กันแพร่หลายก็ไม่เป็นความลับอีกต่อไป และเรือดำน้ำอเงก็มีจุดอ่อนมากๆอยู่เยอะซึ่งไม่อยากให้ใครรู้เช่นกัน (แม้ฝ่ายเดียวกันเอง) ฟังเค้ามาว่า secret is the key ลองศึกษาเรื่อง underwater sound propagation แล้วจะเดาการทำงานของเรือดำน้ำพอในแต่ละสถานการณ์หรือลักษณะท้องทะเลได้ จากคุณ : บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 23:42:57 A:49.48.17.143 X: TicketID:352260

ความคิดเห็นที่ 58 อีกนิด... sub ฝ่ายตรงข้ามถ้าไม่เข้าหรือดักรอที่ arc ด้านหน้ากองเรือ จะต้องใช้ความเร็วสูง --------------------- เมื่อต้องเข้าหากองเรือด้วยความเร็วสูง ก็เป็นการเปิดเผยตนเองไปโดยปริยาย เพราะเสียงดังจากเครื่องยนต์ ใบพัด cavitation หรืออะไรก็สารพัดจะแล้วแต่ ลองเสริชคำว่า LLOA (Limited Lines Of Approach) กับ COC (Cone Of Courses) ปล ทีอยากให้เสริชเอง เพราะผมไม่เคยเสริชเรื่องนี้ และพิมพ์ text book ไม่เก่งครับ จากคุณ : บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 16 พ.ค. 55 23:52:00 A:49.48.17.143 X: TicketID:352260

ความคิดเห็นที่ 59 ปล ขอฟันธง ที่เรือชั้นซ่งของจีนโผล่กางกองเรือสหรัฐ เพราะเท่ดีครับ บอกตรงๆถ้าเป็นผมก็จะทำงั้นเหมือนกัน ทั่วไปทุกคนลงคิดว่า sub ควรจะหลบๆ ในสงครามเย็นเมื่อสถานการณ์ที่ประเมินแล้วว่าโอเคหรือมีความเป็นต่อเยอะ ทำๆไมจะไม่ข่มล่ะ ทำกันบ่อยไปทั้งในแถบแอตแลนติกหรือเมดิเตอเรเนียน โดยทั่วไปต้องน่านน้ำสากล ใกล้ฝั่ง และมีพรรคจับตาดูอยู่ตลอดนะครับ ถ้าทำแบบโดดเดี๋ยวจริงอาจหายสาบสูญได้ จากคุณ : บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 00:03:08 A:49.48.17.143 X: TicketID:352260

ความคิดเห็นที่ 60 พรรคพวก... ว้าคีย์บอร์ดไม่เหมือนตอนอยู่ second fleet เลย จากคุณ : บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 00:05:02 A:49.48.17.143 X: TicketID:352260

ความคิดเห็นที่ 61 เข้าไปเก็บความถี่เหรอ?? จับได้ตั้งแต่เกิน 50 ไมล์แล้ว ถ้าน้ำลึกพอ จริงๆแล้วมีพาราเมเตอร์เดต้าเบสเรือแต่ละลำของสหรัฐอยู่แล้วล่ะ ได้มาโดยวิธีไหน? ไม่ต้องวิ่งหาเอาในทะเลหรอก วิธีแบบนั้นมัน poor man ไปหน่อย ถ้าแค่คอนเฟิร์มซิกเนเจอร์เรือแต่ละลำ ก็ทำได้ตั้งระยะไกลแล้ว แจมแค่นี้นะครับ รู้และบอกได้แค่ไหนก็แค่นั้น ปล ไม่ได้อวดนะครับ เพราะบางคนอาจว่า ผมแค่ไม่พิมพ์ยาว หรือคัตกับเพสต แค่แชร์เท่าที่แชร์ได้ จากคุณ : บัตรผ่าน ไปกะดึกหละ เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 00:22:21 A:49.48.17.143 X: TicketID:352260

ความคิดเห็นที่ 62 ได้ความรู้เยอะเลยครับ poor man  หรือเปล่าไม่ทราบ ถ้าตามข่าว การรุกน้ำน่าน ระหว่าง จีน ญี่ปุ่น us ทั้งที่ออกสื่อ และไม่ออก ก็มีออกบ่อย โดยส่วนใหญ่เป็น electronic warfare พวกSIGINT ,ES หรือESMเป็นต้น ทำโดยเครื่องบิน เรือ และ รดน. และยังได้ประสบการณ์ที่ตอนฝึกหาไม่ได้ ต้องยอมรับว่า จีนเองก็พึ่งยกระดับ เทคโนรดน. และ ASW เมื่อไม่นานนี้เอง ข้อมูลความถี่เรือ us ไม่น่าจะมี เท่าที่จำได้ รดน.รุ่นเก่าๆของจีน โดน us สะกดรอยบ่อย ๆ โดยเฉพาะก่อนปี 2002 และเท่าที่ทราบ การตรวจจับ ความถี่ ด้วย passive ได้แค่ 20-50 ไมล ไม่ใช่หรือครับ สำหรับ SSN ของ us ข้อมูลผมอาจผิดน่ะ เพราะจำมา ไม่ได้จด ถ้าอ่านที่ผมพิมข้างบน ก็อย่างที่บอก SSN us ค่อนข้างเสียเปรียบ เมื่ออยู่ใน ทะเลจีนตะวันออก และใต้ จีนมีรดน SSG จำนวนมาก (อนาคตจะมากกว่านี้) และนำระบบ C4IS มาใช้ ทำให้การจัดวาง เพื่อต้อนรับ กองเรือus ทำให้รับรู้ข้อมูล บริหารจัดการ และวางตำแหน่ง เรือที่ได้เปรียบ ในกองทัพเรือจีน จะเน้นฝึกลักษณะแบบนี้ คือเชิงรับ โดยจะใช้เรือดำน้ำและ เรืออย่าง Type022 ทำงานแบบ passive แบบสมบูรณ์ เพื่อล่าเรือข้าศึกที่รุกล้ำ ซึ่งรายละเอียดลองหาอ่านเพิ่มเติ่ม คือการทำงานของ รดน. Type022 ในแต่ล่ะกอง จะผสานกัน เพื่อแยก เหยื่อออกจากฝูง เหมือนหมาป่าที่รุมเหยื่อ แต่กลับกัน การที่ ssn us จะรุกล้ำนั้น โดยไม่ถูกตรวจพบ ค่อนข้างยาก เป็นไปได้หรือ ssn us จะใช้ passive อย่างเดียวเมื่อเจอกับ ssg ที่เงียบกว่า และถ้า ssn us จะทำงานแบบ passive และรับข้อมูลจากระบบอื่น ผมคิดว่า ในยามสงคราม มันต้องพึ่ง ดาวเทียมเพียงอย่างเดียวหรือuav นะซิ โดยเฉพาะในเขตน่านน้ำจีน ….เพราะระบบอื่นๆ อาจโดนทำลายไปแล้ว แต่นี้ก็วิเคราะ อาจผิดก็ได้ครับ **ข่าว จริงๆแล้วไม่ได้โผล่กลางกองเรือ แค่ตามห่างๆ แต่สื่อพาดข่าวเกินจริง จากคุณ : Hongse_c เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 10:36:04

ความคิดเห็นที่ 63 poor man เป็นแสลงที่เคยใช้กันมากในวงการทหาร ที่มักใข้ก็เช่น poor man weapon system (สมัยก่อนเปิดประเทศจีนก็เคยถูกเยาะด้วยคำๆนี้บ่อยๆ) poor man itell(igence) ผมยังมีบางส่วนเลย ทำไมจีนจะไม่มี แค่ Intell แต่ถ้าเป็นซิกเนเจอร์ลึกๆจริงๆ ขอให้เป็นความลับอย่าไปพูดถึงมันดีกว่า ผมยังมีของ nato บางลำเลยแต่ส่วนใหญ่เป็นพวก fire control radars แต่ละลำในคลาส... (ขอปิด) มีครับ sub โผล่กางกองเรืออีกฝ่ายบ่อยๆในสมัยสงครามเย็น ก็ถ่ายรูปกันไว้ดุเล่นและศึกษาเป็นการภายใน ไม่ลงข่าวหรอก (เสียชื่อหมด) ยิ่งระหว่าง warsaw กัย nato นี่เกิดขึ้นประจำ sub รัสเซียเล่นเอาเถิดกันใกล้มากจนชนกับท้ายเรือเมกันก็มี (เอ หรือกลับกันหว่า alzheimer ถามหา) แล้วส่วนใหญ่ sub ก้มักจมหรืออับปาง 555 แต่ไม่มีใครตายหรอก ไม่เหมือนกรณี K19 ดีครับแชร์คนละนิดละหน่อย ไม่มีใครรู้ละเอียดตลอดรอดฝั่งหรอก (ถ้าพูดหยั่งงั้นพวกขี้โม้) เพราะแบ่งงานกันทำ ดีเหมือนกันเหมือนรื้อฟื้นความทรงจำ แต่จะไม่พูดเกิน text book ที่ลงเผยแพร่... ปล เรือดำน้ำทุกลำ มีทั้งช่วงเงียบ (desired) และช่วงที่จำเป็นไม่สามรถเงียบได้ แต่อาจเป็นช่วงสั้นๆ multi sensors + multi platform และการส่งต่อ possub หรือ goblin ไม่ว่าจะเป็น local ops area หรือ strategic geographic area จึงจำเป็นอย่างยิ่งใน asw จากคุณ : บัตรผ่านมาโดยตลอด เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 11:10:58 A:110.77.138.6 X: TicketID:352260

ความคิดเห็นที่ 64 ผมไม่ใช่ทหาร ดังนั้นในแง่ปฎิบัติการ ผมยังมีข้อสงสัยอีกมาก ใว้วันหลัง มีประเด็น ยังไงช่วยมาคุยกันอีกน่ะครับ ตอนนี้งานยุ่งมาก นึกคำถามไม่ออก แต่มีเยอะ วันหน้าใว้ถามคุณอีกทีครับ จากคุณ : Hongse_c เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 11:39:27

ความคิดเห็นที่ 65 ผมก็มิใช่หทาร :) จากคุณ : บัตรผ่านมาโดยตลอดรอดฝั่ง เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 12:02:14 A:110.77.138.6 X: TicketID:352260

ความคิดเห็นที่ 66 อ้าว! ทั้งสองท่านไม่ใช่ทหารหรอกหรือนี้ แต่ก็ดีครับสนุกดี จากคุณ : เอ่อเอาเข้าไป (มาช้าแต่มาแล้ว) เขียนเมื่อ : 17 พ.ค. 55 12:54:10

ความคิดเห็นที่ 67 พูดยังไม่ขาดคำ จีนส่งDONGDIAO 232 Electronic Intelligence Ship โดยมี 054A คุ้มกัน ทำภารกิจ uav ซึ่งคิดว่า ต้องมีเรือดำน้ำไปด้วยแน่ 051 เป็นElectronic Intelligence Ship ข่าวบอก ไปทดสอบ uav แต่ uav ลำนี้ทำภารกิจไหนไม่บอก แต่คิดว่า น่าจะเป็น electronic intelligence (ELINT) มากกว่า หรือ จะทดสอบ อาวุธ แต่น่าจะเป็นแบบแรกมากกว่า 051 เคยเข้าไปใกล้ญี่ปุ่น มาแล้วในปี 2000 ในภารกิจ ELINT พร้อมกับ รดน http://www.manager.co.th/china/ViewNews.aspx?NewsID=9550000060868 จากคุณ : red_c (Hongse_c) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 16:19:19

ความคิดเห็นที่ 68 บางทีแค่ตีซี้เป็นเพื่อนกับคนทำงานด้าน Elec warefare ชวนกินเหล้าแถวๆ La Pallice ไปเที่ยวเตร่ ค้างบ้านด้วยกัน ก็พอได้ข้อมูลแล้วครับ แฟ้มต่างๆบางทีก็อยู่ตามห้องนั่งเล่นที่บ้านน่ะแหละ พวกที่ทำงานข่าวต่างๆ ไม่ใช่คอยแต่ไล่เก็บสายฝ่ายตรงข้ามอย่างเดียวเหมือนใน MI สมัยก่อนเสมัยนกระทรวงนึงที่เกี่ยวกับกองทัพของประเทศนึงแถวนี้ มีสำเนาไปเข้า big bear ทุกเดือนแลกกับแบล็คหรือเรดลังสองลังเป็นอาจินต์ แน่นอนว่าเรือพวก Alligator เอาไว้คอยเก็บข้อมูล EW โดยเฉพาะ สมัยก่อนรัสเซียก็ดัดแปลงเรือประมงใช้งานเล็กๆตลอด วิ่งกลับไปกลับมาแถวช่องแคบอังกฤษนั่ วิ่งมาทีก็เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนหน้าเปลี่ยนตาทุกตรั้ง แต่วัดซิกเนเจอร์แล้วมันก็ไอ้ลำเดิมน่ะแหละ จากคุณ : บัตรผ่าน เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 19:21:44 A:171.4.8.176 X: TicketID:352260