ความคิดเห็นที่ 1 . จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 14:16:42

ความคิดเห็นที่ 2 เดจาวู จากคุณ : นะโมจัง เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 14:29:41

ความคิดเห็นที่ 3 อาณาจักรลุ่มแม่น้ำอิรวดี มีขนาดใหญ่กว่าอาณาจักรลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาเยอะครับ ดังนั้นไม่ต้องสงสัยครับว่าทำไมถึงมีกำลังพลมากกว่า แถมเวลาจะมาตีแต่ละทีก็กวาดต้อนเอาไพร่ตามหัวเมืองต่างๆมากด้วย แก้ไขเมื่อ 18 พ.ค. 55 14:34:28 จากคุณ : MIVA เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 14:34:09

ความคิดเห็นที่ 4 ลองหาพงศาดารพม่าอ่านดุนะครับ พม่ามองโยธยาเป้นแค่ส่วนหนึ่งของเค้าเอง จากคุณ : ask_tom เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 15:08:43

ความคิดเห็นที่ 5 ตามรายทางที่ทัพผ่าน เป็นทัพเมืองขึ้น ระดมต้อนมาเรื่อยๆ เป็นทัพเชลย และขอกำลังสนับสนุนจากดินแดนมิตรสหาย หรือ อณาจักรลูก รอบๆเมืือง และทัพแปรพัก จากคุณ : หัวฟูหูกาง (หัวฟูหูกาง) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 15:19:46

ความคิดเห็นที่ 6 ก็เหมือน ทัพนาโต้มั้ง ส่งเทียบเชิญยำหมูน้อย จากคุณ : หัวฟูหูกาง (หัวฟูหูกาง) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 15:20:55

ความคิดเห็นที่ 7 ทำได้แค่ยันกลับไป กับปลดอิสระภาพชั่วครั้งคราว นานๆครั้งจึงจะบุกไปหมายเอาพม่าเป็นเมืองขึ้น ดูจากสถิติแล้ว เป็นรองหลายสิบเท่าตัว จากคุณ : หัวฟูหูกาง (หัวฟูหูกาง) เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 15:25:08

ความคิดเห็นที่ 8 ต้องเข้าใจก่อนว่า พม่านั้นประกอบด้วยหลายๆ แคว้นครับ และแต่ละแคว้นเองก็มีอิสระในตัวเอง นอกจากในสมัยที่พระมหากษัตริย์ของพม่าที่ยิ่งใหญ่จริงๆ เช่น พระเจ้าบุเรงนอง สมัยนั้นพระองค์ต้องไปตีแคว้นรอบๆ หงสาฯ ก่อนครับ ต้องไปตีทั้ง แปร ตองอู อังวะ พะสิม ยะไข่ ฯลฯ   เมื่อตีได้หมดแล้วถึงค่อยรวบรวมกำลังจากแคว้นต่างๆ ที่ตีได้มาบุกอโยธยาครับ ดังนั้นเวลารวมกันมาหมดประเทศ จำนวนทหารเลยเยอะมาก ในขณะที่ อโยธยา ไม่ได้รวมกำลังกันแบบนี้ แต่เบ่งเป็นเมืองเล็กๆ คอยต้านทัพพม่าอยู่ตามเมืองต่างๆ เช่น สองแคว ชากังราว เพชรบุรี ฯลฯ เพื่อตัดกำลังทัพพม่าไปเรื่อยๆ ครับ และต่อให้พม่าฝ่าด่านเมืองต่างๆ มาได้ จนมาถึงกรุงศรีอโยธยา สภาพภูมิศาสตร์ของอโยธยานี่เหมาะแก่การตั้งรับครับ เพราะเป็นเกาะและมีแม้น้ำล้อมรอบ ดังนั้นเมื่อกองทัพพม่าที่เหลือมาถึง อโยธยาก็จะปิดประตูเมือง และคอยส่งทัพไปตัดกำลังพม่าที่ล้อมอยู่รอบๆ ตัดกำลังไปเรื่อย จนถึงฤดูน้ำหลากครับ ถ้าถามว่าน้ำหลากนี่มันขนาดไหน ก็ให้นึกภาพอยุธยาน้ำท่วมเมื่อปีที่แล้วอ่ะครับ ประมาณเดียวกัน เมื่อเป็นสภาพนั้น พม่าก็ต้องยกทัพกลับไปเอง  ด้วยยุทธศาสตร์นี้ อโยธยาก็อยู่มาได้เป็นร้อยปีครับ จากคุณ : Sith Lord Nindle เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 16:24:59

ความคิดเห็นที่ 9 งั้นบุเรงนองก็ไม่เก่งมากมาย จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 16:27:00

ความคิดเห็นที่ 10 สนับสนุนคุณ Sith Lord Nindle และอีกเหตุผลหนึ่ง คือกลศึกเราต่างกัน เมื่อพม่ายกทัพมาจะรวมกำลังเพื่อยกพล เท่าที่ดูเราจะเน้น การตั้งรับ เพราะอยุธยา เป็นเกาะ และน้ำท่วมทุกปี อย่างไรก็ตาม มิได้หมายความว่าหัวเมืองจะไม่ทำอะไรเลย แต่มีการรับเป็นระยะ ๆ แต่ไม่ได้เป็นทัพหลวง แต่ละเมืองจะรับคำสั่งจะเมืองแม่ แต่แน่นอนบางทีมีการแปรพักษ์ หรือเพิกเฉยก็มี หากทัพพม่าแข็งแกร่งกว่ามาก ๆ สมัยโบราณ หัวเมืองต่างๆ เหมือนเป็นเมืองอิสระ เจ้าเมือง คือเจ้าของเมืองจริงๆ แต่ถ้าอยุธยา มีอำนาจมาก พวกนี้ก็เกรงกลัว ก็จะขึ้นกับทางอยุธยา หรือบางทีเป็นระบบญาติพี่น้องกันกลายๆ เราเพิ่งจะรวมเป็นประเทศในระบบจักรพรรดิราชจริงๆ น่าจะรัชสมัยรัชกาลที่ 5 นี่เอง เป็นการรวมอำนาจเข้าสู่ศูนย์กลาง ตัวอย่าง เช่น เมืองพิษณุโลก ซึ่งก็ไปเข้ากับทัพพม่าในสมัยนั้น ทั้งๆ ที่อยุธยาก็ขอให้ร่วมรบ เป็นต้น หรือสมัยหลังๆ  พระยาจักรี ก็รบกับพม่า เมื่อรู้ว่ากำลังไม่ไหว เกรงไพร่พลจะล้มตาย ก็ทิ้งเมืองไป ให้พม่าเข้ามาครองเมืองเปล่าๆ ไป จากคุณ : bangkokguy เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 16:59:41

ความคิดเห็นที่ 11 มาอีกแล้วพวกหลงห้อง จากคุณ : hijack02 เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 18:10:42

ความคิดเห็นที่ 12 ก็เมืองเล็กๆ ทั้งหลายนั่นแหละ รวมๆมาด้วย เขาใช้วิธีประมาณว่า ให้ไปช่วยกันรบ ถ้าไม่ช่วยก็จะถูกตีเอง ก็ต้องไปช่วยเมืองใหญ่รบ เพื่อรักษาเมืองตัวเอง จากคุณ : Teerarod เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 18:18:02

ความคิดเห็นที่ 13 ตอบแบบวิทยาศาสตร์ ก็ต้องบอกว่า พม่าเอาคนมาจากการผสมพันธุ์กันนี่แหละครับ ไม่ได้เอามาจากการโคลนนิ่งที่ไหน จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 18:29:55 A:171.7.149.39 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 14 สมัยก่อน อยุธยาไม่ใช่ประเทศไทย คนพิษณุโลกเป็นคนไทย แต่ไม่ใช่คนไทยอยุธยา พิษณุโลกก็คือพิษณุโลก เชียงใหม่ก็คือเชียงใหม่ พม่ารบชนะเมืองไหนก็เกณฑ์ทหารเมืองนั้นเข้าร่วมในกองทัพ สมัยกรุงศรีอยุธยาแตก ทหารในกองทัพพม่ามีคนไทยเกินครึ่งกองทัพ จากคุณ : เบื่อเหลือทน เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 19:19:09

ความคิดเห็นที่ 15 ประวัติศาสตร์อาจเขียนเกินจริงก็ได้   เพื่อให้เห็นว่าไทยเราเก่ง ไม่ว่าเราชนะหรือแพ้ ก็ได้ประโยชน์ ตอนที่เราแพ้  ก็เป็นเพราะทัพพม่านั้นยกพลกันมามาก เราชนะ แสดงว่าคนไทยนั้นรบเก่ง  แม้ว่าคนน้อยกว่าก็ตาม จากคุณ : หมาน้อยธรรมดา เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 19:20:52

ความคิดเห็นที่ 16 ...ลองไปหาดูพวกสถาปัตยกรรมเก่าๆของอาณาจักรพุกามดูอาจจะเข้าใจได้ล่ะมั้ง ว่าอะไรเป็นเหตุผล แต่อย่างตอนเสียกรุงครั้งที่2นี่ เราห่วยเอง จากคุณ : LegalisM เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 19:39:44

ความคิดเห็นที่ 17 เกณฑ์มาจากไหน ก็เมืองไหนพูดภาษามอญหรือพม่าก็เกณฑ์มาหมด เมืองไหนเป็นประเทศราชก็เกณฑ์มาหมด เดินทัพผ่านเมืองไหน ก็เกณฑ์มาให้หมด อยุธยาตั้งรับในกำแพงเมือง มีผู้ชายอยู่ในเมืองแค่ไหนก็เกณฑ์มาให้หมด จบด้วยการโดนกวาดต้อนกลับอังวะไปทั้งหมด เอวังด้วยประการ ฉะนี้ จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 19:43:26

ความคิดเห็นที่ 18 ดูหลายค.ห.แล้วพม่ามันก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นตอนพระนเรศวรยกทัพไปถึงหงสาวดีหลังจากนั้นพมม่าก็ตกต่ำมาตลอดถึงสมัยพระเอกาทศรถพม่าก็ยอมส่งเครื่องบรรณาการกับอยุธยา จากคุณ : บัตรผ่านแล้วมีไรป่าว เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 20:24:57 A:110.168.16.7 X: TicketID:324593

ความคิดเห็นที่ 19 พม่าตีอยุธยาได้ คือยุคของ พระเจ้าบุเรงนอง และ พระเจ้าอลองพญา ทุกวันนี้ทั้ง 2 พระองค์ถูกยกให้เป็น 3 กษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ของพม่า(อีก 1 พระองค์คือพระเจ้าอโนรธา ซึ่งเป็นผู้รวบรวมพม่าเป็นปึกแผ่นหรือกษตัริย์องค์แรกของพม่า) เพราะฉะนั้น อยุธยาก็คงเก่งจริงๆนั่นแหละ ไม่งั้นคนที่ตีได้ คงไม่ได้กษัตริย์ระดับนี้หรอก ส่วนเรื่องจำนวนทหารนั้นก็ตามข้างบนบอก คือธรรมเนียมของสมัยก่อน เมืองที่แพ้ก็จำต้องส่งทหารตัวเองไปช่วยผู้ชนะรบด้วย อย่างตอนเสียกรุงครั้งแรก เมืองพิษณุโลกก็เป็นหนึ่งในทหารของพม่าที่เข้าตีอยุธยาด้วย(เพราะโดนตีแตกไปก่อนแล้ว) และเช่นเดียวกัน อยุธยาพอพ่ายแก่พม่า พอพม่าจะรบกับใครก็เรียกไพร่พลจากอยุธยาเข้าร่วมด้วย เหมือนที่พระนเรศวรยกไปตีเมืองคังตามคำสั่งของพม่านั่นแหละ จากคุณ : Niceguy_C3 เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 20:55:46

ความคิดเห็นที่ 20 หลักๆแล้วพม่ายกมาตีไทย2ช่วง    คือช่วงตะเบงชะเวตี้/บุเรงนอง    กับช่วงราชวงศ์คองบอง ช่วงตะเบงชะเวตี้/บุเรงนองนั้นต้องเข้าใจว่าตอนนั้นบุเรงนองสามารถพิชิตอาณาจักรส่วนใหญ่ในพม่าได้เกือบหมดแล้ว     ดังนั้นเมื่อถึงเวลาบุกอยุธยาและล้านช้าง    บุเรงนองก็จะสั่งเกณฑ์พลจากทั่วแผ่นดินมาที่นู้นเป็นหมื่นบ้าง   ที่นี้เป็นพันๆบ้าง      รวมๆแล้วก็ได้มหาศาลอยู่ ช่วงราชวงศ์คองบอง ครั้งกรุงแตก    พม่ายกทัพมาแค่3หมื่นคนเท่านั้น    ในขณะที่อยุธยาเกณฑ์พลรับศึกได้6หมื่น      แต่เพราะยุทธศาสตร์ที่ผิดพลาด   ทำให้กองทัพพม่าสามารถตีหัวเมืองในไทยได้อย่างง่ายดาย       ตีได้ก็เอาเชลยมารวมในกองทัพ     จากเดิมที่มีกำลังพลแค่3หมื่น      ก็มาได้จากในไทยอีกราวๆ1แสน     จนเป็นกองทัพใหญ่ ครั้งธนบุรี-รัตนโกสินทร์     พม่าสามารถพิชิตอาณาจักรในพม่าได้หมดแล้ว     จึงใช้วิธีแบบบุเรงนอง     คือเกณฑ์พลจากหัวเมืองต่างๆรวมทั้งประเทศราช     ครั้งที่ระดมพลมาได้มากที่สุดก็สงคราม9ทัพ   ได้ราวๆ1.4แสน ส่วนอยุธยานั้นนับแต่สมัยพระเอกาทศรถมา   ก็มิได้สนใจเรื่องการแผ่ขยายอำนาจ      เน้นไปในทางการค้ามากกว่า       จึงไม่กระตือรือร้นในการทำสงครามขยายอาณาเขต      ขนาดว่าล้านนาโดนพม่ายึดไปอยุธยายังไม่สนใจ      ดังนั้นกำลังพลหลักๆของอยุธยาก็คือหัวเมืองต่างๆในภาคกลางเป็นหลัก    ซึ่งมันก็แน่นอนอยู่แล้วว่ากำลังพลจะต้องเทียบกับเวลาที่พม่าระดมพลทั้งแผ่นดินมาไม่ได้ ส่วนรัตนโกสินทร์นั้นถึงแม้จะขยายอาณาเขต-ประเทศราชไปได้มหาศาล      แต่เวลารับศึกพม่ามักจะมีแค่ล้านนา-เจ้ากาวิละที่เข้ามาช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ       ประเทศราชอื่นๆจัดอยู่ในระดับที่หวังพึ่งไม่ค่อยได้     ดังนั้นจึงไม่มีกรณีไหนที่รัตนโกสินทร์จะระดมพลทั้งแผ่นดินจริงจัง       อย่างสงคราม9ทัพรัตนโกสินทร์ก็ระดมพลจากแถบภาคกลางได้มา7หมื่นคน       ศึกเจ้าอนุวงศ์ที่เราขนกันไปแทบจะหมดราชสำนัก     แต่กำลังพลยกไปแค่2หมื่นเท่านั้น ซึ่งถ้าว่ากันตรงๆประชากรพม่ากับไทยนั้นก็ไล่ๆกัน    ถ้าอาณาจักรหนึ่งๆในพม่าอย่างอังวะ  ตองอู  แปรยกมาตีกับอยุธยาตัวต่อตัว     กำลังพลก็พอๆกัน       เพียงแต่ช่วงเวลาที่พม่ายกมาตีไทยนั้น    จะเป็นช่วงที่พม่ารุ่งเรืองสามารถปราบอาณาจักรอื่นๆได้     จึงสามารถระดมกำลังมาได้มากกว่าไทย จากคุณ : zodiac28 เขียนเมื่อ : 18 พ.ค. 55 21:03:18

ความคิดเห็นที่ 21 ชอบอ่านจัง กระทู้ประวัติศาสตร์เนี่ย จากคุณ : เด็กฝึกหัด เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 04:34:40

ความคิดเห็นที่ 22 แต่ดูแล้วคนไทยฉลาดกว่า อิอิ.. จากคุณ : nuanapa เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 08:20:31

ความคิดเห็นที่ 23 อ่านห้องนี้ชอบอยู่อย่างคือการถกถึงความเป็นไปได้ของ ปวศ. เช่นตรงนี้น่าจะไม่จริงตรงนี้น่าจะจริงมากกว่าเชื่อในตำราแล้วโต้แย้งไม่ได้ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 10:35:02

ความคิดเห็นที่ 24 เสริมอย่างนะครับ  หลักฐานที่ใช้อ้างอิงเหตุการณ์ในประวัติแถบนี้ มักมาจากพงศาวดาร(หรือยาสะวิน ของพม่า)ที่เขียนโดยราชสำนักหรือขุนนางของแต่ละอณาจักร และมักเขียนขึ้นหลังเหตุการณ์หลายปี  โดยมากมักเขียนโดยยกยอ สรรเสริญฝ่ายตนอยู่แล้ว  ดังนั้นเรื่องจำนวนที่กล่าวอ้างอาจไม่ตรงความจริงนัก ต้องใช้หลายฉบับเปรียบเทียบ รวมทั้งบันทึกของทางตะวันตก และจีนด้วย ซึ่งในตำราเรียนไทยมักอ้างตามหนังสือ ไทยรบพม่า ของกรมพระยาดำรงฯ ซึ่งหนังสือฉบับนี้ใช้พงศาวดารของไทยเป็นหลัก จากคุณ : ชื่อสมาชิก เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 12:22:29

ความคิดเห็นที่ 26 ซ้ำครับ แก้ไขเมื่อ 19 พ.ค. 55 12:34:31 จากคุณ : ชื่อสมาชิก เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 12:26:04

ความคิดเห็นที่ 27 เอาเป็นว่า แต่ละยุคสมัยย่อมมีการรุ่งโรจน์ และตกต่ำ แล้วแต่ปัจจัยหลายอย่างครับ คนที่เอามารบ ก็อย่างข้างบนบอก คือกวาดต้อนมา และเอามาเป็นทาษ  อย่าลืมด้วยครับ คนสมัยก่อนยังมีอีกชนชั้นที่เอามาเป็นแรงงาน เพิ่งมายกเลิกตอน ร.5 ครับ เพราะฉะนั้น บอกให้ไปรบ ไปตาย ก็ต้องไปครับ จากคุณ : Whalephant เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 15:33:12

ความคิดเห็นที่ 28 แล้ว เรา เสียประเทศ ลาว กับ เวียดนาม เขมร สิงคโปร์ มาเลเซีย ได้ไงครับ จากคุณ : อยากรู้จึงถาม เขียนเมื่อ : 19 พ.ค. 55 22:41:08

ความคิดเห็นที่ 29 เพื่อไม่ให้ขวัญทหารเสีย หากแม่ทัพเราเดี่ยวกับอีกฝ่ายแล้วแพ้ ก็ให้บอกว่าแม่ทัพเราถูกรุม 10 คน จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 21 พ.ค. 55 11:49:40