ความคิดเห็นที่ 1 ที่มาของเรื่อง Geopathic Stress นี้ เริ่มต้นมาจากการสังเกต ประเด็นการเรียงตัวของสถานที่ในลักษณะ Ley Line ถูกนำเสนอโดย Alfred Watkins [2] ซึ่งเป็นนักธรณีวิทยาและนักโบราณวัตถุสมัครเล่นเรียนรู้เอง ได้เป็นผู้นำเรื่อง Ley Line ขึ้นมาเป็นประเด็นเป็นครั้งแรก และได้พยายามสร้างทฤษฏีโยงความสัมพันธ์ระหว่างการเรียงตัวของ สถานที่สำคัญทางภูมิศาสตร์นี้ขึ้นมาในปี 1921 และต่อมา  John Michell[3] นักเขียนเรื่องลี้ลับชาวอังกฤษ ได้ปัดฝุ่นทฤษฎี Ley Line ของ Watkins และนำมาผูกโยงกับพลังลึกลับต่างๆ โดยโยงเข้ากับหลัก “ฮวงจุ้ย” ของจีน และมีการแตกแขนงทฤษฏีในเชิงลี้ลับนี้ออกไปอย่างมากมาย รูปที่ 1: ตัวอย่างการพยายามมั่ว เอ๊ย อธิบาย Geopathic Stress อย่างมีหลักการ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:47:50

ความคิดเห็นที่ 2 รูปที่ 2: ตัวอย่างการโยงตำแหน่งโบสถ์เข้าด้วยกันเป็นเส้นตรงแล้วบอกว่า มันถูกออกแบบมาให้เรียงกันเป็นเส้น Ley Line อย่างสวยงาม จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:48:34

ความคิดเห็นที่ 3 ความเชื่อในปัจจุบัน Geopathic Stress ถูกใช้ในการอธิบายปรากฏการณ์ที่เกี่ยวกับโรคมะเร็ง หอบหืด โรคอารมณ์สองขั้ว โรคหัวใจ ไหลตาย ความเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจ การรักษาแผนปัจจุบันทำได้ไม่ดี เด็ก ไฮเปอร์ฯ เรียนรู้ยาก พิการแต่กำเนิด โรคเครียดในที่ทำงานหรือในมุ้ง แท้ง คลอดก่อนกำหนด การแพ้อาหาร การถูกคุกคามทางเพศ และอารมณ์เสียระหว่างขับรถ ฟังดูแล้วเหมือนผมเขียนเล่นเลยสินะครับ ให้ไปอ่านดูในอ้างอิงกันเอาเองก็แล้วกัน มันเคลมกันขนาดนี้จริงๆให้ตายเหอะ [4] ก็นั่นละ อะไรที่ “ฮวงจุ้ย” บอกว่าเกี่ยว ไอ้ Geopathic Stress นี่ก็เกี่ยวมันได้หมดแหละ ถ้า Geopathic Stress มันโยงได้สารพัดขนาดนั้น การแก้ Geopathic Stress มันก็คงทดแทนยาได้สารพัดขนาน จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:51:35

ความคิดเห็นที่ 4 ข้อต่างของฮวงจุ้ยกับ Geopathic Stress อยู่ที่การพยายามเนียนวิทยาศาสตร์ที่ทาง Geopathic Stress เขามั่วได้ลวงโลกกว่า เอ๊ย น่าเชื่อถือโดยไม่ต้องใช้สติปัญญากว่ามาก โดย ในเวบ Geopathic stress ได้มีอ้างรวมผลกระทบของสนามแม่เหล็กต่อสุขภาพ และวิธีการแก้ไขสนามแม่เหล็ก ด้วยการฝังขดลวดหรือชิ้นส่วนปิระมิดและสารพัดของกุ๊กกิ๊กทางไสยศาสตร์ ซึ่งเราสามารถค้นหาสิ่งผิดปรกตินี้ได้ด้วยไม้ Dowsing[5][6] รูปที่ 4: สารพัดอุปกรณ์กุ๊กกิ๊กทางไสยศาสตร์ในการค้นหาและแก้กรรม เอ๊ย Geopathic Stress (อันซ้ายสุดนี่ถ้าใช้กับคาถา Stupefy น่าจะเหมาะ แต่ก็คงสู้ Fus Ro Dah ไม่ได้อยู่ดี) จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:52:35

ความคิดเห็นที่ 5 อุปกรณ์ไสยศาสตร์ Dowsing นี้มันก็คือไอ้ไม้ล้างป่าช้า และก็แบบเดียวกับดุ้นวิทยาศาสตร์ ที่ อาจารย์ เจษฎา ออกมาชำแหละเรื่องกรณี GT-200 นั่นละครับ รูปที่ 5: รูปเตือนความจำกับการแฉดุ้นวิทยาศาสตร์ในหว้ากอ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:54:53

ความคิดเห็นที่ 6 ส่วนเรื่องความแม่นยำของศาสตร์การแก้แบบฮวงจุ้ย เราอาจทดสอบไม่ได้ แต่ในแง่ของการทำซ้ำได้ อันนี้เคยมีรายการของ Penn & Teller [8] ทำการทดสอบโดยเอาซินแสมาจัดบ้าน โดยเป็นบ้านเดียวกัน เฟอร์นิเจอร์เดียวกัน เจ้าบ้านคนเดียวกัน ในห้องเดียวกัน ผลก็คือสามคนพูดไปคนละทาง จัดไปคนละอย่าง บางคนบอกห้องนี้มีปัญหา แต่อีกคนมาก็บอกห้องนี้ดีอยู่แล้ว บางคนจัดเฟอร์นิเจอร์ใหม่ บางคนเอาหินมาตั้งแล้วบอกว่าแก้ฮวงจุ้ยแล้ว ส่วนในอีกห้องก็ให้เปลี่ยนเฟอร์นิเจอร์ใหม่หมด สรุปก็คือ ผลการวิเคราะห์แต่ละคน ไม่มีซ้ำกันเลย และ หลักของฮวงจุ้ยนั้น ตามสถานะปัจจุบัน จะเรียกเป็นศาสตร์อะไรก็ได้ แต่มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ และมันมีการเนียนขายของเข้ามาปนอยู่ค่อนข้างมากทีเดียว รูปที่ 6: จากที่ในรายการ ทำการทดสอบซินแสฮวงจุ้ย เอามาจัดบ้านเดียวกันแต่ละคนว่ากันไปคนละอย่าง แสดงให้เห็นว่ามันไม่ได้มีหลักอะไรที่จะให้ทำซ้ำกันได้เลย (คนขวาสุดบอกว่าห้องนี้ปรกติดีแล้วด้วยละครับ) จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:56:03

ความคิดเห็นที่ 7 โดยสรุปแล้ว ไอ้เรื่อง Geopathic stress นี่ก็พวก Pseudo Science อีกเช่นเคย และท้ายสุดนี้ก็ขอแนะนำ ปัจจุบันโรค Geopathic Stress สามารถแก้ได้ด้วยยารับประทานด้วยนะครับ มันสุดยอดมากๆเลย ฮวงจุ้ยฝรั่งนี่แก้กันด้วยการกินยา ต่อไปก็ไม่รู้มันจะมีสินค้าอะไรมาหลอกลวงกันได้อีก สำหรับยาตัวนี้ผมไม่รู้นะว่าจริงๆมันมีสมบัติอะไรบ้าง ก็คงต้องฝากถามเภสัชกร กับคุณหมอแถวๆนี้ด้วยละครับว่า ไอ้ยาตัวนี้มันแค่ขนมปาหี่ หรือเป็นยาแก้เครียด หรืออะไรกันแน่ ที่ถามในหมู่เพื่อนๆ เห็นว่ามีสมองหมูเป็นส่วนผสม สงสัยจะบำรุงสมองเป็นยาแก้โง่ ที่แน่ๆ คุณถูกหลอกเสียตังค์ชัวร์ๆกับยาพรรค์นี้ อ้างอิง [1] http://en.wikipedia.org/wiki/Geopathic_Stress [2] http://en.wikipedia.org/wiki/Alfred_Watkins [3]  http://en.wikipedia.org/wiki/John_Michell_(writer) [4] http://www.rolfgordon.co.uk/ [5] http://www.geopathicstress.com/ [6] http://www.indiamart.com/lifehealth-energycentre/vasthu-device.html [7] http://geopathology.com/geopathology-articles/Ulrike-Banis.pdf [8] ให้ไปค้นรายการของ Penn&Teller เอาเอง Season 1 Episode 7 Small print ของยาตัวนี้ เขียนไว้เป็นอย่างดีจริงจริ๊งงงง เลยครับ ไม่ผ่าน FDA และไม่รับประกันอะไรทั้งสิ้น สรุปเขาขายผู้บริโภคให้ เอาอะไรใส่ปาก เพื่ออะไรก็ไม่รู้ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 14:59:58

ความคิดเห็นที่ 8 เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เห็นผมสีทอง ตาสีฟ้า ไม่ได้แปลว่าฉลาดทุกราย ส่วนตัวจะเครียดกับน้ำที่ซึมมาจากชั้นบนมากกว่าน้ำใต้ดินซะอีก จากคุณ : RX-93 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 15:40:11

ความคิดเห็นที่ 9 ฝรั่ง ชอบโง่นักเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องบางทีคิดว่าตัวเองฉลาด ตูละยอมมม จากคุณ : หว่างฮั่น2011 เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 16:23:07

ความคิดเห็นที่ 10 หนึ่งในหลายวิธีหลอกเอาเงิน โดยอาศัยความอ่อนแอในใจคนที่กำลังมีปัญหา... จากคุณ : prayingly เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 16:50:08

ความคิดเห็นที่ 11 วิธีหลอกหาสตางค์แบบเนียน ๆ ขอแถม pseudoscience - homeopathy - chelation therapy - colonic hydrotherapy (detox) จากคุณ : toxicobkk เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 17:18:06

ความคิดเห็นที่ 12 ตัว Homeopathy ผมไม่แน่ใจนะ ดูคร่าวๆมันก็คล้ายการทำ Inoculation กระตุ้นภูมิต้านทาน แต่ไอ้หลายๆอย่างในนั้นมันก็แทบจะเป็นการจ่ายน้ำเปล่า และก็มีวิจารณ์ผลการรักษาของ Homeopathy ไม่ต่างจาก Placebo effect มันต่างจากกรณี Geopathic Stress ก็ตรงที่กรณี Geopathic Stress เราบ่งชี้ได้ง่ายๆตั้งแต่ความน่าเชื่อถือของอุปกรณ์ค้นหา และมีกรณีศึกษาการทำซ้ำไม่ได้ของการแก้สถานที่ ซึ่งสรุปได้ว่ามั่วตั้งแต่ต้น จึงไม่ต้องนำสืบไปถึงผลลัพธ์การทดสอบการรักษาทางการแพทย์ แต่ตัว Homeopathy จะ Debunk มันต้องอ้างไปที่กลไกการรักษา ซึ่งตรงนี้คงต้องให้พวกแพทย์หรือเภสัชกรมายันจะดีกว่าน่ะครับ แต่ตาม วิกิ ในนั้นก็ให้ความเห็นว่าเป็น Pseudoscience http://en.wikipedia.org/wiki/Homeopathy จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 17:32:08

ความคิดเห็นที่ 13 ถูกใจค่อด...ค่อดเลย ผมเคยจะเอาแก้วเขวี้ยงตะบานเจ้าพวกนี้แล้ว  ดีนะ เมียมาห้าม ไม่งั้นมันตายแน่ ส่วนใหญ่จะปากสุนัข  ติไปทุกอย่าง ทำลายความเชื่อมั่นในตัวเราเอง รวมทั้งขู่อีก (มันมาดูที่บ้านผม) จนสุดท้ายผมยกตรีนให้มันดู แล้วถามมันว่า "มรึงดูว่า ตรีนตรูจะเหวี่ยงไปทางไหน ได้ละเปล่า" เท่านั้นแหละ....เลิก     เมียโกรธเราใหญ่ หาว่าไปดูถูกหมอดู   อย่าไปเชื่อเลยครับ   เชื่อมั่นในตัวเองเถอะ อยู่มาได้ ทุกวันนี้ มีเงินซื้อคอมมาเข้าพันติ๊บ  ก็ถือว่าเก่งแล้ว ไม่ต้องพึ่งสิ่งอะไร ที่ไม่รู้เรื่องหรอก ถูกใจกระทู้มากๆ  เอา give ไปเยอะๆ จากคุณ : PeterMc เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 18:32:36

ความคิดเห็นที่ 14 เพราะจับหลักการอะไรไม่ได้นี้แหละครับ จึงเกิดมือสมัครเล่นมากมาย ทายไม่ตรงกันสักรายอย่างที่กล่าวมา จากคุณ : ผมเป๋รองทรง เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 19:25:23

ความคิดเห็นที่ 15 ถูกใจกระทู้มากมาย เพราะที่บ้าน คนจีน เชื่ออะไรพวกนี้ แล้วก็ศึกษาอะไรพวกนี้ด้วย ส่วนตัวถ้าแต่ก่อน เชื่อหลักฮวงจุ้ยนะ แต่พอมาศึกษาพระพุทธศาสนาแล้ว กลายเป็นว่าไม่เชื่ออะไรเลย เชื่อแค่กฎแห่งกรรมอย่างเดียว เพราะพ่อเรา คนที่ศึกษาฮวงจุ้ย ก็บอกเองว่า อย่างเสี่ยเจริญอ่ะ รวยขนาดนั้น บุญก็เยอะโข เอาหมอไหนมาดูให้ทำอะไร มันก็ออกมาดีทั้งนั้นแหละ เราก็ เอ๊า ถ้าเป็นแบบนั้น แปลว่าฮวงจุ้ยก็ไม่เกี่ยวอ่ะดิ มันอยู่ที่ตัวเราแค่นั้นเอง แล้วจะไปเชื่อมันอยู่ทำไม จบการสนทนา เพราะถ้าขืนพูดต่อจะทะเลาะกันเปล่าๆ จากคุณ : =U_U= PoRpLe เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 19:50:08

ความคิดเห็นที่ 16 เรื่องพวกนี้มีจริง แต่คนใช้มีไม่จริง เมื่อวิทยาศาสตร์ยังพิสูจน์ไม่ได้ ก็ยังต้องถกเถียงกันต่อไป เหมือนความรู้ความเชื่อศาสนา จนกว่าจะเจอของจริงกับตัว! จากคุณ : นูเบ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 20:14:15

ความคิดเห็นที่ 17 ...เอาที่ใกล้ๆตัวก่อน ...เคยสงสัยกันมั้ย ครับ ...เวลา พวกรายการทีวี ที่เกี่ยวกับ ผี หรือ ไสยศาสตร์ หรือ เรื่องลึกลับ ...มักจะขึ้นข้อความตัวโตๆข้างล่าง ว่า "เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม" ...แต่ รายการพวกฮวงจุ้ย กลับไม่มีข้อความเตือน อะไรเลย !!!! (ทุกรายการ ทุกช่อง เป็นเหมือนกันหมด) ...ทำให้ ชาวบ้านทั่วไป พลอยเข้าใจผิดว่า หลักฮวงจุ้ย นั้น คือ FACT หรือ เป็นศาสตร์ที่ทุกคน ยอมรับ ...ซึ่งมันไม่ใช่ !! ...มันเป็นแค่ "ความเชื่อส่วนตัว" ของ "หมอดู" หรือ "หมอผี" คนนั้น แค่นั้นเอง (ซึ่งแต่และคน ก็เชื่อไม่เหมือนกัน -_-" ) ...ถามว่า แล้วมันต่างอะไร กับ คนที่เล่าเรื่องผี เรื่องวิญญาณ ละครับ ?? ...เล่าแล้ว ก็แล้วกันไป ไม่ต้องพิสูจน์อะไร ...2 มาตรฐาน ชัดๆ (ในเรื่องการขึ้นคำเตือนใน ทีวี) ...ยิ่งใช้คำนำหน้า ว่า "อาจารย์" , "ซินแส" ยิ่งไปกันใหญ่ ...ยกเอา หลักฮวงจุ้ย ขึ้นไปเทียบชั้นเท่า หลัก หรือ คติทางศาสนา ซะงั้น ...ขนาดคนจบปริญญาตรี-เอก ยังโดนล้างสมองเรียบร้อย เชื่อหัวปักหัวปำ ชาวบ้านทั่วๆไปยิ่งไม่ต้องพูดถึง ...ซินแสบางคนที่ เค้าว่า ดังๆนั้น ก็ไม่ต่างจาก "นักต้มตุ๋น" ดีๆนี่เอง เพราะ คุณไม่สามารถจะพิสูจน์อะไรได้เลย ...ผมว่า หมอดูดวง ยังมีเกียรติซะกว่า เพราะอย่างน้อยก็พิสูจน์ได้ว่า ดูแม่น หรือ ไม่แม่น ...แต่ หมอผีฮวงจุ้ย จะให้พิสูจน์ยังไงครับ ว่า แม่น หรือ ไม่แม่น ?? ...เคยลองภูมิ กับ หมอดูฮวงจุ้ย ชื่อดัง คนนึง ...เอา พิมพ์เขียวและรูปถ่าย ของบ้านหลังนึง มาให้แกดู ซึ่งบ้านหลังนั้น ทำผิดหลักฮวงจุ้ยข้อใหญ่ๆ ของแกหมดเลย ...ผิดตั้งแต่ ทางเข้า ยันหลังบ้าน อะไรที่ ฮวงจุ้ย(ของหมอดูคนนี้) ห้าม บ้านหลังนี้ทำครบหมดเลย ...ซึ่งแน่นอน ว่า โดนซินแส สับเละเทะ ...แต่ พอเฉลยว่า เป็นบ้านใคร และสร้าง+อยู่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่ แกหน้าเสียเลย ...สุดท้าย แกก็ต้องแก้ตัวว่า ฮวงจุ้ยบ้านไม่ดีจริง แต่ เจ้าของเป็นคนโหงวเฮ้งและดวงดี ทำให้อิทธิพลของ ฮวงจุ้ย แทบไม่มีผล แต่ก็ยังไม่วายบอกว่า ถ้าได้เจอแกและได้แก้ฮวงจุ้ยตั้งแต่สมัยหนุ่มๆ รับรอง ดัง+รวยกว่านี้อีกหลายสิบเท่า (เอ่อ..ของเดิมก็รวยติด Top 500 ของโลกแล้วนะ) แถมยังทิ้งไพ่ว่า ถึงรวยก็ใช่ว่าชีวิตจะสบาย บ้านที่ฮวงจุ้ยแย่แบบนี้ เจ้าของบ้านต้องทำงานหนักทั้งชีวิต หรือมีปัญหาครอบครัว (เอ่อ..มีคนประสบความสำเร็จระดับนี้ คนไหนไม่ทำงานหนักบ้างเหรอครับ ?) ...เอากับแกสิ ไล่ยังไงก็ไม่จน ชิ่งหนีได้ตลอด -"- ...จริงๆ เรื่อง ฮวงจุ้ย มีประเด็นให้ ถก+แฉ กันเยอะ ...ว่างๆ จะมา จับถอดแก้ผ้า ให้ดูทีละชิ้น ...เพราะรวบรวมข้อมูล+เรื่องมันส์ๆ ของ หมอผีลวงโลกพวกนี้ ไว้เยอะพอสมควร ครับ จากคุณ : sungod เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 20:34:24

ความคิดเห็นที่ 18 ตอนขึ้นบ้านใหม่ พ่อตาก็เอาซินแสมาดู แล้วจัดบ้านให้ เห็นซินแสเที่ยวท่องๆบ่นๆอะไรก็ไม่รู้ เห็นแล้วอยากช่วยเอาตรีนลูบหน้า แต่ก็เกรงใจพ่อตา จากคุณ : ธุลีดาว เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 21:00:30

ความคิดเห็นที่ 19 ...จริงๆ เรื่อง ฮวงจุ้ย มีประเด็นให้ ถก+แฉ กันเยอะ ...ว่างๆ จะมา จับถอดแก้ผ้า ให้ดูทีละชิ้น ...เพราะรวบรวมข้อมูล+เรื่องมันส์ๆ ของ หมอผีลวงโลกพวกนี้ ไว้เยอะพอสมควร ครับ จากคุณ : sungod เอาเลย เอาเลย เอาเลย เอากิ๊ฟไปล่วงหน้า มัดจำแล้วนะ จากคุณ : มาช้าแต่มาแล้ว เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 21:02:05

ความคิดเห็นที่ 20 ฮวงจุ้ยเป็นอะไรที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับสถาปนิกมาก เพราะจะจัดแปลนบ้านแปลนอาคารดีแค่ไหน ซินแซก็ทำวิบัติหมด อ่างล่างหน้าตั้งไว้แล้ว แต่ดันให้ย้ายไปอยู่ตรงที่ก็อกจ่อกับปลั๊กไฟ แบบนี้คงไม่โชคดีเพราะเปลี่ยนฮวงจุ้ยหรอก แต่จะถึงฆาตเพราะเปลี่ยนฮวงจุ้ยมากกว่า แถมเจ้าของก็ดันเอนเอียงไปเชื่อซินแสมากกว่าสถาปนิกซะด้วยสิ ดังนั้นถ้าให้ดี มีทางออกสองทางสำหรับสถาปนิก 1 เอาแบบไปยื่นให้ซินแซดู แล้วออกแบบด้วยกัน (ถึงอย่างนั้นถ้าเป็นคนละเจ้าก็สรุปคนละแบบ) 2 ฮั้วกับซินแซของเจ้าของบ้าน ให้ซินแซบอกว่าแบบที่ออกมาดีอยู่แล้ว แต่ยังไง คนรวยหลายคนก็เชื่อฮวงจุ้ยนะ เพราะมันเหมือนเป็นที่พึ่งทางใจ เวลาทำอะไรสำเร็จก็จะคิดว่าเป็นความสามารถของตนเอง แต่พอล้มเหลวอะไรจะไม่โทษตัวเองและจะโทษสิ่งอื่นแทน ซึ่งเรื่องฮวงจุ้ยนี่แหละที่เป็นแพะ จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 21:07:29

ความคิดเห็นที่ 21 ถึงอย่างนั้นฮวงจุ้ยบางอย่างก็พอเชื่อถือได้นะ เพราะบางอย่างไม่น่าจะใช่ความเชื่อแต่เป็นเพราะประสบการณ์สั่งสมมากกว่า เนื่องจากถ้าหัวเตียงติดหน้าต่างจะทำให้ลมจากภายนอกเป่ามาโดนหัวและเป็นหวัดได้ง่าย หรือแม้อย่างน้อยการให้ห้องน้ำอยู่ตรงกับประตูทางเข้าบ้านหรือทางขึ้นบันได เขาบอกว่าอัปมงคล แต่ในสายตาของนักออกแบบ พวกนี้มันทุเรศสายตาจริง ๆ นั่นแหละ เลยไม่คิดที่จะตั้งแบบนั้นเหมือนกัน จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 21:14:41

ความคิดเห็นที่ 22 ทำไมต้องเรียกแพงๆ ?? แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 22:01:12 จากคุณ : zodom-sai เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 21:24:49

ความคิดเห็นที่ 23 เรื่อง ฮวงจุ้ย เป็นเรื่องจริง ทุกคนสมควรรู้ไว้ ฮวงจุ้ย คือหลักการให้บ้านอยู่สบายโดย ดูลม ดูน้ำ ดูแดด ดูการจราจร ฯลฯ บ้านที่ได้รับกระแสพลังมาก จะอยู่ไม่เป็นสุข บ้านที่ได้รับกระแสพลังน้อย ค้าขายไม่ดี กระแสพลัง คือการจราจร บ้านที่ได้รับกระแสพลังมาก จะอยู่ไม่เป็นสุข เช่นบ้านทางสามแพร่ง จราจรวิ่งเข้าบ้านเต็ม  ๆ ควรหา สิงโตหิน ไว้หน้าบ้าน หรือ ขุดสระน้ำไว้หน้าบ้าน เพราะเวลารถวิ่งมาถ้าเบรคไม่อยู่ ก็ชนหิน หรือตกบ่อไม่เข้าบ้าน จริง ๆ สิงโตหิน จะเป็นอะไรก็ได้ที่ขวางรถไหว ถ้าสิโตตัวน้อย ปลูกต้นไม่ใหญ่ดีกว่า หรือหาโอ่งใส่น้ำใหญ่ ๆ ตั้งไว้ หรือถ้าทำอะไรไม่ได้ เอากระจกสะท้อน คนขับจะได้ระวัง กระจกอันเล็ก ๆ ไว้แด้เคล็ด ช่วยอะไรมากไม่ได้หรอก ส่วนเรื่อง หลังอิงเขา หน้าเป็นน้ำ เหมาะกับฤดูกาลของจีน เหมาะเป็นที่ ๆ ไป ใช้เป็นสูตรสำเร็จไม่ได้หรอก สรุปว่าดูเอาเองดีที่สุด ไม่ต้องจ้างหมอดูให้เปลืองตังค์ ไม่สนใจฮวงจุ้ยเลย เรียกว่าโง่ เชื่อหัวปักหัวปำ เรียกงมงาย ใช้เหตุผล ดีที่สุด จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 21:45:40

ความคิดเห็นที่ 24 จขกท. สรุปง่ายไปหน่อย ดูไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย ผมว่าฮวงจุ้ยในแง่หนึ่ง มันก็ดูน่าเชื่อถือนะครับ เช่น การจัดตำแหน่งต่างๆ ให้สอดคล้องกับ ลม น้ำ ซึ่งมันก็ไปทำให้เกิดกฎต่างๆ เพื่อให้สอดคล้องกับกฏนี้ ยกตัวอย่าง การจัดตำแหน่งหน้าบ้านให้หันไปทางทิศใต้ ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ลมจะพัดเข้าหา (บ้านอยู่ซีกโลกเหนือ) ทำให้บ้านเย็น ไม่อับ คนในบ้านก็อยู่สบาย เป็นต้น แต่ฮวงจุ้ยในแง่โหราศาสตร์ ไสยศาสตร์ อันนี้ผมรับไม่ได้นะครับ เช่น อย่างที่จขกท.ยกตัวอย่าง (กินยาแก้ วางหิน พลังสนามแม่เหล็กโลก ฯลฯ) แต่ถ้าจะเอาคำว่า Pseudo Science มา"เหมารวม"ทั้งหมด อันนี้ก็ดูจะไม่เป็นธรรมสักเท่าไร จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:04:52

ความคิดเห็นที่ 25 คห 23 + 24 คุณอาจเชื่อว่า ฮวงจุ้ย เป็นจริง ฮวงจุ้ย ใช้ได้ แต่เมื่อมันไม่ผ่าน Repeatability Test มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แน่นอน มันมีอีกหลายศาสตร์ที่เป็น under-develop science และ ณ จุดใด เมื่อใด คน ได้ Claim ว่ามันเป็น วิทย์ ณ ตอนนั้น สิ่งนั้นก็มีสภาพเป็น Pseudo-science ครับ Geopathic Stress syndrome และ การรักษานั้น เป็น Pseudo-science ถูกต้องแล้วครับ ณ จุดที่มีการเนียนตัวเองเป็นวิทยาศาสตร์ เหตุที่เรา ไม่เรียกพวกหมอผี หมอดู หรือพวกผู้วิเศษเป็น Pseudo-science ก็มีแค่เพราะพวกนั้นเขาไม่เรียกและเนียนตัวเองเป็นวิทยาศาสตร์ครับ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:11:49

ความคิดเห็นที่ 26 ถ้าเป็นหลักวิชาฮวงจุ้ยที่มาจากจีนแท้ ๆ เชื่อว่าเป็นของจริง พื้นฐานมีเหตุผลรองรับ แต่ถ้าเป็นฮวงจุ้ยลูกผสมสมัยใหม่ เชื่อว่าส่วนใหญ่จะมั่ว ตำราในท้องตลาดทั่วไปส่วนใหญ่จะพูดถึงการวางของในตำแหน่งต่าง ๆ แต่วิชาที่แท้จริงจะดูจากพลังงานของทิศทาง ก็คือ 5 ธาตุ ประกอบกับธาตุของบุคคลที่อยู่อาศัย เช่น เรื่องทางสามแพร่ง ตำราเกือบทุกเล่มจะบอกว่าไม่ดี เพราะมีชี่พิฆาต ฯลฯ ทำให้เจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ ในแต่หลักวิชาจริง ๆ ไม่ถือว่าถูกต้องทีเดียว เพราะต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง เช่น ทำเล ลักษณะการใช้สอย พลังทิศทาง และผู้อยู่อาศัย (ธาตุในร่างกายถูกต้องกับธาตุของบ้าน) - หากเป็นบ้านพัก ส่วนใหญ่ถือว่าไม่ดี แม้ว่าจะมีทิศทางที่ดี เพราะบ้านต้องการความสงบ (หยิน) แต่สามแพร่งมีการเคลื่อนไหว (หยาง) มากเกินไป กลางคืนเวลาพักผ่อนก็จะมีแสงไฟจากรถส่องเข้ามาในบ้าน ทางสามแพร่งเป็นช่องลม จะมีฝุ่นมาก - แต่ถ้าเป็นร้านค้า และทางสามแพร่งไม่ได้มีลักษณะถนนที่พุ่งตรงแรง (ยาว) เกินไป กรณีถ้ามีทิศทาง (องศา, แต่ในตำราจีนจะเป็นราศีธาตุ) ที่ดีคือ ทางเข้ามีโชคลาภ ธุรกิจก็เจริญรุ่งเรือง แต่ถ้าทางเข้าทิศทางไม่ดี เป็นตำแหน่งบารมี ก็จะเสียหาย บริวารมีปัญหา จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมร้านค้าบางแห่งเปิดแล้วเจ๊ง บางแห่งจึงอยู่ได้ จากคุณ : บั๊กบันนี่ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:24:43

ความคิดเห็นที่ 27 25 การที่บอกว่า Geopathic Stress ไม่มีจริง แล้วเหมาว่า หลักการฮวงจุ้ย ใช้ไม่ได้ เหมือนกับ บอกว่า การเจ็บป่วยเพราะขับรถถูกโฉลกแล้วป่วย ไม่มีจริง แล้วไปเหมาว่ารถนั้นวิ่งไม่ได้จริง ฮวงจุ้ยก็เหมือนหลักากรที่สถาปนิกใช้ออกแบบบ้านนั่นแหละ มันอาจไม่ใช่วิทยาศาสตร์ แต่มันก็ใช้เหตุผล มันเป็นศาสตร์และศิลป์ผสมกัน เพราะต้องเอามใจคนอยู่(บ้าน) คำนวณแป๊ะ ๆ ไม่ได้หรอกเรื่องความรู้สึกคน ปล. ไม่มีใครบอกว่าฮวงจุ้ยเป็นวิทยาศาสาตร์นะ มีแต่กรณีที่คุณ DP ยกมานั่นแล ผมเพียงจะชี้ให้เห็นว่า ถึงไม่เป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่มันจะไร้สาระไปหมด ไม่ได้แย้งคุณ DP ในประเด็นนี้(วิทย์ไม่วิทย์) เหมือนปรุงอาหารให้อร่อยน่ะ ไม่เป็นวิทย์ เป็นศาสตร์กัฐศิลป์ผสมกัน ปล2 เพิ่มอีกนิด ฮวงจุ้ยทั่ว ๆ ไปที่ซินแสดูกัน ที่ผูกไปถึงดวงชะตา อันนั้นผมถือว่า ไม่ใช่ของแท้ ฮวงจุ้ยในที่นี้ผมถือเอาหลักการที่มีมาแต่กำเนิดเดิม ตามความหมายที่ให้ไปแล้ว เวลามีศาสตรือะไรมีเหตุผลออกมา มันจะมีของปลอมตามมาปนให้เราสับสน เช่น วิทยาศษตร์ พุทธศาสตร์ ฯลฯ แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 22:46:54 แก้ไขเมื่อ 22 พ.ค. 55 22:38:34 จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:34:38

ความคิดเห็นที่ 28 จขกท. ก็ไม่ได้ว่าฮวงจุ้ยที่เป็นความเชื่อนี่ครับ เขาเถียงพวกที่พยายามเอาฮวงจุ้ยมาอธิบายในทางวิทยศาสตร์ผิด ๆ ต่างหาก จากคุณ : hellmoon เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 22:55:53

ความคิดเห็นที่ 29 ผมชำแหละ Pseudo Science ทุกที มันก็จะมีความเชื่อใกล้เคียงต้องเดือดร้อนกันทุกทีนั่นละครับ แต่ถ้าผมไม่ทำ ก็คงไม่มีใครทำ เพราะไอ้ชำแหละของพวกนี้ ไม่ไปเหยียบเท้าความเชื่อใคร ก็ไปเหยียบเท้าความเชื่ออีกคนหนึ่งอยู่ดี ผมเข้าใจความเชื่อที่ว่า "ก็มันใช้ได้เป็นบางส่วน" และ "มันมีของเทียมปลอมปน" ครับ และผมก็เข้าใจดีถึงความรู้สึกว่า "เฮ้ย ไอ้ Darth Prin มันว่าไปว่า หลักฮวงจุ้ย ใช้ไม่ได้" เพราะโดยรูปของกระทู้ มันมีหลักฐานที่แสดงว่า ศาสตร์ตรงนี้มันไม่ใช่วิทยาศาสตร์ครับ ทั้งๆที่ผมไม่มีกล่าวไว้สักคำว่า "หลักฮวงจุ้ย ใช้ไม่ได้" และเหตุผลเดียวที่ผมไม่สรุปอะไรตรงนี้ก็แค่เพราะ ผมกำลังพูดเรื่อง Geopathic Stress ครับ และผมกล่าวถึง ฮวงจุ้ย อย่างน้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นที่จะ Frame ตัว Geopathic Stress และไสยศาสตร์รอบๆสิ่งนี้แล้ว ทั้งนี้ ผมมีคำแนะนำว่า ถ้าจะยืนยันว่ามันใช้ได้ เพราะคุณจะตัดเอาเฉพาะส่วนที่มันใช้ได้ออกมา แล้วปฏิเสธส่วนที่เหลือว่ามันไม่ใช่หลักฮวงจุ้ย ตรงนี้เกรงว่าคุณ Ao+ คงต้องไปสังคายนาสิ่งที่อยู่ในฮวงจุ้ยออกมาก่อน มิฉะนั้นมันก็เป็นตรรกะ No True Scotsman นั้นละครับ กลายเป็นสรุปว่า สิ่งที่ใช้ไม่ได้ ไม่ถูกตามหลักฮวงจุ้ย เช่นนั้นเอง จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:04:51

ความคิดเห็นที่ 30 ที่ว่า พลังซี่  ส่งผลกับความเป็นอยู่ของเรา พลังซี่มาจากไหน ทำไมเราจึงเชื่อว่ามีพลังนี้ ทำไม เพียงเราฟังเขาบอกครั้งสองครั้ง เราก็เชื่อว่ามันมีอยู่จริง แต่ คนที่บอกว่า ไม่มี   แม้จะบอกนับสิบครั้ง  เรากลับไม่เชื่อ ว่า  มันไม่มี จากคุณ : Mudady เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:05:09

ความคิดเห็นที่ 31 pseudoscience  เจอยาเม็ดแก้ pseudoscience    -_- จากคุณ : ท่านคิมไม่เคยยืม เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:34:07

ความคิดเห็นที่ 32 29 แต่ศาสตร์ทุกศาตร์ในโลกนี้ มันเป็นแบบนี้ไปหมดเลยนะ มันจะมีอะไรออกมาปน เราต้องแยกเอาเอง จริงไม่จริง ใช้ได้ใช้ไม่ได้ มันปน ๆ กันหมด เราต้องเปิดใจ ไม่งั้นเราจะไม่เชื่อแม้แต่วิทยาศาสตร์ หลายอย่างวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้แต่มันมีอยู่จริง สิ่งที่อยู่ภายในหลุมดำคือสิงที่ฟิสิกส์ปัจจุบันอธิบายไม่ได้ ความตัม กับ สัมพัทธภาพเข้ากันไม่ได้ ศาสตร์ทุกศาสตร์มันมีขอบเขตขอบข่ายที่ใช้การได้ นอกนั้นใช้การไม่ได้ เราจะบอกโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ เพราะฉะนั้นอิเลคตรอนกลุ่มหมอกเป็นไปไม่ได้ ก็เท่ากัยเราไม่รู้จกขอบข่ายของความรู้ แล้วเราจะไปบอกว่า ความตัมผิดทั้งหมด คงไม่ได้ หรือบอก อะตอมแบ่งแยกไม่ได้อีก ไม่จริง ดังนั้นวิทยาศาสตร์ผิดทั้งหมด ก็ไม่ได้อีก (วิทยาาศตร์(เคย)มีเรืองผิด ๆ อยู่เต็มไปหมด) เหมือนกัน ฮวงจุ้ย บางเรื่องใช้ได้เฉพาะบางพื้นที่ บางเรื่องใช้ได้เกือบทุกกรณี บางอย่างใช้กับบ้านคน บางอย่างใช้กับร้านค้า บางอย่างงมงายใช้ไม่ได้ เราต้องแยกแยะเอาเอง การสอนวิทยาศาสตร์ ไม่มีใครสอนโมเดอร์นฟิสิกส์ให้คนเริ่มต้น เรายังสอน นิวตัน ดาลตัน รัทเทอร์ฟอร์ด หรือแม้แต่โครงสร้างอะตอมของโบรห์ ทั้งที่เรารู้แล้ว่า โมเดลเหล่านี้ผิด(มีข้อบกพร่อง) แต่คนเรียนจะต้องแยกแยะเอาเองว่า ควรใช้ความรู้นิวต้นมาออกแบบบ้าน และความรู้นิวตันไม่เพียงพอเมื่อออกแบบGPS หรือ ดาลตันก็เอาอยู่ถ้าจะอธิบายเรื่องโดนความร้อนแล้วอากาศขยายตัวให้ลุกฟัง หรือเรื่องปฎิกิริยาเคมี แต่ถ้านิวเคลียร์เล่นแร่แปรธาตุ ต้องรัทเทอร์ฟอร์ดขึ้นนไป เปิดกว้างไว้ก่อนเรียนรู้จากคนอื่นถึงแม้มันจะดูโง่ ๆ ก็ตาม หาประเด็นที่เราเรียนรู้ได้ ข้อสอบสมัยก่อน ทำไมผู้ใหญ่บอกว่า อย่ายกขันรองน้ำขณะผนตก ก.ขันจะแตก ข.ฟ้าจะผ่า ตอบ ข้อ ก. จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:34:16

ความคิดเห็นที่ 33 #30 ก็เหมือนกับ Dark Energy หรือ Dark Matter นั่นแหละ นักวิทยาศาสตร์รู้ว่ามีอยู่เพราะตรวจพบได้ทางอ้อม แต่ก็ไม่สามารถตรวจจับได้โดยตรง และยากที่จะอธิบาย พลังชี่ ก็เหมือนกับลมปราณในร่างกาย เหมือนพลังชีวิต ถ้าติดขัดก็เจ็บป่วย เวลาไปกดจุดฝ่าเท้า (ต้องแผนจีน) ก็จะช่วยรักษาได้ คนกดจุดฝ่าเท้าสามารถบอกได้ว่า อวัยวะอะไรเราติดขัดอยู่ เป็นธาตุอะไร กินผักสีอะไรจะช่วยรักษา พลังชี่ ในธรรมชาติ ก็เหมือนกับพลังจักรวาล เหมือนกับคลื่นแม่เหล็กโลก คนจีนสมัยก่อนเวลาฝึกชี่กงด้วยไท้เก็ก สุขภาพก็ดีขึ้นได้ จากคุณ : บั๊กบันนี่ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:39:14

ความคิดเห็นที่ 34 ผมเชื่อนะว่าฮวงจุ้ยแท้ๆเป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง ย้ำว่าแท้ๆนะครับ ไม่นับไอ้พวกต้มตุ๋นทั้งหลาย ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ที่เกิดจากการลองผิดลองถูกมาหลายพันหลายหมื่นครั้ง สังเกตุ พยายามโยงเหตุและผลขององค์ประกอบต่างๆในและนอกบ้าน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม มันเป็นศาสตร์เมื่อพันปีที่แล้ว เหมาะสมกับภูมิประเทศ และภูมิอากาศ ของจีน ที่ห่างออกไปพันกิโลเมตร ถ้าคิดจะเอามาใช้ก็อย่าเลยครับ แล้วถ้ามี "ซินแส" คนไหนบอกว่าปรับแก้ให้เหมาะสมกับไทย ปรับให้เหมาะสมกับปัจจุบันแล้ว ผมขอถามกลับว่า ไอ้ที่ปรับแล้วน่ะ ได้ผ่านการลองผิดลองถูกมาหลายพันหลายหมื่นครั้งรึยัง จากคุณ : meangu เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:45:21

ความคิดเห็นที่ 35 #34 ตัววิชาจริง ๆ เป็นกลางทุกชาติทุกศาสนา ถ้าเรียนรู้ถูกหลักการสามารถปรับใช้ได้กับทุกสภาพแวดล้อม เพราะประเทศจีนเองก็มีขนาดใหญ่โต มีสภาพบรรยากาศที่แตกต่าง ตอนเหนือหนาวจัด ตอนใต้ก็ร้อน ฝนตกน้ำฮวงโหก็ท่วม ดังนั้น วิชานี้ไม่ว่าจะเป็นเกาหลี ฮ่องกง สิงคโปร์ ไทย ฯลฯ ก็นำมาใช้กันมานานแล้ว และแพร่หลายไปทางตะวันตก วิชาการของชนชาติจีนตั้งแต่โบราณ ทั้งการแพทย์ ฮวงจุ้ย โหงวเฮ้ง พิชัยสงคราม ฯลฯ จะมีความเชื่อมโยงกันหมดด้วยหลักของ 5 ธาตุ คือ ดิน, ทอง (โลหะ), น้ำ, ไม้, ไฟ มีพื้นฐานจากเต๋า และต้องอาศัยความสมดุล คือ หยิน หยาง (สำหรับเรื่องธาตุถ้าเทียบกับพุทธศาสนา ธาตุดิน และทอง ก็คือ ดิน ส่วนไม้ ก็คือ ธาตุลม) ดังนั้น วิชาเหล่านี้ของจีน ชนชาติอื่นก็เริ่มให้ความสนใจศึกษา จากคุณ : บั๊กบันนี่ เขียนเมื่อ : 22 พ.ค. 55 23:57:46

ความคิดเห็นที่ 36 คนดูฮวงจุ้ย(ผมไม่ใช้คำว่าอาจารย์) ทำไมมันต้องไปจุกจิกกับการวางของ วางตำแหน่ง นู่นนี่นั่นด้วย ไม่เข้าใจเลย พลังนู่น พลังนี่ เยอะแยะไปหมด /ถ้าจะสร้างบ้าน หาตำแหน่งร้านค้า ตกแต่งบ้าน ผมว่าแทนที่จะเสียเงินไปกับคนพวกนี้สู้เสียเงินไปกับสถาปนิก มัณฑนากร ที่เขามองถึงประโยชน์ใช้สอย หลักการยศาสตร์ ทำเลที่ตั้ง(ที่อ้างอิงกับทำเลทางธุรกิจ หรือสภาพภูมิศาสตร์จริงๆ) จะดีกว่า  ผมว่าเขามองออกทะลุปรุโปร่งกว่าพวกปาหี่เยอะ จากคุณ : go2thanawat เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 00:00:40

ความคิดเห็นที่ 37 ผมยังไม่ได้อ่านโดยละเอียดนะครับ.... แต่หลายคนอ้างว่าฮวงจุ้ยนั้นความจริงก็มีที่มาจาก LOGIC.... ถ้าเป็นเช่นนั้นเวลาจะสั่งให้ทำ/ให้เปลี่ยนอะไรก็น่าจะอธิบาย/ถกประเด็นที่เป็น LOGIC ในเรื่องนั้นๆได้สิครับ.... แต่ที่เป็นทุกวันนี้มันไม่ใช่.... แล้วเจ้าของโครงการก็ดันเชื่อซินแสมากกว่าสถาปนิกด้วย..... จากคุณ : UNFORTUNATELY เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 00:11:57

ความคิดเห็นที่ 38 #37 ปัญหามีหลายอย่าง บางทีคนที่ดูในศาสตร์อื่น ๆ เห็นฮวงจุ้ยทำเงินดี ก็เข้ามาร่วมวงด้วยโดยยังไม่ศึกษาอย่างแท้จริง ทำให้ปัจจุบันออกจะมั่วอยู่มาก ถ้าไม่ออกนอกระบบแล้วซินแสกับสถาปนิกจะคุยกันรู้เรื่อง การวางแบบบ้านที่ดีจะเน้นที่การใช้สอยก่อน แล้วจึงมาดูว่าไม่ขัดกับฮวงจุ้ย ซึ่งการวางแบบบ้านใช้สอยบางอย่างที่ขัดกับวิชา เช่น ประตูห้องน้ำตรงประตูห้องน้ำ อันนี้เป็นข้อห้ามเพราะมีโอกาสมากที่เชื่อโรคจะกระจายเข้าสู่ห้องนอนทำให้เจ็บป่วยง่าย โดยเฉพาะห้องน้ำอยู่เหนือลม ซึ่งมีหลายหมู่บ้านเป็นแบบนี้ หรือบ้านบางแห่งจะออกแบบครัวไว้ช่วงหน้าบ้านใกล้โรงรถ เพราะเก็บของสะดวก แต่เป็นข้อห้ามเพราะฝุ่นควันจากถนนจะทำให้เกิดเชื้อโรคได้ง่าย มีหลายหมู่บ้านที่เป็นโครงการใหญ่มีชื่อเสียง ปลูกบ้านสร้างใกล้เสาไฟฟ้าแรงสูงมาก ๆ โดยเฉพาะแถวปริมณฑล ถ้าเป็นวิชาฮวงจุ้ยจะพยายามหลีกเลี่ยงทำเลดังกล่าว ถ้าจำเป็นต้องเลือกก็ต้องห่างจากเสาไฟฟ้าอย่างน้อย 500 เมตร และบ้านควรอยู่เหนือลม เพราะคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะส่งผลสุขภาพ และบริเวณนั้นฝุ่นจะมาก ถ้าเจ้าของทุกโครงการเชื่อซินแสคงจะไม่แบบบ้านลักษณะออกมา แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 00:36:22 จากคุณ : บั๊กบันนี่ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 00:32:50

ความคิดเห็นที่ 39 เท่าที่สังเกต หลักของฮวงจุ้ยที่ใช้ได้จริงจะสามารถอธิบายด้วยหลักวิทยาศาสตร์ได้ด้วยเสมอ (แท้ไม่ใช่เทียม) ดังนั้นใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการจัดแปลนอาคารไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ? เพราะถ้าใช้หลักฮวงจุ้ยยังไงก็แยกไม่ออกอยู่แล้วว่าส่วนไหนมั่วหรือจริง จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 01:08:06

ความคิดเห็นที่ 40 ฮวงจุ้ยเป็นศาสตร์ๆหนึ่งที่คนจีนใช้กันมาหลายพันปี คุณๆจะรีบสรุปไปหรือไใาว่ามันลวงโลก คุณๆดูการจัดแสดงไม่กี่ชุดก็สรุปแล้วหรือ ซิงแสหมอเดาทั้งหลายในปัจจุบันเป็นพวกลวงโลกทั้งนั้น แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าศาสตร์ฮวงจุ้ยลวงโลกไปตามหมอเดา ศาสตร์วิชาความรู้แท้ ผู้ศึกษานำไปศึกษาไม่ถ่อนแท้ เที่ยวเปล่าประกาศไปทั่วว่าฉันนี่ละซิงแสตัวจริง จากคุณ : wodemimi เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 01:34:20

ความคิดเห็นที่ 41 ผมว่า เรื่องฮวงจุ้ย มันคล้ายกับศาสตร์การฝังเข็มนะครับ พื้นฐานความรู้ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ แต่อิงจาก พลังหยินหยางธาตุ 5 แบบจีนโบราณ และผ่านเวลามาเป็นพันๆปีเหมือนกัน ข้อแตกต่างอาจจะมีอยู่บ้าง ตรงที่บ้านเมืองสิ่งของเปลี่ยนแปลงตามเวลา แต่ร่างกายคนไม่เปลี่ยน ในเมื่อการฝังเข็มรักษาโรคได้จริง หลักฮวงจุ้ยแท้ๆ ก็ย่อมมีเหตุผลที่อธิบายได้ด้วยวิทยาศาสตร์เหมือนกัน แต่ต้องคิดสภาพบ้านเรือนย้อนไปในยุคโบราณ ถ้าจะนำมาใช้กับบ้านเรือนยุคปัจจุบัน ก็ต้องศึกษาให้แตกฉานก่อน จากคุณ : รอเธอโสด เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 01:49:36

ความคิดเห็นที่ 42 ส่วนตัวไม่เชื่อเรื่องฮวงจุ้ย ไม่เชื่อหมอฮวงจุ้ย แต่คนรอบข้างจะเชื่อ ก็ไม่ขัด ถ้ามองแล้วว่านักฮวงจุ้ยไม่ได้กะจะมาโกงเงิน เวลาเขาติโน่นย้ายนี่ ก็ฟังเขาไว้(แต่ไม่ซื้อสิงห์โตหิน ไม่ซื้อคางคกทอง) คนรอบข้างอยากจะย้ายจะแก้ ถ้ามันไม่เดือดร้อนใครก็ไม่ห้าม แต่ที่แน่ๆ ฮวงจุ้ย ไม่ใช่วิทยาศาสตร์ จากคุณ : JengisKhan เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 02:24:34

ความคิดเห็นที่ 43 ฮวงซุ้ย จากคุณ : issey kasawa เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 08:54:08

ความคิดเห็นที่ 44 เวลานักวิทยาศาสตร์ตะวันตก คิดอะไรออกมา ยกย่องสรรเสริญ แม้ในเวลาต่อมาจะพบว่ามันผิด แต่ถือว่าล้ำสมัยในยุคของตน (เช่น อริสโตเติล) เวลา ชาวเอเชีย ชาวจีน ชาว อินเดียคิดอะไรออกมา คนมีแนวคิดตะวันตก ว่าไม่ดี โบราณ ทั้งที่ศาสตร์อยางฮวงจุ้ย เกิดมานาน ถือว่าล้ำสมัยในยุคนั้น แต่ติเรือทั้งโกลน แทนที่จะปรับปรุงใหม่ ตัดส่วนที่ผิดออก เล่นทิ้งไปทั้งหมดแล้วบอกงมงาย โยคะก็อธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้ ทำไมคนนิยมฝึกโยคะ ไม่ออกแบบการออกกำลังกายใหม่ตามหลักวิทยาศาสตร์ ฮวงจุ้ยก็เหมือนกัน บางอยางที่มันดูงมงาย มันอาจคิดมาดีแล้วด้วยประสบการณ์ของคนสมัยก่อนนับพันปี ถ้าเราไม่ศึกษาเลย คิดใหม่ทั้งดุ้น เราก็อาจพลาดประสบการณ์บางอย่างไป จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 09:06:08

ความคิดเห็นที่ 45 สำหรับผู้ที่จะแตกประเด็นมาถลกกันเรื่องผลกระทบของ EMF ต่อสุขภาพ เช่นเสาไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ หรือไมโครเวฟ ผมเกรงว่ามันจะเป็น Pseudo-Science อีกเรื่องหนึ่งของมันทีเดียว เท่าที่วิทยาศาสตร์ปัจจุบันพยายามหาความเป็นไปได้ที่จะส่งผล คือ "บ่งชี้ไม่ได้ว่ามีจริงครับ" ผมขอย้ำไว้อีกครั้งนะครับ ถ้าใครจะโต้เถียงยืนยันว่ามันใช้ได้ เพราะคุณจะตัดเอาเฉพาะส่วนที่มันใช้ได้ออกมา แล้วปฏิเสธส่วนที่เหลือว่ามันไม่ใช่หลักฮวงจุ้ย มันก็เป็นตรรกะ No True Scotsman นั้นละครับ กลายเป็นสรุปว่า สิ่งที่ใช้ไม่ได้ ไม่ถูกตามหลักฮวงจุ้ย เช่นนั้นเอง สถานะฮวงจุ้ย ณ ตอนนี้ มันไม่มี Repeatability ครับ ก่อนจะเอามายืนยันให้คนหลงเชื่อ ควรเคลียร์ข้อเท็จจริงในศาสตร์ที่ตัวเองสนับสนุนให้ได้ก่อนครับ การยืนยันแบบ No True Scotsman อย่างนี้ไม่ต่างอะไรกับสิ่งที่พวก Pseudo Scientist เขา Claim ขาดแค่การเนียนไปว่า ฮวงจุ้ย เป็นวิทยาศาสตร์เท่านั้น และถ้าหาก ขี้เกียจจะค้นหาว่า No True Scotsman แปลว่าอะไร อ่านได้ที่นี่ครับ http://en.wikipedia.org/wiki/No_true_Scotsman แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 09:12:46 จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 09:11:37

ความคิดเห็นที่ 46 ขอถอนหายใจดังๆหน่อยนะคะ แบบว่า give หมด   ถูกใจกระทู้และหลายๆความเห็นมวากกกก ถึงมากที่สุด จากคุณ : Choco-Mix เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 09:27:52

ความคิดเห็นที่ 47 ...จริงๆ เรื่อง ฮวงจุ้ย มีประเด็นให้ ถก+แฉ กันเยอะ ...ว่างๆ จะมา จับถอดแก้ผ้า ให้ดูทีละชิ้น ...เพราะรวบรวมข้อมูล+เรื่องมันส์ๆ ของ หมอผีลวงโลกพวกนี้ ไว้เยอะพอสมควร ครับ จากคุณ : sungod เอาด้วย เอาด้วย รับสินบนผมไปแล้วนะ จากคุณ : kamsor เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 10:04:49

ความคิดเห็นที่ 48 จขกท มาโพสในห้องนี้ก็งั้นๆ แหละครับ ลองไปโพสที่ห้อง ชายคา ดูซิครับ มีบางอมยิ้ม ถ้ามีคีย์ิเวิร์ด "ฮวงจุ้ย" เมื่อไหร่ มาทันที  666 จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 11:24:54

ความคิดเห็นที่ 49 #17รอติดตามครับ จากคุณ : jhp (JHP) เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 12:01:31

ความคิดเห็นที่ 50 #48 แค่ที่ผมจะถล่มกะ Pseudo Science ในห้องวิทย์ ความเชื่อใกล้เคียงนี่ก็เดือดร้อนกันขนาดนี้แล้วละนะ ถ้าไปห้องชายคา ก็ฝากตา monsungja หิ้วถุงดำตามไปโกยองคาพยพกลับห้องด้วยก็แล้วกัน จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 12:42:23

ความคิดเห็นที่ 51 #44 บางทีท่านอาจจะสับสนไปบางประเด็น ที่ยกย่อง เขายกย่องในบางเรื่อง เพราะในประเด็นเหล่านั้นยังถูกนำมาใช้ได้อยู่ เช่นเรื่องปรัชญาเนี่ย มันเป็นสิ่งที่ไม่ตายและสามารถถกเถียงพูดคุยกันอยู่เรื่อย ๆ ถ้าอริสโตเติลทำได้แค่เพียงบอกว่าโลกเป็นศูนย์กลางจักรวาลเพียงเรื่องเดียว รับรองว่าคงจะถูกประณามเป็นแน่แท้ เพราะที่เขาพูดกันชมกันเนื่องจากศาสตร์อื่นที่อริสโตเติลคิดขึ้นมากันทั้งนั้น โดยก้าวข้ามสิ่งที่ผิดไปกันหมดแล้ว นอกจากนี้ ที่ผิดเขายังไม่สนใจ เพราะใครก็รู้ว่าผิด ดั่งคำว่าผิดเป็นครู เพราะได้รับรู้ถึงความผิดนั้น ทว่าเรื่องของฮวงจุ้ยเนี่ย มีเรื่องที่ผิดแต่ยังดันทุรังให้ถูกอยู่ไม่ใช่หรือ ? แล้วแบบนี้จะชื่นชมไปทำไม และหากจะเทียบกับอริสโตเติลว่าทั้งที่เก่าแต่ยังได้ยอมรับอยู่ ทำไมถึงไม่เทียบรุ่นกับสิ่งที่ใกล้เคียงกันล่ะ ? ตัวอย่างเช่นขงจื้อเป็นต้น ทั้งที่เก่าเหมือนกัน แต่ทำไมถึงไม่มีใครค้านเหมือนกับฮวงจุ้ยล่ะ ? นอกจากนี้ติเรือทั้งโกลนที่ท่านว่าอาจจะใช้ไม่ได้ในบางกรณีอย่างที่ท่านว่าจริง แต่สำหรับบางกรณีมันก็ต้องใช้ได้ เช่นเรื่องที่เชื่อหรือทำไปแล้ว จะทำให้เกิดความเสียหายกับตนเองหรือผู้อื่น ก็ต้องติเรือทั้งโกลนถึงจะเหมาะสมที่สุด หากจะให้ไม่ติเรือทั้งโกลน ก็ต้องเอาส่วนที่ทำให้เสียหายนั้นออกมาก่อนสิ แล้วจะไม่ให้ติเรือทั้งโกลนทีหลังก็ยังไม่สาย สำหรับกรณีของฮวงจุ้ยเราว่ามีได้ทั้งสองแบบนะ พวกที่ทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุอันนี้ก็สมควร พวกที่ย้ายก็อกน้ำไปติดปลั๊กไฟก็สมควร แต่พวกที่ทำตามไปก็ไม่เสียหายอะไร หนำซ้ำยังได้ความสบายใจกลับมา อันนี้ก็พออนุโลมได้ ทว่าก็นั่นแหละ ในเมื่อมันมีศาสตร์ที่ดีกว่าอย่างวิทยาศาสตร์ หรือศาสตร์การออกแบบที่รองรับเรื่องนี้อย่างเหมาะสมอยู่แล้ว เราจะยึดศาสตร์ฮวงจุ้ยที่มีเรื่องไม่ดี เรื่องไม่เหมาะสมกับบริบทในปัจจุบันสถานที่ปัจจุบันไปอีกทำไมล่ะ ? หรือเพื่อแค่ "ความสบายใจ" ? จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 14:09:57

ความคิดเห็นที่ 52 #51 ผมเห็นด้วยเกือบหมด แต่ไม่เห็นด้วยตรงที่ "ในเมื่อมันมีศาสตร์ที่ดีกว่าอย่างวิทยาศาสตร์" ผมคิดว่า วิทยาศาสตร์ แทนบางอย่างในฮวงจุ้ยไม่ได้ เรื่องความรู้สึก อย่างเรื่องหยิน ๆ หยาง ๆ เช่น คนร้อน ทำบ้านเย็น ๆ มาแก้ คนเย็น ทำบ้านให้มีพลัง เป็นต้น มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์ แต่มันได้ผลในแง่จิตวิทยา (บางที่แค่คำพูด โน้มนาวของซินแส อย่างเดียวก็แก้ได้หมด ) แล้วก็ขอถามต่อ ทำไม่ทีวิยาศาสตร์ เวลาผิด บอกผิดเป็นครู ทำไมศาสตร์อื่น บอกว่าผิด คืองมงาย ผิดก็ปรับให้ถูกซี่ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 18:45:48

ความคิดเห็นที่ 53 ทุกศาสตร์ย่อมมีความเหมาะสมกับการใช้งานในแต่ละเรื่อง จะเหมาว่าวิชานี้ดีที่สุดจะใช้แต่แบบนี้ถือว่าความคิดคับแคบ วิทยาศาสตร์ สร้างความสะดวกสะบาย แต่ก็เป็นเพียงความเจริญในทางวัตถุเท่านั้น แต่ถ้ามีศาสนา สังคมจึงจะร่มเย็น สงบสุข มีความเจริญทางศีลธรรม * ถ้าเจริญเฉพาะวัตถุแต่ขาดศีลธรรม ขาดความกตัญญู ก็จะมีแต่ความวุ่นวาย ดูอย่างประเทศไทยตอนนี้ที่สังคมเริ่มเสื่อมลงเรื่อย ๆ (ทางตะวันตกกลับเริ่มมาศึกษาปรัญญาทางตะวันออก) สถาปัตยกรรมศาสตร์ เกี่ยวกับการออกแบบ ทำโครงสร้างให้เหมาะกับการใช้งาน ศาสตร์ฮวงจุ้ย ทำให้บ้านอยู่เย็นเป็นสุข ครอบครัวอบอุ่น เจริญก้าวหน้า เป็นเรื่องของวิถีชีวิต * ถ้าเน้นแต่การออกแบบตามหลักการใช้สอย การจัดตำแหน่งบ้านบางหลัง สมาชิกในครอบครัวแทบไม่เจอหน้ากันเลย แต่หากดูในหลักฮวงจุ้ยจะต้องกำหนดให้มีประตูทางเข้าหลัก ถัดไปเป็นห้องโถงหรือนั่งเล่นห้องรับแขก เรียกว่าจุดศูนย์รวม (หัวใจของบ้าน) แก้ไขเมื่อ 23 พ.ค. 55 20:22:52 จากคุณ : บั๊กบันนี่ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:04:47

ความคิดเห็นที่ 54 ...ศาสตรของฮวงจุ้ย ผมว่ามันคือศาสตร์ของความสวยงามอย่างนึง... ...แต่ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับเราทั้งนั้นเป็นที่ตั้ง เพราะการปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ยในแต่ละครั้ง มันก็คล้ายๆ กับการเพิ่มพลังหรือประสิทธิภาพของตัวเราให้มีความตั้งใจ หรือปรับเปลี่ยนตัวเองขึ้นมาด้วย...มันก็เลยทำให้โอกาสความน่าจะเป็นที่ชีวิตมันจะดีขึ้น... จากคุณ : เจ็บเพื่อเข้าใจ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:42:02

ความคิดเห็นที่ 55 คห 52 ผิดแล้วแก้ไข นั่นผิดเป็นครูครับ ถ้าผิดแล้วเนียน บอกว่านั่นไม่ใช่ศาสตร์นั้นๆที่แท้จริง อันนี้เป็นพื้นฐานความงมงายครับ แต่ถ้ารอให้คนอื่นมาแก้ให้ ให้วิทยาศาสตร์มาแก้ให้ วิทยาศาสตร์ก็คงแกะเอาเฉพาะส่วนที่ใช้ได้แล้วเรียกมันขึ้นใหม่ว่าหลักการออกแบบบ้านสำหรับประเทศไทย แล้วก็ให้ฮวงจุ้ยอยู่ของมันไปตามเดิมมากกว่าครับ สำหรับข้ออ้างตาม 53 ต้องขอร้องว่า จะถกเถียงอะไรกรุณาอยู่ในประเด็นด้วยครับ จะดึงลากโยงฮวงจุ้ยแล้วเอาศาสนาเป็นตัวประกันการถกเถียงหรือครับ ไม่ดีกระมังนะครับ ผมเห็นว่าเรามีผู้มีศีลธรรมมากมายกว่ากาลก่อนเยอะ และผู้อุดมศีลธรรมเหล่านี้ก็ช่วยกันเรียกร้องให้ทุกคนละเลยสิ่งที่เรียกว่าผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วหลับหูหลับตาตามๆกันไปมากกว่านะครับ ในห้องหว้ากอ ณ ตอนนี้ ก็มีผู้อุดมศีลธรรมเข้ามาแจมมาโพสมากกว่าสมัยก่อนมากมายนักนะครับแล้วมันก็เละอย่างที่เห็น ว่าแต่ แล้ว "ศีลธรรม" ณ ปัจจุบัน มันเหมือนหรือต่างจาก "ศีลธรรม" สมัยหว้ากอก่อนหน้านี้ไหม มันตรวจวัดได้ไหม มีคุณธรรมอะไรที่ต่างกันบ้าง เราอ้างคำวาคุณธรรมขึ้นมาเฉยๆเพื่อให้ดูดีหรือปิดปากความคิดใดๆหรือเปล่า? จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:52:39

ความคิดเห็นที่ 56 #48 แค่ที่ผมจะถล่มกะ Pseudo Science ในห้องวิทย์ ความเชื่อใกล้เคียงนี่ก็เดือดร้อนกันขนาดนี้แล้วละนะ ถ้าไปห้องชายคา ก็ฝากตา monsungja หิ้วถุงดำตามไปโกยองคาพยพกลับห้องด้วยก็แล้วกัน จากคุณ : Darth Prin ***** โดนไปก่อนกระทู้นี้แล้วละครับ 666 จากคุณ : monsungja เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 20:57:16

ความคิดเห็นที่ 57 นี่คือกะถล่มแล้วใช่มั้ยครับเนี่ย จัดหนักมากเลย มีอยู่ 6 คห.สั้นๆ กะอีก 8 ภาพที่เกี่ยวบ้างไม่เกี่ยวบ้าง แล้วก็คีย์เวิร์ดยอดนิยม Pseudo Science จากนั้นจขกท.ก็มาไล่ยำคห.อื่นๆ เจริญพวง !! กระทู้ไม่ได้มีประเด็นอะไรเลย จากคุณ : 30Seconds2Dreams เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:33:37

ความคิดเห็นที่ 58 #55 แค่ยกตัวอย่างเพื่อให้เห็นข้อแตกต่างและความเหมาะสมของแต่ละศาสตร์ เพราะไปอ่านความเห็นของ คห. 51 ไม่เกี่ยวกับการเอาศาสนาเป็นตัวประกัน อีกอย่าง คุณเปิดประเด็นขึ้นมาก็ต้องรู้ด้วยว่า วิชาฮวงจุ้ยต้องเกี่ยวกับข้องกับเรื่องศาสนาแน่นอน เพราะมีเรื่องของหลักการตั้งศาลเจ้าที่ หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เจ้าของบ้านบูชา จากคุณ : บั๊กบันนี่ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 21:36:10

ความคิดเห็นที่ 59 55 แบบนั้นผมก็ ok นะ เอาแนวคิดมาใช้แล้วจะไม่เรียกว่า ฮวงจุ้ย ก็ได้ เพียงแต่ ไม่อยากให้ทิ้งแนวคิดไปหมด ฟังหูไว้หู เอาของดีมาใช้ เหลือประเด้นเดียว คือ เราก็ต้องยกย่องภูมิปัญญาของเราด้วย ไม่ใช่ดูถูก เหมือนกับตำราสมุนไพร นั่นแหละ ฟรั่งมาศึกษาเอากลับไปพัฒนา คัดส่วนที่ใช้ได้จริงออกมา อันใหนงมงานไม่จริงไม่เอา แล้วก็เอามาขายคนไทย อยางกวาเครือ ญี่ปุ่ณก็ทำขาย จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:22:47

ความคิดเห็นที่ 60 57 ครับ เชิญท่านต่อไปครับ 58 โอ้ว ไอ้ส่วนนั้นนี่ก็ต่างจากนิยามฮวงจุ้ยที่เป็นศาสตร์พิสูจน์ใช้งานได้ไปเยอะละครับ แต่ก็ไม่แปลกใจอะไร เพราะมันไม่อาจกล่าวอ้างได้เลยว่าฮวงจุ้ยมีแค่นั้นมีแค่นี้ และเป็นเหตุให้ทางของฝรั่งเขาก็เอาไปมั่วยำขยายต่อได้ถึงขั้นเป็นยารับประทาน ผมว่าเดี๋ยวว่าๆไปจะมีตอว่าโมเดลศาสนาไหนถูกด้วยดังนั้น ก็เชิญท่านต่อไปครับ 59 อืมม์ ถ้ามองในแง่การให้ที่มา ผมเห็นด้วยตามนั้นครับ จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:45:33

ความคิดเห็นที่ 61 กระมู้สนุกดีท่านเทียด เคยเรียนวิชาเลือกตอนปี 1 เขามีให้เรียนเรื่อง "ชี่" พลังจักรวาล ด้วยนะ เฮ้อ ตูมาเรียนหมอแท้ๆ แต่ก็ต้องไปเก็บหน่วยกิจวิชาแปลกๆ จากคุณ : กิ๊ฟไม่ใช่ตุ๊กตา เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 22:51:43

ความคิดเห็นที่ 62 เข้าใจว่าที่เถียงกันน่าจะเกิดจากนิยามคำว่าสิยาศาสตร์ของแต่ละคนไม่เหมือนกันกระมัง นิยามแยกคำว่า science กับ pseudoscience ของดิฉัน คือ ศาสตร์ใดๆก็ตามที่ทำแล้วสามารถพิสูจน์ซ้ำได้หลายๆครั้งว่าสมมติฐานที่ตั้งไว้เป็นจริง นั่นคือวิทยาศาสตร์ ส่วนศาสตร์อื่นที่ไม่สามารถพิสูจน์ซ้ำๆได้นั้นก็รอไปก่อน ถ้าพิสูจน์ตัวเองโดยทำการทดลองได้>>> นำไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบซ้ำ >> ตีพิมพ์ผลงานพิสูจน์ทฤษฎีตัวเอง ได้แบบนี้ค่อยมาถกกันว่าศาสตร์นี้น่าเชื่อถือดีกว่าไหม? สำหรับคคห. 57 ถ้าคุณจะบอกว่าเนื้อหาของคคห.นี้สั้นๆ ไม่มีประเด็นอะไร ขอให้คุณกลับไปดูตรงคคห. 7 ส่วนของที่มาของข้อมูล แล้วลองอ่านดู คุณจะรู้ว่าแต่ละความคิดเห็นที่คุณเห็นว่าไม่มีประเด็นนั้นเกิดจากการกลั่นกรองข้อมูลมาให้คุณอ่าน ถ้าคุณคิดว่าบทความนี้ไม่มีประเด็น คุณลองเขียนบทความที่ "มีประเด็น" สักบทความสิคะ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 23:44:24

ความคิดเห็นที่ 63 อีกเรื่อง คือ ถ้าคิดจะถกกันเนี่ย เอาหลักฐานมาคุยกันดีกว่า ถ้าจะยืนยันว่าฝ่ายของตัวน่าเชื่อถือก็หางานวิจัยมายัน ไม่ใช่ยกคำพูดมาลอยๆโดยอ้างจากประสบการณ์ แล้วมาถกกับอีกฝ่ายที่ต้องวิ่งหา หลักฐาน หรืองานวิจัยมาอ่าน แบบนี้ความน่าเชื่อถือห็ไม่ค่อยมี และดูจะไม่ยุติธรรมกับฝ่ายที่พยายามหาข้อมูลเท่าไหร่นะคะ จากคุณ : โอ้ละหนอ เขียนเมื่อ : 23 พ.ค. 55 23:49:37

ความคิดเห็นที่ 64 #52 ปัญหาคือศาสตร์อื่นเวลาผิดมันจะไม่ยอมรับน่ะสิ แต่วิทยาศาสตร์เป็นศาสตร์ที่ผิดแล้วจะยอมรับได้ง่ายกว่าเพราะมีกระบวนการที่รองรับในตรงนี้ ตรงนี้แหละคือจุดแข็งของวิทยาศาสตร์แท้ที่ทำให้เป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือกว่าศาสตร์อื่น ๆ และในส่วนที่ท่านว่า "คนร้อน ทำบ้านเย็น ๆ มาแก้ คนเย็น ทำบ้านให้มีพลัง เป็นต้น" อันนี้ถือได้ว่าท่านค่อนข้างอธิบายได้เป็นนามธรรมไปหน่อย มันคืออะไร ? ช่วยได้ยังไง ? เห็นผลได้แค่ไหน ? มันดูเหมือนจะเข้าข่ายไสยศาสตร์เกินไปหน่อย แต่ไม่เป็นไร หากหลักทางสถิติชี้ชัดว่ามันได้ผลไม่ใช่การอุปทานไปเอง ก็ถือว่ายอมรับได้เช่นกัน เพราะบางทียังมีบางเรื่องตัวแปรบางจุดที่ทำให้อธิบายไม่ได้ในหลักวิทยาศาสตร์ ทว่าหากศึกษาให้ดีมีความรู้ความเข้าใจในโลกนี้มากขึ้นก็น่าจะสามารถตีความในทางวิทยาศาสตร์อย่างแน่นอน #53 เหมือนท่านจะไม่เข้าใจในคำว่าวิทยาศาสตร์กับสถาปัตยกรรมศาสตร์อย่างถ่องแท้นะ วิทยาศาสตร์คือศาสตร์ที่ศึกษาความเป็นจริงของธรรมชาติ สิ่งที่ท่านพูดถึงคือ"เทคโนโลยี"ที่เป็นผลพวงของวิทยาศาสตร์อีกที แน่นอนเทคโนโลยีคือสิ่งของสิ่งประดิษฐ์ มันย่อมไม่มีจิตใจมาเกี่ยวข้องสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็แค่ส่วนหนึ่งของวิทยาศาสตรืเท่านั้น วิทยาศาสตร์ที่แท้จะมีเรื่องของการศึกษาเรื่องของจิตใจด้วย ก็ "จิตวิทยา" ยังไงล่ะ เรื่องของสถาปัตยกรรมศาสตร์ก็ศึกษาเรื่องของจิตใจและการอยู่อาศัยด้วยเช่นกัน "ความสุนทรียะ" มันอยู่ในศาสตร์นี้อยู่แล้ว การอาศัยแล้วอยู่เย็นเป็นสุขของผู้อยู่อาศัยก็มีเช่นกัน ทว่าไม่ใช่ใน"ความเชื่อ" หากเป็นจากทางวิทยาศาสตร์ที่มีหลักฐานแน่ชัด ทำยังไงให้คนที่อาศัยแล้วสุขกายสบายใจ ไร้การป่วยไม่ว่าทั้งร่างกายและจิตใจ ก็อยู่ในศาสตร์นี้ทั้งนั้น (ลองค้นคำว่า sick building syndrome ดู จะพบว่าศาสตร์นี้ได้พูดถึงเรื่องนี้แล้วจริง ๆ) การออกแบบให้คนพบหน้ากันเสมอ ให้ครอบครัวอบอุ่นก็ทำได้ ออกแบบให้ตัดขาดกันก็ทำได้ ออกแบบให้คนทำงานมีปฏิสัมพันธ์ขึ้นก็ทำได้ ออกแบบให้คนไร้มนุษยสัมพันธ์และมุ่งแต่ทำงานก็ทำได้ ขึ้นอยู่กับสถาปนิกคนนั้นจะสนใจในเรื่องนั้นหรือไม่ก็เท่านั้น ดังนั้นทั้งหมดก็ให้ผลเหมือนกันนั่นแหละ แต่ที่มามันต่างกัน ฮวงจุ้ยมาจากความเชื่อ และการทำต่อกันมาแค่อาณาจักรเดียว ส่วนวิทยาศาสตร์กับสถาปัตยกรรมศาสตร์ มาจากหลักสถิติและหลักฐานอันพิสูจน์ได้จากนานาประเทศ ทว่า อย่างที่บอกไป ฮวงจุ้ยทำลายสิ่งที่สถาปนิกคิดลงทั้งหมด หลายคนคิดไว้หลายมิติ ไม่ว่าจะการใช้งาน ความสวยงาม พลังงาน ความปลอดภัย หรือด้านความสัมพันธ์ แต่จู่ ๆ ฮวงจุ้ยก็มาจากไหนไม่รู้ ที่มาก็ไม่แน่ชัด แต่ละสำนักก็ออกแบบไม่เหมือนกัน ทว่าพอโผล่มาก็ใช้ความคิดเพียงมิติเดียวคือ "โชคลาง" มาทำลายสิ่งที่คิดไว้ดีแล้วของสถาปนิกลงไปทั้งหมด แล้วแบบนี้ควรให้ความสำคัญอะไรมากกว่ากัน ? ฮวงจุ้ย หรือกรออกแบบของสถาปนิก ? #54 เรื่องของความสวยงามของฮวงจุ้ย... เราว่าส่วนใหญ่จะหลงประเด็นนี้ไปแล้วนะ แน่นอนว่ามันมี แต่ตอนนี้คนแทบทั้งหมดเน้นเรื่องโชคลางเป็นหลักมากกว่า #59 อันนั้นก็เห็นด้วยกับท่าน จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 02:13:13

ความคิดเห็นที่ 65 สำหรับเรื่องฮวงจุ้ย ก็ไม่ได้คัดค้านอะไรนะ หากจะคิดถึงมันด้วยเวลาออกแบบ เพราะมันเป็นแนวทางที่ดีที่ทำให้นักออกแบบสามารถคิดได้ว่าต้องคำนวณถึงอะไรบ้างเวลาออกแบบ เพราะการออกแบบในบางเรื่องมันไม่มีแนวทางที่แน่ชัดหรอกว่าต้องคำนึงถึงอะไรบ้าง หลัก ๆ ก็มีแค่กฏหมายกับการใช้งานที่ต้องคิดเป็นหลัก (...และเรื่องงบกับวัสดุที่จะสั่งซื้อด้วย แต่ส่วนใหญ่ติสต์แตกไม่สนใจสักที - ฮา) แต่เรื่องของรายละเอียดปลีกย่อยเช่น Facility Management อันนี้บอกได้เลยว่าแทบไม่มีหลักที่แน่ชัดเลย ทว่าฮวงจุ้ยมันจะมีส่วนที่ทำให้คิดคำนึงถึงสิ่งต่าง ๆ ที่นักออกแบบไม่ได้คิดเอาไว้ได้ ดังนั้นจึงถือว่าเป็นไกด์ไลน์ที่ดีอย่างนึงว่าหากจะเอามาคิดก็ไม่เสียหายอันใด ทว่าที่มีปัญหาก็เพราะมีคนที่คำนึงเรื่องฮวงจุ้ยเป็นสิ่งสำคัญกว่าเรื่องอื่น จนเป็นส่วนเกินของการออกแบบ ทำให้การออกแบบที่คิดหลายมิติอย่างมีเอกภาพ ต้องถูกทำลายไปโดยเวลาแค่เพียงชั่วพริบตา นี่แหละที่ไม่สมควรให้เกิดขึ้น และที่สำคัญคนที่สนใจจุดนี้ยังคิดแค่เพียง "โชคลาง" โดยไม่สนใจเรื่องอื่นเลย ทั้งที่การยึดถือโชคลางนั้นอาจจะก่อเกิดอันตรายมากกว่าประโยชน์ด้วยซ้ำไป จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 02:23:49

ความคิดเห็นที่ 66 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 06:32:37 จากคุณ : นูเบ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 06:25:57

ความคิดเห็นที่ 67 ฮวงจุ้ยบางลักษณะเช่น การวางของ การใช้อะไรแปลก ๆ มาตั้งในบ้าน โดยส่วนตัวก็ไม่เห็นด้วย และไม่ค่อยได้ผล รวมถึงพวกยากินตามกระทู้ด้านบน แบบนี้น่าจะหาผลประโยชน์จากคนเชื่อของคนมากกว่า แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 06:36:57 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 06:32:56 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 06:32:15 จากคุณ : นูเบ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 06:31:22

ความคิดเห็นที่ 68 #60 วิชาพวกนี้มีมาก่อนวิทยาศาสตร์หลายพันปี เพียงแต่หลายเรื่องเมื่อผ่านนำมาพิสูจน์ก็มีเหตุผลรองรับ เป็นทั้งตรรกะ จิตวิทยา และมีส่วนในวิทยาศาสตร์ บางอย่างก็เกี่ยวพันกับประเพณีวัฒนธรรม ความเคารพผู้หลักผู้ใหญ่ ถึงบอกว่าเป็นเรื่องของวิถีชีวิต แต่บางเรื่องก็ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้จึงเป็นข้อถกเถียงกันอยู่ในปัจจุบัน เช่น พวกเรื่องพลังงานทั้งหลาย #64 เรากำลังพูดในแง่ของการออกแบบและใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์ ว่าปัจจุบันมีการใช้สอยแล้ว บกพร่อง ขาด เกิน หรือไม่อย่างไร จริงอยู่ที่ท่านบอกว่าสถาปัตก็ออกแบบบ้านที่เป็นสุขได้อันนี้เห็นด้วย แต่ถ้าดูจะเห็นว่าแปลนบ้านมากมายที่ไม่ได้ออกแบบเช่นนั้น ยกตัวอย่างเช่น หมู่บ้านจัดสรรในเมืองไทยทั้งโครงการที่ดังและไม่ดัง จะออกแบบประตูทางเข้าอาคารเล็ก ๆ ไว้ตรงที่จอดรถ เพื่อให้สะดวกเข้าออก (โดยประตูใหญ่แทบไม่เคยใช้สอยเลย) เมื่อเปิดเข้ามาก็ติดบันได หรือเจอห้องครัว ทางเข้าห้องน้ำ แต่ถ้าในหลักฮวงจุ้ยจะเน้นให้เข้าออกที่ประตูใหญ่ด้านหน้า เมื่อเข้ามาควรโถงห้องรับแขก จุดศูนย์รวมของครอบครัวก่อน มิฉะนั้นสมาชิกในครอบครัวกลับบ้านต่างคนก็ต่างขึ้นไปชั้นบน (หลักวิชาจะบอกว่าบ้านที่มีประตูด้านหน้าสองบาน จะทำให้วุ่นวาย ส่วนประตูเข้าออกหลังบ้านจำเป็นต้องมี เป็นทางหนีทีไล่ แต่ประตูทั้งด้านหน้าและด้านหลังห้ามมองทะลุตรงกันเป็นเส้นตรง จะเยื้องหรือมีอะไรขวางก็ได้) อย่างที่ท่านว่าอยู่ที่สถาปนิก จะออกแบบให้เจอกันก็ได้ จะออกแบบให้ไม่เห็นหน้ากันก็ได้ แต่การอยู่เป็นสถาบันครอบครัว การเจอหน้ากันเป็นเรื่องสำคัญ ดังนั้นวิชาฮวงจุ้ยก็ทำหน้าที่ในส่วนนี้ ถ้าการดูฮวงจุ้ยไม่ออกนอกระบบ จะไม่ไปยุ่งกับเรื่องโครงสร้าง วัสดุ เป็นเพียงการจัดฟังก์ชั่นการใช้งาน และการวางทิศทางของโต๊ะทำงาน หัวนอน สิ่งศักดิ์สิทธิ์ และการใช้สีในบางจุดเป็นหลัก จากคุณ : บั๊กบันนี่ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 07:07:15

ความคิดเห็นที่ 69 . . เราอ่านแล้วจับประเด็นได้ว่า คุณ จขกท. เขาสื่อว่าการที่จะเคลมว่าหลักฮวงจุ้ยนั้นสามารถแก้ไขรักษา "โรคมะเร็ง หอบหืด โรคอารมณ์สองขั้ว โรคหัวใจ ไหลตาย ความเจ็บป่วยทางร่างกายและจิตใจ การรักษาแผนปัจจุบันทำได้ไม่ดี เด็ก ไฮเปอร์ฯ เรียนรู้ยาก พิการแต่กำเนิด โรคเครียดในที่ทำงานหรือในมุ้ง แท้ง คลอดก่อนกำหนด การแพ้อาหาร การถูกคุกคามทางเพศ และอารมณ์เสียระหว่างขับรถ" ฯลฯ นั้นเป็นวิทยาศาสตร์เทียมหรือไม่เป็นวิทยาศาสตร์นะคะ ยิ่งการแก้ฮวงจุ้ยด้วยการกินยายิ่งแล้วไปกันใหญ่เท่านั้นเองค่ะ...หรือเราเข้าใจอะไรผิดไป ปล. ทฤษฎีหลักการตำราต่างต่างสมัยก่อนไม่มีตำราไหนถูกต้องร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือผิดทั้งหมดหรอกค่ะ ทุกทฤษฎีทุกองค์ความรู้ปราญช์ก็ได้มาจากการสังเกตุการเรียนรู้เก็บสถิติมาจากธรรมชาติกันทั้งนั้น เพียงแต่วิทยาศาสตร์พิสูจน์องค์ความรู้ให้ทุกคนเห็นได้ แม้ทุกคนจะเชื่อไม่เหมือนกัน ทำซ้ำได้หลายครั้งผลไม่เปลี่ยนแปลงไป และท้ายที่สุด วิทยาศาสตร์ยอมรับว่า ผิดพลาดได้ แล้วพร้อมแก้ไข เท่านั้นเองค่ะ ^^ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 08:39:19 จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 08:36:47

ความคิดเห็นที่ 70 บ่แม่นเน้อ แม่หยัว พริมจัง ประเด็นคือ 1. กระทู้พูดถึงตัว Geopathic Stress ที่มันเอาหลักฮวงจุ้ยไปผสมอยู่ข้างใน 2. ฮวงจุ้ยไม่ใช่วิทยาศาสตร์ และจัดเป็น Non-Science 3. จาก 2 เมื่อ 1 Claim ตัวเองเป็น Science โดยที่ Base ของตัวเองเป็น Non-Science มันจึงเป็น Pseudo-Science หลังจากนั้น เกิดประเด็นต่อคือ 4. คนไทยเชื่อถือหลักฮวงจุ้ยมาก และด้วยความรู้สึกส่วนตัว อะไรก็ตามที่กล่าวถึงฮวงจุ้ยในแง่ลบจะอยากออกมาต้าน   ส่วนที่กล่าวถึงฮวงจุ้ยในแง่ลบกระทู้นี้คือ มันไม่มี Repeatability ซึ่งทำให้มันเป็น Non-Science 5. มีกลุ่มผู้ได้รับความเดือดร้อนจากความที่ ฮวงจุ้ย ไม่มี Repeatability และเจอผลกระทบที่หลัก ฮวงจุ้ย   ขัดแย้งกับ Function การใช้งาน มาออกความเห็นประเด็นปัญหาอื่นๆของฮวงจุ้ย ที่มีแฝงอยู่ในสังคม 6. เกิดการโต้แย้งจากคนในข้อ 4. พยายามยืนยันมันใช้ได้จริง โดยจับเฉพาะประเด็นที่ใช้ได้ และทำให้เกิดภาพ   การเหมารวมว่า เพราะบางส่วนใช้ได้ ฮวงจุ้ยจึงดี และ การปฏิเสธ สิ่งที่ไม่ดีว่าไม่ใช่ฮวงจุ้ย 7. เกิดการโต้แย้งตรรกะ No True Scotsman ประปราย เพราะตรรกะดังกล่าว ไม่สามารถยืนยันได้เลยว่า   อะไรใช่และไม่ใช่ฮวงจุ้ย และเอาเข้าจริง ถ้าเราแยกเฉพาะส่วนที่ใช้ได้ของฮวงจุ้ยออกมา มันก็จะกลายเป็นอีก   ศาสตร์หนึ่งเลย เพราะ ฮวงจุ้ย มีมิติทางศาสนาปนเข้าไปด้วย 8. เพราะการพิสูจน์ไม่ได้นี้เอง ขอแค่มีคน Claim ฮวงจุ้ยว่าเกี่ยวกับศาสนา มันก็กลายเป็นเรื่องศาสนา   ได้ เพราะไม่มีหลักเกณฑ์อะไรสามารถใช้แยกว่ามัน ใช่ หรือมิใช่ ฮวงจุ้ย เพราะวิทย์ แม้ไม่ได้รับการยอมรับ   โดย คนแม้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ก็ถือว่าใช้ตัดสินแก้ศาสตร์นี้ไม่ได้แล้ว ทำได้แค่แยกมันออกมาเป็นอีกศาสตร์ สถานะปัจจุบันของกระทู้นี้คือการออกทะเล และหลักฮวงจุ้ยก็คือห้ามแตะ และแยกแยะข้อเท็จจริงของมันออกมา มิได้เหมือนเคย ตัว จขกท ก็คงบอกได้แค่ว่า จะใช้อะไรพวกนี้ ก็อย่าเกินเลยไปแบบของฝรั่งมันก็แล้วกัน ที่มั่วๆกันอยู่ในไทยก็พอแล้วละครับ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 10:31:01 จากคุณ : Darth Prin เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:28:09

ความคิดเห็นที่ 71 . . ข้อ 3 จาก 2 เมื่อ 1 Claim ตัวเองเป็น Science โดยที่ Base ของตัวเองเป็น Non-Science มันจึงเป็น Pseudo-Science โอ้ววว อ่านข้อนี้แล้ว เราเข้าใจผิดเองค่ะ อ่านจับประเด็นไม่ครบเอง ต้องขอโทษทีค่ะ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 10:57:04 จากคุณ : primjang เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 10:54:01

ความคิดเห็นที่ 72 หมอดูฮวงจุ้ยไม่ได้มีปัญหาแต่กับสถาปนิก  วิศวกรก็โดนผมเคยเจอสร้างบ้านให้รุ่นพี่ขึ้นชั้น๒แล้ว พี่เอาซินแสมาดูบอกให้ย้ายบันได ผมงี้ปี๊ดแตกเลย ออกแบบให้ฟรีๆยังเรื่องมากอีก เลยบอกไปถ้าพี่จะย้าย ก็ไปสั่งช่างเองผมไม่ทำ ไม่รับรองความแข็งแรงด้วย จากคุณ : civil eng. (vijit_t) เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 11:11:21

ความคิดเห็นที่ 73 72 ตอนเรียนวิดวะ พวกที่เรียนโยธามาบ่นให้ฟัง แบบว่า เรียนวิวะยากกว่า รู้เทคนิคมากกว่า แต่ต้องไปฟังสถาปัต ว่าเอาไง เหมือนเป็นลูกน้องถาปัตอีกที แล้วก็บ่นว่า พวกถาปัตเก่งแต่ศิลป์ แต่วิดวะต้องทำตาม ถาปัตจะถามแค่ว่าสร้างได้มั้ย เท่าใหร่ พบจบมาก็เข้าใจ วิดวะ เป็นลูกไล่ ถาปัต ถาปัต เป็นลูกน้อง เจ้าของโครงการ เจ้าของโครงการ ต้องฟัง ซินแสหมอดู สรุปหมอดูใหญ่สุด มองในแง่ร้าย พวกงมงายเป็นใหญ่สุด มองในแง่ดี คือคนที่มองโสคปใหญ่กว่าเป็นคนตัดสินใจ วิดวะมองเทคนิด ความปลอดภัย ถาปัตมอง ความสวยงาม การใช้ประโยชน์ ซึ่งสโคปใหญ่กว่า เพราะถ้าทำแล้วใช้ไม่ดี ก็ไม่มีปรโยชน์ เจ้าของมอง เงิน ความมั้งคั่ง อยู่สบาย กาค้าการขาย ซินแสมองสถิติย้อนไปว่า เพื่อทำนายอนาคต ถ้าเคยดุเคยอ่านสามก๊กมา จะเห็น ผู้นำมีกุนซือหลายคนให้คำแนะนำ กุนซือจะมีความรู้ ประวัติศาสตร์ รัฐศาสตร์ .. ฯลฯ ทำให้เสนอมุมมองที่กว้างขวางแก่ผู้นำ บางครั้งสามารุทำนายเหตุการณ์ได้ด้วยการยกประวัติศาสตร์ที่คล้าย ๆ กันมาเป็นตัวอย่าง ระบบซินแส คงจะเลียนแบบ ระบบกุนซือ แต่เราไม่ได้รวยขนาดจ้างคนเก่ง ๆ มาเป็นกุนซือได้ ก็อาศัยซินแส ปัญหาคือ เราเอาแต่รูปแบบมา เนื้อหาเพี้ยนไปหมดแล้ว ซินแสบางคนไม่ได้เก่งอะไรเลย บ้าแต่รูปแบบพิธกรรม เราต้องแยกให้ออกว่า อะไรคือ เนื้อหา อะไรคือ รูปแบบ แก๊สหุงต้มในบ้าน มีถังเป็นรูปแบบ แก๊สในถังคือ เนื้องหา 1 การเลือกเอาถังสวย ๆ แต่ แก๊สข้างในน้อย คือการสนใจรูปแบบมากกว่าเนื่้อหา 2 การไม่เลือกเอาถัง เอาแต่แก๊สข้างในมาก ๆ คือการสนใจเนื่้อหามากกว่ารูปแบบ อันใหนดีกว่ากัน แน่นอนเราชาววิทย์ ต้องบอกว่า 2 ดีกว่า แต่บางกรณี รูปแบบก็มีผลต่อเนื่อหา เช่นถังโทรงเกินไปก็อันตราย กลับมาที่กรณีซินแส ส่วนใหญ่เราจะคุ้นกับ คนที่สนใจพิธิกรรม(รูปแบบ) มากว่าเนื่อหา อันนี้ไม่ต้องอธิบายมากคนหว่ากอเข้าใจอยู่แล้ว เอาสิงโตหิน ตัวเล็ก ๆ หรือกระจกเล็ก ๆ มาแก้เคล็ดทางสามแพร่ง ซึ่งแก้ไม่ได้ มันต้องอะหรใหญ่ๆ ที่ขวางรถได้ สมัยโบราณใช้สิงโคหิน สมัยนี้ไม่นิยม ก็ยังติดรูปแบบเดิม แต่เรื่องที่เราชาววิทย์มักมองข้าม คือบางที รูปแบบมีผลต่อเนื้อหา สวดมนต์ไม่รู้เรืองสวดไปทำไม สวดเพื่อ ให้มีสมาธิ สงบจิตใจ ฯลฯ ซึ่งอาจเกิดหรือไม่เกิดก็ได้ แต่การสวดคือการใช้รูปแบบพยายามทำให้มันเกิด ตอนทำงานในโรงงาน มีงานริเจกจากบริษัทญี่ปุ่ณ ริเจกกันหลายรอบ ญี่ปุ่ณเรียก GM เราไปคุย ไอ้เราก็ด่าญี่ปุ่ณว่า GM มันไม่รู้เรื่องหรอก เรียกไปทำไม่ เป็นวํฒนธรรม(รูปแบบ)ญี่ปุ่ณที่เราไม่เห็นด้วยเลยเสียเวลา พอกลับมาปรากฎว่า แก้ปัญหาได้จริง ๆ เพราะ GM ของเราให้ทรัพยากรณ์ในการแก้ปัญหาที่เพียงพอ แล้วรูปแบบก็มีผลต่อเนื้อหาจริง ๆ กลับมาที่ซินแส อย่างน้อยการไปดูหมอกับซินแส ก็ทำให้เราได้คิด(ย้ำได้คิด ไม่ใช่คิดได้)ว่า ทำเลตรงนั้นตรงนี้ดีมั็ย ค้าขายแบบนี้ดีมั้ย สุขภาพกับการทำงานนี้เป็นไง ฯลฯ เป็นการยกระดับความคิดึ้นไป แทนที่จะมุดหัวทำงานลงรายละเอียดอย่างเดียว เหมือนที่ทำทุกวัน สรุปว่าชีวิตมันไม่ง่ายน่ะ แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 12:25:18 จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:24:05

ความคิดเห็นที่ 74 ความเชื่อแก้ยากที่สุด พูดถึงเรื่องฮวงจุ้ย หมอบางคนบอก....ย้ายนั่น วางนี่ ทุบโน่น หรือก่อตรงนี้ แล้วจะดี ทำให้ผมนึกถึง รถบางคันที่ติดสติ๊กเกอร์ รถคันนี้สี........ ถ้ามันติดแค่นั้นแล้วทำให้ เจ้าของรถเจริญรุ่งเรือง ชาตินี้ก็ไม่ต้องลำบากแล้ว หรือจะบอกว่าทำให้รถไม่เกิด หรือไม่ค่อยประสบอุบัติเหตุ อย่างนี้รัฐบาลสบายเลย ไม่ต้องไปรณรงค์กันมากมาย เสียเงินค่าสติ๊กเกอร์แจกรถทุกคันมันไปเลย คนเชื่อก็บอก อย่างน้อยได้ความสบายใจ หรือ ศาสตร์นี้มีมาหลายพันปีแล้ว และเป็นเรื่องที่วิทยาศาสตร์สมัยนี้ยังพิสูจน์ไม่ได้ ดังนั้นอย่างเพิ่งไปสรุปว่าไม่มีผลจริงๆ สรุป การศึกษาไม่ช่วยอะไร ว่าจะพิมพ์ต่อ แต่ไม่เอาดีกว่า เดี๋ยวยาว.......... จากคุณ : AutoCrazy เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 12:30:16

ความคิดเห็นที่ 75 #68 ที่ท่านอ้างมา สถาปนิกก็คิดเหมือนกัน เช่นเรื่องของ Circulation และการแบ่งโซนของผู้ใช้ Circulation ที่ดี จะไม่มีการเดินของกิจกรรมต่าง ๆ ให้สวนหรือชนกัน (ยกตัวอย่างเช่น Gallery หรือ Museum จะเดิน Oneway ให้ชมงานทั้งหมดได้ด้วยการเดินรอบเดียว) สำหรับการแบ่งโซน ตัวอย่างก็เช่นการแบ่งให้ส่วนเจ้าของบ้าน กับแขก แยกออกจากกัน โดยแขกจะไม่สามารถเข้าไปถึงส่วนเจ้าของบ้านได้เลย เพราะกิจกรรมที่ทำได้พาไม่ไปถึงตรงนั้น ส่วนเจ้าของบ้านก็สามารถสังเกตการณ์และมองเห็นการกระทำของแขกทุกอย่างได้ หรือการแบ่งส่วนเซอร์วิสกับคนใช้ โดยส่วนเซอร์วิสที่ไม่สวยงามเช่นส่วนซักล้างหรือห้องครัวจะอยู่หลังบ้าน ส่วนของคนใช้จะไปอยู่ด้านหลังเข้าอีกทาง ทำให้ไม่โผล่ออกมาให้เจ้าของบ้านเห็นยามไม่จำเป็นได้ ซึ่งการคิดในเรื่องนี้จึงทำให้ส่วนห้องนั่งเล่นจะอยู่ลับไปสักหน่อย (แต่ก็เป็นส่วนตัวกว่า) ทว่าห้องรับแขกจะอยู่ด้านหน้าประตูทางเข้าแทน ซึ่งหากไม่มีแขกก็เป็นส่วนที่แทนห้องนั่งเล่นได้เช่นกัน และการที่มีประตูสองบานที่ท่านว่าเอง จะทำให้แขกเข้าทางประตูหน้า ส่วนเจ้าของบ้านเข้าทางประตูข้างแทน ซึ่งก็เป็นผลจากเรื่องการคิดคำนวณ Circulation ด้วยเช่นกัน ยังมีเรื่องของงานระบบอีก ถ้าสังเกตให้ดี ห้องน้ำมักจะตรงกัน นั่นก็เพราะมันง่ายกว่าถ้าจะให้ระบบน้ำดีและน้ำทิ้งอยู่ตรงกัน หากย้ายไปอยู่คนละส่วนจะเปลืองค่างานระบบมากขึ้น ซ้ำยังเสี่ยงต่อการรั่วซึมได้โดยง่าย ลองสังเกตดูได้นะ บ้าน อาคาร ห้างร้าน มักจะเป็นแบบที่ว่านี้จริง ๆ ดังนั้นสุดท้ายแล้วทั้งสถาปัตยกรรมศาสตร์กับฮวงจุ้ยก็ให้ผลที่เหมือนกันไม่ใช่หรือ ? แต่เราว่าสถาปัตยกรรมศาสตร์ยังคิดส่วนที่สำคัญได้มากกว่านี้ ส่วนฮวงจุ้ยดูเหมือนจะยัดสิ่งที่ไม่เกิดผลไปในนี้ด้วยนะ แน่นอน ไม่ปฏิเสธว่าสถาปนิกบางคนอาจจะไม่ได้คิดถึงเรื่องพวกนี้ทุกเรื่อง แต่ขอถามว่า ซินแซทุกคนคิดถึงเรื่องพวกนี้เสมอไปด้วยหรือไม่ ? เท่าที่ประสบการณ์ผ่านมา ซินแสคนละสำนักก็ให้ผลคนละอย่างได้เช่นกัน #72 #73 เรื่องความสัมพันธ์ของวิศวะกับสถาปนิก... ความจริงสถาปนิกก็เหมือนเป็ดนั่นแหละ ต้องทำได้ทุกอย่างแต่ไม่เก่งสักอย่างเลยต้องพึ่งวิศวะยังไงล่ะ ได้ยินว่าวิศวะก็ปวดหัวกับสถาปนิกไม่น้อยเหมือนกัน เพราะการออกแบบบางอย่างคำนวณโครงสร้างได้นรกมาก เห็นว่าบางทีข้อสอบของคณะวิศวะก็หยิบมาจากโปรเจ็กต์ของเด็กสถาปัตย์ด้วยเหมือนกัน เจอทีก็ด่ากันตรึม #73 อย่าลืมมองในมุมกลับนะ วิทยาศาสตร์แท้จริงสนใจเรื่องของจิตใจด้วย ทว่าตามลักษณะของคนที่นิยมวิทย์ มักจะยึดเรื่องของรูปธรรมมากกว่านามธรรม ทำให้หลายคนไม่สนใจเรื่องของจิตใจเท่าที่ควร แต่เราว่าคนกลุ่มนี้ไม่ได้เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่แท้จริงหรอก พวกเขาแค่คนที่งมงายวิทยาศาสตร์ก็เท่านั้น (กรณีทดสอบผีด้วยการไปดูถูกคนอื่นหรือดูหมิ่นสถานที่มักจะเรียกตัวเองว่าเป็นคนที่เชื่อในวิทยาศาสตร์เสมอ แต่เราว่าไม่ใช่) กลับกันคนที่สนใจเรื่องศาสนาหรือไสยศาสตร์ มักจะยึดนามธรรมมากกว่ารูปธรรม จึงทำให้มักจะเพิกเฉยกับเรื่องของรูปธรรมไป ดังนั้นจึงส่งผลให้ยึดติดกับเรื่องของความเชื่อมากกว่าสิ่งที่มีหลักฐานพิสูจน์ได้อย่างเรื่องของวิทยาศาสตร์ไป ดังนั้นเราว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวศาสตร์หรอก แต่มันอยู่ที่ตัวคนซึ่งนับถือศาสตร์นั้น ๆ ต่างหาก ยึดรูปธรรมไม่ยึดนามธรรมมันก็มีปัญหา ยึดนามธรรมไม่ยึดรูปธรรมก็มีปัญหา แต่หากจะให้ยึดทั้งคู่มันก็เป็นไปได้ยาก ซึ่งวิทยาศาสตร์หลักของมันก็ดีอยู่แล้ว แต่คนที่ยึดมักลืมเรื่องนามธรรมไป ทำให้มักไม่ใช่เรื่องจิตใจที่มีอยู่ในศาสตร์นี้มาคิดคำนวณด้วย สำหรับฮวงจุ้ยศาสตร์ของมันมีปัญหาอยู่หลายส่วน เพราะคนที่ยึดไม่สนใจเรื่องรูปธรรม ทำให้ใส่อะไรหลายอย่างศาสตร์นี้มีส่วนที่มีปัญหาไป เพิ่มเติมเล็กน้อย... โดยส่วนตัวคิดว่าประเทศไทยเหมาะกับการเข้าบ้านทางประตูด้านข้างที่ติดโรงรถมากกว่าประตูหน้า เพราะอะไร ? นั่นก็เพราะประเทศไทยเป็นเมืองในเขตร้อนชื้น ฝนตกชุก และถึงไม่มีฝน แดดก็ร้อนเปรี้ยง หากจะเข้าประตูหน้า... มันไกลไปไหม ? มันมีกันสาดต่อจากโรงรถมาถึงจุดนี้ไหม ? (อย่าลืมว่าถึงทำได้ก็เพิ่มเงินโดยใช่เหตุ) ดังนั้นหากไปเข้าประตูหน้า มันจะทำให้คนที่ใช้ทางนั้นต้องเผชิญกับฝนและแดดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ กลับกันถ้าเข้าทางประตูข้างที่ติดโรงรถจึงเป็นสิ่งที่สะดวกสบายมากกว่า แน่นอนว่าการย้ายรถไปจอดหน้าบ้านก็ทำไม่ได้เช่นกัน เพราะถือว่าไม่สวยงาม เรื่องของเสากลางบ้าน สถาปนิกก็ไม่ทำกัน เพราะมันไม่สวย และมันทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย (ดังนั้นเรื่องนี้จะต้องคำนึงตั้งแต่การออกแบบโครงสร้างกันเลยทีเดียว) เรื่องของขื่อเหนือหัวนอน สถาปนิกก็ไม่ทำกัน เพราะมันไม่สวย และจัดวางเตียงได้ลำบาก เนื่องจากเสามันจะยื่นออกมาจากผนัง ทำให้จัดวางเตียงชิดผนังได้ยากทั้งยังมีปัญหาหลายอย่าง แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 17:06:48 แก้ไขเมื่อ 24 พ.ค. 55 17:06:08 จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 14:57:50

ความคิดเห็นที่ 76 ฮวงจุ้ยจะดีได้ ผู้อยู่อาศัยต้องเป็นคนมีคุณธรรมด้วยครับ ตำราบอกไว้ จากคุณ : praphrut608 เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 22:00:04

ความคิดเห็นที่ 77 เอาละเว้ย  วิทยาศาสตร์ กะ ไสยศาสตร์ กำลังออกรบกันใหญ่ ฮาาาาาา จากคุณ : Brosba เขียนเมื่อ : 24 พ.ค. 55 23:06:57

ความคิดเห็นที่ 78 #77 ไสยศาสตร์ เป็นวิชาเกี่ยวกับเวทมนตร์ คาถา และ เลขยันต์ ประกอบกับการใช้อำนาจสมาธิจิต การสาธยายเวทมนตร์คาถา การภาวนา และการปลุกเสก ไสยศาสตร์ หรือ ศาสตร์มืด คือการทำ "คุณไสย" ในพจนานุกรมไทยให้คำจำกัดความ คุณไสย ว่า "เป็นพิธีกรรมเพื่อทำร้ายอมิตร" เป็นศาสตร์ที่ทางวิทยาศาสตร์ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ แต่เป็นที่รู้จักกันทั่วไป และมีคนเชื่อและผู้ปฏิบัติทั่วโลก ที่มา. วิกิพีเดีย จากคุณ : นูเบ เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 05:35:19

ความคิดเห็นที่ 79 ถ้าจะทำตามก็ไอ้ที่ดูแล้ว อธิบาย หรือหาอะไรมาโยงได้บ้างอ่ะครับ เช่น อารมณ์ของสี ความปลอดภัย สภาพอากาศ วางถูกทิศแล้วลมโกรกบ้านเย็น วางอะไรเพิ่มแล้วช่วยให้ปลอดภัยขึ้น ย้ายเตียงนิดนึง หนีคาน สีมันหม่นๆ อยู่แล้วมัวๆ ทาสีใหม่เอาสดใสหน่อย อะไรเงี้ย พอทำใจเชื่อไหว จากคุณ : Adios2nd เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 05:48:02

ความคิดเห็นที่ 80 "ดังนั้นใช้หลักวิทยาศาสตร์ในการจัดแปลนอาคารไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ ? เพราะถ้าใช้หลักฮวงจุ้ยยังไงก็แยกไม่ออกอยู่แล้วว่าส่วนไหนมั่วหรือจริง" บางคนกินยายาก  เค้าก็มักให้ยาน้ำ ที่ผสมน้ำเชื่อมให้กินง่าย  หลักฮวงจุ้ย ก็ คือการเคลือบยากินยากๆ ให้กินง่ายขึ้น จุดมุ่งหมายเพื่อให้คนได้กินยา คนที่แยกหลักฮวงจุ้ย จริง กับ มั่ว ไม่ออก  คุณใช้ หลักการไหน คนพวกนี้ ก็โดนหลอกอยู่ดีนั่นละ จากคุณ : ARMS STRONG เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 09:44:59

ความคิดเห็นที่ 81 ถูกใจมาก ๆ  ๆ  ๆ เรื่องแบบนี้ผมไม่ค่อยจะสนเท่าไหร่ ถ้ามีคนทัก เอาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์มาคุยกันดีกว่า ปล. ตอนนี้ก็กำลังจะออกรถคันใหม่ (ตามสิทธิรถคันแรก) แฟนไปจองไว้ตั้งแต่งานมอเตอร์โชว์ ทีแรกจะเอาสีนี้ ดูจาก web ที่หนึ่งบอกสีถูกโฉลก กับคนนี้ แต่เซลส์บอกว่ารถยังไม่มี ต้องรอ รอไปรอมา ในที่สุด เซลส์บอกมาเมื่อวันพุธนี้ว่ามีอีกสี รับรถได้ทันที ไม่เช็คแล้วว่าถูกโฉลกหรือเปล่า เพราะผมเองบอกกับแฟนว่า ถ้าเช็คกับ web นี้ เขาก็บอกว่าถูกโฉลก ถ้าไปเช็คอีก web หนึ่ง ก็บอกว่าไม่เหมาะ ส่วนวันที่ไปรับรถ ก็ถือเอาวันสะดวก (พรุ่งนี้แหละ) คืนนี้นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะบ้านอยู่บางกะปิ แต่ศูนย์ที่ไปรับอยู่ฝั่งธนโน้น ถ้าลากเส้นจากเมืองทองธานี (สถานที่จอง) บ้าน และศูนย์ที่จอง มันจะเป็นรูปสามเหลี่ยมอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ ไม่สน จากคุณ : Mr. SJ เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 10:26:40

ความคิดเห็นที่ 82 หึหึ ที่ทำงานผมเจ้านายเอาชินแสมาดู จัดที่นั่งทำงานกันใหม่ หันหน้าเข้าข้างฝากันทุกคนเลย ต้องทำอย่างนั้นต้องทำอย่างนี้ รั้วบ้านก็ต้องเปลี่ยนสี เหล็กรั้วแหลม ที่ไว้กันขโมย ก็ให้เอาลูกบอลกลมๆ มาเสียบ หน้าบ้านมีต้นไม้ ก็ให้ตัดออก ผล 1 เดือนแรก ฟ้าผ่าหม้อแปลงหน้าบ้าน คาดว่าเนื่องจากไม่มีต้นไม้ ทำให้มันโล่งมากๆ ฟ้าเลยลงมาตรงเป๊ะๆ เครื่องใช้ไฟฟ้าบางตัวเลยตายตาม หน้าบ้านร้อนมาก เหราะไม่มีต้นไม้ ที่นั่งทำงาน คับแคบกว่าเดิม อึดอัดขึ้น ส่วนผลประกอบการ ดิ่งลงเหว ขอรับ อืม เพราะผลของฮวงจุ้ยหรือเปล่าเนี่ย จากคุณ : เด็กนอกบ้าน เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 13:18:39

ความคิดเห็นที่ 83 #80 ท่านตีความประโยคนั้นผิดกลุ่มเป้าหมายแล้ว ประโยคนั้นมีเพื่อที่สนับสนุนการใช้ฮวงจุ้ยที่อยู่ในกระทู้นี้นะท่าน ไม่ใช่กับผู้บริโภค ถ้าเป็นผู้บริโภคหรือลูกค้าที่เชื่อในหลักของฮวงจุ้ยก็ตามนั้น ซึ่งวิธีทำก็ตามคห.20นั่นแหละ #82 ถ้าตามข้อมูลที่ท่านให้มา ก็น่าจะใช่ ซึ่งเรื่องของการจัดสำนักงาน เราว่าให้สาย facility management มาช่วยจัดให้ดีกว่า จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 25 พ.ค. 55 19:52:00

ความคิดเห็นที่ 84 เชื่อว่าคนไทยไม่มีความรู้ความเข้าใจ แก่นแท้ของฮวงจุ้ยมากพอ ที่เห็นวิจารณ์กัน ก็รู้แบบงูๆปลาๆ หรือไม่ก็เจอแต่ซินแสหลอกลวง หาสตางค์เป็นหลัก หลักฮวงจุ้ยจริงๆแล้วต้องไปถามเจ้าสัวในเมืองไทย 20 อันดับแรก เขาจะเข้าใจหลักการที่แท้จริง การเลือกทำเลที่ตั้ง การดูกระแส การกำหนดทิศทาง ถ้าใครศึกษาให้มากๆจะเข้าใจการเลือกสร้าง อาคารสถานที่ ก็คือหลัก ภูมิสถาปัตย์ อย่างเช่นห้ามประตูตรงกัน ในประเทศจีน โดยเฉพาะช่วงฤดูหนา่ว ลมจะพัดแรงมาก บ้านไหนมีประตูตรงกัน ลมมันพัดความชื้นในบ้าน กระแสลมแบบนั้นมันทำให้คนป่วยได้ แต่เนื่องจากคนโบราณไม่ค่อยใส่คำอธิบายลงไป และเชื่อๆตามๆกันมา แต่จริงๆแล้วมันสามารถอธิบายด้วยภาษาสมัยใหม่ได้ หลักฮวงจุ้ย ก็คือ การเลือกชัยภูมิ ทิศทางของเส้นแรงแม่เหล็ก สมัยก่อนเข้าก็สร้างจาน หล่อแกขึ้นมา ก็คือวัดทิศทาง ส่วนเรื่องที่บอกว่า เจ้าสัวเจริญ รวยเอา เขาก็ให้สัมภาษณ์บ่อยๆว่า เขาทำธุรกิจที่มันผิดศีลธรรม เขาก็ชดเชยด้วยการทำบุญทำทานบ่อยๆ ตระกูลหลักๆในเมืองไทยที่ใช้ฮวงจุ้ย โหวงเฮ้ง ก็คือ กสิกรไทย ซีพี ทรู ธนาคารอีกหลายแห่ง สหพัฒน์ โดยเฉพาะพวกเชื้อสายจีน ส่วนคนไทยที่เห่อตามฮวงจุ้ย ก็โดยซินแสกำมะลอหลอกแทน จากคุณ : venture เขียนเมื่อ : 26 พ.ค. 55 13:37:41

ความคิดเห็นที่ 85 #84 นั่นแหละประเด็นที่สำคัญ จะทำยังไงที่จะแยกให้ออกระหว่างฮวงจุ้ยที่ได้ผลกับฮวงจุ้ยที่ไม่ได้ผลล่ะ ? จากคุณ : ซ่อนนาม เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 16:24:05

ความคิดเห็นที่ 86 84 แปลกนะครับ ทำใมยกตัวอย่างมาแต่คนที่ประสบความสำเร็จไม่กี่ราย แบบนี้มันวัดกันในแบบวิทยาศาตร์ไม่ได้หรอกครับ ต้องยกว่า มีคนทำกี่ราย แล้วประสบความสำเร็จเท่าไหร่ ล้มเหลวเท่าไหร่ แล้วทำอะไรไปบ้างครับ ส่วนเจ้าสัวที่รวยๆ ที่ยกมา แกเล่นกินรวบแบบที่ไม่มีใครกล้าทำ ไม่รวยก็แปลกแล้วครับ จากคุณ : เด็กนอกบ้าน เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 14:30:52