ความคิดเห็นที่ 1 GBU 10 จากคุณ : ตี๋อุบล เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 14:28:07

ความคิดเห็นที่ 2 ไม่ไหวแน่ครับ บังเกอร์ อุโมง เอาไม่อยู่แน่ จากคุณ : I love Alpha เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 14:44:15

ความคิดเห็นที่ 3 มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่ารึเปล่าล่ะครับ? จากคุณ : jom_bk เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 15:04:11

ความคิดเห็นที่ 4 แล้วสมัยนั้นเขาเอาอะไรทำลายบังเกอร์ล่ะครับ และสมัยนี้นอกจากการถล่มจากทางอากาศมีอะไรที่จัดการ กับพวกบังเกอร์ความมั่นสูงได้บ้าง จากคุณ : Dr.jakz7 เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 15:36:08

ความคิดเห็นที่ 5 โอ้แม่เจ้าเพิ่งอื่นเจอ มีการใช้GBU 12 จริงในสมรภูมิร่มเกล้า แต่ลงผิดเป้าหมาย เช้ามืดวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑  ร.อ.ไพโรจน์ (ยศขณะนั้น) กับ น.ท. สมนึก เยี่ยมสถาน ผู้บังคับฝูงบิน ๔๑๑ ขับ OV-10 หมายเลข ๐๘ จากกองบิน ๔๑ มาที่กองบิน ๔๖ (พิษณุโลก) พร้อม OV-10 อีก ๓ ลำ  ที่นั่น พวกเขาร่วมกับเครื่องบินโจมตีแบบต่าง ๆ อีกไม่ต่ำกว่า ๒๐ ลำเตรียมไปโจมตีข้าศึกที่บ้านร่มเกล้า ทว่า เมื่อดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า สภาพอากาศที่บ้านร่มเกล้าปิด มีเที่ยวบินขับไล่ F-5 เที่ยวเดียวเท่านั้นที่ออกไปทิ้งระเบิดในที่หมายสำคัญได้ ที่เหลือต้องรอสแตนด์บายที่ฐาน ในที่สุดเวลา ๑๑.๐๐ น. วันที่ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๑ OV-10 ของเขาก็ทะยานขึ้นจากกองบิน ๔๖ ใช้เวลา ๔๐ นาทีเข้าสู่เขตสงคราม  “เราบินโดยไม่สื่อสารทางวิทยุ พอเข้าสมรภูมิเสียงแรกที่ได้ยินมาจากนักบิน F-5 ที่ทิ้งระเบิดก่อนเรา  เขาร้องในวิทยุว่า ‘SAM Break’ เป็นภาษานักบินที่หมายถึงโดนจรวดต่อต้านเครื่องบินขับไล่  ผมยังคงมุ่งหน้าไปจิกหัวทิ้งระเบิด จู่ ๆ เครื่องก็กระดอน หันไปก็พบว่าปีกขวาขาดแล้ว ตอนนั้นรู้แล้วว่าโดนแซมสอย” น.อ. ไพโรจน์เล่าว่าหลังจากนั้นเขากับผู้ฝูงก็ดีดตัวและเจอประสบการณ์ที่ไม่มีวันลืม  “ตอนดีดตัว ผมได้ยินเสียงร่มกาง รอบ ๆ ตัวเงียบมาก เห็นแสงไฟจากปากกระบอกปืนกลที่ยิงเราจากพื้นดิน เห็นกระสุนพุ่งเข้ามาหา โชคดีเฉียดไปโดนร่มหมด เสียงดัง ปุ ปุ ปุ ปุ ปุ  ตาซ้ายผมโดนสร้อยที่สวมอยู่ตีจนปิดตอนดีดตัว ตาขวาเบลอไปหมด มองข้างล่างก็เห็นร่มผู้ฝูงอยู่ไม่ไกล พอถึงพื้นก็เจอตัวเองอยู่ใกล้สนามบินบ้านนากอก พูดได้ว่าลงไปเกือบกลางกองพันเขา” เขากับผู้ฝูงพยายามหนี ทว่าในที่สุดก็ถูกจับ แล้วถูกนำตัวไปขังไว้ที่เวียงจันทน์ในฐานะเชลยศึก ถูกสอบสวนอย่างหนักต้องอยู่ในคุกทั้งสิ้น ๑๒ วัน นอกจากการสูญเสีย OV-10  กองทัพอากาศไทยยังสูญเสียเครื่องบิน F-5 อีก ๒ ลำ จากอาวุธชนิดเดียวกันที่ กองทัพประชาชนลาว (ทปล.) นำมาใช้ในสนามรบ ทว่านักบินไม่ได้ถูกจับเป็นเชลย ในช่วงท้ายของสงคราม การโจมตีทางอากาศยังผิดพลาด ก่อความสูญเสียอย่างหนักแก่หน่วยที่เข้าตีเนิน ๑๔๒๘ โดยในการทิ้งระเบิดครั้งหนึ่ง แรงระเบิดทำให้หน่วยทหารหน่วยหนึ่ง “ละลาย” เกือบทั้งกองพัน ซึ่งต่อมาเรื่องนี้กลายเป็นคำเล่าลือว่าทหารไทยบอมบ์พวกเดียวกันเอง น.อ.ไพโรจน์เล่าเบื้องหลังที่เขาทราบมาจากทหารที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ว่า “ไม่ใช่ความผิดใคร  ผมมีเพื่อนเป็นทหารม้า ม.พัน ๑๘ เราคุยกันหลังสงคราม ระเบิดไม่ได้ทิ้งพลาด สถานการณ์คือขณะนั้นทหารบกส่งกำลังขึ้นไปเยอะ จะให้ถอยก็ลำบาก  ระเบิดที่ทิ้งตอนนั้นคือ Guided Bomb Unit หรือ GBU-12 ใช้เลเซอร์นำวิถีขนาด ๒,๐๐๐ ปอนด์ ถือเป็นการใช้ครั้งแรก ๆ ของกองทัพอากาศ ซึ่งแรงระเบิดเกินคาด ไม่นับลูกถัดมาที่กลิ้งจากเนินมาเจอหน่วยทหารไทยอีก ความสูญเสียจึงมากเกินคาดคิด” จากคุณ : ตี๋อุบล เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 15:46:16

ความคิดเห็นที่ 6 ลาว เอาแซมมาจากไหน เอาลูกปืนใหญ่มาจากไหน การจะรบยืดเยื้อได้ต้องมีการสนับสนุนอาวุธยุทธโธปกรณ์ เป็นอย่างดี ใครเป็นสปอนเซอร์ผู้แสนดีให้ลาวเอามาสอยทหารไทย? จากคุณ : Big Worm. เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 17:30:22

ความคิดเห็นที่ 7 คห ๖ - ชื่ออาวุธก็บอกยู่แล้วว่ามาจากรัสเซีย จากคุณ : ลุงแก่ เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 17:55:51

ความคิดเห็นที่ 8 ^ ^ ^ โซเวียต เวียดนาม และ คิวบา สามชาตินี้ส่งยุทธปัจจับรวมถึงที่ปรึกษาทางการทหารเข้ามาช่วยลาวครับ (เวียดนามถึงขนาดส่งกองทหารเต็มรูปแบบเข้ามาเลย)  สรุปง่ายๆเราต้องรบกับกองทัพจตุรมิตรของสี่ประเทศคอมมิวนิสต์ในคราวเดียว (May the Spoil be with you) ขอสปอยล์จงสถิตย์อยู่กับท่าน จากคุณ : เจไดหนุ่ม เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 18:03:30

ความคิดเห็นที่ 9 ^ ^ เรารบกะลาวครับ แต่มีทหารรัสเซีย กะ คิวบาตาย จากคุณ : bradpitt.สุดหล่อแมน เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 18:10:14

ความคิดเห็นที่ 10 แสดงว่ากลุ่มประเทศฝั่งเข้าสามัคคี และช่วยเหลือกันดีมาก จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 19:45:42

ความคิดเห็นที่ 11 ยิงแซม7 ดักหน้าดักหลังพร้อมกันหลายๆลูกจน f-5 ตก เป็นเทคนิคของโซเวียต แตคนยิงเป็นเวียตนามหรือเปล่า ค่อนข้างคล้ายกับพวกเซอร์เบียใช้เทคนิคนี้ ว่ากันว่า f-18 ถ้าบินตำ่ย้อนแนวเดิมจะไม่ค่อยรอดจากแซมแบบนี้ เพราะตั้งตัวไม่ติด จากคุณ : พัดกุ้ง เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 19:57:46

ความคิดเห็นที่ 12 ส่วนปืนใหญ่เวียดนามของลาวก็ยิงไกลกว่า 155 105มม ของไทย กระสุนเวียดนามของลาวก็เยอะกว่าของไทย เอ๊ะเรารบกับใคร;) จากคุณ : พัดกุ้ง เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 20:02:36

ความคิดเห็นที่ 13 GBU-10  2000 lbs ส่วน GBU-12 น้ำหนัก 500 lbs ซึ่งสมรภูมินี้ มีการใช้กระเปาะชี้เป้าเป็นครั้งแรกของ ทอ. ด้วยครับ F-5E ที่ถูกยิงตกโดน SAM-7 ยิงมา 7 ลูกพร้อม ๆ กัน ถ้าย้อนเวลากลับไปได้สิ่งที่ควรทำคือ 1.การฝึกร่วมระหว่าง ทอ. และ ทบ. เวลาสถานะการณ์จริงจะได้ ไม่พลาด 2.ไม่จำกัดการใช้กำลังของฝ่ายเรา หมายถึงว่าเราควรส่งหน่วย ปฏิบัติการพิเศษเข้าไปหลังแนวข้าศึกตั้งแต่ช่วงแรก ๆ เพื่อชี้เป้า และตัดกำลัง รวมไปถึงการบินเข้าโจมตีในทิศทางที่หลากหลาย 3. จัดซื้อเรดาร์ชี้ตำบลที่ตั้งปืนใหญ่ ซึ่งตอนนี้ก็มีหลายตัวแล้ว แต่สมัยนั้นยังไม่มีเลย จากคุณ : LogiEng เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 20:20:16

ความคิดเห็นที่ 14 ที่รู้ๆมี เวียดนาม แน่ เพราะ ลาว เวียดนาม มันมี สนธิสัญญาช่วยรบ กำลังทหารหลัก ก็มาจากเวียดนาม แน่ สมัยนั่นลาวมีทหารกี่หมื่นเชียว เงินเอามาจากไหน กระสุนมากมายยิงยังไม่หมด ท่าไม่มี คงช่วย โซเวียด ก็พวกเดียวกับลาว คอมมิวนิส เขาไม่ทิ้งกัน จากคุณ : เช้าฟาดผัดฟัก เย็นฟาดฟักผัด เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 20:20:48 A:223.207.155.14 X: TicketID:344862

ความคิดเห็นที่ 15 อืม มันน่าเจ็บใจ   ทำไมต้องพลาด   ปล  ตอนนั้นยังเด็ก  ดูข่าว จำได้ลางๆว่า ข่าวบอกว่า ลาวไม่มีทหารจะรบแล้ว   ต้องส่งทหารหญิงมาแทน   ไอ้เราก็คืดว่าทหารชายลาวมันน้อยจัง    พอโตมาถึงได้รู้ว่า การแถลงข่าวของกองทัพ เป็นการทำเพื่อประโยชน์ของกองทัพและประเทศ   ไม่ได้เป็นการเสนอข่าวเพื่อมุ่งหวังความจริงแต่อย่างใด  และยังคงใช้จนปัจจุบัน จากคุณ : precham เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 20:55:50

ความคิดเห็นที่ 16 pantip น่าจะมีปุ่ม Dislike บ้างนะครับ จากคุณ : LogiEng เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 21:21:09

ความคิดเห็นที่ 17 โดนรุมขนาดนี้ ยังรักษาชาติได้  น่าแปลกที่คนรุ่นหลังไม่เคยให้เกียรติกันเลย จากคุณ : sillfai เขียนเมื่อ : 27 พ.ค. 55 21:59:22

ความคิดเห็นที่ 18 ทหารรัสเซีย กะ คิวบา  นี่เขาพูดภาษาลาวได้ทุกคนเลยนะครับ จากคุณ : Dinsosamsi เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 00:15:19

ความคิดเห็นที่ 19 เสียเปรียบเพราะเราไปรบในจุดที่เสียเปรียบ คือไม่ยอมขยายแนวรบ มีปัญหาตรงนั้นก็จะสู้แค่ตรงนั้น ที่จริงบางหน่วยเขาพร้อมจะตีโอบ ญาติเป็นพลรบพิเศษปรากฏว่าศึกครั้งนั้นเขาได้พระเครื่องดีๆไปเยอะเลย คือพอรู้ว่าต้องถูกส่งไปร่มเกล้า ใครมีพระรุ่นไหนดังๆก็เอามามอบให้อยากให้แคล้วคลาดและปลอดภัย เสร็จศึกก็เลยยิ้มเลย แต่พวกไม่ชอบทหารเขาคิดแต่ว่าจะเบี่ยงประเด็นอย่างไรให้ลดความน่าเชื่อถือ พวกนี้เขาได้รับการอบรมมาดีเหมือนกัน จากคุณ : rdo เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 08:58:02

ความคิดเห็นที่ 20 ผมไม่แน่ใจนะว่า ในสมรภูมิร่มเกล้าเรามี Paveway ใช้แล้วหรือยัง และถ้ามีการใช้ อุปกรณ์ชี้เป้าเป็นอะไร เป็นกระเปาะชี้เป้าติดตั้งบนเครื่องบิน หรือเป็นอุปกรณ์ชี้เป้าบนภาคพื้นดิน เพราะว่า จากข้อมูลที่มีการเปิดเผย  ไทยเริ่มสั่ง Paveway เข้ามาใช้ตั้งแต่ปี 1990 ได้รับเมื่อประมาณปี 1991-1992  สมรภูมิร่มเกล้า มีเมื่อต้นปี 1988 กระเปาะชี้เป้าที่มีใช้ มีกระเปาะ Litening ของอิสราเอล สั่งเมื่อปี 1995 ได้รับเมื่อปี 1996  ใช้ติดตั้งกับ F-5E และก็มีประเปาะ ATLIS ของฝรั่งเศส สั่งเมื่อปี 1987 ได้รับเมื่อปี 1988-1989 ใช้ติดตั้งกับ F-16  (F-16 มาถึงเมืองไทย ภายหลังสมรภูมิร่มเกล้าสิ้นสุดไปแล้ว) นอกจากนี้ ก็ยังมีจรวดนำวิถีแบบอากาศสู่พื้น AGM-65D Maverick นำวิถีด้วย Imaging Infrared Z(IIR) ใช้ทำลายรถถัง  ติดตั้งกับ F-16  ได้รับมาพร้อมกับ F-16 ฝูงแรก กลางปี 1988 Paveway มีการนำมาใช้ตั้งแต่สมัยสงครามเวียดนามแล้ว เป็น Paveway I  ส่วนสงครามลับในลาว ก็น่าจะมีการนำมาใช้อยู่บ้าง ถ้าตอนสมรภูมิร่มเกล้า มีการใช้ Paveway จริง  ก็ไม่ทราบว่าจะเอามาจากไหน สงสัยว่าจะเป็นไอเท็มลับ  Paveway I ที่อเมริกันทิ้งไว้ให้สมัยสงครามเวียดนาม  หรือมีการสนับสนุนอย่างลับๆ จากที่ไหนสักแห่ง จุดประสงค์ที่มีการพัฒนาระบบระเบิดนำวิถีตระกูล Paveway ขึ้นมาใช้  เพื่อที่เครื่องบินรบสามารถทิ้งระเบิดได้อย่างแม่นยำ จากระยะที่ห่างจากเป้าหมาย  โดยไม่ต้องบินดำลงไปทิ้งระเบิดใกล้ๆ ซึ่งเสี่ยงกับการถูกจรวดต่อต้านอากาศยานนำวิถีด้วยความร้อนทำลายเอาได้   นอกจากนั้นก็ยังลดโอกาสที่จะเกิด Friendly fire ได้อีก ในสงครามอ่าวเปอร์เซีย  สหรัฐฯ และพันธมิตร ก็นำเอา Paveway III หรือที่นิยมเรียกกันว่า JDAM หรือ Smart bommb เข้ามาใช้  มีระบบนำวิถีที่ดีขึ้น นำทางด้วย GPS มีความแม่นยำสูงมาก  แต่ก็ยังเกิด Friendly fire ได้อีก  เพราะการติดต่อสั่งการระหว่างหน่วยก็ยังประสานงานกันไม่ดีพอ จากคุณ : นายเดชา เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 09:47:22

ความคิดเห็นที่ 21 สมรภูมิร่มเกล้า เป็นสมรภูมิที่เราสูญเสียอย่างหนัก แต่ก็ทำให้เราปรับปรุงอะไรที่ดีขึ้นหลายๆอย่าง ที่เราเสียหายอย่างหนัก เพราะเราวางแผนผิด บวกกับการข่าวผิดพลาด แต่สุดท้าย ยังพลิกกลับมาจน ลาวต้องยอมขอเจรจาหยุดยิง ก็ถือว่ายังไว้ลายทหารไทยได้อยู่ครับ จากคุณ : Niceguy_C3 เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:21:37

ความคิดเห็นที่ 22 ยุคนั้นมีการปลดรูป ท่านผู้นำ ด้วยนะ จากคุณ : glock26gen4 เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:28:44

ความคิดเห็นที่ 23 เข้าใจว่าระเบิดที่ลงพลาดน่าจะเป็นระเบิดแบบธรรมดา (Mk series) มากกว่าระเบิดตระกูล Paveway ครับ จากคุณ : MIGGERS เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 11:24:37

ความคิดเห็นที่ 24 มีการใช้ระเบิดนำวิถีด้วย Laser แน่นอนครับในสมรภูมิร่มเกล้า เพราะเรามีอุปกรณ์  LTDS  ติดกับ F-5 ครับ :D จากคุณ : LogiEng เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 11:44:21

ความคิดเห็นที่ 25 เวียดนามมีแน่นอน ส่วนรัสเซียที่เล่าๆักันมาในสงครามร่มเกล้า เชื่อกันว่าเป็นคนยิงแซมให้ทหารลาว กับเป็นที่ปรักษา ให้ทหารลาวเหมือนไทย ที่มีทหารอเมริกันเป็นที่ปรึกษา ส่วนคิวบาเห็นบอกเป็นคนขับเฮลิคอปเตอร์ยกปืนใหญ่ ย้ายตำแหน่งที่ตั้งให้ลาว แน่นอนว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้รับการยืนยัน อย่างเรื่อง เรดาร์ จับตำแหน่งปืนใหญ่ ซึ่งทางไทยเชื่อกันว่าลาวมีใช้ ในสงครามครั้งนั้นอีกกระแสก็บอกว่าลาวใช้ผตน จากบนยอด 1432 ทำให้บอกที่ตั้งปืนใหญ่ไทยได้อย่างแม่นยำ ที่แน่ๆ ก็คือสงครามนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุแน่นอน แต่เป็นไปได้ว่าอาจเป็นแผน กดดันไทย เพื่อลดการสนับสนุนในเขมร หลังจากนั้นเราก็ซื้อ ฮ ขนปืนใหญ่ เรดาห์จับกระสุนปืนใหญ่ ปืนใหญ่อัตตราจร และเปลี่ยนยุทธวิธีหลายๆอย่าง จนมาสู้การชนะศึกที่ เขาพระวิหาร แต่ทำท่า ว่าจะแพ้สงคราม ปล ผมถือว่าการโดนรุมไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด แต่ต้องถามว่าเราทำอีท่าไหน ถึงได้เข้าสงครามทั้งๆที่รู้ว่าจะโดนรุมแถมไม่มีใครช่วยอีกต่างหาก อยากรู้ว่าระดับ เสนาธิการสมัยนั้นเขาคิดอะไรกันอยู่ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 21:52:31 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 21:42:58 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 21:31:17 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 21:30:06 แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 21:28:45 จากคุณ : Pongkm (Pongkm) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 21:20:35

ความคิดเห็นที่ 26 ไม่คิดว่าจะโดนบุกมากกว่ามั้งครับ จากคุณ : sillfai เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:43:53