ความคิดเห็นที่ 1 Tamahagane อามากุนิพบว่า...การที่จะให้ได้ดาบคุณภาพดีต้องควบคุมของสามสิ่ง คือ การควบคุมความเย็น, การควบคุมปริมาณคาร์บอน และการนำสิ่งปะปนที่อยู่ในเหล็กออก ปริมาณคาร์บอนคือหัวใจสำคัญในการตีดาบ หากใส่คาร์บอนในเหล็กมากไปเหล็กจะเปราะ, ใส่น้อยไปเหล็กจะอ่อน จึงต้องใส่ในปริมาณที่พอเหมาะ เหล็กถูกนำมาหักแบ่งเป็นชิ้นเล็กวางซ้อนกันก่อนหลอม และนำไปตีให้เป็นเนื้อเดียวกัน หลังจากนั้นจึงพับเหล็กเป็นสองชั้นขณะยังร้อนๆ แล้วตีซ้ำอีกครั้งแล้วครั้งเล่า เหล็กจะซ้อนกันเป็นชั้นๆ ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นหมื่นๆ ชั้น ทำให้คาร์บอนกระจายไปจนทั่วเนื้อเหล็ก แล้วจึงนำไปตีแผ่ออกให้เป็นใบดาบ จะได้ใบดาบที่ดีเนื้อเหล็กแกร่งและคมไม่หักอีกต่อไป แต่...นี่ก็ยังไม่ถือว่าเป็นดาบที่สุดยอด สี่ร้อยปีผ่านมาเข้าสู่สมัยคามาคูระ (Kamakura Period) ราวปี พ.ศ. ๑๗๓๕-๑๘๗๙ จักรพรรดิบอกให้ช่างตีดาบศึกษาวิธีการตีเหล็กจากยุคโบราณ Kamakura Period ยุคนี้ถือเป็นจุดเริ่มยุคทองของดาบซามูไร มีการพัฒนาดาบให้ดีขึ้นกว่าเดิมเมื่อกว่า ๔๐๐ ปีก่อน ถือเป็นเทคนิคที่สุดยอดของดาบ มีการเพิ่มวิธีการผสมเหล็กสองชนิดเข้าด้วยกัน เหล็กที่มีความแข็งจะมีปริมาณคาร์บอนสูงใช้ทำเป็นตัวดาบ และเหล็กอ่อนที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำใช้ทำเป็นไส้ดาบเพื่อให้ยืดหยุ่น จากเหล็กสองชนิดที่ถูกนำมาพับและตีมากกว่าสิบชั้น ทำให้เกิดชั้นเล็กๆ เป็นทวีคูณเป็นหมื่นชั้น ช่างตีดาบจะพับเหล็กแข็งให้เป็นรูปตัว ย และนำเหล็กอ่อนมาวางไว้ตรงกลางเพื่อทำเป็นไส้ใน แล้วนำไปหลอมและตีรวมกันใหแผ่ออกเป็นใบดาบ จากนั้นนำไปหลอมในอุณหภูมิที่เหมาะสมซึ่งมากกว่า ๗๐๐ องศาเซลเซียส แล้วจึงนำมาแช่น้ำเย็น การแช่น้ำต้องระมัดระวังมาก หากแช่ไม่ดีดาบจะโค้งเสียรูป เหล็กที่มีความแข็งต่างกันเมื่อทำให้เย็นทันทีจะหดตัวต่างกัน ถือเป็นเคล็ดลับที่ทำให้ใบดาบโค้งได้รูปตามธรรมชาติ ดาบสามารถฟันคอขาดได้เพียงครั้งเดียว บาดแผลที่ได้รับจากดาบจะเจ็บปวดมาก ซามูไรยังต้องเรียนรู้การใช้ดาบอย่างช่ำชองว่องไวและคล่องแคล่ว ให้เปรียบเสมือนเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย จากความสามารถนี้เองทำให้ซามูไรเพียงคนเดียวสามารถสังหารศัตรูที่รายล้อมตนกว่าสิบคนได้ภายในชั่วพริบตาด้วยดาบเพียงเล่มเดียว แต่ประเพณีการต่อสู้ของชนชั้นซามูไรคือการต่อสู้ "ตัวต่อตัวอย่างมีมารยาทด้วยดาบ" ผู้แพ้ที่ยังมีชีวิตอยู่คือผู้ที่ไร้เกียรติ ซามูไรจึงไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ การฆ่าตัวตายอย่างสมเกียรติด้วยการทำ "เซปปุกุ" คือเกียรติยศของซามูไร เดือนพฤศจิกายนปี พ.ศ. ๑๘๑๗ ชาวมองโกลของกุบไลข่านบุกญี่ปุ่นที่อ่าวฮากาตะ ด้วยกองทัพเรือ ๘๐๐ ลำ และกองพลสามหมื่นนาย เหล่าซามูไรต้องการจะสู้กันตัวต่อตัวอย่างมีมารยาทเยี่ยงสุภาพบุรุษกับนักรบระดับผู้นำ แต่ไม่ได้ผล พวกซามูไรต้องปะทะสู้ที่ชายหาดกับฝูงธนูอาบยาพิษและระเบิด เป็นสงครามที่ไม่มีระเบียบและตกเป็นรอง พายุไต้ฝุ่นช่วยทำลายกองเรือของชาวมองโกลจนหมดสิ้น การรบครั้งแรกเหมือนการหยั่งเชิงของชาวมองโกลเพื่อดูกำลังของศัตรู อีกเจ็ดปีต่อมาพวกมองโกลกลับมาอีกครั้งด้วยกองเรือ ๔,๐๐๐ ลำ กองทหารอีกสองแสน พวกซามูไรรบพุ่งกับลูกธนูอย่างกล้าหาญ พวกเขาตัดเรื่องมารยาททิ้งไป ตกกลางคืนเหล่าซามูไรพายเรือลอบเข้าโจมตีพวกมองโกลประชิดตัวด้วยการใช้ดาบที่ช่ำชอง ดาบทหารมองโกลไม่มีทางสู้ดาบซามูไรได้เลย ระหว่างสงครามพายุไต้ฝุ่นก็ทำลายกองเรือของมองโกลอีกครั้ง กองเรือสองในสามจมไปกับทะเลพายุ, ทหารมองโกลจมน้ำตายนับหมื่น พวกที่ว่ายน้ำเข้าฝั่งก็ตายด้วยคมดาบอย่างหมดทางสู้ ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าเมืองนี้ถูกปกป้องจากพระเจ้า และตั้งชื่อลมพายุนี้ว่า "กามิกาเซ่" (Kami-Kaze) หมายถึงลมศักดิ์สิทธิ์ หรือลมผู้หยั่งรู้ หลังจากนั้นพวกมองโกลก็ไม่ได้กลับมาตีญี่ปุ่นอีกเลย หลังจากสงครามสิ้นสุด บ้านเมืองอยู่ในความสงบ พบว่าหลังจากการรบที่ผ่านมาดาบมักจะบิ่น จักรพรรดิจึงบอกให้ช่างตีดาบหาวิธีแก้ไข ช่างตีดาบที่สร้างสมดุลของความแข็งและความอ่อนของเหล็กและพัฒนาโครงสร้างของดาบออกเป็นเหล็กสามชิ้น คือ "มาซามูเน่" (Masamune) จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:29:58

ความคิดเห็นที่ 2 Masamune ราวปี พ.ศ. ๑๘๔๐ ดาบของมาซามูเน่ถือเป็นดาบที่พัฒนาถึงขั้นสูงสุด ในญี่ปุ่นไม่มีช่างตีดาบคนใดจะเทียบได้ เขาสร้างความสมดุลของความแข็งของคมดาบ เคล็ดลับการทำดาบคือการผสมเหล็กสามชนิดเข้าด้วยกัน เหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนสูงจะใช้เป็นใบดาบด้านข้างที่เรียกว่า Gawa-gane และด้านคมดาบ (Ha-gane) ใช้เหล็กที่แข็งมากโดยผ่านการพับและตีถึง ๑๕ ครั้ง ซึ่งสามารถสร้างชั้นของเหล็กที่ซ้อนกันถึง ๓๒,๗๖๘ ชั้น ทำให้เหล็กเหนียวและแกร่งมากกว่าส่วนอื่นๆ ส่วนเหล็กที่มีปริมาณคาร์บอนต่ำจะใช้เป็นส่วนไส้ใน (Core Steel) ทำให้มีความยืดหยุ่นเรียกว่า Shi-gane แล้วนำไปหลอมที่อุณหภูมิประมาณ ๘๐๐ องศาเซลเซียสให้เป็นเนื้อเดียวกัน แล้วจึงนำมาตีแผ่ออกเป็นใบดาบ ช่างตีดาบคนอื่นๆ เริ่มเลียนแบบในเวลาต่อๆ มา ช่างตีดาบในยุคเดียวกันที่มีชื่อเสียงเทียบเคียงมาซามูเน่ คือ "มารามาซะ" กล่าวกันว่าใครที่มีดาบของ "มารามาซะ" ไว้ครอบครอง เลือดจะสูบฉีดให้อยากที่จะชักดาบออกมาสังหารคู่ต่อสู้เพราะความคมของมัน ในขณะเดียวกันซามูไรที่ครอบครองดาบของ "มาซามูเน่" กลับสงบนิ่งเยือกเย็น ดาบญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาในเมืองไทยตั้งแต่สมัยอยุธยาช่วงสมัยเอโดะ (พ.ศ. ๒๑๔๖-๒๔๑๐) จากการติดต่อค้าขาย ญี่ปุ่นนำพัดและดาบเข้ามาในอยุธยา โดยเฉพาะดาบมีความสำคัญต่อพระบรมวงศานุวงศ์ และขุนนางในราชสำนักสยามแต่งตัวในชุดเต็มยศ ห้อยดาบเข้าพิธีสำคัญๆ ต่างๆ ในพระราชสำนัก อีกทั้งหนึ่งในห้าของ "เบญจราชกกุธภัณฑ์" คือ "พระแสงขรรค์ชัยศรี" ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สูงสุดแห่งอำนาจของพระมหากษัตริย์ไทยสืบมาจนถึงปัจจุบัน แม้แต่ดาบหรือกระบี่ของตำรวจและทหารในชุดเต็มยศของไทยในปัจจุบัน เรียกว่าดาบทหารม้า (Parade Saber) ซึ่งได้รับอิทธิพลพื้นฐานมาจากดาบญี่ปุ่นทั้งสิ้น พระแสงขรรค์ชัยศรี ในสมัยอยุธยา ขณะที่ญี่ปุ่นต้องการสินค้าจากสยาม เช่น ไม้กฤษณา, ไม้ฝาง, น้ำกุหลาบ, พริกไทย เป็นต้น มีการตั้งหมู่บ้านญี่ปุ่นในอยุธยา เมื่อมีชาวญี่ปุ่นมาอยู่เป็นจำนวนมาก ชาวญี่ปุ่นที่นับถือศาสนาคริสต์โดยลี้ภัยทางศาสนาและส่วนหนึ่งเป็นพวกซามูไรแตกทัพที่สูญเสียเจ้านายหรือที่เรียกว่า "โรนิน" (Ronin) แตกทัพจากสงครามเซกิงาฮาร่า ได้โดยสารเรือสำเภาที่กำลังจะเดินทางมาค้าขายยังชมพูทวีปและมาตั้งรกรากในประเทศสยาม สิ่งสำคัญที่นำติดตัวมาด้วยก็คือดาบญี่ปุ่น แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 10:31:46 จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:31:05

ความคิดเห็นที่ 3 Ronin ซามูไรเหล่านี้ได้กลายเป็นทหารอาสาญี่ปุ่นในเวลาต่อมา ดาบทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ มีชื่อเรียกว่า "Gunto" เป็นดาบที่ถูกผลิตขึ้นระหว่างปี พ.ศ. ๒๔๑๑ และสิ้นสุดการผลิตเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๘ ซึ่งถือว่าเป็นยุค Modern เป็นดาบที่ทำเพื่อการสงคราม ผลิตจำนวนมาก ยังคงความคมกริบ แต่ไม่ประณีต และไม่มีขั้นตอนการทำอย่างประเพณีโบราณ ดาบรุ่นนี้ตกค้างอยู่ในแถบอินโดจีนจำนวนมากหลังจากสงครามสิ้นสุด ซึ่งอาจจะพบได้ในประเทศพม่าและประเทศไทย ถูกฝังดินอยู่กลางป่าหรือในถ้ำตามเส้นทางเดินทัพของทหารญี่ปุ่น ดาบยุคสงครามจะเป็นดาบที่ใช้ฝักทำด้วยเหล็ก มีห่วงทองเหลืองหรือทองแดงเรียกว่า "โอบิ-โทริ" ใช้สำหรับห้อยกับเข็มขัด ตัวดาบและฝักเหล็กมีน้ำหนักมาก จึงไม่เหมาะที่จะใช้เหน็บเอวอย่างดาบฝักไม้แบบโบราณ ซึ่งมีห่วงผูกเงื่อนที่ทำจากผ้าไหมใช้เหน็บเอวของซามูไร ดาบทหารที่ไม่มีขั้นตอนการผลิตในแบบพิธีกรรมโบราณ จึงไม่มีความศักดิ์สิทธิ์อย่างดาบของพวกซามูไร จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:32:38

ความคิดเห็นที่ 4 Gunto ส่วนพิธีกรรมโบราณนั้นมีขั้นตอนมากมายและถือเป็นพิธีกรรมที่ศักดิ์สิทธิ์ ช่างตีดาบต้องถือศีลกินเจในขณะที่หลอมเหล็ก ไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร เพื่อผลิตดาบให้เป็นมงคลแก่ผู้เป็นเจ้าของดาบเล่มนั้นๆ ดาบคล้ายกับเครื่องลางของขลัง หรืออย่างพระเครื่องของคนไทยที่ปลุกเสกจากเกจิอาจารย์ดัง ช่างตีดาบและลูกมือจะร่วมมือกันทำดาบเพียงหนึ่งเล่มในระยะเวลามากกว่าเดือน ชาวญี่ปุ่นเชื่อว่าช่างตีดาบที่ดีจะทำดาบที่ดีออกมา หากช่างตีดาบมีจิตใจไม่ดีดาบที่ตีออกมาก็จะไม่ดีไปด้วย ดาบแต่ละเล่มจึงมีราคาไม่เท่ากัน กล่าวกันว่า...บางเล่มราคามากกว่าที่ดินหนึ่งผืน หรือดาบที่ดีเพียงเล่มเดียวอาจจะมีราคาสูงกว่าหอกสามร้อยเล่ม ในสมัยโบราณดาบจึงไม่ใช่อาวุธที่สามารถจะซื้อมาใช้ในกองทัพได้ นอกจากเป็นสมบัติส่วนตัวของเหล่าซามูไรเท่านั้น จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:33:31

ความคิดเห็นที่ 5 ช่างตีดาบที่มีชื่อเสียงในปัจจุบัน "ซาดาอิจิ กัสสัน" Sadaeji Gassan ช่างตีดาบที่มีชื่อเสียงมากคนหนึ่ง เราอาจจะเคยเห็นท่านถือดาบไว้ในมือกับโฆษณานาฬิกาโรเล็กซ์เมื่อหลายปีก่อน กัสสันเป็นตระกูลช่างตีดาบที่ตกทอดมากว่า ๗๐๐ ปี ปัจจุบันยังคงรักษาขนบธรรมเนียมการตีดาบอย่างประณีตตามขั้นตอนและวิธีการแต่โบราณจากยุคทอง สมัยคามาคูระ โดยเป็นมรดกตกทอดมาถึง "ซาดาโตชิ กัสสัน" (Sadatoshi Gassan) ดาบซามูไรยังคงความประณีตงดงามถือเป็นงานศิลปะขั้นสูงสุดตกทอดมาจากบรรพบุรุษ ปัจจุบันยังมีช่างตีดาบอีกจำนวนมากที่ตีดาบตามแนวทางดั้งเดิม จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:34:30

ความคิดเห็นที่ 7 แก้ไข ซ้ำครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 10:35:43 จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:35:10

ความคิดเห็นที่ 8 ยุคสมัยของดาบซามูไร แบ่งออกได้ ๔ ยุค ๑. ยุคดาบโบราณ (Ancient Sword) ก่อนคริสต์ศักราช ๙๐๐ (ก่อน พ.ศ. ๑๔๔๓) ยุคที่ดาบของ "อามากุนิ" ถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับการถลุงเหล็กเนื้อดีในสมัยนาร่า จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:36:45

ความคิดเห็นที่ 9 ๒. ยุคดาบเก่า (Old Sword) ราวปี พ.ศ. ๑๔๔๓-๒๐๗๓ ถือเป็นยุคทองของดาบซามูไร แทบไม่น่าเชื่อเมื่อเทียบกับประวัติศาสตร์ศิลปะไทย จะอยู่ในช่วงเดียวกับศิลปะสมัยทวารวดี (พุทธศตวรรษที่ ๑๑-๑๘) จนถึงสมัยศิลปะสุโขทัย (พุทธศตวรรษที่ ๑๘-๒๐) ในขณะที่ปี พ.ศ. ๑๘๔๐ เป็นปีที่ดาบของ "มาซามูเน่" ถือกำเนิดขึ้นและภูมิปัญญาขั้นสูงสุดที่ตกทอดเป็นมรดกของดาบชั้นยอด จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:37:34

ความคิดเห็นที่ 10 ๓. ยุคดาบใหม่ (New Sword) ราวปี พ.ศ. ๒๑๓๙-๒๔๑๐ ซึ่งอยู่ช่วงเดียวกับศิลปะสมัยอยุธยา และต้นรัตนโกสินทร์ คือช่วงสมัยเอโดะ และยุคที่ญี่ปุ่นปิดประเทศห้ามคนเข้าออกอย่างเด็ดขาด (พ.ศ. ๒๑๘๒) ๔. ยุคดาบสมัยโมเดิร์น (Modern Sword) ราวปี พ.ศ. ๒๔๑๑ ถึงปัจจุบัน ยุคที่ดาบทหารถือกำเนิดขึ้น (พ.ศ. ๒๔๑๑-๒๔๘๘) การผลิตเป็นจำนวนมากเพื่อการสงครามไม่มีพิธีกรรมแบบโบราณ ดาบญี่ปุ่นมัวหมองเพราะถูกใช้ในสงครามโลกครั้งที่ ๒ การตัดคอเชลยศึกไม่ใช่ประเพณีของชนชั้นซามูไร พอมาถึงสมัยปัจจุบันดาบกลายเป็นงานศิลปะชั้นสูงที่มีราคาแพง จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:38:04

ความคิดเห็นที่ 11 ชนิดของดาบซามูไร ดาบมีหลายแบบและหลายประเภท แต่สามารถแบ่งชนิดหลักๆ ออกได้ ๓ ชนิดดังนี้ ดาบยาว (Long Sword) ๑. "ตาชิ" (Tachi) ดาบยาวของทหารม้า มีความโค้งของใบดาบมาก ใช้ฟันจากหลังม้า มีความยาวของใบดาบมากกว่า ๗๐ เซนติเมตร แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 10:39:32 จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:38:43

ความคิดเห็นที่ 12 Tachi จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:40:36

ความคิดเห็นที่ 13 ๒. "คาตานะ" (Katana) ดาบที่มาแทนที่ดาบตาชิของทหารม้า ตั้งแต่กลางสมัยมุโรมาชิ (ราว พ.ศ. ๒๐๐๐) สามารถใช้ต่อสู้บนพื้นดินได้คล่องตัวกว่า เพราะมีความโค้งน้อยควบคุมได้ง่าย ความยาวใบดาบโดยประมาณ ๖๐.๖ เซนติเมตรขึ้นไปถึง ๗๐ เซนติเมตร จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:41:56

ความคิดเห็นที่ 14 Katana จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:42:52

ความคิดเห็นที่ 15 ดาบขนาดกลาง (Medium Sword) "วากิซาชิ" (Wakizashi) ดาบที่ใช้พกพาคู่กับดาบคาตานะของซามูไร ใบดาบมีความยาวตั้งแต่ ๑๒ นิ้วถึง ๒๔ นิ้ว ดาบที่ซามูไรใช้สำหรับทำ "เซปปุกุ" เมื่อยามจำเป็น และเป็นดาบที่ซามูไรสามารถนำติดตัวเข้าเคหสถานของผู้อื่นกรณีเป็นผู้มาเยือนได้โดยไม่ต้องฝากไว้กับคนรับใช้ ตามปกติซามูไรจะพกดาบสองเล่ม และโดยธรรมเนียมห้ามพกดาบยาวเข้ามาในบ้านของผู้อื่น ต้องฝากไว้หน้าบ้านเท่านั้น ...... จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:44:08

ความคิดเห็นที่ 16 ได้ความรู้มากๆครับ จากคุณ : saisanan เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:44:31

ความคิดเห็นที่ 17 ดาบขนาดสั้น (Short Sword) ๑. "ตันโตะ" (Tanto) มีลักษณะคล้ายมีดสั้น ความยาวน้อยกว่าดาบวากิซาชิ จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:45:17

ความคิดเห็นที่ 18 ๒. "ไอกุชิ" (Aikuchi) คล้ายมีดไม่มีที่กั้นมือ ใช้สำหรับพกในเสื้อ เหมาะกับสตรี จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:45:54

ความคิดเห็นที่ 19 ความงามของดาบซามูไร ตลอดทั้งตัวดาบหากสังเกตจะเห็นว่าดาบนั้นมีความงดงามมาก งามตามธรรมชาติทั้งๆ ที่ไม่มีเครื่องประดับใดๆ จุดเด่นคงอยู่ที่ลักษณะใบดาบที่โค้งได้รูป ถือเป็นการออกแบบที่สุดยอด ลวดลายน้ำบนใบดาบเรียกว่า "ฮามอน" ถูกประดิษฐ์ขึ้นมากว่าพันปีโดย "อามากุนิ" ไม่เป็นเพียงลวดลายที่งดงามอย่างเดียว แต่เป็นความลับของคมดาบด้วย ในส่วนของที่กั้นมือเรียกว่า "Tsuba" (Handguard) มักทำจากเหล็ก ทองเหลือง ทองแดง หรือเงิน เป็นงานฝีมือชั้นเยี่ยม มีการทำลวดลายต่อเนื่องทั้งสองด้านมาตั้งแต่โบราณ มีมากมายหลายแบบจนเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว (ยกเว้นของดาบทหารที่มีลวดลายเดียวเฉพาะเท่านั้น) ส่วนด้ามจับที่ทำด้วยไม้ หุ้มทับด้วยหนังปลากระเบนและผ้าไหม พับเว้นช่องเป็นรูปข้าวหลามตัด คือเอกลักษณ์ของดาบที่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เรื่องราวของดาบยังมีอีกมากมาย ล้วนแต่เป็นรายละเอียดที่ไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นลายของเนื้อเหล็กที่เกิดจากการตีเหล็กและหลอม, ชนิดของลวดลายฮามอนบนใบดาบ หรือดาบกับการทำ "เซปปุกุ" หรือการคว้านท้อง เป็นต้น จากประสบการณ์ของผู้เขียน...ที่ได้สัมผัสกับดาบซามูไรเก่า พบว่าตัวดาบมีคุณลักษณะพิเศษ คือสามารถทรงตัวให้วางตั้งอยู่บนฝ่ามือได้โดยตัวดาบไม่ล้มแม้จะขยับมือไปมา จากการทดลองดูด้วยดาบซามูไรจำนวน ๓ เล่ม ซึ่งสามารถตั้งได้ทั้งหมด คงไม่ใช่เพราะความบังเอิญ เพราะว่ายังทดลองเอาดาบของไทยมาวางดู แต่ไม่สามารถตั้งได้อย่างดาบญี่ปุ่น ปัจจุบันดาบญี่ปุ่นกลายเป็นงานศิลปะที่มีราคาสูงมาก ดาบที่ขายเป็นของที่ระลึกนั้นจะไม่คม และทำด้วยสเตนเลส เป็นของประดับบ้าน ดาบยังมีการผลิตในต่างประเทศด้วย เช่น ประเทศสเปนและไต้หวัน ส่วนดาบที่ผลิตในประเทศญี่ปุ่นตามขั้นตอนแบบพิธีโบราณนั้น ก็ยังมีอยู่มากมาย ยังคงเป็นดาบแท้ตีใบดาบด้วยเหล็ก หลายๆ ตระกูลอย่าง "ตระกูลกัสสัน" ยังใช้เหล็กเนื้อดีมีความคมกริบเหมือนเกือบพันปีที่ผ่านมา ดาบถูกตกแต่งหลายๆ แบบมากมายด้วยเงิน, ทอง การประดับประดาและการแกะลวดลายลงบนใบดาบ รัฐบาลญี่ปุ่นดูแลการผลิตดาบอย่างเข้มงวดเพื่อให้ทรงคุณค่าต่อไปอย่างมีเอกลักษณ์ แม้ปัจจุบันดาบจะไม่ได้เป็นจิตวิญญาณของซามูไรอย่างแต่ก่อน แต่ก็คงเป็นตำนานแห่งอาวุธสังหาร และงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่อย่างไม่มีที่สิ้นสุดสืบไป ข้อมูลประกอบการเขียน ๑. อิชิอิ โยเนะโอะ, โยชิกาวะ โทชิฮารุ. ความสัมพันธ์ไทย-ญี่ปุ่น ๖๐๐ ปี. โรงพิมพ์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, กรุงเทพฯ, ๒๕๔๒. ๒. ภิรมย์ พุทธรัตน์ แปล. ซามูไร นักรบชนชั้นของญี่ปุ่น. อมรการพิมพ์, กรุงเทพฯ, ๒๕๓๐. ๓. John M. Yumoto. Samurai Swords a Handbook. thirty-sixth printing, Charles E. Tuttle Publishing Company, Inc. Tokyo, 2000. ๔. David Miller. Samurai Warriors. Pegasus Publishing Ltd, New York, 1999. ๕. Soul of The Samurai Sword. Discovery Channel. ที่มา ::   วันที่ 01 พฤษภาคม พ.ศ. 2546 ปีที่ 24 ฉบับที่ 7 จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:47:56

ความคิดเห็นที่ 20 อีกเรื่องนะครับ ................................................................................................................ ท่องแดน ‘ซามูไร’ ไม่ไปไม่รู้ (ไร้) สารานุกรม > No.93 เรื่อง / ภาพ > เสงี่ยม เหนียมสตรี ในสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อกองทัพญี่ปุ่นถูกอเมริการุกไล่จนอยู่ในสภาพจนตรอก นายพลนายหนึ่งชื่อทากิจิโร โอนิชิ ที่เป็นผู้บังคับบัญชาทหารอากาศ เรียกระดมพลนักบินเข้าอาสาร่วมพลีชีพภายใต้กองบิน ‘กามิกาเซ่’ ไม่นานจากนั้น นกเหล็กนับจากตัวแรกถึงตัวสุดท้ายกว่า400 ลำ ทะยานขึ้นฟ้าแล้วดิ่งชนเรือรบอเมริกาลำแล้วลำเล่า... ทว่าอย่างที่รู้กัน หมากเกมนี้จบลงด้วยอเมริกาเป็นฝ่ายชนะ ส่วนนายพลโอนิชิ ผู้บัญชาการ ได้กระทำการ ‘ฮาราคีรี’ ตายตามทหารที่สละชีวิตไปกับฝูงบินดังกล่าว “จะทำไปเพื่อ...!?” นาย Sin - นักโทษการเมืองสัญชาติมอนเตรเนโกรผู้พาชาวบ้านขวานทองตาดำๆ ไปตาย คำรามคำข้างต้นในลำคอก่อนกราดเกรี้ยว “โง่! โง่ฉิบห-ย!” ขณะที่ นาย mars - ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่ตัดสินใจนั่งจิบชาและสนทนากับตัวหนังสือปึกใหญ่ เพื่อทำความเข้าใจก่อนพบว่า มันคือหนึ่งในวิถีของ ‘ซามูไร’ หากคุณสนใจร่วมวง เชิญชงชาแล้วมานั่งจิบพร้อมอ่านกันได้ไม่ว่ากัน ซามูไร (samurai) มาจากคำว่า ซะบุระอุ เป็นคำกริยาในภาษาญี่ปุ่นโบราณ มีความหมายว่า รับใช้ ดังนั้น ซามูไรก็คือผู้รับใช้แก่เจ้านาย ได้แก่ โชกุนและไดเมียว (เจ้าเมือง) ชนชั้นนักรบอย่างซามูไรมีอภิสิทธิ์ในการฆ่าผู้อื่นได้โดยไม่ผิด และมีหน้าที่ในการพิจารณาคดีความเหมือนกับขุนนางชั้นสูง อำนาจที่มีบวกกับฝีมือการต่อสู้ที่ชนชั้นไหนก็มิอาจเทียบ ทำให้ซามูไรมีศักยภาพถึงขนาดยึดอำนาจตั้งตัวเป็นผู้ปกครองได้ แต่ ‘บูชิโด’ หรือวิถีแห่งนักรบที่ยึดถือดั่งคัมภีร์ชีวิตได้ปลุกสำนึกไม่ให้ไปในทางต่ำยึดมั่นต่อความซื่อสัตย์-หน้าที่ จงรักภักดีต่อเจ้าผู้ครองเมือง มีความสมถะอ่อนน้อม รักศักดิ์ศรี ไม่หวั่นเกรงต่อความตาย ยึดถือว่าความมั่งคั่งและอำนาจเป็นศัตรูตัวฉกาจของนักรบ คือหลักของบูชิโด จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:50:39

ความคิดเห็นที่ 21 นอกจากผู้เป็นนาย ซามูไรจะไม่รับของขวัญหรือสิ่งใดจากผู้อื่น พร้อมจะทำหน้าที่คุ้มครองและทำตามคำสั่งของผู้เป็นนายอย่างเคร่งครัดโดยไม่มีข้อแม้ เมื่อได้ชื่อว่าซามูไร ใช่จะเก่งแค่ ‘บู๊’ แต่ต้อง ‘บุ๋น’ ได้ไม่แพ้กัน เรื่องอ่านออกเขียนได้ รู้คณิตศาสตร์ สนใจศิลปะ เช่น การเต้นรำ โกะวรรณกรรม บทกวี และชงชา ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญ ครั้งหนึ่ง โอดะ โดกัง ผู้ที่ปกครองเอโดะเป็นคนแรก เกิดความละอายใจถึงขั้นอัปยศจนต้องยอมสละสมบัติและตำแหน่ง หลังพบว่าประชาชนธรรมดามีความรู้ด้านบทกวีมากกว่า ในการดวลกันตัวต่อตัว เมื่อซามูไรทั้งสองฝ่ายควบม้าเข้ามาในระยะที่พอตะโกนกันได้ยิน จะหยุดยิงธนู แต่จะตะโกนท้าทายซึ่งกัน เช่น “ข้า ชื่อ...... อายุ..... ปี บุตรของ....... เป็นผู้สืบทอดตระกูลต่อจาก........ เป็นคนที่...... ข้าเป็นนักรบเกรียงไกรซึ่งได้รับมอบหมายให้มาทำการปราบศัตรูขององค์จักรพรรดิ ขอท้าทายท่านให้ออกมาสู้กับข้ากันอย่างลูกผู้ชาย” ว่ากันว่าวิญญาณของซามูไรคือดาบ หากลืมพกติดตัว อาจตายด้วยน้ำมือศัตรู จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:51:32

ความคิดเห็นที่ 22 ปกติซามูไรจะพกดาบติดตัว 2 เล่ม คือ ดาบยาวหรือดาบซามูไร (Katana) และดาบสั้นที่ใช้ในการฮาราคีรี (Wakizashi) ‘ฮาราคีรี’ คือการคว้านท้อง (ในสมัยก่อนเรียกว่าเซ็บปุกุ) เป็นพิธีที่เกิดจากความเชื่อที่ว่า ความตายจะนำมาซึ่งเกียรติแห่งนักรบ และล้างความอัปยศได้ ซามูไรจะทำฮาราคีรีด้วย 4 เหตุผล คือ เพื่อหลีกหนีความอับอายที่ไม่อาจทนได้ เช่น การหลีกหนีการเป็นเชลยศึก / เพื่อตายตามหัวหน้า / เพื่อลบล้างความผิดกรณีทำผิดคุณธรรมของซามูไร / ผู้มีอำนาจในแผ่นดินสั่งให้ทำวิธีการและลักษณะของการฮาราคีรีนั้นเข้าขั้นโหดและดิบ จนคนจิตอ่อนได้ยินได้เห็นกระเพาะอาจถีบข้าวมาจุกคอ แต่เพื่อให้เห็นภาพ ขออธิบาย เขา (ซามูไร) นั่งเงียบสงบอยู่ครู่หนึ่งเพื่อรวบรวมสมาธิครั้งสุดท้ายแล้วจึงใช้ดาบสั้นแทงชายโครงทางด้านซ้ายตรงกลางช่วงท้องลงลึกประมาณ 6 นิ้ว จากนั้นก็ลากคมมีดกรีดท้องมาทางชายโครงด้านขวาอย่างช้าๆ จนหน้าท้องเปิดเป็นแผลยาว ลำไส้ทะลักออกมา แต่เขามิได้หยุดดึงดาบสั้นออกแล้วแทงซ้ำอีกครั้งที่หน้าท้อง แต่คราวนี้กรีดจากด้านบนลงด้านล่างเป็นรูปกากบาท แม้เจ็บปวดแสนสาหัสแต่ใบหน้าเขาก็ยังคงนิ่งเฉย เขากลั้นใจดึงดาบออกมาจากท้องอีกครั้ง แล้วตัวเอนไปข้างหน้า และยืดลำคอออกไป ทันใดนั้น ‘ไคซากุ-นิน’ ผู้ได้รับเกียรติช่วยให้ซามูไรผู้นั้นพ้นจากทุกข์ ก็ตวัดดาบฟันลงอย่างรวดเร็ว ศีรษะของเขาหลุดออกจากบ่า ผู้ทำหน้าที่ไคซากุ-นิน ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนสนิทของซามูไร จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:52:17

ความคิดเห็นที่ 23 การชักดาบออกจากฝักเฉยๆ โดยไม่มีการฆ่าฟันผู้ใด ซามูไรถือว่าเป็นสิ่งไม่พึงทำเป็นอันขาด ยกเว้นว่าจะโชว์ความดีงามของดาบให้ผู้อื่นชมเท่านั้น ดาบซามูไรที่ถูกสร้างขึ้นโดยมาซามูเน่ (Masamune) ถือเป็นดาบที่พัฒนาถึงขั้นสูงสุด ไม่มีช่างตีดาบคนไหนในญี่ปุ่นเทียบได้ กล่าวกันว่าแท่งเหล็กกล้าขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหนึ่งนิ้วถูกตัดให้ขาดออกจากกันได้อย่างง่ายดาย เสือไบ หรือรสนิยมโซ้ยสองเพศ คือมุมมืดหนึ่งของซามูไร ยืนยันได้จากข้อมูลของวิกิพีเดียที่ว่า ‘ชุโด’ เป็นประเพณีแห่งสายใยรักที่เกิดขึ้นระหว่างซามูไรผู้แก่กล้าวิชากับซามูไรที่ยังไร้ประสบการณ์ ประเพณีนี้มีความคล้ายคลึงกับประเพณีของกรีกโบราณที่ชายวัยผู้ใหญ่มักจะมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเด็กผู้ชาย ในสังคมซามูไร ถือชุโดเป็นประเพณีที่มีเกียรติ ถือเป็นการปฏิบัติที่สำคัญ และเป็นเส้นทางสายหลักที่จะสืบทอดความคิด คุณค่า จิตวิญญาณ และทักษะแห่งประเพณีซามูไร จากรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นต่อๆ ไปได้ (ให้ตายเถอะ ฟ้าผ่า!) ข้อมูลบางแหล่งตั้งสมมุติฐานว่า วิถีแห่งบูชิโดที่เคร่งครัดเรื่องความจงรักภักดีถึงขนาดยอมพลีชีพเพื่อนายของซามูไร และขณะเดียวกันนายก็ดูแลเอาใจใส่ เมื่อยามศึกก็ออกรบกันเป็นปี ด้วยหน้าที่ซามูไรต้องอยู่ปกป้องผู้เป็นนายทุกห้วงยาม บวกกับความแห้งแล้งอิสตรีในสมรภูมิบุรุษกับบุรุษเมื่อใกล้ชิดกันมากเข้าๆ ในที่สุดก็... ปั้บ! ปั้บ! การตรงต่อเวลา ความเป็นชาตินิยม การนับถือซึ่งกันและกัน การทุ่มเทให้กับหน้าที่ ฯลฯ ของคนญี่ปุ่นในปัจจุบัน ล้วนได้รับอิทธิพลมาจากแนวคิดบูชิโดของซามูไร ‘บูชิโด’ และ ‘ซามูไร’ ถ้ามองในมุมของการใช้ภาษา คนไทยมักนิยมใช้เรียกคนญี่ปุ่น ส่วนใหญ่เป็นไปในเชิงยกย่อง เช่น ซามูไรประเดิมชัยดับแคเมอรูน 1-0, ทีวีแชมเปี้ยน ตอน ศึกวัดใจบูชิโด ไอ้ยุ่น! คือคำเรียกชาวญี่ปุ่นในเชิงหมิ่น-เสียดสี-ดูถูก คล้ายกับคำว่าเจ๊ก ที่ใช้เรียกคนจีน เอาดาบซามูไรไปหั่นผัก หรือซามูไรหั่นผัก คือสำนวนที่หมายถึงการใช้คนมีฝีมือไปทำงานที่ไม่เหมาะสมกับความสามารถที่มี เช่น ให้เชฟไปซื้อกับข้าว แทนที่จะให้ทำอาหาร ก่อนจะเอวังด้วยประการฉะนี้ ขอฝากคำสั้นๆ ที่ซามูไรต่างยึดถือไว้ในหัวใจ "หน้าที่นั้นหนักกว่าขุนเขาความตายนั้นเบากว่าขนนก" คุณรู้แล้วใช่ไหมทำไมนายพลโอนิชิถึงคว้านท้องตัวเอง และนาย Sin ถึงหงุดหงิด เรื่อง / ภาพ > เสงี่ยม เหนียมสตรี (ไร้) สารานุกรม > No.93 จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:52:52

ความคิดเห็นที่ 24 จบแล้วครับ ท่านใดมีเกร็ดต่างๆ เกี่ยวกับเรื่องดาบญี่ปุ่นก็ลงเสริมได้เลยครับ จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 10:55:31

ความคิดเห็นที่ 25 อ่านจบแล้ว ขอบคุณครับ จากคุณ : ช่างบ้านนอก เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 11:17:41

ความคิดเห็นที่ 26 ชอบรูปทรงดาบซามูไรที่สุด จากคุณ : ปลาๆงูๆ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 11:40:38

ความคิดเห็นที่ 27 ชักดาบเป็นคำไทย เอาไว้ ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย จากคุณ : คนผ่านมา (ผมมีแค่ร้อยทิป) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 11:54:17

ความคิดเห็นที่ 28 น่าเสียดาย ชาวญี่ปุ่นมี ดาบที่ทรงพลัง งดงาม าจะใช้ ดาบนี้ ชนะสงคราม ได้ไม่ยาก เพราะทหารฝรั่ง กลัวดาบนี้มาก ปืนของพวกฝรั่งก็ไม่สามารถสู้ซามูไรได้ จากคุณ : dokaki (dokaki) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 11:59:54

ความคิดเห็นที่ 29 ผมเป็นที่ชื่นชอบดาบญี่ปุ่นเหมือนกันครับ แต่ช่วงหลังๆ ก็ลองค้นเรื่องราวดาบไทยก็พบว่ามีเรื่องราวที่น่าสนใจมิใช่น้อยเลย ยิ่งดูคลิปวีดีโอสำนักดาบไทยตามยูทูปก็ยิ่งชอบรู้สึกว่า ดาบไทยเข้ากลับวิถีชีวิตของไทยจริงๆ และยิ่งใช้คู่กับวิชามวยไทยด้วยแล้วทรงพลังขึ้นเยอะ ดูแล้วพลิ้วดีมาก แต่ผมไม่คิดจะเปรียบเทียบว่าวิชาดาบใครดีกว่ากัน หรือดาบใครดีกว่ากัน เพราะวิชาดาบก็คือจิตวิญญาณของชนชาตินั้นๆ ซึ่งทรงพลังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ผมชื่นชมและชอบเพราะมองดูว่าสิ่งเหล่านี้ถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่นผ่านวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของแต่ละชนชาติ... จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 12:33:39

ความคิดเห็นที่ 30 อ่านแล้วเคลิ้มเลย ขอบคุณมากครับ จากคุณ : aonesung เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 12:49:56

ความคิดเห็นที่ 31 ชอบที่เหล็กมันขัดเงาจนใบมันเป็นลายน้ำอ่ะ แต่ดาบไทยสวยตรงด้ามจับนะ จากคุณ : GG เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 12:58:28 A:27.55.2.247 X: TicketID:312375

ความคิดเห็นที่ 32 ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ แต่ช่วงนี้ผมเคืองๆ ทีมงานวอลเลย์บอลหญิงญี่ปุ่นอยู่ เห็นอะไรญี่ปุ่นๆ เลยดูเซ็งในอารมณ์ไปหน่อย จากคุณ : T7Promoter เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 13:06:07

ความคิดเห็นที่ 33 คห. 2 น่าจะเป็น มุรามาสะ (Muramasa) มากกว่า มารามาสะ กระมังครับ จากคุณ : หมอเถื่อน เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 13:09:14

ความคิดเห็นที่ 34 ญี่ปุ่นนำเข้าแร่เหล็ก จากจีน เกาหลี ผ่านทางซาไก ดาบคุณภาพดีมีน้อย กว่าแบบธรรมดามาก ในกรณีผลิตแบบยุทธปัจจัยกับพลทหาร เปราะและหักง่าย ราคาไม่แพง จึงต้องพกกันหลายเล่มกันเหนียว และมีข้อควรระวังในการใช้ เพื่อไม่ให้ดาบพังเร็ว การที่ดาบญี่ปุ่น ถอดประกอบง่าย เพื่อความสะดวกในการเก็บรักษา บางเล่มผลิตเพื่อออกงานอย่างเดียว ต่างจากดาบชนชาติอื่นที่นิยมทำตายตัว ถอดยาก บ้างว่าญี่ปุ่นมีเหล็กน้อยมาก จึงต้องถนอม เวลาดูดาบ ต้องมีกระดาษกันลมหายใจ อุปกรณ์ดูแลดาบผลิตอย่างพิถีพิถัน ซึ่งชาติอื่นใส่ใจไม่ถึงขนาดนี้ วิธีการต่อสู้ แบบพวกซามุไรโบราณ เป็นแบบหมากรุก พอเจอแบบมองโกลที่ต่อเนื่อง ฝันร้ายจึงบังเกิด และคุณภาพอาวุธไม่น่าดีกว่ามองโกลมาก เพราะแพ้ไม่เป็นท่า จนมายุคที่ใช้ปืนตามสูตรโนบุนากะ ถึงไปเหยียบต่างแดน #28 กองทัพบกอเมริกันเคยใช้ปืนกระสุน .๓๘ เป็นปืนพกประจำตัวมาก่อน เมื่อสมัยรบกับกบฏโมโร(สวมเกราะเหล็ก)ในประเทศฟิลิปปินส์ มีกรณีที่ทหารอเมริกันยิงฝ่ายกบฏจนหมดโม่ แต่โดนวิ่งสวนควันเข้ามาฟันด้วยดาบ ตายทั้งคู่ เลยเป็นเหตุให้ต้องหากระสุนที่แรงกว่ามาใช้ เลือกไปเลือกมาได้ .๔๕ นี่ละครับ ประสบการณ์ตรงผมเคยช่วยชันสูตรศพคนถูกยิง กระสุน .๔๕ วิ่งถากกระโหลกด้านข้างแหว่งไปหน่อยนึง ไม่เข้าข้างใน เนื้อสมองยังดูปกติ ดูแล้วไม่น่าถึงชีวิตแต่เหยื่อรายนี้ตายเพราะคอหักครับมันแรงขนาดนั้น http://topicstock.pantip.com/wahkor/topicstock/2011/10/X11138862/X11138862.html แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 13:23:16 จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 13:20:54

ความคิดเห็นที่ 35 เป็นคนบ้าดาบเหมือนกันครับ ดาบไทยแต่โบราณจริงแล้ว เขาก็ไว้ใช้คู่กับมวยไทยโบราณแหละครับ เขาจึงต้องทำดาบให้มีลักษณะเบา(เลยตีมากไม่ได้) เพื่อให้ถือได้ทั้งสองมือ จะได้ออกท่าของทั้งดาบและมวยควบคู่ไปด้วยกันได้ง่าย แต่ดาบญี่ปุ่นจะเน้นหนัก และเน้นฟันทีเดียว ตัดสินไปเลย มีคำกล่าวไว้ ซามูไรฝึกดาบมาทั้งชีวิต เพื่อจะมาตัดสินกันในเสี้ยววินาที เหมือนนักวิ่งที่ฝึกฝนมาเป็นสิบปี ใช้ความสามารถจริงแค่ไม่กี่นาที อีกอย่าง ผมคิดว่าที่ญี่ปุ่นได้พัฒนาการตีดาบไปจนถึงขั้นสูงสุดส่วนหนึ่งคงเพราะการปิดประเทศด้วยแหละครับ เพราะว่าไม่ติดต่อกับนอกประเทศก็เลยตั้งกฏหรือมารยาทสำหรับซามูไรไว้ได้(เพิ่งจะเริ่มใช้ปืนช่วงปฏิรูปเอโดะสมัยโนบุนากะเองมั้ง) แต่ของเรามันติดกับทั้งพม่า ลาว เขมร เสียกรุงตั้ง2ครั้งด้วยช่างตีดาบคงไม่เหลือสืบทอด แล้วช่วงอยุธยาก็เปิดประเทศค้าขายกับตะวันตกแล้วด้วย ถ้าไม่ใช้ปืนก็คงสู้พม่าไม่ไหวเหมือนกัน ไม่ได้ยกยอนะครับ เพียงแค่คิดว่าเป็นเหตุผลทางประวัติศาสตร์ของแต่ละประเทศ เสริมให้#28 ประวัติศาสตร์ของปืน สมัยแรกๆที่ฝรั่งบุกญี่ปุ่นนั้น ปืนของตะวันตกกระสุนยังไม่เหมือนสมัยนี้ ปืนมันยิงเข้าก็จริง แต่ซามูไรยังไม่ตาย และไม่กลัวตาย แม้จะโดนยิงก็บุกเข้าไปฟันทหารตะวันตกตายไปได้หลายคน เขาจึงต้องพัฒนากระสุนปืนไปอีกระดับ(จำไม่ค่อยได้นะครับอันนี้) เป็นปืนที่ทำให้คนโดนยิงกระเด็นหรือตายทันที ทหารญี่ปุ่นจะได้เข้าไปฟันไม่ถึงตัว เสริมให้เรื่องรู้ไว้ใช่ว่า การขับรถพวงมาลัยขวา มีคนสันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับซามูไรด้วย เนื่องจากสมัยก่อนซามูไรมักห้อยดาบไว้ด้านซ้าย เขาจึงนิยมเดินด้านซ้ายกัน เพราะป้องกันไม่ให้ดาบของซามูไรกระทบกัน (ถ้ากระทบกันนั่นหมายถึงการท้าดวล) เพราะงั้นรถญี่ปุ่นถึงได้ขับซ้าย แล้วมีพวงมาลัยขวาครับ :) แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 13:48:23 จากคุณ : somngo เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 13:46:10

ความคิดเห็นที่ 36 Awesome จากคุณ : skywedding เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 14:10:00

ความคิดเห็นที่ 37 คห.35 แต่ผมคิดว่าแนวคิดของอเมริกัน ดีกว่าครับ ลองสังเกตุดูครับ เวลา คนเราเดินสวนกัน มักจะหลีกให้กันไปทางขวาโดยสัญชาติญาณ เวลาขับรถก็เช่นกัน เวลาเกิดอุบัติเหตุก็มักจะหักหลบไปทางขวา ซึ่งถ้าเป็นการเดินรถแบบอเมรกันหรือลาว ก็ลงข้างทางไป ถ้าเป็นแบบไทยญี่ปุ่น อังกฤษ ก็บินข้ามเกาะกลาง อะไรประมาณนี้ครับ จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 14:16:23

ความคิดเห็นที่ 38 ผมเคยได้ยินเรื่องเล่าของดาบที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น สองเล่ม คือ ดาบมาซามุเนะ กับ ดาบมุรามาสะ ดาบทั้งสองเล่มนี้ถือเป็นตัวแทนดาบแห่งคุณธรรม และ ดาบแห่งคำสาป สิ่งที่น่าทึ่งของดาบทั้งสองเล่มนี้คือ ความคมกริบของดาบ ว่ากันว่า คนกริบขนาดผ่าเส้นผมกันได้เลย เมื่อจุ่มดาบมาซามุเนะ ลงในลำธาร ใบไม้ที่ลอยมาตามกระแสน้ำนั้น เมื่อลอยผ่านดาบมาซามุเนะ ก็จะขาดออกจากกันเป้นสองส่วนเลยทีเดียว ดาบมุรามาสะ ก็เช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ ใบไม้ที่ถูกดาบตัดขาดเป็นสองส่วนนั้น แทนที่จะไหลไปตามกระแสน้ำ กลับถูกดูดติดเอาไว้กับใบดาบ เรื่องนี้เป็นความจริงหรือเปล่า ผมก็ไม่กล้ายืนยันครับ เพราะไม่เคยเห็นกับตา  แฃะดาบทั้งสองเล่มนี้ ว่ากันว่าเป็นสมบัติของแผ่นดิน จึงไม่น่าจะมีใครกล้าเอามาทดสอบแบบนั้น ปล. ยังมีดาบอีก 1 เล่ม ที่ถือว่าเป็นสุดยอดแห่งดาบมั้งมวล มีศักดิ์และศรี สูงกว่า มาซามุเนะและมุรามาสะ แต่ผมจำชื่อไม่ได้แล้ว  ดาบเล่มที่ว่า เป็น1ใน3 ศาตราวุธประจำตัวองค์จักรพรรดิญี่ปุ่น ตกทอดกันมาในตระกูลครับ จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 14:23:55

ความคิดเห็นที่ 39 พอดีเลยครับ  ผมกำลังคลั่งซามูไรเลย ใครสนใจหนังเเนวนี้ นี้กระทู้ที่ผมตั้งครับ http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/topic/A12152166/A12152166.html จากคุณ : palovema เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 14:27:47

ความคิดเห็นที่ 40 ^ คห.๓๙ ของผมไม่ถึงขนาดคลั่งครับ แค่ชอบเฉยๆ ชอบดาบทุกประเภทแหละครับ แต่ตอนนี้กำลังหาข้อมูลดาบไทยครับ ผมว่าน่าสนใจไม่แพ้ดาบญี่ปุ่นเลย เมื่อประกอบกับวิชาดาบของแต่ละชนชาติแล้วผมว่ามันเป็นศิลปะเฉพาะจริงๆ สวยงามทรงพลัง แต่ละชนชาติเลียนแบบกันยากครับ อย่างสมัยผมเรียนวิชากลศาสตร์วัสดุ กับศาสตราจารย์ด้านโลหะวิทยาของเมืองไทย (ท่านเสียชีวิตแล้ว) ท่านเล่าให้ฟังสนุกๆในห้องเรียนว่า ดาบที่ท่านเคยศึกษา ทั้งดาบญี่ปุ่น ดาบแขก ดาบไทย ท่านเล่าว่า การเรียงตัวของโมเลกุลค่อนข้างจะเหมือนกัน ท่านใหความเห็นที่น่าฟังว่า แม้กรรมวิธีการตีจะต่างกัน แต่ท้ายที่สุดแต่ละชนชาติก็เรียนรู้ที่จะทำให้ได้เหล็กที่มีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน...ท่านว่าไว้อย่างนี้ ดาบจึงเสมือนตัวแทนที่เล่าถึงประวัติศาสตร์ของแต่ละชนชาติ เล่าถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมได้อย่างน่าสนใจ...ผมชอบดาบไม่ใช่เพราะอยากรู้ว่าดาบชนิดใดคือสุดยอดแห่งดาบ แต่ที่ชอบเพราะอยากทราบเรื่องราวในอดีตนั้นๆ http://www.sartrayuth.org/index.php?lay=show&ac=article&Id=5380677&Ntype=2   อันนี้อีกหนึ่งบทความเกี่ยวกับดาบไทยครับ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 15:13:10 จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 14:57:23

ความคิดเห็นที่ 41 #28 แล้วไม่ใช่ปืนเหรอครับ ที่ทำให้กองทัพของโนบุนากะชนะทัพม้านับหมื่นของทาเคดะที่ศึกนางาชิโนะ แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 19:29:43 จากคุณ : อะไรก็ได้ ง่ายๆ... เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 15:02:25

ความคิดเห็นที่ 42 ดาบญี่ปุ่นอย่างเท่ ดูยังไงก็ไม่เบื่อ จากคุณ : เขียนบน iPhone (นายชอล) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 15:32:07

ความคิดเห็นที่ 43 อันนี้ใช่ไหม ดาบ มาซามุเนะ กับ มุรามาสะ  จากคุณ : DJ-kornkyoko เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 15:50:30

ความคิดเห็นที่ 44 ดาบ มาซามูเนะ กับ มาราซามะ(บ้างก็ มุราซามะ) คอเกมบ้านเราจะรู้จักดี เพราะถูกใช้ในเกมหลายเกมมากๆ พอๆกับ เอ็กซ์คาลิเบอร์ เลยทีเดียว โดยถือเป็น ดาบ ที่เป็นสุดยอดในเกมเลยทีเดียว จากคุณ : Niceguy_C3 เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 16:22:13

ความคิดเห็นที่ 45 ซามูไร = สุดยอดนักรบ จากคุณ : หนุ่มหล่อเมืองขอนแก่น เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 16:29:08

ความคิดเห็นที่ 46 นักรบสู้กันด้วยดาบ ทหารสู้กันด้วยปืน+ระเบิด จากคุณ : anthonyjason เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 17:18:54

ความคิดเห็นที่ 47 สู้ปืนไม่ได้หรอก สุดยอดนักรบจึงต้องใช้ปืนกล จากคุณ : สไปเดอร์แมน เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 17:44:26 A:124.122.181.168 X: TicketID:204597

ความคิดเห็นที่ 48 คคห. 43 เล่น server เถื่อนเหรอครับ เพราะเซิฟจริงมุราฯ กับมาซาฯ ไม่มีรูแน่ๆ จากคุณ : false เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 18:10:26

ความคิดเห็นที่ 49 คห.47  มีสมัยก่อนปฎิรูปเมจิ คนญี่ปุ่นเห็นเรือดำของอเมริกันครั้งแรก จึงหวาดกลัว แตกตื่นกันอย่างรุนแรง ดาบคาตานะสู้เรือดำไม่ได้หรอก ดังนั้นจึงหาทางเอาเรือดำมา นั่นคือการเปิดประเทศค้าขาย และเรียนการต่อเรือ ควบคุมเรือ ปฎิรูปให้ได้กองทัพเรือกันขนานใหญ่ ปฎิรูปคณะรัฐบาล(ปฎิรูปเมจิ)จนได้สงครามทางเรือสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 มาในที่สุด จากคุณ : พัดกุ้ง เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 18:13:56

ความคิดเห็นที่ 50 คห.47 สุดยอดนักรบคือชนะโดยไม่ต้องรบ นั่นคือบีบให้เจรจา แก้ไขเมื่อ 28 พ.ค. 55 18:25:36 จากคุณ : พัดกุ้ง เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 18:25:13

ความคิดเห็นที่ 51 แล้วซามูไรเนี่ย เคยถูกนินจาลอบสังหารมั้ยครับ สมัยนั้น นินจา ถูกต่อว่าเป็นคนไม่ดีรึเปล่า? เพราะไม่ได้รบซึ่งๆหน้าเหมือนซามูไร หรือคนละยุคกัน จากคุณ : หน่วยต่อสู้อากาศยาน เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 18:35:36

ความคิดเห็นที่ 52 ผมเคยอ่านในห้องนี้ เค้าบอกว่า ปัจจุบันสามารถตีดาบได้ดีกว่า คาตานะโบราณ มากแล้ว เพราะมีความรู้เรื่องโครงสร้างเหล็ก การจัดเรียงตัว และการกระจายตัวของคาร์บอนดีกว่าก่อนมาก แท้จริงเป็นอย่างไรครับ จากคุณ : เหมา ม่วน เม่า เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 18:39:48

ความคิดเห็นที่ 53 ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆครับ เห็น # 39 แล้วนึกถึงอันนี้เลย จากคุณ : กล้ามใหญ่ไร้ซิกแพก (กล้ามใหญ่ไร้ซิกแพก) เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 18:55:15

ความคิดเห็นที่ 54 รูปไม่ขึ้น จากคุณ : กล้ามใหญ่ไร้ซิกแพก เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 18:56:00

ความคิดเห็นที่ 55 คห 41 ปืนไม่สามารถเอาชนะนักรบผู้มีใจแน่วแน่ได้ หากทาเคดะชินเง็นไม่ตายก่อนมีหรือโนบุนากะจะกล้าคว้าปืนไปเหยียบถิ่น"ไค" แม้นโนบุนากะมีปืนชั้นดี ก้ยังต้องถอยทัพแบบยับเยินในคราวศึกอุเอซุงิ เคนชิน จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 19:29:51

ความคิดเห็นที่ 56 ความคิดเห็นที่ 52 ดาบนาโนเทคโนโลยีจะไปสู้ดาบขี้นกได้ไงล่ะครับ จากคุณ : 555+ เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 19:34:14 A:49.49.3.105 X: TicketID:335311

ความคิดเห็นที่ 57 #51ซามุไร เป็นชนชั้นไม่ใช่นักดาบ จอมยุทธ ถูกนินจาลอบสังหารเยอะมาก สังคมญี่ปุ่นโบราณ มีวรรณะชัดเจน นินจามีสถานะแบบ นอกวรรณะ ไม่ทำตัวแบบหมากรุกเวลาต่อสู้ พวกซามุไรถึงรังเกียจ คุณภาพอาวุธตามกำลังทรัพย์ นินจา มีสภาพแบบทหารรับจ้าง จารชน อยู่เป็นชุมชน มีคนจีนอพยพไปอยู่ด้วย ชำนาญการใช้เคมี ยาพิษ ฝิ่น ทำกับดักเก่ง ที่สำคัญคือการลวงข้าศึก แต่เงินไม่มากพอจะก่อการณ์แบบแบ่งแยกดินแดน มีมูลนายสังกัด บางกลุ่มได้เป็นขุนนาง ถ้านายตายก็เปลี่ยนนายใหม่ ไม่มียึดติดแบบซามุไร ไม่นับถือลัทธิบูชิโด จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 20:08:13

ความคิดเห็นที่ 58 นินจา VS ซามูไร http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/lofiversion/index.php?t3066.html จากคุณ : row3625 เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 20:10:45

ความคิดเห็นที่ 59 รบกวนสอบถามผู้รู้หน่อยจ๊ะว่า ดาบ ประเภท ตาชิ กับปรเภท ชิราตาชิ ต่างกันอย่างไร แล้วดาบประเภท ไดโตะ คืออะไร และแตกต่างกันยังไงกับดาบประเภท ตาชิ และชิราตาชิ หรือว่า แตกต่างกันแค่ความยาวของดาบเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ........................................................................................................... เราเคยอ่านหนังสือ เกี่ยวกับเรื่องซามูไรเล่มนึง เห็นเขาบอกว่า ช่างดีดาบบางคนก็มีการสร้างดาบ ด้วยการนำแท่งเหล็ก มาฝนจนกลายเป็นผงตะไบ แล้วก็เอาผงตะไบ ไปคลุกเนื้อแล้วให้นกกระเรียนที่เลี้ยงไว้ทาน แล้วพอนกกระเรียนถ่ายมูลออกมา ก็จะเอามูลนกกระเรียนนั้น ไปแยกเอาผงตะไบออก แล้วก็เอาผงตะไบนั้นมาหลอมกลับให้เป็นแท่งเหล็กอีกครั้ง แล้วก็ทำซ้ำแบบนี้ 7 รอบ แล้วจึงนำเหล็กที่ผ่านกรรมวิธีนั้น ไปตีออกมาเป็นดาบซามูไร จริงเท็จแค่ไหน ไม่รู้ แต่เคยอ่านมา เลยเล่าสู่กันฟังจร้า จากคุณ : Time Trader เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 20:17:26

ความคิดเห็นที่ 60 นักทำดาบซามูไรเลื่องชื่อ Hatori Hanzo ทำดาบให้ The Bride ในหนัง Kill Bill (นอกเรื่องครับ แหะๆๆ) จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 20:33:01

ความคิดเห็นที่ 61 #38 ดาบของมาซามุเนะ ซึ่งมีการตีดาบต่อๆมาเป็นรุ่นๆ ส่วนใหญ่เป็นสายสงบครับ ดาบของมุรามาสะ ซึ่งมีการตีดาบต่อๆมาเป็นรุ่นๆเช่นกัน จะเป็นสายรุนแรงครับ ดาบทั้งสองสายจะแฝงความสงบและความรุนแรงสืบทอดต่อกันเป็นรุ่นๆ ในบันทึกเรื่องดาบของญี่ปุ่นในยุคที่เฟื่องฟูถึงขีดสุด ผมไม่แน่ใจว่าอ่านจากที่ไหน ดาบสายมาซามุเนะ เมื่อปักดาบลงในลำธารและมีเศษใบไม้ไหลผ่าน ใบไม้ั้นั้นจะไหลผ่านเลี่ยงคมดาบไป ตรงข้ามกับดาบสายมุรามาสะ เศษใบไม้ที่ไหลผ่านจะถูกคมดาบเฉือนขาดทันทีที่ไหลผ่านครับ จากคุณ : nightdoc เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 20:35:39

ความคิดเห็นที่ 62 #60 ฮัตโตริ ฮันโซ ใน kill Bill ตีดาบสามเล่ม เล่มแรกให้ Bill เล่มที่สองให้น้องชาย Bill และสาบานว่าจะไม่ตีดาบอีก แต่ในที่สุดก็ตีดาบเล่มที่สามให้ The Bride จากคุณ : nightdoc เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 20:40:01

ความคิดเห็นที่ 63 นินจา บางทีก้เคยเป็นซามูไรมาก่อนครับ แต่เป็นซามูไรที่ไม่มีสังกัดหรือเจ้านายตายแล้วไม่ได้ฆ่าตัวตายตาม เมื่อรวมกันมากๆเข้าก้อยู่กันเป็นกองกำลัง หรือหมู่บ้านนินจา ถ้าเปรียบเทียบก้เหมือนทหารรับจ้าง หรือหน่วยรบพิเศษ ที่รับงานตามการว่าจ้าง แต่ส่วนใหญ่ภารกิจก้มักจะเป็นการลอบสังหาร การหาข่าว แทรกซึม ฯลฯ จากคุณ : nightdoc เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 20:43:16

ความคิดเห็นที่ 64 thank you จากคุณ : neap เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 20:51:33

ความคิดเห็นที่ 65 ปืนไฟเท็ปโปสมัยยุคสงครามกลางเมืองนี้ ยิงนัดเดียวจอดนะครับ หัวกระสุนยุคนั้นใหญ่กว่ายุคนี้มาก ถ้าพูดกันแบบหว้ากอ ปืนเท็ปโปก็อปแบบมาจากปืน Match Lock ของโปรตุเกส ชนชาติยุโรป แน่นอนครับ ปืนไฟของโปรตุเกสนั้นก็ต้องถูกสร้างมาให้ยิงฝรั่งแบบโป้งเดียวจอด ไม่งั้นมันคงไม่เป็นที่นิยม จนมาแทนธนูยาว หรือหน้าไม้ได้เป็นแน่ ลองคำนวณดู ฝรั่งยุคนั้นแม้จะไม่สูงใหญ่เท่าฝรั่งยุคนี้ แต่ที่แน่ๆ สูงใหญ่กว่าชาวญี่ปุ่นแน่นอน การคำนวณหาขนาดหัวกระสุนและปริมาณดินปืนที่สามารถสังหารหรือผลักให้ร่างกายและน้ำหนักของฝรั่งล้มลงได้ ทำไมมันถึงไม่สามารถผลักหรือสังหารซามูไร คนญี่ปุ่นที่มีน้ำหนัก มวลร่างกายน้อยกว่าคนยุโรปได้ครับ? เว้นเสียแต่ ปืนแท็ปโปของญี่ปุ่นถูกลดประสิทธิภาพลง ด้วยกระสุนที่เล็กกว่าเพราะต้องการประหยัด หรือใช้ดินปืนน้อยลง แต่ถ้าเป็นเช่นนั้นทำไมมันยังเป็นที่นิยมใช้กันจนจบสงครามเซกิงาฮาร่าครับ? ป่วยการพูดถึงเรื่องจิตใจ ความมุ่งมั่น ความเด็ดเดี่ยวของซามูไรอะไรเทือกนั้น ของพรรคนั้นมันชั่ง ตวง วัด กันได้ด้วยหรือ? คนน้ำหนักน้อยกว่า มวลร่างกายน้อยกว่า เหตุใดจึงไม่ล้มลงไปหากโดนยิงด้วยปืนที่ใช้หัวกระสุนขนาดเดียวกันกับที่สามารถล้มคนที่ตัวใหญ่กว่าได้ เพราะจิตใจเด็ดเดี่ยวกว่า? 555 อย่ายกตัวอย่างกรณีกบฎโมโร่ที่ทหารอเมริกันเสียชีวิตเนื่องจากกระสุนไม่มีอำนาจหยุดยั้ง เพราะสุดท้าย .45 ก็มีอำนาจหยุดยั้ง หัวกระสุนขนาดของแท็ปโปใหญ่กว่าขนาด .45 ค่อนข้างแน่นอน จากคุณ : มาช้าแต่มาแล้ว เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 20:58:54

ความคิดเห็นที่ 66 อยากเห็นนินจาปะทะซามูไร   IAI Technic จากคุณ : ท่านคิมไม่เคยยืม เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 21:09:25

ความคิดเห็นที่ 67 ไปดูในลิ้ง คห.58 อยากจะบอกว่าที่วิกิฯอินเตอร์บรรยายไว้ว่าดาบนินจาถูกสงสัยว่าไม่มีจริงครับ เพราะไม่มีบันทึก หรือหลักฐานถึงมันเลย http://en.wikipedia.org/wiki/Ninjat%C5%8D Dr. Stephen Turnbull ผู้เชี่ยวชายด้านประวัติศาสตร์การทหารของญี่ปุ่น กล่าวแต่เพียงว่า "ดาบที่นินาจาใช้ควรจะสั้นและตรงกว่าดาบที่ใช้กันตามปรกติ" เท่านั้นครับ ดาบนินจา ครั้งหนึ่งถึงขนาดถูกกล่าวหาว่า เป็นดาบฮอลลีวู๊ด เพราะใช้ครั้งแรกจากนินจาในหนังฮอลลีวู๊ดเท่านั้น ดาบชนิอื่นๆ ยังมีหลักฐานตัวจริงๆเป็นๆว่ามีจริง แต่ดาบนินจา ไม่มีหลักฐานทางประวติศาสตร์แต่อย่างใด จากคุณ : มาช้าแต่มาแล้ว เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 21:18:10

ความคิดเห็นที่ 68 สนุกมากครับ นึกถึงเรื่อง Vagabond จากคุณ : meangu เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 21:20:38

ความคิดเห็นที่ 69 เรื่องนี้เลย มีหลายเล่ม จากคุณ : กระป๋องด๋อย เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 22:00:29

ความคิดเห็นที่ 70 ฟันลูก BB ขาด จากคุณ : praphrut608 เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 22:15:34

ความคิดเห็นที่ 71 ดาบประเภทตะฉิ เป็นดาบรบของทหารม้าที่มีความโค้งมาก มักมีความยาวมาก แต่ก็มีบ้างที่สั้นและโค้งน้อยแล้วแต่ยุคสมัย ถ้าชัดๆมักดูกันที่กั่น ซึ่งโค้งรับกับใบดาบ และสลักชื่อคนละด้านกับคะตะนะ เพราะมักพกด้วยวิธีห้อยดาบกับผ้าคาดเกราะ เอาคมลง ชิราตะฉิ น่าจะเป็นการทรงเครื่องตะฉิอย่างหนึ่ง ไดโตะ ใช้เรียกดาบยาว เมื่อแต่งกายในชุดไดโช (พกดาบยาวหนึ่ง สั้นหนึ่ง) จริงๆอาจหมายถึงตะฉิก็ได้ ในสมัยเอโดเป็นต้นมา มีการควบคุมอาวุธ ไม่มีใครพกตะฉิเดินกลางเมือง จึงใช้เรียกคะตะนะ ซึ่งเป็นดาบสำหรับดวล มีความโค้งน้อยกว่า พกเอาคมขึ้น และความยาวมักจะน้อยกว่าตะฉิ ซึ่งเป็นดาบรบกลางแปลง จากคุณ : PUFF เขียนเมื่อ : 28 พ.ค. 55 22:46:58

ความคิดเห็นที่ 72 น่าสนใจจริงๆ จากคุณ : Tom Bombadil เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 00:30:28

ความคิดเห็นที่ 73 #55 เด็กน้อยจริงๆ งั้นเอาง่ายๆ ถ้าเอาปืนจ่อหัวคนที่คิดว่าแน่วแน่ แล้วเหนี่ยวไก จะตายรึเปล่าล่ะ? จากคุณ : อะไรก็ได้ ง่ายๆ... เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 00:36:00

ความคิดเห็นที่ 74 ขอบคุณพี่ PUFF มากจ๊ะ แล้วเราสงสัยอีกเรื่องนึงว่า ลายเกล็ดปลาบนคมดาบซามูไร มันเกิดจากการลับดาบ , เกิดจากกระบวนการตีดาบ หรือว่าเป็นเพียงลวดลายที่ช่างทำไว้ให้เพื่อให้รู้ว่า นั่นคือส่วนคมดาบเท่านั้นจ๊ะ   แล้วการลับดาบ ( หรือมันเกิดจากการตีดาบก็ไม่รู้เหมือนกัน ) แบบเกล็ดปลาแบบนี้ จะต้องมีการลับด้วยวิธีพิเศษอะไรด้วยหรือเปล่า มันถึงมีลายส่วนคมดาบเป็นแบบนี้ได้ แล้วดาบซามูไร จำเป็นที่จะต้องมีลายเกล็ดปลาแบบนี้ทุกเล่มหรือเปล่า ถ้าผู้รู้ท่านใด รู้เรื่องลายเกล็ดปลาบนใบดาบซามูไร ขอความรบกวนช่วยเล่าให้เราฟังด้วยนะจ๊ะ เราสงสัยมานานแล้ว อันนี้ เป็นรูปประกอบนะจ๊ะ จากคุณ : Time Trader เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 01:32:19

ความคิดเห็นที่ 75 #74 ลายที่ เห็น เรียกว่า ฮาม่อน เกิดจากกระบวนการพอกโคลน แล้วเอาไปชุบแข็ง เอาโคลนพอก เหลือแต่ส่วนคม เอาเข้าเตา เผา แล้วจุ่มน้ำ ส่วนที่พอก จะอ่อน เหนียว รักษาดาบเวลาปะทะ ไม่ให้หัก ส่วนที่เป็นสีขาวจะแข็ง รักษาคมไม่ให้บิ่นง่าย แต่ฮาม่อนเทียม ก็เกิดจากการลับให้เป็นลายได้เหมือนกัน แต่ถ้าคนใช้ภายหลังลับมั่ว ลายก็หายได้ ส่วนฮาม่อนแท้ เหมือนติดอยู่กับเนื้อเหล็กไปเลย ใช้ไปสนิมกิน หรือไม่รักษา ฮาม่อนหาย เอาไปล้าง ขัด เช็ดดี ๆ ลายก็คืนกลับมาได้ จากคุณ : j เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 03:58:28 A:171.7.77.175 X: TicketID:268645

ความคิดเห็นที่ 76 มาซามูเนะ กับ มาราซามะ ดาบสองเล่มนี่เจอในเกมส์ RPG แทบทุกเกมส์ที่เล่น จากคุณ : starjoke20 เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 08:48:17

ความคิดเห็นที่ 77 ขอบคุณความรู้เรื่องฮามอนนะครับ สงสัยมานานมากแล้วเหมือนกันครับ จากคุณ : กึ่งยิงกึ่งผ่าน เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 09:23:04

ความคิดเห็นที่ 78 ขอทราบข้อมูล "ดาบโนดาจิ" ที่ผมรู้จักเพราะเกมส์โชกุนในภาคแรกของค่าย Totalwar ครับ อยากทราบว่าความเป็นมา และศักยภาพในสนามรบครับ ดูแล้วท่าทางจะยาวเกิน 2 เมตร จากคุณ : ช่างอิสระ เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 11:08:39 A:27.130.31.125 X: TicketID:331844

ความคิดเห็นที่ 79 แม้แต่ดาบหรือกระบี่ของตำรวจและทหารในชุดเต็มยศของไทยในปัจจุบัน เรียกว่าดาบทหารม้า (Parade Saber) ซึ่งได้รับอิทธิพลพื้นฐานมาจากดาบญี่ปุ่นทั้งสิ้น ขอแย้งตรงจุดนี้นะครับ กระบี่ของตำรวจและทหาร ไทยได้รับอิทธิพลมาจากยุโรปครับ ซึ่งยุโรปก็ได้รับอิทธิพลมาจากดาบทหารม้าออตโตมันอีกที ซึ่งเกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ในช่วงสงครามออตโตมัน-โปแลนด์ ต่อมาจึงแพร่ขยายความนิยมไปทั่วยุโรปในการใช้ดาบใบโค้งของทหารม้า จากคุณ : agooddaytodie เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 12:14:26

ความคิดเห็นที่ 80 คห.74 ลายที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเกิดจากการพอกโคลนแล้วเผา อีกส่วนหนึ่งเกิดจากกระบวนการลับมีด เคยดูในดิสคัพเวอรี่ กระบวนการลับมีด เป็นกระบวนการที่พิถีพิถันมาก ใช้เวลานาน และใช้หินลับมีดหลายขนาด และหลายเบอร์มาก เห็นเขาลับบริเวณที่เงาๆ เขาใช้ผงอะไรไม่รู้ ค่อยๆลับ(ถ้าเป็นปัจจุบันใช้ผงเพชรก็ได้) สมัยเด็ก เพื่อนเคยเล่าให้ฟังว่า ปู่ของเขาที่อยู่ภูเก็ตเก็บดาบได้มาเล่มหนึ่ง สมัยที่ญี่ปุ่นบุกเข้าไทย แล้วโดนระเบิดถล่ม เขาบอกสวยงามมาก เคยดูในทีวีรายการอะไรจำไม่ได้ ที่พิพิธภัณฑ์ที่กาญจนบุรีก็มีแสดงอยู่ แต่คงเป็นดาบรุ่นที่ผลิตเอาปริมาณช่วงสมัยสงครามโลก ท่านใดพอจะทราบวิธีการทำลวดลายบนตัวดาบ ซึ่งสวยงามมากบ้างครับ จากคุณ : Mr.Seal Man เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 12:21:19

ความคิดเห็นที่ 81 แล้วมุซาชิที่ใช้ดาบคู่นี่เค้าต้องพกดาบสามเล่มเลยเหรอครับ ไม่ทราบจริงๆครับ จากคุณ : มีหลายใจแต่ไร้แฟน เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 13:27:58

ความคิดเห็นที่ 82 การทำฮามอน ไม่ซับซ้อนอะไร แต่ต้องการความละเอียด ปราณีต เพราะมีปัจจัยหลักๆที่นอกเหนือจากเหล็กและโคลนอีก เช่นอัตราการให้ความร้อน อัตราการลดความร้อน ช่างที่มีประสบการณ์ สามารถคุมลายได้สวยงามตามต้องการครับ http://thai-knife.com/archives/2278 http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=12012 แก้ไขเมื่อ 29 พ.ค. 55 14:24:21 จากคุณ : PUFF เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 13:41:40

ความคิดเห็นที่ 83 ทหารม้าของไทยดูยังไงก็ลอกมาจากอังกฤษ ญี่ปุ่นไม่เกี่ยวเลย จากคุณ : ... เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 13:45:47 A:1.4.239.198 X: TicketID:208572

ความคิดเห็นที่ 84 ขอบคุณครับ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 14:14:36

ความคิดเห็นที่ 85 หาซื้อได้ที่ไหนบ้างครับ บ้านเรา ราคาแพงมั้ยเอ่ย จากคุณ : jazpada เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 14:54:05

ความคิดเห็นที่ 86 ท่าน PUFF http://thai-knife.com/archives/2278 http://www.konrakmeed.com/webboard/upload/index.php?showtopic=12012 สองกระทู้นี้คุ้มค่าในการเข้าไปดูมาก มีดสวยมากๆครับ เห็นแล้วรักเลย ทรงก็สวย ขอบคุณครับที่แนะนำเวป จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 15:07:35

ความคิดเห็นที่ 87 ขนาด "หวงอี้" สุดยอดนักประพันธ์นวนิยายกำลังภายใน ยังให้ "เซี่ยงเส้าหลง" ตัวเอกของเรื่องเจาะเวลาหาจิ๋นซี จัดทำดาบซามูไรเอาไว้ใช้ต่อกรกับเหล่าจอมยุทธในยุคเลียดก๊กเลยครับ แสดงว่าหวงอี้ยอมรับว่าดาบซามูไรเหนือกว่าทั้งดาบและกระบี่ ซึ่งถือเป็นอาวุธชั้นสูงสุดของชาวจีนเสียอีก จากคุณ : macenjoy เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 15:18:35

ความคิดเห็นที่ 88 #87 เจาะเวลาหาจิ๋นซี พระเอกแรงน้อย จึงสั่งตีดาบที่เล็กและเบา สมัยนั้นยังไม่มีเหล็ก ใช้สำริด รูปร่างดาบญี่ปุ่น รับมาจากจีน และนิยมไปทั่วเอเชียตะวันออก จากคุณ : ต็กโกวคิ้วป้าย เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 15:46:59

ความคิดเห็นที่ 89 nodachi หรือ odachi เป็นตะฉิขนาดยาวพิเศษ คาดว่าในสนามรบอาจมีการใช้งานโดยทหารราบแต่วิชาดาบโอดาฉิก็คลี่คลายหายไปมากแล้ว ที่พบเป็นส่วนใหญ่ จะเป็นดาบที่ใช้ในพิธีกรรมหรือดาบยศมากกว่า จากคุณ : PUFF เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 17:26:51

ความคิดเห็นที่ 90 รูป จากคุณ : PUFF เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 17:27:27

ความคิดเห็นที่ 91 เรื่องนี้ดาบคู่  魔神壇鬥士 จากคุณ : สาหร่ายเกลียวทอง เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 20:21:50

ความคิดเห็นที่ 92 zatoichi ใช้เรียกว่าอะไร จากคุณ : ichi เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 21:34:19 A:125.27.101.97 X: TicketID:224344

ความคิดเห็นที่ 93 คห.81 มิยาโมโต มูซาชิ พกดาบแค่2เล่มเองคับ เป้นคาตานะกับวากิซาชิ บางช่วงมูซาชิก็ไม่มีดาบให้พก เวลาจะสู้ก็ใช้โบคเคน(ไม้เนื้อตันเหลา เป็นรูปคล้ายคาตานะ) บ้านผมก็มี ฟันโดนทีถึงขั้นกระดูกหัก ต่อ บางช่วงก็ใช้ไม่ที่ทำราวตากผ้า บางช่วงก็เอาไม้พายเนี่ยแหละ ดังตอนที่ประลองกับซาซากิ โคจิโร่ อาจารย์มูซาชิก็ใช้ไม้พายในการต่อสู้ อาจารย์ มูซาชิ ใช้วิชา ดาบคู่ที่เรียกว่า "นิโตริว" ซึ่งต่อมาคือต้นกำเนิดของ"เคนโด้"ในปัจจุบัน คห78 โนดาจิคือตาชิ เป็นดาบพิฆาตอาชา  ตาชิ บิเซ็นโต(ให้ดูเรื่องซามูไรพเนจร ตอนเปิดตัว ซางาระ ซาโนสุเกะ)และนากินาตะ ที่กล่าวมานี้ล้วนแต่เป้นดาบที่ใช้ล้มม้า หรือตัดมันทั้งม้าทั้งคนนั่นเองครับ จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:48:57

ความคิดเห็นที่ 94 ขอแถมด้วย 5 ดาบผ่าปฏพี เป็นยอดดาบโบราณ 5 เล่ม ซึ่งปัจจุบันเป็นยอดดาบที่เป็น "สมบัติของชาติ" บางเล่มถูกเก็บไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกรุงโตเกียว และบางเล่มอยู่ในท้องพระคลังมหาสมบัติ ประกอบด้วย ดาบโดจิกิริ ดาบยาวขนาด 79.9 เซน ของยอดนักตีดาบคู่แผ่นดิน ยัตสุซึนะ ดาบเล่มนี้เคยเป็นดาบคู่มือของ มินาโมโต้ โยริมิตซึ และตกทอดมาเรื่อย ดาบโอนิมารุ ดาบยาว 78.2 เซน เป็นดาบตกทอดของสกุล "โฮโจ" ที่มีชื่อเสียง ดาบมิคะซึงิมุเนะจิกะ ยาว 80 เซน มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า "ซันโจว" ไม่ปรากฏชื่อเจ้าของดาบ ดาบโอเดนตะ สั้นที่สุดในบรรดา 5 พี่น้อง ยาวเพียง 65.75 เซน เป็นดาบสืบตระกูล ไดเมียว "มาเอดะ" สมัยเอโดะ ดาบจูซึมารุ น้องนุชสุดท้อง แต่ขนาดยาวที่สุด 81.1 เซน ดาบสมัยคามาคุระ ของนักบวชนาม นิชิเรน นอกจาก ห้าเล่มสำคัญ ก็ยังมี "ดาบในตำนาน" อีกหลายเล่ม ขอกล่าวถึงเฉพาะที่สำคัญๆ อาเมะ โนะ โทซึคาโน ซึรุงิ ดาบเปิดประวัติศาสตร์ประเทศญี่ปุ่น คู่มือของ... "ซูซาโนะโอะ" ผู้พิชิตมังกรเจ็ดหัว ยามาตะ โนะ โอโรจิ จนกลายเป็นประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน คุซานางิ อีกชื่อนึงของ อาเมะ โนะ โทซึคาโน ซึรุงิ ดาบประจำมือซูซาโนะโอะ ซึ่งถือเป็น 1 ใน 3 ดาบสวรรค์ โอนิ คิริมารุ (ดาบพิฆาตมาร) ดาบคู่มือ วาตานาเบะ โนะ ซึนะ ตอนหลังเปลี่ยนชื่อเป็น มินาโมโต้ โนะ ซึนะ หรือที่ใครๆ รู้จักใน โยริมิตซึ ชิเทนโน คาเมะวาริโตว ดาบคู่บารมี อิตโต้ อิตโตไซ ปรจารย์ดาบมือเดียว หรือ อิตโตริว ผู้โด่งดัง โคการาสุมารุ ยอดดาบที่สร้างสมัยเฮอัน ตกทอดหลายมือ บิเซนโจเซน ดาบคู่มือ และโด่งดังที่สุด สร้างวีรกรรมมากมาย คู่มือของขุนพลผู้ยิ่งใหญ่ โอดะ โนบุนากะ และ ซาซากิ โคจิโร่ ซึ่งบางประวัติได้กล่าวไว้ว่า ซาซากิ โคจิโร่ ใช้ "โมโนโฮชิซาโอะ" หรือที่แปลว่า ไม้ตากผ้า ก็ไม่ผิดแต่อย่างไร ด้วยความยาวของดาบนั่นเอง มาซามุเนะ ยอดดาบชื่อดัง ไม่ปรากฏเจ้าของ แต่ถูกเขียนลงในนิยาย การ์ตูนมากมาย โคเท็ตซึ หรือ พยัคฆ์คะนอง ซึ่งเป็นดาบคู่มือของ คอนโด อิซามิ หลายคนอาจไม่คุ้นชื่อ แต่ถ้าหากบอกว่าเป็นหัวหน้ากลุ่มซินเซน ที่มีชื่อเสียงกล่าวถึงในยุคปฏิวัติก็คงรู้จักกันดี นอกจากนี้ยังมีดาบขึ้นชื่อที่ไม่ปรากฏเจ้าของอีกหลายเล่ม ได้แก่ มุราซาเมะ มุรามาสะ จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 22:58:01

ความคิดเห็นที่ 95 ดาบโดจิกิริ ดาบยาวขนาด 79.9 เซน ของยอดนักตีดาบคู่แผ่นดิน ยัตสุซึนะ ดาบเล่มนี้เคยเป็นดาบคู่มือของ มินาโมโต้ โยริมิตซึ และตกทอดมาเรื่อย จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 23:01:42

ความคิดเห็นที่ 96 ดาบโอนิมารุ ดาบยาว 78.2 เซน เป็นดาบตกทอดของสกุล "โฮโจ" ที่มีชื่อเสียง จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 23:03:13

ความคิดเห็นที่ 97 ดาบมิคะซึงิมุเนะจิกะ ยาว 80 เซน มีชื่อเรียกสั้นๆ ว่า "ซันโจว" ไม่ปรากฏชื่อเจ้าของดาบ จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 23:04:00

ความคิดเห็นที่ 98 ดาบโอเดนตะ สั้นที่สุดในบรรดา 5 พี่น้อง ยาวเพียง 65.75 เซน เป็นดาบสืบตระกูล ไดเมียว "มาเอดะ" สมัยเอโดะ จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 23:04:45

ความคิดเห็นที่ 99 ดาบจูซึมารุ น้องนุชสุดท้อง แต่ขนาดยาวที่สุด 81.1 เซน ดาบสมัยคามาคุระ ของนักบวชนาม นิชิเรน จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 23:05:38

ความคิดเห็นที่ 100 และสุดท้าย เล่มบน คุโรซึบาเมะ เล่มล่าง โมมิจิมารุ   ดาบคู่กายของผม จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 23:10:27

ความคิดเห็นที่ 101 ที่นี่มีดาบสวยๆ ให้ชมเยอะแยะเลยครับ แนะนำๆ https://www.facebook.com/media/set/?set=a.305253596180107.71213.117205968318205&type=3 จากคุณ : JoKeR3753 เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 23:12:45

ความคิดเห็นที่ 102 คลิปใน คห.70 นั้น  ลูกบีบี มีความเร็วไม่เกิน 300 ฟุตต่อวินาทีเองครับ มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และระยะ 15 เมตร ก็สามารถหลบได้ไม่ยาก ถ้ามีความเร็วสูงขึ้นถึงระดับ 500 ฟุต จะเริ่มมองไม่เห็นแล้ว แต่ยังมีอีกหลายคนที่มองเห็น แต่ถึงจะมองเห็นก็ตาม ถ้าเอาไม้หน้าสามหวด ก็อาจจะมีเปอร์เซนต์โดนบ้าง  แต่ถ้าแบบฟันด้วยดาบให้โดน อันนี้ต้องฝึกฝนกันขั้นเทพแล้วครับ จากคุณ : penn's เขียนเมื่อ : 29 พ.ค. 55 23:48:29

ความคิดเห็นที่ 103 ขอบคุณพี่ ๆ ทุกท่าน สำหรับความรู้เรื่อง ฮาม่อน นะจีะ ลิ้งค์ของพี่ PUFF ได้ความรู้เยอะมากเลยจ๊ะ ขอบคุณสำหรับลิ้งค์ด้วยจร้า แก้ไขเมื่อ 30 พ.ค. 55 00:34:44 จากคุณ : Time Trader เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 00:34:19

ความคิดเห็นที่ 104 นักดาบของไทยก็มีครับ รุ่นเก่าๆน่าจะมีคนรู้จัก คุณโพธิ์เงิน กระตุกฤกษ์ ครับ ประวัติดังๆเพียบ น่าจะออกหนังสือขายนะ จากคุณ : หลั่งไหล เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 01:06:23

ความคิดเห็นที่ 105 http://www.google.co.th/imgres?um=1&hl=th&sa=N&biw=1680&bih=903&tbm=isch&tbnid=CoP-uTfJ2w4Z_M:&imgrefurl=http://www.horse.org.cn/Article/ylwh/zyzt/200703/195.html&docid=fCTGzVSBDODjiM&imgurl=http://www.horse.org.cn/Article/UploadFiles/200703/20070315172502398.jpg&w=600&h=450&ei=ICTFT_X7GM6IrAeU88HNCQ&zoom=1&iact=hc&vpx=598&vpy=526&dur=26&hovh=194&hovw=259&tx=151&ty=45&sig=110361257198883897080&page=1&tbnh=163&tbnw=214&start=0&ndsp=28&ved=1t:429,r:23,s:0,i:121 斩马刀 แปลว่าดาบพิฆาตอาชา ใช้สมัยต้าซ่ง เชื่อกันว่าเป็นต้นแบบดาบคาตานะครับ ดา่บญี่ปุ่นสมัยโบราณจริงๆยุคแรก เป็นดาบแบบสมัยฮั่น (ดูจากดาบคุซานางิ) ผมอยากรู้ว่า ทาิ โนดาชิ มีอะไรแตกต่างกันมั้ยครับ จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 02:35:54

ความคิดเห็นที่ 106 ตาชิ เป็นดาบที่ซามูไรพกไว้เพื่อสู้บนหลังม้า แทนคาตานะ โนตาจิ เป็นดาบที่ซามูไรเอาไว้ตัดทั้งคนทั้งม้า คือสู้บนพื้นนั่นเอง จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 08:35:51

ความคิดเห็นที่ 107 ขอบคุณทุกๆท่านที่มาช่วยเสริมครับ ได้ความรู้เยอะมาก ผมเองอยากทราบเรื่องราวของดาบไทยบ้างจังเลยครับ ท่านใดมีความรู้เรื่องดาบไทยช่วยถ่ายทอดด้วยนะครับ ผมจะรอติดตามครับ จากคุณ : ผมเอง (ฟ้าสีหมอก) เขียนเมื่อ : 30 พ.ค. 55 09:11:31