ความคิดเห็นที่ 1 วัสดุการใช้งานครับ  จริงๆมอเตอร์ก็รอบสูงครับ เคยดูสารคดี รถไฟความเร็วสูงก็รอบจัดมาก แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 09:55:04 จากคุณ : joyrisus เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 09:48:35

ความคิดเห็นที่ 2 คิดว่ามอเตอร์ไฟฟ้า  มีแรงบิดที่ดีกว่า  เลยไม่จำเป็นต้องใช้รอบสูงเท่า  เครื่องยนต์ ผมมั่วนะ จากคุณ : madcatzz เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 09:57:08

ความคิดเห็นที่ 3 ไม่มั่วหรอกครับ มอเตอร์มีแรงบิดดีกว่า ลักษณะการทำงานไม่เหมือนเครื่องยนต์ อธิบายเพิ่ม power ประกอบด้วยฟังชั่น...  แรงบิด + รอบ ......(1) จาก (1) จะเห็นว่า ที่ power เท่ากัน ถ้า ...แรงบิดดี รอบก็ต่ำ เรื่องอายุใช้งานของ bearing ไม่สัมพันธ์โดยตรงกับ รอบ ครับ อายุงานของมันขึ้นกับการออกแบบ ที่สำคัญ การออกแบบ bush bearing เราใช้หล่อลื่นเป็นตัวลดความเีสียดสีโดยตรง เมื่อ เพลาหมุนได้รอบแล้ว เพลาจะยกตัวลอยอยู่บนฟิล์มน้ำมันเครื่อง นึกถึงสกีน้ำนั่นแหละ การเสียดสี ระหว่าง metal กับ metal ก็ไม่มี ดังนั้น รอบไม่ใช่ตัวบ่งชี้อายุงานของ bearing ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 10:51:26

ความคิดเห็นที่ 4 การหมุนของมอเตอร์และเครื่องยนต์เกิดจากแหล่งกำเนิดที่ต่างกันมอเตอร์เกิดจากการผลักกันของขั้วแม่เหล็กไฟฟ้าจะมีข้อจำกัดแต่เครื่องยนต์เกิดจากการเผาไหม้มีการสันดาปภายในจึงทำให้เพิ่มรอบการหมุนได้ ปล.ผมก็มั่วให้คนรู้จริงมาตอบ อันนี้ผมคิดเอง จากคุณ : Wairoon เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:03:32

ความคิดเห็นที่ 5 ผมว่าขึ้นอยู่กับชนิด และการออกแบบ มากกว่า ว่าเครื่องกลชนิดนั้น ให้แรงบิดหรือแรงม้าสูงสุด เท่าไร       อย่างพวก เบนซิน ก็ต้อง 3-4000 ดีเซล 2-3000  มอเตอร์ AC ก็ ประมาณ 3000 ถ้าตัวใหญ่่ก็อาจลดรอบลง 1500,1000,500       แต่คนออกแบบก็พยายาม ออกแบบเครื่องกลชนิดนั้น ให้รอบต่ำที่สุด (ให้ประสิทธิภาพสูงที่สุด) เพื่อลดการเสียดสีของลูกปืน  ให้มากที่สุด จากคุณ : ตังชัย เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:19:01

ความคิดเห็นที่ 6 แก้ไขเมื่อ 02 มิ.ย. 55 11:37:57 จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:37:26

ความคิดเห็นที่ 7 ...    เอาไหนๆ ก็มั่วกันมาหลายท่านแล้ว จะขอลองมั่วดูกับเขาบ้างนะครับ หลักการมันต่างกันครับ สั้นๆง่ายๆก็คือ "มอเตอร์มันไม่ดับครับ" ไม่ว่าจะป้อง torque เข้าไปเท่าไรก็ตาม แต่ เครื่องยนต์ ดับครับ ถ้าเจอ torque สูงๆ เครื่องยนต์เอา power ไปขับล้อครับ จึงจะได้เป็นความเร็ว ส่วน มอเตอร์ เอา torque ไปขับล้อครับ จึงจะได้เป็นความเร็ว เครื่องยนต์จะต้องสร้าง power ด้วยจำนวนรอบครับ และค่อยๆทดเกียร์ลงจน เหลือ 1:1 หรือ น้อยกว่านั้น แต่มอเตอร์ ทดขึ้นครับ ไม่ได้ทดลง อาจจะเป็น 1:10 ที่ความเร็วสูงสุด รอบมันถึงได้ ต่ำ รายละเอียดนะครับ เครื่องยนต์มีขีดจำกัดแรงบิดที่ความเยื้องศูนย์ของเพลาข้อเหวี่ยงครับ    เครื่องยนต์ส่วนใหญ่แล้ว(แต่ไม่ทั้งหมด) จะได้ ม้า power สูงสุดที่รอบสูงสุด หรือเกือบสูงสุดครับ    แต่ แรงบิด กลับตรงกันข้ามครับ เมื่อรอบสูงสุด แรงบิด จะต่ำสุด หรือเกือบต่ำสุด    ในการออกแบบเครื่องยนต์ เราต้องการให้เกิด แรงบิดสูงสุดที่แรงม้าสุงสุดครับ แต่มันเป็นไปไม่ได้ เพราะล้อมันหมุนเร็วขึ้นจนเครื่องหมุนตามไม่ทัน (กรณีที่ อัตราทดจากเครื่องจนถึงล้อเป็น 1:1) แรงบิดมันก็ตก ถ้าเราสามารถทำให้เครื่อง มีแรงบิดสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ความเร็วมันก็ไม่มีทางหมดครับ   สำหรับมอเตอร์มันต่างกันครับ แรงบิดมันได้มาจากไฟฟ้าที่ไม่มีขีดจำกัด ดังนั้น การที่จะสร้างแรงบิดตามเข้มข้นของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า มันมีตัวแปรเดียวก็คือ แบตเตอรี่ครับว่าจะจ่ายกระแสไฟฟ้าได้สูงสุดเท่าไร ก็คือไม่อั้น เพราะว่าหน่วยมัน เป็น แอมป์/ชั่วโมง เช่น 60 Amp/hr ก็หมายความว่า ใน 1 ชั่วโมง แบตเตอรี่สามารถ จ่ายกระแสคงที่ได้ 60 Amp แล้วถ้าคิดเป็นใน 1 วินาที จะจ่ายได้เท่าไร ก็คือ เอา 60x60x60=216 000 แอมป์ (2แสนกว่าแอมป์) มันเป็นตัวเลขมหาศาล จึงทำให้ มอเตอร์สร้างแรงบิดได้อย่างไม่อั้น ดังนั้น ถ้าออกแบบระบบการส่งกำลัง ในอัตราทดที่สูงๆเช่น 1:10 รอบของมอเตอร์มันก็ต่ำหมุนเพียงแค่ 1 รอบ แต่ล้อ หมุนไป 10 รอบ รอบมันถึงได้ต่ำ ส่วนเครื่องยนต์ดูกราฟด้านล่างครับ มันวิ่งด้วย ม้า power และบังเอิญ ม้า power มันไปสูงสุดที่รอบสูงสุดครับ รอบเครื่องมันถึงได้สูง ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับขีดจำกัดของ Bearing หรอกครับ                                                                                                               ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 11:59:58

ความคิดเห็นที่ 8 ... จริง ๆ รอบมอเตอร์น่าจะสูงกว่านะครับ เพียงแต่ตัวมันกะติ๋วเดียวเลยต้องทดเยอะหน่อย ลองทำตัวให้ใหญ่เท่าเครื่องยนต์สิครับ จะเอารอบอย่างไรก็ได้ แต่ปัญหาคือจะหาพลังงานมาจากไหน จากคุณ : ปลาทูออนไลน์ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:13:30

ความคิดเห็นที่ 9 ขอเปรียบเทียบกับ generator ครับที่ผมทำงานเกี่ยวข้องอยู่ขับเคลื่อนด้วยsteam turbine จากญี่ปุ่น turbine หมุนมากกว่า 10,000 รอบ/นาทีแล้วมี reduction gear ลดลงมาเหลือ 1500 รอบ/นาที เพื่อหมุน generator จำนวนรอบ1500รอบ/นาทีนี่เป็นเพียงเพื่อให้ได้ความถี่50Hz แสดงว่าจำนวนรอบนี่เป็นเพียงการออกแบบมาเท่านั้น จะให้หมุนเร็วเท่าใดก็ได้แต่ไม่เกินที่ออกแบบมาเพราะจะมี Over speed trip อยู่ด้วย ถ้าหมุนเร็วมากกว่าประมาณ10%มันจะ Trip. จากคุณ : Wairoon เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:51:12

ความคิดเห็นที่ 10 มอเตอร์จะออกแบบให้ทำงานที่รอบเท่าไหร่ก็ได้ จะเอาสูงแค่ไหน ต่ำแค่ไหน ทำได้ทั้งนั้นเจ้าค่ะ แต่.. โดยหลักทั่วไปแล้ว ยิ่งหมุนรอบสูง อัตราการสึกหรอจะยิ่งสูงตามไปด้วย นี่ยังไม่นับการหล่อลื่นต้องดี เสียงอาจจะดัง และหากเกิดมีอะไรแตกหัก ก็เป็นอันตรายได้มาก ดังนั้น เขาจึงออกแบบให้รอบสูงพอประมาณเท่าที่ต้องการ ก็พอแล้ว ถ้าหมุนรอบสูงไปกว่านั้น ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ มีแต่โทษ เจ้าค่ะ ปล. รถไฟฟ้าความเร็วสูง ก็ใช้มอเตอร์ฉุดลากนะ มิใช่ว่า เครื่องยนต์จะเอาชนะมอเตอร์ไฟฟ้าได้ง่ายๆ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 12:51:56

ความคิดเห็นที่ 11 ผมยัง งงๆ  ในส่วนของถ้าทำให้มอเตอร์รอบสูงๆ(เท่าหรือมากกว่าเครื่องยนต์) คือ  ถ้ามอเตอร์รอบสูงๆ  ก็ยิ่งใช้พลังงานมาก(ไฟฟ้า)  ยิ่งเกิดความร้อน(สะสม)  ต้องหาทางระบายความร้อน  จากความรู้เท่าหางอึ่งของผม  การระบายความที่ดีน่าจะใช้น้ำเป็นสารตัวกลาง(ดีกว่าอากาศละ)  แล้วน้ำกะไฟฟ้า(ในมอเตอร์)  ยังนึกไม่ออกมันจะระบายแบบไหน  แต่ถ้าในเครื่องยนต์ชัดเจนครับ  เป็นรู้น้ำในเสื่อสูบ  ฝาสูบ เพราะแบบนี้หรือเปล่าที่เค้าไม่ทำมอเตอร์รอบสูงๆ(เท่าหรือมากกว่าเครื่องยนต์) จากคุณ : Themawin เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 13:30:40

ความคิดเห็นที่ 12 ในมอเตอร์ที่ความเร็วสูงจะระบายความร้อนด้วยน้ำมัน(lubricating oil)ครับจะมีปั๊มส่งน้ำมันเข้าและออกไปหล่อเย็น จากคุณ : Wairoon เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 13:41:42

ความคิดเห็นที่ 13 มอเตอร์ มัน ควบคุมง่ายกว่า เครื่องยนต์ เลย อยากทำอะไรกับมันก็ได้ จะให้ รอบเยอะ รอบน้อย ย่อม ทำได้  ขั้นต่อมา เลยต้องมาดูที่ อายุการใช้งาน  ยิ่งรอบ สูงๆ ก็ สึกหรอกมา อายุสั้น ต้องดูแลเยอะ จากคุณ : ก้นกบ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 13:44:28

ความคิดเห็นที่ 14 ขอบคุณ Wairoon ครับ งั้น(ที่ผมเข้าใจนะ)  คือ  ที่เขาไม่สร้างให้มอเตอร์ไฟฟ้ารอบสูงๆไว้ใช้ทั่วๆไป  เพราะ  มันแพง  ทั้งการลงทุน  และดูแลรักษา?   อ่าว  แล้ว ที่ คุณ แ ต ง ก ว า  บอกว่า  "ปล. รถไฟฟ้าความเร็วสูง ก็ใช้มอเตอร์ฉุดลากนะ"  ใช่ที่ประเทศไทยกำลังเห่ออยู่หรือเปล่า  แล้วจะคุ้มไหมเนีย  - -" จากคุณ : Themawin เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 14:00:21

ความคิดเห็นที่ 15 อยากเล่าเรื่องการระบายความร้อนเครื่องยนต์สักหน่อย โดยหลักการแล้ว เขาไม่อยากระบายความร้อนหรอกครับ เพราะการระบายความร้อนคือ Heat (Energy) Reject  ทิ้งไปนั่นเอง เครื่องยนต์เป็นเครื่องพลังความร้อน การเผาไหม้เกิดความร้อน Heat เอาไปใช้เป็นพลังงานขับเคลื่อนลูกสูบ  ให้ทำงาน ส่วนที่เหลือ ที่ไม่สามารถเอาไปใช้ขับเคลื่อนก็จะถูกระบายทิ้ง ส่วนมอเตอร์  พลังงาน input ไม่ได้มาจากเผาไหม้-ภายในมอเตอร์ ความร้อนของมอเตอร์จึงต่ำกว่าเครื่องยนต์ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 14:37:04

ความคิดเห็นที่ 16 Tesla นี่ก็รถไฟฟ้านะครับ http://www.teslamotors.com/ จากคุณ : สายลมในม่านหมอก เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 14:43:15

ความคิดเห็นที่ 17 ผ่านไปแป๊บเดียว คนตอบเยอะแยะเลย คือที่ผมคิดไว้แต่แรกเนี่ย คือ torque vs speed ของมอเตอร์จะแตกต่างกับรถยนต์ สามารถสร้าง torque สูงได้ที่รอบต่ำ แต่ว่าก็ยังสงสัยอยู่ดี เวลาดู spec ของพวกรถยนต์ไฟฟ้า มักจะมี top speed ต่ำเมื่อเทียบกับรถยนต์รุ่นไล่เลี่ยกัน เลยสงสัยว่ามอเตอร์ทำ top speed ไม่ได้เยอะหรอ ส่วนคุณสองนิ้วชี้ ขอบคุณที่เข้ามาตอบครับ จริงๆแล้วหน่วยของแบตเตอรี่เป็น Amp.Hour นะ ไม่ใช่ amp/hour ดังนั้นที่คำนวณออกมาก็จะเป็น Coulomb ไม่ใช่ Ampere คุณแตงกวา ผมก็รู้นะว่าขึ้นกับ design แต่ว่าที่ถามเนี่ย เพราะเคยไปถามอาจารย์ อาจารย์ตอบคล้ายๆกับแตงกวาเลย ก็เลยสงสัย เพราะถ้าเอาเรื่อง bearing หรือสึกหรอมาเป็นประเด็นที่ไม่ทำมอเตอรรอบสูงๆเนี่ย เครื่องยนต์เองก็ควรจะพังก่อนมอเตอร์อีก แค่รถบ้านๆ ก็ได้ 6000 -7000 รอบแล้ว แถมกลไกซับซ้อนกว่าเยอะ มีลูกสูบอะไรเต็มไปหมด ชักขึ้นลง มอเตอร์แค่หมุนอย่างเดียวเอง แต่รถยนต์ก็ใช้ได้นานมาก เป็นสิบๆปี จากคุณ : ขนมปังทาเนย เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 15:00:16

ความคิดเห็นที่ 18 คุณ TinyNu ผมเองชอบมอเตอร์ก็ตรงนี้แหละ efficiency สูงกว่าเครื่องยนต์เยอะเลย แต่มีปัญหาเรื่องแบตนี่แหละ จากคุณ : ขนมปังทาเนย เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 15:01:37

ความคิดเห็นที่ 19 รถไฟฟ้าซิตี้คาร์ เขาเน้นเล็กๆ ประหยัด เรียบง่าย ราคาไม่แพงจนเอื้อมไม่ถึง (แต่ก็ยังแพงอยู่ดี) อีกทั้ง แหล่งพลังงาน ก็ต้องใช้แบตเตอรี่ ซึ่งมีความจุจำกัด แล้วจะไปสร้างให้มันวิ่งเร็วหลุดโลกไปทำไมกันล่ะเจ้าคะ ต้องไปเทียบกับรถไฟฟ้าความเร็วสูงโน่น เน้นความเร็วสูง ราคาแพงไม่เป็นไร คนพอมีปัญญาจ่ายก็ยังพอมี แหล่งพลังงานมาจากสายไฟฟ้าเหนือราง ไม่ต้องง้อแบตเตอรี่ สามารถสร้างให้ความเร็วสูงได้เท่าที่ต้องการ เด้อค่ะเด้อ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 16:13:22

ความคิดเห็นที่ 20 ทำไมใช้คำว่า แรงบิดสูงสุดที่Xรอบ/นาที แสดงว่าถ้ารอบมากกว่าX หรือน้อยกว่าX แรงบิดจะลดลงหรอครับ จากที่คุณ2นิ้วชี " เครื่องยนต์ส่วนใหญ่แล้ว(แต่ไม่ทั้งหมด) จะได้ ม้า power สูงสุดที่รอบสูงสุด หรือเกือบสูงสุดครับ   แต่ แรงบิด กลับตรงกันข้ามครับ เมื่อรอบสูงสุด แรงบิด จะต่ำสุด หรือเกือบต่ำสุด" อันนี้ผมเข้าใจว่า ยิ่งเหยียบคันเร่งมาก รอบยิ่งสูง กำลังก็ยิ่งเยอะ(ม้า) แต่ทำไมแรงบิดต่ำลงครับ แล้วรถ2คันที่กำลังม้าเท่ากัน ยกตัวอย่างเช่นรถแข่งกับรถบรรทุกใหญ่ๆที่มีกำลังม้าเท่ากัน 1.รภแข่งแรงบิดสูงสุดจะมาที่รอบสูง รถบรรทุกแรงบิดสูงสุดจะมาที่รอบต่ำ ถูกมั้ยครับ 2.ทั้งที่กำลังเท่ากันแต่รถแข่งวิ่งเร็วกว่า เป็นเพราะการทดเฟืองใช่ไหมครับ (ขอไม่นับน้ำหนักรถ) 3.เอารถ2คันมาแข่งลากวัตถุ(เช่นรถอีกคัน) ซึ่งหนัก2ตัน การจะลากให้ได้ความเร็วเท่ากัน รถแข่งต้องใช้รอบเครื่องยนต์สูงกว่า เพราะแรงบิดมาที่รอบสูง ใช่ไหมครับ 4.ถ้าเอาเครื่องทั้ง2คันไปใส่รถกลางที่การทดเฟือง น้ำหนัก รูปร่างเหมือนกันทุกประการ คันไหนจะวิ่งได้เร็วกว่ากันครับถ้า 4.1 เริ่มจาก0 ไปที่ความเร็ว50กม./ชม. 4.2 วิ่งมาคู่กันที่ความเร็ว120กม./ชม. แล้วเร่งความเร็วเป็น180กม./ชม. จากคุณ : ชักธง1 เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 16:33:13

ความคิดเห็นที่ 21 ...       1. ไม่ใช่ครับ ดูกราฟคห.7 จะเห็นว่า ถ้ารอบยิ่งสูง แรงบิดยิ่งตกครับ       2. ใช่ครับ เป็นพราะเฟืองทด ถ้าแรงบิดเหลือ ก็ทดเฟืองเข้าไป มากขึ้นๆ ก็จะเปลี่ยนเป็นความเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ แต่รอบเครื่องนั้นต่ำ       3. ไม่ใช่ครับ รถแข่งยิ่งรอบสูง แรงบิดยิ่งต่ำลงครับ       4.1 เครื่องรถบรรทุกออกตัวไม่ได้ครับ ก็คือดับ ถ้าไม่อยากดับก็ต้องเลี้ยงคลัชท์ ไปเรื่อยๆ ส่วนเครื่อง F1 ก็คงต้องออกตัวด้วยเกียร์ 3 หรือ 4 เพราะอัตราทดมันมาก เกินไป เหมือนขับรถกระบะตอนตัวเปล่า เขามักจะออกด้วยเกียร์ 2 ครับ ถ้าบรรทุกของ ก็จะออกด้วยเกียร์ 1 ถ้า 0-50 F1 ยังพอไปได้ครับ แต่เครื่องรถบรรทุกที่มาใส่รถกลาง คาดว่า "ดับ" ครับ        4.2 ถ้าออกตัวได้แล้ว วิ่งได้ 120 แล้ว เครื่องรถบรรทุกถึง 180 ได้เร็วกว่า เพราะ เครื่อง F1 หมดแล้วครับ คือ เครื่องหมุนรอบจัดถึง redline แต่เกียร์ทดขึ้นไป ไม่ได้แล้ว ถ้าเป็นรถกลางจริงๆ F1 น่าจะวิ่งได้ไม่ถึง 100 นะครับ เครื่องพังก่อน ส่วนรถบรรทุก มีแรงบิดเหลือถ้าวิ่งถึง 120 แล้ว ยิ่งไปได้เรื่อยๆเลย เพราะรอบเครื่อง ต่ำแต่อัตราทดเกียร์สูง                                                                                                               ++ จากคุณ : สองนิ้วชี้ เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 17:30:32

ความคิดเห็นที่ 22 ขออธิบายคุณชักธง1 หน่อยละกันเรื่อง Torque นะครับ คือที่ความเร็วสูงแล้วเนี่ย torque จะน้อยลง ให้ลองคิดตามนี้นะ สมมติเราผลักรถจากหยุดนิ่งให้ไปเคลื่อนที่ด้วยความเร็วค่าหนึ่ง แสดงว่ามีความเร่งใช่มั๊ยครับ torque มันเลยสูง ที่ความเร็วปลายเราแค่ออกแรงเบาให้รถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วเท่าเดิม เราจะออกแรงน้อยแล้ว  พูดง่ายๆก็คือ ที่แรงบิดที่ความเร็วปลายน้อยเพราะที่ความเร็วปลาย เครื่องยนต์จะออกแรงแค่รักษาความเร็วรถไว้คงที่ ไม่ได้เร่งแบบเร็วๆเหมือนตอนออกตัว แรงบิดมันจะน้อย ปล ตกลงที่มอเตอร์รอบไม่สูง เพราะเขาจงใจให้เป็นอย่างนี้ หรือเป็นข้อจำกัดหรือลักษณะของมอเตอร์ที่ใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า คุณแตงกวาครับ ผมไม่แน่ใจนะ แต่เข้าใจว่าพวกรถไฟความเร็วสูงไม่น่าจะใช้มอเตอร์นะ น่าจะใช้พวกรางแม่เหล็กมากกว่า จากคุณ : ขนมปังทาเนย เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 18:31:19

ความคิดเห็นที่ 23 ทำไมเครื่องยนต์รถยนต์ถึงรอบสูงและ top speed สูงกว่ามอเตอร์ในรถยนต์ไฟฟ้า ถามถึงรถทั่วๆไปสินะครับ ขอตอบว่า เป็นเพราะที่เก็บพลังงานที่ใช้ในรถไฟฟ้ามันจำกัดครับ เลยต้องออกแบบให้รถไฟฟ้าใช้พลังงานแต่น้อย มอเตอร์ในรถไฟฟ้าส่วนใหญ่จึงมีกำลังต่ำ กำลังก็คือ Power แหละครับ ที่ปัจจัยอื่นๆเหมือนๆกัน รถที่มี Power น้อย ก็ทำ Top speed ได้น้อย เรื่องรอบไม่เกี่ยวโดยตรง แล้วแต่การพันมอเตอร์ว่าจะให้ทำงานช่วง rpm เท่าไหร่ ถ้าออกแบบรถทั้งสองแบบ มี Power เท่ากัน โดยไม่สนเรื่องระยะเวลาของการใช้งานแบตเตอรี่ในรถไฟฟ้า ความเร็วปลายย่อมเท่ากัน หรือเกือบเท่ากันแหละครับ จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 18:56:26

ความคิดเห็นที่ 24 สรุปคือ เป็นเรื่องของความจุพลังงาน ถ้าจะให้ตรงประเด็นจริงๆ คือ กำลังของรถไฟฟ้ามันน้อยกว่า กำลังของเครื่องยนต์น้ำมัน เรื่อง Torque อะไรนั่นมันเรื่องรอง ต้นกำลังทั้งสองแบบมี torque เหลือเฟือพอแก่การใช้งานอยู่แล้ว พลังงานคือ แรงม้า x เวลา ถ้าพลังงานในรถไฟฟ้าน้อย แต่อยากให้มีเวลาในการใช้งานนานพอที่จะใช้ในชีวิตประจำวันได้ ก็ต้องลด แรงม้าลง ในรถยนต์น้ำมัน ไม่มีข้อจำกัดนี้ เพราะแวะปั๊มเติมพลังงานได้ตลอด ใช้เวลาน้อยในการประจุพลังงานเข้ารถ จากคุณ : Ontjung เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 19:03:37

ความคิดเห็นที่ 25 เลยสงสัยว่ามอเตอร์ทำ top speed ไม่ได้เยอะหรอ >>>>>>>>> เพิ่มเติม อย่างนี้ครับ ํTorque ใช้สำหรับเร่ง หรือ ออกตัว ดังจะเห็นเราใช้เกียร์ทด นั่นคือ การเพิ่ม Torque ตามหลักคาดดีดของอคีมีดีส นั่นแหละ เริ่มออกตัว รถที่ใช้เครื่องยนต์ต้องใช้เกียร์ 1 เพื่อเรียก Torque ในขณะที่มอเตอร์ เริ่มต้นมี Torque สูง จึงออกตัวได้ดี ใครนั่งรถใต้ดินจะรู้สึกได้ดี คราวนี้มาถึง TopSpeed ตัวนี้ต้องได้มาจาก Max HorsPower รถที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์จะทำ TopSpeed ได้เท่าเครื่องยนต์ ต่อเมื่อมี HP เท่ากัน ครับ สรุป Torque ใช้เร่งออกตัว max HP ให้ Top Speed ครับ จากคุณ : TinyNu เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 20:07:06

ความคิดเห็นที่ 26 ลืมอะไรไปหรือเปล่าครับ รถ4ล้อ ที่อัตราเร่ง 0-100 เร็วที่สุดในโลก เคยเป็นรถไฟฟ้าครับ จากคุณ : K-T-O เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 20:53:06

ความคิดเห็นที่ 27 ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาตอบนะครับ เผอิญคาใจมาพอสมควร เพราะเคยได้ยินมาว่าพวกรถไฟฟ้าสปอร์ตอย่างพวก Tesla จะมี top speed ไม่เท่ากับรถสปอรร์ตน้ำมัน แต่คิดว่าสรุปก็คงน่าจะเป็นเรื่องของ power ที่ออกแบบมา กับเรื่องของแบตเตอรี่เนอะ ตอนเรียน machinery อาจารย์ก็ยังไม่ให้คำตอบที่เคลียอยู่ดี ตอนนี้ผมเข้าใจอย่างนี้นะ ที่ power เท่ากัน ถ้าจะออกแบบให้มอเตอร์มีรอบสูง ก็ต้องให้มันมี torque น้อย แล้วใช้เกียร์ทดเอา              ถ้าจะให้มอเตอร์มี torque สูง ก็ต้องให้มันมีรอบต่ำ เพราะ P = T*W ดังนั้นเขาเลยเลือกรอบต่ำ เพราะบำรุงรักษาง่ายกว่า ผมเข้าใจถูกแล้วใช่มั๊ยครับ จากคุณ : ขนมปังทาเนย เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 21:24:26

ความคิดเห็นที่ 28 จำได้คุ้นๆ ว่า มอเตอร์ torque สูงสุดมันตั้งแต่เริ่มหมุนยันรอบสูงสุดของมันครับ ดูนี่เล่นๆดีกว่า http://youtu.be/Rh1xMwOO54s แต่ผมว่า คันนี้หล่อมากก ครับ http://youtu.be/uXq9j8M-KpU จากคุณ : K-T-O เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 22:10:22

ความคิดเห็นที่ 29 นอกเรื่องอีกนิด คันนี้สวยมากครับ http://youtu.be/2jIcWBe2_4w จากคุณ : K-T-O เขียนเมื่อ : 2 มิ.ย. 55 22:13:58

ความคิดเห็นที่ 30 รถไฟฟ้าแม็กเลฟ ใช้พลังแม่เหล็ก(ไฟฟ้า)ก็จริง แต่รถไฟฟ้าความเร็วสูงส่วนใหญ่ที่วิ่งๆกันนี่ก็ใช้มอเตอร์ธรรมดาๆนี่แหละเจ้าค่ะ อันที่จริง รถไฟส่วนใหญ่ก็ใช้เครื่องยนต์ไปปั่นเจนเนอเรเตอร์ ส่งต่อให้มอเตอร์ไปหมุนเพลาล้ออีกที จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 3 มิ.ย. 55 07:16:45