ความคิดเห็นที่ 1 ผมว่ากำแพงเมืองจีนแค่เป็นเครื่องมือช่วยจำกัดช่อง ชะลอ การรุกราน อีกทั้งยังช่วยให้จีนจัดทัพต้านได้ทันท่วงทีมากกว่า และก็คงจะรู้ว่าแนวกำแพง ด้านไหนส่วนใดที่เสี่ยงต่อการโจมตี โดยเฉพาะในเขตทะเลทราย แต่ส่วน ที่เป็นกำแพงหินก็เบาใจได้ส่วนหนึ่ง บางครั้งการรื้อกำแพงเพื่อให้กองทัพ ขนาดใหญ่ข้ามมันก็ใช้เวลาวันสองวัน ไหนจะประกอบเครื่องยิงหิน เตรียม เครื่องมือขุดต่างๆ ถ้าเสียเวลาวันสองวันเลี่ยงแนวกำแพงไปได้มันก็ดีกว่า อีกอย่างการจะเข้าปล้นบ้านใครจะมีโจรซักกี่คนที่จะทุบกำแพงบ้านเข้าไป เจ้าของบ้านก็รู้หมด เสียเวลาซักนิดสำรวจจุดเข้าที่ง่ายกว่าโดยที่เจ้าของบ้าน ไม่รู้หรือรู้แบบไม่ทันตั้งตัวดีกว่า เจ้าบ้านก็มีปืนโจรก็มีปืนใครเตรียมพร้อมกว่า ก็ย่อมได้เปรียบ จากคุณ : EspressoFx เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 01:18:12

ความคิดเห็นที่ 2 กำแพงใดก็มิอาจต้านท้านศัตรูได้ หากเราไม่เข็มแข็งพอ..... กำแพงเมืองทรอย ทลายสิ้นเพียงเพราะหญิงสาว กำแพงเบอร์ลิน ไม่อาจขวางกั้นสายใยพี่น้อง เช่นนี้กำแพงเมืองจีนจึงมิอาจหยุดยั้งมองโกลได้... จากคุณ : ขอโทษผมง่วง เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 01:19:42 A:110.169.196.235 X: TicketID:358896

ความคิดเห็นที่ 3 การทำศึกถ้าหลีกเลี่ยงได้อย่าให้ศัตรูล้อมเมืองได้ กำแพงเมืองสูงแค่ไหน โอกาสแพ้มันมากกว่าชนะอยู่แล้ว การแบ่งกำลังศัตรูออกเป็นส่วนแล้ว ริดรอนกำลัง ตัดเสบียง ยังใช้ได้ผลแม้ในสงครามปัจจุบัน ขั้นสุดท้าย ต้านทานไม่ได้ค่อยมาใช้กลตั้งรับเป็นยุทธวิธีสุดท้าย จากคุณ : EspressoFx เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 01:26:41

ความคิดเห็นที่ 4 มันเป็นแค่เครื่องมือ คนสำคัญสุดทุกสมัย คนเก่งกำแพงก็ช่วยได้ คนห่วยกำแพงก็ทำอะไรไม่ได้ จากคุณ : Ao+ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 01:27:22

ความคิดเห็นที่ 5 เพราะคนในชาติขาดความสามัคคี รักตัวกลัวตาย แม้เพียงทัพกระจอกหยิบอื่น ก็มิอาจต้านทาน ดังกำแพงเมืองจีน กำแพงกรุงศรี กำแพงโรม แต่หากสมัครสมานสามัคคีรวมเป็น1 ขวัญกำลังใจ เลือดนักสู้เกิน100 ไม่หวั่นความตาย ต่อให้ข้าศึกมีมากหรือแกร่งแค่ไหนก็มิอาจคว้าชัยได้ ดั่งชาวสปาต้า300นาย นักรบบางระจัน ทหารจักรวรรดิญี่ปุ่น ทัพนาซี กองซามูไรกลุ่มสุดท้าย เป็นต้น แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 01:51:48 จากคุณ : Kuroro Lucifer เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 01:47:14

ความคิดเห็นที่ 6 พลังสามัคคีพลังมิตรภาพ เอาชนะได้ทุกสิ่ง ดังนี้แล้วในยามวิกฤติ ผองเราชาวไทยจงรวมใจเป็นหนึ่งปลดปล่อยท่าไม้ตาย Siamdewa Exclamation จากคุณ : Kuroro Lucifer เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 01:50:28

ความคิดเห็นที่ 7 ได้ จากคุณ : ไม่ได้มีสิบมือ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 01:52:02

ความคิดเห็นที่ 8 #5 ก็ตายหมดอยู่ดีนิ จากคุณ : SRJ mk II เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 02:24:25

ความคิดเห็นที่ 9 กำแพงช่วยได้มากครับ สมัยก่อนพวกมองโกล เวลาบุกมายังต้องอ้อมกำแพงมา พวจิน ก็ด้วย ต้องมีการเจรจาเปิดด่านให้เข้ามาเลย จะบุกเข้ามานี่งานช้างมาก และกำแพงไมไ่ด้กั้นเฉยๆนะ อย่าลืมว่ากำแพงตั้งอยู่บนตามแนวยอดเขา และจุดชัยภููมิด้วย เวลาจะมีการโจมตีทีนึง บนกำแพงก็มีคน มีกองทัพมาหนุนได้เช่นกัน สมัยก่อน ก็มีหน่วยข่าวกรอง สายลับ แบบตอนนี้แหล่ะ ในพิชัยยุทธซุนวู มีบทนึงบอกเรื่องสายลับ และการใช้สายลับไว้เยอะเลย การส่งข่าวสารก็มีหลายทาง นกพิราบสื่อสารก็ใช้มาเป็นพันปีแล้ว และเวลาจะมีสงคราม คนก็ต้องเคลื่อนเป็นจำนวนมาก ฝ่ายรับก็ต้องรู้ว่าต้องเอาทหารไปอุดตรงไหน และกำแพงเป็นปัจจัยที่ช่วงฝ่ายรับได้มาก จากคุณ : ขอเอาชื่ออากงเป็นเดิมพัน เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 02:40:34

ความคิดเห็นที่ 10 กำแพงสูงนะครับ สูงพอที่จะสร้างความลำบากให้กองทับข้าศึกว่าเข้าเมืองไปยังไง จากคุณ : จุ๋มจิ๋มเดินป่า เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 03:05:35

ความคิดเห็นที่ 11 คนน่ะปีนข้ามกำแพงเข้ามาง่าย แต่ปืนใหญ่ และ เสบียง ที่นำมาด้วย จะ หอบข้ามกันยังไงอ่า   คงเหนื่ิอยกันน่าดู จากคุณ : ปารีส ฮิลตัน เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 03:47:15

ความคิดเห็นที่ 12 ถ้าจะรื้อหรือบุก ก็มีคนคอยป้องกันอยุ่บนกำแพง อยู่นะ จากคุณ : นายขนมหวาน เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 04:38:17

ความคิดเห็นที่ 13 บางช่วงแค่นั้นแหละ... ช่วงที่การปกครองอ่อนแอ พวกทางเหนือก็หากินลงมาถึงในกำแพงใหญ่ด้วย ถ้าเข้มแข็ง อาจพอวางกำลังดูแลได้... ช่วงสงบๆ ก็ค้าขาย ปล่อยคนผ่านปกติ.. จากคุณ : Adios2nd เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 05:58:22

ความคิดเห็นที่ 14 กำแพงเมืองคงสร้างไว้ตั้งรับเป็นปราการสุดท้ายครับ   ก่อนหน้านี้น่าจะมีสายลับเดินทางไปประเทศต่างๆเพื่อหาข่าว  อาจไปในรูปแบบพ่อค้าหรืออื่นๆ  หากเห็นประเทศไหนมีการรวมพลเพื่อรุกรานประเทศตัวเอง  ก็จะส่งข่าวกลับมาให้มีการเตรียมการครับ แรกๆการรบน่าจะอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง  และเป็นชัยภูมิที่เหมาะสม  ถ้าขับไล่ข้าศึกได้สงครามก็ยุติที่นี่  แต่ถ้าสู้ไม่ไหวก็คงจะถอยตั้งหลักตามด่านรายทางที่เตรียมการไว้  กว่าข้าศึกจะรุกมาถึงกำแพงเมืองก็น่าจะถูกริดรอนกำลังพลลงส่วนหนึ่ง  ด่านสุดท้ายก็ถอยเข้าเมืองแล้วตั้งรับบนกำแพงเมืองครับ จากคุณ : บุญถิ่น เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 07:01:12

ความคิดเห็นที่ 15 เหตุผลเดียวกับว่า ทำไมคุณไม่ปีนเข้าบ้านทางหน้าต่างล่ะ ในเมื่อเดินเข้าทางประตูง่ายกว่ากันเยอะ จากคุณ : แ ต ง ก ว า * เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 07:06:13

ความคิดเห็นที่ 16 คิดเวลา เกิดสงคราม ทหาร จำนวนมาก ยืนอยู่ บนกำแพง ที่สูง  มีธนู มีไฟ มีน้ำมัน  มีอาวุธที่จำเป็นในการต้านข้าศึกทุกอย่าง กำแพงเมืองจีนกั้นกำลังข้าศึกไม่ให้เข้ามาได้โดยสะดวก  ด้านบนเป็นเหมือนถนน การส่งกำลัง เปลี่ยนกำลังก็ทำได้ง่าย   จุดสำคัญของกำแพงพวกนี้คือทหารที่มาป้องกันครับ เจาะไม่เข้าครับ เจอแบบนี้ ในสมัยก่อน จากคุณ : หัวใจเดินทาง เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 07:42:49

ความคิดเห็นที่ 17 ผมก็ว่าเต็มที่ก็คงได้แค่ชะลอเท่านั้นแหละ อีกอย่างการสร้างกำแพงไม่ใช่ง่ายๆด้วย ระหว่างที่สร้างนั้นข้าศึกคงโจมตีมานักต่อนัก จากคุณ : แมวป่า เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 07:44:29 A:223.205.81.10 X: TicketID:359309

ความคิดเห็นที่ 18 มองโกลเป็นนักรบทรหด ยอมอ้อมไปทางทะเล ติดชายหาดแล้วเดินทัพเข้าทางนั้น ซึ่งกำแพงก็ช่วยได้มากอยู่ แต่ก็แค่ชะลอ ตอนหลังเอาตะปูเหกล็กไปทางชายหาด มองโกลก็ตีเกราะเท้าให้ม้าเข้ามาตีเมืองจีนจนแตกได้ คือกำแพงมีประโยชน์แน่แต่สู้ความอึดของมองโกลไม่ได้ จากคุณ : harvardวิทยาคม เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 07:52:58

ความคิดเห็นที่ 19 มันไม่ได้มีแต่กำแพงไงครับ บนกำแพงก็จะมีทหารลาดตระเวนอยู่ด้วย ซึ่งการที่ทหารไปอยู่บนกำแพงสูงก็จะได้เปรียบหลายอย่าง เช่น สามารถมองเห็นพื้นที่ได้ไกลกว่าทหารที่อยู่บนพื้นราบ สามารถที่จะเห็นกองทัพของข้าศึกได้ล่วงหน้าเป็นระยะทางไกลกว่า ทำให้มีเวลาที่จะเรียกกำลังหนุนมาเสริมได้ทัน ส่วนมองโกลที่พิชิตจีนได้ ความจริงคือพวกมองโกลใช้กลยุทธค่อย ๆ ล้อมจีนไปเรื่อย ๆ ครับ โดยเริ่มจากการไปตีดินแดนด้านตะวันตกอย่างซาร์มาคานด์ (อยู่ในประเทศอุซเบกิสถานในปัจจุบัน) มาก่อน จากนั้นจึงเข้ายึดดินแดนของซี่เซี่ย ซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน เท่ากับได้รุกอ้อมผ่านกำแพงเมืองจีนมาเรียบร้อยแล้ว และหลังจากนั้นก็มาตีราชวงศ์กิมก๊ก ซึ่งขณะนั้นก็ครองดินแดนทางฝั่งเหนือของแม่น้ำแยงซีไว้ได้ทั้งหมด (เมืองปักกิ่งก็เคยเป็นเมืองหลวงของพวกกิมมาก่อน) และยังไปตีดินแดนของพวกไต้ลี่แถบยูนนานได้อีก เท่ากับล้อมดินแดนของราชวงศ์ซ่งไว้หมดทั้งด้านเหนือและตะวันตก จึงสามารถตีจีนได้สำเร็จ จากคุณ : เกียรตินำ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 08:48:57

ความคิดเห็นที่ 20 http://www.chineselearningcenter.com/slides/Beijing%20Great%20Wall%20of%20China%20p65.JPG จากคุณ : ก็...ว่ากันไป เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 08:54:55 A:171.97.1.238 X: TicketID:326785

ความคิดเห็นที่ 21 สงครามในจีนใช้ทหารหลักหลายหมื่น-หลายแสนครับ เนื่องจากประชากรจีนเยอะมาตั้งแต่อดีต ในขณะที่ส่วนอื่นของโลกใช้ทหารรบกันในหลักพัน-หลักหมื่น ต้องมีสงครามใหญ่ๆสักครั้งถึงจะมีทหารหลักแสน ชนเผ่าที่รุกรานจีนทางเหนือมีทหารไม่มากเมื่อเทียบกับจีน แต่มีความคล่องตัวสูงเชี่ยวชาญการรบบนหลังม้า ถ้ารบกันในที่โล่งทางเหนือของจีนทหารจีนซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารราบมักจะสู้ไม่ได้  เจอกลยุทธเข้าตีฉาบฉวยยิงธนูตอดหน้าตอดหลัง จะเข้าหาก็ไล่ไม่ทัน  กำแพงเมืองจีนเป็นช่วยทำให้ทหารจีนได้เล่นในเกมที่ตัวเองได้เปรียบครับ คือเปลี่ยนสมรภูมิจากทุ่งโล่งกลายเป็นศึกตีเมืองซึ่งทหารจีนชำนาญ ส่วนชนเผ่าเร่ร่อนก็ใช้กลยุทธยิงแล้วหนีที่ถนัดไม่ได้ ต้องเดินหน้าเข้าตีแนวกำแพงตรงๆ อีกอย่างเป้าหมายหลักของชนเผ่าเร่ร่อนคือการปล้นสะดมเมืองและหมู่บ้าน ไม่ใช่รบชนะแล้วยึดครอง(ยกเว้นในบางยุค) กำแพงเมืองจีนเป็นตัวป้องกันไม่ให้ชนเผ่าเร่ร่อนอาศัยความเร็วหลบทหารจีนเข้าไปปล้นเมืองได้ง่ายด้วย จากคุณ : Lowfailer เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 09:03:21

ความคิดเห็นที่ 22 สร้างป้องกัน ทัพม้าของ มองโกล ไม่ให้เอามาข้ามเข้ามาได้ง่ายๆ จากคุณ : Darkvider เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 12:03:07

ความคิดเห็นที่ 23 ประโยชน์มีเยอะนะครับ อย่างเวลาข้าศึกมาแต่ไกล ทหารยามก็จะจุดไฟส่งสัญญาณต่อๆไปเรื่อยๆๆ จากป้อมนึงไปอีกป้อมๆไปเรื่อยจนถึงเมืองหลวง รอรับการสั่งการ จากคุณ : wodemimi เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 13:20:38

ความคิดเห็นที่ 24 กันได้ไม่ได้ มันก็ตีแตกไปสองครั้งแล้ว แต่ละครั้งไม่ซ้ำเผ่ากันเลย จากคุณ : buta_king เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 13:52:59

ความคิดเห็นที่ 25 ผมว่าเป็นเครื่องมือสำคัญอันหนึ่งในการป้องกันประเทศ และเป็นทางด่วนข้อมูลยุคแรกๆด้วย อย่างถ้ามีกองทัพมาก็เห็นแต่ใกล สามารถส่งสัญญานควัน-สัญญานไฟแจ้งข่าวไปเมืองหลวงได้เร็ว ดีกว่าส่งม้าเร็วหรือนกพิราบซะอีก ถ้าย้อนดูจากอดีต พวกเผ่าเร่รอนยุคก่อนมองโกล จะตีไปจนถึงยุโรปได้แต่ตีจีนไม่ได้ ยุคมองโกลเองก็ตีไปถึงยุโรปก่อน จนสองรุ่นต่อมาถึงตีจีนได้ ซึ่งเป็นช่วงที่จีนอ่อนแอและมีศัตรูรอบด้าน มีทั้งกิม ซีเซี่ย มองโกล บางช่วงมองโกลก็เป็นพันธมิตรกับจีนอีก ส่วนพวกแมนจูเข้ามาได้เพราะ ขุนพลทรยศอู๋ซานกุ้ยเปิดประตูเมืองให้ ถ้าไม่เปิดก็น่าจะยังต้านได้ จากคุณ : กิ่งก้ามปู เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 15:42:54

ความคิดเห็นที่ 26 ผมเข้าใจว่าการทำกำแพงเมืองจีนนั้นได้ประโยชน์ 2 ทาง 1.ได้ป้องกันข้าศึกศัตรูได้บ้าง อย่างน้อยก็ยังช่วยถ่วงเวลาได้ 2.ไว้เป็นการประกาศขอบเขตอาณาจักร ถ้าผมคิดผิดต้องขออภัยด้วยครับ จากคุณ : LordOfHero เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 17:48:26

ความคิดเห็นที่ 27 เหตุผลหลักๆ ในการสร้างกำแพงเมืองจีนคือ ป้องกันพวกชนเผ่าป่าเถื่อนนอกด่านทั้งหมด ไม่เฉพาะมองโกลเท่านั้น แต่รวมไปถึงพวกตาตาร์ พวกแมนจูและอีกหลายเผ่าที่เป็นคนเถื่อน ที่คิดจะบุกรุกแผ่นดินจีนตอนบน ถ้าถามว่ากำแพงใช้ได้ผลหรือเปล่า ขอตอบได้เลยว่าเกือบร้อยเปร์เซ็นต์ครับ แต่ทำไมพวกโมงโกลถึงเข้ามาได้ คำตอบคือ ช่วงนั้นประเทศจีนตรงกับสมัยราชวงศ์ซ่งยุคนั้นเป็นยุคที่อำนาจทหารถูกริดรอนไปอย่างมาก (ฮ่องเต้ระแวง) งบในการบำรุงกองทัพน้อยมาก ไม่ต้องพูดถึงกำแพงเมืองจีนเลยถูกปล่อยทิ้งร้างให้ผุพัง พอพวกคนเถื่อนทั้งพวกคีตัน พวกหนิเจิน (บรรพบุรุษแมนจู) และมองโกล บุกลงมายังจีน จึงไม่มีปราการใดๆขัดขวางพวกนี้ได้เลย จีนเลยเสร็จมองโกลอย่างง่ายดาย แต่กำแพงเมืองจีนก็สามารถทำหน้าที่ของมันได้อย่างเต็มที่ในสมัยราชวงศ์หมิง ถึงขนาดฮ่องเต้จีนยอมย้ายเมืองหลวงจากภาคกลางไปอยู่ที่ปักกิ่ง ทั้งที่รู้ว่าปักกิ่งอยู่ใกล้เขตกำแพงเมืองจีนมากที่สุดแต่ด้วยการบัญชาการจากฮ่องเต้ที่เข้มแข็งทำให้การดูแลกองทหารตลอดแนวกำแพงเกิดประสิทธิภาพอย่างยิ่ง แล้วทำไมแมนจูถึงเข้ามาได้ คำตอบมีอยู่เรื่องเดียวครับ คือเพราะมีคนทรยศ (เหมือนกรุงศรแตกเลย) กำแพงเมืองจีนสามารถต้านทานกองทัพแมนจูได้อย่างเข้มแข็ง ถึงแม้ว่าแม่ทัพจีนหลายนายที่คุมด่านแถวนี้จะต้องตายไปหลายคน(เพราะถูกขุนนางในวังใส่ร้าย) แต่เพราะการคิดทรยศของแม่ทัพจีนที่คุมด่านแถบทะเลเหลืองที่มีชื่อว่า อู๋ซานกุ้ย ซึ่งยอมเปิดประตูเมืองให้พวกแมนจูเข้าด่านได้อย่างง่ายดาย จนทำให้พวกแมนจูสามารถยึดปักกิ่งได้สำเร็จ แก้ไขเมื่อ 05 มิ.ย. 55 17:57:29 จากคุณ : hijack02 เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 17:55:23

ความคิดเห็นที่ 28 ยืนยันอย่างที่หลายๆความเห็นว่ามาครับว่าการลงทุนกับกำแพงเมืองจีนคือความคุ้มค่าทางการทหารยุคโบราณ การที่ประเทศจีนถูกชนนอกด่านเข้ามาตั้งราชวงศ์ทั้งหยวนของมองโกล และชิงของแมนจู ไม่ได้เกิดจากความไร้ประสิทธิภาพของกำแพงเมืองจีนเลยครับ อย่าลืมว่าก่อนตั้งราชวงศ์หยวนทัพมองโกลขับเคี่ยวกับจีนมาหลายสิบปี ราชวงศ์ซ่งก็ถึงจุดตกต่ำทางการทหารไปแล้ว กองทัพมองโกลทยอยเข้ามาอยู่ปักกิ่งเป็นหลายปี การล่มสลายของซ่งจึงเป็นเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับกำแพงเมืองจีนแล้วครับ สำหรับราชวงศ์หมิงนั่นล่มสลายเพราะกบฏในประเทศไปก่อนที่อู๋ซานกุ้ยจะเปิดด่านซ่านไหกวนให้กองทัพแมนจูรุกเข้าหลังกำแพงซะอีกครับ เอาตรงๆคือฮั่นรบกันเองจนสิ้นชาติ แมนจูก็แค่คนได้รับผลประโยชน์คนสุดท้าย จากคุณ : คนโง่ว์ เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 18:38:23

ความคิดเห็นที่ 29 กำลังมาตอบเหมือน 27 ครับ ถ้าชาวหมิงไม่เปิดประตูให้ชิงเข้ามาแมนจูก็ไม่มีทางตีหมิงได้หรอกครับ จากคุณ : เวย์คุง เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 18:52:36

ความคิดเห็นที่ 30 ในสงครามกลางเมืองจีนประมาณปี 1930 มีคลิปที่กำแพงเมืองจีนถูกถล่มด้วยปืนใหญ่มันยังไม่เป็นไรเลยแต่มีรอยถูกยิงมาจนทุกวันนี้ จากคุณ : บัตรผ่านแล้วมีไรป่าว เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 19:42:36 A:124.121.115.127 X: TicketID:324593

ความคิดเห็นที่ 31 1. ในยุคดั้งเดิมนั้น แนวกำแพงถูกก่อสร้างขึ้นโดยนครรัฐทางเหนือที่มีดินแดนติดกับทุ่งหญ้ากว้างครับ เป้าหมายก็เพื่อป้องกันหมู่บ้าน เมือง หรือนิคมทหาร จากการบุกแบบฉับพลันของกองทหารม้าชนป่าเถื่อน ที่มักจะบุกเข้าโจมตีเขตชุมชนชายแดน ปล้นชิงผู้คนและสัตว์เลี้ยงไปหน่ะครับ ในสมัยยุคจั้นกั๋วนั้น ชนเผ่าป่าเถื่อนทางตอนเหนือของจีนยังแตกเป็นเผ่าเล็กเผ่าน้อยอยู่ เผ่าใหญ่ๆก็มีไพร่พลแค่หลักพันเท่านั้นครับ และพวกนี้มักจะรวมกลุ่มกันเป็นกองกำลังขนาดย่อมๆ (ราวหลักร้อย) คอยบุกเข้าปล้นชิงข้าวของสัตว์เลี้ยง หรือชาวบ้านตามชายแดนบ่อยๆ ซึ่งทำให้เมืองชายแดนของนครรัฐทางเหนือไม่มีความสงบสุขครับ แม้แคว้นต่างๆจะมีกองกำลังมหาศาลกว่าพวกชนป่าเถื่อน แต่จะยกทัพไปไล่ตามล่าพวกชนป่าเถื่อนในทุ่งหญ้าตลอดเวลาก็ไม่ไหว อีกทั้งแคว้นต่างๆมีเป้าหมายที่จะขยายอำนาจไปแย่งชิงกันในจงหยวน ย่อมไม่อยากเสียกองกำลังทหารไปนั่งเป้าทุ่งหญ้าอยู่แล้ว เหล่านักการทหารของแคว้นต่างๆเลยสร้างแนวกำแพงขึ้นปกป้องเขตชุมชนตามแนวชายแดนจากการเข้าปล้นนี้แลครับ 2. พอเข้ายุคปลายสมัยฉิน ต้นสมัยฮั่นนั้น เผ่าซงหนูนำโดยเหมาตุ้น ก็สามารถรวบรวมเผ่าป่าเถื่อนต่างๆเป็นปึกแผ่นได้ครับ เหมาตุ้นสร้างจักรวรรดิซงหนูที่มีไพร่พลทหารม้าหลักแสนคนได้จากเผ่าต่างๆนับร้อยเผ่า ครอบครองดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลในทุ่งหญ้า (อาณาจักรของเหมาตุ้นมีพื้นที่มากกว่าจักรวรรดิฮั่นของหลิวปังเสียอีก) ตรงนี้แลครับเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้พวกชนเผ่าป่าเถื่อนทางเหนือไม่ได้เป็นแค่กลุ่มโจรเล็กๆอีกต่อไป แต่เป็นกองกำลังติดอาวุธขนาดมหึมาที่พร้อมทำสงครามกับอาณาจักรใหญ่ๆได้ ในยุคของเหมาตุ้นนี้ แนวกำแพงดั้งเดิมของแคว้นต่างๆและสมัยฉินไม่สามารถใช้งานได้อย่างเต็มที่นักครับ เพราะในช่วงที่ฮั่นและฉู่รบกันนั้น เหมาตุ้นก็ยกกำลังพลเข้ามาตั้งฐานทัพอยู่ด้านหลังแนวกำแพงแล้ว ต้องรอถึงสมัยจักรพรรดิหวู่ตี้ ที่ทรงส่งกองทัพไปพิชิตพวกซงหนู โจมตีอาณาจักรลูกหลานของเหมาตุ้นจนล่มสลาย พวกชนป่าเถื่อนเลยแตกแยกกลับไปเป็นกลุ่มย่อยๆอีกรอบ จักรพรรดิหวู่ตี้ทรงเลียนแบบจิ๋นซี โดยการสร้างแนวกำแพงยาวเหยียดเอาไว้ครับ พร้อมกับสร้างนิคมทหารขึ้นจำนวนมากเพื่อปกป้องแนวกำแพงและเส้นทางสายไหม ดังนั้นในยุคนี้แนวกำแพงไม่ได้เอาไว้ปกป้องดินแดนเพียงอย่างเดียว แต่มันเป็นแนวป้อมปราการที่เอาไว้ปกป้องการค้าตามเส้นทางสายไหมด้วย เพื่อให้พ่อค้าวานิชสามารถเดินทางไปมาตามแนวใกล้กำแพงได้อย่างปลอดภัยครับ จากคุณ : อุ้ย (digimontamer) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 19:45:53

ความคิดเห็นที่ 32 3. ในช่วงราชวงศ์ฮั่นนั้น เพื่อปกป้องเส้นทางสายไหมและผลประโยชน์ด้านการค้า ราชสำนักฮั่นสร้างนิคมทหาร หรือจ้างนักรบพื้นเมืองเผ่าต่างๆให้คอยปกป้องแนวกำแพงและเส้นทางการค้านี้ครับ แต่ทว่าเมื่อเข้าสู่ยุคราชวงศ์ตงฮั่นตอนกลาง อำนาจของราชสำนักก็อ่อนแอลง การคลังว่างเปล่า การค้าผ่านเส้นทางสายไหมก็ซบเซาลงครับ พร้อมๆกับการเรืองอำนาจของพวกชนเผ่าป่าเถื่อนจากภูเขาบนที่ราบสูงทิเบต ที่โจมตีแนวป้อมปราการหรือนิคมทหารของฮั่นตามจุดต่างๆ สุดท้ายราชสำนักฮั่นก็สูญเสียการควบคุมเส้นทางสายไหมไป 4. ในยุคสามก๊กนั้น เนื่องจากประชากรจีนลดลงมากครับ ราชวงศ์วุยของสกุลโจ และราชวงศ์จิ้นของสกุลสุมา จึงเปิดโอกาสให้ชนป่าเถื่อนจากทางเหนือเข้ามาตั้งรกรากอยู่หลังแนวกำแพงในเขตของจีนครับ และตามมาซึ่งการอพยพอย่างมโหฬารของชนเป่าป่าเถื่อนทั้ง 5 หรือ อู่หู การเกิดอาณาจักรต่างๆขึ้นในจีนเหนือแทนที่ราชวงศ์ซีจิ้น จนล่วงมาถึงยุคราชวงศ์เป่ยเว่ย ราชสำนักเป่ยเว่ยนั้นมีศัตรูทางเหนือที่เข้มแข็งคือพวกโหรวหรานครับ (จริงๆโหรวหรานก็เป็นเซียนเปยกลุ่มหนึ่งนั่นแล แต่มาจากตระกูลต่ำต้อย ชาวเซียนเปยตระกูลอื่นๆเลยไม่อยากนับโหรวหรานเป็นเซียนเปย) พวกโหรวหรานสามารถรวบรวมเผ่าต่างๆในทุ่งหญ้าได้เป็นปึกแผ่นอีกรอบครับ พวกเขาจึงคุกคามเป่ยเว่ยได้ จักรพรรดิไท่อู่ตี้แห่งเป่ยเว่ยทรงทำสงครามกับโหรวหรานนานถึง 20 ปี ครับ กว่าจะขับไล่พวกโหรวหรานไปทางเหนือได้ไกลพอ และพระองค์ก็สร้างป้อมปราการหลายแห่งขึ้นในทะเลทรายเพื่อป้องกันจงหยวนจากพวกโหรวหราน ทว่าอำนาจของเป่ยเว่ยก็ไปไม่ถึงเอเชียกลางครับ ทำให้เส้นทางสายไหมยังคงตกอยู่ในการควบคุมของชนเผ่าต่างๆที่ไม่ใช่จีน 5. จวบจนลุถึงสมัยสุย พวกโหรวหรานก็อ่อนแอลงครับ แต่พวกทู่เจี๋ยเรืองอำนาจขึ้นมาแทนพวกโหรวหรานและควบคุมเส้นทางสายไหมเอาไว้ จนล่วงถึงราชวงศ์ถัง กองทัพถังเข้าพิชิตเอเชียกลางอีกครั้ง ขับไล่พวกทู่เจี๋ยและเปิดเส้นทางสายไหมอีกรอบครับ จากคุณ : digimontamer เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 19:54:43

ความคิดเห็นที่ 33 กำแพง แข็งกล้า....   ทานทัพ ได้  นับ แสน นับล้าน... แต่ก็ แพ้  ไส้ศึก   อ้ายคนขายชาติ    เพียง คนเดียว..... .............. อโยธยา  ก็   สอล รอบ แล้วนิครับ   ตัวอย่าง เราเอง เลย... ... ส่วน ราชวงศ์ หมิง   ไอ้ คน เป็น กษัตริย์  ร้อยวัน... ไม่ส่งเมียคืน  แม่ทัพ ชายแดน.... แม่ทัพ ราชวงศ์ หมิง คนนั้น เลย เปิดประตู ให้  แมนจู  เข้ามา ซะเลย......... อ้าย ซิย เจีย ล๋อ ............ จากคุณ : นาย หุ้น n-park (prince-npark) เขียนเมื่อ : 5 มิ.ย. 55 22:04:46

ความคิดเห็นที่ 34 มีไว้อุ่นใจ ดีกว่าไม่มี    มีแ้ล้วก็ต้องอาศัยทหารบนกำแพงด้วย ถึงจะได้เปรียบ จากคุณ : bantabaton เขียนเมื่อ : 9 มิ.ย. 55 12:22:45